ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Siam Cowboy - คาวบอยสยาม

    ลำดับตอนที่ #21 : ตอนที่ 17 : ลานประหาร

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 106
      3
      17 ต.ค. 63

    เช้าวันต่อมา ในวันนั้นเอง ฟิโอน่าลากตัวเอาทองสุกออกมาที่ลานประหารด้านนอก โดยที่ฝูงชนบางส่วนที่ยังไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วยก็เดินทางมาดูการประหารกันเนืองแน่น นายอำเภอรู้ข่าวในตอนนั้นก็รีบพาพวกไปหาฟิโอน่าที่กำลังเตรียมการประหารในทันที เพื่อสอบถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้น

    "ท่านผู้พิพากษา ทำแบบนี้หมายความว่ายังไงครับ??"

    "ก็หมายความอย่างที่เห็น เขาเป็นพวกลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย เราต้องประหารเขา!!"

    "แต่คุณก็ยังไม่ได้ไต่สวนอะไร ทำแบบนี้หมายความว่าไงครับ??"

    "ฉันรับผิดชอบทุกอย่างเอง หรือว่าคุณอยากจะมีปัญหาเรื่องให้ที่พักพิงคนร้าย??" ฟิโอน่าถามไป

    "แต่เขามีเอกสารยืนยันนะครับ!!" นายอำเภอพูดขึ้น

    "ฉันไม่สน มันอาจจะทำขึ้นมาก็ได้ คุณต้องเป็นคนคุ้มกันการประหารนี้ นี้เป็นคำสั่ง!!" ฟิโอน่าพูดขึ้น จากนั้นนายอำเภอก็ได้แต่กัดฟันพาตัวทองสุกออกมา เขาพาทองสุกขึ้นไปอยู่บนขื่อแขวนคอ จากนั้นก็จัดการเตรียมประหารเขาในทันที

    "อโหสิให้ฉันด้วยนะทอดด์!!"

    "ผมรู้ครับ นายอำเภอ!!" ทองสุกตอบกลับเขาไป  

    "นี่มันอะไรกัน ผู้พิพากษษจะประหารเขาส่งเดชแบบนี้ได้ไง??" มีน่าที่อยู่ด้านล่างถามไป

    "นั่นสิ แบบนี้มันฝ่าฝืนกฎหมายชัดๆ" ปีเตอร์พูดขึ้น

    "ฉันว่าที่เจสสิก้าคิดหน่ะถูกแล้วหล่ะ แล้วเราจะช่วยเขายังไงหล่ะเนี่ย??" บอริสถามไป และในตอนนั้นเอง ฟิโอน่าก็ไปปราศัยกับทุกคนที่มาดูการประหารชีวิตในครั้งนี้  

    "พ่อแม่พี่น้องทุกท่าน วันนี้เราทุกคนจะมาเป็นพยานในการประหารชีวิตครั้งนี้ นักโทษคนนี้ได้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย และยังฆาตกรรมอีก โทษของเขาคือประหารชีวิต!!" ฟิโอน่าตะโกนออกไป ชาวเมืองในตอนนั้นรู้ว่าเป็นทองสุกก็ต่างไม่พอใจ ทำเอาชาวเมืองโห่กันยกใหญ่

    "เฮ้ย อะไรกันเนี่ย ทำไมถึงประหารเขา เขาช่วยเมืองนี้ไว้นะ!!"

    "เออ นั่นดิ ทำไมทำกันแบบนี้วะ??"  

    เสียงความไม่พอใจดังขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาฟิโอน่าเริ่มจะลกลักไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป เธอจึงพยายามจะเลื่อนการประหารให้เร็วขึ้น

    "เอาหล่ะ ได้เวลาสมควรแล้ว ประหารนักโทษได้!!"

    ฟิโฮน่าตะโกนขึ้น และในตอนนั้นเอง เจ้าหน้าที่ก็เตรียมการประหารโดยไม่เต็มใจนัก แต่ในตอนนั้นเอง มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินไปซุ่มอยู่ในตึกแห่งหนึ่ง และอีกคนก็ขับเกวียนม้ามาแถวนั้น  

    "พร้อมประหาร!!"

    หญิงสาวคนหนึ่งเล็งปืนไปยังขื่อประหาร และในตอนนั้นเอง

    "ปัง!!"  

    "ฮี้!!"

    ม้าลากเกวียนได้ยินเสียงปืนในตอนนั้นก็ตกใจแล้ววิ่งเข้ามาใส่ขื่อประหารในทันที  

    "เฮ้ย อะไรกันเนี่ย??"

    "เร็วเข้า ประหารเลย!!" ฟิโอน่าพูดขึ้น และเจ้าหน้าที่คนนั้นก็เปิดพื้นกระดานด้านล่างเพื่อแขวนคอ แต่ในตอนนั้นเอง  

    "ปัง!!"  

    หญิงสาวที่ซึ่มอยู่ในตึกยิงเชือกนั้นจนร่วง ทองสุกเมื่อตกลงมาอยู่ด้านล่าง ชาวบ้านก็วิ่งกันมั่วซั่ววุ่นวาย นายอำเภอเห็นตอนนั้นจึงรีบพูดขึ้นในทันที

    "ทุกคน คุ้มกันท่านผู้พิพากษา!!"

    เมื่อนายอำเภอสั่ง พวกตำรวจก็รีบวิ่งไปออกันใส่ผู้พิพากษาฟิโอน่าในทันที และเกวียนม้านั้นก็วิ่งเข้ามาชนขื่อประหารจนร่วงลง ในตอนนั้นเอง หญิงสาวคนหนึ่งก็วิ่งมาหาทองสุก จากนั้นก็ตัดเชือกทั้งมัดเขาอยู่ในทันที

    "ไปเร็ว!!" หญิงสาวคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นทองสุกก็ขึ้นเกวียนนั้นในทันที และหญิงสาวคนนั้นก็รีบไปขึ้นเกวียนในทันที แล้วรีบขับเกวียนออกไป

    "เฮ้ย อย่าให้มันหนีไปได้!!" ฟิโอน่าตะโกนออกไป แต่ในตอนนั้นเอง

    "ปัง!!"

    มีคนยิงสกัดพวกของนายอำเภอไว้ ในตอนนั้นเองนายอำเภอก็พาฟิโอน่าไปหลบด้านในก่อน

    "นี่ ทำไมไม่ไปตามพวกมันหล่ะ??" ฟิโอน่าถามไป

    "เราไม่รู้ว่าพวกมันจะดักรอเราอยู่หรือเปล่า ใจเย็นนะครับ!!" นายอำเภอพูดขึ้น

    "พวกมันน่าจะมากันเยอะ อย่าเพิ่งทำอะไรเลยครับ" ปีเตอร์พูดขึ้น

    "ปัดโธ่เอ้ย ถ้ามันหนีไปได้ พวกคุณโดนเล่นงานแน่ๆ" ฟิโอน่าพูดขึ้น

    "อะไรเนี่ย เรากำลังช่วยคุณอยู่นะคะ!!" มีน่าตอบกลับไป

    "ถ้างั้นผมจะสั่งตำรวจให้ตามล่าเขาเอง" บอริสพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็พาฟิโอน่าไปหลบก่อน ส่วนหญิงสาวที่ซุ่มยิงอยู่ในตอนนั้นก็รีบออกจากเมืองไปในทันที ในขณะที่ในเมืองก็กำลังสับสนวุ่นวายอยู่ยกใหญ่ และอีกด้านหนึ่ง กลุ่มของโฮมุระที่มาดูการประหารด้วยก็รีบแยกย้ายกันไปที่อื่นก่อนในทันทีแล้วมาคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

    "โห เกือบตายแล้วมั้ยหล่ะ??" เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น  

    "ฉันว่านะ ฝีมือเจสกับแคลแน่ๆ ว่าเปล่า??" โฮมุระถามไป

    "แน่นอน สองคนนั้นไม่พลาดหรอกถ้าจะช่วยทอดด์หน่ะ" จอห์นพูดขึ้น

    "แล้วนี่ ทอดด์เขาจะไปอยู่ที่ไหนหล่ะ??" หมอวิลเลี่ยมถามไป

    "สงสัยคงจะได้ไปอยู่ในป่าซักพักหล่ะ" หมอโทมัสตอบไป

    "แบบนี้ผู้พิพากษษไม่พอใจแน่ๆ" มิเชลพูดขึ้น

    "แล้วนี่ เราจะไม่ทำอะไรหน่อยเหรอ??" เอ็ดเวิร์ดถามไป

    "เราจะทำอะไรได้หล่ะพวกตอนนี้??" จอห์นถามอย่างสงสัย

    "ตอนนี้เราก็เงียบก่อนดีกว่า ผู้พิพากษาคงสั่งคนออกตามล่าเขาแน่ๆ" โฮมุระพูดขึ้น

    "แล้วเราจะไปตามหาเขาที่ไหนหล่ะคะ??" มิเชลถามไป

    "ผมว่า อย่าเพิ่งตามหาเขาตอนนี้เลย มันเสี่ยง" หมอวิลเลี่ยมพูดขึ้น

    "ใช่ ให้เขากบดานในป่าซักพักดีกว่า" หมอโทมัสพูดขึ้น

    "ฉันต้องสืบให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น" จอห์นพูดขึ้น

    "ฉันว่า เจสกับแคลน่าจะรู้แหละว่ามันเกิดอะไรขึ้น??" โฮมุระพูดขึ้น

    "ยังดีที่ผู้พิพากษาไม่รู้ว่าสองคนนั้นเป็นใครนะ แต่ถ้ามันรู้ มันอาจจะไปตามถึงที่บ้านก็ได้" เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น

    "ตอนนี้เราต้องรู้ให้ได้ว่าใครติดต่อกับผู้พิาพกษาบ้าง อย่างน้อยก็สืบกันง่ายหน่อย??" วิลเลี่ยมพูดขึ้น

    "ฉันรู้แล้วว่าจะไปถามเรื่องนี้ได้จากใคร ชาร์ล็อตยังไงหล่ะ" โทมัสพูดขึ้น

    "ชาร์ล็อต หญิงสาวคนที่มาที่โรงพยาบาลเราเหรอคะ??" มิเชลถามไป

    "ใช่ เธอน่าจะมีข่าวให้กับเรา เธอเป็นพวกนักสืบซะด้วย" โทมัสพูดขึ้น

    "นี่ถ้าไม่บอกผมก็ไม่รู้นะเนี่ย แล้วนี่บ้านของเธออยู่ที่ไหนกันหล่ะ??" วิลเลี่ยมถามไป

    "เธออยู่ที่ไร่ละแวกเมืองนี่เอง ไม่ไกลมากหรอก" เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น

    "นั่นสิ ทำไมเราไม่ลองไปถามเธอหล่ะ เผื่อเธอจะรู้อะไรบ้าง??" โฮมุระถามไป

    "จริงด้วย ถ้าอย่างงั้นเราก็ลองไปคุยกับเธอดูก็แล้วกัน" จอห์นพูดไป

     

    และที่ด้านนอกเมือง เมื่อเกวียนม้าเดินทางมาได้ระยะหนึ่ง พวกเขาก็ขับเกวียนเข้ามาในป่าแห่งหนึ่ง จากนั้นก็เดินทางไปเรื่อยๆ จนมาถึงซากของโบสถ์หลวงพ่อมอริสัน ซึ่งโบสถ์นั้นยังพอมีโรงนาและสิ่งปลูกสร้างอื่นๆสร้างอยู่ พวกเขาจอดเกวียนไว้แถวนั้น จากนั้นผู้หญิงคนขี่เกวียนก็พาทองสุกลงมาในทันที ซึ่งเธอคนนั้นคือแคลิเฟอร์นั่นเอง  

    "ไง ทอดด์ เป็นยังไงบ้าง??"

    "แคล แล้วเจสสิก้าหล่ะไปไหน??" ทองสุกถามไป และในไม่กี่อึดใจ เจสสิก้าก็ขี่ม้าตามพวกเขามาในทันที จากนั้นเธอก็ลงจากม้าในทันที แล้วเดินมาหาทองสุกและแคลิเฟอร์ด้วย

    "ปลอดภัยนะทุกคน??"

    "ไม่เป็นไรหรอก เธอรู้ได้ไงว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น??" ทองสุกถามไป

    "มีคนส่งข่าวให้ฉันหน่ะ ไว้ใจได้ด้วย" เจสสิก้าพูดขึ้น

    "นี่ ทอดด์ นายอยู๋ในเมืองไม่ได้แล้วหล่ะ คงต้องหลบในป่าซักพักหล่ะ" แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    "แล้วพวกเธอสองคนมาที่นี่ จะไม่กลัวติดร่างแหไปด้วยเหรอ??" ทองสุกถามทั้งคู่ไป

    "ไม่ต้องห่วงหรอก ชาวเมืองรู้อยู่แล้วว่านายบริสุทธิ์ ไม่มีใครปริปากอะไรหรอก" เจสสิก้าพูดขึ้น

    "ใช่ ว่าแต่ เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ??" แคลิเฟอร์ถามทองสุกไป

    "ผู้พิพากษา มันร่วมมือกับไอ้พระยาประจักษ์ มันมาที่นี่เพื่อจะเก็บฉัน ฉันว่า เรื่องที่พวกมันจะซื้อที่ชาวบ้าน ก็ฝีมือไอ้พระยาประจักษ์อยู่เบื้องหลังนี่หล่ะ" ทองสุกพูดขึ้น

    "อืม ถ้าอย่างงั้นผู้พิพากษามาที่นี่เพื่อจัดการทุกอย่างหน่ะสิ ฉันคิดถูกจริงๆด้วย" เจสสิก้าพูดขึ้น

    "ถ้าเป็นแบบนั้น เราต้องเปิดโปงผู้พิพากษาฟิโอน่าให้ได้นะ" แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    "จะเปิดโปงทำไมหล่ะ ก็ฆ่ามันเลยสิ" ทองสุกพูดขึ้น

    "นี่ นายไม่รู้เหรอว่าฆ่าผู้พิพากษาประจำเมืองโทษหนักแค่ไหน นายอยากโดนเนรเทศหรือไง??" เจสสิก้าถามไป

    "อืม แต่ถ้าเราปล่อยมันไปอีก มันอาจจะแว้งกัดเราก็ได้นะ" แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    "ถ้าอย่างงั้น คงต้องเล่นงานทุกคนที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษานั่นหน่ะ" ทองสุกพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง เขาก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมาจากโรงนาของบาทหลวงมอริสัน พวกเขาชักปืนใส่เธอในทันที แต่ในตอนนั้นเองเธอก็ยกมือขึ้น ในมือของเธอถือดาบคาตะนะแบบญี่ปุ่น ซึ่งสร้างความแปลกใจให้กับพวกเขาทั้งสามคนมาก

    "นี่ เธอคนเอเชียนี่!!" ทองสุกพูดขึ้น

    "นั่นสิ แล้วเธอเป็นใครกันแน่??" เจสสิก้าถามไป

    "เฮ้ เธอเป็นใคร มาที่นี่ทำไม??" แคลิเฟอร์ตะโกนถามไป แต่ทางนั้นไม่ตอบอะไรกลับไป ยิ่งทำให้พวกเขาสงสัยมากขึ้นไปอีก

     

    กลับมายังบาร์ของซิ่วอิง เธอกลับมาที่บาร์เพื่อจัดการเรื่องที่เหลือหลังจากที่เจ้าของร้านได้เสียชีวิตลง ในตอนนั้นเองเจเรมี่ก็ช่วยคุยกับตำรวจในเมืองเพื่อคุยกันถึงการตามล่าตัวฆาตกร ในวันนั้นเองซิ่วอิงก็ไปเก็บของที่ด้านบน โดยที่เนย์มาร์ก็ขึ้นไปด้านบนกับเธอด้วย ซิ่วอิงเดินไปที่ห้องของเจ้าของร้าน จากนั้นเธอก็ไปค้นอะไรบางอย่างในหีบที่วางไว้ในห้องในทันที

    "นี่ ซิ่วอิง เธอหาอะไรอยู่เหรอ??"

    "หาของสำคัญอยู่หน่ะ" ซิ่วอิงพูดขึ้น

    "เหรอ มันคืออะไรหล่ะ??" เนย์มาร์ถามไป และในตอนนั้นเอง ซิ่วอิงก็หามันเจอในทันที

    "ฉันเจอแล้ว!!"

    "หือ กระดาษอะไรกันหล่ะ??" เนย์มาร์ถามไป

    "มันเป็นโฉนดที่ดินร้านนี้ และที่ดินรอบข้างหน่ะ"

    "เหรอ แล้วมันยังไงหล่ะ??" เนย์มาร์ถามไป

    "ถ้าพวกมันไม่มีโฉนดนี่ ถือว่าไม่มีสิทธิ์ในที่ดินตามกฎหมาย ถึงมันจะฆ่าเขา แต่มันก็ไม่ได้ที่ดินอยู่ดี" ซิ่วอิงพูดขึ้น

    "อืม ถ้าอย่างงั้นไปหาลุงเจเรมี่ด้านล่างกันเถอะ" เนย์มาร์พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง พวกเขาทั้งคู่ก็เดินลงไปด้านล่าง ซึ่งในตอนนั้นเอง เจเรมี่ก็นั่งดื่มเหล้าที่ยังพอเหลืออยู่แถวนั้นไปด้วย แล้วก็ทักทายทั้งสองคนไป

    "ไม่ว่ากันนะถ้าจะดื่มหน่อยหน่ะ??" เจเรมี่พูดขึ้น

    "ค่ะ ฉันมีโฉนดที่ดิน พวกมันไม่มีทางได้ไปแน่" ซิ่วอิงพูดขึ้น

    "เยี่ยมเลย แบบนี้พวกมันคงไม่ได้อะไรไปแน่ๆ" เจเรมี่พูดขึ้น

    "ผมว่า พวกมันต้องตามล่าเธอแน่ๆครับ" เนย์มาร์พูดขึ้น

    "อืม ถ้าอย่างงั้นเธอคงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วหล่ะ" เจเรมี่พูดขึ้น

    "ค่ะ ฉันว่าจะไปอยู่ที่อื่นซักพักค่ะ ฉันว่าจะเข้าเมือง" ซิ่วอิงพูดขึ้น

    "อย่า ในเมืองก็ไม่ปลอดภัย ป่านนี้ยัยฟิโอน่าคงสั่งให้คนตามล่าเธอกับโฉนดแน่ๆ" เจเรมี่พูดขึ้น

    "แล้วจะให้เธอไปอยู่ที่ไหนหล่ะ??" เนย์มาร์ถามไป

    "ให้เธอไปอยู่กับนายซักพักได้หรือเปล่าหล่ะ??" เจเรมี่ถามไป ทำเอาเนย์มาร์ถึงกับยิ้มไม่ยอมหุบ

    "ได้สิลุง ผมจะคุ้มกันเธอเอง"

    "แล้วนี่ ลุงจะเอายังไงต่อหล่ะคะ??" ซิ่วอิงถามไป

    "ฉันจะไปหาข่าวในเมืองเพิ่มเติมหน่ะ แล้วถ้ามีอะไร ฉันจะติดต่อไปแล้วกัน ไม่ต้องห่วงหรอก" เจเรมี่พูดขึ้น

    "ซิ่วอิง มากับฉันเถอะ!!" เนย์มาร์พูดขึ้น ทำเอาเธอต้องไปกับเนย์มาร์เพื่อความปลอดภัย ส่วนตัวเจเรมี่ก็กลับเข้าไปในเมืองเพื่อหาข่าวเพิ่มเติมไปด้วย

     

    กลับมายังเขตสงวนของเผ่าอินเดียนแดง ในวันนั้นเองลิงซ์ก็เดินทางกลับไปเพื่อหาของไปขายเพิ่มเติม แต่ในระหว่างที่เธอกำลังเข้าไปในเขตหมู่บ้าน เธอก็เจอเขากับเด็กที่เธอกำลังตามหากอดกับป้าของเธออยู่ ลิงซ์แปลกใจมากเลยรีบวิ่งไปหาป้าคนนั้นในทันทีเพื่อคุยด้วย

    "คุณป้า เขากลับมาแล้วเหรอ??"

    "ใช่ๆ กลับมาเมื่อคืนนี้เอง เดินกลับมาด้วย" ป้าคนนั้นพูดขึ้น

    "พี่ครับ ผมกลับมาแล้ว!!" เด็กคนนั้นพูดขึ้น

    "ดีจังเลย แล้วเรากลับมาได้ยังไงหล่ะ??"

    "ผมวิ่งหนีมาจากเขตไวท์ยอร์กทั้งคืนเลยครับ"

    "ไวท์ยอร์ก นายไปทำอะไรที่นั่น ไม่รู้เหรอมันอันตราย??" ลิงซ์ถามเขาไป

    "คือ ผมไม่ได้อยากไปครับ ผมอยากเข้าไปในเมือง แต่จู่ๆมีคนจับผมไปที่นั่น ผมพยายามจะหนีแต่ก็ไม่สำเร็จ ยังดีที่มีพี่คนหนึ่งใส่ชุดสีแดงๆช่วยเราไว้ครับ"

    "ชุดแดงเหรอ เขาใช้ดาบด้วยหรือเปล่า??" ลิงซ์ถามไป

    "ใช่ครับ พี่รู้ได้ยังไงเหรอครับ??"

    "อ้อ ฉันเคยเห็นเขาหน่ะ" ลิงซ์พูดขึ้น

    "แล้วนี่ ทำไมมันถึงลักพาตัวเขาหล่ะ??" ป้าถามลิงซ์ไป

    "มันคงหาทาสไปทำงานให้พวกมันหน่ะค่ะ ต่อไปนี้ห้ามหนีไปจากที่นี่อีกนะ" ลิงซ์บอกกับเด็กคนนั้นไป

    "ครับผม!!"

    "ตอนนี้ทุกอย่างก็จบแล้วสินะ งั้นฉันขอตัวนะป้า" ลิงซ์พูดขึ้น

    "อ้าว แล้วเธอไม่เอาของไปขายหน่อยเหรอ??"  

    "ตอนนี้ฉันอาจจะไม่เอาของไปขายซักพักหน่ะค่ะ ฉันมีงานที่ต้ิงสะสางนิดหน่อย ยังไงก็ดูแลเขาให้ดีนะคะ" ลิงซ์พูดขึ้น จากนั้นเธอก็เดินจากไปในทันที

     

     

     

    กลับมายังเขตของกลุ่มโจรอีกา ในวันนั้นเองพวกเขาก็เริ่มโจมตีค่ายต่างๆของพวกไวท์ยอร์กอย่างดุเดือด เนื่องด้วยตอนนี้พวกไวท์ยอร์กเริ่มอ่อนกำลังมากขึ้นทุกที ในวันนี้พวกเขาไปบุกหมู่บ้านใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งดูภายนอกเหมือนเป็นหมู่บ้านธรรมดา แต่ความจริงแล้วมันจับคนดำไปเป็นทาสและซุกซ่อนอาวุธเอาไว้ เมื่อพวกเขาบุกเข้าไปในหมู่บ้านนั้น พวกเขาก็เอาอาวุธและทาสที่จับได้มากมายออกมาในทันที

    "โห ไรเฟิล ปืนกล ระเบิด ของดีๆทั้งนั้นเลย!!" นาธานพูดขึ้น

    "หัวหน้าหมู่บ้านของพวกแกอยู่ที่ไหน??" คาเตอร์ถามชาวบ้านไป จากนั้นพวกชาวบ้านก็ชี้ตัวชายอ้วนคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในกลุ่มชาวบ้าน คารีนลากตัวเขาออกมาในทันที

    "พวกแกยังมีอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่า??" คารีนถามไป

    "ฉันไม่บอกเว้ย ไอ้พวกสมสู่กับไอ้มืด แกนอนกับไอ้มืดไปแล้ว!!"

    "ตุ๊บ!!"

    คารีนต่อยหน้าชายอ้วนคนนั้นไป จากนั้นก็ลากเขาขึ้นมาในทันที

    "ฉันจะไม่ถามซ้ำนะ มีอะไรอีกมั้ย??"  

    "เราซ่อนอาวุธให้คุณรูเบ็น พวกนั้นตอบแทบเราโดยการให้ทาสมาจำนวนหนึ่ง พวกเราปลูกฝ้ายต้องใช้ทาสเป็นแรงงาน พวกแกไม่เข้าใจหรือไง??"  

    "เกณฑ์คนอื่นมาเป็นแรงงานแล้วปฏิบัติอย่างกับหมูกับหมาเนี่ย??" คาเตอร์ถามไป  

    "แล้วยังไงหล่ะ ก็มันเป็นทาสนี่ เราจะทำยังไงกับมันก็ได้!!" ในตอนนั้นเองนาธานทนไม่ไหวจึงไปต่อยมันจนยับแบบไม่เกรงใจใคร

    "มึงว่าใครเป็นทาสไอ้ระยำ??"

    นาธานสาวหมัดรัวใส่หน้ามัน มันคนหนึ่งทนไม่ไหวลุกขึ้นมา แต่โดนคนของคารีนยิงใส่จนตายคาที่

    "ปัง!!"

    "อยู่นิ่งๆสิโว้ย!!" คนยิงพูดขึ้น

    "ฉันไม่อยากให้มีความรุนแรง แต่ถ้าอยากจะสู้ อย่าหาว่าพวกเราเอาเปรียบ!!" คารีนพูดขึ้น

    "ถ้าใครอยากโดนแบบไอ้นี่ บอกกันได้นะ" นาธานพูดขึ้น จากนั้นก็ทิ้งร่างของหมอนั่นไว้ตรงหน้าชาวบ้านคนอื่นๆ

    "ท่านครับ เราเจอทาสที่กำลังทำงานอยู่อีก 20 คนครับ!!" ลูกน้องคนหนึ่งของคารีนพูดขึ้นในขณะที่กำลังพาทาสพวกนั้นเดินแถวออกมา ทาสบางส่วนไม่พอใจวิ่งเข้าไปทำร้ายชาวบ้านพวกนั้น ทำเอาคนของคารีนถึงกับต้องไปห้ามไว้ก่อน

    "ใจเย็นๆทุกท่าน ทุกท่านปลอดภัยแล้ว!!" คารีนพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ทาสคนหนึ่งที่ใส่เสื้อก็เดินมาหาคารีนในทันที

    "ขอบคุณมากครับที่มาช่วยพวกเรา!!"

    "ไม่เป็นไรค่ะ พวกคุณปลอดภัยแล้ว" คารีนตอบไป

    "พวกมันต้องการทรัพยากรไปขายมากกว่าปกติ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มันให้เราทำงานทั้งวันทั้งคืนเลยครับ" ทาสคนนั้นพูดขึ้น

    "สงสัย มันคงจะเอาไปทดแทนสิ่งที่พวกมันเสียไปคราวก่อนหน่ะ ตอนนี้พวกมันคงกำลังจนตรอก" คาเตอร์พูดขึ้น

    "ผมว่า เราคงมาถูกทางแล้วหล่ะครับ" นาธานพูดขึ้น

    "ชาวบ้านพวกนี้กดขี่เราต่างๆนาๆ พวกคุณต้องช่วพวกเรานะครับ!!"  

    "นั่นสิครับ ผมว่าฆ่ามันให้หมดหมู่บ้านเลยดีกว่า" นาธานพูดขึ้น

    "ใจเย็น เราไม่ได้มาทำอะไรแบบนั้นนะ" คารีนพูดขึ้น

    "แล้วพวกมันจะใจดีกับเราแบบนี้หรือเปล่าครับ??" คาเตอร์ถามไป

    "เอาน่า เราต้องไม่เป็นเหมือนพวกมันสิ ยึดทุกอย่างไปให้หมด อย่าให้พวกมันเอาไปใช้ประโยชน์ได้" คารีนพูดขึ้น

    "ได้เลยครับ ผมจะจัดการเอง" นาธานพูดขึ้น

    "ไม่แน่ ชาวบ้านพวกนี้อาจจะเอาเรื่องของเราไปฟ้องก็ได้นะครับ" คาเตอร์แนะนำคารีนไป

    "ไม่หรอก เพราะพวกมันก็พังเหมือนกัน ลองให้ทาสซัก 10 คนเป็นพยานสิ" คารีนพูดขึ้น

    "ครับ ผมจะขนทุกอย่างไปให้หมด ไม่ต้องให้พวกมันได้อะไรไป" นาธานพูดขึ้น

    "รีบๆหน่อยดีกว่า เดี๋ยวพวกมันจะมา" คาเตอร์พูดขึ้น

    "ส่งข่าวไปให้พวกเราที่ก่อการที่อื่นด้วย ให้ถอยกลับมาก่อน ไม่แน่พวกมันอาจจะตามล่าพวกเราก็ได้" คารีนพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ยึดทุกอย่างไปจากหมู่บ้านคนขาวเหล่านั้น รวมถึงปลดปล่อยทาสที่เหลือไปด้วย จากนั้นพวกเขาก็เดินทางออกไปในทันที

     

    กลับมายังบ้านพักของรูเบ็นในเขตไวท์ยอร์ก ในวันนั้นเองรูเบ็นไม่อยู่ที่บ้าน แฟรงค์เก้นได้แค่เฝ้าอยู่ที่นั่นไปพลางๆ ในระหว่างที่พวกเขากำลังวางแผนการอื่นในการตอบโต้กลุ่มโจรที่เพิ่งจะเล่นงานพวกเขา ในตอนนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็วิ่งเข้าไปในบ้านของแฟรงค์เก้นแล้วไปรายงานอะไรบางอย่างกับแฟรงค์เก้นด้วย

    "ท่านครับ แย่แล้วครับ!!"

    "มีอะไรหล่ะ ว่ามาเลย??" แฟรงค์เก้นถามไป

    "หมู่บ้านไวท์ก็อตโดนโจมตีครับ!!"

    "ห่ะ ว่าไงนะ หมู่บ้านไวท์ก็อตเหรอ??" แฟรงค์เก้นถามอย่างสงสัย

    "ใช่ครับ พวกมันเอาอาวุธและของไปหมดเลยครับ พวกทาสก็ด้วยครับ"

    "บ้าเอ้ย นั่นมัน 2 ส่วนใน 10 เลยนะเว้ย!!"

    "ครับ เราจะทำยังไงต่อครับ??" ลูกน้องคนนั้นถามไป

    "ส่งคนไปตามล่ามัน เห็นทีคงต้องเป็นฝ่ายรุกบ้างแล้วหล่ะ ไปเรียกคนของฉันมาให้หมด" แฟรงค์เก้นพูดขึ้น

    "รับทราบครับผม!!"

    "เตรียมอาวุธทุกอย่างมาด้วยหล่ะ งานนี้ต้องไม่จบแค่นี้แน่ๆ" แฟรงค์เก้นพูดขึ้น

    "แล้วจะบอกคุณรูเบ็นหรือเปล่าครับ??"  

    "บอกเขาด้วยแล้วกัน ที่เหลือฉันจะจัดการเอง" แฟรงค์เก้นสั่งลูกน้องของเขาไป

     

    กลับมายังศาลประจำเมือง Black Maple ในวันนั้นเองฟิโอน่าเรียกนายอำเภอและคณะเข้าไปต่อว่าเนื่องจากที่ปล่อยให้นักโทษหนีไปได้ และดูเหมือนว่าฟิโอน่าจะไม่พอใจเอามากๆเลย

    "พวกคุณทำงานกันยังไง ทำไมถึงให้มันหนีไปได้??"

    "พวกเราพยายามแล้วครับ แต่พวกมันอาจจะดักโจมตีเราก็ได้" ปีเตอร์พูดขึ้น

    "ผมจะส่งประกาศติดไปเพื่อตามล่าตัวเขาเอง ไม่ต้องห่วง" นายอำเภอพูดขึ้น

    "รีบๆทำหน่อยแล้วกัน ไม่อย่างงั้นพวกคุณโดนเด้งแน่ๆ" ฟิโอน่าพูดขึ้น

    "พวกเราก็กำลังรีบอยู่นี่ไง แต่ฉันจะบอกอะไรให้นะคะ ทอดด์หน่ะเขาไม่ใช่กระจอกอย่างที่คุณคิด ถ้าใครทำเขา เขาตามล่าไม่เลี้ยงแน่ๆ" มีน่าพูดขึ้น

    "อ่าๆๆๆ เอาเป็นว่าเราจะส่งตำรวจไปตามล่าเขาเองครับ" บอริสพูดขึ้น

    "เออ รีบหน่อยแล้วกัน เพื่อนสาวของมันสองคนด้วย เอาตัวมันมาให้ฉัน ฉันจะสอบถามมันหน่อย ไปได้แล้ว!!" ฟิโอน่าไล่พวกนายอำเภอออกไป จากนั้นตัวเธอก็เดินกลับเข้าไปในห้องของเธอเพื่อสงบสติอารมณ์ แต่ในตอนนั้นเอง เธอก็รู้สึกว่าไม่ได้มีแค่เธอที่อยู่ในห้อง เธอหันไปมอง แล้วเธอก็ตกใจในทันทีที่ได้เห็น

    "รูเบ็น!!"

    "ใช่ ฉันเอง สบายดีนะ??"

    "นี่ มาทำอะไรที่นี่??" ฟิโอน่าถามไป

    "ก็คิดถึงเธอยังไงหล่ะ เลยมาหา!!" รูเบ็นพูดขึ้นจากนั้นก็เดินเข้ามาใกล้เธอ

    "นี่ อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นฉันจะเรียกคนมานะ!!"

    "ทำไมหล่ะ ห่ะ ลืมผัวเก่าคนนี้แล้วเหรอ หรือจะให้ฉันเอาเรื่องของเธอไปประกาศให้ทั่วเลยหล่ะ??" รูเบ็นถามไป

    "แหม่ ใจเย็นๆสิ มีอะไรก็ค่อยพูดกันได้นี่"

    "ต้องอย่างงี้สิ เมียรักของฉัน ฉันอยากให้เธอช่วยงานฉันหน่อยหน่ะ" รูเบ็นพูดขึ้น

    "ช่วยอะไรของนายหล่ะ??"

    "ฉันจะเริ่มการโจมตี Black Maple อยากให้เธอช่วยทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นว่าฉันทำอะไร ถ้าคนของฉันโดนจับก็ช่วยๆกันหน่อย" รูเบ็นพูดขึ้น

    "แล้วทำไมฉันต้องช่วยนายหล่ะ??" ฟิโอน่าถามไป

    "ง่ายๆ ฉันรู้ว่าเธอทำงานให้ใครอยู่ ซึ่งเราก็ทำงานให้คนๆเดียวกัน ทำไมเราถึงจะไม่ร่วมมือกันหล่ะ??" รูเบ็นถามไป

    "แล้วฉันจะได้อะไร??" ฟิโอน่าถามไป

    "เรื่องของเราสองคนจะยังเป็นความลับต่อไป ถ้าเรื่องของเธอที่มีผัวเป็นอาชญากรเนี่ย มันน่า..."

    "ใจเย็นสิจ๊ะ ถ้านายอยากให้ฉันช่วย ฉันจะช่วยแล้วกัน" ฟิโอน่าพูดขึ้น

    "ดีมาก ต้องน่ารักแบบนี้สิ" รูเบ็นพูดขึ้น จากนั้นเขาก็รุกเข้าไปใกล้เธอในทันที

    "ไม่เจอกันหลายปี ยังสวยไม่สร่างเลยนะจ๊ะ เรามารำลึกความหลังกันดีกว่า!!"

    รูเบ็นพูดขึ้นจากนั้นก็กอดจูบกับเธออย่างดูดดื่ม และเขาก็อุ้มฟิโอน่าขึ้นไปบนเตียงของเธอในห้องแล้วบรรเลงรักกับเธอในทันทีอย่างหวานชื่น

     

    ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจาก Black Maple ไม่ไกลมาก พวกของคลีฟแลนด์ก็เดินทางมายังหมู่บ้านเพื่อหาที่หลบภัย เธอขี่ม้าเข้ามาในหมู่บ้าน ซึ่งในตอนนั้นเองคนของเธอคนหนึ่งก็กำลังรอเธออยู่พอดี เขารีบไปหาเธอในทันทีเมื่อได้พบกับเธอ

    "คุณคลีฟแลนด์ครับ!!"

    "อืม ที่นี่ไว้ใจได้เหรอ??" เธอถามไป

    "ได้ครับ รับรองว่าชาวบ้านไม่ปรี่ปากแน่นอนครับ"

    "อืม ดีแล้วหล่ะ มีข่าวอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับไอ้แฮมเบอร์ตันหรือเปล่า??" คลีฟแลนด์ถามไป

    "ตอนนี้เรากำลังตามสืบมันอยู่ครับ แต่คิดว่ามันน่าจะติดต่อกับคนๆหนึ่งอยู่ครับ"

    "ใครกันหล่ะ??" คลีฟแลนด์ถามไป

    "แจ๊คกี้ เฮนรี่ ชาวฝรั่งเศสอพยพครับ มันทำงานขนของเถื่อนที่ท่าเรือครับ"

    "อืม ถ้าเจอตัวมัน เอาตัวมันมาให้ฉันด้วย" คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    "เอาจริงเหรอครับ??"

    "แน่นอน เราคงต้องรีบหน่อย ไม่งั้นมันจะไม่ทันการ" คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    "แล้วคุณจะไม่พักผ่อนหน่อยเหรอครับ??"  

    "ไม่จำเป็นหรอก ฉันพอไหวอยู่ เอาตัวมันมาให้ฉัน ฉันจะสอบมันเอง" คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    "แต่ผมว่า เข้าถึงตัวมันยากอยู่นะครับ ถึงมันจะเป็นกุ๊ยแต่มันก็มีปืน แถมพวกมันก็เต็มท่าเรือเลยนะครับ??"  

    "ไม่ต้องห่วง กุ๊ยพวกนั้นฉันจัดการได้อยู่แล้ว" คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    "ถ้าคุณต้องการแบบนั้น ผมจะจัดการให้ครับ" ลูกน้องของเธอรับปากเธอไป

     

    ณ ท่าเรือแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจาก Black Maple ไปพอสมควร ในวันนั้นเองซูซี่ได้รับงานจากร็อกกี้และมาร์คให้เดินทางไปหาคนๆหนึ่ง เธอนั่งเสพบรรยากาศบริเวณนั้นไปอย่างสดชื่น แต่ในตอนนั้นเอง ลูกน้องของร็อกกี้ก็เคาะที่รถม้าของเธอ จากนั้นก็พูดกับเธอ

    “คุณซูซี่ครับ เราใกล้ถึงแล้วครับ!!”

    ซูซี่ได้ยินดังนั้นก็กลับเข้ามาในรถม้าต่อ และเมื่อพวกเขามาถึง กลุ่มคนงานของท่าเรือก็เดินมาที่รถม้าในทันที ซูซี่เดินลงจากรถม้าและเดินไปหาคนงานท่าเรือแถวนั้นในทันที พวกนั้นเห็นความงามของซูซี่ทำเอาไม่กล้าทำอะไรเลย

    “ฉันมาหาแจ๊คกี้ คุณร็อกกี้ส่งฉันมา!!”

    “อ้อ เชิญทางนี้เลยครับ!!” คนงานท่าเรือคนหนึ่งพูดขึ้น จากนั้นเขาก็พาเธอไปยังโกดังแห่งหนึ่ง ซึ่งด้านในถูกดัดแปลงให้เป็นห้องพักสุดหรู ประดับประดาไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ในตอนนั้นเอง ซูซี่ก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกับชายวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังนั่งคุยกันอยู่ในห้อง ทั้งคู่ส่งสายตาให้กับซูซี่ในทันทีเมื่อเธอเดินเข้ามา

    “สวัสดีค่ะ คุณแจ๊กกี้อยู่หรือเปล่าคะ??”

    “อ้อ ผมแจ๊คกี้ แต่ผมว่า คุณคุยกับเขาโดยตรงเลยดีกว่า!!” แจ๊คกี้ผายมือไปยังชายวัยกลางคนคนนั้น และชายคนนั้นก็เดินเข้ามาหาซูซี่ในทันที

    “ผมแฮมเบอร์ตัน ยินดีรับใช้ครับคุณผู้หญิง คุณร็อกกี้กับคุณมาร์คคงส่งคุณมาสินะ??”

    “ใช่ค่ะ คุณร็อกกี้ส่งจดหมายนี่มาให้ค่ะ” ซูซี่พูดขึ้นจากนั้นก็ยื่นจดหมายนั่นให้กับแฮมเบอร์ตันในทันที

    “ว้าว ขอบคุณมากครับ คุณมาเหนื่อยๆ ไม่นั่งดื่มด้วยกันหน่อยเหรอครับ??”

    “ก็ดีค่ะ ฉันอยากดื่มอยู่พอดีเลย” ซูซี่พูดขึ้น จากนั้นเธอก็ไปนั่งที่โซฟาในห้องของเขา โดยที่แจ๊คกี้ก็รินเหล้าชั้นดีให้กับเธอด้วย

    “เหล้าแท้จากสก๊อตเลยนะครับ!!” แจ๊คกี้พูดขึ้น จากนั้นซูซี่ก็ดื่มมันไป เมื่อดื่มไปอึกแรก เธอรู้สึกประทับใจมาก

    “ถ้าคุณชอบ ผมจะยกให้ทั้งขวดเลยนะครับ” แฮมเบอร์ตันพูดขึ้น

    “แหม่ ท่านคะ ถ้าดื่มนานๆแล้วมันจะเลิกยากนะคะ” ซูซี่พูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงครับ หลังจากนี้ แพงกว่านี้ผมก็ซื้อให้คุณได้” แฮมเบอร์ตันพูดขึ้น จากนั้นซูซี่ก็ยิ้มตอบไป

     

    กลับมายังบ้านพักของลอร่า ในวันนั้นเองเธอก็ยังคงพักผ่อนที่บ้านของเธอเพื่อเตรียมการจู่โจมในครั้งถัดไป เธฮกำลังนั่งอ่านหนังสือบนโต๊ะของเธอ และในขณะเดียวกันนั้นเอง พ่อบ้านของเธอก็เดินเข้าไปในห้องของเธอ จากนั้นก็เอากระดาษอะไรบางอย่างวางไว้บนโต๊ะของเธอ

    “อะไรเหรอคะ??” ลอร่าถามไป แต่ในตอนนั้นเอง เธอก็เห็นภาพของทองสุกที่อยู่บนป้ายประกาศจับ ทำเอาเธอถึงกับตกใจมาก เลยถามพ่อบ้านของเธอไป

    “ทอดด์ อะไรกันคะ มันเกิดอะไรขึ้นคะ??” ลอร่าถามไป

    “เขาโดนประกาศจับหน่ะ ค่าหัวสูงซะด้วย”

    “ทำไมกัน ทำไมถึงต้องจับเขาหล่ะ??” ลอร่าถามไป

    “เป็นความคิดของผู้พิพากษาฟิโอน่าหน่ะครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”

    “ฟิโอน่าจะจับเขาทำไมกัน เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำแน่นอน” ลอร่าพูดขึ้น

    “แล้วนี่ คุณหนูจะทำยังไงต่อหล่ะครับ??”

    “หนูต้องสืบเรื่องนี้ให้ได้ ไม่แน่ฟิโอน่าอาจจะกำลังทำงานกับใครอยู่ก็ได้” ลอร่าพูดขึ้น

    “คุณหนูจะสืบยังไงเหรอครับ??” พ่อบ้านถามไป

    “ส่งคนของเราตามประกบยัยฟิโอน่านั่น ฉันอยากรู้มันกำลังวางแผนอะไรอยู่ ไม่แน่มันอาจจะร่วมมือกับพวกเดอะแคลนอยู่ก็ได้” ลอร่าพูดขึ้น

    “ได้ครับ ถ้าได้ความคืบหน้าผมจะกลับมารายงานนะครับ” พ่อบ้านของเธอพูดขึ้น

    “ติดตามด้วยนะคะ ว่าใครที่ติดต่อกับเธอบ้าง ไม่แน่อาจจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมก็ได้” ลอร่าพูดขึ้น

    “อืม ได้ครับ แล้วผมจะช่วยดูให้!!” พ่อบ้านของเธอพูดขึ้น จากนั้นก็เดินออกจากห้องไปในทันที

     

    กลับมายังป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจาก Black Maple ทอดยาวไปที่เมืองอื่น กองกำลังของเจสันเดินทัพตามคลีฟแลนด์มาเรื่อยๆ พวกเขาตามรอยเท้าม้าไปอย่างใจเย็น แต่พวกเขาไม่กล้ารุกเข้าไปเร็วเพราะกลัวว่าพวกนั้นจะซุ่มโจมตีเขา เขาเดินทัพไปเรื่อยๆและคุยกับลูกน้องของเขาไปด้วย

    “ทุกคนระวังเป็นระยะๆ พวกมันอาจอยู่แถวนี้ก็ได้” เจสันพูดขึ้น

    “แต่พวกมันอาจจะหนีไปไกลแล้วก็ได้นะครับ??” ทหารคนหนึ่งพูดขึ้น

    “ไม่หรอก มันไปได้ไม่ไกลขนาดนั้นหรอก” เจสันพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ทหารคนหนึ่งก็ควบม้ามาหาเจสันอย่างเร่งรีบ เพื่อมารายงานอะไรบางอย่างกับเขาไป

    “ท่านครับ มีข่าวจาก Black Maple ครับ!!”

    “อะไรกัน เมืองโดนโจมตีอีกแล้วเหรอ??” เจสันถามไป

    “เปล่าครับ พวกเขาขอให้เราตามล่าชายคนนี้ครับ” ทหารคนนั้นพูดขึ้นพลางส่งรูปชายคนหนึ่งให้ดู ซึ่งนั่นก็คือทองสุกนั่นเอง ในภาพการประกาศจับ

    “นี่มันนายชุดแดงนี่หว่า ทำไมเขาโดนตั้งค่าหัวหล่ะ??” เจสันถามไป

    “เป็นคำสั่งของผู้พิพากษาประจำเมืองครับ” 

    “อืม นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่ ถ้าเจอเขา ห้ามจับตายเด็ดขาด” เจสันพูดขึ้น

    “ผมว่า เขาน่าจะรู้เรื่องอะไรบางอย่างแน่ๆครับ”

    “ฉันก็ว่างั้น แล้วนี่ พวกมันหนีไปทางไหนแล้วหล่ะ??” เจสันถามไป

    “เท่าที่สำรวจพื้นที่และรอยเท้าม้า มันกำลังหนีไปหมู่บ้านข้างหน้านี่หล่ะครับ” 

    “อืม ถ้าไปถึงหมู่บ้าน อย่าให้ชาวบ้านตกใจเด็ดขาด” เจสันพูดขึ้น

    “แล้วพวกเขาจะต้อนรับเราอย่างงั้นเหรอครับ??” 

    “มันเป็นหน้าที่ พวกเราไม่ใช่โจร อย่าทำอะไรแบบนั้นเด็ดขาด” เจสันพูดขึ้น

    “รับทราบครับท่าน!!”

    “เอาหล่ะ เดินทางต่อได้ เดี๋ยวมันจะเย็นซะก่อน” เจสันสั่งลูกน้องของเขาไป จากนั้นพวกเขาก็เดินทัพกันในทันทีเพื่อไปยังหมู่บ้านเป้าหมาย และตามหาตัวคลีฟแลนด์ที่กำลังหลบหนี

     

    กลับมายังบ้านฟาร์มของทินส์ ในวันนั้นเองพวกเขาก็ได้ข่าวการประหารของทอดด์ ซึ่งคนงานคนหนึ่งที่เข้าเมืองมาบอกกับเขา ในตอนนั้นเองดูเหมือนชาร์ล็อตจะรู้เรื่องเข้าแล้ว เธอไม่แปลกใจอะไรเลย ทำเอาอเล็กซ์ถึงกับต้องถามเธอไปในทันที

    “ชาร์ล็อต พี่ถามหน่อยสิ ทำไมเธอถึงรู้เรื่องนี้ แล้วเธฮส่งข้อความอะไรไปให้กับเจสสิก้าเขาหน่ะ??” อเล็กซ์ถามไป

    “หนูพอจะเดาออก ที่ผู้พิพากษาเจรจากับพวกนั้น เดาไว้แล้วว่าทอดด์คงต้องไปขัดผลประโยชน์อะไรพวกมันแน่ๆ” ชาร์ล็อตพูดขึ้น

    “แล้วตอนนี้ทอดด์เขาเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” ริแอนน่าถามไป

    “ได้ข่าวมา ตอนนี้สองคนนั้นช่วยเขาไว้ได้ แต่คงต้องออกนอกเมืองไปซักพักหน่ะ” ทินส์พูดขึ้น

    “แล้วนี่ เราจะลองตามหาเขาหรือเปล่าหล่ะ??” อเล็กซ์ถามไป

    “อย่าเพิ่งเลย มันเสี่ยง ผู้พิพากษาคงเพ็งเล็งทุกคนที่เข้าใกล้เขาหน่ะ” ทินส์พูดขึ้น

    “ชาร์ล็อต ถ้าได้ข่าวอะไรเพิ่มเติมก็บอกได้นะ” ริแอนน่าพูดขึ้น

    “ได้ค่ะแม่ เรื่องนั้นหนูจัดการเอง” ชาร์ล็อตพูดขึ้น

    “นี่ พี่ว่าเธอไม่ควรจะไปคนเดียวนะ มันอันตราย” อเล็กซ์ปรามเธอไป

    “ไม่เป็นไรหรอกพี่ พี่ก็รู้ไม่มีใครจับหนูได้หรอก” ชาร์ล็อตพูดขึ้น

    “งานนี้ Black maple คงได้ลุกเป็นไฟอีกครั้งหล่ะ” ทินส์พูดขึ้น

    “ขอให้เราผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายนี้ไปได้ด้วยเถอะ!!” ริแอนน่าพูดพลางกุมมือขอพรจากพระเจ้า จากนั้นเธอก็นั่งคุกเข่าลงสวดมนต์ไปด้วย

     

    กลับมายังบ้านพักของประจักษ์และทาเคชิ ในวันนั้นเองพวกเขาได้เชิญร็อกกี้และมาร์ค ซึ่งกว่าพวกเขาทั้งคู่จะเชิญมาได้ก็หมดเงินไปเยอะมาก พวกเขาได้รับการอารักขาเต็มที่จากองค์รักษ์ของพวกเขา พวกเขาตกลงกันเกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ในพื้นที่ของ Black Maple กันอย่างจริงจัง

    “ผมบอกเลยครับ ว่าพวกเราจะทำเงินได้มากกว่ารับส่วยพวกนี้ซะอีก ถ้าพวกท่านช่วย” ทาเคชิพูดขึ้น

    “อืม ก็น่าสนใจดีครับ ถ้าผมได้ปกครองประเทศใหม่ ผมขอส่วนแบ่งจากวพกคุณ 50 เปอร์เซ็นต์แล้วกัน แล้วที่ดินทั้งหมด รวมถึงบ่อน้ำมันที่พวกคุณเชื่อว่ามี คุณคุมได้เลย” มาร์คพูดขึ้น

    “แน่นอนครับ ถ้าคุณได้คุมมัน ผมจะถวายมันเป็นบรรณาการให้คุณ” นายประจักษ์พูดขึ้น

    “ดี หวังว่างานของเราจะเป็นไปได้สวยนะครับ” ร็อกกี้พูดขึ้น แต่ในระหว่างที่พวกเขากำลังคุยกัน ลูกน้องของประจักษ์คนหนึ่งก็รีบวิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับนายประจักษ์เป็นภาษาสยามในทันที

    “นายครับ แย่แล้วครับ!!”

    “พูดอังกฤษสิโว้ย มีอะไรก็ว่ามาเลย??” นายประจักษ์พูดขึ้น

    “อ้ายทองสุก มันยังไม่ตายขอรับ มันหนีไปได้ครับ!!” 

    “ระยำเอ้ย!!” พระยาประจักษ์ทุบโต๊ะปัง

    “จักษ์ เกิดอะไรขึ้น มันยังไม่ตายเหรอ??” ทาเคชิถามไป

    “ส่งคนตามล่ามันด่วนเลย เจอที่ไหนฆ่าได้ทันที!!” ประจักษ์สั่งคนของเขาไป

    ==============================================================

    ดูเหมือนพระยาประจักษ์จะรู้แล้วว่าทองสุกยังไม่ตาย และเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ อย่าลืม

    ตอนแรกกะว่าจะไม่อัพเพราะเมื่อคืนหดหู่มาก แต่ The Show Must Go On

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลหนูด้วย

    ขอพระเจ้าคุ้มครองพวกคุณทุกคน!!

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×