ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Siam Cowboy - คาวบอยสยาม

    ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ 11 : อดีตที่ตามล่า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 97
      0
      29 ส.ค. 63

    เช้าวันต่อมา ทองสุกก็ตื่นขึ้นมาตามปกติ หลังจากที่เขาทำธุระส่วนตัวของเขาเรียบร้อยแล้วนั้น จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากหน้าห้องของเขา ทองสุกรีบเดินไปเปิดประตูในทันที และในตอนนั้นเอง เขาก็พบกับเจสสิก้าและแคลิเฟอร์อยู่หน้าห้อง เธอสองคนเดินเข้ามาในห้องทันทีเมื่อทองสุกเปิดห้อง

    “นี่ ทอดด์ ฉันมีเรื่องต้องคุยด่วนเลย!!” เจสสิก้าพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์

    “หือ มีอะไรเหรอ??” ทอดด์ถามไป

    “คือ เรื่องเมื่อวานหน่ะ ที่คุณแจ๊คสันถูกฆ่าตายคาไร่ของเขาหน่ะ ฉันพอจะรู้แล้วว่าเป็นพวกไหน” แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    “คุณแจ๊คสันเปรียบเหมือนลุงของฉัน ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น” เจสสิก้าพูดขึ้น

    “เขาโดนโจรปล้นหรือเปล่า??” ทองสุกถามไป

    “ไม่นะ เท่าที่ได้ข่าวจากคุณทินส์ มีนายทุนเจ้าหนึ่งมาขอซื้อที่ดินกับเขา แต่เหมือนว่าการซื้อขายไม่ลงตัวหน่ะ ฉันมั่นใจว่าต้องเป็นไอ้พวกนั้นแน่ๆ” แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    “อืม ถ้างั้นคงต้องสืบให้ได้ว่าพวกมันเป็นใคร” ทองสุกพูดขึ้น

    “ใช่ เพราะฉะนั้น ฉันอยากให้นายช่วยฉันหน่อย พวกมันมาเล็งๆไร่ของแม่ฉันไว้ด้วย” เจสสิก้าพูดขึ้น

    “ฉันก็อยากช่วยนะ แต่ว่า เราต้องรู้ก่อนว่าพวกนั้นเป็นใคร” ทองสุกพูดขึ้น

    “นี่ ได้ยินว่าตอนนี้พวกมันกำลังไปดูที่ๆหนึ่งใกล้ๆป่า ฉันพาไปได้นะ” แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    “ถ้างั้นก็รอเดี๋ยวนะ ฉันแต่งตัวก่อน” ทองสุกพูดขึ้น จากนั้นเขาก็แต่งตัวและเหน็บอาวุธไปด้วย จากนั้นเขาก็ออกมาในทันที

    “โอเคแคลิเฟอร์ พาฉันไปดูหน่อยสิ!!”

    ทองสุกพูดขึ้น จากนั้นแคลิเฟอร์ก็นำทางทองสุกและเจสสิก้าไปในทันที พวกเขาเดินไปขึ้นม้าที่จอดไว้ด้านนอก จากนั้นพวกเขาก็รีบควบม้าเดินทางออกไปในทันที

     

    ณ ที่ทำการนายอำเภอ ในวันนั้นเองตัวนายอำเภอก็ได้รับแจ้งเรื่องที่แจ๊คสันถูกฆ่าตายคาไร่ของเขา นายอำเภอในตอนนั้นก็รีบเรียกเจ้าหน้าที่ของเขามาคุยในทันที เพื่อสืบว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

    “เอาหล่ะ เท่าที่ทราบจากไร่คุณทินส์ พวกเขาบอกว่าเจอศพของแจ๊คสันตอนเช้า แต่ฉันดูจากสภาพศพแล้ว เขาน่าจะเสียชีวิตตั้งแต่ช่วงกลางคืน” นายอำเภอพูดขึ้น

    “นั่นสิครับ อเล็กซ์ยังบอกอีกว่า ยังมีร่องรอยการโดนลากศพไปด้วย ผมให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจแล้ว พบว่าใช่ครับ” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “งั้นก็หมายความว่า มันก็เป็นฆาตกรรมอำพรางสินะคะ” มีน่าพูดขึ้น

    “ผมว่าเป็นไปได้ เท่าที่รู้จักคุณแจ๊คสัน เขาไม่ยอมขายไร่ให้ใครง่ายๆด้วยนี่ครับ” บอริสพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น ก่อนอื่นเราต้องรู้ให้ได้ ว่าใครซื้อไร่ของแจ๊คสัน ไปตามสืบมาด้วยแล้วกัน” นายอำเภอพูดขึ้น

    “ผมว่ายากนะครับ เพราะเราไปค้นที่เกิดเหตุแล้ว เราไม่พบเอกสารสัญญาอะไรเลยครับ” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “แล้วเขาจะขายที่ไปได้ยังไงกัน ฉันไม่เข้าใจเลย??” มีน่าถามไป

    “อืม หรือว่า อาจจะมีการขาย แล้วฆ่าทิ้งทีหลัง??” บอริสถามไป

    “แล้วพวกมันจะทำแบบนั้นทำไมครับ ถ้าเกิดการซื้อขายราบรื่นหน่ะครับ??” ปีเตอร์ถามไป

    “มันอาจจะไม่ราบรื่นก็ได้นะคะ คุณแจ๊คสันน่าจะโดนเล่นงานหนักเลย” มีน่าพูดขึ้น

    “เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำแน่ๆ แค่เราไม่รู้ว่ามันเป็นใครหน่ะครับ” บอริสพูดขึ้น

    “เฮ้อ ความวัวยังไม่ทันจะหาย ความควายก็เข้ามาแทรกอีกแล้ว เดี๋ยวเราจะสืบเรื่องนี้ก็แล้วกัน” นายอำเภอพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ตำรวจคนหนึ่งก็วิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับนายอำเภอไปด้วย

    “นายอำเภอครับ มีข่าวจากสถานีรถไฟมาครับ!!”

    “เหรอ ว่าไงหล่ะ??” นายอำเภอถามไป

    “ตอนนี้ท่านร็อกกี้และท่านมาร์คเดินทางเข้าสถานีรถไฟอย่างปลอดภัยแล้วครับ”

    “โห ยังรอดมาได้อีกเนอะ หนังเหนียวจริงๆ” บอริสพูดขึ้น

    “ผมว่า เขาคงต้องมาเยี่ยมเยือน Black Maple แน่ๆ” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “แล้วเราต้องไปคุ้มกันพวกเขาหรือเปล่าคะ??” มีน่าถามไป

    “ก็คงต้องเป็นอย่างงั้น เราจะแบ่งกำลังไปคุ้มกันบ้านของท่าน อีกส่วนตามสืบคดีของแจ๊คสัน ตามล่าตัวคนที่อยู่เบื้องหลังให้ได้” นายอำเภอสั่งไป

     

    ที่ร้านของอาวุธของเอ็ดเวิร์ด ซึ่งตัวเขาตอนนั้นกำลังต่อชิ้นส่วนอาวุธของเขาอยู่บนโต๊ะ เขาประกอบตรงนั้นเข้าทีตรงนี้เข้าที ในขณะเดียวกันนั้นเอง จอห์นและคนอื่นๆก็เดินทางมาที่ร้านของเขา เพื่อมาซื้อและซ่อมอาวุธปืนเพิ่มเติมด้วย

    “เฮ้ยพวก ฉันเอาปืนมาซ่อม!!” จอห์นตะโกนไปจากนั้นก็วางลูกโม่กระบอกหนึ่งบนโต๊ะ เอ็ดเวิร์ดทำได้แค่พยักหน้าไป

    “คุณเอ็ดเวิร์ดทำอะไรอยู่เหรอคะ??” โฮมุระถามไป

    “อ้อ ผมกำลังทำปืนใหม่อยู่หน่ะ ผมได้ไอเดียมาจากปืนพก Mauser ของเยอรมันหน่ะ” เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ใส่ชิ้นส่วนอีกนิดหน่อย จากนั้นเขาก็โชว์ปืนใหม่ของเขาที่เพิ่งจะออกแบบให้กับทุกคนดู

    “นี่ ทุกคน ฉันเรียกมันว่า American Mauser M1900 ชื่อเท่มั้ยหล่ะ??” 

    “โห แม่เจ้าโว้ย ปืนโคตรเท่เลยหว่ะ!!” โทมัสหยิบมันมาดู

    “ใช่แล้ว ปืนพกออโต้ยิงได้ 10 นัดแบบไม่ต้องบรรจุ ฉันอัพเกรดให้มันยิงได้ต่อเนื่อง แถมถอดประกอบก็ง่ายด้วย” เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น

    “โห ท่าทางจะอันตรายมากเลยนะเนี่ย!!” วิลเลี่ยมพูดขึ้น

    “นั่นสิคะ อยากได้ซักกระบอกจัง” มิเชลพูดขึ้น

    “ฉันว่า ฉันจะเอาไปให้นายทอดด์ลองใช้ดู ฉันว่าเขาน่าจะต้องการมันนะ” เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น

    “งั้นเหรอ จะให้เขาทดลองปืน ว่างั้น??” จอห์นถามไป

    “ว่าแต่ ฉันเห็นเขาควบม้าออกไปกับเจสและแคลเมื่อกี้หน่ะ ไม่รู้ไปไหนกัน??” โฮมุระถามไป

    “อืม ได้ข่าวเรื่องคุณแจ๊คสันตายคาไร่ของเขาเมื่อวานด้วย ฉันว่าน่าจะเรื่องเดียวกันนี่หล่ะมั้ง??” โทมัสออกความเห็นไป

    “ถ้างั้นก็เป็นเรื่องจริงสินะคะที่พวกคนนอกกำลังมาซื้อพื้นที่แถวนี้หน่ะ” มิเชลพูดขึ้น

    “ก็ใช่ เพราะช่วงนี้ฉันก็เห็นคนในชุดสูทมาเดินป่วนเปี้ยนบ่อยเหมือนกัน” วิลเลี่ยมพูดขึ้น

    “สงสัยคงจะรู้จักนายอำเภอเราน้อยไป!!” จอห์นตะโกนขึ้นมา

    “ฉันว่า พวกนั้นคงมีเส้นสายที่แน่นมากๆ ถึงได้กล้าทำแบบนี้” โฮมุระพูดขึ้น

    “ก่อนอื่นเลยต้องสืบว่าพวกนั้นทำงานให้ใคร” วิลเลี่ยมพูดขึ้น

    “แต่ว่า เราคงจะเดินไปบีบให้มันพูดไม่ได้หรอกนะคะ” มิเชลพูดขึ้น

    “พูดอีกก็ถูกอีก หรือจะลองไปหลอกถามมันหล่ะ??” โทมัสถามไป

    “ถ้าหลอกถามไม่ได้ ก็ขู่มันซักคนสิ!!” เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น

    “ไอเดียดีนี่ แต่จะทำยังไงหล่ะ นายอยากนอนคุกหรือไง??” จอห์นถามไป

    “นั่นสิ คงต้องคิดให้ดีก่อนจะทำอะไรนะ” โฮมุระพูดขึ้น

    “เอาเป็นว่า ถ้าฉันได้ข้อมูลอะไร ฉันจะมาบอกพวกนายแล้วกัน” วิลเลี่ยมพูดขึ้น

    “เดี๋ยวหนูจะช่วยดูด้วยค่ะ” มิเชลพูดเสริม

    “โอเค ถ้าอย่างงั้นเราจะตามสืบเรื่องของพวกมัน อย่าให้พวกมันฆ่าใครได้อีก” โทมัสพูดทิ้งท้ายไป

     

    กลับมายังบาร์ที่ซิ่วอิงทำงานในตอนเช้า ในวันนั้นเองเธอก็มาเตรียมร้านแต่เช้าเนื่องจากว่าลูกค้ายังมีไม่มาก เธอเตรียมเหล้าและปัดกวาดเช็ดถูร้านให้สะอาดอยู่เสมอ และในตอนนั้นเอง เนย์มาร์ก็เดินเข้ามาในร้าน จากนั้นก็นั่งไปตามปกติตรงที่ที่เขานั่งประจำ

    “อ้าว คุณเนย์มาร์ มาเช้าจังเลยนะคะ!!”

    “อ้อครับ ผมมาหาไรกินนิดหน่อยหน่ะ!!”

    “คุณกินอะไรหรือยัง ฉันจะทำอาหารเช้าให้” ซิ่วอิงพูดขึ้น จากนั้นเธอก็ไปทำอาหารเช้าให้เนย์มาร์ในทันทีที่เคาน์เตอร์ของเธอ

    “คุณซิ่วอิง คุณได้ข่าวว่ามีคนมากว้านซื้อที่แถวนี้หรือเปล่า??” เนย์มาร์ถามไป

    “อ้อค่ะ ได้ข่าวเหมือนกันค่ะ พวกเขามาดูที่แถวนี้ด้วย”

    “อืม ผมได้ข่าวมาว่าพวกเขามีส่วนในการฆาตกรรมเจ้าของไร่ใน Black Maple หน่ะครับ!!” เนย์มาร์พูดขึ้น

    “จริงเหรอคะ พวกเขาทำขนาดนี้เลยเหรอคะ??”

    “ครับ ถ้าพวกมันมาดูที่นี่ ผมเป็นห่วงคุณจริงๆ”

    “ไม่ต้องห่วงค่ะ เจ้าของร้านฉันยิงพวกมันแน่” ซิ่วอิงพูดขึ้น

    “คุณก็ต้องระวังตัวด้วยสิ ผมกลัวมันจะมาทำอะไรคุณ!!” เนย์มาร์พูดขึ้น

    “ขอบคุณมากๆนะคะ คุณดีกับฉันจริงๆ”

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ มากกว่านี้ผมก็ทำได้น่า” เนย์มาร์พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ซิ่วอิงก็เดินมาหาเขาพร้อมกับขนมปังหนึ่งแผ่น ไส้กรอก 2 แท่งและไข่ดาวอีกฟอง

    “กินก่อนสิคะ เดี๋ยวมันหายร้อน” ซิ่วอิงบอกกับเนย์มาร์ไป

     

    และในบาร์ประจำเมืองของ Black Maple ในวันนั้นเองเจเรมี่ก็เดินเข้าไปในบาร์อีกครั้งเพื่อหาอะไรดื่มไปด้วย เจเรมี่เดินไปที่บาร์ จากนั้นก็สั่งเหล้าแก้วหนึ่ง ในระหว่างที่เขากำลังดื่มเหล้า จู่ๆเด็กคนหนึ่งก็วางถุงอะไรบางอย่างไว้ที่เคาน์เตอร์ที่เขานั่ง เจเรมี่แปลกใจเลยเปิดมันมาดู ก็พบว่าเป็นธนบัตรดอลล่าห์จำนวนหนึ่ง เจเรมี่รีบเก็บมันเข้าไปในทันที และในขณะเดียวนั้นเอง ซูซี่ก็เดินมาหาเจเรมี่เพื่อมาคุยอะไรบางอย่าง

    “ได้เงินเยอะดีนี่คุณ!!”

    “ก็นิดหน่อย ฉันทำงานหน่ะ ถ้าจะมาอย่างว่า ฉันไม่มีอารมณ์หรอกนะ” เจเรมี่พูดขึ้น

    “เอาน่า ฉันอยากรู้ว่าคุณไปลุยอะไรมาเมื่อวานหล่ะ??”

    “สนด้วยเหรอ อย่างเธอเนี่ยนะ??” เจเรมี่ถามไป

    “แล้วท่านสมาชิกสภาท่านมาด้วยหรือเปล่า??”

    “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ไปถามนายอำเภอสิ!!” เจเรมี่ตอบไป

    “แหม่ อารมณ์บูดแต่หัววันเลยนะ” 

    “ก็นิดหน่อย ว่าแต่เธอไม่ไปทำงานหรือไงหล่ะ??” เจเรมี่ถามไป

    “ก็งานฉันอยู่ที่นี่ จะให้ฉันไปไหนหล่ะ??”

    “ก็เอาที่สบายใจแล้วกัน” เจเรมี่พูดขึ้นพลางซดเหล้าไป

    “งั้นฉันไม่กวนดีกว่า” ซูซี่พูดขึ้น ส่วนตัวเจเรมี่ก็นั่งดื่มเหล้าไปคนเดียว

     

    ณ เขตสงวนอินเดียนแดง ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเมือง Black Maple เท่าไหร่นัก ในวันนั้นเอง ลิงซ์ก็เดินทางกลับมายังเขตเพื่อหาของเอามาขายในเมือง เธอไปกว้านซื้อต่อจากชนเผ่าคนอื่นๆ ซึ่งได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ และในวันนั้นเอง หญิงสาวคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเธอเพื่อคุยด้วย

    “นี่ เธอจะเอาของไปขายอีกแล้วเหรอ??”

    “ใช่ค่ะป้า!!” ลิงซ์ตอบไป

    “ฉันฝากตามหาใครคนหนึ่งหน่อย ได้หรือเปล่า??”

    “ตามหาใครงั้นเหรอคะ??”

    “มารีตูน่า เขาหายจากบ้านไปนานแล้ว”

    “หะ มารีตูน่าเหรอคะ??” ลิงซ์ถามไป

    “ใช่ๆ เธอพอหาตัวเขาได้หรือเปล่า??”

    “พอได้ค่ะ เขาน่าจะเข้าไปในเมืองแน่ๆ” ลิงซ์พูดขึ้น

    “ยังไงก็ฝากด้วยแล้วกันนะ” ป้าของเธอพูดขึ้น ลิงซ์พยักหน้าจากนั้นก็จูงรถม้าของเธอเดินออกจากเขตแล้วกลับเข้าไปในเมืองเพื่อขายของต่อ

     

    กลับมายังค่ายหลักของคารีน ในวันนั้นเอง หลังจากที่พวกเขาจัดการกับกลุ่มเดอะแคลนได้สำเร็จ พวกเขาก็กลับมายังค่ายแบบทุลักทุเล โดยที่เขาแบกนาธานที่บาดเจ็บลงมาจากม้า จากนั้นก็แบกเขาขึ้นไปบนเตียง คาเตอร์ดูสภาพของเขาและรีบรักษาในทันที

    “ยังดีที่กระสุนเฉี่ยวทะลุออก แค่ทำแผลก็พอหล่ะ!!” คาเตอร์พูดขึ้น

    “แน่นอน ผมไม่เป็นไรอยู่แล้วหล่ะ” นาธานพูดขึ้น

    “ยังไงก็ช่วยเขาหน่อย อย่าให้เขาบาดเจ็บมากกว่านี้เลย” คารีนพูดขึ้น

    “สะใจพวกมันชิบหาย ตายห่ากันเป็นเบือเลย แต่ผมยังไม่ทันเห็นไอ้หนุ่มชุดแดงนั่นเลย” นาธานพูดขึ้น

    “นายอยากจะเห็นไปทำไมหล่ะ??” คาเตอร์ถามไป

    “อยากรู้เฉยๆว่าเขามาจากไหนหน่ะครับ”

    “อืม ฉันก็อยากรู้ประวัติหมอนี่เหมือนกันนะ” คารีนพูดขึ้น

    “แล้วนี่ พวกมันก็ทำงานไม่สำเร็จแล้ว เราจะเอายังไงต่อครับ??” นาธานถามไป

    “ตอนนี้เราก็คงต้องกลับไปเล่นแบบเดิม หาเสบียงและเงินทุน ต่อต้านพวกมันต่อหน่ะ” คารีนพูดขึ้น

    “ป่านนี้พวกมันคงจะคลั่งน่าดูเลยนะครับ” คาเตอร์พูดขึ้น จากนั้นก็ทำแผลให้นาธานต่อ

    “โอ๊ย เบาๆหน่อยสิครับ!!”

    “นี่ ร้องเป็นเด็กไปได้นะนาย” คาเตอร์พูดขึ้น

    “เฮ้อ แล้วแบบนี้นายจะยิงปืนไหวหรือเปล่าเนี่ย??” คารีนถามไป จากนั้นคาเตอร์ก็พันแผลให้กับนาธานจนเสร็จเรียบร้อย

    “เอาหล่ะ เสร็จแล้ว อย่าไปโดนน้ำหล่ะ” คาเตอร์พูดขึ้น

    “เฮ้อ ขอให้หายไว้ๆเถอะ” นาธานพูดขึ้น

    “เอาหล่ะ เมื่อพวกมันยึดอาวุธไม่สำเร็จ พวกมันก็คงต้องหาเงินทุนกับอาวุธเพิ่มหล่ะ” คารีนพูดขึ้น

    “ผมว่า เราชิงโจมตีพวกมันก่อนเลยดีกว่า” นาธานพูดขึ้น

    “ใจเย็น ผ้าพันแผลนายยังไม่ทันจะแห้งเลยนะ” คาเตอร์พูดขึ้น

    “อืม ถ้าอย่างงั้นเราคงต้องดักปล้นพวกมันประปรายไปก่อน ตอนนี้คนของเราเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” คารีนถามไป

    “คนของเราตายไป 30 กว่าคน บาดเจ็บอีกเกือบ 100 ครับ” คาเตอร์พูดขึ้น

    “ผมว่ากรโจมตีครั้งนี้ได้ผลมากเลยนะครับ” นาธานพูดขึ้น

    “อย่าเพิ่งด่วนสรุปไป เอาเป็นว่าตอนนี้เราเตรียมพร้อมออกปล้นพวกมันก่อนดีกว่า” คารีนพูดขึ้น

    “แล้วผมจะได้ไปเมื่อไหร่ครับเนี่ย??” นาธานถามไป

    “นายอยู่ที่นี่ไปก่อนดีกว่า อย่าออกแรงมาก ถ้าแผลเปิดแผลจะเน่าได้” คาเตอร์พูดขึ้น ทำเอานาธานถึงกับหน้าจ๋อยไปเลย

     

    กลับมายังเขตไวท์ยอร์กของเดอะแคลน ในวันนั้นเองรูเบ็นได้โมโหอาละวาด ทำลายข้าวของยกใหญ่ ลูกน้องคนอื่นๆไม่กล้าเข้าไปห้ามเขา เพราะรู้จักนิสัยรูเบ็นดี และในตอนนั้นเอง แฟรงค์เก้นก็เดินเข้ามาในห้องของรูเบ็นเพื่อมาดูว่าเขาเป็นยังไงบ้าง

    “คุณรูเบ็นครับ!!”

    “บ้าเอ้ย วางแผนมาเป็นปี ต้องล้มเพราะไอ้ระยำนั่นตัวเดียวเนี่ยนะ??” รูเบ็นพูดขึ้น

    “ดูเหมือนว่าเราเจอพันธมิตรต่อต้านเราซะแล้วหล่ะ” แฟรงค์เก้นพูดขึ้น

    “ไหนจะยัยบ้าคลีฟแลนด์อีก มันทำฉันแสบหลายเรื่องแล้ว!!”

    “ใจเย็นๆครับ อย่าเพิ่งโทษกันเองเลย”

    “ไอ้ลิงเหลืองชุดแดงนั่น ไปสืบมาว่ามันเป็นใคร” รูเบ็นพูดขึ้น

    “ดูจากฝีมือการต่อสู้แล้ว เขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ อาจจะเป็นทหารมาก่อนด้วย” แฟรงค์เก้นพูดขึ้น

    “ก็แน่หล่ะ ไม่อย่างงั้นนายจะโดนมันเตะง่ายๆงั้นเหรอ??”

    “แล้วนี่ เราจะเอายังไงต่อครับ??” แฟรงค์เก้นถามไป

    “ตอนนี้เราคงต้องหาเงินทุนเพิ่ม ติดต่อกับอบาสเตียนให้ฉันที”

    “หือ คุณจะทำอะไรหล่ะ??” แฟรงค์เก้นถามไป

    “เราจะเล่นงานไอ้นายอำเภอนั่น ไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามอีก”

    “แต่ว่า เล่นงานคนอย่างเขามันยากนะครับ” แฟรงค์เก้นพูดขึ้น

    “มันจะยากแค่ไหนกัน เรามีผู้พิพากษาฟิโอน่าอยู่ทั้งคน” รูเบ็นพูดขึ้น

    “ผมจะพยายามติดต่อพวกเขาแล้วกัน” แฟรงค์เก้นพูดขึ้น

    “แล้วรู้สถานที่กบดานของพวกโจรอีกาหรือยังหล่ะ??” รูเบ็นถามไป

    “เราพยายามให้คนออกตามหาอยู่ครับ”

    “ตามหาต่อไป ฆ่าพวกมันให้หมด ส่วนร็อกกี้กับมาร์ค จับสองคนนั้นมาให้ฉันเป็นๆ ฉันจะเอามันเรียกค่าไถ่” รูเบ็นพูดขึ้น

    “แต่เราเข้าถึงตัวเขายากอยู่นะครับ” 

    “ก็ลองดูก่อนสิ พวกทหารไม่มีปัญญาคุ้มกันมันตลอดหรอก” รูเบ็นพูดขึ้น

    “ว่าไงว่าตามกันเลย” แฟรงค์เก้นพูดขึ้น

    “ตอนนี้ก็สั่งให้คนของเราไปปล้นนอกเขตไวท์ยอร์กก่อน ถ้าจะให้ดี ตามฆ่าไอ้ชุดแดงนั่นด้วย” รูเบ็นพูดขึ้น

    “ได้เลย!!” แฟรงค์เก้นตอบไป จากนั้นตัวเขาก็เดินออกจากบ้านของรูเบ็นในทันที

     

    กลับมายังค่ายหลักของคลีฟแลนด์ ในวันนั้นเองเธอได้แต่เจ็บใจที่สังหารร็อกกี้และมาร์คไม่สำเร็จ เธอกลับมาตรวจสอบอาการบาดเจ็บของทหารของเธอแต่ละคนว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง

    “บาดเจ็บกันกี่คนหล่ะ??” คลีฟแลนด์ถามไป

    “เจ็บ 59 ตายอีก 25 ครับ”

    “ฉันขอโทษที่ทำให้พวกคุณต้องมาตายแบบนี้!!”

    “ไม่ใช่ความผิดของท่านครับ เรายินดีที่จะตามท่านครับ!!” ลูกน้องของเธอตอบไป

    “ฉันรู้ ที่ฉันต้องทำก็เพื่อประเทศนี้ ไอ้สองคนนั้น ถ้ามันยังอยู่ ฉันไม่สบายใจเลย” คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    “แล้ว คุณจะทำยังไงต่อครับ??”

    “เราคงต้องซุ่มโจมตีตามค่ายทหารรอบๆไปก่อน รอดูว่าจะมีข่าวอะไรเพิ่มเติม” คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    “แล้วเรื่องร็อกกี้กับมาร์คหล่ะครับ??”

    “เออใช่ ตอนนี้มันอยู่ที่ไหนแล้วหล่ะ??” คลีฟแลนด์ถามกลับไป

    “สายข่าวบอกมาว่า ตอนนี้มันถึงสถานีรถไฟ กำลังเดินทางไปเยี่ยมเมือง Black Maple ครับ”

    “อ้อ ตอนนี้เมืองนี้กำลังดังเลยนี่ ได้ยินว่าคาวบอยชุดแดงนั่นกำลังเป็นที่พูดถึงอยู่เลยนี่” คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    “จะให้เราไปฆ่ามันเลยหรือเปล่าครับ??”

    “อย่าเพิ่ง รอดูไปก่อน ฉันไม่อยากฆ่าคนต่างชาติโดยไม่จำเป็น”

    “ผมว่า หมอนี่คงต้องเก่งมากๆแน่ๆครับ ได้ยินว่ามันใช้แค่ดาบก็เล่นงานพวกเดอะแคลนได้ยับแล้วครับ” 

    “อืม น่าสนใจ ฉันคงต้องตบรางวัลให้หมอนี่แล้วหล่ะ” คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    “แต่ว่า เรื่องร็อกกี้กับมาร์ค เราจะเอายังไงต่อครับ??” 

    “จับมันมาให้ฉันก่อน ถ้าจับเป็นไม่ได้ก็จับตายมัน!!” คลีฟแลนด์พูดขึ้น

     

    กลับมายังคฤหาสน์ของลอร่า หลังจากที่เธอต่อสู้กับกลุ่มเดอะแคลนอย่างดุเดือด เธอก็กลับมาแช่น้ำที่อ่างอาบน้ำของเธอ โดยที่ในวันนั้นเอง เธอก็ได้แช่น้ำนานผิดปกติ ราวกับว่าเธอกำลังคิดอะไรของเธอไปเรื่อย จนกระทั่งพ่อบ้านของเธอเคาะประตูห้องเพื่อเรียกเธอ

    “ก๊อกๆๆ”

    “คุณหนูครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ??”

    ลอร่าในตอนนั้นหลังจากที่ได้สติ เธอก็เดินขึ้นมาจากอ่างอาบน้ำ โดยที่เธอก็หยิบผ้าชุดตัวมาด้วย จากนั้นเธอก็ออกไปด้านนอกแล้วแต่งตัวในทันที

    “คุณหนูแช่น้ำนานจังเลยครับวันนี้!!”

    “ก็คิดอะไรเพลินไปหน่อยหน่ะค่ะ คุณพ่อบ้านคะ วันนี้ฉันเห็นหนุ่มชุดแดงคนนั้นด้วย ทอดด์หน่ะค่ะ” 

    “อ้อ หนุ่มสยามคนนั้นสินะ!!”

    “ฉันเห็นเขาสู้ด้วยดาบแค่เล่มเดียว เขาทำได้ยังไงกันนะ??” ลอร่าถามไป

    “เขาอาจจะเคยเป็นทหารก็ได้นะครับ”

    “อืม แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่กันนะ??” ลอร่าถามไป

    “อันนี้ก็ยากจะเข้าใจ แต่ถ้าให้ผมเดา ผมคิดว่าเขาอาจต้องหลีกหนีอดีตของเขาแน่ๆ” 

    “อ้อ น่าเห็นใจจังเลยนะคะ” ลอร่าพูดขึ้น

    “แล้วคุณหนูจะทำยังไงต่อหล่ะครับ??” 

    “ตอนนี้เราก็กบดานที่นี่ไปก่อน รอจนกว่าจะมีข่าวเพิ่มเติม” ลอร่าพูดขึ้น

     

    ณ ทางหลวงแห่งหนึ่งที่กำลังจะเดินทางไป Black Maple กองทัพของเจสันได้รับหน้าที่ให้คุ้มกันขบวนของร็อกกี้และมาร์คที่กำลังเดินทางมา เนื่องจากว่าตอนนี้สถานการณ์ยังไม่ปลอดภัยสำหรับพวกเขาทั้งคู่ พวกเขาเดินทางมาเรื่อยๆ โดยที่หวังว่าจะไม่เจอกับกลุ่มโจรเข้า

    “ขอบคุณมากผู้กองที่มาคุ้มกันผม!!” ร็อกกี้พูดกับเจสันไป

    “ครับท่าน มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”

    “ว่าแต่ เมืองที่เราจะไปเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” มาร์คถามไป

    “ครับ ก็เป็นเมืองที่ค่อนข้างสงบสุขมากเลยครับ”

    “เออ ได้ยินว่า Black Maple นี่ มีพวก KKK ด้วย จริงหรือเปล่า??” ร็อกกี้ถามไป

    “เฮ้ย คุณกลัวพวกมันเหรอ??” มาร์คถามกลับไป

    “เขตนี้พวกทหารฝ่ายใต้ใช้หลบซ่อนตัวและโจมตีหมู่บ้าน รวมถึงค่ายทหารในละแวกนี้ด้วยครับ” เจสันพูดขึ้น

    “ไอ้เลวพวกนี้น่าจับมาแขวนคอให้หมด” ร็อกกี้พูดขึ้น

    “ใช่ ไอ้พวกขี้แพ้พวกนี้นี่ กลับไปฉันจะส่งเรื่องให้ประธานาธิบดีจัดการ” มาร์คพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงครับ ตอนนี้พวกเรากำลังตามล่าพวกมันอยู่ครับ”

    “แน่นอน ผมรู้ว่าคุณทำได้อยู่แล้ว ทหาร!!” มาร์คพูดขึ้น

    “แล้วอีกนานแค่ไหนกว่าจะถึงเมืองเนี่ย??” ร็อกกี้ถามไป

    “ไม่เกินเย็นนี้ครับ” เจสันพูดขึ้น

    “โธ่ ว่าแต่เราจะไปพักที่ไหนกันหล่ะ??” ร็อกกี้ถามไป

    “ฉันมีบ้านพักอยู่ละแวก Black Maple เราจะไปที่นั่นกัน” มาร์คพูดขึ้น

    “ครับ ยังไงก็ต้องระวังทุกฝีก้าวนะครับ!!” เจสันพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็เดินทางกันต่อไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะมืดค่ำเสียก่อน

     

    กลับมายังไร่ของตระกูลฟรอสต์ ในวันนั้นเองพวกเขาก็ทำไร่กันตามปกติ เพื่อให้มีอาหารเพียงพอขาย โดยที่ทินส์ก็ยืนพรวนดินอยู่แถวๆนั้น ในขณะเดียวกันนั้นเอง ชายผิวดำคนหนึ่งก็วิ่งมาหาทินส์อย่างหน้าตาตื่น

    “นายครับๆ มีคนใส่สูทมาที่หน้าบ้านครับ!!”

    “งั้นเหรอ ไปเรียกพวกเรามา เตรียมปืนมาด้วยหล่ะ!!” ทินส์พูดขึ้น จากนั้นตัวเขาก็รีบวิ่งไปที่หน้าบ้าน โดยที่สมาชิกคนอื่นๆในบ้านก็แปลกใจ และวิ่งตามเขาไปด้วย เมื่อทินส์ไปถึง เขาก็พบกับชายเอเชียใส่สูทสองคนเดินมาที่หน้ายบ้านของเขา ทินส์และครอบครัวเดินออกไปรับหน้าในทันที

    “สวัสดี คุณเป็นเจ้าของไร่ใช่หรือเปล่าครับ??”

    “ใช่ มีธุระอะไรกัน??” ทินส์ถามไป

    “ให้เดานะ พวกคุณจะมาซื้อที่แถวนี้งั้นเหรอ??” อเล็กซ์ถามไป

    “อ้อ ใช่ครับ เจ้านายของเราสนใจพื้นที่แถบนี้ เนื่องจากว่ามันอาจจะมีทองคำอยู่”

    “ทองคำบ้าบออะไร เราอยู่ที่นี่มาเป็นสิบปี ไม่เคยเห็นเลยซักก้อน” ริแอนน่าพูดขึ้น

    “ใช่ พวกเราไม่มีทางขายที่นี่หรอกค่ะ” ชาร์ล็อตพูดขึ้น

    “คุณจะไม่ฟังข้อเสนอของพวกเราก่อนเหรอครับ??”

    “ที่นี่เป็นบ้านของผม พวกคุณกลับไปดีกว่า ที่นี่ไม่มีอะไรให้พวกคุณหรอก” ทินส์พูดขึ้น

    “แหม่ น่าเสียดายจริงๆ ถ้างั้นผมคงต้องไปบอกเจ้านายของผมหล่ะ ลาก่อนนะครับ!!” ชายสองคนนั้นพูดจากนั้นก็เดินออกไปในทันที 

    “อเล็กซ์ บอกบ้านป้ารีเบคก้าด้วยให้ระวังตัวหน่อยช่วงนี้!!” ทินส์พูดขึ้น

    “ได้เลยครับพ่อ”

     

    กลับมายังศาลประจำรัฐ หลังจากที่ฟิโอน่าตัดสินคดีของเธอเรียบร้อยแล้ว เธอก็ลงจากบัลลังค์ของเธอ จากนั้นก็กลับเข้ามาที่ห้องพัก และในตอนนั้นเอง พ่อของเธอก็เดินเข้ามาหาเธอ พร้อมกับชายหญิงกลุ่มหนึ่งที่พ่อของเธอ

    พามาด้วย ฟิโอน่าเห็นดังนั้นจึงให้พวกเขานั่งเก้าอี้รับแรกของเธอไปในทันที

    "พ่อเอาใครมาด้วยคะเนี่ย??"

    "ก็พวกเขาไง ญาติๆของคนที่ถูกนายอำเภอประหารหน่ะ" พ่อของเธอพูดขึ้น

    "พ่อไปพาพวกเขามาจากไหนหล่ะ??" ฟิโอน่าถามไป

    "พ่อพามาได้แล้วกัน แล้วลูกจะเอายังไงต่อหล่ะ??"

    "หนูจะยื่นเรื่องของหมายศาลส่งไปให้นายอำเภอพรุ่งนี้เลย รับรองว่านายอำเภอต้องไม่รอดแน่ๆ" ฟิโอน่าพูดขึ้น

    "อืม ก็ควรจะรีบดำเนินการเลยนะ เพราะตอนนี้คุณจักษ์และคุณทาเคชิก็กำลังรอข่าวอยู่"

    "ไปบอกพวกเขาด้วย ว่าพวกเขาได้ในสิ่งที่ต้องการแน่ๆ แล้วอย่าลืมตามที่สัญญาหล่ะ" ฟิโอน่าพูดขึ้น

    "ได้ พ่อจะรีบไปบอกเขาเอง" พ่อของเธอพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ทั้งนายจักษ์และโฮมุระก็เดินเข้ามาในห้องอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาสองพ่อลูกตกใจเล็กน้อย

    "สวัสดีครับ หวังว่าผมคงจะไม่มาขัดจังหวะหรอกนะครับ" นายจักษ์พูดขึ้น

    "สวัสดีค่ะ พวกเรากำลังจะไปหาอยู่พอดีเลย" ฟิโอน่าพูดขึ้น

    "งั้นเหรอ พวกคุณมีอะไรหรือเปล่า??" ทาเคชิถามไป

    "พวกเราได้วิธีที่จะเล่นงานนายอำเภอนั่นแล้วหล่ะ" พ่อของฟิโอน่าพูดขึ้น

    "ตอนนี้พวกเรากำลังได้เปรียบ งานนี้ต้องรีบกันหน่อยหล่ะ" พ่อของเธอพูดขึ้น

    "ไม่ต้องห่วง เดี๋ยววันนี้หนูจะยทำหมายศาลไปเลย" ฟิโอน่าพูดขึ้น

    "ยังไงก็รีบกันหน่อยหล่ะ เพราะผมก็ไม่มีเวลามากขนาดนั้นหรอก ไหนจะเรื่องไอ้หนุ่มชุดแดงคนนั้นอีก" นายจักษ์พูดขึ้น

    "อืม ฉันเองก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน ได้ยินว่าเขาเล่นงานพวกเดอะแคลนไปเยอะแยะเลย" ฟิโอน่าพูดขึ้น

    "ถ้าเราปล่อยมันไป มันอาจจะสร้างปัญหาให้เราก็ได้" ทาเคชิพูดขึ้น

    "เฮ้อ มันจะแน่ซักแค่ไหนกันเชียว พวกคุณก็เอาคนไปตามล่ามันสิ" ฟิโอน่าพูดขึ้น

    "พวกเราก็กำลังทำอยู่ เอาเป็นว่าพวกคุณก็ทำเรื่องนี้ให้ดีก็แล้วกัน" นายจักษ์พูดขึ้น

    "ผมหวังว่าเราจะได้รับความเชื่อใจกันมากกว่านี้นะครับ" ทาเคชิพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็เดินออกจากห้องพักของฟิโอน่าไป 

     

    และอีกด้านหนึ่งของเมือง ในวันนั้นเอง แคลิเฟอร์ก็พาทั้งทองสุกและเจสสิก้าไปตามตัวกลุ่มนายทุนที่มากว้านซื้อที่ของชาวบ้านในละแวก Black Maple พวกเขาควบม้าเดินทางไปตามเส้นทางในไร่แห่งหนึ่ง ผ่านเขตป่า

    ร้อนที่เงียบสงบ พวกเขาควบม้ามาเรื่อย จู่ๆแคลิเฟอร์ก็หยุดม้า จากนั้นเธอก็ให้ทุกคนลงจากม้าด้วย

    "มีอะไรเหรอแคลิเฟอร์??" เจสสิก้าถามไป

    "พวกมันอยู่ข้างหน้านี่หล่ะ คงกำลังซื้อขายไร่กับบ้านป้าซาร่าหน่ะ" แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    "ถ้าอย่างงั้นก็ลุยเลย!!" ทองสุกพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็จอดม้าเอาไว้แถวๆนั้น จากนั้นพวกเขาก็ค่อยๆเดินไปสังเกตการณ์แถวไร่ของป้าซาร่า และในตอนนั้นเอง พวกเขาก็เห็นชายใส่สูทกลุ่มหนึ่งกำลังยืนล้อมป้าซาร่าด้วยอาวุธ

    ครบมือ และพยายามพูดข่มขู่ป้าซาร่าด้วย

    "เฮ้ย แกจะยอมขายที่ให้เราดีๆหรือเปล่า??"

    "ไม่ ไม่มีทางหรอก ฉันจะแจ้งนายอำเภอให้มาจับพวกแก"

    "ฉันว่า แกอาจจะตายก่อนที่พวกมันจะมานะเว้ย!!"

    "ฉันไม่กลัวพวกแกหรอกไอ้ระยำ!!" ซาร่าหยิบสามง่ามแถวนั้นไล่พวกมันไป แต่พวกมันไม่ยอม พยายามเล่นงานป้าซาร่า

    "พวกนั้นคนเอเชียไม่ใช่เหรอ??" ทองสุกถามไป

    "ไม่รู้สื นายลองไปถามมันดูมั้ยหล่ะ??" เจสสิก้าถามไป

    "ไม่รู้ว่ามันจะมีปืนหรือเปล่านะ??" แคลิเฟอร์ถามไป

    "ฉันจะจัดการเอง" ทองสุกพูดขึ้น จากนั้นตัวเขาก็ชักดาบออกมา จากนั้นก็วิ่งไปลุยกับพวกมัน ในขณะที่พวกมันกำลังรุมเล่นงานกับป้าซาร่า  

    "ย้าก!!"

    ทองสุกฟันท่อนไม้ของมันจนร่วงลงพื้น จากนั้นก็เตะมันไปคนหนึ่ง แต่ในตอนนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็เห็นหน้าทองสุกก็ตกใจมาก ตัวทองสุกเองก็ตกใจเช่นกัน

    "ทองสุก!!"

    "ไอ้บุญส่ง นี่เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน??"

    "จัดการมัน!!"

    ชายคนนั้นพูดขึ้น จากนะเนคนอื่นๆก็ชักปืนออกมาเพื่อจะเล่นงานทองสุก แต่เจสสิก้าและแคลิเฟอร์ก็ชักปืนออกมาและกระหน่ำยิงพวกมัน จนเหลือแค่ตัวบุญส่งคนเดียว บุญส่งตกใจมากและพยายามจะวิ่งหนีไป แต่ทองสุกก็วิ่งไปจับตัวมันเอาไว้ได้ก่อน ส่วนตัวเจสสิก้าและแคลิเฟอร์ก็รีบไปดูป้าซาร่าในทันที

    "ป้าซาร่า เป็นอะไรหรือเปล่าคะ??" แคลิเฟอร์ถามไป

    "ไม่เป็นไรจ้ะ ขอบใจพวกเธอมากนะ"  

    "ค่ะ ป้าไปหลบด้านในก่อนนะคะ เดี๋ยวพวกฉันจัดการเอง" เจสสิก้าพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ทองสุกก็ลากตัวนายบุญส่งมาอยู่ต่อหน้าทั้งเจสสิก้าและแคลิเฟอร์ จากนั้นก็ทิ้งตัวหมอนั่นลงต่อหน้าเจสสิก้าและแคลิเฟอร์ในทันที

    "มึงมาที่นี่ได้ยังไง??" ทองสุกถามไป

    "ใจเย็น มึงกับกูก็ชาวสยามเหมือนกันนะ"

    "เหรอ มึงจะตอบกูหรือเปล่า??" ทองสุกถามไป

    "ถ้ามันไม่ตอบ ก็ฆ่ามันเลยสิ" แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    "ใจเย็นน้องสาว เจ้านายฉันมีอิทธิพลมากเลยนะ" นายบุญส่งพูดขึ้น

    "อย่าปากดีไอ้ระยำ บอกมามึงทำงานให้ใคร ไอ้คนขายชาติ??"

    "ก็ได้ๆ ท่านพระยาประจักษ์ชัยยังไงหล่ะ ท่านประกาศว่าใครที่ถูกปลดจากทหาร ให้มาหาแกที่อเมริกา"  

    "นี่ แกพูดไม่ผิดแน่นะ??" ทองสุกกระชากคอเสื้อมันขึ้นมา

    "ใจเย็นทอดด์ แล้วไอ้พระยาอะไรนี่เป็นใครกัน??" เจสสิก้าถามไป

    "ใช่ แกทำพลาดแล้ว ท่านพระยามีอิทธิพลมาก แกไม่มีทางรอดไปง่ายๆหรอก ยิ่งถ้ารู้ว่าแกมาที่นี่ ท่านตามล่าแกทั่วอเมริกาแน่ๆ แกยังจำได้สินะ ยุทธการสุครีพหน่ะ" บุญส่งพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ทองสุกก็ฟันคอมันทิ้ง ทำเอาสองสาวถึงกับตกใจ

    "ทอดด์ นี่นายทำอะไรเนี่ย??" เจสสิก้าถามไป

    "ไม่มีเวลาแล้ว งานนี้ฉันต้องตามหามันให้ได้" ทองสุกพูดขึ้น

    "ตามหาใคร นี่มันเรื่องอะไรกันแน่??" แคลิเฟอร์ถามไป

    "ไว้ฉันจะเล่าให้ฟัง ตอนนี้เรารีบไปดีกว่า ฉันต้องไปบอกนายอำเภอว่าเกิดอะไรขึ้น" ทองสุกพูดขึ้น

    “หยุดก่อนเลย นายพอจะบอกฉันได้หรือเปล่าไอ้พระยาอะไรของนายนี่เป็นใคร??” เจสสิก้าถามไป

    “ไอ้พระยาประจักษ์ชัย ชื่อนี้มันฝังใจฉันมานานแล้ว” ทองสุกพูดขึ้น จากนั้นก็ค่อยๆเล่าทุกอย่างให้กับเจสสิก้าและแคลิเฟอร์ฟังในทันที

    “พระยาประจักษ์ชัย มันเคยเป็นหัวหน้าหน่วยรบสุครีพ ทหารชุดแดงที่ต้องทำการรบในแนวหลังของศัตรู ซึ่งโอกาสที่หน่วยของเราจะมีชีวิตรอดกลับมามีน้อยมาก แต่พวกเราก็ยอมทำเพื่อชาติ วันหนึ่ง พวกเขาส่งพวกเราไปในเขตเวียดนาม ภารกิจของเราคือสังหารนายพลเตเวียส นายพลฝรั่งเศสคนหนึ่ง แต่ทุกอย่างก็เกิดการผิดแผน พวกเราถูกตัดขาด ถูกตามล่า เพื่อนทหารของฉันตายกันเกือบหมด ฉันเองก็เกือบไม่รอด ฉันหลงอยู่ในป่าเขมรอยู่หลายวัน ตอนแรกก็คิดว่าจะไม่รอดแล้ว เมื่อฉันกลับมาแผ่นดินบ้านเกิดและกลับไปหาพระยาประจักษ์ชัย มันสั่งให้ฉันห้ามแพร่งพรายเรื่องที่เกิดขึ้นและย้ายฉันไปอยู่หน่วยทหารเดินเท้า ตั้งแต่วันนั้น ฉันพยายามสืบหาว่าเกิดอะไรขึ้น ประกอบกับตอนนั้นพระยาประจักษ์ชัยก็ได้สละตำแหน่งในราชสำนัก วันหนึ่งฉันตามสะกดรอยมัน เข้าไปในร้านอาหารร้านหนึ่ง ผมพบว่ามันคุยกับฝรั่งคนหนึ่ง แต่โดนจับได้ก่อนก็เลยหนีมา ผมพยายามจะเปิดโปงมันแต่ก็ไม่มีหลักฐาน ถ้าผมเจอมัน ผมจะให้มันชดใช้ในสิ่งที่มันทำกับเพื่อนทหารของผม..” ทองสุกพูดขึ้น

    “โห เรื่องของนายนี่สนุกมากเลยนะ” แคลิเฟอร์พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ป้าซาร่าก็เดินเข้ามาหาพวกของเจสสิก้าอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

    “พวกเธอ รีบไปจากที่นี่เถอะ ส่วนศพพวกนี้สามีฉันจะจัดการเอง!!”

    “ถ้าอย่างงั้นพวกเรารีบไปบอกนายอำเภอดีกว่านะครับ” ทองสุกพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รรีบวิ่งไปขึ้นม้า จากนั้นก็รีบกลับเมืองไปในทันที ก่อนที่คนอื่นๆจะรู้ว่ามีคนตายที่นี่

    ==============================================================

    ดูเหมือนว่างานนี้ทองสุกจะเจอกับคนที่เขารู้จักแล้ว และเขาจะทำอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    ขอบอกก่อน อาทิตย์หน้าอาจจะไม่ได้มาอัพเน้อ เพราะงานยุ่งมาก จะแคสเกมยังไม่มีเวลา 555

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลด้วยเน้อ

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×