ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Siam Cowboy - คาวบอยสยาม

    ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 9 : วางแผน

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 105
      6
      15 ส.ค. 63

    เช้าวันต่อมา ทองสุกลุกขึ้นมาจากเตียงนอนของเขา เขาไม่รอช้าเดินตรงไปเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระในตอนเช้า แต่หลังจากที่ทองสุกล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อยแล้ว จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังมาจากหน้าห้องของเขา

    “ก๊อกๆๆ”

    ทองสุกไม่รอช้าเดินไปเปิดประตูในทันที แต่เมื่อเขาเปิดประตูออก เขาก็พบกับปีเตอร์ที่กำลังรอเขาอยู่หน้าห้อง

    “เฮ้ ทอดด์ นายอำเภออยากคุยด้วยหน่ะ แต่งตัวซะ!!” ปีเตอร์พูดขึ้น จากนั้นทองสุกก็เดินไปแต่งตัวตามปกติ เขาใช้เวลาไม่นานก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย จากนั้นเขาก็เดินตามปีเตอร์ไปในทันที

    “นี่ คุณตำรวจ นายอำเภออยากคุยเรื่องอะไรงั้นเหรอ??” ทองสุกถามไป

    “เดี๋ยวพอไปถึงนายก็รู้เองหล่ะ” ปีเตอร์ตอบไป

    “แล้วเจสสิก้ากับแคลิเฟอร์หล่ะ??”

    “ไม่ต้องห่วง ยัยลิงทะโมนสองคนนั้นรอนายอยู่แล้วหล่ะ” ปีเตอร์พูดขึ้น จากนั้นก็นำทางทองสุกไปยังสถานีตำรวจ ซึ่งเมื่อพวกเขามาถึง เขาก็พบกับนายอำเภอและสาวน้อยสองคนที่กำลังรออยู่แล้ว เมื่อนายอำเภอเห็นทองสุกก็เชิญเขาเข้ามาในทันที

    “มาคุยกันหน่อยสิ!!”

    นายอำเภอพูดขึ้น จากนั้นก็พาทองสุกเข้าไปนั่งด้านใน ซึ่งคนอื่นๆก็กำลังนั่งล้อมวงอยู่พอดี เจสสิก้าและแคลิเฟอร์ก็ทักทายทองสุกในทันที

    “อ้าว ทอดด์ ปีเตอร์ไปปลุกนายมาแล้วเหรอ??” เจสสิก้าถามไป

    “อ้อ ใช่ เขาบอกว่านายอำเภอมีเรื่องจะคุยกับผม” ทองสุกพูดขึ้น

    “แน่นอน นายอำเภอมีหลายเรื่องอยากคุยเลยหล่ะ” แคลิเฟอร์พูดขึ้น 

    “เอาหล่ะ ทอดด์ ฉันขอถามนายตรงๆเลยนะ เมื่อเย็น นายบุกไปเผาหอคอยสูงในเขตไวท์ยอร์กใช่หรือเปล่า??” นายอำเภอถามทองสุกแบบตรงๆ

    “ใช่ครับ ผมรู้ว่าพวกไหนที่ฆ่าหลวงพ่อมอริสัน และรู้ด้วยว่าพวกมันทำอะไร” ทองสุกตอบไป

    “จริงเหรอ นี่นายก็รู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ??” มีน่าถามไป

    “เรื่องทางรถไฟใช่หรือเปล่าครับ??” ทองสุกถามไป

    “ถูกต้องเลย นายคงรู้ทุกอย่างแล้วสินะ พวกเราคงไม่ต้องบอกนายหรอก” บอริสพูดขึ้น

    “ว่าแต่ พวกมันจะปล้นรถไฟกันอย่างงั้นเหรอคะ??” เจสสิก้าถามไป

    “ถ้าตามข่าว ใช่ พวกนั้นจะปล้นขบวนรถไฟซึ่งมีอาวุธมากมาย รวมถึงท่านสมาชิกสภาก็เดินทางมากับรถไฟขบวนนี้ด้วย” นายอำเภอบอกกับทุกคนไป

    “โห ท่านสมาชิกสภาจะมาที่นี่ด้วยเหรอ??” แคลิเฟอร์ถามไป

    “ใช่ งานนี้ได้ป่วนกันทั่วพื้นที่แน่ๆ” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น นายอำเภอเรียกผมมาทำไมหล่ะครับ??” ทองสุกถามไป

    “ฉันอยากให้นายไปกับพวกเราหน่ะ พวกมันต้องมากันเยอะแน่ๆ” นายอำเภอพูดขึ้น

    “ถ้าพวกมันเป็นพวกเดียวกับคนที่ฆ่าหลวงพ่อ ผมพร้อมจะทำครับ” ทองสุกพูดขึ้น

    “เอาหล่ะ แล้วแผนของเราจะทำยังไงหล่ะคะ??” มีน่าถามไป

    “นั่นสิ นายอำเภอครับ คุณจะทำยังไงต่อหล่ะครับ??” บอริสถามไป

    “ขบวนรถไฟจะเดินทางมาที่นี่ ผ่านช่องเขาเร้ด รอยต่อระหว่างสามเขต แถมมีทางหลบหนีมากมาย เราจะจัดการพวกมันไม่ให้พวกมันเข้าใกล้รถไฟได้” นายอำเภอพูดขึ้น

    “แล้วใครจะเป็นมิตร ใครจะเป็นศัตรูหล่ะคะ??” เจสสิก้าถามไป

    “นั่นสิคะ มีตั้งหลายกลุ่มที่อยากปล้นอาวุธขบวนนี้นะคะ??” แคลิเฟอร์ถามเสริม

    “อืม เอาเป็นว่า ถ้าใครโจมตีเรา เราก็โจมตีพวกนั้นตอบไป แค่นั้นพอ แต่กลุ่มหลักๆที่เราต้องจัดการก็คือ เดอะแคลน กับ AUS ซึ่งพวกนั้นอันตรายมาก” นายอำเภอพูดขึ้น

    “แล้ว เราไม่ขอกำลังเจ้าหน้าที่กลุ่มอื่นมาด้วยหล่ะครับ??” ปีเตอร์ถามไป

    “เออใช่ ลืมไปเลย มีกองทหารภาคตะวันออกมาจัดขบวนต้อนรับที่สถานีปลายทาง เราน่าจะติดต่อกับเขาได้” นายอำเภอพูดขึ้น

    “ถ้างั้นผมจะไปติดต่อกับพวกเขาเองครับ” บอริสพูดขึ้น

    “ยังไงก็ฝากนายจัดการด้วยนะ” มีน่าตอบไป

    “แต่ถึงยังไง พวกเราก็มีน้อยกว่าอยู่ดี พวกนั้นมีเป็นพันเลยนะครับ” ทองสุกออกความเห็นไป

    “อืม ฉันเข้าใจ แต่ตอนนี้เราคงต้องใช้เท่าที่มีหน่ะ” นายอำเภอพูดขึ้น

    “ถ้าเราไม่มีใครมาช่วยด้วย เราลำบากแน่ค่ะ” เจสสิก้าพูดขึ้น

    “หรือไม่ เราก็คงต้องโจมตีเร็ว ใช้พื้นที่ให้เป็นประโยชน์หน่ะ” ทองสุกพูดขึ้น

    “อืม เป็นไปได้ หรือไม่ถ้าเราคุ้มกันขบวนรถไฟให้มันเดินขบวนต่อเนื่องได้ ก็น่าจะทุ่นแรงเราได้นะคะ” แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    “อืม เป็นความคิดที่ดี พวกมันต้องหยุดขบวนรถไฟเพื่อชิงอาวุธ แต่ถ้าพวกมันทำไม่สำเร็จ ก็จะเป็นการบีบพวกมันได้ แต่ว่า มีสายข่าวรายงานฉันว่า นายรูเบ็นตอนนี้กำลังเจรจากับนักธุรกิจสองคน ซึ่งพวกเขากำลังทำธุรกิจลับกันอยู่ เราต้องสืบจากพวกเขา” นายอำเภอพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น จะให้ผมไปสืบเรื่องของพวกเขาหรือเปล่าครับ??” ทองสุกถามไป

    “อย่าเลย ถ้านายไปจะเป็นที่สังเกตเปล่าๆ” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “หรือไม่ เราก็ไปจับพวกนั้นทั้งสองคนเลยสิคะ เรียกมาสอบปากคำก็ได้” มีน่าพูดขึ้น

    “ไอ้พวกนี้มันเหลี่ยมจัด หัวหมอ เราใช้วิธีทางกฎหมายกับพวกมันไม่ได้หรอก” บอริสพูดขึ้น

    “งั้นฉันขอ 5 นาที ฉันจะทำให้มันคายออกมาให้หมดเลย!!” เจสสิก้าพูดขึ้น

    “นี่ อย่าวู่วามสิ เรายังไม่รู้นะว่าพวกมันมีกันเยอะแค่ไหน” ทองสุกพูดปรามไป

    “สรุปว่า เราน่าจะเตรียมรับมือการโจมตีทางรถไฟที่กำลังจะเกิดขึ้นนะคะ” แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    “เอาหล่ะ เราเชื่อว่าพวกมันจะเริ่มลงมือตอนเช้ามืด เราจะไปดักรอพวกนั้นตั้งแต่ตอนดึกเลย เมื่อเราไปถึง เราจะไปเตือนคนบนขบวนรถไฟในทันทีเลย” นายอำเภอพูดขึ้น

     

    และอีกด้านหนึ่งในเมือง ที่ร้านหนังสือของจอห์น ในวันนั้นเองตัวเขาก็ได้เขียนหนังสือเล่มใหม่ เป็นความรู้ที่เขาได้รับจากทองสุกบางส่วนเกี่ยวกับดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในระหว่างที่เขากำลังเตรียมเขียนหนังสือ ในตอนนั้นเอง เอ็ดเวิร์ดและโฮมุระก็เดินมาที่ร้านของเขา คนของเอ็ดเวิร์ดไปมาพวกเขามาหาเอ็ดเวิร์ดในทันที 

    “อ้าว พวกนาย นั่งก่อนสิ เดี๋ยวให้คนของฉันชงชาให้!!” เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น จากนั้นโฮมุระและเอ็ดเวิร์ดก็ไปนั่งในทันที ส่วนคนของเอ็ดเวิร์ดก็ชงชามาให้พวกเขาทั้งคู่ไป

    “นี่ เอ็ดเวิร์ด กำลังทำเขียนหนังสืออยู่อย่างงั้นเหรอ??” เอ็ดเวิร์ดถามเขาในระหว่างที่ดื่มชาไปด้วย

    “ก็ใช่ ฉันได้ข้อมูลบางส่วนมา เลยอยากจะเขียนหน่ะ” จอห์นพูดขึ้น

    “ดูเหมือนว่าหนุ่มสยามคนนั้นน่าจะบอกอะไรคุณเยอะเลยนะคะ” โฮมุระพูดขึ้น

    “ก็คงงั้น ฉันเองก็เพิ่งจะเคยรู้เหมือนกัน” จอห์นพูดขึ้น

    “ว่าแต่ พวกนายมาที่นี่มีอะไรงั้นเหรอ??” เอ็ดเวิร์ดถามไป

    “เราได้ข่าวมาว่า จะมีสมาชิกสภาสองคนจะมาที่นี่หน่ะ” โฮมุระพูดขึ้น

    “ใช่ ได้ยินว่าเขาคือคุณร็อกกี้กับคุณมาร์คหน่ะ” จอห์นพูดขึ้น

    “เฮ้อ ไอ้สองคนนั้นยังไม่ตายอีกเหรอ??” เอ็ดเวิร์ดพูดอย่างอารมณ์เสีย

    “ทำไมเหรอคะ??” โฮมุระถามไป

    “พวกมันสองคนเคยมีข่าวว่าติดต่อกับกองทัพอังกฤษเพื่องานสกปรกอะไรนี่หล่ะ แถมเรื่องส่วยกับเงินสกปรก พวกมันสองคนก็มีเอี่ยวมากๆเลยหล่ะ” เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น

    “แต่ว่าพวกเขาสองคนก็ไม่ใช่พวกเหยียดผิวนี่นะ” จอห์นพูดขึ้น

    “ก็ใช่ เพราะถ้ามันทำแบบนั้น มันหมดอนาคตทางการเมืองแน่ๆ” เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น

    “อืม ได้ยินว่าจะมีกลุ่มทหารไปต้อนรับด้วยนะคะ” โฮมุระพูดขึ้น

    “ก็แน่หล่ะ ฉันอยากเขียนเรื่องแฉไอ้สองคนนั้นอยู่พอดีเลย” เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น

    “จริงเหรอ งั้นฉันจะรออ่านแล้วกันนะพวก” จอห์นพูดขึ้น

    “เฮ้อ ยังไงก็ระวังไว้แล้วนะคะ” โฮมุระพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง พวกนั้นทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เอ็ดเวิร์ดตอบไป

     

    กลับมายังโรงพยาบาลของโทมัส หลังจากที่พวกเขาจัดการรักษาผู้บาดเจ็บจากการโจมตีได้จนหมดแล้ว วันนี้ก็เป็นอีกวันที่พวกเขาได้พักผ่อน ในช่วงเวลาเดียวกัน มิเชลที่เพิ่งจะไปตรวจสอบยาในโรงพยาบาลก็รีบไปหาโทมัสและวิลเลี่ยมในทันทีเพื่อบอกกับเขา

    “ขอโทษนะคะ ตอนนี้ยาแก้ปวดเราใกล้หมดแล้วนะคะ!!” มิเชลพูดขึ้น

    “ตอนนี้ของกำลังมา คาดว่าน่าจะเป็นพรุ่งนี้หน่ะ” โทมัสพูดขึ้น

    “ที่นี่ยาขาดแคลนหรือเปล่าหล่ะ??” วิลเลี่ยมถามไป

    “ช่วงนี้ขาดบ่อยนิดนึงหน่ะ เพราะว่าทางตะวันออกตอนนี้ยังอันตรายอยู่ ขบวนคาราวานหลายขบวนยังเกรงกลัวอยู่” โทมัสพูดขึ้น

    “แล้วนายอำเภอไม่ทำอะไรหน่อยเหรอคะ??” มิเชลถามอย่างสงสัย

    “นายอำเภอก็คนไม่ใช่เทพเจ้านะ พวกเขาก็ทำดีที่สุดเท่าที่ทำได้หน่ะ” โทมัสพูดขึ้น

    “นั่นสิ ก็คงต้องรอดูกันต่อไปหล่ะ” วิลเลี่ยมพูดขึ้น แล้วในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่พยาบาลคนหนึ่งก็วิ่งมาหาหมอแล้วเรียกเขาอย่างเร่งรีบ

    “คุณหมอคะ มีคนต้องการให้ผ่าตัดค่ะ!!”

    “อาการเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” วิลเลี่ยมถามไป

    “เขาปวดท้องมากเลยค่ะ” 

    “ถ้าอย่างงั้นก็เตรียมห้องเลย มิเชล เตรียมห้องผ่าตัดได้เลย!!” โทมัสพูดขึ้น

    “ได้เลยค่ะ!!” มิเชลพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบวิ่งไปที่ห้องผ่าตัดเพื่อเตรียมของ จากนั้นพยาบาลก็พาชายคนนั้นเข้าห้องผ่าตัดจากนั้นก็พาขึ้นเตียงในทันที ส่วนวิลเลี่ยมในตอนนั้นก็เตรียมมีดผ่าตัดของเขาในทันที

    “มิเชล อุปกรณ์พร้อมหรือยัง??” วิลเลี่ยมถามไป

    “พร้อมค่ะ เริ่มการผ่าตัดได้เลยค่ะ” มิเชลตอบไป จากนั้นพวกเขาก็เริ่มการผ่าตัดคนไข้รายนี้ในทันทีก่อนที่คนไข้จะเป็นอะไรไป

     

    ณ ลานกว้างแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นจุกศูนย์กลางของเมือง สำหรับใครที่ต้องการนัดพบกับใคร ผู้คนในวันนั้นเดินกันขวักไขว่ แต่ท่ามกลางผู้คนธรรมดาที่เดินไปเดินมา ในตอนนั้นเอง เจเรมี่ที่ถือปืนยาวอยู่ก็เตรียมกระสุนของเขาใส่ในที่เก็บกระสุน ในวันนั้นเอง ลิงซ์ที่กำลังจูงม้าเดินผ่านไป เมื่อเธอเห็นเจเรมี่ก็เดินเข้าไปทักทายเขาในทันที

    “อ้าว หวัดดีลุง มาทำอะไรที่นี่เนี่ย??”

    “อ้าว แม่สาวอินเดียน ฉันแค่มานั่งเล่นหน่ะ” เจเรมี่ตอบไป

    “เหรอคะ แล้วทำไมต้องเตรียมปืนขนาดนั้นหล่ะ สงสัยจะมีงานใหญ่” ลิงซ์พูดขึ้น

    “ท่าจะงานใหญ่เหมือนกับเธอนั่นแหละ”

    “ถ้าอย่างงั้นคงจะรู้แล้วสินะ เรื่องวันพรุ่งนี้หน่ะ” ลิงซ์ถามไป

    “ก็ใช่ เอาเป็นว่า ยังไงก็เตรียมตัวให้ดีแล้วกัน”

    “นายอำเภอจ้างลุงมาช่วยอย่างงั้นเหรอ??” ลิงซ์ถามไป

    “ไม่หรอก ฉันมันไม่ทำงานให้ใครหรอก” เจเรมี่พูดขึ้น

    “อ้อ ก็ดีสิลุง เป็นอิสระดี” 

    “ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ฉันแค่อยากหาอะไรสนุกๆทำก่อนตายหน่ะ” เจเรมี่พูดขึ้น

    “ไม่อยากแก่ตายสินะลุง” ลิงซ์พูดแซวไป

    “ตายแบบนั้นมันธรรมดาไป ฉันไม่ยอมหรอกนะ” เจเรมี่พูดขึ้น

    “เอาเถอะลุง ยังไงพรุ่งนี้ก็เจอกัน” ลิงซ์พูดขึ้น จากนั้นเธอก็เดินจูงม้าของเธอต่อไป ส่วนเจเรมี่ก็เตรียมอาวุธปืนของเขาต่อไป

     

    กลับมายังบาร์ของซิ่วอิง ในวันนั้นเองเธอก็เปิดร้านตั้งแต่เช้าเนื่องจากว่าเจ้าของร้านต้องไปทำงานอย่างอื่นต่อ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเปิดร้านจนเสร็จ ในวันนั้นเองเนย์มาร์ก็เดินเข้ามาในบาร์ของเธอ โดยที่ซิ่วอิงก็ทักทายเขาไปในทันที

    “อ้าว คุณเนย์มาร์!!”

    “หวัดดีครับ ผมขอดื่มซักแก้วได้หรือเปล่าครับ??” เนย์มาร์ถามไป จากนั้นซิ่วอิงก็รินเหล้าให้เขาหนึ่งแก้ว เนย์มาร์หยิบเหล้ามาดื่มในทันที

    “เมื่อวานคุณเป็นยังไงบ้างคะ??” ซิ่วอิงถามไป

    “ก็มีเรื่องนิดหน่อยหน่ะครับ” เนย์มาร์พูดขึ้น

    “ก็บอกแล้ว ที่ไวท์ยอร์กอันตรายจะตายไปนะคะ” ซิ่วอิงพูดขึ้น

    “ผมต้องทำหน่ะ ไม่มีอะไรหรอกครับ”

    “เอาเถอะ คุณปลอดภัยก็ดีแล้วหล่ะ” ซิ่วอิงพูดขึ้น ทำให้เนย์มาร์ยิ้มออกมาบ้าง

    “ขอบคุณมากครับ ว่าแต่ คุณได้ข่าวเกี่ยวกับทางรถไฟพรุ่งนี้หรือเปล่าครับ??” เนย์มาร์ถามไป

    “ฉันก็ไม่รู้อะไรมากหรอกค่ะ รู้แค่ว่าท่านสมาชิกสภาสองคนจะมาด้วยหน่ะค่ะ”

    “อ้อ ช่างมันเถอะ ผมแค่อยากรู้ว่าทำไมทางรถไฟนั้นถึงสำคัญนัก!!” เนย์มาร์พูดไป

    “ได้ยินว่าบนขบวนรถไฟขบวนนั้นจะขนอาวุธมามากมายเลยนี่คะ” ซิ่วอิงพูดขึ้น

    “อ้อ ผมก็ว่างั้น งานนี้ได้สนุกแน่ๆ” เนย์มาร์พูดขึ้น

    “แล้วคุณคิดจะทำอะไรเหรอคะ??” ซิ่วอิงถามไป

    “ผมจะไปช่วยพวกเขา ไม่ว่าจะยังไง” เนย์มาร์พูดขึ้น

    “นี่ ยังไงคุณก็ต้องระวังตัวด้วยนะ คราวที่แล้วก็เกือบไม่รอดนี่” ซิ่วอิงพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมไม่ตายง่ายๆอยู่แล้วครับ” เนย์มาร์พูดขึ้น

    “ค่ะ ถ้าอย่างงั้นแก้วนี้ฉันเลี้ยงคุณเองนะคะ” ซิ่วอิงพูดขึ้น จากนั้นก็รินเหล้าให้เขาอีกแก้ว จากนั้นก็ยื่นแก้วให้เนย์มาร์ในทันที

    “ขอบคุณมากครับ!!” เนย์มาร์พูดขึ้น จากนั้นก็หยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มต่อ

     

    กลับมายังแบล็คเวอร์จิเนีย ในวันนั้นเองคารีนก็เดินตรวจกองกำลังของเธอที่พร้อมจะสู้ในวันพรุ่งนี้ พวกเขาในตอนนี้ติดอาวุธพร้อมรบเรียบร้อยหมดแล้ว และในขณะเดียวกันนั้นเอง นาธานที่ไปสืบข่าวภายนอกก็รีบมารายงานข่าวให้คารีนฟังในทันทีอย่างรวดเร็ว โดยที่คารีนก็รอรับเขาอยู่

    “นาธาน ข่าวที่ให้ไปสืบเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” คารีนถามไป

    “ครับ เราคาดว่าพวกเดอะแคลนจะเดินทางมากัน 500 คนได้ครับ แถมพวกเขายังมีพันธมิตรอีกครับ”

    “500 เลยเหรอ คนของเรารบไม่ไหวแน่ๆ” คาเตอร์พูดขึ้น

    “แต่ว่า ตอนนี้นายอำเภอเมือง Black Maple กำลังระดมพลเพื่อไปที่นั่นเหมือนกันครับ แถมยังมีกองทหารภาคตะวันออกอีก” นาธานพูดขึ้น

    “อืม แบบนี้ค่อยมีลุ้นหน่อย” คารีนพูดขึ้น

    “ว่าแต่ พรุ่งนี้เราจะเอายังไงต่อหล่ะครับ??” คาเตอร์ถามไป

    “พวกมันต้องพยายามหาทางหยุดขบวนรถไฟแน่ๆ เพราะฉะนั้น เราจะขัดขวางพวกมัน ไม่ให้พวกมันหยุดขบวนรถได้" คารีนพูดขึ้น

    “ผมว่าท่าจะยาก ในเมื่อคนของมันมีเยอะกว่า พวกมันอาจจะซุ่มโจมตีเราไปด้วยก็ได้” คาเตอร์ค้านไป

    “ถ้าอย่างงั้น เราจะใช้รถไฟเป็นกำบัง จากนั้นก็พยายามทำให้ขบวนรถไฟเคลื่อนต่อไปได้ ถ้ารถไฟไปถึงเมืองได้เมื่อไหร่ งานของเราก็สำเร็จหล่ะ” คารีนพูดขึ้น

    “อืม ชัยภูมิของเราตอนนี้ยังด้อยกว่าพวกมันโขอยู่ เราคงต้องแบ่งกำลังไปโจมตีพวกมันด้านข้างด้วยครับ” นาธานพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น งานนี้เราคงต้องพึ่งกองกำลังฝ่ายอื่นให้มาช่วยเราแล้วหล่ะ” คารีนพูดขึ้น

    “งานนี้เราหันหลังหลับไม่ได้แล้ว ถ้าพวกมันได้อาวุธไป ทุกอย่างก็จบ” คาเตอร์พูดขึ้น

    “แน่นอน นาธาน นายพากำลังไป 10 คน ไปสำรวจว่าตอนนี้พวกมันกำลังทำอะไร ถ้าพวกมันเคลื่อนไหว ให้มาบอกฉันทันที” นาธานพูดขึ้น

    “รับทราบครับผม!!” นาธานตอบไป

    “คุณคาเตอร์ เย็นนี้ให้กองกำลังของเราเดินทัพไปในทันที จะได้ไม่พลาด” คารีนพูดขึ้น

    “รับทราบครับผม!!” คาเตอร์ตอบไป

    “งานนี้เราจะไม่ถอยกลับไปเด็ดขาด ถ้าพวกมันทำสำเร็จ งานของเราทุกอย่างที่ทำมาก็จบ แล้วนี่ พอจะมีฝ่ายอื่นที่จะมาช่วยเราหรือเปล่า??” คารีนถามต่อไป

    “ตอนนี้ก็ยังไม่มีนะครับ” คาเตอร์ตอบไป

    “แล้วกองกำลังที่มาคุ้มกันสมาชิกสภาสองคนนั้นหล่ะ มีเท่าไหร่กัน??” 

    “้เท่าที่รู้มา มีแค่ 50 คนเองนะครับ” นาธานตอบไป

    “ถ้าอย่างงั้นก็คงต้องสู้อย่างระมัดระวังหน่อยหล่ะ เลี่ยงการปะทะกับคนของทางการไปด้วย ไม่อย่างงั้นพวกเราจะเป็นฝ่ายที่แพ้แน่นอน” คารีนพูดขึ้น จากนั้นเธอก็สั่งให้กองกำลังของเธอเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีในวันพรุ่งนี้

     

    กลับมายังเขตไวท์ยอร์ก ในวันนั้นเองกองกำลังของรูเบ็นก็ถูกเกณฑ์มาเพื่อการโจมตีทางรถไฟอย่างดุเดือด พวกเขาติดอาวุธให้กับกองกำลังเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ พวกเขารวบรวมกำลังได้ราวเกือบๆพันนายได้ ทำให้รูเบ็นถึงกับมั่นใจว่าศึกนี้เขาต้องชนะแน่ๆ

    “ตอนนี้คนของเรามีเท่าไหร่กันหล่ะ??” รูเบ็นถามลูกน้องของเขาไป

    “ราวพันคนได้ครับ” 

    “อืม ดีมาก งานนี้พวกมันต้องพ่ายแพ้แน่ๆ”

    “แต่ว่า พวกนั้นยังพอมีพันธมิตรในการรบเหลืออยู่นะครับ!!”

    “พวกมันจะซักแค่ไหนกันเชียว กองกำลังเล็กๆพรรคนั้นเนี่ยนะ” รูเบ็นพูดขึ้น

    “แล้วเรื่องไอ้หนุ่มเอเชียคนนั้นหล่ะครับ??”

    “ก็ตามหามัน พวกมันต้องมาร่วมในศึกนี้แน่ๆ จับตัวมันมาให้ฉันเป็นๆ” รูเบ็นตอบไป

    “ครับ แล้วแผนของเราเราจะทำยังไงหล่ะครับ??”

    “เราจะดักซุ่มพวกมันที่ทางรถไฟ ซึ่งพวกเราเตรียมของไว้ขวางทางรถไฟเรียบร้อยแล้ว และเมื่อรถไฟหยุด กองกำลังของเราจะบุกไปปล้นรถไฟทันทีเลย!!” 

    “แต่ว่า พวกมันอาจจะมารอเราก่อนก็ได้นะครับ”

    “ก็ยิงปะทะกับพวกมัน พวกมันมีน้อย ยังไงก็สู้ไม่ไหวหรอก” รูเบ็นพูดขึ้น

    “แล้ว เรื่องอาวุธเนี่ย เราจะขนไปยังไงหล่ะครับ??”

    “เราเตรียมเกวียนขนอาวุธไว้เรียบร้อยแล้วหล่ะ ถ้าเราปล้นอาวุธได้สำเร็จ เราก็แค่ขนมันออกไป แค่นั้นพอ” รูเบ็นพูดขึ้น

    “ครับผม งานนี้พวกโจรอีกาลำบากแน่ๆครับ”

    “แน่นอน ถ้าเจอยัยคารีน จับตัวมาให้ฉันเป็นๆด้วยหล่ะ” รูเบ็นพูดขึ้น

    “รับทราบครับผม!!”

    “แล้วนี่ ถ้าแฟรงค์เก้นกลับมา บอกให้เขาเตรียมกองกำลังให้พร้อม พรุ่งนี้เราจะเดินทัพไปในทันทีเลย” รูเบ็นพูดขึ้น

    “รับทราบครับผม!!”

    “งานนี้จะไม่มีใครหยุดพวกเราได้ ไอ้พวกผิวสีจะได้รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของเรา” รูเบ็นพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ตัวเขาก็เดินกลับเข้าไปในบ้านของเขา เพื่อที่จะไปพักผ่อนก่อนที่จะสู้ศึกในวันพรุ่งนี้ ส่วนลูกน้องคนอื่นๆของเขาก็ไปเตรียมกองกำลังเพื่อศึกในวันพรุ่งนี้

     

    และอีกด้านหนึ่งในบริเวณทางรถไฟ แฟรงค์เก้นในตอนนั้นเองก็ตรวจสอบพื้นที่ของพวกเขา ก่อนที่กองกำลังใหญ่ของรูเบ็นจะตามมา พวกเขาสังเกตการณ์อย่างละเอียด แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆเลยจากศัตรู ทำเอาแฟรงค์เก้นถึงกับแปลกใจเล็กน้อย

    “อืม พวกมันหายไปไหนกันหมดนะ??”

    “ท่านครับ ดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่โผล่หัวมาเลยนะครับ” ลูกน้องของเขาทักไป

    “พวกมันคงกำลังจะรอให้พวกเรามาหน่ะ” แฟรงค์เก้นตอบไป

    “แล้วเราจะทำยังไงต่อครับ??”

    “กลับไปรายงานรูเบ็นก่อน ถึงยังไงพวกมันก็สู้พวกเราไม่ได้อยู่แล้ว”

    “แต่ว่า ถ้าเกิดพวกมันรวมตัวกันได้ เราจะลำบากนะครับ” ลูกน้องของเขาทัดทานไป

    “อืม นั่นสิ ถ้าอย่างงั้นเราก็คงต้องเตรียมพร้อมแล้วหล่ะ” 

    “ผมว่า พวกมันอาจจะกำลังจ้องมองเราอยู่ก็ได้นะครับ” ลูกน้องของเขาคนหนึ่งถามไป

    “ฉันรู้ ให้พวกมันมองไปแล้วกัน” แฟรงค์เก้นพูดขึ้น

    “ตอนนี้คนของเรากำลังวางท่อนไม้ขวางทางรถไฟอยู่ คาดว่าเย็นนี้คงจะเสร็จครับ” ลูกน้องของแฟรงค์เก้นพูดขึ้น

    “ดี ถ้าเสร็จแล้วก็ให้คนของเราดักซุ่มเฝ้าไว้ ไม่อย่างงั้นพวกมันอาจจะทำแผนของเราพังได้”

    “รับทราบครับผม!!” ลูกน้องของเขาตอบไป

     

    กลับมายังที่มั่นของกองกำลัง AUS คลีฟแลนด์ได้เตรียมกองกำลังของเธอสำหรับการทำศึกในวันพรุ่งนี้ แต่กองกำลังของเธอยังมีน้อยถ้าเทียบกับกองกำลังอื่นๆ ในวันนั้นเอง คลีฟแลนด์ก็เดินตรวจกองกำลังของเธอไปด้วย เพื่อดูขวัญกำลังใจของทหารของเธอ รวมถึงตรวจสอบแผนการของเธอไปด้วย

    “ตอนนี้ที่ทางรถไฟเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” คลีฟแลนด์ถามลูกน้องของเธอไป

    “อ้อ ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเคลื่อนไหวครับ!!”

    “ตอนนี้พวกมันคงกำลังเตรียมกองกำลังอยู่หน่ะ” 

    “ว่าแต่ เราจะลุยกับพวกมันยังไงหล่ะครับ??” ลูกน้องของเธอถามไป

    “เราเสียเปรียบเรื่องจำนวน เราคงต้องรอให้พวกมันปะทะกันไปก่อน แล้วค่อยลุยเข้าไป หรือไม่ก็ดักซุ่มยิงพวกมันไป” คลีฟแลนด์ตอบไป

    “แล้วเรื่องร็อกกี้กับมาร์คหล่ะครับ??”

    “ถ้าเจอตัวมัน เราจะจับตัวมันมาเลย ถ้าจับเป็นไม่ได้ ก็จับตายพวกมันเลย” คลีฟแลนด์พูดขึ้น 

    “ผมว่า พวกนั้นคงต้องให้กองกำลังทหารคุ้มกันพวกมันแน่นอนครับ”

    “หรือถ้าไม่อย่างงั้น ก็ระเบิดรถไฟทั้งขบวนไปเลย” คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    “แล้วเราจะทำยังไงหล่ะครับ??” 

    “เราจะใช้ไดนาไมท์ถล่มรถไฟให้ราบ ถ้าเกิดพวกมันไม่ยอมออกมา” คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    “รับทราบครับผม แต่พวกเดอะแคลนจะไม่ว่าอะไรเหรอครับ??”

    “พวกมันสนแค่ของสกปรกแค่นั้นแหละ เหมือนกับที่พวกมันสนใจแค่เชื้อชาติคนขาวของพวกมัน ไม่ได้สนใจว่าประเทศนี้จะเป็นยังไง” คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    “แต่ถึงยังไงพวกนั้นก็เป็นพันธมิตรกับเรานะครับ”

    “ฉันรู้ ถึงยังไงก็ต้องไม่ลืมอดุมการณ์ของเราสิ งานของเราก็คือ กำจัดพวกขายชาติ เพื่ออเมริกาที่ยิ่งใหญ่ ประเทศของเราย่ำแย่มาพอแล้ว” คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    “รับทราบครับผม!!”

    “เพื่อพ่อของฉัน ที่ท่านอุตส่าห์ต่อสู้เพื่อชาติอเมริกาที่ยิ่งใหญ่ ฉันจะไม่ยอมให้อุดมการณ์ของพ่อฉันจางหายไปหรอก ไม่ว่าจะยังไง” คลีฟแลนด์พูดอย่างแน่วแน่

     

    กลับมายังคฤหาสน์ของลอร่า หลังจากที่เธอไปเยี่ยมเยือนเมือง Black Maple เรียบร้อยแล้ว ตัวเธอก็กลับมาจนได้ ในขณะที่พ่อบ้านของเธอก็กำลังรอเธออยู่ 

    “อ้าว คุณหนู กลับมาแล้วเหรอครับ??”

    “ค่ะ หนูเหนื่อยนิดหน่อยค่ะ อยากนอนพักหน่อย” ลอร่าพูดขึ้น

    “ครับ แล้วเรื่องทางรถไฟพรุ่งนี้หล่ะครับ??” พ่อบ้านถามไป

    “อืม สั่งคนของเราให้เตรียมพร้อมก็แล้วกันนะคะ” ลอร่าพูดขึ้น

    “ได้เจอหนุ่มเอเชียคนนั้นหรือเปล่าครับ??”

    “เจอสิ เขาดูดีกว่าที่ฉันคิดซะอีก” ลอร่าพูดขึ้น

    “แล้วเขาได้พูดข้อมูลอะไรบางหรือเปล่าครับ??”

    “อืม ฉันว่าเขาคงต้องหาทางเล่นงานพวกเดอะแคลนอยู่แน่ๆ ไม่แน่นะ เขาอาจจะมีส่วนร่วมในการโจมตีทางรถไฟพรุ่งนี้ด้วย” ลอร่าตอบไป

    “แล้วคุณหนูมีแผนอะไรหรือเปล่าครับ??”

    “เราจะเดินทางไปจู่โจมพวกมันแบบเงียบๆ เพราะตอนนี้คนของเรามีน้อย” ลอร่าพูดขึ้น

    “ครับ งานนี้พวกนั้นอาจจะเล่นกันหนักแน่ๆครับ”

    “ใช่ ถ้าเราเจอมัน เราจะฆ่าพวกมันให้หมดเลย” ลอร่าพูดขึ้น 

    “ผมได้ข่าวมาว่างานนี้จะมีกองทัพภาคตะวันออกมาช่วยด้วยนะครับ”

    “พวกนั้นมาเพื่อคุ้มกันท่านสมาชิกสภาหน่ะ แต่ฉันไม่ไว้ใจสองคนนั้นเท่าไหร่” ลอร่าตอบไป

    “ทำไมกันหล่ะครับ??”

    “ร็อกกี้ กับมาร์คหน่ะ สมัยที่พ่อฉันอยู่ มันทั้งคู่เป็นพวกเลียแข้งเลียขาจนได้ดี แถมบางครั้งยังเป็นนกสองหัวอีก คนของพ่อฉันเล่าให้ฟังหน่ะ” ลอร่าตอบไป

    “นั่นสิครับ แต่ถึงยังไงเราก็ต้องคุ้มกันพวกเขานะครับ”

    “ก็ใช่ ถ้าอย่างงั้นก็ไปดำเนินการตามนั้นเลยค่ะ” ลอร่าบอกกับพ่อบ้านของเธอไป และในตอนนั้นเอง ตัวเธอก็ไปนอนบนเตียงของเธอต่อเพื่อพักผ่อน สำหรับการโจมตีในวันพรุ่งนี้

     

    กลับมายังค่ายทหารภาคตะวันออก ในวันนั้นเองเจสันก็วางกำลังพลของเขาเพื่อเตรียมคุ้มกันร็อกกี้และมาร์ค สมาชิกสภาคนสำคัญ โดยที่เจสันได้ฝึกทหารเพื่อเตรียมพร้อม รวมถึงตรวจสอบขวัญกำลังใจของทหารคนอื่นๆด้วย และในขณะเดียวกันนั้นเอง นายพันของเขาก็มาตรวจสอบการฝึกทหารของเขาด้วย เจสันได้ไปต้อนรับในทันที

    “ท่านครับ มาตรวจการฝึกเหรอครับ??”

    “ใช่ ฝึกได้แน่วแน่มากเลย”

    “ครับท่าน พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้แล้วครับ” เจสันพูดขึ้น

    “อืม ถ้าอย่างงั้นก็ต้องฝากนายด้วยหล่ะ” 

    แต่ในขณะที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นั่นเอง ทหารคนหนึ่งก็วิ่งมาหาเจสัน เพื่อมารายงานข่าวอะไรบางอย่างกับเขา

    “มีรายงานครับท่าน!!”

    “ว่ามาได้เลยทหาร!!” เจสันตอบไป

    “มีข่าวกรองมาจากเจ้าหน้าที่ Black Maple กลุ่มโจรจะทำการโจมตีทางรถไฟในเขตที่ช่องเขาแดงครับ”

    “งั้นเหรอ ถ้าอย่างงั้นคงต้องเตรียมกำลังพลไปคุ้มกันแล้วหล่ะ” เจสันพูดขึ้น

    “รับทราบครับผม!!” ทหารคนนั้นรับทราบและไปดำเนินการ

    “มันเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอเจสัน??” นายทหารของเขาถามไป

    “เป็นอย่างที่ผมคาด พวกมันต้องไปเล่นงานเส้นทางรถไฟละแวกนั้นแน่นอนครับ”

    “ทำไมถึงคิดแบบนั้นหล่ะ??”

    “อย่างที่บอกนั่นแหละครับ มีจุดซุ่มยิงเยอะ แถมยังมีทางหนีมากมายครับ” เจสันบอกไป

    “ถ้าอย่างงั้น เย็นนี้เราคงต้องรีบเดินทางหน่อยหล่ะ เพราะเส้นทางจากที่นี่ไปช่องเขาแดงน่าจะไกลอยู่นะ”

    “ผมจะให้คนของเราส่วนหนึ่งเดินทัพไปที่ช่องเขาแดงเพื่อช่วยคุ้มกันครับ” เจสันพูดขึ้น

    “ดี ถ้าอย่างงั้นงานนี้ต้องฝากนายด้วยหล่ะ” 

    “รับทราบครับท่าน!!” เจสันตอบไป

     

    กลับมายังไร่ของตระกูลฟรอสต์ ในวันนั้นเอง หลังจากที่อเล็กซ์กับชาร์ล็อตไปเจอเหตุการณ์ประหลาดที่ฟาร์มของเพื่อนบ้าน พวกเขาทั้งคู่รีบคุยกับพ่อแม่ในทันทีเพื่อคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน  

    "อ่า พ่อคะ แม่คะ พวกเรามีเรื่องจะบอกค่ะ" ชาร์ล็อตพูดขึ้นในขณะที่ริแอนน่ากำลังยื่นขนมปังให้เธอ  

    "เหรอ มีอะไรอย่างงั้นเหรอ??" ริแอนน่าถามไป

    "คือว่า เมื่อคืน คุณแจ๊คสันขายไร่ของเขาให้กับใครก็ไม่รู้ครับ" อเล็กซ์พูดขึ้น ทำเอาทินส์ถึงกับแปลกใจ

    "ห่ะ แจ๊คสันงั้นเหรอ ไม่น่าจะเป็นไปได้นะ" ทินส์พูดขึ้น

    "มันเป็นไปแล้วค่ะพ่อ หนูเห็นเขารับเงินจากคนกลุ่มหนึ่งค่ะ" ชาร์ล็อตพูดขึ้น

    "ลูกพอรู้หรือเปล่าว่าพวกนั้นเป็นใคร??" ริแอนน่าถามไป

    "อืม ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ดูจากการแต่งตัว คงไม่ใช่คนในพื้นที่แน่ๆ" อเล็กซ์พูดขึ้น

    "มันแปลกๆนะ ไม่รู้ว่าแจ๊คสันคิดอะไรอยู่" ทินส์พูดขึ้น

    "แล้วเราจะเอายังไงต่อหล่ะคะ ไม่รู้ว่าพวกนั้นจะมาซื้อฟาร์มของพวกเราด้วยหรือเปล่า??" ชาร์ล็อตถามไป

    "เราจะไม่ขายมันเด็ดขาด ไม่ต้องห่วง" ทินส์พูดขึ้น

    "นั่นสิครับผม ถ้าใครมาขายผมจะยิงมันให้" อเล็กซ์พูดขึ้น

    "ใจเย็นๆลูก อย่าเพิ่งไปคิดอะไรมากเลย" ริแอนน่าพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆคนงานผิวดำคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาในบ้านของพวกเขา ในขณะที่พวกเขากำลังนั่งกินข้าวอยู่

    "นายครับ แย่แล้วครับ!!"

    "หือ มีอะไรงั้นเหรอ??" ทินส์ถามไป

    "มีคนเจอศพคุณแจ๊คสันนอนตายอยู่หน้าไร่ของเขาครับ!!" คนงานคนนั้นพูดขึ้น ทำเอาทุกคนในบ้านตกใจมาก

    "อเล็กซ์ ไปเอาปืนมาให้พ่อ ริแอนน่า ชาร์ล็อต รีบไปแจ้งนายอำเภอด้วย" ทินส์สั่งคนในบ้านไป

     

    กลับมายังบ้านของฟิโอน่า ในวันนั้นเองเธอก็พักผ่อนอยู่ที่บ้านเนื่องจากหยุดงาน ตัวเธอในวันนั้นเองก็พยายามนั่งอ่านเอกสารอะไรบางอย่าง โดยที่ในวันนั้นเอง เธอก็พยายามหาทางเล่นงานนายอำเภอ

    แม็กซ์ โดยการตรวจสอบหาทางว่าจะเล่นงานเขายังไงได้บ้าง

    "เป็นยังไงบ้างลูก??" พ่อของเธอถามไป

    "เฮ้อ หมอนี่ค่อนข้างมือสะอาด เล่นงานเขายากหน่อยหน่ะ" ฟิโอน่าตอบไป

    "มันต้องมีช่องทางเล่นงานเขาหน่อยสิ!!"

    "หนูรู้ แต่ว่านายอำเภอคนนี้มาตามคำสั่งรัฐเลย" ฟิโอน่าพูดขึ้น

    "ถ้างั้นก็แปลว่า คงต้องหาทางอื่นสินะ??"

    "มันก็มีทางอยู่ แต่มันต้องใช้เวลาค่ะ" ฟิโอน่าพูดขึ้น

    "แล้วเราต้องทำยังไงหล่ะ??"

    "ตรวจสอบการทำงานของเขาทุกทาง หนูจะลองหาทางย้ายเขาเอง" ฟิโอน่าพูดขึ้น

    "เราปลดเขาไม่ได้เลยหรือไง"

    "ง่ายๆ พ่อก็ยิงเขาทิ้งสิ!!" ฟิโอน่าตอบไป จากนั้นเธอก็ตรวจสอบเอกสารต่อไป

     

    เช้ามืดวันต่อมา หลังจากที่กองกำลังตำรวจของนายอำเภอแม็กซ์ก็รวมกำลังคนเพื่อคุ้มกันขบวนรถไฟในวันนี้ ตัวทองสุกเองในตอนนั้นก็เตรียมอาวุธของเขา เขาใส่ชุดแดงตัวเก่งของเขาพร้อมกับเหน็บปืนและดาบของเขาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับ

    การต่อสู้ด้วย โดยที่ในวันนั้นเอง เจสสิก้าและแคลิเฟอร์ก็เดินมาหาทองสุกด้วยเพื่อดูว่าเขาเตรียมพร้อมไปถึงไหนแล้ว

    "เฮ้ ทอดด์ พร้อมหรือยังหล่ะ??" แคลิเฟอร์ถามไป

    "ก็พร้อมนิดหน่อย แต่ฉันสู้ได้" ทองสุกตอบไป

    "อืม เห็นนายอำเภอบอกว่าเราจะบุกโจมตีเร็วด้วย" เจสสิก้าพูดขึ้น

    "ใช่ เพราะคนของเรามีน้อยยังไงหล่ะ" ทองสุกพูดขึ้น และในระหว่างที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน พวกของนายอำเภอก็เดินมาดูทองสุกและสาวๆทั้งสองคนด้วย ว่าเตรียมพร้อมไปถึงไหนแล้ว

    "เป็นยังไงบ้างหล่ะทุกคน??" นายอำเภอถามไป

    "ครับ พวกเราพร้อมจะสู้แล้วครับ" ทองสุกตอบไป

    "ว่าแต่ พวกเราที่จะไปมีแค่นี้เองเหรอ??" เจสสิก้าถามไป

    "นี่ ยัยลิงทะโมน มีแค่นี้แต่ฝีมือดีทุกคนนะเฟ้ย!!" ปีเตอร์ตอบไป

    "แล้วนี่ คนอื่นๆที่จะมาสมทบหล่ะคะ??" มีน่าถามไป

    "ผมว่า คงจะตามมาทีหลังหน่ะ" บอริสพูดขึ้น

    "ก็ใช้คนเท่าที่มีไปก่อนสิคะ" แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    "เอาหล่ะ งานนี้เราต้องคุ้มกันขบวนรถไฟไม่ให้พวกมันหยุดขบวนได้ มีข่าวมาว่าพวกมันเริ่มเอาท่อนซุงมาขวางทางรถไฟ แต่พวกเราก็บางส่วนก็ไปเคลียร์ออกแล้วหล่ะ" นายอำเภอพูดขึ้น

    "ผมว่า มันอาจจะระเบิดรางรถไฟทิ้งเลยก็ได้" ทองสุกพูดขึ้น

    "เป็นไปได้ พวกมันก็มีอาวุธอยู่พอตัวนี่" ปีเตอร์พูดขึ้น

    "ถ้าอย่างงั้น เราคงต้องป้องกันขบวนรถไฟจนกว่าทหารจะมานะคะ" เจสสิก้าพูดขึ้น

    "แล้วพวกทหารจะมากันเมื่อไหร่หล่ะ??" มีน่าถามไป

    "ก็คงจะตามมาทีหลังหน่ะ แต่พวกเขาตอบรับเราแล้วหล่ะ" บอริสพูดขึ้น

    "แหม่ ฟังแล้วอุ่นใจมากเลยนะคะ!!" แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    "ถ้าอย่างงั้น พวกเรารีบไปตามขบวนรถไฟดีกว่า ก่อนที่พวกมันจะได้ขบวนรถไฟไป ทุกคน งานนี้ระวังตัวด้วย!!"

    นายอำเภอพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ขี่ม้าเดินทางออกจากเมือง เพื่อคุ้มกันขบวนรถไฟและทำงานของพวกเขาให้เรียบร้อยในทันที

    =============================================================

    การต่อสู้ในครั้งนี้จะเป็นอย่างไร อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    มีเรื่องจะบอก อาทิตย์หน้าไม่รู้จะได้มาอัพหรือเปล่านะครับ เพราะช่วงนี้งานเยอะมาก 

    ยังไงก็ติดตามกันเรื่อยๆเน้อ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลหนูด้วย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×