ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Siam Cowboy - คาวบอยสยาม

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 4 : โจมตีเมือง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 201
      9
      11 ก.ค. 63

    เมื่อเสียงระฆังดังขึ้น เสียงเฮจากคนดูก็โห่ร้องเชียร์คู่มวยเดือดก็ดังขึ้นทั่วบาร์ ทุกสายตาต่างจับจ้องเนื่องจากว่าคู่ชกเป็นคนเอเชีย คู่ชกของทองสุกไม่รอช้าพุ่งเข้าจู่โจมทองสุกโดยไม่รีรออะไร

    “หลับไปซะไอ้ระยำ!!”

    “วุ๊บ!!”

    ทองสุกหลบหมัดของหมอนั่น จากนั้นก็เหวี่ยงเท้าขึ้นมา

    “ตุ๊บ!!”

    ทองสุกเตะเข้าไปที่ยอดหน้ามัน จนมันล้มลงกับพื้น ทำเอาทุกคนถึงกับเงียบกริบกันทั้งบาร์ แต่มันก็พยายามฝืนตัวเองให้ลุกขึ้นมา มันปาดเลือดกำเดาและเข้าจู่โจมทองสุกต่อในทันที

    “ไอ้ระยำเอ้ย ฉันไม่ล้มง่ายๆหรอก” มันพุ่งหมัดเข้าหาทองสุก แต่ทองสุกก็จับมันใช้ท่ามวยไทยในทันที

    “ขุนยักษ์จับลิง!!” และในตอนนั้นเอง ทองสุกก็จู่โจมด้วยกระบวนท่าถัดไปในตอนที่หมอนั่นพยายามเตะเขา

    “หักงวงไอยรา!!” 

    ทองสุกจับมันหักขาแล้วเหวี่ยงลงกับพื้น มันพยายามจะลุกขึ้นแต่ก็ลุกไม่ได้ แต่มันก็พยายามลุก ขึ้นมาเพื่อเล่นงานทองสุกต่อ แต่ทองสุกก็ปิดฉากมันด้วยท่าฟันศอก จนหมอนั่นเลือดอาบทั้งหัวและลงไปนอนดิ้นกับพื้น กรรมการเห็นว่าหมอนั่นสู้ไม่ได้จึงลากร่างของหมอนั่นลงพื้นในทันที และในตอนนั้นเอง กรรมการก็ไปจับมือของทองสุกเพื่อชูขึ้น

    “ผู้ชนะของเรา นายชื่ออะไรนะ??” 

    “อ่า..” ทองสุกพูดไม่ออก แต่ในตอนนั้นเองเจสสิก้าก็พูดแทนให้

    “เขาชื่อ ทอดด์ ซีล!!”

    “ทอดด์ ซีล ผู้ชนะของเราในวันนี้!!” เมื่อกรรมการประกาศกลางเวที เสียงปรบมือและเสียงเฮก็ดังลั่น และในตอนนั้นเอง กรรมการก็ยื่นเงินให้เขาเป็นจำนวน 500 ดอลล่าห์ ในตอนนั้นเองทองสุกก็หยิบมันมาทันที

    “เขาคือคนที่ได้รับสิทธิ์ในการดื่มกับดาราของเรา!!” 

    “ผมไม่เอาหล่ะ ผมเหนื่อย ไว้วันหลังแล้วกัน!!” ทองสุกพูดขึ้น จากนั้นตัวเขาก็ลงจากเวทีไปในทันที แล้วเดินดุ่มๆออกจากบาร์ไป ทำเอาเจสสิก้าและแคลิเฟอร์ถึงกับต้องวิ่งตามเขาไปด้วยอย่างเร่งรีบ และในตอนนั้นเอง ซูซี่ก็ทำท่าแปลกใจ จากนั้นก็เรียกลูกน้องของเธอมาคุย

    “นี่ ไปสืบมาทีว่าเขาเป็นใคร!!”

     

    ทางด้านของทองสุก เขาเดินดุ่มๆออกจากบาร์ไป โดยที่เจสสิก้าและแคลิเฟอร์ก็ตามเขามาติดๆ 

    “นี่ ทอดด์ นายจะไปไหนหน่ะ??” เจสสิก้าถามไป

    “ข้าเหนื่อยหน่ะ ไม่มีอะไรหรอก” ทองสุกพูดขึ้น

    “อย่างนายเนี่ยนะเหนื่อย ฝีมืออย่างนายเนี่ย ต่อยอีก 10 คนก็สบายอยู่แล้ว แต่ฝีมือนายดีมากเลย ช่วยสอนฉันหน่อยสิ!!” แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    “ไว้คราวหลังแล้วกัน ข้ากลับก่อนนะ” ทองสุกพูดขึ้น จากนั้นตัวเขาก็ไปขึ้นม้าของเขา จากนั้นก็ควบม้าเดินทางกลับไปยังโบสถ์ของบาทหลวงมอริสันในทันที เขาใช้เวลาไม่นานก็มาถึงโบสถ์ และในเวลานั้นเอง บาทหลวงมอริสันก็มารอเขาอยู่แล้ว ทองสุกรีบไปหาบาทหลวงในทันที

    “หลวงพ่อ ยังไม่นอนเหรอขอรับ??”

    “ก็รอเจ้าอยู่นี่หล่ะ” 

    “ขออภัยด้วยหลวงพ่อ เอาเป็นว่าข้าขอเข้านอนก่อนนะ” ทองสุกพูดขึ้น จากนั้นเขาก็เดินผ่านบาทหลวงไปดื้อๆ บาทหลวงเห็นดังนั้นจึงแอบยิ้ม คิดว่าเจสสิก้าและแคลิเฟอร์คงจะพาเขาไปทำอะไรแผลงๆอีกแน่ๆ

     

    เช้าวันต่อมา หลังจากที่ทองสุกตื่นขึ้นมา เขาก็ทำธุระส่วนตัวของเขาจนเสร็จเรียบร้อย และในวันนั้นเองเขาก็ลงมาที่โบสถ์ด้านล่าง และก็ได้พบกับเจสสิก้าและแคลิเฟอร์ที่กำลังนั่งรออยู่ที่โบสถ์ โดยที่บาทหลวงก็ได้นั่งคุยกับทั้งคู่ไปด้วย และเมื่อทองสุกมาถึง เจสสิก้าก็เดินเข้ามาหาทองสุกในทันที

    “อ้าว ตื่นแล้วเหรอ??”

    “ใช่ ข้านอนตื่นสายไปหน่อยหน่ะ” ทองสุกพูดขึ้น

    “นี่ นายรู้หรือเปล่า วันนี้เจสจะสอนนายยิงปืนด้วยหล่ะ” แคลิเฟอร์บอกกับเขาไป ทองสุกทำหน้างุนงงนิดหน่อย แต่เจสสิก้าก็พาทองสุกออกไปด้านนอกในทันที ส่วนแคลิเฟอร์ก็ตามพวกเขาทั้งคู่ไปด้วย

    “ไม่ต้องห่วงหลวงพ่อ รับรองไม่เสียหาย!!” แคลิเฟอร์ตะโกนบอกหลวงพ่อ จากนั้นเธอก็ตามเจสสิก้าไปด้วย และที่ด้านนอก เจสสิก้าก็พาทองสุกไปยังลานกว้างแห่งหนึ่ง ซึ่งเธอได้วางกระป๋องไว้มากมายและเรียงรายกัน และในตอนนั้นเอง เธอก็ยื่นปืนลูกโม่กระบอกหนึ่งให้กับทองสุก จากนั้นก็พูดกับเขาไป

    “เอาหล่ะ นี่คือปืนลูกโม่พื้นฐาน นายเคยใช้หรือเปล่า??”

    “ข้าเคยใช้แต่ปืนยาว ข้าไม่เคยใช้ปืนสั้นหรอก” ทองสุกตอบไป

    “โธ่ ปืนลูกโม่นี่ใช้ง่ายกว่าปืนยาวตั้งเยอะ ดูนี่นะ นายใส่ลูก เล็งเป้าแล้วยิงไป!!” 

    “ปัง!!” เจสสิก้ายิงโดนกระป๋องจนกระเด็น

    “พอจะยิงนัดถัดไป นายก็แค่ทำแบบนี้ แล้วยิงไปเรื่อยๆ กระสุนหมดค่อยเปิดแล้วใส่กระสุนใหม่!!”

    เจสสิก้าให้เขายิงปืนไป ทองสุกในตอนนั้นก็พยายามยิงไป ก็โดนบ้างไม่โดนบ้างตามประสา แคลิเฟอร์ที่มองอยู่ตอนนั้น เธอก็เอาปืนลูกซองและปืนไรเฟิล repeater มาให้ทองสุกลองใช้มันด้วย

    “นี่ ปืนพวกนี้ประสิทธิภาพดีมากเลยนะ รับรองนายต้องชอบมันแน่ๆ” แคลิเฟอร์พูดขึ้น จากนั้นเธอก็ให้ปืนกับทองสุก และสอนให้เขายิงปืนด้วย จนเวลาผ่านไป ทองสุกเรียนรู้การใช้ปืนอย่างรวดเร็ว เนื่องจากว่าเขาเคยเป็นทหารมาก่อน  ผ่านไปไม่นานทองสุกก็ใช้ปืนได้หลายแบบแล้ว

     

    กลับมายังเมือง Black Maple ในวันนั้นเองนายอำเภอก็จัดเตรียมพื้นที่ที่จะใช้ในการแขวนคอ ตำรวจของเขานำโดยปีเตอร์ตรวจสอบพื้นที่ที่จะใช้ในการประหารชีวิตนักโทษที่พวกเขาจับมาได้ ส่วนนายอำเภอตอนนั้นก็คอยดูแลความเรียบร้อยภายในเมืองไปด้วย

    “ปีเตอร์ ความปลอดภัยเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” นายอำเภอแม็กซ์ถามไป

    “อ้อ เรียบร้อยดีนะครับ ไม่มีอะไรผิดปกติ”

    “นั่นสิคะ ก็ไม่เห็นมีใครมาป่วนเลย” มีน่าพูดเสริม

    “อืม แต่ฉันก็ยังเป็นห่วงอยู่ดีหล่ะ” นายอำเภอพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ตำรวจคนหนึ่งก็ขี่ม้าเข้ามาหานายอำเภอ เขาลงจากม้าอย่างรวดเร็วและวิ่งไปหานายอำเภอในทันที 

    “นายอำเภอครับ แย่แล้วครับ!!”

    “มีอะไร ใจเย็นๆก่อน”

    “มีการปล้นกันที่หมู่บ้านครับ!!”

    “จริงเหรอ ปีเตอร์ นายนำกำลังของเรา 30 นายไปจับพวกมันมา ฉันว่าพวกมันต้องมีเยอะแน่ๆ”  นายอำเภอแม็กซ์พูดขึ้น แล้วในขณะเดียวกันนั้นเอง ปีเตอร์ก็นำกำลังตำรวจของเขาออกเดินทางในทันที เหลือแค่นายอำเภอ มีน่าและบอริสที่ยังอยู่ในเมืองตอนนี้

    “นายอำเภอคะ ฉันว่ามันแปลกๆนะคะ” มีน่าพูดขึ้น

    “เหรอ แปลกยังไงกันหล่ะ??”

    “ปกติพวกมันไม่ปล้นหมู่บ้านกัน แต่เหมือนกับว่ามันจงใจทำอะไรบางอย่างอยู่นะคะ” มีน่าพูดขึ้น

    “ผมเห็นด้วยกับมีน่านะครับ” บอริสพูดขึ้น

    “ถึงยังไงก็อย่าประมาทแล้วกัน จัดคนคุ้มกันเต็มที่ ป้องกันนักโทษไว้ ฉันว่าเป้าหมายของพวกมันคือนักโทษนี่หล่ะ” นายอำเภอแม็กซ์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็ไปเตรียมจัดการประหารนักโทษต่อ

     

    และในเมือง ในโรงพยาบาลของโทมัส ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเล็กๆ แต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตัวโทมัสในตอนนั้นก็เป็นหมอใหญ่ของที่นี่ ในระหว่างที่เขากำลังนั่งอยู่ที่หน้าโรงพยาบาล ชายชุดดำคนหนึ่งกับหญิงสาวตัวเล็กก็เดินเข้ามาด้านในโรงพยาบาล โทมัสเห็นในตอนนั้นก็ลุกขึ้นแล้วไปหาชายคนนั้นในทันที

    “สวัสดีครับ มีรักษาเหรอครับ??” โทมัสถามไป

    “อ้อ ไม่ครับ ผมจะมาสมัครเป็นหมอที่นี่หน่ะครับ” ชายคนนั้นพูดขึ้น

    “เหรอครับ แล้วคุณเป็นแพทย์ด้านไหนหล่ะครับ??” โทมัสถามต่อ

    “ผมเป็นแพทย์ผ่าตัด ตอนอยู่ลอนดอนนะครับ ผมวิลเลี่ยม กัสลาส แล้วนี่ก็น้องสาวผม มิเชล!!” วิลเลี่ยมแนะนำตัวไป

    “หมอผ่าตัดเหรอ ดีเลย ตอนนี้มีคนไข้รายหนึ่งกำลังรอผ่าตัดในห้อง เรากำลังรอหมอผ่าตัดจากนิวยอร์ก แต่คงไม่ทันการ คุณลองดูแล้วกัน ผมจะให้พยาบาลพาไป” โทมัสพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง พยาบาลคนหนึ่งก็พาวิลเลี่ยมไปยังห้องผ่าตัด และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆแขกประมาณ 3 4 คน ก็เดินเข้ามาในโรงพยาบาล เพื่อมาคุยกับโทมัสในทันที

    “เฮ้ โทมัส เป็นยังไงบ้างพวก!!” จอห์นตะโกนถามไป

    “สบายดี ว่าแต่พวกคุณมาเอายาเหมือนเดิมใช่หรือเปล่า??” โทมัสถามไป

    “่ใช่ ความจริงแล้วฉันเอาของมาให้นายหน่ะ” เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น 

    “คุณโทมัสคะ ดิฉันมาขอยาเพิ่มด้วยหน่ะค่ะ” โฮมุระพูดขึ้น

    “ได้สิ เดี๋ยวผมให้พยาบาลไปหยิบมาให้นะ” โทมัสพูดขึ้น จากนั้นตัวเขาก็สั่งให้พยาบาลไปเอายาตามที่โฮมุระบอกในทันที

    “เออนี่ ของที่นายจะเอานะเว้ย!!” เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น จากนั้นก็ยื่นซองอะไรบางอย่างให้กับโทมัส ซึ่งโทมัสรับมาก็เปิดดูด้านใน ซึ่งด้านในซองก็มีปืนลูกโม่อยู่หนึ่งกระบอก และในตอนนั้นเองโทมัสก็จ่ายเงินเขาไปในทันที

    “เขาซ่อมมันทั้งวันทั้งคืนให้นายเลยนะเนี่ย” จอห์นพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง วิลเลี่ยมกับมิเชลก็เดินออกมาจากห้องผ่าตัด แล้วเดินมาหาโทมัสในทันที

    “การผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว ดีนะที่เจออาการของเธอตั้งแน่เนิ่นๆหน่ะ” วิลเลี่ยมพูดขึ้น

    “แต่ว่า ที่นี่ยังขาดมีดผ่าตัดอยู่นะคะ” มิเชลพูดขึ้น

    “พวกคุณเป็นใครกันเหรอคะ??” โฮมุระถามไป

    “พวกเขาเป็นหมอที่มาใหม่ที่นี่ หมอผ่าตัดหน่ะ” โทมัสพูดขึ้น

    “ดีเลย ที่นี่ไม่มีหมอผ่าตัดมานานหล่ะ ยินดีต้อนรับนะครับ” จอห์นพูดขึ้น

    “ถ้างั้นฉันไม่รบกวนแล้วนะ ไปหล่ะ” เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น จากนั้นตัวเขาก็เดินออกจากโรงพยาบาลไป ส่วนคนที่เหลือก็ค่อยๆทะยอยเดินออกจากโรงพยาบาลไปในทันทีหลังจากที่ทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว

     

    และอีกด้านหนึ่งของเมือง ในวันนั้นเอง ซิ่วอิงก็ยังคงเดินทางมาเพื่อซื้อเหล้าเบียร์เพื่อไปให้เจ้าของร้านเหล้าขาย เธอขนของขึ้นเกวียนไป และในขณะเดียวกันนั้นเอง เนย์มาร์ที่ขี่ม้าผ่านไปแถวนั้นก็เจอกับเธออีกครั้ง ในคราวนี้เขาก็เดินเข้าไปหาเธอในทันที

    “อ้าว คุณซิ่วอิง!!”

    “คุณเนย์มาร์ เจอกันอีกแล้วนะคะ” เธอตอบกลับไป

    “ว่าแต่ คุณจะเอาเหล้าไปที่บาร์ของคุณงั้นเหรอ??” เนย์มาร์ถามไป

    “อ้อ ใช่ค่ะ ตอนนี้เขากำลังรอเหล้าพวกนี้อยู่เลย” 

    “ถ้างั้นให้ผมไปส่งคุณนะครับ” เนย์มาร์พูดขึ้น

    “อ้อ ได้สิคะ!!” ซิ่วอิงพูดขึ้น จากนั้นเธอก็ขึ้นเกวียนและเดินทางออกไปในทันที ส่วนเนย์มาร์ก็ขี่ม้าเดินทางไปนอกเมืองในทันที

    “ว่าแต่ คุณมาทำอะไรที่ Black Maple นี่เหรอ??” ซิ่วอิงถามเขาไป

    “ผมมีงานนิดหน่อย งานของผมคือตามหาสมบัติหน่ะ” 

    “เหรอคะ ฉันว่าที่นี่ไม่มีอะไรให้คุณหาหรอกค่ะ มีแค่ทะเลทรายกับทางรถไฟตัดผ่านหน่ะ” ซิ่วอิงพูดขึ้น

    “คุณไม่ต้องห่วงหรอก ผมเชื่อว่ามันต้องมีแน่ๆ” เนย์มาร์ตอบเธอไป

     

    กลับมายังเขตแบล็คเวอร์จิเนีย หลังจากที่กลุ่มของคารีนจัดการปล้นเรียบร้อยแล้ว ตัวเธอในตอนนั้นเองก็สั่งให้เอาสมบัติมารวมกันไว้ เพื่อเตรียมแจกจ่ายเป็นเงินกองกลางให้กับคนอื่นๆในกลุ่ม ของที่พวกเขาได้มีทั้งเงินและเสบียงมากมาย คารีนสั่งให้แจกจ่ายให้กับลูกน้องของเธอ รวมถึงทาสคนอื่นๆ เธอก็ให้พวกเขาไปฝึกอาวุธเพื่อเตรียมสู้ในศึกถัดไปในทันที

    “เอาหล่ะ ของๆเราในตอนนี้ คงจะแบ่งกันได้แล้วนะ” คารีนพูดขึ้น 

    “ได้แล้วหล่ะ ตอนนี้เรากำลังฝึกทาสอีกราวร้อยคนให้พวกเขาจับอาวุธหน่ะ พวกมันมาตามล่าเราแน่” คาเตอร์พูดขึ้น และในขณะเดียวกัน จู่ๆนาธานก็ขี่ม้าเดินทางมาหาพวกเขา เพื่อรายงานอะไรบางอย่างกับพวกเขาในทันที

    “คุณคารีน คุณคาเตอร์ แย่แล้วครับ!!”

    “นาธาน มีอะไรเหรอ ใจเย็นๆก่อน” คารีนถามไป

    “มีความเคลื่อนไหวจากกลุ่มเดอะแคลน ดูเหมือนพวกมันกำลังปล้นหมู่บ้านในละแวกนี้หน่ะ” นาธานพูดขึ้น

    “พวกมันเริ่มโจมตีแล้วงั้นเหรอ??” คาเตอร์ถามอย่างสงสัย

    “ถ้าอย่างงั้นเราจะไม่รอแล้ว ไปเรียกพวกเรามา แล้วไปโจมตีพวกมัน พยายามอย่าให้กลุ่มตำรวจเห็นเราเด็ดขาด” คารีนพูดขึ้น จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปในเต้นท์ จากนั้นก็ไปหยิบปืนลูกโม่สองกระบอกและปืนควงอีกหนึ่งกระบอก จากนั้นเธอก็เดินออกมาแล้วไปขึ้นม้าในทันที

    “เอาหล่ะ นาธาน นายรู้มั้ยว่าพวกมันอยู่ที่ไหน??” คารีนถามไป

    “ตอนนี้มันกำลังปล้นหมู่บ้านทางใต้อยู่ครับ” นาธานพูดขึ้น

    “คอยดูไว้ด้วย ไม่รู้มันจะพาตำรวจมาด้วยหรือเปล่า??” คาเตอร์พูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าเจอตำรวจก็ทำแบบเดิมหน่ะ” คารีนพูดขึ้น

    “แล้วทำไมเราไม่ฆ่าพวกตำรวจด้วยหล่ะ??” นาธานถามไป

    “นี่ นายอยากให้พวกเราลงหลุมกันหมดหรือไง นายอำเภอแม็กซ์ตามล่าพวกเราแน่ๆ” คาเตอร์พูดขึ้น

    “ตอนนี้เป้าหมายของเราคือพวกเดอะแคลน อย่าสนใจเป้าอื่นเลย” คารีนพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ควบม้าออกเดินทางไปในทันที

     

    และที่กลุ่มเดอะแคลน ในตอนนั้นเอง พวกเขาเกณฑ์คนมาได้ราวพันคน ซึ่งพวกเขาแต่ละคนใส่ชุดสีขาวคล้ายกลุ่ม KKK และทุกคนก็ถือปืนไปด้วย ส่วนตัวรูเบ็นในตอนนั้นก็กำลังรอข่าวจากลูกน้องของเขา แล้วก็ไม่ผิดหวัง ลูกน้องของเขาคนหนึ่งก็วิ่งมารายงานข่าวกับเขาในทันที

    “ท่านครับ ตอนนี้พวกตำรวจออกมาจากเมืองแล้วครับ!!”

    “งั้นเหรอ พอรู้หรือเปล่าว่าใครเป็นคนนำทางออกมา??” รูเบ็นถามไป

    “สายของเราบอกว่าไอ้ปีเตอร์แน่นอนครับ”

    “งั้นเหรอ ตามดูมันไปเรื่อย สบโอกาสเมื่อไหร่ เก็บไอ้ปีเตอร์ซะ!!” รูเบ็นพูดขึ้น

    “รับทราบครับผม!!”

    “อืม แล้วตอนนี้ในเมืองเหลือกำลังตำรวจมากมั้ย??” รูเบ็นถามต่อ

    “ก็มีครับ แต่เหลือไม่มากเท่าไหร่”

    “ดี เที่ยงเมื่อไหร่ เราจะจัดการในทันที” รูเบ็นพูดขึ้น

    “แล้วเราจะเอายังไงกับคนในเมืองครับ??”

    “ถ้าใครไม่ขัดขืน ก็ปล่อยมันไป แต่ถ้าเจอใครไม่ใช่ผิวขาว จับพวกมันมาให้หมด” รูเบ็นพูดขึ้น

    “ได้เลยครับ จับมาให้หมดเลยนะครับ”

    “ใช่ ส่วนตัวนายอำเภอ จับมันมาให้ฉันเป็นๆ ฉันจะเล่นมันให้หนัก เอาให้มันจำไปจนตายเลย” รูเบ็นพูดทิ้งท้ายไว้

     

    กลับมายังเขตของกลุ่ม A.U.S ในวันนั้นเองคลีฟแลนด์กำลังเตรียมกำลังพลของเธอเพื่อจู่โจมกองกำลังทหารของรัฐบาล ซึ่งพวกเขาได้ข่าวมาว่าจะเคลื่อนกำลังมาทางพวกเขา แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็มารายงานข่าวกับคลีฟแลนด์ในทันทีอย่างรวดเร็ว

    “ท่านครับ มีข้อความมาจากกลุ่มเดอะแคลนครับ!!”

    “ไอ้พวกนั้นอีกแล้วเหรอ มีอะไรกันหล่ะ??” คลีฟแลนด์ถามไป

    “พวกเขาขอกำลังของเราให้เข้าปล้นหมู่บ้านละแวกนี้ครับ” 

    “เฮ้อ พวกมันจะทำอะไรของมันอีกเนี่ย??” คลีฟแลนด์ถามไป

    “พวกเขาคงเก็บกักตุนเสบียงเพื่อทำสงครามหน่ะครับ”

    “ถ้าจะเก็บเสบียง โจมตีทหารรัฐบาลดีกว่า ตอนนี้ฉันได้ข่าวมาว่าพวกมันจะผ่านมาแถวนี้หน่ะ” คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    “แต่ว่า พวกเขาอาจจะไม่พอใจนะครับ??” ลูกน้องของเธอค้านไป

    “ปัดโธ่เอ้ย พวกมันคิดอะไรอยู่กันแน่ ถ้าอย่างงั้นก็แบ่งกำลังคนของเราไปตามที่พวกมันบอกก่อน ส่วนที่เหลือ ตามฉันมาก็แล้วกัน” คลีฟแลนด์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบไปเตรียมกำลังพลและอาวุธในทันที พวกเขาไปเตรียมปืนและตั้งแถวกันไว้ ส่วนคลีฟแลนด์ก็แบ่งกำลังพลในทันทีเพื่อเตรียมพร้อมในการสู้รบ

    “เอาหล่ะ พวกนายนำกำลัง 50 นายไปปล้นตามหมู่บ้าน แล้วก็พยายามอย่าเข้าปะทะ เพราะเรากำลังพลน้อย ส่วนที่เหลือ เราจะปล้นคาราวานของกองทัพกัน” 

    “รับทราบครับ!!” ลูกน้องของเธอตอบไป

    “เอาหล่ะ งานนี้เราต้องโจมตีเร็ว แล้วรีบกลับมา เราเสียเปรียบเรื่องกำลังพล เอาหล่ะ ลุยกันเลย!!” คลีฟแลนด์พูดขึ้น จากนั้นกำลังพลของพวกเขาก็ออกเดินทางในทันทีเพื่อทำงานของพวกเขาต่อ

     

    ที่บ้านหลังใหญ่ของลอร่า หลังจากลอร่าจัดการกับเป้าหมายของเธอได้สำเร็จ ในวันนั้นเองเธอก็กลับมาที่บ้าน จากนั้นเธอก็เดินขึ้นไปชั้นสองของบ้าน เดินไปที่หน้ารูปของประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น จากนั้นเธอก็วางดอกไม้ดอกหนึ่งไว้ที่หน้ารูปของเขา แล้วก็พูดกับรูปของพ่อเธอในทันที

    “พ่อคะ หนูจัดการทุกอย่างให้แล้วนะคะ หนูสาบาน พวกมันต้องชดใช้ในสิ่งที่ต้องทำกับพ่อ พ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” ลอร่าพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็เดินตามเธอขึ้นมาบนห้อง จากนั้นก็มาคุยกับเธอในทันที

    “อ่า เป็นยังไงบ้างครับคุณหนู??”

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” ลอร่าตอบไป

    “ผมเชื่อนะครับว่าท่านต้องภูมิใจแน่” 

    “ไม่หรอก ตราบใดที่พวกมันยังไม่หมดไปจากโลกหน่ะ” ลอร่าตอบไป

    “ว่าแต่ คุณหนูจะเอายังไงต่อหล่ะครับ??”

    “ตอนนี้ยังมีกลุ่มสมาพัฯธรัฐและพวกพันธมิตรที่ยังหลงเหลืออยู่ เราจะเดินหน้ากวาดล้างพวกมันทีละกลุ่มไปเลย” ลอร่าพูดขึ้น

    “ครับ แต่เราคงต้องใช้ทหารเยอะมากเลยนะครับ”

    “ก็ใช่ ตอนนี้เงินเราก็ไม่ค่อยมี ไหนจะกำลังพลอีก เราทำได้แค่ปล้นพวกมันไปก่อน” ลอร่าพูดขึ้น

    “แล้วเรื่องรถไฟที่กำลังจะมาในอีกไม่กี่วันนี่หล่ะครับ??” 

    “เราจะส่งคนไปจัดการด้วย ได้ยินว่าอาวุธในรถไฟมีมากพอที่จะยึดครองพื้นที่แถบนี้ได้เลย” ลอร่าพูดขึ้น

    “ได้ครับ ผมจะจัดเตรียมกำลังพลไว้ครับ” 

    “ดี เราคงต้องจัดการกำลังพลไว้แล้วหล่ะ งานนี้เราต้องได้อาวุธจากพวกมันมาบ้างหล่ะ” ลอร่าพูดทิ้งท้ายไว้

     

    ณ เส้นทางแห่งหนึ่งในเขต Black Maple ซึ่งกองกำลังของเจสันได้เดินทางผ่านป่าเพื่อขนส่งอาวุธเข้าไปยังค่ายทหารของเขา ในวันนี้เจสันเป็นคนเดินทางมาคุมการขนส่งเอง ทหารของพวกเขาเดินทางกันอย่างอ่อนล้า แต่ถึงอย่างไรก็ยังอดทนกันได้

    “เฮ้อ เขตนี้มันร้อนจริงๆนะเนี่ย” เจสันพูดขึ้น

    “นั่นสิครับ เราต้องรีบไปก่อนที่น้ำของเราจะหมดหน่ะ” ลูกน้องของเขาคนหนึ่งพูดขึ้น

    “เออนี่ พอสืบทราบเรื่องที่บ้านหลังนั้นได้หรือยัง??” เจสันถามไป

    “ครับ เราเชื่อว่าเป็นกลุ่มโจรที่กำลังอาละวาดอยู่ในตอนนี้ครับ ส่วนชาวบ้านละแวกนั้น พวกเขาบอกแต่ว่าไม่รู้อะไรเลยครับ” 

    “ก็แหงะหล่ะ ถ้าชาวบ้านบอกก็แปลกแล้วหล่ะ” เจสันพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ยังเดินทางกันต่อไป แต่ในระหว่างที่พวกเขากำลังเดินทางอยู่ ในตอนนั้นเองก็มีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ในป่า จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น

    “ปัง!!”

    กลุ่มทหารของเจสันได้ยินเสียงปืนในตอนนั้นก็รีบหาที่หลบข้างทางในทันที พวกเขาหลบเข้าที่ข้างทางจากนั้นก็พยายามยิงตอบโต้ แต่พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าพวกนั้นยิงมาจากทางไหน

    “บ้าเอ้ย เราโดนโจมตี!!” เจสันพูดขึ้นจากนั้นก็ชักปืนพกของเขาออกมา

    “พวกมันยิงมาจากไหนเนี่ย??” ลูกน้องของเขาพูดออกมา และในตอนนั้นเอง เจสันก็สังเกตเห็นแสงจากกระบอกปืนออกมาจากด้านบนเขา ในตอนนั้นเองเจสันก็ยิงสวนขึ้นไปในทันที

    “พวกมันยิงมาจากบนเขา เอาปืนกลยิงกดมันไว้!!” เจสันพูดขึ้น จากนั้นปืนกลของพวกเขาก็ยิงกดขึ้นไปบนเขา ทำเอาพวกนั้นต้องรีบถอยออกมาก่อน ในตอนนั้นเองม้าบางตัวที่ขนกระสุนก็ตกใจเสียงปืนและหนีไป สถานการณ์ค่อนข้างวุ่นวายมาก และไม่นานนัก พวกโจรก็ถอยกลับไปจนหมด ส่วนเจสันก็รีบตรวจสอบความเสียหายในทันที

    “ทุกคน มีใครบาดเจ็บหรือเปล่า??”

    “บาดเจ็บ 20 นาย ตาย 5 นายครับ!!”

    “พาคนเจ็บไปรักษาก่อน รีบกลับไปที่ค่ายด่วนเลย” เจสันสั่งไป

    “แต่ว่า ม้าบางตัวของเราหนีหายไปแล้วนะครับ”

    “ช่างมันก่อน รีบช่วยคนเจ็บก่อน แล้วก็กลับไปที่ค่ายด่วนเลย” เจสันสั่งทหารของเขาไป จากนั้นพวกเขาก็รีบแบกทหารที่บาดเจ็บกลับไปที่ค่ายในทันที ก่อนที่พวกเขาจะเจอการโจมตีระลอกถัดไป

     

    ที่ไร่ตระกูลของฟรอสต์ หลังจากที่การเก็บเกี่ยวเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมด พวกเขาก็ให้คนงานนั่งพักกันเพื่อเอาแรง ก่อนที่จะช่วยกันทำงานที่เหลือต่อไป และในตอนนั้นเอง ชาร์ล็อตก็เดินออกมาสำรวจไร่ที่เพิ่งจะเก็บเกี่ยว โดยมีอเล็กซ์เดินออกมาดูเธอด้วย 

    “นี่ ชาร์ล็อต ไม่เข้าไปหาอะไรกินเหรอ??”

    “ไม่เป็นไรค่ะพี่ แค่อยากมาเอาบรรยากาศหน่ะ” ชาร์ล็อตพูดขึ้น

    “จะว่าไป ปีนี้ก็เก็บเกี่ยวได้สมบูรณ์อยู่นะ” อเล็กซ์พูดขึ้น 

    “นั่นสิพี่ ปีนี้เราได้เงินเยอะแน่ๆ” ชาร์ล็อตพูดขึ้น

    “แต่ว่า ไม่รู้ว่าจะมีโจรปล้นหรือเปล่าสินะ” อเล็กซ์พูดอย่างเป็นกังวล

    “ไม่หรอกพี่ ยังไงนายอำเภอก็ยังอยู่นะคะ” ชาร์ล็อตบอกไป แต่ในตอนนั้นเอง

    “ปัง!!”

    พวกเขาทั้งคู่ได้ยินเสียงปืนดังมาจากด้านนอก อเล็กซ์รีบจูงมือชาร์ล็อตกลับไปที่บ้านในทันที ในตอนนั้นเอง พวกเขาก็เห็นชายกลุ่มหนึ่งถือปืนไล่ยิงทุกอย่างที่ขวางหน้า อเล็กซ์รีบพาชาร์ล็อตและสั่นระฆังของบ้านในทันที

    “เกร๊งๆๆๆ”

    “ทุกคน รีบไปหยิบปืนมาเร็ว!!” อเล็กซ์ตะโกนออกไป และในตอนนั้นเอง ทินส์ก็เดินออกมาพร้อมกับปืนลูกซองแฝดกระบอกหนึ่ง ไล่ยิงพวกโจรในทันที

    “ริแอนน่า ชาร์ล็อต ไปหลบก่อนเร็ว!!” ทินส์พูดขึ้น ส่วนอเล็กซ์ก็ไปหยิบปืนลูกโม่ของเขาออกมาแล้วยิงกับพวกโจรในทันที

    “ปังๆๆๆ”

    “พ่อ ผมจะไปยิงขนาบข้างพวกมัน คุ้มกันผมด้วย!!” อเล็กซ์พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง อเล็กซ์ก็รีบวิ่งไปที่ด้านข้างของมัน โดยเขาฝ่ากระสุนออกไป จากนั้นก็ไล่ยิงพวกมันในทันที

    “พวกมันเหลือไม่กี่คน ฆ่ามันให้หมดก่อนเร็ว!!”

    ทินส์พูดขึ้น จากนั้นพวกคนงานนับสิบคนก็ถือปืนออกไปยิงกับกลุ่มโจรที่อยู่ด้านหน้าบ้านของเขา ในตอนนั้นเอง พวกมันเห็นท่าไม่ดีเลยรีบหนีออกไปในทันที และเมื่อพวกมันหนีออกไปจนหมด อเล็กซ์ก็รีบไปเคลียร์พื้นที่ในทันที

    “อเล็กซ์ ทุกคนเป็นยังไงบ้าง??”

    “คนของเราตายไป 3 คนครับ แต่พวกมันตายไปประมาณ 6 ครับ” อเล็กซ์พูดขึ้น

    “คุณป้ารีเบคก้าหล่ะ เป็นยังไงบ้าง??” ทินส์ถามด้วยความเป็นห่วง

    “จริงด้วย ผมขอคนไปด้วย 5 คน ผมจะไปดูเอง” อเล็กซ์พูดขึ้น จากนั้นตัวเขาและคนงานคนอื่นๆก็รีบวิ่งตามเขาไปดูสถานการณ์ในทันทีว่าเป็นยังไงบ้าง

     

    กลับมายัง Black Maple หลังจากที่ลานประหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว นายอำเภอก็สั่งให้เตรียมนักโทษไว้สำหรับการประหาร และในช่วงเดียวกัน เจสสิก้าและแคลิเฟอร์ก็พาทองสุกมาทานอาหารเที่ยงและนั่งดื่มไปด้วย ในตอนนั้นเอง เจสสิก้าก็สังเกตเห็นขื่อแขวนคอที่ตั้งอยู่กลางเมือง ทำเอาเธอต้องเรียกแคลิเฟอร์มาดูในทันที

    “นี่ แคลิเฟอร์ ดูสิ นายอำเภอจะประหารอีกแล้ว” เจสสิก้าพูดขึ้น

    “นั่นสิ ต้องเป็นไอ้พวกเดนสังคมแน่ๆ” แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    “อืม ข้าเห็นมาเยอะแล้วหล่ะแบบนี้” ทองสุกพูดขึ้น

    “ทำไมกันหล่ะ?? บ้านเมืองนายประหารกันแบบไหนหล่ะ??” เจสสิก้าถามไป

    “บ้านเมืองข้าให้เพชรฆาตตัดคอหน่ะ” ทองสุกพูดขึ้น ทำเอาทั้งคู่ถึงกับกลืนน้ำลายเอือกไปเลย

    “โห นี่มันโหดกว่าแขวนคออีกนะเนี่ย” แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    “ไม่หรอก เรามอบความตายอันรวดเร็วให้พวกเขาหน่ะ” ทองสุกพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง เจสสิก้าก็พาทองสุกเข้าไปหาอะไรกินในร้านอาหารเช่นเดิม แต่ในวันนี้ หลายๆคนที่อยู่ในร้านกลับมองทองสุกไม่เหมือนเดิม พวกเขามองทองสุกแล้วแอบกระซิบกระซาบกัน แต่พวกเขาก็ไม่สนใจ ไปหาที่นั่งเพื่อหาอะไรกินในทันที

    “ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมองข้าแปลกๆนะ??” ทองสุกถามอย่างสงสัย

    “ก็เมื่อคืนนายล้มแชมป์ได้หน่ะ เขาก็ต้องมองนายแบบนั้นเป็นธรรมดานี่” เจสสิก้าพูดขึ้น

    “ใช่ ตอนนี้นายกลายเป็นคนดังไปแล้วนะ” แคลิเฟอร์พูดขึ้น และจากนั้นไม่นานนัก อาหารก็มาวางไว้ที่โต๊ะของพวกเขา โดยที่พวกเขายังไม่ทันจะสั่งอาหารอะไรเลยด้วยซ้ำ

    “เฮ้ พวกเรายังไม่ได้สั่งอะไรเลยนะ” เจสสิก้าพูดขึ้น

    “อ้อ เจ้าของร้านเลี้ยงเขาหน่ะ แชมป์คนใหม่ไง” พนักงานเสิร์ฟสาวพูดขึ้น

    “โห ท่าทางนายจะเป็นคนดังไปแล้วหล่ะ” แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    “ไม่รู้สิ ความจริงข้าอยากจะอยู่แบบเงียบๆมากกว่า” ทองสุกพูดขึ้นจากนั้นก็หยิบขนมปังมากินหนึ่งก้อน

    “ว่าแต่ นายจะเอายังไงต่อหล่ะตอนนี้??” เจสสิก้าถามทองสุกอย่างสงสัย

    “ก็คงหางานทำหน่ะ ไม่ก็หาที่นาทำนาไปเรื่อยหน่ะ” ทองสุกพูดขึ้น

    “เอ้า ถ้างั้นนายก็ไปหางานทำที่ไร่สิ” แคลิเฟอร์พูดขึ้น 

    และอีกด้านหนึ่งของบาร์ ซึ่งกลุ่มชายฉกรรจ์กำลังยืนดื่มเหล้า แต่ไม่ใช่กับชายคนหนึ่งในชุดสีน้ำตาลดูน่าเกรงขาม เขาสั่งเหล้ารัมมานั่งดื่มที่เก้าอี้ของบาร์ ในระหว่างที่เขากำลังดื่ม จู่ๆหญิงสาวชนพื้นเมืองคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในบาร์ จากนั้นก็ตรงไปที่เคาน์เตอร์เหล้าเพื่อสั่งเหล้าในทันที

    “ขอว๊อดก้าช๊อตนึง!!”

    “ได้เลยลิงซ์ รอแป๊ปนะ!!”

    บาร์เทนเดอร์คนนั้นรินเหล้าให้ลิงซ์ เธอรับมาจากนั้นก็ดื่มในทันทีจนหมดแก้ว

    “นี่ เธอคือแม่ค้าของป่าที่ตลาดเหรอ??” ชายในชุดสีน้ำตาลถามเธอไป

    “ใช่ ถามทำไมกันหล่ะ??”

    “ยังมีดีงูขายอยู่หรือเปล่าหล่ะ??” ชายคนนั้นถามไป

    “คงต้องมาพรุ่งนี้แล้วหล่ะ แล้วฉันจะเอามาให้”

    “ดูท่าทางเธอจะขนของเข้าออกที่นี่ได้สบายๆเลยนะ??” ชายคนนั้นยิงคำถามกับลิงซ์ไป

    “นายไม่ต้องรู้หรอก ว่าแต่นายเป็นใครกันหล่ะ??”

    “ก็ไม่ต้องรู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าฉันเป็นพวกผ่านทางมาก็พอ” ชายคนนั้นพูดขึ้น

    “เอาที่สบายใจ ถ้านายอยากซื้อ พรุ่งนี้ไปเจอฉันที่ตลาดแล้วกัน” ลิงซ์พูดขึ้น จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้นั่งของเธอ เพื่อเดินออกไปจากร้าน แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง

    “ปังๆๆ”

    พวกเขาทุกคนในร้านได้ยินเสียงปืนดังขึ้นมา ทำเอาต้องวิ่งหนีไปหลบที่หลังร้านในทันที แต่ดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่ได้เข้ามาในร้าน ทองสุกเองในตอนนั้นก็แอบดูสถานการณ์ไปด้วย โดยที่เขาไปแอบที่หน้าต่างของร้าน ภาพเหตุการณ์ที่เขาเห็นก็คือ กลุ่มชายฉกรรจ์ชุดขาวถือปืนนับร้อยกำลังอาละวาดอยู่ในเมือง ผู้คนพยายามหลบหนีเข้าบ้านก่อนที่จะเกิดอันตรายขึ้น

    “นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย??”

    ทองสุกคิดในใจ แต่ในขณะเดียวกัน มันคนหนึ่งก็บุกเข้ามาในร้าน พยายามจะบุกปล้นคนในร้าน แต่ทองสุกรู้สึกตัวเลยชักดาบออกมาตัดมือของมันจนขาด

    “อ๊าก!!”

    “เฮ้ย มึงทำเพื่อนกู!!”

    มันคนหนึ่งเห็นเหตุการณ์ มันจะเอาปืนยิงทองสุก แต่ในตอนนั้นเอง

    “ปัง!!”

    หมอนั่นถูกยิงจนล้ม ซึ่งคนยิงก็คือชายในชุดสีน้ำตาลคนนั้น เขาใช้ปืนยาวของเขายิงใส่มันจนตายคาที่ จากนั้นก็ตะโกนเรียกทองสุก

    “ไอ้หนุ่ม ถ้าไม่อยากตาย ชักปืนออกมาเร็ว!!”

    ชายคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นเจสสิก้าและแคลิเฟอร์ก็ชักปืนออกมาเพื่อเตรียมป้องกันตัวจากพวกมัน

    ===============================================================

    ดูเหมือนว่าเมืองนี้กำลังถูกโจมตี แล้วทองสุกจะทำอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ!!

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลหนูด้วย!!

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×