ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Siam Cowboy - คาวบอยสยาม

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 2 : สู่แผ่นดินใหม่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 287
      8
      27 มิ.ย. 63

    ทองสุกขี่ม้าของเขาเดินทางไปเรื่อยๆตามถนนของเมือง ท่ามกลางบรรยากาศฝากตะวันตกของอเมริกา ทุ่งทะเลทรายอันกว้างใหญ่ และทางรถไฟที่เชื่อมต่อกันระหว่างตะวันออกและตะวันตก เสี่ยวเว่ยขี่ม้ามาเรื่อยๆอย่างไม่รู้วันรู้คืน เขาเดินทางไปเรื่อยๆ หวังว่าจะมีเมืองซักเมืองให้เขาพักผ่อนอย่างสงบๆ เขาเดินทางไปยังตะวันออกเรื่อยๆ และในตอนนั้นเอง เขาก็เห็นป้ายๆหนึ่ง ซึ่งเขียนตัวขนาดใหญ่ไว้ว่า

    "Black Maple City"

    เมือง Black Maple ซึ่งในตอนนั้นเองทองสุกก็ไม่รู้ว่าเมืองนั่นเป็นยังไง และในขณะเดียวกันนั้นเอง เขาก็เดินทางต่อไปเรื่อยๆ แต่ในตอนนั้นเอง สิ่งที่เขาได้ยินด้านหน้า กลับเป็นเสียงควบม้าของคนกลุ่มหนึ่ง และในตอนนั้นเอง ภาพที่เขาเห็น เขาก็เห็นชายขี่ม้าคนหนึ่งกำลังควบม้าหนีออกมา พร้อมกับด้านหลังที่หญิงสาวคนหนึ่งกำลังควบม้าไล่ตามและยิงพวกเขาไป

    "เฮ้ย หลีกไปสิโว้ย!!"

    มันเห็นดังนั้นและกำลังจะชักปืนยิงทองสุก แต่ในตอนนั้นเอง ทองสุกก็ชักดาบออกมา จากนั้นก็พุ่งดาบไปที่ร่างของมันในทันที

    "ปัก!!"

    ร่างของมันล้มลงไปในทันที และในตอนนั้นเอง เขาก็จอดม้าของเขาตรงศพของมัน แล้วก็ดึงเอาดาบกลับคืนมาในทันที แต่ในตอนนั้นเอง เขาก็สังเกตเห็นกระเป๋าใบหนึ่ง เขารีบหยิบมันมาในทันที

    "นี่ กระเป๋าของฉัน เอาคืนมานะ!!"

    หญิงสาวที่ตามมาเล็งปืนใส่ทองสุก แต่ทองสุกยังนิ่งอยู่ และในตอนนั้นเองเขาก็ยื่นกระเป๋าให้กับเธอในทันที

    "เอ้านี่ ข้าขออภัยด้วยที่ทำให้เจ้าตกใจ" ทองสุกพูดขึ้น จากนั้นก็ยื่นกระเป๋าให้กับเธอ แต่ในขณะที่ทั้งคู่กำลังยื่นกระเป๋าให้กัน จู่ๆก็มีเสียงปืนดังมาจากด้านหลังของทองสุก

    "ปัง!!"

    เมื่อสิ้นเสียง กลุ่มคาวบอยกลุ่มหนึ่งก็กำลังควบม้ามาทางเขา ในตอนนั้นเองหญิงสาวคนนั้นรีบขึ้นม้าในทันที จากนั้นก็บอกให้ทองสุกขึ้นม้าด้วย

    "รีบขึ้นม้าแล้วหนีไป เร็ว!!"

    ทองสุกขึ้นไปบนม้าของเขา จากนั้นก็ควบม้าตะบึงไปในป่า หญิงสาวคนนั้นก็มาพร้อมกับทองสุกด้วย พวกมันไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ

    "เข้าไปในป่า เร็ว!!" ทองสุกบอกกกับผู้หญิงคนนั้น จากนั้นเธอก็ขี่ม้าเข้าไปในป่า ส่วนทองสุกในตอนนั้นเองก็ลงจากม้า จากนั้นก็ไปหลบอยู่ตามต้นไม้ หลอกล่อให้พวกมันตามเขามา

    "เฮ้ มาทางนี้สิโว้ย!!"

    ทองสุกตะโกนออกไป ในตอนนั้นเองพวกมันก็ลงจากม้าเนื่องจากว่าเส้นทางป่านั้นม้าเดินทางไม่ได้ พวกนั้นลงจากม้าแล้วก็ไล่ยิงทองสุก ตัวเขาในตอนนั้นก็พยายามหาที่หลบไปด้วย และเมื่อมันเข้ามาใกล้ ทองสุกก็หยิบมีดสั้นของเขาออกมา จากนั้นก็ปาใส่มันในทันที

    "ปัก!!"

    มันคนหนึ่งโดนมีดปักกลางอก มันคนหนึ่งหยิบระเบิดไดนาไมท์มา จากนั้นก็จุดชนวน แล้วปาใส่ต้นไม้ที่ทองสุกหลบอยู่

    "ตู้ม!!"

    ทองสุกกระโดดหลบได้ แต่ในตอนนั้นเอง แรงระเบิดก็ทำให้เขาเซไปแล้วไปชนกับโขดหิน ทองสุกพยายามประคองตัวหนีจากพวกมัน แต่ในตอนนั้นเอง ตัวของทองสุกก็เริ่มจะเดินไม่ไหว และจู่ๆในตอนนั้นเอง เขาก็ล้มลงไปอย่างดื้อๆไม่รู้สาเหตุ ดูท่าทางเขาจะโดนหินกระแทกเข้าอย่างจัง ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะดับวูบไปหมดสำหรับเขา

    .

    .

    .

    "อือ!!"

    ทองสุกฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ในตอนนี้เขาอยู่ในห้องๆหนึ่ง นอนบนเตียงไม้เตียงหนึ่ง โดยที่ในตอนนั้นเอง มีชายชุดดำคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่แถวนั้น และเมื่อทองสุกฟื้นขึ้น ชายชุดดำคนนั้นก็เดินไปหาเขาในทันที ซึ่งชายคนนั้นเป็นบาทหลวงผิวดำ เขาเดินไปหาทองสุกในทันทีแล้วไปคุยกับเขา

    "ไงพ่อหนุ่ม ฟื้นแล้วเหรอ??"

    "หลวงพ่อ ข้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเนี่ย??" ทองสุกยิงคำถามใส่เขาในทันที

    "ต้องขอบคุณหนูเจสสิก้านะที่ช่วยนาย" บาทหลวงคนนั้นพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง หญิงสาวคนนั้นที่ทองสุกช่วยไว้ก็เดินเข้ามาในห้อง จากนั้นก็เดินไปหาเขาในทันที

    "ไง ฟื้นแล้วเหรอ ตอนที่ฉันหนีเข้าไปในป่า ฉันไปเจอกับพวกอินเดียนแดงเข้าหน่ะ ฉันเลยให้พวกเขาไปช่วยนาย และพวกเขาก็พากันแบกนายมาที่นี่หน่ะ บาทหลวงมอริสันบอกหรือยังว่าฉันชื่อเจสสิก้า" เจสสิก้าบอกกับทองสุกไป

    "ว่าแต่ พ่อหนุ่มชื่ออะไรหล่ะ มาจากไหน เมืองจีนเหรอ??" บาทหลวงมอริสันถามไป

    "ข้าชื่อทองสุก... ข้ามาจากสยาม ความจริงคือ เอานี่ไปอ่านดีกว่าขอรับ" ทองสุกพูดขึ้น จากนั้นก็ยื่นเอกสารฉบับหนึ่งให้บาทหลวงมอริสัน เขาอ่านมันในทันที

    "ทอดด์ ซีลงั้นเหรอ ยินดีที่ได้รู้จักนะทอดด์!!" บาทหลวงมอริสันพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆก็มีเสียงคนเคาะประตูมาจากด้านนอก ในตอนนั้นเองเจสสิก้าก็ไปเปิดประตูรับเขาในทันที และในทันใดนั้นเอง ชายคนหนึ่งในชุดสีน้ำเงินมีตราดาวบนอกซ้ายของเสื้อก็เดินเข้ามาในห้องทันที

    "อ้าว นึกว่าใคร ยัยลิงทะโมนนี่เอง!!"

    "นี่ คุณตำรวจ หมิ่นประมาทฉันเหรอ??" เจสสิก้าถามกลับไป

    "คุณตำรวจ มีธุระอะไรงั้นเหรอครับ??" บาทหลวงมอริสันถามไป

    "อ้อ ได้ยินว่ามีพวกหลบหนีเข้าเมืองมาหน่ะ เลยจะมาเยี่ยมที่นี่หน่อย หมอนี่มาจากไหนกันหล่ะ เมืองจีนเหรอ??" ตำรวจคนนั้นถามไป

    "เรายังไม่รู้ แต่ถ้าจะพาเขาเข้าเมือง คงต้องรอพรุ่งนี้หน่ะ เขายังบาดเจ็บอยู่"

    "อืม เข้าใจหล่ะ ถ้าอย่างงั้น ถ้าพรุ่งนี้เขาไม่เข้าเมือง ผมจะมาพาเขาไปเองนะหลวงพ่อ โชคดีหล่ะ!!" นายตำรวจคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นเขาก็เปิดออกจากห้องไปในทันที

    "ตำรวจคนนั้นเป็นใครเหรอขอรับ??" ทองสุกถามพวกเขาไป

    "เฮ้อ ปีเตอร์ แอดกิ้นส์ ตำรวจตัวแสบประจำเมืองหน่ะ" เจสสิก้าพูดพลางเบะปาก

    "เอาน่าลูก แต่เขาก็เป็นตำรวจที่ดีนะ" บาทหลวงมอริสันพูดขึ้น

    "ถ้างั้นฉันกลับบ้านก่อนนะคะ เดี๋ยวแม่ฉันตามหา ส่วนพรุ่งนี้เช้า ฉันจะพานายเข้าเมืองเอง แล้วเจอกันนะ" เจสสิก้าพูดขึ้น จากนั้นก็เดินออกไปด้านนอกห้องในทันที

    "เฮ้อ แม่หนูเจสสิก้า เป็นอย่างงี้ทุกทีเลย เอาเป็นว่าลูกพักผ่อนไปก่อนนะ" บาทหลวงมอริสันพูดขึ้น จากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ทองสุกนอนอยู่คนเดียวในห้องที่บาทหลวงจัดเอาไว้ให้

     

    ณ เมือง Black Maple

    เป็นเมืองซึ่งดูจะเป็นเมืองใหญ่กว่าเมืองอื่นๆ รถม้าและผู้คนพากันเดินกันขวักไขว่ บนถนนในตอนนั้นเองก็ค่อนข้างมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก เช่นเดียวกับที่สถานีตำรวจประจำเมือง ซึ่งตำรวจกลุ่มหนึ่งพาชายผิวขาว 2 คนและชายผิวดำ 1 คนเดินเข้ามาในสถานี จากนั้นก็จับพวกนั้นทั้งคู่นั่งลง และในตอนนั้นเอง ชายวัยกลางคนร่างสูงคนหนึ่งก็เดินออกมาดูในทันที

    "นายอำเภอแม็กซ์ครับ ชาวผิวขาวสองคนนี่จับตัวหญิงผิวดำไปฆ่าในป่า ชายผิวดำคนนี้เลยตามไปฆ่าคนพวกนั้นตายไป 1 ศพ เราไปเจอเข้าก่อนครับ!!"

    "เฮ้ นายอำเภอ ฉันฆ่าคนดำมันผิดตรงไหนกัน ห่ะ??" ชายคนหนึ่งตะโกนออกมา

    "แกฆ่าเมียฉัน ไอ้ระยำ เมียฉันเป็นคนนะเว้ย!!" ชายผิวดำคนนั้นพยายามที่จะเล่นงานพวกมันสองคน แต่บรรดาตำรวจห้ามชายผิวดำคนนั้นไว้ก่อน และในตอนนั้นเอง นายอำเภอก็พูดขึ้นในทันที

    "เอาพวกมันทั้งหมดไปขัง รอการพิจารณาคดี" นายอำเภอพูดขึ้น

    "ห่ะ จะให้เราทั้งคู่ขังรวมกับไอ้มืดนี่เหรอ บ้าหรือเปล่านายอำเภอ??" ชายคนหนึ่งพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง นายอำเภอก็กระชากคอเสื้อมันขึ้นมา จากนั้นก็ต่อยท้องมันไปหนึ่งที จนมันร่วงลงไปนอนกับพื้นอย่างเจ็บปวด

    "ถ้าพูดแบบนี้อีก ฉันจะให้แกดื่มเยี่ยวคนดำแทนน้ำเลย แล้วเวลาพวกแกอยู่ด้วยกัน ได้ฉันได้ยินว่ามีปัญหาในคุกหล่ะก็ ฉันบอกเลยว่า แกจะต้องเสียใจที่เกิดมา!!" นายอำเภอแม็กซ์พูดขึ้น จากนั้นตำรวจสองคนก็พาพวกนั้นเข้าคุกในทันที และในขณะเดียวกัน ตำรวจคนหนึ่งก็รีบขี่ม้ามาจอดที่หน้าสถานี เขาจูงม้าเสร็จเขาก็เดินเข้าไปด้านในสถานี ไปทักทายกับนายอำเภอในทันที

    "คุณแม็กซ์ เป็นยังไงบ้างครับเนี่ย??"

    "ก็เรื่อยๆหน่ะ ว่าแต่ทางนายเป็นยังไงบ้างปีเตอร์??" นายอำเภอถามไป

    "อย่างที่คิดไว้จริงๆครับ มีคนเข้าเมืองมาคนหนึ่ง แต่ดูท่าทางไม่มีพิษภัยเท่าไหร่ ว่าแต่ มีน่าหายไปไหนหล่ะครับ??" ปีเตอร์ถามอย่างสงสัย และในขณะเดียวกันนั้นเอง หญิงสาวในชุดรัดรูปพร้อมกางเกงยีนส์ขาสั้นก็เดินเข้ามาหาปีเตอร์ในทันที

    "กำลังมองหาฉันเหรอคะปีเตอร์ที่รัก??"

    "นี่ มีน่า เธอหายไปไหนมาเหรอ??" ปีเตอร์ถามอย่างสงสัย

    "ก็ไปช่วยคุณทำคดีไงหล่ะ ฉันได้ข่าวดีๆมาด้วยหล่ะ" มีน่าพูดขึ้น

    "ข่าวอะไรเหรอมีน่า??" นายอำเภอแม็กซ์ถามไป

    "ฉันกับบอริสได้ความเคลื่อนไหวในเขตไวท์ยอร์กค่ะ ตอนนี้บอริสกำลังจับตามองพวกมันอยู่" มีน่าพูดขึ้น

    "ให้บอริสอยู่เขตนั้นคนเดียวจะไม่เป็นอันตรายเหรอ??" ปีเตอร์ถามอย่างสงสัย

    "ไม่หรอกค่ะ บอริสเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว เชื่อใจได้เลย!!" มีน่าพูดขึ้น

     

    ในเมือง Black Maple แห่งนี้ มีร้านขายอาหารร้านหนึ่งซึ่งขายอาหารและสมุนไพรเอเชียมากมาย ซึ่งหญิงสาวคนหนึ่งกำลังคัดเลือกสมุนไพรอย่างใจเย็น ในระหว่างที่เธอกำลังคัดเลือก ชายคนหนึ่งก็เดินไปหน้าร้านของเธอ จากนั้นก็เรียกเธอในทันที

    "คุณโฮมุระ อยู่หรือเปล่า??" ชายคนนั้นเรียกไป และในตอนนั้นเอง หญิงสาวคนหนึ่งในชุดกิโมโนสีขาวเดินมาหาชายคนนั้นในทันที

    "อ้าว โทมัสคุง มีอะไรหรือเปล่า แล้วไปที่โบสถ์เป็นยังไงบ้าง บาทหลวงสบายดีนะ??"

    "คือ ฉันอยากได้ชาจีนเหมือนเดิมหน่ะ บาทหลวงก็สบายดี ฉันไปรักษาชายเอเชียคนหนึ่งมาหน่ะ" โทมัสพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ชายหนุ่มอีกสองคนก็เดินเข้ามาที่ร้านของเธอ จากนั้นก็ไปทักทายเธอในทันที

    "อ้าว โฮมุระ เป็นยังไงบ้าง สบายดีเน้อ??"

    "เอ้า คุณจอห์น คุณเอ็ดเวิร์ด สวัสดีค่ะ" โฮมุระเธอทักทายไป

    "อ่า จะถามว่า หนังสือฉันเมื่อไหร่เธอจะคืนหล่ะ??" จอห์นถามอย่างสงสัย และในตอนนั้นเอง โฮมุระก็ร้องอ๋อ แล้วเธอก็ไปหยิบหนังสือเล่มนั้นมาคืนเขาในทันที

    "เอาหล่ะ เห็นแกคุณนะเนี่ย ผมไม่คิดค่าปรับแล้วกัน" จอห์นพูดขึ้น

    "นี่ๆ ถ้าเธออยากซื้อปืนร้านฉันยิงหมอนี่ก็บอกนะ" เอ็ดเวิร์ดพูดกับเธอไป

    "แหม่ๆๆๆ ใจเย็นสิพวก จะฆ่ากันเลยเหรอ เดี๋ยวนายอำเภอก็เล่นงานตาย" โทมัสพูดขึ้น

    "ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ฉันเพิ่งได้ชาจีนมาใหม่ ฉันขายพวกคุณถูกๆแล้วกันนะคะ" โฮมุระพูดขึ้นจากนั้นก็วางห่อชาให้กับพวกเขา

    "นั่นสิ ฉันอยากดื่มชาพอดีเลย งั้นเอาหน่อยแล้วกัน" เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้นจากนั้นก็วางเงินให้เธอ แล้วเขาก็หยิบห่อชาไปในทันที

    "เออนี่ โทมัส ได้ยินว่านายไปรักษาคนมานี่ ใช่หรือเปล่า??" จอห์นถามโทมัสไป

    "ใช่ๆ เขาเป็นชายเอเชียหน่ะ บาทหลวงเล่าให้ฟังว่าพวกอินเดียนแดงพาเขามาส่ง เจสสิก้าช่วยเขาเอาไว้ด้วย!!" โทมัสพูดขึ้น

    "ตายแล้ว พูดถึงเจสสิก้า ไม่รู้ว่าเธอจะเป็นยังไงบ้างเนี่ย เธอเพิ่งโดนฉกกระเป๋าไปนี่หน่า" โฮมุระถามอย่างสงสัยและด้วยความเป็นห่วง แต่ในระหว่างที่พวกเขากำลังพูดกัน จู่ๆพวกเขาทั้งสามคนก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งกำลังนั่งเกวียนอยู่ด้านใน โดยที่สายตาผู้คนเหล่านั้นมองไปที่เธอเป็นตาเดียว

    "นั่นใครกัน ไม่เคยเห็นเลย??" โฮมุระถามไป

    "อ้อ ซูซี่ ฟาริด้า วัลเลอร์ นักแสดงดาวยั่วหน่ะ" จอห์นพูดขึ้น

    "แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่กันนะ??" โทมัสถามต่อไป

    "ได้ยินว่าเธอจะเดินทางไปต่อที่แคลิฟอร์เนียหน่ะ ไปโชว์ตัวยังไงหล่ะ" จอห์นพูดขึ้น

    "จะไปที่ไหนได้หล่ะ ก็คงต้องไปที่ไนท์คลับที่เปิดใหม่นี่แน่ๆ" โฮมุระตอบไป

     

    ณ บ้านหลังหนึ่งในเขตฟาร์มของเมือง ซึ่งพื้นที่นั้นพร้อมจะเก็บเกี่ยวอย่างเต็มที่ กลุ่มชายผิวดำในตอนนั้นเองก็กำลังเกี่ยวข้าวกันอย่างขยันขันแข็ง พวกเขาเกี่ยวข้าวและเอาข้าวไปเก็บรวมกันไว้ และในตอนนั้นเอง หญิงสาวคนหนึ่งก็มาเคาะระฆังเป็นสัญญาณอะไรบางอย่างกับพวกเขา

    "พักกันก่อนสิทุกคน!!"

    หญิงสาวคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นเหล่ากรรมกรคนดำก็พากันไปนั่งพักผ่อน ส่วนตัวเธอนั้นก็เดินไปหาคู่ผัวเมียคู่หนึ่ง ซึ่งพวกเขากำลังคุยกับผู้หญิงแก่คนหนึ่งอยู่

    "คุณพ่อทินส์ คุณแม่ริแอนน่า!!"

    "ชาร์ล็อต แม่ให้สั่นระฆังให้พวกเขาพัก ทำหรือยังหล่ะ??" ริแอนน่าถามเธอไป

    "เรียบร้อยค่ะ ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ" ชาร์ล็อตพูดขึ้น

    "เออนี่ แล้วอเล็กซ์ยังไม่กลับมาอีกเหรอเนี่ย??" ทินส์ถามไป

    "คงจะไปเที่ยวเล่นที่ไหนอีกหล่ะมั้งคะ คุณน้ารีเบคกา สวัสดีค่ะ!!" เธอหันไปทักทายหญิงแก่คนนั้น

    "ชาร์ล็อต เป็นยังไงบ้างหล่ะ??"

    "ก็เรื่อยๆค่ะ ไม่มีอะไรมาก" เธอพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ชายหนุ่มคนหนึ่งก็ขี่ม้าเข้ามาที่ฟาร์มของพวกเขา และในตอนนั้นเอง เขาก็ลงจากม้าแล้วเดินมาหาพวกของชาร์ล็อตในทันที

    "คุณป้ารีเบคก้า เจสสิก้ากลับมาแล้วนะครับ เดี๋ยวเธอคงกลับบ้าน" ชายคนนั้นพูดขึ้น

    "อเล็กซ์ แล้วเจสสิก้าเป็นอะไรหรือเปล่า??" รีเบคก้าถามอย่างสงสัย

    "คือ มีกลุ่มโจรมาปล้นเธอ แต่พวกอินเดียนแดงมาช่วยไว้หน่ะครับ" อเล็กซ์พูดขึ้น

    "เหรอ นึกว่าพี่ไปดื่มที่บาร์ซะอีก" ชาร์ล็อตแอบแซวพี่ของเขา

    "นี่ๆๆๆ จะก่อกวนแต่หัววันเลยเหรอจ๊ะ??" อเล็กซ์ถามไป

    "ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าเธอปลอดภัยก็ดีแล้วหล่ะ" ทินส์พูดขึ้น

    "ถ้างั้นฉันไปเตรียมอาหารก่อนนะคะ" ริแอนน่าพูดขึ้น จากนั้นก็เดินกลับเข้าไปในบ้านของเธอ

    "ถ้างั้นฉันขอพักผ่อนก่อนนะ ฝากเธอดูแลคนงานคนอื่นๆด้วยหล่ะ" อเล็กซ์พูดขึ้นจากนั้นก็เดินกลับเข้าไปในบ้านด้วย ส่วนชาร์ล็อตก็คอยดูแลคนงานที่กำลังนั่งพักไปด้วย และในระหว่างนั้นเอง จู่ๆก็มีหญิงสาวคนหนึ่งขี่ม้าเข้ามาในพื้นที่ไร่ของชาร์ล็อต ชาร์ล็อตรีบวิ่งไปดูในทันที ก็พบว่านั่นคือยัยจอมแก่นประจำเมืองนั่นเอง

    "แหม่ นึกว่าใคร แคลิเฟอร์นี่เอง มอมแมมมาแต่ไกลเลยนะ??"

    "ไงจ๊ะ ชาร์ล็อตที่รัก??" เธอทักทายชาร์ล็อตไป

    "นี่ๆ ใครที่รัก เป็นสาวเป็นนาง มีอะไรว่ามาเลยสิ??" ชาร์ล็อตพูดขึ้น

    "เออนี่ เจสสิก้ากลับมาหรือยัง ฉันไปตามหาเธอที่ถนนนอกเมืองแต่ไม่พบเลย??" แคลิเฟอร์ถามไป

    "ไม่รู้สิ เดี๋ยวคงกลับมาแล้วหล่ะ ได้ยินว่าเธออยู่กับบาทหลวงมอริสันนี่!!"

    "อ้าว เธอไปโบสถ์มาเหรอ ถ้างั้นก็โชคดีนะจ๊ะที่รัก!!" แคลิเฟอร์บอกลาเธอไป จากนั้นเธอก็ควบม้าออกไปด้านนอกไร่ทันที ปล่อยให้ชาร์ล็อตยืนส่ายหน้าอยู่ตรงนั้น

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในเขตทะเลทราย ใกล้เมือง Black Maple ชายคนหนึ่งก็กำลังขี่ม้าควบตะบึงท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนรุ่ม เขาเดินทางไปเรื่อยๆ จากนั้นก็หยุดม้า แล้วเขาก็กางแผนที่ออกและมองดูต่อในทันที

    "อืม Black Maple อยู่ที่นี่ เราน่าจะพักที่นี่ซัก 2 วันนะ จากนั้นก็เดินทางต่อไปเขตนี้"

    ชายคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นก็เก็บแผนที่ไป แล้วเขาก็ควบม้าเดินทางต่อ เขาขี่ม้าเดินทางไปเรื่อยๆ จนกระทั่งในตอนนั้นเอง เขาก็มาเจอกับบาร์แห่งหนึ่งบนถนนกลางทะเลทราย ในตอนนั้นเองเขาก็ควบม้าไปจอดที่ด้านนอก จากนั้นตัวเขาก็ลงจากม้าและเดินเข้าไปในบาร์ในทันที โดยที่ด้านในบาร์มีนักดื่มไม่กี่คน กับบาร์เทนเดอร์แก่ๆคนหนึ่งที่กำลังรินเหล้าอยู่

    "ลุงครับ ขอเบียร์แก้วนึงครับ!!"

    "ได้เลยพ่อหนุ่ม ซิ่วอิง เบียร์หนึ่งแก้ว!!"

    สาวหมวยในชุดยาวคนนั้นพยักหน้าและรินเบียร์จากถังไม้ให้กับชายคนนั้น จากนั้นก็ยื่นเบียร์ให้กับชายผู้มาใหม่ในทันที และในตอนนั้นเอง ชายคนนั้นก็ดื่มเบียร์ไปจนหมดแก้วรวดเดียว

    "โห สายแข็งนี่หว่าเราหน่ะ"

    "ลุงครับ ไม่ทราบว่า Black Maple นี่อีกไกลแค่ไหนครับ??" ชายคนนั้นถามไป

    "ไม่เกิน 3 ไมล์ได้ บาร์นี่ก็ต้อนรับพวกที่จะไปที่ Black Maple นั่นแหละ ว่าแต่นายเป็นใครกันหล่ะ??" ลุงคนนั้นถามอย่างสงสัย

    "ผมเนย์มอร์ ดาร์คฮาเนล นักล่าสมบัติหน่ะ!!"

    "นี่ Black Maple ไม่มีสมบัติอะไรหรอก แต่สิ่งเดียวที่จะสร้างสมบัติได้ที่นั่น คือความฉลาดและความขยัน เมืองนั้นเป็นเมืองแห่งโอกาส ถ้าเอ็งมีฝีมือ เอ็งก็อยู่รอด!!" บาร์เทนเดอร์คนนั้นพูดขึ้น

    "คมดีนี่ลุง เอาเป็นว่าขอบคุณสำหรับคำสอนนะครับ" เนย์มอร์พูดขึ้น จากนั้นก็วางเหรียญเงินให้กับชายคนนั้น จากนั้นตัวเขาก็เดินออกจากร้านไปในทันที เพื่อเดินทางไปยังเมือง Black Maple ต่อไป และในขณะเดียวกันนั้นเอง หญิงสาวคนนั้นก็เดินมาหาชายแก่เจ้าของร้านในทันที

    "คุณอัลเฟรด ดูเหมือนว่าเขาจะมาใหม่นะคะ"

    "ก็คงงั้นหน่ะ ว่าแต่เธอไปที่เหมืองบ้างหรือเปล่าช่วงนี้??" อัลเฟรดถามเธอไป

    "ก็ไปนะคะ ช่วงนี้มีชาวจีนอพยพมาทำงานในเหมืองมากมาย หนูต้องไปเป็นล่ามให้พวกเขาค่ะ" ซิ่วอิงคนนั้นพูดขึ้น

    "ก็ดีแล้วหล่ะ เก็บเงินให้เยอะๆ วันหนึ่งเธออาจเป็นเจ้าของร้านแทนฉันก็ได้" อัลเฟรดบอกกับเธอไป

     

    ณ เขตป่าแห่งหนึ่ง ในบริเวณใกล้เคียงกับเขต Black Maple ยังมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งอาศัยอยู่บริเวณนั้น คนพวกนั้นมีหลายเชื้อชาติทั้งคนขาว คนดำ เม็กซิกัน แม้กระทั่วคนเอเชียบางคน พวกเขาทำการฝึกอาวุธและเก็บเกี่ยวเสบียงอาหารอย่างแข็งขัน และลึกเข้าไปในป่าแห่งนั้น มีบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งซึ่งตั้งตระหง่านอยู่กลางป่า ด้านในบ้าน มีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออะไรบางอย่างอย่างใจเย็น จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูมาจากด้านนอก

    "ก๊อกๆๆ"

    "ไม่ได้ล็อค เข้ามาเลย!!" หญิงสาวคนนั้นขานไป จากนั้นประตูก็เปิดเข้ามา พร้อมกับชายวัยกลางคนเดินเข้ามาหาเธอ

    "คุณคารีน มีข่าวมาจากกาจีครับ!!"

    "งั้นเหรอคุณคาร์เตอร์ มีอะไรว่ามาเลย??" คารีนถามเขาไป

    "พวกของเขาช่วยชายคนหนึ่งไว้จากกลุ่มที่เราเชื่อว่าน่าจะเป็นพวกเดอะแคลนที่มาก่อเรื่องครับ!!" คารีนได้ยินดังนั้นก็ตะโกนขึ้นมาในทันที

    "นี่มันกล้าก่อเรื่องถึงในเมืองแล้วเหรอ??" คารีนตะโกนออกไป และในขณะเดียวกัน ชายผิวดำคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับปืนไรเฟิลคู่ใจของเขา ในตอนนั้นเองเมื่อเขาเห็นคารีนเขาก็ก้มโค้งคำนับเธอในทันที

    "กลับมาแล้วเหรอนาธาน มีอะไรว่ามาเลย??"

    "เราสืบความเคลื่อนไหวของขบวนรถไฟที่จะเดินทางไปในเขตไวท์ยอร์ก เราเชื่อว่ามันจะมาในอีก 5 วันครับ!!" นาธานบอกไป

    "จริงเหรอ ถ้าพวกมันได้อาวุธ มันอาจจะยึดครองเขต Maplehood ทั้งหมดเลยก็ได้" คารีนพูดขึ้น

    "ถ้าอย่างงั้น เราก็ต้องไปดักรอที่หน้าขบวนรถไฟเลยสิครับ" คาร์เตอร์ออกความเห็น

    "นั่นสิครับ ถ้าเราไปดักพวกมันด้านหน้า ไม่แน่เราอาจจะไปถึงก่อนมันก็ได้นะครับ" นาธานพูดเสริม

    "แต่ตอนนี้พวกมันมีกำลังมากกว่า แถมเรายังโดนเพ็งเล็งมากกว่ามัน นายอำเภอแม็กซ์ตอนนี้ก็กำลังจับตามองอยู่ ถ้าเราทำอะไรบุ่มบ่าม งานนี้พวกเราลงหลุมกันหมดแน่ เราต้องพยายามหาแนวร่วมในเมืองและหมู่บ้านต่างๆให้ได้มากที่สุด แล้วเราจะเริ่มงานทันที" คารีนพูดออกไป จากนั้นตัวเธอก็กลับไปนั่งอ่านหนังสือของเธอต่อในทันที

     

    พร้อมกับอีกฝากหนึ่งของป่า ที่ที่ผู้คนเรียกกันว่าเขตไวท์ยอร์ก ยังมีหมู่บ้านใหญ่หมู่บ้านหนึ่งซึ่งดูภายนอกเหมือนกับว่าสงบสุข แต่ที่น่าสังเกตในหมู่บ้านก็คือ หมู่บ้านเหล่านั้นคนขาวอยู่สบายราวกับราชา ส่วนคนดำและผิวสีอื่นต้องทำงานหนักเยี่ยงทาส พวกเขาโดนบังคับให้เก็บเกี่ยวธัญพืชและฝ้ายกันอย่างหนักหน่วง ใครไม่ทำงานจะถูกเฆี่ยนตี และในระหว่างการทำงาน ชายคนหนึ่งซึ่งมีลูกน้องชุดขาวของเขารุมล้อมนั้น ก็กำลังมองดูการเก็บเกี่ยวอย่างเพลิดเพลิน และในตอนนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็วิ่งมาหาเขาเพื่อรายงานอะไรบางอย่าง

    "คุณรูเบ็นครับ มีข่าวจากรถไฟที่กำลังจะเคลื่อนมาครับ!!"

    "งั้นเหรอ แล้วพวกนั้นว่ายังไงบ้างหล่ะ??" เขาถามลูกน้องของเขาไป

    "พวกนั้นบอกว่าอีก 5 วัน รถไฟจะมาถึงครับ ถ้าไม่มีโจรปล้นซะก่อน"

    "อืม สั่งคนของเราไปคุ้มกันเต็มที่ ฉันว่าไอ้พวกอีกามันไปรอเราที่นั่นแน่ๆ" รูเบ็นพูดขึ้น

    "แล้วนี่พวกมันจะเก็บเกี่ยวกันเสร็จเมื่อไหร่ครับ??" ลูกน้องของเขาถามเรื่องการเก็บเกี่ยวไป

    "อีกไม่นาน ให้พวกมันทำทั้งวันทั้งคืน ใครขี้เกียจ พวกแกก็รู้ว่าต้องทำยังไง ไอ้พวกคนดำสวะพวกนี้" รูเบ็นพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ลูกน้องอีกคนหนึ่งของเขาก็รีบวิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับเขา

    "คุณรูเบ็นครับ แย่แล้วครับ พวกเราที่ไปจับคนดำมาทำพิธี โดนนายอำเภอแม็กซ์จับไปแล้วครับ!!"

    "นายอำเภอแม็กซ์งั้นเหรอ เวรหล่ะ บอกพวกเราให้เงียบๆกันไปก่อน" รูเบ็นพูดขึ้น

    "แต่ว่า พวกเรากำลังตกอยู่ในอันตรายนะครับ??" ลูกน้องของเขาอีกคนหนึ่งทัดทานไป

    "นี่พวกแกไม่รู้เหรอว่านายอำเภอแม็กซ์ทำงานยังไง พวกนั้นไม่เน้นจับเป็น สองคนนั้นดีแค่ไหนแล้วที่ไม่โfนยิงตาย!!" รูเบ็นบอกกับลูกน้องของเขาไป และในตอนนั้นเอง สายตาคู่หนึ่งที่กำลังจ้องมองเขาในป่า ในตอนนั้นเองเขาก็เก็บกล้องส่องทางไกลของเขาแล้วหนีกลับออกมาในทันที ก่อนที่จะมีใครจับตัวเขาได้

     

    และที่เขตชายป่าที่ไม่ห่างกับพื้นที่ไวท์ยอร์ก บริเวณนั้นก็ยังมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งซึ่งแต่งกาบคล้ายทหารสมาพันธรัฐอเมริกาในอดีต และพวกเขายังคงฝึกตนเหมือนกับทหารที่ยังปฏิบัติภารกิจ โดยที่มีหญิงสาวคนหนึ่งในชุดทหารเดินมาตรวจสอบความพร้อมในการรบของพวกเขาด้วย

    "อืม พวกเขาฝึกกันได้ดีมาก!!"

    "แน่นอนครับคุณคลีฟแลนด์ แต่ตอนนี้พวกเขายังขาดอาวุธอยู่ครับ" ผู้ช่วยของเธอพูดขึ้น

    "นั่นสิ ตอนนี้พวกเรากำลังขาดแคลนอาวุธอยู่ เราต้องหาเพิ่มจากเขตของรัฐบาลหล่ะ" คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    "ทางผมได้ทราบข่าวมาแล้ว ว่าพวกเดอะแคลนกำลังดักรอรถไฟขนอาวุธที่กำลังจะมาในอีก 5 วันครับ"

    "เฮ้อ หาแต่เรื่องจริงๆไอ้พวกนี้ ความจริงฉันไม่อยากทำงานกับพวกมันหรอก" คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    "ทำไมถึงคิดแบบนั้นหล่ะครับ??"

    "ไม่รู้เหรอ พวกรัฐบาลอาจจะกำลังตามล่ารถไฟขบวนนั้นก็ได้ และถ้าพวกมันรู้ตำแหน่งของเรา พวกเราตายกันหมดแน่ แต่เอาเถอะ สังเกตการณ์พวกมันไว้ก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยเล่นงานพวกมันเลย" คลีฟแลนด์พูดขึ้น จากนั้นเธอก็เดินตรวจทัพของเธอต่อไป

     

    ณ ค่ายทหารกองพลทหารราบน้อยแห่งหนึ่งในเขตตะวันตก ด้านในค่ายมีทหารฝึกซ้อมต่อสู้กันอย่างเข้มแข็ง พวกเขาฝึกแล้วฝึกเล่าเพื่อต้องการความเข้มแข็ง และท่ามกลางทหารที่กำลังฝึกหนัก มีนายทหารคนหนึ่งตะโกนปลุกเร้าเพื่อให้ทหารมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น

    "ทุกคน พวกสัตว์ร้ายอาจจะมาจิกกินหัวใจนายเมื่อไหร่ก็ได้ พวกนายต้องฝึกให้หนักกว่านี้ ถ้าพวกนายอยากชนะพวกมัน!!" เขาตะโกนใส่ทหารที่กำลังวิ่กันอย่างบ้าคลั่ง และในขณะเดียวกันนั้นเอง มีทหารคนหนึ่งวิ่งมาหาเขาและทำความเคารพเขาอย่างรวดเร็ว

    "ท่านเจสันครับ มีรายงานครับ!!

    "มีอะไรทหาร ว่ามาเลย??" นายทหารคนนั้นถามไป

    "ตอนนี้เราสืบความเคลื่อนไหวของพวกใต้ได้แล้วครับ!!"

    "ห่ะ จริงเหรอ ได้เรื่องอะไรงั้นเหรอ??" เจสันถามทหารของเขาไป

    "ครับ เราสืบทราบมาว่าพวกเขาจะขนส่งอาวุธให้กันในไม่กี่วันนี่ครับ"

    "เหรอ พอรู้สถานที่หรือเปล่า??" เจสันถามต่อ

    "ยังไม่ทราบครับ ตอนนี้เรากำลังหาข่าวเพิ่มเติมอยู่ครับ!!"

    "ดี ไอ้พวกใต้แพ้แล้วไม่ยอมจบจริงๆ ถ้ามันไม่จบ ฉันจะจบให้พวกมันเอง ยังไงก็ตามหาข่าวต่อแล้วกัน"

    "รับทราบครับ!!" ทหารคนนั้นตอบไป จากนั้นเขาก็วิ่งกลับออกไปที่ด้านนอกในทันที

    และอีกฝากหนึ่งไม่ไกลจากค่ายทหารนั้น มีคฤหาสน์หลังใหญ่หลังหนึ่ง ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางผืนดินอันอุดมสมบูรณ์ ซึ่งติดกับแม่น้ำใหญ่ ท่ามกลางเหล่าคนงานทั้งผิวดำและผิวขาวที่กำลังทำงานอย่างขยันขันแข็งและดูท่าทางมีความสุข และในระหว่างนั้นเอง หญิงสาวชุดดำคนหนึ่งก็เดินออกมาจากบ้าน โดยที่เหล่าคนงานที่กำลังทำงานก็โค้งคำนับเธอกันทุกคน เธอเดินไปคุยกับชายคนหนึ่ง ซึ่งกำลังยืนเฝ้ายามอยู่แถวนั้น

    "สถานการณ์เป็นยังไงบ้างคะ??" เธอคนนั้นถามไป

    "อ่ะ คุณหนูลอร่า ตอนนี้เหตุการณ์ปกติครับ!!"

    "ดีแล้วหล่ะ ว่าแต่ ตอนนี้พวกศัตรูใต้ไม่มาป่วนในละแวกนี้เลยเหรอ??" ลอร่าถามอย่างสงสัย

    "ช่วงนี้มันเงียบไปเลยครับ ไม่รู้มันกำลังวางแผนอะไรหรือเปล่า" ลูกน้องของเธอพูดขึ้น

    "ฉันก็ว่าอย่างงั้น พวกมันคงกำลังวางแผนทำอะไรแน่ๆ ฉันเชื่อแบบนั้น" ลอร่าตอบไป

    "อืม ถ้าอย่างงั้นให้ผมไปสืบข่าวพวกมันดีหรือเปล่าครับ??"

    "ไม่ต้องหรอก ไปสืบกับกลุ่มอีกาก็ได้ พวกนั้นน่าจะรู้เยอะกว่าพวกเราหน่ะ" ลอร่าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็ออกไปเดินเล่นที่ด้านนอกต่อไป

     

    กลับมายังโบสถ์ของบาทหลวงมอริสัน ตกดึกในคืนนั้น ทองสุกรู้สึกนอนไม่หลับเท่าไหร่ เนื่องจากว่าเขานอนมาเต็มอิ่มแล้วทั้งวัน เขาตื่นขึ้นมาก็เปิดประตูแล้วเดินลงไปด้านล่างในทันที โดยที่ในตอนนั้นเอง เขาก็เห็นบาทหลวงมอริสันกำลังนั่งดูดาบของเขาอยู่ ในตอนนั้นเองนาครก็เดินเข้าไปหาเขาในทันที

    "หลวงพ่อ นั่นดาบข้านะขอรับ!!"

    บาทหลวงมอริสันที่ได้ยินก็วางดาบเอาไว้ จากนั้นก็พูดกับทองสุกในทันที

    "อืม ดาบน่าสนใจ ดาบของชาวสยามนี่ก็สวยเหมือนกันนะ" บาทหลวงคนนั้นพูดขึ้น

    "ก็ใช่หน่ะหลวงพ่อ แม้ชาวเราจะมีปืนแล้ว แต่ดาบก็ยังสำคัญอยู่นะ" ทองสุกพูดขึ้น

    "ลูกมีเอกสารผ่านแดน พ่อถามหน่อย ลูกไปหาเงินมาจากไหนกันเหรอ??" มอริสันถามไป

    "อ้อ ข้ามีทองติดตัวมานิดหน่อย พอใช้เป็นค่าผ่านทางได้หน่ะจ้ะ"

    "ลูกเป็นทหารใช่หรือเปล่า ดูจากหน่วยก้านของลูกแล้ว??" บาทหลวงถามต่อไป

    "ก็ใช่ขอรับ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว หลวงพ่อเองก็คงเคยเป็นทหารเหมือนกันสินะขอรับ??"

    "ใช่ สงครามกลางเมืองหน่ะ พวกรบกับฝ่ายใต้ หลังสงคราม พ่อเลยมาเป็นบาทหลวงเนี่ย" บาทหลวงพูดไป

    "ฝ่ายใต้ เกิดอะไรขึ้นที่นี่ขอรับ??"

    "ถ้างั้นพ่อเล่ารวบรัดเลยนะ ฝ่ายเหนือต้องการเลิกทาส ฝ่ายใต้ไม่ยอมเลยรบกัน สุดท้ายฝ่ายเราชนะหน่ะ แล้วก็ต้องรวมประเทศ แต่ว่าฝ่ายใต้บางส่วนก็ยังไม่ยอมหน่ะ" บาทหลวงพูดขึ้น

    "อ้อ ที่บ้านเมืองของข้ายังคงมีทาสอยู่หน่ะจ้ะ"

    "พ่อเข้าใจ แต่ก็นะ มาอยู่ที่นี่แค่ดาบไม่พอหรอก รอนี่ก่อนนะ!!" บาทหลวงพูดขึ้น จากนั้นเขาก็เดินไปที่ห้องของเขา แล้วก็เดินกลับออกมาพร้อมกับกล่องๆหนึ่ง ซึ่งเมื่อหลวงพ่อมาถึง หลวงพ่อก็เปิดกล่องนั้นไป ด้านในมีปืนลูกโม่ชนิด Double Action กระบอกหนึ่ง ในตอนนั้นเองเขาก็ยื่นมันให้กับทองสุกในทันที

    "มันคือปืนลูกโม่หน่ะ!!"

    "ฉันไม่เคยใช้ปืนแบบนี้หน่ะจ้ะ ฉันเคยใช้แต่ปืนยาวหน่ะจ้ะ" ทองสุกตอบไป

    "เฮ้อ กระบอกนี้ใช้ง่ายกว่าปืนยาวซะอีก" บาทหลวงบอกกับเขาไป

    "แต่ว่า คุณเป็นผู้ทรงศีล จับปืนแบบนี้มันไม่บาปเหรอ??"

    "ไม่ต้องห่วงหรอก บาปของพ่อคงจะลบลำบาก ยังไงก็รับไว้เถอะ" บาทหลวงพูดขึ้น จากนั้นทองสุกก็รับปืนจากเขามาในทันที ดูเหมือนว่ามิตรภาพของพวกเขาทั้งสองคนกำลังค่อยๆก่อตัวขึ้นแล้ว

    ===============================================================

    มิตรภาพของพวกเขาทั้งคู่กำลังก่อตัว และดินแดนใหม่ที่ทองสุกอยู่ จะเป็นที่ที่ดีสำหรับเขาหรือเปล่า อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะ ตัวละครอาจยังไม่มาทุกตัวเน้อ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลหนูด้วย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×