ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Siam Cowboy - คาวบอยสยาม

    ลำดับตอนที่ #27 : ตอนที่ 23 : เข้าปะทะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 60
      3
      28 พ.ย. 63

    หลังจากกองทัพของแฟรงค์เก้นเดินผ่านป่าไปได้ พวกเขาก็มาเจอกับกองกำลังของเจสันที่กำลังดักรออยู่บนเนินเขา แฟรงค์เก้นในตอนนั้นก็ชักดาบออกมาในทันที ส่วนเจสันและกองกำลังของเขาก็เตรียมพร้อมรับมือ

    “กองกำลังติดอาวุธที่อยู่ตรงหน้า ขอให้วางอาวุธและมอบตัวซะ!!” เจสันตะโกนใส่กลุ่มของแฟรงค์เก้น แต่ในตอนนั้นเอง แฟรงค์เก้นก็สั่งทหารของเขา

    “บุกเข้าไป!!”

    “เฮ้!!”

    “ปังๆๆๆๆๆ”

    ทั้งสองฝ่ายยิงปะทะกันอย่างดุเดือด กลุ่มของเจสันตั้งรับบนเนินและยิงปืนกลใส่พวกของแฟรงค์เก้น แต่แฟรงค์เก้นมีมากกว่า พวกสามารถยิงตอบโต้พวกนั้นได้

    “พวกมันมีเยอะเกินไป ต้องขอกำลังเสริมแล้ว!!” เจสันตะโกนสั่งไป

    “เราพยายามติดต่อตำรวจของนายอำเภออยู่ครับ”

    และไม่ทันไรที่พวกเขากำลังตามหา กองกำลังของนายอำเภอก็ควบม้าเข้ามาในพื้นที่อย่างรวดเร็ว เขารีบมาร่วมมือกับเจสันและกองทหารของเขา นายอำเภอรีบไปหาเจสันในทันทีเพื่อคุยถึงสถานการณ์

    “คุณทหาร เป็นยังไงบ้างครับ??” นายอำเภอถามไป

    “สวัสดีครับนายอำเภอ พวกมันมีกำลังมากกว่าเรา เราต้องยันมันไว้” เจสันพูดขึ้น

    “ดูแล้วน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 500 แน่ๆ เห็นทีต้องขอกำลังเสริมแล้วหล่ะ” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “เอาหล่ะ ทหาร ยันพวกมันไว้ให้ถึงที่สุด!!” เจสันตะโกนสั่งไป จากนั้นพวกเขาก็ระดมยิงกับแฟรงค์เก้นและทหารของเขาอย่างดุเดือด 

    “อ้อมไปด้านข้าง แล้วโอบล้อมพวกมันไว้!!” แฟรงค์เก้นพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง

    “ปังๆๆๆ”

    เจสสิก้าและคนอื่นๆก็ระดมยิงใส่พวกของแฟรงค์เก้นที่กำลังสับสน พวกนั้นพยายามจะหันไปยิงแต่ก็ไม่ทัน พวกของเจสสิก้ายิงได้เร็วกว่า

    “เข้ามาเลยไอ้พวกสารเลวเอ้ย!!” เจสสิก้าพูดขึ้น

    “ใช่ ไม่เคยหนุกแบบนี้มาก่อนเลย” แคลิเฟอร์พูดขึ้นและยิงไรเฟิลของเธอใส่มัน

    “ทุกคน แล้วทอดด์เขาไปไหนหล่ะ??” โฮรุกิถามไป และในตอนนั้นเอง ทองสุกก็กระโดดออกไปกลางวงของพวกมัน จากนั้นก็ชักดาบออกมาฟาดฟันพวกมันไปทีละคน พวกมันพยายามเล่นงานทองสุกแต่ก็ไม่เป็นผลมาก เนื่องจากทองสุกเก่งกว่า แฟรงค์เก้นเห็นทองสุกก็ถึงกับโกรธแค้น

    “ไอ้ระยำ วันนี้คือวันตายของแก!!”

    แฟรงค์เก้นพูดขึ้นและควบม้าชักดาบออกมา จากนั้นก็ควบม้าพุ่งจู่โจมใส่ทองสุกอย่างรวดเร็ว แต่ในตอนนั้นเองทองสุกก็ต่อดาบของเขาเข้าด้วยกันทั้งสองด้าน

    “ย้าก!!” แฟรงค์เก้นควบม้าเข้าไปเพื่อโจมตีทองสุก แต่ในตอนนั้นเอง ทองสุกก็เอี่ยวตัวหลบแล้วใช้ใบดาบขวางทางม้าเอาไว้

    “ฉึก!!”

    “ฮี้!!” ม้าของแฟรงค์เก้นก็สะดุดล้ม และตัวแฟรงค์เก้นเองก็ตกจากม้าในทันที จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นมาแล้วชักดาบขึ้มาในทันที

    “เฮ้อ งานนี้ฉันไม่ปล่อยแกเหมือนคราวก่อนแน่ๆ” แฟรงค์เก้นพูดกับทองสุก

    “เหรอวะ คราวที่แล้วมึงก็พูดแบบนี้ สุดท้ายเป็นยังไงหล่ะ??”

    “ไม่ต้องมาปากดี!!”

    แฟรงค์เก้นวิ่งเข้าไปจู่โจมทองสุกในทันที ทองสุกกันดาบของแฟรงค์เก้นไว้ได้ จากนั้นก็จู่โจมกลับอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ ทอดด์ ระวังหน่อย!!” เจสสิก้าพูดขึ้น จากนั้นก็ไล่ยิงพวกมันที่กำลังโอบล้อมพวกเขา

    “ถ้าเราไม่มีใครมาช่วย เราตายแน่ๆ” แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    “ทุกคน รีบถอยดีกว่า!!” โฮรุกิตะโกนออกไป ในระหว่างที่พวกเขาพยายามจะถอย แต่ในตอนนั้นเอง

    “ปังๆๆๆ”

    เสียงปืนในตอนนั้นดังมาจากนอกป่า ซึ่งเป็นฝีมือของนาธาน เขานำกำลังคนมาช่วยต่อต้านแฟรงค์เก้นและกองกำลังของเขา นาธานวิ่งเข้าไปหาเจสสิก้าและคนอื่นๆเพื่อดูว่าเธอเป็นยังไงบ้าง

    “เฮ้ เป็นยังไงบ้างหล่ะ??” นาธานถามไป

    “อ้าว นึกว่านายจะไม่มาแล้วซะอีก!!” โฮรุกิพูดขึ้น

    “คุณคารีนส่งฉันมาหน่ะ แล้วนี่ทอดด์ไปไหนหล่ะ??” นาธานถามไป 

    “ก็อยู่ตรงโน้นยังไงหล่ะ” แคลิเฟอร์พูดขึ้นพลางชี้ไปที่ทองสุกที่กำลังฟาดฟันดาบกับแฟรงค์เก้นอย่างดุเดือด พวกเขาทั้งคู่ผลัดกันรุกผลัดกันรับไปซักพัก จากนั้นทองสุกก็กระโดดหมุนตัวแล้วเตะไปที่หน้าของแฟรงค์เก้นในทันที

    “ยังไงหล่ะห่ะ??” ทองสุกถามไป แต่ในตอนนั้นแฟรงค์เก้นก็ไม่ยอมแพ้ เขาชักมีดขึ้นมาอีกมือหนึ่ง จากนั้นก็จู่โจมทองสุกในทันที 

    และอีกหนึ่งของสนามรบ ในตอนนั้นนายอำเภอและเจสันไล่ยิงกดพวกมันอย่างดุเดือด เสียงปืนดังไปทั่วป่า ตอนนี้คนของแฟรงค์เก้นเริ่มเสียเปรียบเพราะต้องรับศึกหลายทาง 

    “โน่น พวกมันเริ่มจะถอยเข้าป่าไปแล้ว!!” เจสันชี้ไปและตะโกนบอก

    “ดูเหมือนมันไม่มีกำลังเสริมแล้ว ปีเตอร์ สั่งคนของเราออกตามล่าเลย!!” นายอำเภอพูดขึ้น

    “รับทราบครับ บอริส เอาคนของเรามา ตามล่าพวกมัน!!” 

    “ได้ครับ กำลังรอคำสั่งนี้พอดีเลย!!” บอริสพูดขึ้น จากนั้นปีเตอร์ก็รีบวิ่งไปขึ้นม้า และนำกำลังพลของเขาขี่ม้าลงจากเนินเขาและไล่ยิงพวกมันให้ถอยกลับไปในทันที 

    “ทหาร เตรียมพร้อมเข้าชาร์จเลย!!” เจสันพูดขึ้น จากนั้นทหารของเขาก็ออกจากเนินและไล่ยิงพวกมันจากบนภูเขา 

    “ระวังกันด้วย พวกมันอาจจะดักรอเราในนั้นก็ได้” นายอำเภอพูดขึ้น จากนั้นก็นำกำลังที่เหลือเข้าจู่โจมในทันที 

    และทางด้านของแฟรงค์เก้น ในตอนนั้นที่เขากำลังต่อสู้กับทองสุกอยู่ จู่ๆลูกน้องของเขาก็วิ่งเข้ามาหาเขาอย่างหน้าตาตื่น และมารายงานเขาในทันที

    “ท่านครับ พวกเรากำลังโดนตีโต้ พวกเราโดนหนักแล้ว!!”

    “อะไรกันวะ นี่พวกมันมีเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ??” แฟรงค์เก้นตะโกนถามไป

    “ผมว่า คุณกลับไปเถอะ อย่ามาตายเปล่าเลย!!” ทองสุกพูดกับแฟรงค์เก้น

    “หุบปาก!!” แฟรงค์เก้นพูดและจะใช้ดาบแทงทองสุก แต่ทองสุกเตะดาบนั้นออกไปได้และเข่าลอยใส่แฟรงค์เก้นจนกระเด็นไปไกล ลูกน้องของเขาต้องมาหิ้วปีกในทันที

    “ท่านครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ??”

    “ไม่เป็นไร แล้วนี่กำลังเสริมของเราไปไหนหล่ะเนี่ย รูเบ็นไปไหน??” แฟรงค์เก้นถามไป

    “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ!!”

    และทางด้านของทองสุก เขาวิ่งกลับไปรวมตัวกับเพื่อนของเขาที่กำลังไล่ยิงกับทหารของแฟรงค์เก้น เขาเห็นนาธานด้วยจึงได้ทักทายกันไป

    “อ้าว เฮ้ นึกว่าจะไม่มาแล้วซะอีก!!” ทองสุกถามไป

    “มาสิ คุณคารีนส่งฉันมาช่วยนายหว่ะ แล้วพวกมันมีแค่นี้เองเหรอ??” นาธานถามในขณะที่กำลังบรรจุกระสุนไป

    “นั่นดิ มาโจมตีเราแต่มีคนแค่นี้ บ้าไปแล้ว” แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    “ก็ดีแล้วนี่ งั้นก็จัดการพวกมันให้หมดเลย!!” โฮรุกิพูดขึ้น จากนั้นก็ยิงธนูใส่มันจนมันล้มลง

    “อย่าประมาทไป พวกมันอาจจะเอากำลังคนมารอไว้แล้ว” เจสสิก้าพูดขึ้น และอีกด้านหนึ่งของภูเขา ซึ่งรูเบ็นซึ่งได้แบกปืนใหญ่ขึ้นมาบนเขา เขามองกำลังพลของสองฝ่ายที่กำลังไล่ยิงกันอย่างดุเดือด จากนั้นเขาก็สั่งทหารของเขาในทันที

    “ดูเหมือนพวกมันกำลังรบกันหนักเลย!!” รูเบ็นพูดขึ้น

    “ให้เราส่งคนไปช่วยคุณแฟรงค์เก้นดีหรือเปล่าครับ??”

    “ไม่ต้องหรอก ยิงปืนใหญ่ถล่มพวกมันจากตรงนี้ ฆ่าพวกมันให้หมด!!” รูเบ็นพูดขึ้น

    “แต่ว่า พวกของคุณแฟรงค์เก้นอาจจะโดนลูกหลงไปด้วยนะครับ”

    “ยิงไปเดี๋ยวนี้ นี่เป็นคำสั่ง!!”

    รูเบ็นสั่งลูกน้องของเขาไป จากนั้นลูกน้องของเขาก็บรรจุกระสุนใส่ปืนใหญ่ในทันที จากนั้นก็เล็งเข้าไปในป่า

    “เตรียมพร้อม!!”

    “ยิง!!”

    “ตู้ม!!”

    ปืนใหญ่นับสิบยิงเข้าไปในป่าอย่างต่อเนื่อง กระสุนตกลงไปยังที่มั่นของทั้งสองฝ่าย

    “เฮ้ย นี่มันอะไรกันเนี่ย??” เจสสิก้าตะโกนถามไป

    “ปืนใหญ่ รีบหาที่หลบเร็ว!!” นาธานตะโกนออกมา ทำเอาพวกเขาถึงกับต้องรีบหาที่หลบในทันที

    “บ้าเอ้ย มันยิงมาจากไหนเนี่ย??” โฮรุกิถามไป และในตอนนั้นที่แฟรงค์เก้นก็เกือบจะโดนลูกปืนใหญ่ยิงก็ตกใจว่าเป็นฝีมือของใคร

    “ไอ้เวรเอ้ย ใครยิงเราวะ??”

    “มันยิงมาจากบนเขา ทางด้านของฝั่งเราครับ!!” ลูกน้องของเขาพูดขึ้น

    “ผมว่าน่าจะเป็นรูเบ็นก็ได้นะครับ พวกนั้นบอกจะเอาปืนใหญ่มา!!” ลูกน้องอีกคนพูดในขณะที่กำลังหิ้วปีกแฟรงค์เก้น

    “อะไรกันวะ มันยิงพวกเดียวกันเหรอ??”

    ตอนนั้นทองสุกเห็นท่าไม่ดีเลยวิ่งไปที่ม้าของเขา จากนั้นก็ควบไปยังฝั่งของแฟรงค์เก้นในทันที เจสสิก้าและคนอื่นๆห้ามไว้ไม่ทัน และทางด้านของเจสันและนายอำเภอ พวกเขาก็สั่งให้กำลังของพวกเขาถอยออกจากแนวปืนใหญ่ในทันที

    “ดูเหมือนว่าพวกมันยิงใส่กันเองนะ!!” นายอำเภอพูดขึ้น

    “ดีเลย สมน้ำหน้าพวกมัน เราถอยออกไปดีกว่าครับ” บอริสพูดขึ้น

    “นายไปก่อนเลย เดี๋ยวฉันมา!!” ปีเตอร์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็ควบม้าไปยังเขตที่ยิงปืนใหญ่ในทันที 

    “ทหาร ถอนกำลังด่วนเลย!!” เจสันสั่งทหารให้เป่าแตรถอนกำลังเป็นการด่วน และอีกด้านหนึ่ง ซึ่งรูเบ็นกำลังระดมยิงปืนใหญ่ถล่มโดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม กองกำลังของทั้งสองฝ่ายตอนนี้โดยยิงจนเสียหายทั้งสองฝ่าย และในตอนนั้นเอง ทองสุกก็ขี่ม้าบุกเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทำเอาทหารของรูเบ็นถึงกับตกใจ

    “เฮ้ย ไอ้ชุดแดงมา!!”

    พวกนั้นพยายามระดมยิงใส่ทองสุก แต่ไม่ทัน ทองสุกกระโดดลงจากหลังม้าและชักดาบออกมาในทันที ตอนที่พวกมันจะยิงทองสุกก็เอาร่างของมันอีกคนมาช่วยบังกระสุน รูเบ็นเห็นทองสุกในตอนนั้นก็ถึงกับคลั่ง จากนั้นเขาก็ชักปืนของเขาออกมาในทันที

    “เฮ้ย นั่นไอ้ชุดแดงนี่ ใครฆ่ามันได้ฉันจ่ายไม่อั้นเลย!!”

    พวกชุดขาวได้ยินดังนั้นจึงพยายามจะเล่นงานทองสุก แต่ในตอนนั้นทองสุกก็ไล่ฟันพวกมันจนยับ ทองสุกรีบวิ่งไปที่ปืนใหญ่ ซึ่งชายคนหนึ่งได้จุดชนวนปืนใหญ่ไปแล้ว ทองสุกฆ่าคนจุดชนวนปืนใหญ่ จากนั้นก็ยกท้ายปืนใหญ่ให้หันไปทางปืนใหญ่กระบอกอื่นในทันที

    “ย้าก!!”

    “ตู้ม!!”

    เมื่อปืนใหญ่ถูกยิงออกมา ปืนใหญ่กระบอกอื่นก็โดนเข้าอย่างจังและได้รับความเสียหายทั้งหมด ตอนนี้ปืนใหญ่ของรูเบ็นพังเสียหายหมดแล้ว รูเบ็นเห็นดังนั้นจึงสั่งให้คนจัดการทองสุกในทันที

    “ฆ่ามัน!!”

    กลุ่มชุดขาวพยายามรุมยิงทองสุก ทองสุกรีบวิ่งและกระโดดหลบไปทางอื่นเพื่อหนีจากกระสุน ในระหว่างที่พวกชุดขาวกำลังตามล่าทองสุก ในตอนนั้นเอง

    “ปัง!!”

    “พวกเรา ฆ่ามัน!!”

    กลุ่มคนชุดดำพร้อมอาวุธครบมือก็ขี่ม้าเข้ามาจัดการกลุ่มชุดขาวอย่างดุเดือด ทองสุกแปลกใจว่ามันเป็นพวกไหน จนในตอนนั้นเอง ชายชุดดำขี่ม้าคนหนึ่งก็ขี่ม้ามาหาทองสุกในทันที และเปิดหน้าของเขามาให้เขาดู

    “ไง คุณทอดด์ ใจคอจะไม่รอผมหน่อยเหรอ??”

    “คุณเซบาสเตียน คุณมาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย??” ทองสุกถามไป แต่ในตอนนั้นเอง

    “ปืนกล!!”

    “ปังๆๆๆๆๆๆๆ”

    กลุ่มของรูเบ็นเอาปืนกลออกมาตั้ง จากนั้นก็ระดมยิงใส่กลุ่มชุดดำ ทำเอาพวกเขาต้องหาที่หลบกันให้วุ่น ทองสุกเห็นในตอนนั้นจึงรีบวิ่งไปที่ด้านข้างพร้อมปืนกระบอกหนึ่ง เขาฝ่าวงล้อมกลุ่มชุดขาวมาจนถึงกลุ่มปืนกลตรงนั้น ทองสุกวิ่งไปยิงพลปืนกลที่กำลังยิงอยู่ในทันที

    “ปังๆๆๆ”

    ทองสุกยิงและวิ่งเข้าไปบังคับปืนกลกระบอกหนึ่ง จากนั้นเขาก็เล็งไปที่กลุ่มของรูเบ็นในทันที

    “ปังๆๆๆๆๆๆๆ”

    กลุ่มชุดขาวโดนกระหน่ำยิงอย่างหนัก ส่วนเซบาสเตียนในตอนนั้นเมื่อรู้ว่าปลอดภัยก็รีบไปช่วยเขาในทันที

    “ทุกคน ฝ่าวงล้อม รีบไปช่วยเขา เร็ว!!”

    กลุ่มชุดดำไล่ยิงฝ่าพวกเดอะแคลนอย่างดุเดือด ในตอนนี้พวกของรูเบ็นกำลังตกที่นั่งลำบาก และที่ด้านล่าง เมื่อพวกนายอำเภอและเจสสิก้าเห็นว่าปืนใหญ่ด้านบนหยุดยิงแล้ว พวกเขาจึงนำกำลังรุกไล่กลุ่มของแฟรงค์เก้นในทันที

    “ทุกคน บุกเข้าไป จับตัวหัวหน้ามันมาให้ได้!!” เจสันตะโกนสั่งทหารของเขาและพวกเขาก็วิ่งเข้าไปชาร์จพวกนั้นในป่าทันที

    “ทุกคน ระวังด้วย มันอาจจะดักซุ่มยิงเราก็ได้” นายอำเภอพูดขึ้นจากนั้นก็ยิงลูกซองใส่พวกมัน

    “แล้วนี่ปีเตอร์หายไปไหนหล่ะเนี่ย??” บอริสตะโกนถามไป จากนั้นก็ระดมยิงพวกของแฟรงค์เก้นที่กำลังถอย แต่มันก็ยิงตอบโต้กลับจนเฉี่ยวแขนนายอำเภอไปหนึ่งนัด ทำเอานายอำเภอถึงกับถอย

    “ทำได้แค่นี้เองเหรอวะ??” นายอำเภอตะโกนออกไป จากนั้นก็ชักปืนลูกโม่ออกมาไล่ยิงพวกมัน

    “นายอำเภอครับ คุณไปหลบหลังผมก่อนดีกว่า!!” บอริสพูดขึ้นและยิงคุ้มกันให้นายอำเภอ

    “ทหารทุกคน จับเป็นก็ได้ จับตายก็ดี!!” เจสันพูดขึ้น จากนั้นก็ยิงลูกโม่ใส่ป่าในทันที และอีกด้านหนึ่งของป่า แฟรงค์เก้นที่ตอนนี้บอบช้ำทั้งร่ายกายและจิตใจเนื่องจากการยิงของพวกเดียวกัน ในตอนนั้นลูกน้องของเขาเห็นท่าไม่ดีเลยคุยกับแฟรงค์เก้นในทันที

    “ท่านครับ พวกเราต้องถอยแล้ว ไม่งั้นเราตายหมดแน่!!” 

    “นั่นสิครับ ตอนนี้เราต้องถอยแล้ว!!” ทหารอีกคนของแฟรงค์เก้นพูดขึ้น

    “สั่งคนของเราถอยให้หมด รีบกลับไปที่แม่น้ำเมนเนอร์ ไปตั้งหลักที่นั่นก่อน!!”

    แฟรงค์เก้นออกคำสั่งไป จากนั้นพวกเขาก็รีบเป่าแตรให้สัญญาณในทันที และทหารของแฟรงค์เก้นก็ค่อยๆถอยออกจากที่มั่นในทันที ทางด้านนาธานและคนอื่นๆเมื่อเห็นกลุ่มของแฟรงค์เก้นถอยก็โห่ร้องดีใจกันยกใหญ่ บางส่วนก็ยิงไล่พวกมันตอนที่กำลังถอย

    “พวกมันถอยไปแล้ว พวกเราชนะแล้ว เยี่ยมไปเลย!!” โฮรุกิพูดขึ้น

    “สั่งพวกเราทุกคนถอยมาก่อน อย่าเพิ่งไล่ตามพวกมันไป มันอาจจะดักรอเรา” นาธานสั่งคนของเขาไป

    “เออใช่ แล้วทอดด์หล่ะ เขาหายไปไหนหล่ะ??” แคลิเฟอร์ถามไป

    “เขาต้องไปจัดการปืนใหญ่บนเขาแน่ๆ” เจสสิก้าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็รีบไปขึ้นม้าในทันทีเพื่อตามหาเขา

    “นี่ รอฉันด้วยสิ ฉันไปด้วย” โฮรุกิพูดขึ้น

    “เราจะไปหาทอดด์ นายอยู่ที่นี่ไปก่อนนะ” แคลิเฟอร์บอกกับนาธานไป

    “ได้ๆ ระวังตัวด้วยแล้วกัน มันอาจจะดักรอพวกเธอก็ได้” นาธานพูดขึ้น

    “ถ้างั้นตามฉันมาก็แล้วกัน” เจสสิก้าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็ควบม้าขึ้นเขาในทันทีเพื่อตามหาทองสุก และที่ด้านบน ตอนนั้นทองก็ยิงจนปืนกลกระสุนหมด รูเบ็นในตอนนั้นเห็นท่าไม่ดีจึงรีบถอยในทันที ทองสุกเห็นในตอนนั้นก็รีบวิ่งตามเขาไปในทันที

    “เฮ้ย หยุดนะเว้ย!!” ทองสุกวิ่งตามรูเบ็นไป และเมื่อถึงจุดหนึ่ง ทองสุกก็กระโดดตะครุบตัวรูเบ็นในทันที พวกเขาทั้งคู่กลิ้งตกเขาและไปหยุดอยู่ริมหน้าผาแห่งหนึ่ง ทองสุกลุกขึ้นมาและต่อยหน้ารูเบ็นในทันทีอย่างดุเดือด

    “ไอ้ระยำ!!”

    “ปล่อยฉันนะเว้ย!!” รูเบ็นพูดขึ้นจากนั้นก็ถีบทองสุกออก จากนั้นเขาก็หยิบเอาปืนพกเล็กของเขายิงเข้าที่แขนทองสุก และทองสุกก็ผลัดตกลงจากหน้าผาในทันที รูเบ็นลุกขึ้นและชะเง้อมองลงไปที่หน้าผา พบว่ามีแม่น้ำใหญ่อยู่ด้านล่าง และในตอนนั้นเอง คนของรูเบ็นสองคนก็ตามมาช่วยเขาอย่างรวดเร็ว

    “ท่านครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ??”

    “ไม่เป็นไร รีบไปจากที่นี่เถอะ!!” รูเบ็นพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบหนีลงจากเขาในทันที ทางด้านของเซบาสเตียนและคนอื่นๆที่พยายามตามรอยของทองสุกมา เมื่อมาหยุดที่หน้าผา เซบาสเตียนก็เห็นรอยเลือด และคนอื่นๆทั้งปีเตอร์ และกลุ่มของเจสสิก้าก็ขึ้นเขามาได้สำเร็จ แล้วมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทันที

    “ทอดด์ เขาหายไปไหน??” เจสสิก้าตะโกนถามไป

    “นี่รอยเลือด แล้วมันก็ไปที่หน้าผา!!” เซบาสเตียนพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบไปมองที่หน้าผาซึ่งมีแม่น้ำใหญ่ในทันที แต่ก็ไม่พบร่องรอยของทอดด์เลย

    “นี่ พวกมัน ฆ่าทอดด์งั้นเหรอ??” ปีเตอร์ถามอย่างสงสัย

    “ไม่ เขาต้องยังไม่ตาย เขาอาจจะตกแม่น้ำไปก็ได้” แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    “ฉันจะไปตามหาเขาเอง!!” เจสสิก้าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็รีบควบม้าลงเขาและตามหาทองสุกในทันที 

     

    และอีกด้านหนึ่งของเขตไวท์ยอร์ก กองกำลังของคารีนได้ยกพลมาโจมตีถึงหน้าปากประตูบ้านของรูเบ็นแล้ว ซึ่งหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านใหญ่และมีกำลังทหารคุ้มกันมากที่สุด คารีนสังเกตการณ์อยู่บนเขาอยู่พักหนึ่ง ก็พบว่ากองกำลังของรูเบ็นบางตาลงไปมาก ทำเอาเธอกับคาเตอร์ต้องปรึกษากันในทันที

    “ดูเหมือนพวกมันจะบางตาลงไปจริงๆนะ คุณว่ายังไงหล่ะ??” คารีนถามคาเตอร์ไป

    “หรือว่า มันอาจจะดักซุ่มอยุ่ครับ??”

    “เป้นไปได้ ถ้าอย่างงั้นคงต้องโจมตีแบบฉาบฉวยไปก่อน ถ้าพวกมันไม่มีกำลังตอบโต้ ก็จัดการได้เลย!!” คารีนพูดขึ้น จากนั้นเธอก็ไปขึ้นม้าของเธอ แล้วก็ยิงปืนขึ้นฟ้าในทันที

    “ปัง!!”

    “พวกเรา บุก!!”

    คารีนขี่ม้านำกำลังเข้าจู่โจมหมู่บ้านนั้นในทันที ชาวบ้านละแวกนั้นที่ได้เห็นก็ตกใจและรีบวิ่งเข้าไปหลบในบ้านทันที ส่วนคนของรูเบ็นที่ยังอยู่ในหมู่บ้านก็มาป้องกันในทันที แต่ดูเหมือนว่ากองกำลังที่มาบางเบามาก ทำเอาคารีนถึงกับแปลกใจ

    “เอ๊ะ พวกมันมีกันน้อยเกินไปนะ??” คารีนถามอย่างสงสัย

    “ถ้ามันจะโจมตี มันต้องส่งคนมาแล้วสิ!!” คาเตอร์ถามอย่างสงสัย

    “ถ้าอย่างงั้น สั่งคนของเราโจมตีเต็มที่ ปล้นอะไรได้ปล้นมาเลย!!”

    คารีนตะโกนออกไป จากนั้นกองกำลังที่เหลือก็จัดการเข้าปล้นหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว พวกเขาค้นบ้านทุกหลังอย่างดุเดือด เพื่อดูว่ามีของหรือทาสที่โดนจับไว้บ้าง จนแล้วจนรอด พวกเขาก็ได้เจอกับทาสนับร้อยที่ถูกขังอยู่ในโรงนาแห่งหนึ่ง ซึ่งชายติดอาวุธสองคนเพิ่งจะโดนโจรยิงตายที่หน้าโรงนา พวกเขาพาตัวทาสหลายร้อยออกมาจากโรงนานั้นและพาตัวไปหาคารีนในทันที 

    “นายหญิงครับ เราเจอทาสโดนขังเป็นร้อยคนเลยครับ!!”

    “โห มาคราวนี้ไม่เสียเที่ยวแหะ แล้วเจออย่างอื่นอีกหรือเปล่า??” คารีนถามไป

    “ตอนนี้คนของเรากำลังตรวจสอบอยู่ครับ” ลูกน้องของเธอพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ลูกน้องของคารีนอีกคนหนึ่งก็วิ่งมารายงานคารีนอย่างรวดเร็ว

    “นายหญิงครับ เราเจอฝ้ายและเสบียงของพวกมันอีกเยอะแยะเลยครับ รวมถึงคลังอาวุธด้วย ติดอาวุธให้พวกเราได้ทั้งหมดเลยครับ” 

    “ถ้าเยอะขนาดนั้น รีบให้คนของเราไปขนออกมาเลย!!” คาเตอร์สั่งไป

    “ตอนนี้นาธานจะเป็นยังไงบ้างเนี่ย??” คารีนถามอย่างสงสัย

    “คงกำลังรบอยู่หน่ะครับ ไม่ต้องห่วง หมอนั่นเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว” คาเตอร์พูดขึ้น และเมื่อการปล้นดำเนินไปได้ซักพัก พวกเขาก็มารวบรวมทั้งทรัพย์สิน อาวุธ และทาสที่พวกเขาเอามาได้มาประเมินกันในทันที เพื่อดูว่าจะเอายังไงกันต่อ

    “โห ของที่เรายึดมาได้มีเยอะมาก ไอ้รูเบ็นไม่พ้นมือเราแน่ๆครับ!!” คาเตอร์พูดขึ้น

    “แล้วการรบเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” คารีนถามไป

    “ฝั่งมันคงตายไม่ต่ำกว่า 200 ครับ” คาเตอร์ตอบไป

    “ดี ถ้ามันรู้คงจะคลั่งตายแน่ๆ รีบขนเสบียงและของๆเราไปให้หมด พยายามอย่าฆ่าชาวบ้าน ถ้าพวกนั้นไม่มีปัญหา อย่าให้เรื่องมันรุนแรงหล่ะ” คารีนพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆเด็กหญิงคนหนึ่งก็ถือปืนลูกโม่มาจะยิงคารีน แต่ด้วยความที่เป็นเด็ก ไม่คุ้นชินเรื่องปืน ทำเอาเธอยิงแบบกังๆเกๆ จนลูกน้องของเธอจับตัวเด็กไว้ได้

    “ไง ยัยตัวแสบ จะทำอะไรห่ะ??”

    “ปล่อยเธอไป พาเธอกลับบ้านซะ ฉันไม่อยากทำเด็ก ไปกันเถอะ!!” คารีนพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็เดินทางออกจากหมู่บ้านในทันที ทิ้งไว้แต่เพียงซากศพของพวกเดอะแคลนที่นอนเรียงรายกัน คารีนในวันนั้นได้ชัยชนะอย่างงดงาม

    “ทุกคน ส่งข่าวกันต่อไป คืนนี้เราจะมีฉลองกัน!!” คารีนพูดขึ้น

    “พวกเราทุกคน คุณคารีนบอกว่าคืนนี้มีฉลอง!!”

    คาเตอร์ตะโกนส่งข่าวไป ทำเอาลูกน้องคนอื่นๆของคารีนถึงกับโห่ร้องดีใจทันที เพราะพวกเขาไม่ได้ฉลองใหญ่กันมานานแล้วนับแต่ที่พวกเขาปล้นกันครั้งใหญ่

     

    และอีกด้านหนึ่ง กองกำลังของลอร่า ในตอนนั้นเธอก็บุกโจมตีป้อมปราการที่ใหญ่ที่สุดของพวกเดอะแคลนอย่างดุเดือด กองกำลังของเธอทำลายประตูค่ายและบุกเผาค่ายนั้นจนเหี้ยน ทหารเดอะแคลนล้มตายไปมากมาย โดยที่ลอร่าเป็นคนออกนำทัพโจมตีเองด้วย

    “ฆ่าพวกมันให้หมด อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!!”

    ลอร่าตะโกนออกไป จากนั้นก็ไล่ยิงพวกชุดขาวจนเละ ลอร่าเดินเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งซึ่งเป็นบ้านของผู้บัญชาการค่ายนี้ เธอเดินเข้าไปเจอชายคนหนึ่งกำลังจะยิงเธอ แต่ลอร่ายิงใส่ก่อน ทำเอาชายคนนั้นล้มลงไปในทันที

    “พวกมึงเป็นใครวะ??” ชายชุดขาวคนนั้นถามอย่างสงสัย

    “พวกฉันเป็นกลุ่มภาคีที่ตามล่าไอ้ชั่วอย่างพวกแกไงหล่ะ” ลอร่าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็สั่งให้ลูกน้องลากชายคนนั้นออกมาด้านนอก จากนั้นก็เอาธงของทหารฝ่ายใต้มาด้วย เพื่อทำอะไรบางอย่าง

    “พวกแกชอบแบบนี้ใช่ไหม??” ลอร่าถามไป 

    “เอาธงนี่ห่มมัน เอาน้ำมันราดมันด้วย!!”

    ลอร่าสั่งทหารของเธอไป จากนั้นพวกเขาก็ทำตามท่ลอร่าสั่ง ตอนนี้ตัวของมันชุ่มไปด้วยน้ำมัน และในตอนนั้นเอง ลอร่าก็ไปพาทาสผิวดำคนหนึ่งเดินออกมา จากนั้นก็ยื่นคบเพลิงให้กับเขา

    “แกจะได้ตายด้วยน้ำมือทาสที่พวกแกรังเกียจยังไงหล่ะ!!”

    ลอร่าพูดขึ้น จากนั้นทาสคนนั้นก็โยนคบเพลิงใส่ชายคนนั้นในทันที

    “พรึ่บ!!”

    “อ๊าค!!”

    ชายคนนั้นดิ้นทุรนทุรายอย่างหนัก แต่ในตอนนั้นก็ยังคุกเข่าขอความเมตตาให้ลอร่ายิงเขาให้ตายเพื่อจบความทรมาน ลอร่าก็ตอบสนองโดยการยิงใส่ในทันที

    “ปัง!!”

    “เอาหล่ะ เลคียร์พื้นที่ ขนอาวุธพวกมันไปให้หมด เผาค่ายนี่ทิ้งด้วย!!” ลอร่าออกคำสั่งไป

    “ครับ แต่ว่า พวกมันจะไม่ตามเรามาเหรอครับ??” พ่อบ้านของเธอถามไป

    “ไม่หรอก ฉันว่ามันไม่มีกำลังมากพอจะไล่ตามเราแล้วหล่ะ” ลอร่าพูดขึ้น

    “ครับผม ทุกคน เผาค่ายของพวกมันให้ราบ!!”

    ทหารของลอร่าเอาน้ำมันดินที่เหลือมาราดใส่ตามพื้นที่ต่างๆของค่าย บ้าน หอคอย รวมถึงเต้นท์ต่างๆ และเมื่อเพลิงถูกจุดขึ้น ทุกอย่างที่อยู่ในค่ายก็หายอันตรธานไปอย่างรวดเร็ว ส่วนกองกำลังของลอร่าก็รีบหนีออกจากค่ายก่อนที่จะถูกตามล่า

     

    กลับมาที่ Black Maple ในวันนั้นมีน่าได้รับคำสั่งให้คุ้มกันผู้พิพากษาโดยที่ไม่เต็มใจนัก พวกเธอทั้งคู่กำลังรอข่าวด้วยความเป็นห่วง จนกระทั่งตำรวจนายหนึ่งก็มารายงานข่าวให้กับพวกเธอทั้งคู่ได้ทราบ

    “มีข่าวการรบมาครับ พวกเราชนะ และตอนนี้พวกมันก็ถอยไปหมดแล้วครับ!!”

    “จริงเหรอ ดีเลย แบบนี้ต้องฉลองหน่อยหล่ะ” มีน่าดีใจมาก แต่ดูเหมือนว่าผู้พิพากษาจะพูดอะไรไม่ออก

    “นี่ข่าวจริงหรือเปล่า??” ผู้พิพากษาถามไป

    “จริงครับ นายอำเภอสั่งให้ผมมาบอกครับ”

    “ถ้าอย่างงั้นเมืองนี้ก็ปลอดภัยแล้วหล่ะ” มีน่าพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ชายคนหนึ่งในชุดคาวบอยก็เดินเข้ามาในศาล เพื่อมารายงานข่าวกับผู้พิพากษาอย่างเร่งรีบ

    “ท่านครับ พ่อของท่านหายตัวไปครับ!!” 

    ผู้พิพากษาได้ยินดังนั้นก็ตกใจมาก มีน่ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเลย แต่เธอก็ไม่พูดอะไรออกมา

    “ถ้าอย่างงั้น ฉันจะแจ้งนายอำเภอ บอกให้ตำรวจของเราตามหานะคะ พวกคุณก็ตามหาก่อนได้เลย” มีน่าพูดกับตำรวจคนนั้นไป

    “ถ้าพ่อฉันเป็นอะไรไป ไม่จบแค่นี้แน่” ผู้พิพากษาพูดขึ้น

    “ใจเย็นๆนะคะ ตอนนี้เรากำลังสั่งคนตามหา ต้องเจอแน่นอนค่ะ” มีน่าบอกกับผู้พิพากษาไป 

     

    และอีกด้านหนึ่งของเมือง โรงพยาบาลของโทมัส ในตอนนั้นพวกเขาก็ยังคงป้องกันโรงพยาบาลอย่างเต็มที่ จนในตอนนั้นเอง พยาบาลคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาด้านในโรงพยาบาล เพื่อมาแจ้งข่าวให้กับคนอื่นๆได้รู้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

    “ทุกคนคะ มีข่าวดีค่ะ!!”

    “มีอะไรเหรอ ว่ามาเลย??” โทมัสถามไป

    “ฉันไปได้ข่าวจากสถานีตำรวจ ตอนนี้พวกเราขับไล่พวกมันออกจากพื้นที่แล้วค่ะ!!”

    “เฮ้อ ขอบคุณพระเจ้า ในที่สุดเราก็ปลอดภัยแล้ว” วิลเลี่ยมพูดขึ้น

    “แล้วนี่ พวกนายอำเภอเป็นยังไงบ้างคะเนี่ย??” มิเชลถามไป

    “คงจะกำลังกลับบ้านมาหล่ะมั้ง??” วิลเลี่ยมถามไป

    “นั่นสิ มิเชล ไปบอกพยาบาลคนอื่นๆก่อนว่าไม่ต้องถือปืนแล้ว” โทมัสพูดขึ้น

    “ด่ะ หนูไปบอกเอง” มิเชลพูดขึ้น จากนั้นเธอก็รีบไปบอกพยาบาลคนอื่นๆในทันที

    “ไม่รู้ว่างานนี้จะเป็นยังไงต่อนะ” วิลเลี่ยมพูดขึ้น

    “ดูเหมือนว่าคุณจะยังกังวลอยู่นะครับ” โทมัสพูดขึ้น

    “ก็ใช่ ตอนนี้เรามีศัตรูมากกว่าหนึ่งพวก อาจจะยากที่มันจะจบเร็ว” วิลเลี่ยมพูดขึ้น

    “นั่นสิ หวังว่านายอำเภอจะจัดการได้นะ” โทมัสพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง มิเชลก็รีบกลับมาหาพวกเขาในทันที

    “มาแล้วค่ะ หนูบอกพยาบาลคนอื่นๆแล้ว” 

    “ดีแล้วหล่ะ งานนี้เราคงไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วหล่ะ” โทมัสพูดขึ้น

    “อืม จะว่าไป ไม่ได้เจอพวกของเจสสิก้าตั้งนานแล้วนะ” วิลเลี่ยมพูดขึ้น

    “นั่นสิคะ ได้ยินว่าพวกนั้นกำลังหนีคดีด้วยนี่ เพราะยัยผู้พิพากษานั่นแท้ๆ” มิเชลพูดขึ้น

    “ฉันว่า การโจมตีครั้งนี้ ผู้พิพากษาก็คงจะมีเอี่ยวไม่มากก็น้อยนั่นแหละ ว่าหรือเปล่า??” วิลเลี่ยมถามไป

    “นั่นสิ มิเชล ยังไงก็ฝากตามข่าวเรื่องนี้ด้วยล่ะ ฉันอยากรู้ว่ายัยนั่นจะมีแผนอะไรต่อ” โทมัสบอกกับมิเชลไป

    “ได้เลยค่ะ ถ้ามีอะไรหนูจะมาบอก ไม่ต้องห่วงนะคะ” มิเชลพูดขึ้น

     

    กลับมาที่บ้านพักของพระยาประจักษ์ ซึ่งร็อกกี้และมาร์คก็เดินทางมาเจรจาเรื่องแผนการครั้งใหม่ของเขา ในตอนนั้นเอง พวกของโฮมุระได้แอบเอาปืนกลมาตั้งที่ชายป่าหน้าบ้านของพระยาประจักษ์ โฮมุระมองเห็นทาเคชิกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะกับคนอื่นๆ เธอเลยยิงในทันที

    “ปังๆๆๆๆๆๆ”

    ปืนกลกระบอกนั้นกระหน่ำยิงใส่บ้านของพระยาประจักษ์และลูกน้องที่เฝ้าหน้าบ้านอย่างดุเดือด ส่วนพวกที่เหลือก็โดนจอห์นและคนอื่นๆยิงใส่เพื่อเก็บงาน

    “พวกมันอยู่ด้านใน ฆ่ามันให้หมดเลย!!” โฮมุระพูดขึ้น

    “ใจเย็นๆ พวกมันมีเยอะกว่าเราโขอยู่นะ” จอหืนพูดขึ้น จากนั้นก็สั่งให้คนกระจายกำลังออกไปยิง

    “เฮ้ย ทุกคน ยิงระวังๆด้วย อย่าให้พวกมันเห็นตัว!!” เอ็ดเวิร์ดตะโกนบอกไป

    “ไม่ต้องห่วงหรอก พวกมันไม่รู้หรอกว่าเราเป็นใคร” ลิงซ์พูดขึ้น จากนั้นก็ขว้างไดนาไมท์ไล่พวกมันในทันที

    “ตู้ม!!”

    และที่ด้านใน กลุ่มของร็อกกี้และคนอื่นๆก็รีบหมอบตัวหลบกระสุนอย่างรวดเร็ว และให้ลูกน้องของพวกเขาสกัดไว้

    “ไอ้บ้าเอ้ย พวกมันเป็นใครวะเนี่ย??” ร็อกกี้ถามไป

    “อาจจะเป็นพวกไอ้ทองสุกก็ได้ สั่งคนของเราตามล่ามัน!!” นายประจักษ์พูดขึ้น

    “บ้าเอ้ย ไปจากที่นี่ก่อนดีกว่า รักษาตัวให้ดีแล้วกัน เดี๋ยวเราจะกลับมาใหม่” มาร์คพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นทางนี้เลยค่ะ” ซูซี่พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาสามคนก็ค่อยๆหลบกระสุนเพื่อหนีออกจากบ้านไป

    “สั่งคนของเรา ตามล่ามัน เดี๋ยวนี้!!”

    ทาเคชิพูดขึ้น จากนั้นลูกน้องของทาเคชิก็ไล่ตามล่าพวกของโฮมุระที่กำลังยิงกดในทันที แต่ดูเหมือนว่ากองกำลังของพวกเขาจะทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากว่าโดนปืนกลยิงกดอย่างหนัก

    “ไอ้ทาเคชิ แน่จริงโผล่หัวออกมาสิวะ!!” โฮมุระตะโกนออกไป

    “ใจเย็นๆ เดี๋ยวกระสุก็หมดหรอกแหม่!!” เอ็ดเวิร์ดพูดข้นและไล่ยิงพวกมัน และในขณะเดียวกันนั้นเอง พวกเขาก็เห็นร็อกกี้ มาร์คและซูซี่พยายามหนีออกจากบ้านของพระยาประจักษ์อย่างเร่งรีบ จอห์นเห็นก็ไล่ยิงไปในทันที

    “คิดจะหนีไปไหนวะ??”

    “นั่นมันสมาชิกสภานี่ มันมาทำอะไรที่นี่นะ??” ลิงซ์ถามไป และในตอนนั้นเอง คนของพระยาประจักษ์ก็ขว้างไดนาไมท์ใส่พวกเขาเพื่อไล่ต้อน

    “ระเบิด!!”

    “ตู้ม!!”

    “เราต้องถอยแล้วโฮมุระ ไม่งั้นเราตายแน่!!” จอห์นตะโกนบอกเธอไป

    “บ้าเอ้ย รีบไปจากที่นี่ก่อน เร็ว!!” โฮมุระพูดขึ้น จากนั้นก็ทิ้งปืนกลนั้นในทันที ส่วนเอ็ดเวิร์ดก็วางไดนาไมท์ลูกหนึ่งไว้ที่ปืนกลเพื่อไม่ให้พวกมันเอาไปใช้ได้

    “ตู้ม!!”

    “ทุกคน หนีเข้าไปในป่า เร็ว!!” เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น

    “ทางนี้เลย เราเตรียมเกวียนไว้แล้วแหละ” ลิงซ์พูดขึ้นจากนั้นก็ปาระเบิดใส่พวกมันเพื่อป้องกันตัว ทางด้านของพระยาประจักษ์ 

    “สั่งคนของเราตามล่ามัน คราวนี้พวกแกต้องจับมันมาให้ได้!!” นายประจักษ์พูดขึ้น

    “พวกแม่งต้องอยู่แถวนี้แน่นอน ยังไงก็ต้องจับให้ได้” ทาเคชิพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ลูกน้องของเขาคนหนึ่งก็มารายงานสถานการณ์กับพวกเขาทั้งคู่ในทันที

    “ท่านครับ พวกมันทำลายปืนกลของเราหมดเลยครับ!!”

    “เวรเอ้ย สงสัยพวกมันคงจะฆ่าพวกเราที่ค่ายหมดเลย” นายประจักษ์พูดขึ้น

    “น่าจะเป็นอย่างงั้น แล้วนี่เราจะเอายังไงต่อหล่ะ??” ทาเคชิถามไป

    “ตอนนี้งานของเราสำคัญที่สุด เราต้องจัดการเรื่องที่แคลิฟอร์เนียก่อนเลย” พระยาประจักษ์พูดขึ้น

    และที่ด้านนอก ร็อกกี้ มาร์คและซูซี่ก็รีบไปขึ้นรถม้าในทันที ก่อนที่พวกเขาจะรีบเดินทางกลับไปยังที่พักของเขา

    “เวรเอ้ย พวกมันเป็นใครกันวะ??” มาร์คถามอย่างสงสัย

    “อาจจะเป็นไอ้ชุดแดง ตามที่พวกเขาบอกเราก็ได้” ซูซี่พูดขึ้น

    “จับมันได้เมื่อไหร่ ฉันจะถลกหนังมันทั้งเป็น” ร็อกกี้พูดอย่างเจ็บแค้น

    “ช่างก่อนเถอะ แล้วงานของเราจะเอายังไงต่อหล่ะ??” มาร์คถามอย่างสงสัย

    “ตอนนี้ก็รอข่าวจากพวกเราก่อน แล้วก็บอกคนของเราให้เตรียมพร้อมแล้วกัน” ร็อกกี้พูดขึ้น

    “ถ้าเรื่องนั้นฉันจะช่วยติดต่อพวกเขาให้เอง” ซูซี่บอกกับทั้งคู่ไป

     

    ณ ป่าแห่งหนึ่งในเขตรอยต่อของ Black Maple หลังจากที่เจเรมี่พาซิ่วอิงและเนย์มาร์หนีมา พวกเขาก็เดินทางมาถึงน้ำตกแห่งหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าที่นี่น่าจะพอใช้หลบภัยได้ จากนั้นพวกเขาก็หยุดม้าเพื่อพักแถวนั้นก่อนและปรึกษากันต่อ

    “ดูเหมือนว่าเราจะหนีพ้นแล้วนะครับ” เนย์มาร์พูดขึ้น

    “ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยพวกเรา” ซิ่วอิงบอกกับเจเรมี่

    “ไม่เป็นไรหรอก แต่ฉันต้องกลับเมืองก่อน ฉันมีงานต้องทำนิดหน่อยหน่ะ” เจเรมี่พูดขึ้น

    “ผมว่า ผมจะอยู่ที่นี่ไปก่อน ป่านี้น่าจะช่วยเราได้” เนย์มาร์พูดขึ้น

    “นั่นสิ เราน่าจะอยู่ที่นี่ได้นะ” ซิ่วอิงพูดขึ้น

    “ได้ๆ ถ้ามีข่าวอะไรฉันจะรีบมาแจ้งแล้วกัน” เจเรมี่พูดขึ้น 

    “แล้วพวกมันรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่นั่นกันนะ??” เนย์มาร์ถามอย่างสงสัย

    “อาจจะมีเกลือเป็นหนอนก็ได้ ฉันจะลองสืบเรื่องนี้เอง พวกเธออยู่ที่นี่ก็ดูแลตัวเองด้วยก็แล้วกัน” เจเรมี่พูดขึ้น

    “ตอนนี้เราต้องการกระสุนเพิ่มค่ะ ของเนย์มาร์จะหมดแล้ว” ซิ่วอิงพูดขึ้น

    “กลับเมืองคราวนี้ฉันจะซื้อมาให้ ยังไงก็ขอให้โชคดีหล่ะ!!” เจเรมี่พูดขึ้น จากนั้นตัวเขาก็ขี่ม้าออกจากป่าในทันที

    “ดูเหมือนเราคงต้องอยู่ที่นี่ซักพักหล่ะนะ” ซิ่วอิงพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง ฉันจะดูแลเธอเอง ฉันสัญญา” เนย์มาร์บอกซิ่วอิงไป

     

    กลับมายังกองกำลังของคลีฟแลนด์ ในวันนั้นเอง กองกำลังของเธอก็เดินทางมาสืบความลับของนายประจักษ์และทาเคชิ เธอขี่ม้ามาถึงจุดหนึ่ง ก็พบว่ามีควันลอยมาแต่ไกลและเสียงความวุ่นวาย เธอจอดม้าไว้แถวนั้นและวิ่งเข้าป่า จากนั้นก็ใช้กล้องส่องดูในทันที และด้านหน้า เธอก็เห็นบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งที่โดนถล่มอย่างหนัก รวมถึงกลุ่มชายฉกรรจ์ที่วิ่งไปมาบริเวณนั้นด้วย

    “โห ที่นี่เหมือนเพิ่งโดนถล่มแหะ!!” คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    “นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย??”

    “ฉันก็ไม่รู้ รู้แค่ว่ามันต้องมีศัตรูมากกว่าแค่พวกเราแน่ๆ” คลีฟแลนด์พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ชายเอเชียคนหนึ่งถือปืนก็เดินมาเจอกับคลีฟแลนด์เข้า ทำเอาชายคนนั้นถึงกับตกใจ

    “เฮ้ย!!”

    คลีฟแลนด์เห็นท่าไม่ดีจึงปามีดใส่มันในทันที เมื่อปืนของมันตก คนของเธอก็ไปปิดปากมันและลากมันมาหาเธอในทันที จากนั้นคลีฟแลนด์ก็คุยกับมันในทันที

    “เฮ้ย พูดภาษาฉันได้หรือเปล่า??” เธอถามและดึงมีดออกจากร่างของมัน

    “มึงต้องการอะไรวะ??”

    “อยากจะถามอะไรแกหน่อยหว่ะ!!” คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    “กูไม่บอกเว้ย!!”

    “วีรบุรุษทุกคนย่อมมีจุดอ่อน ลากมันกลับไปด้วย ฉันจะเค้นมันเอง!!”

    คลีฟแลนด์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ช่วยกันมัดชายคนนั้นไว้อย่างแน่นหนา แล้วก็เอาชายคนนั้นไปพาดไว้กับม้า จากนั้นก็พากลับไปที่ค่ายของเธอเพื่อสอบถามความลับเพิ่มเติม 

     

    กลับมาที่บ้านของทินส์ ในวันนั้นเอง ตำรวจนายหนึ่งซึ่งสนิทกับทินส์ก็เดินทางมาเยี่ยมเขาที่บ้าน ทินส์ออกไปต้อนรับและพูดคุยกันตามประสาคนคุ้นเคย และไม่นานนัก ตำรวจคนนั้นก็ขี่ม้าออกไปในทันที จากนั้นทินส์ก็กลับเข้าบ้านโดยที่คนอื่นๆก็กำลังรอฟังข่าวจากเขา

    “คุณคะ เป็นยังไงบ้างคะ??” ริแอนน่าถามอย่างสงสัย

     “อ้อ ตอนนี้นายอำเภอขับไล่พวกโจรออกไปได้แล้ว เมืองเราปลอดภัยแล้วหล่ะ” ทินส์พูดขึ้น

    “ขอบคุณพระเจ้า ในที่สุดมันก็ถอยไปแล้ว!!” ชาร์ล็อตพูดขึ้นพลางกุมมือ

    “แต่ผมว่า สถานการณ์ในเมืองยังน่าเป็นห่วงอยู่ดีนะครับ” อเล็กซ์พูดขึ้น

    “ก็ใช่ แต่ยังไงเราก็เตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้วกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราต้องผ่านมันไปได้” ทินส์พูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงครับพ่อ ผมจะคุ้มกันที่นี่สุดชีวิตเลย” อเล็กซ์พูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น ปัญหาของเราก็เหลือแค่อยากเดียวสินะคะ” ชาร์ล็อตพูดขึ้น

    “นั่นสิคุณ หวังว่านายอำเภอจะช่วยเราได้นะคะ” ริแอนน่าพูดขึ้น 

     

    ณ แม่น้ำแห่งหนึ่งในเขตชาวอินเดียน หญิงสาวอินเดียนคนหนึ่งซึ่งกำลังตักน้ำอยู่ริมแม่น้ำเพื่อเอามากินใช้ในเผ่า ในตอนนั้นเอง เธอก็เห็นร่างของชายคนหนึ่งลอยลำมาอยู่ใกล้ฝั่ง เธอตกใจมากรีบเรียกคนอื่นในเผ่ามาดูในทันที

    “ช่วยด้วย มาช่วยตรงนี้หน่อย!!”

    ชายอินเดียนคนหนึ่งก็ดูอาการของร่างนั้นในทันที ว่าเขาเป็นยังไงบ้าง

    “ไม่ใช่พวกคนขาว แต่เขายังไม่ตาย!!”

    “ถ้าอย่างงั้น แบกเขาเข้าไปในค่ายก่อน!!”

    ชายอีกคนพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ช่วยกันแบกร่างของชายคนนั้นเข้าไปในค่ายในทันที เพื่อดูอาการว่าเป็นอย่างไรบ้าง

    ==============================================================

    เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลด้วยเน้อ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×