ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Vote For Die - โหวตเพื่อตาย!!

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 7 : สัญญาสงบศึก

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 90
      0
      13 พ.ย. 63

    ที่ชั้นบนสุดของโรงแรม พวกของนาครได้เคาะประตูห้องและเรียกยามเข้ามาด้านในในทันที

    “ใครก็ได้ช่วยที!!”

    ในตอนนั้น เมื่อพวกยามเข้ามาด้านใน ทั้งจอห์นและเฮนรี่ก็เล่นงานมันทั้งคู่และแย่งปืนมา จากนั้นพวกเขาก็ออกมาจากห้อง แล้วยิงพวกมันที่อยู่ด้านนอกในทันที

    “ทุกคน ตามมาทางนี้!!”

    นาครพูดกับทั้งคู่ จากนั้นนาครก็พาพวกเขาเข้ามาในห้องๆหนึ่ง ซึ่งด้านในมีปืนที่พวกเขาเตรียมมา รวมถึงชุดและหน้ากากพรางหน้าด้วย ในตอนนั้นเองพวกเขาก็รีบหยิบปืนและหน้ากากในทันที

    “เอาหล่ะ เราต้องลงลิฟต์ไปที่ชั้น 10 ก่อน จากนั้นค่อยเดินออกไปทางประตูหลัง” นาครพูดขึ้น

    “เฮ้ย ฉันว่าพวกแม่งล้อมโรงแรมนี้ไว้หมดแล้วหล่ะ” เฮนรี่พูดขึ้น

    “นั่นดิ ป่านนี้ตำรวจคงจะมากันแล้วหล่ะ” จอห์นพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง มีรถจอดไว้ด้านหลัง เราจะหนีไปทางนั้นหล่ะ” นาครพูดขึ้น จากนั้นก็ใส่กระสุนจนเสร็จเรียบร้อย

    “เอาหล่ะ ฝ่าพวกมันออกไปเลย!!”

    นาครพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ออกจากห้องและเดินไปที่ลิฟต์ในทันที พวกเขากดลิฟต์ไปที่ชั้น 10 เพื่อที่จะเดินไปยังบันไดหนีไฟต่อ ทางด้านของเซเฟอร์ เขาขึ้นลิฟต์ที่ชั้นบนสุด ห้องของมาร์ติน เขารีบวิ่งเข้าไปในห้องของมาร์ตินในทันที แล้วก็พบยามสองคนที่เพิ่งจะโดนยิงตาย

    “ไอ้บ้าเอ้ย แม่งหนีไปอีกจนได้!!” เซเฟอร์ตะโกนขึ้น

    “ไม่หรอกครับ เราปิดโรงแรมทั้งหมดแล้ว รับรองพวกมันออกไปไหนไม่ได้แน่นอนครับ” 

    “ให้มันจริงเถอะ มันต้องลงไปทางบันไดหนีไฟแน่ๆ บอกพวกเราให้ลงไปรอที่ชั้น 1 ให้หมด!!” เซเฟอร์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบเฮโลไปที่ชั้นล่างในทันที และทางนาคร เมื่อเขามาถึงชั้น 10 เขาก็หยิบระเบิดแสงออกมาลูกหนึ่งและถอดสลัก ปาออกไปในทันที

    “ตู้ม!!”

    พวกเขารีบโผล่ออกจากลิฟต์ไป จากนั้นก็ยิงพวกมันที่ล้อมลิฟต์ไว้อยู่ ทำเอาพวกมันตายกันยกชั้น

    “ดูเหมือนพวกมันจะเริ่มเคลียร์ทีละชั้นเลยนะเนี่ย” เฮนรี่พูดขึ้น

    “นั่นดิ หวังว่ารถเราจะยังอยู่นะ” จอห์นพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง ตามฉันมาแล้วกัน!!”

    หลังจากนาครพูดจบ จากนั้นพวกเขาก็ถีบประตูบันไดหนีไป จากนั้นก็ไล่ยิงกลุ่มลูกน้องของมาร์ตินที่วิ่งขึ้นมาด้านบน พวกเขาวิ่งลงมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาก็วิ่งมาถึงชั้น 1 แต่เมื่อพวกเขาวิ่งมาเปิดประตู พวกเขาก็เห็นเซเฟอร์และลูกน้องของมาร์ตินนับ 10 คนมาล้อมพวกเขาไว้

    “ปังๆๆๆๆๆ”

    พวกของนาครต้องรีบหลบเข้าไปด้านใน จากนั้นพวกเขาก็มาคุยกันว่าจะเอายังไงต่อ เพราะถูกพวกมันปิดล้อมไว้

    “แม่งเอ้ย เราไม่รอดแน่ๆ” จอห์นพูดขึ้น

    “ใจเย็น ตั้งสติหน่อยสิ อาวุธในมือเรายังมีอยู่นะ” จอห์นพูดปรามไป 

    “เราจะกลับขึ้นไปชั้นสอง พอมีเส้นทางที่จะลงไปได้” นาครพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง เซเฟอร์ก็ตะโกนเข้ามาด้านในหาพวกของนาคร

    “เฮ้ย ยอมแพ้ซะเถอะ ก่อนที่ฉันจะยัดระเบิดเข้าท้องพวกแก!!”

    “เหรอ แปลกหว่ะ ก็กูเคยพูดแบบนี้กับแม่มึง แต่กูยัดอย่างอื่นเข้าปากแม่มึงหว่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ” นาครตอบไป ทำเอาทั้งจอห์นและเฮนรี่หัวเราะชอบใจ

    “เออ จะเอาแบบนี้ใช่ไหม เอา M79 มา!!”

    เซเฟอร์พูดขึ้น จากนั้นก็เอา M79 ของลูกน้องมา จากนั้นก็เล็งปืนใส่ประตูทางหนีไฟในทันที

    “ตู้ม!!”

    เซเฟอร์ระเบิดประตูทางหนีไฟจนเละ จากนั้นเขาก็วิ่งเข้าไปด้านในทันที แต่ก็ไม่เห็นใครซะแล้ว

    “เฮ้ย มันหายไปไหนวะ??”

    อีกด้านหนึ่ง ท่อที่ใช้ทิ้งขยะ กลุ่มของนาครวิ่งกลับขึ้นไปด้านบนและหนีออกทางท่อทิ้งขยะ พวกเขารีบออกมาจากถังนั้นแล้ววิ่งออกไปที่ลานจอดรถในทันที และในตอนนั้นเอง พวกเขาก็เห็นรถพยาบาลคันหนึ่งกำลังจอดอยู่ นาครพาคนอื่นๆไปที่รถคันนั้นในทันที โดยที่มีชายคนหนึ่งกำลังรอเขาอยู่ที่รถ

    “มาช้าไปหน่อยนะ!!”

    “แต่ยังไงก็มาแล้ว รีบไปเถอะครับ!!”

    นาครพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็พากันขึ้นรถพยาบาลคันนั้นในทันที จากนั้นรถคันนั้นก็เปิดหวอ แล้วขับรถออกไปในทันทีอย่างรวดเร็ว และหลังจากนั้นไม่นาน ตำรวจก็แห่กันมาที่โรงแรมแห่งนั้น 

    “เฮ้อ เกือบตายแล้วมั้ยหล่ะ??” เฮนรี่ถามไป

    “กลับไปฉันจะอาบน้ำแช่น้ำให้สบายใจเลย” จอห์นพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง ยังไงเราก็รอแผนต่อไปก็แล้วกัน” นาครพูดขึ้น

    “งานนี้ก็เล่นที่หัวมันเลย ไอ้เดเมี่ยนหน่ะ” จอห์นพูดขึ้น

    “นั่นดิ ถ้ามันตายทุกอย่างก็จบแล้วนี่” เฮนรี่พูดขึ้น

    “ใจเย็น ถ้าเราจัดการมันตอนนี้ คนอื่นอาจจะมาแทน เราต้องดูว่ามีใครหนุนมันอีกหรือเปล่า” นาครพูดขึ้น

    “ฉันอยากกลับบ้านจะแย่แล้วเนี่ย” เฮนรี่พูดขึ้น

    “เออๆ ฉันก็อยากกลับเหมือนกัน” จอห์นพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง อีกไม่นานมันก็จะจบแล้วหล่ะ” นาครบอกกับคนอื่นๆไป

     

    และทางด้านของเซเฟอร์ หลังจากที่ตำรวจแห่กันมา เขาก็ใช้เส้นสายที่เขามีเดินฝ่าออกมาในทันที จากนั้นเขาก็ไปขึ้นรถของเขาในทันที และในตอนนั้นเอง จู่ๆก็มีโทรศัพท์ดังเข้ามาหาเขา

    “เดเมี่ยน!!”

    เซเฟอร์รีบต่อโทรศัพท์เข้ากับหน้าจอมอนิเตอร์ในรถของเขาทันที จากนั้นก็คุยกับเดเมี่ยน

    “ครับท่าน!!”

    “เฮ้ย มาร์ตินเป็นยังบ้างวะ??”

    “อ่า เขาตายแล้วครับ!!” เซเฟอร์พูดขึ้น

    “ไอ้บ้าเอ้ย นี่แกทำงานประสาห่าอะไรวะ??”

    “ผมผิดไปแล้วครับ ผมเข้าถึงเขาช้าไป!!” เซเฟอร์พูดขึ้น

    “เออๆ ฉันลองไปขุดประวัติเบื้องต้นของไอ้คนที่เรากำลังตามล่ามาแล้วหล่ะ มึงต้องไม่รู้แน่ว่ามันเป็นใคร มึงรู้จักทหารรับจ้างในนามเพลิงวายุหรือเปล่า??”

    “รู้จักครับ เขาเป็นมือฉมังเลย ตอนนี้กำลังรับงานทั่วโลก ทำไมเหรอครับ??” เซเฟอร์ถามไป

    “ก็นี่แหละ ลูกชายของมันที่เรากำลังตามล่ายังไงหล่ะ” เดเมี่ยนพูดขึ้น

    “โห ลูกไม้แม่งหล่นไม่ไกลต้นจริงๆ” เดเมี่ยนสบถออกมา

    “เออๆ เลขาของฉันส่งข้อมูลทั้งหมดให้ฉันแล้ว ฉันจะพยายามติดต่อมัน เพื่อหาทางสงบศึกกับมัน ไม่งั้นพวกเราเละกันหมดแน่”

    “นี่ คุณพูดจริงเหรอครับ??” เซเฟอร์ถามไป

    “แล้วมึงจะสู้มันยังไง ดีแค่ไหนแล้วที่มันไม่ฆ่าแก!!” เดเมี่ยนพูดขึ้น

    “ว่าไงว่าตามกันเลยครับ แล้วจะให้ผมทำยังไงต่อหล่ะ??” เซเฟอร์ถามไป

    “กลับมาที่นี่ก่อน ค่อยวางแผนกันอีกที อีกไม่นานฉันจะไปที่อาเซอร์ไบจาน ไปกบดานซักพักหน่ะ” เดเมี่ยนพูดขึ้น

    “ครับ ถ้างั้นผมจะรีบไปเลยครับ” เซเฟอร์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็รีบขับรถออกไปจากโรงแรมในทันที ก่อนที่ตำรวจคนอื่นๆจะสงสัยเขา

     

    กลับมายังบ้านพักของนาคร ในวันนั้นเองซีอาร่าได้เปิดทีวีดูข่าวเพื่อติดตามสถานการณ์ของนาคร แล้วก็ไม่ผิดหวัง มีข่าวด่วนเข้ามาให้ซีอาร่าดูด้วย

    “ขณะนี้เกิดเหตุยิงกันที่โรงแรมศรีวิไล โดยเจ้าหน้าที่คาดว่าเป็นชายติดอาวุธ 3 คนเข้าไปในโรงแรม เบื้องต้นพบศพของนายมาร์ติน จีน นักธุรกิจชื่อดัง ตกจากตึกชั้นบนสดของโรงแรม และยังมีกระดาษข้อความเกี่ยวกับเกมโหวตตายติดอยู่ที่หน้าอกของเขา เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตราว 63 คน เจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามตัวคนร้ายมาลงโทษ...”

    “เฮ้อ ขอบคุณพระเจ้า ในที่สุดเขาก็รอดแล้ว” ซีอาร่าพูดขึ้น

    “ดีจังเลยค่ะ แบบนี้พี่เขาคงกำลังกลับมาสินะคะ” เอบิต้าพูดขึ้น

    “ป่านนี้ตำรวจคงหัวปั่นกันน่าดูหล่ะ” วาเลเรียพูดขึ้น จากนั้นจู่ๆก็มีเสียงข้อความดังขึ้นมาจากโทรศัพท์บ้านของนาคร พวกเธอรีบไปฟังในทันที

    “ฉันชื่อจินเจอร์ เป็น CIA นายไว้ใจฉันได้ ติดต่อกลับมาหาฉันได้ที่เบอร์นี้!!”

    “หือ นี่มันอะไรกัน CIA โทรเข้ามางั้นเหรอ??” วาเลเรียถามไป

    “แล้วเขามีอะไรกับนาครหรือเปล่า??” ซีอาร่าถามไป

    “เขาอาจจะมาช่วยพวกเราก็ได้นะคะ” เอบิต้าพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นฉันจะบันทึกข้อมูลการโทรไว้ก่อนแล้วกัน” วาเลเรียพูดขึ้น จากนั้นเธอก็ใช้ไอแพดของเธอทำการเก็บข้อมูล จากนั้นก็สังเคราะห์มันออกมาเป็นเบอร์ติดต่อในทันที

    “แล้วจะไม่มีใครตามเจอเหรอพี่??” เอบิต้าถามไป

    “แน่นอน รับรองว่าสะอาด ไม่มีใครตามเจอแน่” วาเลเรียพูดขึ้น

    “แล้วทำไม CIA ถึงมาเกี่ยวเรื่องนี้ด้วยหล่ะ??” ซีอาร่าถามไป

    “หนูว่า พวกเขาอาจจะตามล่าพวกมันตั้งแต่ที่อเมริกาแล้วก็ได้” เอบิต้าพูดขึ้น

    “ยังไงก็ต้องระวังหน่อยแล้วกัน ไม่รู้ว่าพวกมันจะมาไม้ไหน” ซีอาร่าพูดขึ้น

     

    กลับมายังห้องพักของกลุ่มแฮ็กเกอร์ ในตอนนั้นพวกเขาก็ยังคงทำสงครามกับแฮ็กเกอร์ปริศนา พวกเขาก็พยายามหาตำแหน่งที่ตั้งของนาครและคนที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีหวังเลย 

    “เป็นยังไงบ้าง สำเร็จหรือเปล่าทางนั้น??” ลาซถามสองสาวในห้องไป

    “ไม่สำเร็จเลย มันพรางสัญญาณไปทางนั้นทีทางนี้ที ฉันจะประสาทตายอยู่แล้ว” วาเลียพูดขึ้น

    “แล้วทางนั้นหล่ะ มีอะไรคืบหน้าบ้างหรือเปล่า??” วาเลนถามกลับไปบ้าง

    “ไม่เจออะไรเลยเหมือนกัน ไอ้บ้านั่นมันเป็นใครกันวะ??” รอนนี่ถามไป 

    “ฉันว่า มันต้องเป็นแฮ็กเกอร์ที่เก่งมากๆแน่ๆ” ลาซพูดขึ้น

    “ในระหว่างที่พูดกัน พวกนั้นอาจจะรู้ที่อยู่เราแล้วก็ได้” วาเลนพูดขึ้น

    “ไม่หรอก ถ้ามันเจาะเราอีก เราก็น่าจะรู้นะ” วาเลียพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง

    “แจ้งเตือนการบุกรุก!!”

    “บ้าเอ้ย พูดยังไม่ทันขาดคำเลย!!” รอนนี่พูดขึ้น จากนั้นก็รีบไปที่หน้าจอคอมและป้องกันระบบของเขาในทันที

    “ไอ้เวรเอ้ย หาตำแหน่งแม่งให้ได้!!” ลาซพูดขึ้น จากนั้นวาเลนและวาเลียก็พยายามติดตามระบบของแฮ็กเกอร์ว่ามีเครือข่ายอยู่ที่ไหน

    “วาเลน เจาะระบบมันได้หรือยัง??” วาเลียถามไป

    “ยังเลย ระบบป้องกันมันโคตรซับซ้อนเลย!!” วาเลนตอบไป

    “ไอ้เวรเอ้ย จะเอาใช่ไหม??” รอนนี่พูดขึ้น จากนั้นเขาก็ใส่ USB ตัวหนึ่งเข้าไป จากนั้นก็พิมพ์อะไรบางอย่างไปด้วย จนกระทั่งทุกอย่างก็สงบลง

    “จบซะที โคตรเหนื่อยเลย!!” ลาซพูดขึ้น

    “พรึ่บ!!”

    ในตอนนั้นเอง จู่ๆก็เกิดไฟดับทั้งห้องของพวกเขา จากนั้นไฟก็กลับมาภายในไม่กี่วินาที

    “เวร สงสัยมันคงอยากจะกวนประสาทเรา” รอนนี่พูดขึ้น

    “ฉันว่า เราน่าจะเริ่มหาวิธีเอาตัวรอดไว้หน่อยก็ดีนะ” วาเลนพูดขึ้น

    “นั่นดิ ฉันเห็นด้วย อย่าเปลืองตัวกับแค่งานๆนี้เลย” วาเลียตอบไป

     

    กลับมายังบ้านพักของจินเจอร์ ในวันนั้นเองเขาก็ได้รับโทรศัพท์จาก CIA หน่วยใหญ่ เพราะตอนนี้ทาง CIA ต้องการความคืบหน้าคดีนี้มาก 

    “คุณจินเจอร์ เป็นยังไงบ้าง??”

    “ครับท่าน ตอนนี้เรากำลังตามสืบเรื่องของเดเมี่ยนอยู่ครับ” จินเจอร์ตอบไป

    “มันหลุดมือผมไปได้ที่ LA ไม่น่าเชื่อมันจะไปกบดานที่เมืองไทย”

    “ผมเชื่อว่ามันอยู่ที่นี่แน่นอน แต่ไม่รู้ว่ามันจะหนีไปไหนต่อ” จินเจอร์พูดขึ้น

    “แล้วคุณพอมีหลักฐานหรือเปล่า??”

    “ถ้าหลักฐานผมมากพอ ผมจับมันไปแล้ว แต่อีกไม่นานแน่นอนครับ ผมรับรอง!!” จินเจอร์พูดขึ้น

    “จริงเหรอ ทำไมหล่ะ??”

    “มีคนคอยช่วยเราอยู่ครับ และตอนนี้ผมมีข้อมูลบางส่วน เดี๋ยวผมจะให้ไปก่อนนะครับ” จินเจอร์พูดขึ้น

    “ดี ผมไว้ใจคุณนะ ถ้ามันรอดไปได้อีก เราอาจจะต้องเสียเวลาอีกก็ได้”

    “แน่นอนครับ เราอาจจะเสียเวลาที่นี่หน่อย แต่รับรองไอ้เดเมี่ยนมันเสร็จเราแน่” จินเจอร์พูดขึ้น

    “ดีเลย ว่าแต่ นายพอรู้หรือเปล่าว่าคนที่ช่วยนายเป็นใคร??”

    “ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ครับ แต่ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะจัดการทุกอย่างเอง” จินเจอร์พูดขึ้น

    “ได้ ตอนนี้ทางวอชิงตันโทรหาฉันทุกวันขอความคืบหน้า ยังไงก็จัดการด้วยแล้วกัน”

    “รับทราบครับ!!” จินเจอร์ตอบกลับไป

     

    กลับมาที่บ้านของเก่ง ในตอนนั้นเขากลายเป็นหมาจนตรอกไปแล้ว เขาแทบไม่เหลืออะไร ความช่วยเหลือก็เริ่มหมดลงไปทีละน้อย จนตอนนี้เขาไม่รู้ว่าเขาจะทำยังไง เขาเลยโทรศัพท์หาใครคนหนึ่ง ซึ่งอาจจะช่วยเขาได้ และเมื่อปลายสายรับ เขาก็คุยในทันที

    “สวัสดีครับคุณย่า!!”

    “อ้าว เก่งเหรอ มีอะไรหรือเปล่า ย่าคิดถึงหลานมากเลยนะ??”

    “ย่าครับ ผมขอไปอยู่กับย่าซักพักได้หรือเปล่าครับ??” เก่งถามไป

    “งั้นเหรอ มีอะไรหรือเปล่า ทะเลาะกับพ่อแม่เหรอ??”

    “อ้อ เปล่าครับ ผมแค่อยากหาที่สงบๆอยู่หน่ะครับ ช่วงนี้ผมเครียดหน่ะ” เก่งพูดขึ้น

    “ย่าว่าหลานน่าจะคุยกับพ่อแม่ของหลานก่อนนะ”

    “ไม่ต้องห่วงนะครับย่า ผมจะบอกเอง”

    “แต่ช่วงนี้ที่บ้านย่ากำลังซ่อมนิดหน่อย อีก 3 วันเก่งค่อยไปนะ!!” 

    “อ้าว เหรอครับ บ้านคุณย่าเป็นอะไรเหรอครับ??” เก่งถามอย่างสงสัย

    “อ้อ พายุถล่มนิดหน่อยหน่ะจ้ะ”

    “เออ ย่าครับ ถ้าเป็นไปได้ ย่าอย่าบอกพ่อแม่ผมนะครับ” เก่งพูดขึ้น

    “อ้าว ทำไมกันหล่ะ??”

    “ผมมีเหตุผลของผมหน่ะ แต่ไม่ต้องห่วงครับ ผมไม่ทำให้ย่าเดือดร้อนแน่นอนครับ” เก่งพูดขึ้น จากนั้นเขาก็วางสายในทันที และทางด้านย่าของเขา เมื่อคุยจบ เธอก็กดโทรศัพท์ไปหาใครคนหนึ่งในทันที

    “นี่ ฉันบอกลูกเธอตามที่เธอบอกแล้วนะ!!”

    “ครับแม่ ขอบคุณมากครับ!!” 

    “แกจะบอกฉันได้หรือเปล่าว่าเก่งไปทำอะไรไว้??”

    “เดี๋ยวผมจะเล่าทุกอย่างให้แม่ฟังเองครับ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมจะไปเยี่ยมนะครับ” ชายคนนั้นพูดขึ้นจากนั้นก็วางสายไป

    “เป็นยังไงบ้างคุณ??” หญิงสาวซึ่งเป็นภรรยาชายคนนั้นถามไป

    “เป็นอย่างที่ผมคิดไว้จริงๆ ไอ้เก่งมันจะไปอยู่ที่บ้านแม่ผมหน่ะ” 

    “นี่ หวังว่าคุณจะไม่รุนแรงกับลูกนะ”

    “เว้นแต่ว่ามันจะไม่เหลือขอจริงๆนะ” ชายคนนั้นพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง

    “ท่านผู้โดยสารที่กำลังจะเดินทางไปยังกรุงเทพ ประเทศไทย กรุณาขึ้นเครื่องที่...”

    “เราคงต้องขึ้นเครื่องแล้วหล่ะ น่าจะไม่กี่วันก็ถึงไทยแล้ว” ชายคนนั้นพูดขึ้น

    “ฉันอยากรู้ว่าเก่งไปทำอะไรอย่างงั้น ต้องบอกลูกสาวเราแล้วหล่ะว่าอย่าไปให้เงินเขา”

    “ไม่ต้องห่วง ผมบอกคนใช้เราทุกคนแล้วหล่ะ พวกนั้นรู้ต้องทำยังไง”

    “แล้วคุณคิดว่าเรื่องไอ้เกมบ้าที่มันเป็นข่าวเนี่ย ลูกเราไปเกี่ยวด้วยหรือเปล่า??”

    “ผมว่าแน่นอน กลับไปถึงผมจะคุยกับมันให้รู้เรื่อง”

    “ยังไงก็อย่ารุนแรงหล่ะ ถือว่าฉันขอแล้วกัน” เมื่อพูดจบ พวกเขาทั้งคู่ก็รีบไปขึ้นเครื่องในทันที ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางกลับประเทศไทย

     

    กลับมาที่บ้านของนาคร หลังจากที่พวกเขากลับมาจากการทำงานเรียบร้อยแล้ว พวกผู้หญิงที่กำลังรอเขาอยู่ก็รีบมาหาเขาในทันที

    “คุณนาคร ดีจังเลยที่คุณปลอดภัย!!” ซีอาร่าบอกกับนาครไป

    “อ้อ พวกคุณปลอดภัยกันดีนะครับ” นาครพูดขึ้น

    “เออใช่ ฉันจะบอกว่า มี CIA ติดต่อมาหานาย เขาบอกว่าไว้ใจเขาได้” วาเลเรียพูดขึ้น

    “ใช่ค่ะ แล้วคอมของพี่ก็มีอะไรเด้งเตือนมาเยอะแยะเลย หนูไม่กล้าเปิดดูหน่ะ” เอบิต้าพูดขึ้น

    “เอาไงก็ช่างเถอะ ตอนนี้ฉันขออาบน้ำก่อนดีกว่า” จอห์นพูดขึ้น

    “นั่นดิ โคตรเหนื่อยเลย เกือบไม่รอดวันนี้” เฮนรี่พูดขึ้น

    “เอาหล่ะ พวกคุณไปหาไรกินก่อนดีกว่านะครับ” นาครพูดขึ้น จากนั้นเขาก็รีบไปที่คอมของเขาในทันที และเขาก็เจอกับข้อความแจ้งเตือน

    “Vegus!!”

    นาครรีบไปแชทคุยในทันที

    “นาคร : เป็นยังไงบ้างหล่ะ??”

    “Vegus : ดูเหมือนพวกมันอยากจะสงบศึกกับนายหว่ะ”

    “นาคร : ทำไมหล่ะ??”

    “Vegus : ส่งข้อมูล//มันจะเอาข้อมูลคนที่โหวตนาย พร้อมเงิน 10 ล้านมาแลกกับการสงบศึกหน่ะ”

    “นาคร : อืม ไม่รู้สิ ถ้ามันอยากสงบศึก ให้มันเอาข้อมูลแบบนี้ของเหยื่อที่เหลือมาด้วย แล้วฉันจะคิดอีกที”

    “Vegus : ได้เลย นายจะเอายังไงก็แล้วแต่นะ ฉันได้ของมาแล้ว ขอบใจมาก!!”

    “นาคร : ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่ CIA ติดต่อฉันมาได้ยังไง”

    “Vegus : ฉันส่งเบอร์ติดต่อให้ท่านพิทักษ์ เขาคงส่งต่อหน่ะ ถ้าเขามาจากคุณพิทักษ์ เขาคงไว้ใจได้” 

    “นาคร : อืม เดี๋ยวฉันจะลองคุยดูแล้วกัน”

    “Vegus : เออ คืนนี้พรุ่งนี้ฉันจะขอไปมันส์หน่อยก็แล้วกัน”

    “นาคร : เออ ล่าให้สนุกก็แล้วกัน”

    “Vegus ออกจากการสนทนา!!”

    เมื่อคุยจบ นาครรีบโหลดไฟล์ข้อมูลที่เขาได้รับในทันที แล้วเขาก็พบกับรายชื่อและจำนวนเงินที่ใช้ในการโอนสำหรับเล่นเกมนี้ ทำเอาเขาถึงกับบางอ้อเลย

    “อ้อ ไอ้เก่ง เล่นไปเยอะเลยนี่หว่า!!”

    นาครพูดขึ้น จากนั้นเขาก็เก็บข้อมูลไว้ในฮาร์ดดิสก์ของเขา จากนั้นเขาก็รีบไปที่โทรศัพท์ แล้วต่อสายไปถึง CIA ตามที่วาเลเรียได้บอกเขาในทันที

    ============================================================

    นาครจะทำอย่างไรต่อไปกับแผนการสงบศึกนี้ อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย
     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×