ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Siam Cowboy - คาวบอยสยาม

    ลำดับตอนที่ #20 : ตอนที่ 16 : พบกัน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 114
      2
      10 ต.ค. 63

    เช้าวันต่อมา ทองสุกก็ตื่นขึ้นมาท่ามกลางแสงแดดที่สาดส่อง แล้วก็ไม่ต้องเดาอะไร เจสสิก้าและแคลิเฟอร์ก็มายืนรอที่หน้าห้องเขาอยู่แล้ว จากนั้นเธอสองคนก็เดินเข้ามาด้านในห้องของทองสุกในทันที

    "เฮ้ ทอดด์ หลับสบายนะเมื่อคืน??" เจสสิก้าถามไป

    "ก็โอเคหน่ะ ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว" ทองสุกตอบไป

    "เออนี่ เรื่องที่ลุงเจเรมี่เล่าให้ฟังเนี่ยน่ากลัวเลยนะ" แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    "จริงด้วย เห็นใจลุงแกนะที่แกเจอมาหน่ะ" ทอดด์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็นึกถึงสิ่งที่ลุงเจเรมี่พูดไปเมื่อคืน

    "ลุงเคยเป็นทหาร ฝ่ายใต้กับฝ่ายเหนือรบกัน พอจบสงคราม ลุงก็กลับบ้านไปหาครอบครัว แต่กลับไปก็มาพบว่าบ้านถูกไล่ที่ เมียกับลูกหายสาบสูญไป และลุงยังจำได้ ฟิโอน่า ชื่อของมัน มันเป็นคนเซ็นรับรองให้มีการเก็บกวาดพื้นที่บ้านของลุง ลุงให้เพื่อนทหารสืบว่าเกิดอะไรขึ้น พอสืบไปก็พบว่า มันลงหุ้นกับนายทุนในพื้นที่ มันพยายามจะฆ่าลุง แต่มันโง่ทำไม่สำเร็จ สุดท้าย ลุงก็ต้องออกจากบ้านมานี่หล่ะ!!"

    "เอาเป็นว่า วันนี้เราจะเอายังไงต่อหล่ะ??" ทองสุกถามสองสาวไป และในระหว่างนั้นเอง จู่ๆ ตำรวจสี่คนก็บุกเข้ามาในห้องของทองสุก จากนั้นก็มาจับตัวเขาในทันที ทองสุกสงสัยมากว่าเกิดอะไรขึ้น

    "เฮ้ย นี่มันอะไรเนี่ย จับพวกเราทำไม??" เจสสิก้าตะโกนถามไป

    "ขอโทษด้วยนะ เรามาตามคำสั่งผู้พิพากษาหน่ะ" ตำรวจพวกนั้นพูดขึ้น

    "ไม่เอาน่า นี่ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ นายอำเภอรู้หรือเปล่า??" แคลิเฟอร์ถามไป

    "ฉันรู้ เอาเป็นว่าพวกเธอเก็บเอกสารสำคัญเขาไว้ให้ดีดีกว่า เผื่อเขาต้องใช้ ทอดด์ มากับเราด้วย!!"

    ทองสุกทำอะไรไม่ได้เลยต้องตามตำรวจพวกนั้นไป เจสสิก้านึกขึ้นได้ว่าทองสุกเคยมีใบอนุญาตเข้าเมืองอยู่ เธอรีบไปค้นหาของนั้นในตู้เสื้อผ้าของทองสุกในทันที

    "นี่ เจส หาอะไรอยู่เหรอ??" แคลิเฟอร์ถามไป

    "ฉันหาของของเขาอยู่!!" เจสสิก้าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็เห็นกระดาษใบหนึ่ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สหรัฐออกให้กับเขา เจสสิก้าหยิบมันมาเก็บไว้ในทันที

    "นี่ไง ของนี่ใช้ยืนยันตัวเขาได้" เจสสิก้าพูดขึ้น

    "ทำไมหมอนั่นถึงบอกให้เราเก็บเอกสารของทอดด์ไว้หล่ะ??" แคลิเฟอร์ถามไป

    "ฉันว่า เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำแน่ๆ ฉันจะไปบอกนายอำเภอ" เจสสิก้าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องไปในทันที ส่วนแคลิเฟอร์ก็เดินตามเจสสิก้าไปติดๆ และในตอนนั้นเอง พวกเธอสองคนก็รีบไปที่สถานีตำรวจประจำเมืองในทันที ในตอนนั้นเองเจสสิก้าก็เห็นนายอำเภอกำลังแตะไหล่ของทองสุกไป จากนั้นก็พาเขาเข้าไปในคุกด้วย เจสสิก้ารีบวิ่งเข้าไปถามความเป็นไปกับเขาในทันที

    "นายอำเภอคะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ??" เจสสิก้าถามไป

    "เจส ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน จู่ๆผู้พิพากษาก็สั่งให้เราไปจับตัวเขาหน่ะ" นายอำเภอพูดขึ้น  

    "ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่??" ปีเตอร์ถามไป

    "ฉันว่า มันต้องมีเงื่อนงำแน่ๆเลย" มีน่าพูดขึ้น

    "แล้วพวกคุณไม่ข้อมูลอะไรเลยเหรอ??" แคลิเฟอร์ถามพวกเขาไป

    "เราก็อยากช่วย แต่เราไม่รู้ว่าจะทำยังไง" บอริสพูดขึ้น

    ในระหว่างที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่ จู่ๆตำรวจคนหนึ่งก็เดินเข้ามาด้านใน แล้วคุยอะไรบางอย่างกับนายอำเภอในทันที

    "นายอำเภอครับ มีคำสั่งจากผู้พิพากษาให้เราย้ายเขาไปขังที่ศาลครับ!!"

    "หือ ศาลเก่านั่นหน่ะเหรอ บ้าไปแล้ว!!" เจสสิก้าพูดขึ้น

    "ใช่ๆ นี่เราทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ??" แคลิเฟอร์ถามไป

    "เราทำอะไรไม่ได้หรอก เราไม่มีอำนาจมากพอหน่ะ" นายอำเภอพูดขึ้น

    "แต่ผู้พิพากษาทำเกินไปแล้วนะคะ แบบนี้มันมากเกินไป" มีน่าพูดไป

    "ถ้าอย่างงั้น ฉันคงต้องสืบเรืองนี้แล้วหล่ะ" ปีเตอร์พูดขึ้น

    "อืม ว่าแต่ พวกเธอเก็บเอกสารอะไรของเขามาด้วยหรือเปล่า??" บอริสถามเจสสิก้าและแคลิเฟอร์ไป

    "นี่ไงคะ!!" เจสสิก้าพูดขึ้นจากนั้นก็โชว์ใบที่เธอเจอในห้องมาให้พวกเขาดู

    "อืม ถ้าแบบนี้ค่อยดีหน่อย" นายอำเภอพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง กลุ่มตำรวจก็พาตัวทองสุกออกมาจากคุกที่สถานีตำรวจ แล้วพาทองสุกเดินออกมาในทันที

    “ขอโทษด้วยนะทอดด์ ฉันทำอะไรไม่ได้!!” นายอำเภอบอกกับเขาไป

    “ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น??” ทองสุกพูดขึ้น

    “ไม่ต้องกลัว เอกสารนายอยู่กับเรา เราจะเอาไปต่อสู้กับผู้พิพากษาเอง” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “เดี๋ยวพวกเราจะไปเยี่ยมนายนะ ไม่ต้องห่วง” เจสสิก้าพูดขึ้น

    “ขอบคุณทุกคนมากๆนะครับ แต่พวกมันทำอะไรผมไม่ได้หรอก” ทองสุกพูดขึ้น

    “อย่าประมาทพวกมันนะ พวกมันอาจจะมีแผนอะไรอยู่ก็ได้” แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    “นี่ พวกนายหน่ะ ดูเขาให้ดีด้วย ถ้าเกิดอะไรให้มาบอกฉัน!!” ปีเตอร์สั่งตำรวจพวกนั้นไป

    “แล้วทำไม ผู้พิพากษษต้องเอาเขาไปขังไว้ที่ศาลนั่นหล่ะ??” มีน่าถามไป

    “ไม่รู้สิ เห็นทีคงต้องไปคุยกับผู้พิพากษาหล่ะ” บอริสพูดขึ้น

    “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่เป็นไรหรอก แล้วเจอกันนะครับ!!” ทองสุกพูดขึ้น จากนั้นตำรวจพวกนั้นก็เอาตัวทองสุกไป โดยที่ในตอนนั้นเอง ผู้พิพากษาฟิโอน่าก็เดินมาดูสถานการณ์ด้วยว่างานของเธอดำเนินการไปถึงไหนแล้ว

    “อืม ยังไม่เอาตัวเขาไปอีกเหรอ??” ฟิโอน่าถามไป

    “กำลังเอาไปครับ!!” ตำรวจคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็เอาตัวทองสุกไป และในตอนนั้นเอง นายอำเภอก็เดินมาหาฟิโอน่าในทันทีเพื่อขอความกระจ่างจากเธอ

    “คุณฟิโอน่า นี่มันอะไรกันครับเนี่ย จับเขาไปทำไม??” นายอำเภอถามไป

    “เราสงสัยว่าเขาเป็นพวกเข้าเมืองผิดกฎหมายหน่ะ” ฟิโอน่าพูดขึ้น

    “ผิดกฎหมายอะไร ดูนี่ให้เต็มตา!!” เจสสิก้าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็เอาเอกสารที่เจ้าหน้าที่สหรัฐเอาให้ฟิโอน่าดู แต่ฟิโอน่าไม่แม้แต่จะชำเลืองมองด้วยซ้ำ

    “ถ้ามีอะไรก็ไปสู้กันในศาลเอาแล้วกัน!!” ฟิโอน่าพูดขึ้น

    “จะเอาแบบนี้ใช่ไหม ได้ คุณเลือกเองนะ!!” แคลิเฟอร์ตอกใส่หน้าฟิโอน่าไป

    “นี่ เธอขู่ผู้พิพากษาเหรอ??” ฟิโอน่าถามไป

    “ใจเย็นๆสิ ขอโทษด้วยนะครับ พวกเราแค่ต้องการความกระจ่างหน่ะ” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “หวังว่าคุณจะปฏิบัติตามกฎหมายนะคะ ฉันหวังไว้แบบนั้น” มีน่าพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง ฉันมันคงของกฎหมายอยู่แล้ว ถ้าพวกเธอยังยืดเยื้ออยู่ ฉันจะฟ้องพวกเธอด้วยข้อหาให้ความช่วยเหลือคนผิดนะ” ฟิโอน่าพูดขึ้น

    “ใจเย็นครับ ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกครับ!!” บอริสพูดขึ้น

    “เอาเป็นว่า ผมจะจัดการเอง คุณเอาตัวเขาไป หวังว่าเขาจะปลอดภัยนะครับ” นายอำเภอพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันขอตัวนะคะ!!” ฟิโอน่าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็เดินกลับไปที่ศาลของเธอในทันที 

    “เดี๋ยวเธอจะได้รู้ ว่าฉันไม่ชอบขู่ แต่ฉันชอบทำ!!” แคลิเฟอร์พูดอย่างโกรธแค้น

    “ใจเย็นๆ เธอได้แก้แค้นมันแน่ๆ ไม่ต้องห่วง” เจสสิก้าพูดขึ้น แล้วในขณะเดียวกันนั้นเอง เด็กคนหนึ่งก็วิ่งมาหาเจสสิก้า แล้วเอากระดาษอะไรบางอย่างให้กับเจสสิก้าในทันที เจสสิก้าอ่านไปก็พบว่างานนี้ต้องมีนอกมีในแน่ๆ 

    “แคล ฉันว่า ทอดด์อาจจะไม่รอดแล้วหล่ะ” เจสสิก้าพูดขึ้น

    “ตายห่าหล่ะ เราต้องช่วยเขาแล้วหล่ะ” แคลิเฟอร์พูดขึ้น

     

    และที่อีกด้านหนึ่งของเมือง หลังจากที่ลิงซ์พาพวกของโฮมุระไปสืบความลับที่บ้านของทาเคชิ พวกเขาก็กลับมาที่ร้านในทันที จากนั้นพวกเขาก็คุยกันต่อ

    “เฮ้อ เกือบตายแล้วมั้ยหล่ะเมื่อคืน!!” เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันเลี้ยงเหล้าพวกนายเอง” โฮมุระพูดขึ้น

    “เออๆ แล้วนี่ พวกเธอจะเอายังไงกันต่อหล่ะ??” ลิงซ์ถามไป

    “ก็คงต้องรอสืบกันต่อไปว่าพวกมันจะทำอะไรกันหน่ะ” จอห์นพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆเด็กชนพื้นเมืองคนหนึ่งก็ดันมาเจอกับลิงซ์ เด็กคนนั้นตะโกนเป็นภาษาพื้นเมืองใส่ลิงซ์ ลิงซ์เห็นก็ดีใจมากแล้ววิ่งไปกอดเด็กคนนั้นในทันที

    “เออ นี่มันอะไรกันเนี่ย??” โฮมุระถามไป

    “เด็กคนนี้ไง ที่ฉันเล่าให้ฟังหน่ะ” ลิงซ์พูดขึ้น

    “เฮ้อ ในที่สุดก็จบเรื่องไปหนึ่งสินะ!!” จอห์นพูดขึ้น

    “ถ้างั้นเราก็แยกย้ายกันกลับบ้านดีกว่า” เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น จากนั้นลิงซ์ก็คุยเป็นภาษาพื้นเมืองกับเด็กคนนั้นต่อ เด็กคนนั้นเล่าเรื่องให้ลิงซ์ฟัง ทำเอาลิงซ์ถึงกับตกใจไปด้วย

    “เออ เด็กคนนั้นพูดอะไรเหรอ??” โฮมุระถามไป

    “เขาบอก มีชายผิวเหลืองเหมือนเขาช่วยเขาไว้ เขาสู้กับพวกไวท์ยอร์ก แล้วก็มีการยิงปะทะกันด้วย” ลิงซ์พูดขึ้น

    “หรือว่า จะเป็นนายทอดด์กันนะ??” เอ็ดเวิร์ดถามไป

    “โห นี่เขาไปลุยกับพวกไวท์ยอร์กอย่างงั้นเหรอ??” จอห์นถามไป

    “ตอนนี้พวกเราปลอดภัยกันก็ดีแล้วหล่ะ” ลิงซ์พูดขึ้น

    “นั่นสิ เธอรีบพาเด็กคนนี้กลับบ้านดีกว่า เด็กคงคิดถึงบ้านแทบแย่” โฮมุระพูดขึ้น

    “นั่นสิ ตอนนี้หิวมากเลยเนี่ย ว่ามั้ยจอห์น??” เอ็ดเวิร์ดถามไป

    “นั่นดิ อยากได้แซนวิชซักชิ้น กาแฟซักถ้วยจัง” จอห์นพูดขึ้น

    “แล้วนี่ ทอดด์เขาไปที่นั่นทำไมเหรอ??” ลิงซ์ถามพวกของโฮมุระไป

    “เท่าที่รู้มานะ ทอดด์กำลังล้างแค้นให้บาทหลวงมอริสันอยู่นี่” จอห์นพูดขึ้น

    “อ่ะนะ แล้วนี่ทอดด์หายไปไหนหล่ะ ไปแก้แค้นอีกแล้วเหรอ??” เอ็ดเวิร์ดถามไป

    “ถ้าเขาจะแก้แค้นก็ปล่อยเขาไปสิ” โฮมุระพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง เขาก็เจอตำรวจคนหนึ่งเดินไปเดินมาแถวนั้นอย่างเหน็ดเหนื่อย จอห์นรู้จักตำรวจคนนั้นเลยถามเขาไปในทันที

    “เฮ้ นายมาทำอะไรที่นี่เนี่ย??” 

    “เพิ่งเลิกงานหน่ะ เขาให้เราไปจับตัวชายเอเชียที่โรงแรมป้ามอร์กาน่าหน่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม??”

    “ชายเอเชีย อย่าบอกนะว่าทอดด์หน่ะ??” ลิงซ์ถามไป

    “แล้วพวกนายจับเขาไปทำไมหล่ะ??” เอ็ดเวิร์ดถามต่อไป

    “มันเป็นคำสั่งผู้พิพากษาหน่ะ เราทำอะไรไม่ได้ ฉันขอตัวก่อนนะ อยากกลับบ้านแล้วเนี่ย โชคดีนะ!!” ตำรวจคนนั้นพูดขึ้นจากนั้นก็เดินออกไปในทันที

    “ฉันว่า เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำแล้วหล่ะ!!” โฮมุระพูดไป

     

    กลับมายังโรงพยาบาลของโทมัส ในวันนั้นเอง ในระหว่างที่พวกเขากำลังเตรียมพร้อมในการรับคนไข้ พยาบาลคนหนึ่งที่มาเข้าเวรเช้าก็เดินเข้ามาในโรงพยาบาล จากนั้นก็คุยกับโทมัสในทันที

    “หมอโทมัสคะ ฉันเดินผ่านสถานีตำรวจ ได้ยินว่านายชุดแดงคนดังของเมืองโดนจับค่ะ!!”

    “นายชุดแดง ทอดด์งั้นเหรอ มันเกิดอะไรขึ้นหล่ะ??” วิลเลี่ยมถามอย่างสงสัย

    “ฉันก็ไม่รู้มากหรอกค่ะ แต่ได้ยินว่าเป็นคำสั่งของผู้พิพากษาค่ะ” พยาบาลคนนั้นพูดขึ้น

    “ผู้พิพากษาเนี่ยนะคะ ทำไมต้องจับแบบไม่มีเหตุผลหล่ะคะ??” มิเชลถามไป

    “หรือไม่ เรื่องนี้อาจจะมีเงื่อนงำก็ได้” โทมัสพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น เราคงต้องสืบให้รู้แล้วหล่ะ ทอดด์น่าจะไปขัดแข้งขัดขาใครแน่ๆ” วิลเลี่ยมพูดขึ้น

    “หนูจะไปสืบเองค่ะ ถ้าว่างนะคะ” มิเชลพูดขึ้น

    “อืม มีความเป็นไปได้ ตอนนี้เราคงต้องระวังตัวกันหน่อยหล่ะ” โทมัสพูดขึ้น

    “ไม่รู้ว่าผู้พิพากษาคนนี้คิดอะไรอยู่นะ??” วิลเลี่ยมถามไป

    “ผู้พิพากษาคนนี้มีข่าวเรื่องการรับสินบนมากมาย ฉันไม่ไว้ใจเขาเลยค่ะ” มิเชลพูดขึ้น

    “อืม แล้วนี่ นายอำเภอทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ??” โทมัสถามไป

    “หนูว่าเขาคงจะทำแล้วแต่ทำไม่ได้ค่ะ” มิเชลพูดขึ้น

    “เฮ้อ เห็นทีงานนี้เราคงต้องรับศึกหนักกันแล้วหล่ะ” วิลเลี่ยมพูดขึ้น

    “ถ้านายอำเภอทำอะไรไม่ได้ เมืองนี้คงลุกเป็นไฟอีกครั้งแน่ๆ เราคงต้องคุ้มกันโรงพยาบาลนี้ให้ดีหล่ะ” โทมัสพูดขึ้น

    “ฉันจะหาอาวุธเพิ่มเองค่ะ เผื่อว่าเราต้องใช้มัน” มิเชลพูดขึ้น

    “อืม ยังไงก็ฝากด้วยแล้วกัน ไม่อยากงั้นพวกเราได้วิบัติแน่ๆ” วิลเลี่ยมพูดขึ้น

     

    กลับมายังบาร์ของซิ่วอิง ในวันนั้นเอง หลังจากที่ร้านของเธอไม่มีเหล้ามาขาย เธอปรึกษากับเจ้าของร้านของเธอ เขาตัดสินใจว่าจะปิดร้านไปชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น และในวันนั้นเอง เนย์มาร์และเจเรมี่ก็เดินเข้ามาในร้านทันที แต่ซิ่วอิงตะโกนออกไป

    “วันนี้ร้านปิดค่ะ!!”

    “อ้าว เธอจะปิดร้านใส่ฉันจริงเหรอ??” เนย์มาร์ถามไป

    “เนย์มาร์ คุณลุงคนนั้น สวัสดีค่ะ!!” ซิ่วอิงทักทายไป

    “เออใช่ ทำไมเธอถึงปิดร้านหล่ะ??” เจเรมี่ถามไป

    “คือ เราไม่มีเหล้าจะขายค่ะ” ซิ่วอิงพูดขึ้น

    “อ้าว ทำไมหล่ะ ที่ร้านไม่ขายให้เหรอ??” เนย์มาร์ถามไป

    “คือ เมื่อวานฉันไปซื้อเหล้าตามปกติ แต่ป้าคนนั้นไม่ขายให้เรา ตำรวจไปถาม ป้าคนนั้นก็ยิงตัวตายคาบ้านเลย” ซิ่วอิงพูดขึ้น

    “ฉันว่า ต้องเป็นฝีมือไอ้พวกนั้นแน่ๆ” เจเรมี่พูดขึ้น

    “ผมก็คิดว่าอย่างงั้น มันอาจจะกดดันร้านของซิ่วอิงให้ทำอะไรไม่ได้” เนย์มาร์พูดขึ้น 

    “แล้วนี่ เจ้าของร้านของเธอไปไหนหล่ะ??” เจเรมี่ถามไป

    “เขาไปซื้อเหล้าที่อื่นหน่ะค่ะ” ซิ่วอิงพูดขึ้น

    “อืม ฉันรู้จักคนใน North Van เขาพอจะหาเหล้าดีๆได้ ราคาไม่แพงด้วย ยังไงก็ลองไปติดต่อเขาดู บอกว่าฉันส่งมา” เจเรมี่พูดขึ้นจากนั้นก็ยื่นกระดาษให้กับซิ่วอิงไป

    “ขอบคุณมากค่ะลุง!!” ซิ่วอิงพูดขึ้น

    “ต่อไปนี้ เธอต้องระวังตัวหน่อยนะ ฉันจะมาอยู่เป็นเพื่อนเธอเอง” เนย์มาร์พูดขึ้น

    “ขอบใจมากนะ นายดีกับฉันจริงๆ” ซิ่วอิงพูดขึ้น และในระหว่างนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็ขี่ม้ามาที่หน้าร้านของเธอ จากนั้นก็รีบวิ่งเข้ามาในร้านทันที

    “แย่แล้วๆ เจ้าของร้านของเธอตายอยู่ข้างถนน 54 รีบไปดูเร็ว!!” 

    ชายคนนั้นพูดขึ้น ทำเอาซิ่วอิงถึงกับทำแก้วตกไปเลย

    “ฉันจะล่วงหน้าไปดูเอง!!” เจเรมี่พูดขึ้น จากนั้นเขาก็วิ่งออกไปข้างนอก แล้วขี่ม้าไปดูทันที

    “ซิ่วอิง ไปดูกับฉันหรือเปล่า??” เนย์มาร์ถามไป ซิ่วอิงพยักหน้า จากนั้นเธอกับเขาก็พากันขี่ม้าไปดูที่เกิดเหตุในทันที และเมื่อเขามาถึงที่เกิดเหตุ เขาก็พบกับเกวียนคนหนึ่งที่กำลังคว่ำอยู่ริมทาง ซึ่งเมื่อเนย์มาร์มาถึง เจเรมี่ก็มาหาทั้งคู่ในทันทีแล้วมาคุยด้วย

    “คุยกับชาวบ้านแถวนี้ พวกนั้นบอกว่ามีเกวียนมาขี่ตัดหน้า แล้วเกวียนของเขาก็คว่ำหน่ะ” เจเรมี่พูดขึ้น

    “ฉันไม่เชื่อ หนูไม่เชื่อเด็ดขาด!!” ซิ่วอิงตะโกนออกมา จากนั้นเธอก็ร้องไห้ออกมาด้วย

    “ผมว่ามันแปลกๆนะครับ มันต้องมีเงื่อนงำแน่ๆ” เนย์มาร์พูดขึ้น 

    “ตอนนี้ก็คงต้องรอให้ตำรวจมาดูหน่ะ เดี๋ยวเขาคงกำลังมา” เจเรมี่พูดขึ้น 

    “ฮือๆๆ ใครมันทำอะไรคุณคะ ฮือๆๆๆ??” ซิ่วอิงร้องไห้ออกมา เนย์มาร์ก็คอยปลอบใจเธอไป

    “ไม่ต้องห่วงนะ ไม่เป็นไรๆ” เนย์มาร์กอดเธอแล้วปลอบใจเธอไป

    “ก่อนอื่นเลย คงต้องสืบว่าเกวียนที่มาตัดหน้าเขามันเป็นใครกันแน่” เจเรมี่พูดขึ้น จากนั้นเขาก็แอบมองรอยล้อของเกวียนนั้นในทันที เพื่อสืบเบื้องต้นว่าเกวียนนั้นไปที่ไหน

     

    กลับมายังที่มั่นของกลุ่มโจรอีกาดำ หลังจากที่พวกเขาโจมตีที่มั่นของพวกเดอะแคลนได้สำเร็จ พวกเขาก็มาตรวจสอบกันในทันทีว่าพวกเขาได้อะไรกันบ้างจากความสำเร็จเมื่อคืนนี้

    “นาธาน พวกเราเป็นยังไงกันบ้างเมื่อคืน??” คารีนถามไป

    “พวกเราตายไป 20 กว่าๆ เจ็บอีกบางส่วน แต่พวกมันเจ็บตายกันหลายร้อยคนเลยครับ แถมเรายังยึดอาวุธและพี่น้องผิวสีที่โดนจับเป็นเชลยมาได้ด้วยครับ” นาธานพูดขึ้น

    “เมื่อคืนถือว่าประสบความสำเร็จมากเลยครับ” คาเตอร์พูดขึ้น

    “อืม ดี ให้พวกเขาพักผ่อน ส่วนใครที่อยากมาร่วมกับพวกเรา ก็ฝึกอาวุธให้พวกเขา” คารีนพูดขึ้น

    “ว่าแต่ พวกคุณจะเอายังไงต่อครับ??” คาเตอร์ถามไป

    “ตอนนี้พวกเราก็เตรียมกวาดล้างพวกมันได้เลย เพราะพวกมันเสียทัพยับย่อยไปมาก มันคงจะหาทางล้างแค้นพวกเราแน่ๆ” คารีนพูดขึ้น

    “ผมเห็นด้วยนะครับ เราควรจะกวาดล้างพวกมันให้เหี้ยนตอนนี้เลย!!” นาธานพูดขึ้น

    “อืม แต่ถึงยังไงพวกเราก็ยังมีน้อยกว่าพวกมันอยู่ดีหน่ะสิ นี่แหละปัญหา!!” คารีนพูดไป

    “ผมว่า เราน่าจะกวาดล้างพวกมันไปทีละที่มั่นเลยครับ พวกมันคงไม่มีปัญญาเอาคนมาป้องกันได้ทันท่วงทีแน่นครับ” คาเตอร์พูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นผมจะไปลุยเองครับ ผมรับรองว่าพวกมันไม่ทันได้ตั้งตัวแน่ๆ” นาธานพูดขึ้น แล้วในขณะเดียวกันนั้นเอง เซบาสเตียนก็เดินทางมาที่ค่ายของคารีนด้วย คารีนเดินไปกอดเขาในทันทีที่ได้เห็น

    “คุณคะ เป็นยังไงบ้างคะ??” คารีนถามไป

    “ผมแค่อยากมาเยี่ยมคุณหน่ะ แล้วอยากรู้ว่าคุณกำลังทำอะไรกันอยู่??” เซบาสเตียนถามไป

    “อ่า พวกเราจะกวาดล้างพวกมันไปทีละที่เลยครับ ก่อนที่พวกมันจะฟื้นตัวครับ” นาธานพูดขึ้น

    “อ้อ แล้วตอนนี้กองกำลังของพวกเรามีเท่าไหร่หล่ะ??” เซบาสเตียนถามไป

    “ถ้ารวมกับพวกที่เราช่วยเมื่อคืน ก็มีราวๆ 600 กว่าคนได้ครับที่พร้อมจะสู้” คาเตอร์พูดขึ้น

    “ผมว่ายังไม่พอ พวกเดอะแคลนยังมีเยอะกว่าเราอยู่ แล้วตอนนี้พวกผู้มีอิทธิพลนายทุนต่างชาติกำลังเดินเกมใน Black Maple แล้ว” เซบาสเตียนพูดขึ้น

    “หือ เกิดอะไรขึ้นในเมืองคะ??” คารีนถามอย่างสงสัย

    “ได้ยินว่า ผู้พิพากษาคนใหม่มาประจำที่ Black Maple ซึ่งเธอคนนี้ชื่อฟิโอน่าหน่ะ!!” เซบาสเตียนพูดขึ้น

    “ฟิโอน่า ผมเคยได้ยินชื่อของเธอนะครับ เธอมีส่วนกับการรับสินบนเยอะมาก แต่ว่าด้วยอิทธิพลของเธอและพ่อเธอเลยยังรอดมาจนถึงวันนี้” คาเตอร์พูดขึ้น  

    “หรือไม่อย่างงั้น เธออาจจะมีส่วนร่วมกับพวกนายทุนที่กำลังมากว้านซื้อที่แถวเมืองก็ได้นะครับ” นาธานพูดขึ้น

    “ใช่ แต่ปัญหาคือเราไม่มีหลักฐานหน่ะสิ เราเลยทำอะไรไม่ได้เลย” คารีนพูดขึ้น

    “ได้ยินว่ายัยนั่นมีทีมงานที่จะคอยทำลายหลักฐานหน่ะ” คาเตอร์พูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นก็เล่นงานพวกกำจัดหลักฐานสิ” คารีนพูดขึ้น

    “ผมมีงานที่ผมต้องสะสางนิดหน่อย แล้วผมจะกลับมาหาคุณนะคารีน!!” เซบาสเตียนพูดขึ้น จากนั้นเขาและเธอก็กอดจูบกันอย่างหวานชื่นก่อนที่จะไปทำหน้าที่ของแต่ละคน

     

    กลับมายังเขตไวท์ยอร์ก หลังจากที่รูเบ็นเสียคนของเขาไปมากมาย รวมถึงอาวุธและเชลยที่เขาจับมาได้ ในตอนนี้เขาอาละวาดอยู่แต่ในห้องของเขา แม้ว่าแฟรงค์เก้นอยากจะห้าม แต่ก็ทำไม่ได้ เนื่องจากว่าตอนนี้รูเบ็นไม่ยอมฟังใครแล้ว

    “ไอ้เวรนั่นมันหยามฉัน มันหยามฉัน!!” รูเบ็นตะโกนออกมา

    “ผมรู้ แต่คุณต้องใจเย็นไว้นะครับ” แฟรงค์เก้นพยายามห้ามเขา

    “บ้าเอ้ย ฉันจะเผา Black Maple ให้วอดวายเลย ไอ้ชุดแดงนั่นด้วย ฉันจะฆ่ามัน!!” รูเบ็นพูดขึ้น

    “ผมเข้าใจครับ แต่ดูเหมือนว่าพวกโจรอีกามันกำลังหาทางเล่นงานเราอยู่นะครับ” แฟรงค์เก้นพูดขึ้น

    “เออ ฉันรู้ แต่ฉันจะไม่ยอมให้พวกมันเล่นงานฉันฝ่ายเดียวหรอก” รูเบ็นพูดขึ้น

    “แล้วคุณจะเอายังไงต่อหล่ะ??” แฟรงค์เก้นถามไป

    “ไปเกณฑ์พวกเรามาให้หมด เราจะไปลุยพวกมันให้ยับ!!” รูเบ็นพูดขึ้น

    “คนของเราตอนนี้ยังบาดเจ็บ และยังสูญเสียไปมาก จะให้โจมตีต่อก็ลำบากแล้วครับ” 

    “บ้าเอ้ย มันต้องมีวิธีสิวะ!!” รูเบ็นตะโกนใส่หน้าแฟรงค์เก้น

    “ผมเข้าใจ แต่ตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้หรอก”

    “ถ้าแกฆ่ามันได้ เราก็ไม่ต้องมาปวดหัวแบบนี้หรอก” รูเบ็นพูดขึ้น

    “นี่ พวกอีกามันโจมตีเรา ไม่ใช่ความผิดของผม” แฟรงค์เก้นตอกกลับไป

    “บ้าเอ้ย นี่แกเถียงฉันงั้นเหรอ??”

    “ผมว่า เราสองคนอย่ามาทะเลาะกันเองดีกว่า มันงี่เง่าสิ้นดี” แฟรงค์เก้นพูดขึ้น

    “เออ เอาที่แกสบายใจเลย เรียกคนของเรามา เราจะเตรียมปล้นหมู่บ้านชายขอบพวกนั้นให้ราบ” รูเบ็นพูดขึ้น

    “ผมว่า ทหารสหรัฐคงประจำอยู่บริเวณนั้นกันหมดแล้วหล่ะ” แฟรงค์เก้นพูดขึ้น

    “บ้าเอ้ย มีใครพอมีข่าวเกี่ยวกับ Black Maple วันนี้หรือเปล่า??” รูเบ็นตะโกนถามไป

    “ครับ เรามีข่าวว่ามีผู้พิพากษาคนใหม่เข้ามาในเมืองด้วยครับ เธอชื่อฟิโอน่าครับ!!”

    “ฟิโอน่าเหรอ แกแน่ใจนะเว้ย??” รูเบ็นถามลูกน้องของเขาไป

    “แน่ใจครับท่าน!!”

    “อืม งั้นเราก็พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสซะเลยสิ!!” รูเบ็นพูดขึ้น

    “เออ คุณมีแผนอะไรเหรอครับ??” แฟรงค์เก้นถามอย่างสงสัย

    “ฉันมีแล้วกัน เอาเป็นว่า ฉันอยากไปเยี่ยมเธอหน่อย” รูเบ็นพูดขึ้น

    “ผมว่าพวกทหารปิดด่านทั้งหมดไว้แล้วหล่ะครับ” แฟรงค์เก้นค้านไป

    “ถ้าอย่างงั้นฉันจะปลอมตัวเข้าไปในเมือง ใช้เส้นทางเดิมไปที่ Black Maple หน่ะ” รูเบ็นพูดขึ้น

    “อ่า ท่านครับ ฟิโอน่าคนนั้น เป็นใครกันแน่ครับ??” แฟรงค์เก้นถามเขาไป

    “เออน่า ฉันรู้จักเธอแล้วกัน” รูเบ็นพูดขึ้น จากนั้นตัวเขาก็เดินไปสูบบุหรี่แถวๆนั้นเพื่อผ่อนคลาย

     

    ณ เขตชายป่าแห่งหนึ่งในเขตแบล็คเวอร์จิเนีย คลีฟแลนด์ยังคงหลบหนีจากการตามล่าของทางการสหรัฐเนื่องจากเธอไปเหยียบตาปลาของร็อกกี้และมาร์คเข้าให้แล้ว เธอหลบอยู่ในป่าและหาของป่ากินไปตามมีตามเกิด รวมถึงวางแผนตามล่าคนที่เกี่ยวข้องกับสองคนนั้นด้วย

    “เฮ้อ ออกไปได้ฉันจะกินเนื้อให้หน่ำใจเลย!!” คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    “อดใจรอหน่อยครับ อีกไม่นานเราก็ถึงที่มั่นของเราแล้วครับ” ทหารของเธอตอบเธอไป

    “เออนี่ เรื่องที่เราคุยกันไว้หน่ะ คนที่ต้องสงสัยว่าจะติดต่อกับร็อกกี้หน่ะ ยืนยันหรือเปล่า??” คลีฟแลนด์ถามไป

    “ครับ จอห์นสัน แฮมเบอร์ตัน มันถือสัญชาติอังกฤษ แต่มาอยู่ในอเมริกา หมอนี่มีพฤติกรรมไม่น่าไว้ใจมานานแล้วครับ” ทหารของเธอพูดขึ้น

    “อืม รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับมันอีก??” คลีฟแลนด์ถามต่อ

    “เขารู้จักคนในราชวงศ์อังกฤษเยอะแยะ แถมยังมีคนมาส่งจดหมายบ่อยมากครับ!!”

    “อืม เราคงต้องเริ่มจากมันสินะ” คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    “ผมว่านะครับ เราหาจังหวะลอบเก็บมันเลยดีกว่าครับ!!”

    “ใช่ครับ ทำแบบนี้ผมว่ามันเสียเวลา แล้วแผนของมันอาจจะสำเร็จไปแล้วก็ได้” ทหารอีกคนพูดเสริม

    “ไม่หรอก ถ้าเราเล่นแบบนี้ ข่าวของมันก็จะชะงัก แถมพวกมันก็จะเริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้ด้วย” คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    “แต่ถึงยังไงก็ต้องรีบหน่อยนะครับ ไม่อย่างงั้นงานของมันอาจจะสำเร็จ” 

    “ฉันรู้ ฉันกำลังหาทางอยู่ แล้วอีกอย่าง ยัยชั่วนั่น ถ้าเป็นไปได้ จับตัวมันมาให้ฉันเป็นๆ ฉันอยากจะเห็นมันทรมานก่อนตาย” คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    “ผมว่า แค่ผู้หญิงคนเดียวจะไปสนใจทำไมครับ??” ทหารคนหนึ่งถามไป

    “แต่มันไปสมสู่กับไอ้สองทรราชย์นั่น ถือว่าเลือดชั่วของมันต้องหลั่งออกมา!!” คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    “ครับ ถ้าท่านต้องการแบบนั้น พวกผมจะจัดให้ครับ”

    “ งานนี้ต้องรีบหน่อยหล่ะ ฉันไม่อยากให้แผนของมันเดินหน้าต่อ” คลีฟแลนด์พูดขึ้น จากนั้นเธอก็กินเห็ดป่าที่เพิ่งจะย่างเสร็จ

     

    กลับมายังบ้านของร็อกกี้และมาร์ค หลังจากที่ซูซี่ฟื้นจากอาการตกใจแล้ว เธอก็กลับมาเป็นปกติ ในคราวนี้เธอและสองหนุ่มก็ได้พูดคุยกันถึงเรื่องแผนการที่พวกเขากำลังจะทำเป็นเรื่องต่อไป

    “ซูซี่ ผมอยากให้คุณไปที่ๆหนึ่งหน่อยหน่ะ!!” ร็อกกี้พูดขึ้น

    “ไปที่ไหนอย่างงั้นเหรอคะ??” ซูซี่ถามไป

    “คนของผมจะไปส่งคุณเอง แล้วให้คุณตามหาคนๆหนึ่ง ชื่อแจ๊คกี้ เอาจดหมายนี่ให้เขา” มาร์คพูดขึ้น

    “ฉันไม่มีปัญหาหรอกนะ แต่ว่า พวกคุณกำลังทำอะไรอยู่กันแน่??” ซูซี่ถามไป

    “ผมมีแผนของผมหน่ะ ถ้าสำเร็จ ผมจะได้ปกครองทั้งซีกตะวันตกเลย” ร็อกกี้พูดขึ้น

    “นี่พวกคุณจะก่อการกบฏกันงั้นเหรอ??” ซูซี่ถามไป

    “พวกเราไม่ได้ทำ แต่อังกฤษจะทำหน่ะ แล้วที่พวกเขาต้องให้เรา ก็คือตำแหน่งบารอนหน่ะ” มาร์คพูดขึ้น

    “แต่ว่า อังกฤษก็แพ้ไปนานแล้วนี่ ทำไมถึง??” ซูซี่ถามไป

    “ยังหรอก พวกเขาติดต่อเรา บอกว่าเตรียมกองเรือไว้แล้ว ซึ่งเรือสหรัฐไม่มีทางเทียบได้แน่นอน” ร็อกกี้พูดขึ้น

    “แล้วฉันจะได้อะไรหล่ะ??” ซูซี่ถามไป

    “คุณจะได้ทุกอย่าง ยิ่งกว่าที่คุณเป็นดาวยั่วอยู่ตอนนี้ซะอีก” มาร์คพูดขึ้น

    “ฉันไม่ใช่ดาวยั่วซะหน่อย แต่ข้อเสนอก็น่าสนใจนี่ หวังว่าเงินคงจะสูงนะ” ซูซี่พูดขึ้น

    “แน่นอน รับรองว่าคุ้มเสี่ยงแน่ๆ” ร็อกกี้พูดขึ้น

    “ตอนเย็นผมจะส่งคุณไปหาเขา แล้วคุณก็ทำตามที่ผมบอกแล้วกัน” มาร์คพูดขึ้น

    “ได้สิ ว่าแต่ มีอะไรมัดจำหรือเปล่าหล่ะคะ??” ซูซี่ถามไป จากนั้นร็อกกี้ก็เรียกลูกน้องของเขาเข้ามาหาเขาในทันที

    “ไปเบิกเงินให้คุณซูซี่ 1 หมื่นดอลล่าห์!!”

    “อู้ว เยอะเหมือนกันนะคะเนี่ย” ซูซี่พูดขึ้น

    “แน่นอน หลังจากเสร็จงานทั้งหมด คุณจะได้เยอะกว่านี้อีก” มาร์คพูดขึ้น

    “น่าสนใจ ยังไงฉันก็ขอร่วมด้วยแล้วกัน” ซูซี่ตอบไป

     

    กลับมายังคฤหาสน์ของลอร่า หลังจากที่เธอกลับมาได้ไม่นาน ในวันนั้นเอง เธอก็ได้ข่าวจากพ่อบ้านของเธอ ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นข่าวสำคัญมากเลยทีเดียว 

    “คุณลอร่าครับ มีข่าวจากไวท์ยอร์ก พวกนั้นตั้งค่าหัวคุณหนูแล้วครับ!!”

    “งั้นเหรอ ให้มันตั้งไป ฉันไม่กลัวพวกมันหรอก ให้มันมาเลย” ลอร่าพูดขึ้น

    “ครับ แล้วก็มีอีกข่าวหนึ่งครับ!!” 

    “เหรอคะ ข่าวอะไรเหรอคะ??” ลอร่าถามไป

    “เพื่อนของคุณหนู นายเอเชียนั่น เขาโดนจับครับ” พ่อบ้านพูดขึ้น ทำเอาเธอถึงกับตกใจมาก

    “หะ เกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถูกจับหล่ะ??” ลอร่าถามไป

    “เป็นคำสั่งของผู้พิพากษาฟิโอน่าหน่ะครับ เธออ้างว่าเขาเข้าเมืองผิดกฎหมายหน่ะ” 

    “บ้าสิ้นดี นี่มันบ้าไปแล้ว!!” ลอร่าพูดขึ้น

    “ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นยังไงบ้างนะครับตอนนี้”

    “ฉันอยากไปเยี่ยมเขา!!” ลอร่าพูดขึ้น

    “ผมว่าอย่าดีกว่าครับ มันเสี่ยงมากตอนนี้ ดูท่าทางฟิโอน่าจะมีอิทธิพลนะครับ”

    “เฮ้อ แล้วนี่ พอรู้ข่าวอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า??” ลอร่าถามไป

    “ตอนนี้เราพยายามหาข่าวอยู่ครับ” 

    “เฮ้อ ฉันอยากรู้ยัยนั่นกำลังทำอะไรอยู่ แต่คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ” ลอร่าพูดขึ้น

    “ผมรู้ครับ ฟิโอน่าก็มีชื่อเสียเองคอร์รัปชั่นด้วย มันน่าสงสัยนะครับ”

    “จับตาดูเธอไว้ ถ้าเธอทำอะไรเขา ก็ฆ่ามันเลย!!” ลอร่าพูดขึ้น

     

    ณ เขตป่าแห่งหนึ่งในแบล็คเวอร์จิเนีย กองทัพของเจสันก็ได้เดินทางออกตามล่ากลุ่มโจรที่พยายามจะลอบสังหารร็อกกี้และมาร์ค พวกเขาเดินเข้าไปในป่า ตามแกะรอยของคนพวกนั้น พร้อมกับเฝ้าระวังภัยเพิ่มเติมไปด้วย

    “ท่านครับ มีรอยเท้าม้าไปทางนี้ครับ!!” ทหารคนหนึ่งพูดขึ้น

    “ใจเย็นๆ ระวังไว้ พวกมันอาจจะอยู่แถวนี้” เจสันพูดขึ้น

    “ท่านคิดว่าพวกมันเป็นใครกันแน่ครับ??”

    “ฉันก็ไม่รู้แน่ แต่ก็น่าจะพวกฝ่ายใต้เก่านั่นแหละ” เจสันพูดขึ้น

    “ถ้าเจอที่ไหนผมจะยิงให้หมดเลย ไอ้พวกหัวรุนแรงนี่!!”

    “ใจเย็น พวกเราเองก็เคยเกือบแพ้พวกมันมาแล้ว” เจสันพูดขึ้น

    “ผมว่านะ พวกมันที่เหลือคงจะหนีลงใต้ และไปตามฆ่าคนดำที่พวกมันเจอหน่ะ” ทหารคนดำคนหนึ่งพูดขึ้น

    “เฮ้อ ใจเย็น อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้สิ หูตาระวังๆด้วยหล่ะ” เจสันสั่งลูกน้องของเขา และในตอนนั้นเอง 

    “ปังๆๆ”

    “ข้าศึก หาที่หลบเร็ว!!”

    พวกเขาถูกซุ่มโจมตี เจสันตกใจและชักปืนพกของเขาออกมาแล้วยิงสวนไป เจสันยิงตอบโต้มันไป และทหารก็ระดมยิงใส่ไปยังจุดที่ยิงมาด้วย

    “ทุกคน หาตัวมันให้ได้!!” เจสันตะโกนออกไป และเสียงปืนยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ทหารของเจสันยิงซัดพวกมันอย่างดุเดือด จนกระทั่งการยิงก็สงบลง เจสันจึงสั่งให้หยุดยิงในทันที

    “หยุดยิง ประหยัดกระสุน หยุดยิง!!”

    เจสันส่งทหารออกไปสำรวจพื้นที่ที่พวกมันยิงใส่ ในตอนนั้นเอง ก็พบว่ามีพวกมันสองสามคนโดนยิงจนตายคาที่ จากนั้นก็รีบไปรายงานเจสันในทันที

    “ท่านครับ เราเจอศพพวกมันแระมาร 2 3 คนได้ครับ!!”

    “พวกมันคงต้องการถ่วงเวลาเรา เดินทางกันต่อ มีใครบาดเจ็บหรือเปล่า??” เจสันถามไป

    “มีบาดเจ็บนิดหน่อยครับ!!”

    “ส่งคนเจ็บไปรักษา ใครที่ยังไปได้ก็เดินทางต่อ” เจสันจากทหารทุกคนไป

     

    กลับมายังบ้านของตระกูลฟรอสต์ ในวันนั้นเองชาร์ล็อตก็เดินลงบันไดจากห้องของเธอมาในสภาพที่นอนไม่ค่อยเต็มอิ่ม เธอเดินลงมาเรื่อยๆ แต่ในตอนนั้นเอง เธอก็เห็นอเล็กซ์ซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ซึ่งเธอก็ตกใจมาก อเล็กซ์ยิงคำถามกับเธอในทันที

    “เล่นเกมสายลับสนุกหรือเปล่า??”

    “หือ นี่พี่??”

    “พี่รู้ตั้งนานแล้ว พ่อแม่ก็รู้ตั้งนานแล้ว ได้ข่าวอะไรบ้างหล่ะ??” อเล็กซ์ถามไป

    “คือ ผู้พิพากษาฟิโอน่า เธอต้องการจับตัวทอดด์หน่ะค่ะ” ชาร์ล็อตพูดขึ้น

    “งั้นเหรอ งั้นไปคุยกับพ่อแม่หน่อยสิ” อเล็กซ์พูดขึ้น จากนั้นก็พาเธอไปหาทินส์และริแอนน่าที่กำลังนั่งรออยู่บนโต๊ะอาหาร

    “ชาร์ล็อต เมื่อคืนเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” ทินส์ถามไป

    “คือ หนูแอบไปสืบเรื่องนี้ที่ศาลชั่วคราวที่เพิ่งจะเปิดใหม่ หนูพบว่าผู้พิพากษาฟิโอน่ากำลังติดต่อใครบางคนให้มาหาเธอด้วย และพร้อมกับว่าจะจับตัวทอดด์ หนูรู้แค่นี้แหละ” ชาร์ล็อตพูดขึ้น

    “เหรอ แบบนี้มันหมายความว่ายังไงหล่ะ??” ริแอนน่าถามไป

    “ให้ผมเดานะ เหมือนเธอจะส่งทอดด์ไปให้กับคนพวกนั้น หรือให้มาเจอกันหน่ะ” อเล็กซ์พูดขึ้น

    “มันชักจะเข้าเค้าแล้ว ดูเหมือนว่าคนที่จะมาเจอกับฟิโอน่าจะรู้จักทอดด์นะคะ” ชาร์ล็อตพูดขึ้น

    “อืม นั่นสิ มีความเป็นไปได้มากเลย” ทินส์พูดขึ้น

    “หรือว่า เราจะลองไปสืบเองดีหล่ะครับ เพราะมันอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของพวกนายทุนที่มาซื้อที่แถวนี้ก็ได้นะครับ” อเล็กซ์พูดขึ้น

    “แล้วนี่ ลูกบอกใครไปบ้างหรือเปล่าหล่ะ??” ริแอนน่าถามไป

    “หนูส่งข่าวไปให้เจสสิก้ากับแคลิเฟอร์แล้วค่ะ” ชาร์ล็อตพูดขึ้น

    “ดีแล้วหล่ะ ตอนนี้จับตาดูผู้พิพากษาคนนั้นไว้ก่อนดีกว่า” ทินส์พูดกับพวกเขาไป

     

    ตกดีก ที่คุกประจำศาลของ Black Maple ในวันนั้นเองทองสุกก็นั่งอยู่ในห้องขังอย่างโดดเดี่ยว โดยที่ฟิโอน่าในตอนนั้นก็เดินลงไปดูทองสุกในคุก ทองสุกรีบพุ่งเข้าไปหาเธอในทันทีเพื่อพยายามจะถามเธอ

    “คุณจับผมทำไม มีปัญหาอะไรกับผม??” ทองสุกถามไป

    “ฉันไม่มีหรอก แต่คนอื่นหน่ะมี อืม ฉันชื่อฟิโอน่านะ ลืมบอกไป” ฟิโอน่าพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ชายสองคนในชุดสูทก็เดินลงมาที่คุกใต้ดินด้านล่าง จากนั้นก็ทักทายทองสุกด้วยภาษาไทยในทันที

    “อ้ายทองสุก ทหารเอกของข้า จำข้าได้หรือไม่??” ทองสุกได้ยินและเห็นหน้าเขาก็พูดต่อ

    “ข้าจำได้ อ้ายพระยาคิดคดขายชาติ!!”

    “เฮ้อ เจ้านี่ภักดีสมกับเป็นทหารเหมือนเดิมเลยนะ เจ้าไม่รู้เหรอ ว่าผู้ภักดีมักจบไม่สวยเสมอ” พระยาประจักษ์พูดขึ้น

    “อย่างน้อยข้าก็มีศักดิ์ศรีมากกว่าเจ้า!!”

    “ผิดแล้วหล่ะ คนเป็นทาสไม่มีศักดิ์ศรีหรอก” พระยาประจักษฺพูดขึ้น

    “ถ้าเจ้าอยากจะฆ่าข้า ก็กล้าๆหน่อย!!” ทองสุกท้าทายเขาไป

    “เมืองนี้มีกฎหมาย ข้าจะให้กฎหมายที่นี่ฆ่าเจ้าเอง เจ้าก็อยู่กับความภักดีบ้าๆของเจ้า ส่วนข้า ไปนอนนับเงิน ดื่มเหล้า ฮ่าๆๆๆๆ” พระยาประจักษ์พูดขึ้น 

    “เจ้าพลาดแล้วที่ปล่อยให้ข้ารอด ไอ้พระยาใจคด ข้าสาบาน ข้าจะตามไปฆ่าเจ้าทุกที่ที่เจ้าไป!!”

    “คุณฟิโอน่า จะทำยังไงกับเขาก็ทำแล้วกันครับ” พระยาประจักษ์พูดขึ้น

    “ได้เลยค่ะ ฉันจะไม่ให้เขาทรมานแล้วกัน” ฟิโอน่าพูดขึ้น จากนั้นพระยาประจักษ์ก็เดินออกจากคุกศาลในทันที 

    ============================================================

    ชะตาของทองสุกจะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลหนูด้วย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×