ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Vote For Die - โหวตเพื่อตาย!!

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 6 : เดินหน้าไล่ล่า

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 61
      2
      6 พ.ย. 63

    กลับมายังคอนโดของนาคร ในตอนนี้เขาเริ่มจะคิดไว้ว่าต้องเริ่มจบเกมนี้ให้ได้เร็วที่สุด ถ้ายืดเยื้อไปก็คงจะไม่เป็นผลดีแล้ว เขารีบไปที่คอมพิวเตอร์ของเขา เพื่อติดต่อกับ Vegus เพื่อนของเขาในอินเทอร์เน็ต เพื่อขอข้อมูลความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมไปด้วย

    “Vegus : ขอบใจที่ให้ของฉันมานะ แต่ปลาใหญ่ที่ฉันอยากจับดันจับไม่ได้!!”

    “นาคร : เหรอ แล้วนายกำลังตามล่าใครอยู่หน่ะ??”

    “Vegus : มีแฮ็กเกอร์กลุ่มหนึ่งกำลังตามล่าตัวนาย มันทำงานให้เดเมี่ยนด้วย แต่ฉันจับภาพลูกน้องมือขวามันได้แล้วหล่ะ กำลังสแกนหน้ามันอยู่ น่าจะใช้เวลา 3 วันได้” 

    “นาคร : ดีที่นายไม่เป็นไรมากนะเว้ย ฉันเองก็ว่าจะเริ่มแล้วเหมือนกัน ข้อมูลรัฐบาลฉันจะเผยแพร่ไปทั่วโลก ตอนนี้ฉันขอเล่นงานเดมี่ยนมันเลยดีกว่า!!”

    “Vegus : อย่าเพิ่งประมาทไปนะเว้ย ตอนนี้ตำรวจทั้งประเทศกำลังตามตัวนายอยู่ แต่มีตำรวจนายหนึ่งไว้ใจได้ เขาคือผู้พันพิทักษ์ นายรู้จักหรือเปล่า??”

    “นาคร : รู้จักสิ เขาเป็นตำรวจดี น่าจะไว้ใจเขาได้”

    “Vegus : ได้ยินว่าเขากำลังพยายามติดต่อนายอยู่ ถ้านายอยากติดต่อกับเขา ฉันช่วยนายได้ แล้วนี่ วันนี้ฉันจะส่งคนไปรับของๆฉันนะ”

    “นาคร : ได้เลย เอาคนมาแบกเยอะๆเลยแล้วกัน ล่าให้สนุกหล่ะ!!”

    “Vegus : ออกจากการสนทนา!!”

    เมื่อพูดคุยจบ นาครก็เดินออกจากคอมในทันที แล้วเดินไปที่ห้องโถงใหญ่ ซึ่งคนอื่นๆกำลังนั่งเตรียมอาวุธกันอย่างตื่นเต้น 

    “ไงพวก วันนี้นายจะไปที่ไหนอีกหรือเปล่า??” จอห์นถามในขณะที่กำลังเตรียมระเบิดลูกเกลี้ยงของเขา

    “วันนี้เราจะไปโรงแรมศรีวิไล อยู่ไม่ห่างจากนี่ ได้ข่าวมาว่ามาร์ติน จีน สปอนเซอร์คนสำคัญของรายการจะไปพักที่นั่นหน่ะ” นาครพูดขึ้น

    “เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังอย่างงั้นเหรอ ฉันรู้จักเขานะ แล้วเขามาเกี่ยวอะไรหล่ะ??” ซีอาร่าถามไป

    “ในเป็นคนเดียวที่คอยค้ำประกันให้กับสปอนเซอร์เจ้าอื่น ถ้าฆ่ามันได้ งานนี้สปอนเซอร์ได้แพแตกแน่ๆ แล้วเดเมี่ยนมันจะกลายเป็นหมาหัวเน่าในทันที” นาครพูดขึ้น

    “แจ๋ว งานนี้นายเตรียมของไว้หรือยังหล่ะ??” เฮนรี่ถามไป

    “งานนี้เราต้องเก็บเงียบๆ เข้าเงียบออกเงียบ ทางเข้าออกโรงแรมคนพลุกพล่านเกินไป ตำรวจอาจจะสังเกตเราได้” นาครพูดขึ้น

    “แล้วนี่ เมื่อไหร่มันจะจบหล่ะคะเนี่ย??” เอบิต้าถามอย่างสงสัย
    “ถ้าอย่างงั้นคงต้องใช้ปืนเก็บเสียงสินะ!!” วาเลเรียพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ทีวีที่พวกเขาเปิดไว้ก็ตัดเข้าสู่รายการข่าวในทันที ซึ่งพวกเขาก็ดูว่าเป็นข่าวอะไร

    “เกิดเหตุการณ์กราดยิงที่ภัตตาคารหรูแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพมหานคร คนร้ายมีประมาณ 3 คน ได้สังหารทุกชีวิตที่อยู่ในห้องอาหาร และที่น่าสงสัยก็คือ มีกระดาษแผ่นหนึ่งวางไว้บนโต๊ะอาหาร ซึ่งเขียนว่า “เกมโหวตตาย เราจับตาพวกคุณอยู่!!”…”

    “โห ดูเหมือนพวกเราดังแล้วนะเนี่ย!!” จอห์นพูดขึ้น

    “นั่นดิ ถ้ารอดจากที่นี่ไปได้ ฉันจะเก็บไอ้พวกที่ทำกับฉันแบบนี้” เฮนรี่พูดขึ้น

    “คอยดูเถอะ จบงานนี้ฉันจะเที่ยวให้หน่ำใจไปเลย ได้ยินว่าเราจะได้เงินรางวัลจากพวกมันด้วยนี่ถ้าเรารอด” วาเลเรียพูดขึ้น

    “คิดว่าพวกมันจะให้เงินเราเหรอ แต่ช่างเถอะ คุณนาครคะ ถ้าจบเรื่องนี้แล้วไปเที่ยวที่ประเทศบ้านฉันนะคะ” ซีอาร่าพูดขึ้น

    “หนูว่า ตอนนี้โฟกัสที่เรื่องงานก่อนดีกว่านะคะ ตำรวจอยู่ด้านนอกเต็มไปหมดเลย” เอบิต้าพูดขึ้น

    “ถ้าเป็นแบบนี้คงต้องมีตำรวจใหญ่เอี่ยวด้วยแน่ๆ คืนนี้เตรียมของไว้เลย เราจะเริ่มงานกัน” นาครพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง เขาก็ได้รับข้อความจาก Vegus เพื่อนของเขา พร้อมด้วยไฟล์ ZIP ตัวหนึ่งแนบมา นาครรีบไปเปิดมันในทันที

    “ข้อมูลคนในรัฐบาลที่มีเอี่ยว ล่าสุด!!”

    นาครรีบโหลดไฟล์มาและเปิดมันในทันที ในคราวนี้เขาพบกับนายตำรวจใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งเขาเอะใจกับนามสกุล เขาเลยหาข้อมูลเพิ่มเติมในทันที

    “พ.ต.อ.มาวิน สีรสักข์

    บุตรสาว....”

    “อ้อ คิดไว้ไม่มีผิด!!”

    นาครพูดขึ้น จากนั้นก็เก็บข้อมูลนั้นไว้ในทันที แล้วเตรียมการอัพโหลดมันขึ้นเว็บไซต์

    “ดูสิมึงจะว่ายังไง ไอ้เก่ง!!”

     

    กลับมายังคอนโดของกลุ่มแฮ็กเกอร์เจ้าเดิม หลังจากที่พวกเขาให้ข้อมูลผิดพลาดกับเดเมี่ยน พวกเขาก็โดนตำหนิอย่างรุนแรง ซึ่งดูเหมือนว่าเดเมี่ยนจะไม่พอใจมาก ที่แฮ็กเกอร์ระดับเซียนจะโดนแหกตาได้ขนาดนี้ ลาซที่เพิ่งคุยกับเดเมี่ยนก็วางโทรศัพท์ไปอย่างหัวเสีย

    “เป็นยังไงบ้างลุง หนักเลยหล่ะสิ??” รอนนี่พูดทักทายลาซไป

    “อย่าเพิ่งมาหาเรื่องกันน่า ไม่น่าเชื่อมันจะหลอกเราได้” ลาซพูดขึ้น

    “ก็บอกแล้ว ฉันว่ามันแปลกๆ มันดูง่ายเกินไป” วาเลียพูดขึ้น

    “แต่เธอก็ไม่เห็นบอกเลยนี่ ใช่หรือเปล่า??” วาเลนถามไป

    “เห็นทีเราควรต้องหากลยุทธ์กันใหม่แล้วหล่ะ ไอ้คนที่แฮ็กเรามันเป็นใครวะ??” รอนนี่ถามไป

    “ตอนนี้ช่างหัวไอ้แฮ็กเกอร์นั่นก่อน เราต้องเล่นงานเป้าหมายของเราเป็นหลัก” ลาซพูดขึ้น

    “แต่ว่าไอ้หมอนั่นกับไอ้แฮ็กเกอร์อาจจะเป็นคนเดียวกันก็ได้” วาเลียพูดขึ้น

    “แต่ฉันว่าไม่นะ ฉันการันตีได้ มันมาแฮ็กเราไปพร้อมกับฆ่าคนไม่ได้หรอก” รอนนี่พูดขึ้น

    “งั้นเราก็ตามตัวไอ้หมอนั่นก่อนสิ มันชื่ออะไรนะ ที่หล่อๆอ่ะ??” วาเลนถามไป

    “นี่ๆ เจอหล่อๆหน่อยไม่ได้เลยนะ มันชื่อนาคร!!” รอนนี่พูดขึ้น

    “อ่าๆ เอาเถอะ เราต้องตามล่าพวกมันให้ได้ ไม่ว่ามันจะเป็นใคร ให้มันลองดูเถอะ” ลาซพูดขึ้น

    “ฉันว่าไม่แน่ พวกมันอาจจะรู้แล้วนะว่าพวกเราอยู่ที่ไหน” วาเลนพูดขึ้น

    “แล้วจะเอายังไง จะหนีเหรอ ตลกหว่ะ??” รอนนี่พูดขึ้น

    “ฉันว่า นายอยากตายที่นี่ก็เชิญนะ!!” วาเลียตะคอกใส่รอนนี่

    “เอาอย่างงี้ มาดูกันก่อนดีกว่า ว่าเป้าหมายของมันจะเป็นใคร??” ลาซถามไป 

    “ก็คงต้องเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับเกมโหวตตายหน่ะ” วาเลนพูดขึ้น

    “แต่ฉันว่าไม่แน่ มันอาจจะไปหาคุณเดเมี่ยนเลยก็ได้” วาเลียพูดขึ้น

    “งั้นก็ส่งข้อความไปเตือนเขาก่อนสิ!!” รอนนี่พูดขึ้น

    “ฉันว่าเขาคงไม่เชื่อเราหรอก อีกอย่าง เขามีคนคอยคุ้มกัน คงไม่เป็นไรหรอก” ลาซพูดขึ้น

    “หรือเราจะเล่นญาติพี่น้องมันดีหล่ะ??” วาเลียถามไป

    “ไม่ได้ผล ไม่มีข้อมูลญาติพี่น้อง แม้กระทั่งพ่อแม่หมอนี่เลย” วาเลนพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น เราแบ่งกันไปเล่นงานแล้วกัน ฉันกับลุงลาซจะไปเล่นงานไอ้แฮ็กเกอร์นั่น ส่วนเธอพยายามหาตัวมันก็แล้วกัน งานนี้ต้องรีบหน่อย ไม่งั้นคุณเดเมี่ยนเอาพวกเราตายแน่” รอนนี่พูดทิ้งท้ายไว้

     

    กลับมายังบริษัทของเดเมี่ยน ในวันนั้นเดเมี่ยนก็กำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอย่างดุเดือด และดูเหมือนว่าเดเมี่ยนจะไม่พอใจคนปลายสายเป็นอย่างมาก โดยที่เชเฟอร์ทำได้แค่นั่งฟังไปด้วย

    “ไอ้เวรเอ้ย นี่แกไม่เคยคิดจะฟังฉันเลยหรือไง??” เดเมี่ยนพูดกับปลายสายอย่างดุเดือด

    “นี่ ผมโตแล้วนะพี่ ไม่ใช่เด็กสามขวบอีกแล้ว”

    “แกไม่รู้เหรอว่าแกกำลังโดนตามล่าอยู่??”

    “พี่คิดว่ามันจะทำอะไรผมได้หล่ะ คนของผมเยอะจะตาย” 

    “มันฆ่าสปอนเซอร์และทีมงานใหญ่ของเราไป มันต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ ถ้าแกตายไป มันจะเป็นยังไงหล่ะ??” เดเมี่ยนถามไป

    “ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไร แต่บางที ผมก็แอบคิดนะ ว่าพี่เลี้ยงผมไว้แค่ผลประโยชน์ ไม่ได้สนใจเลยว่าผมจะคิดยังไง??” ชายคนนั้นพูดจากนั้นก็วางสายไป

    “ไอ้โง่เอ้ย เป็นอย่างงี้ทุกที!!”

    “มันน่ากังวลขนาดนั้นเลยเหรอครับท่าน??” เชเฟอร์ถามอย่างสงสัย

    “ก็เออหน่ะสิ มันเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ มันต้องโดนหมายหัวแน่ๆ มันหัวดื้อ ไม่เคยจะฟังอะไรฉันเลย!!”

    “แล้วคุณจะเอายังไงต่อหล่ะครับ??” เชเฟอร์ถามไป

    “ก็ต้องส่งคนไปช่วยมันหน่ะสิ!!”

    “ถ้าอย่างงั้นผมไปเองครับท่าน” เซเฟอร์พูดขึ้น

    “เอาจริงเหรอ นายจัดการได้นะ??” เดเมี่ยนถามอย่างสงสัย

    “ผมนี่หล่ะครับจะใช้เขาล่อไอ้บ้านั่นออกมา” เซเฟอร์พูดขึ้น

    “ตอนนี้ฉันกำลังโดนจับตามองจากสื่อและทางการ ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไปพวกเราจบเห่แน่” เดเมี่ยนพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เราจะไม่โดนอะไรเลย นอกจากแค่ต้องเสียไอ้พวกหน้าโง่ไม่กี่ตัว ซึ่งเราไปจ้างมาใหม่ได้ไม่ยาก” เซเฟอร์พูดขึ้น

    “เออ ฉันไม่สนไอ้กร๊วกพวกนั้นหรอก แล้วไอ้พวกแฮ็กเกอร์นั่นจะเอายังไงกับมันต่อ??” เดเมี่ยนถามไป

    “เรากำลังรอดูพฤติกรรมของพวกมันอยู่ ถ้ามันก่อปัญหา ผมจะส่งคนไปเก็บเลย” เซเฟอร์พูดขึ้น

    “ดี เตรียมแผนการหนีด้วยก็แล้วกัน ส่วนเกมนั่นก็ระงับการออกอากาศไปก่อน ถ้าเป็นไปได้ ติดต่อกับมันด้วย เผื่อฉันจะเจรจากับมัน” เดเมี่ยนพูดขึ้น

    “หะ คุณว่ายังไงนะครับ??”

    “ฟังไม่ผิดหรอก ฉันจะลองเจรจากับมัน เอาข้อมูลคนที่โหวตมันมาด้วย ฉันจะเอาไว้ต่อรอง มันจะได้ไปตามล่าพวกมันระยำนั่นแทน อย่างน้อยฉันจะได้ไม่ต้องซวย” เดเมี่ยนพูดขึ้น

    “ก็ได้ ถ้าอย่างงั้นผมจะไปบอกเลขาของผมแล้วกัน” เซเฟอร์พูดขึ้น

    “เออ เราต้องรีบจบเรื่องนี้ ไม่อย่างงั้นเราชิบหายกันหมดแน่!!” เดเมี่ยนพูดขึ้น

     

    กลับมายังบ้านพักของจินเจอร์ ในตอนนี้เขาก็ยังตามคดีเกมโหวตตายอย่างต่อเนื่อง เพราะตอนนี้ทางวอชิงตันร้อนใจอยากได้ความคืบหน้าเร็วๆ ในระหว่างที่เขากำลังเชื่อมโยงหลักฐานต่างๆเพื่อตามล่าต้นตอ ในวันนั้นเอง พิทักษ์ก็โทรศัพท์หาจินเจอร์ แล้วก็คุยกับเขาในทันที

    “เฮ้ จินเจอร์ ฉันมีเรื่องจะบอกนาย!!”

    “งั้นเหรอ มีอะไรหรือเปล่า??” จินเจอร์ถามไป

    “เมื่อเช้าฉันได้รับอีเมล์แปลกๆ แต่มันส่งข้อมูลลับมาให้ฉันด้วย” 

    “เช็คหรือยังว่าเป็นไวรัสหรือเปล่า??” จินเจอร์ถามไป

    “เช็คแล้ว ไม่ใช่ไวรัส มันปลอดภัย แต่นายต้องไม่เชื่อแน่ๆว่าฉันเจออะไร”

    “เหรอ ว่ามาเลย??” จินเจอร์ถามไป

    “มันส่งรายชื่อกับเส้นทางการเงินของเจ้าหน้าที่ของเราและเกมโหวตตายมาให้ฉัน มีตำรวจกับข้าราชการที่ฉันรู้จักเยอะเลย พวกนักการเมืองก็มีด้วย” พิทักษ์พูดขึ้น ทำเอาจินเจอร์ตกใจมาก

    “จริงเหรอ แล้วมันเขียนอะไรหรือเปล่า??”  จินเจอร์ถามไป

    “เอาอย่างงี้ ฉันจะส่งต่อให้นายแล้วกัน!!” พิทักษ์พูดขึ้น จากนั้นจินเจอร์ก็ไปที่หน้าจอคอมในทันที แล้วก็มีเมล์เข้ามาถึงจินเจอร์ด้วย

    “คุณได้รับ 1 อีเมล์ใหม่!!” จินเจอร์เปิดมันในทันที แล้วก็พบว่ามันเป็นไฟล์ ZIP เมื่อแตกออกมาก็พบว่ามีข้อมูลมากมาย จินเจอร์เห็นดังนั้นก็ยิ้มในทันที แต่สิ่งที่เขาเห็นอีกอย่างคือ ไฟล์ txt ไฟล์หนึ่ง ซึ่งเขารีบเปิดมันในทันที แล้วก็พบว่ามันเป้นเบอร์โทรศัพท์

    “Call me 8754946438”

    จินเจอร์รีบจดรหัสนั่นไว้ในทันที จากนั้นก็รีบใช้โทรศัพท์ที่ปลอดภัยของเขาเช็คสายโทรไปในทันที 

    “ตู๊ด!!”

    “ขณะนี้ผมไม่อยู่ ฝากข้อความไว้ได้หรือเปล่า??” จินเจอร์ได้ยินดังนั้นจึงพูดในทันที

    “นายคือนาครใช่หรือเปล่า ถ้าใช่ ฉันอยากคุยกับนายหน่อย ฉันเป็น CIA นายไว้ใจฉันได้ ติดต่อกลับที่เบอร์นี้ได้เลย!!”

    จินเจอร์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็วางสายในทันที จากนั้นเขาก็รีบลบอีเมล์และล้างประวัติทั้งหมดไปก่อน เพื่อความปลอดภัยของเขา

     

    ณ บ้านของเก่ง ในตอนดึก เขากับศรีแอบมานอนด้วยกันโดยที่น้องของเขาไม่รู้ หลังจากที่มีอะไรกันเสร็จ พวกเขาก็เปิดทีวีดูเพื่อผ่อนคลายไปด้วย แล้วก็พูดถึงเกมโหวตตายที่กำลังดำเนินอยู่

    “นี่ ฉันได้ข่าวมาว่าเกมจะหยุดไปประมาณอาทิตย์นึงหน่ะ” ศรีพูดในขณะที่กำลังดื่มเหล้า

    “นี่ แค่ไอ้กร๊วกตัวเดียวถึงกับต้องปิดเกมเลยเหรอ??” เก่งถามอย่างสงสัย

    “เอาน่า ก็คงจะได้ไม่นานหรอก” ศรีพูดขึ้น

    “ฉันเสียเงินไปเยอะมากกับเกมนี้ ถ้าพ่อแม่ฉันรู้ฉันตายแน่”

    “เอาน่า มีสติหน่อยสิ ก็บอกแล้วพ่อฉันเป็นตำรวจใหญ่ จัดการได้อยู่แล้ว!!” ศรีพูดขึ้น

    “ฉันต้องรีบหาเงินก่อนพ่อแม่ฉันจะกลับมาเดือนหน้า ไม่งั้นฉันตายแน่”

    “จะกลัวทำไมหล่ะ ไม่นานเราได้เงินแน่ๆ” ศรีพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆทีวีก็เข้าสู่รายการข่าว ทำเอาพวกเขาทั้งคู่ถึงกับหันไปดูในทันที

    “เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. มีอีเมล์ประหลาดเข้ามาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งข้อมูลด้านใน มีรายชื่อและเส้นทางการโอนเงินของนายตำรวจใหญ่หลายนายซึ่งเกี่ยวข้องกับเกมโหวตตาย ที่กำลังโด่งดังอยู่ในตอนนี้ หนึ่งในนั้นมีท่านพ.ต.อ.มาวิน สีรสักข์ นายตำรวจใหญ่ชื่อดัง มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ในขณะนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำลังเร่งตามตัวพวกเขามาให้การเพิ่มเติม หากมีความคืบหน้า ทางเราจะรายงานให้ทราบต่อไป...”

    “หะ นั่นพ่อฉันนี่ นี่มันอะไรกัน??” ศรีถามอย่างสงสัย

    “บ้าเอ้ย สงสัยพวกมันคงจะเล่นพ่อเธอแล้วหล่ะ” เก่งพูดขึ้น

    “แล้วนี่พ่อฉันเป็นยังไงบ้างเนี่ย??” ศรีถามอย่างสงสัยและตะโกนโวยวายเสียงดัง ทำเอามีเสียงเคาะประตูดังมาจากหน้าห้องของเขา

    “ก๊อกๆๆ” เก่งรีบไปเปิดประตูในทันที ซึ่งนั่นคือน้องสาวของเขาเอง ที่ตื่นขึ้นมาเพราะศรีตะโกนโวยวาย

    “อ้าว นี่ เธอมาทำอะไรที่นี่เนี่ย??”

    “พี่ หนูได้ยินเสียงผู้หญิง!!”

    “ผู้หญิงอะไร หูฝาดแล้ว ไปนอนเถอะ!!” 

    “พี่ หนูไม่ใช่คนโง่นะ อย่าปิดบังหนูดีกว่า”

    “บอกว่าไม่มีก็ไม่มีสิ!!” เก่งพูดขึ้นและปิดประตูห้อง และในตอนนั้นเอง ศรีก็รีบแต่งตัวในทันทีโดยไม่รอให้เก่งพูดอะไรเลย 

    “นี่ เธอจะไปไหนเนี่ย??”

    “ฉันจะไปดูพ่อฉัน!!”

    “แล้วนี่ เธอจะทิ้งกันอย่างงี้เหรอ??” เก่งถามอย่างสงสัย 

    “นายไม่เห็นเหรอว่าพ่อฉันโดนอะไร ฉันว่านะ นายไปขอโทษมันดีกว่า ถ้ามันเล่นพ่อฉันได้ นายก็คงไม่รอดเหมือนกันนั่นแหละ” ศรีพูดขึ้น จากนั้นเธอก็เปิดหน้าต่างเพื่อไม่ให้ใครรู้ แล้วออกจากบ้านไปในทันที ส่วนเก่งก็ไม่รู้จะทำอะไรเลยได้แต่โวยวายเสียงดังอยู่ในห้อง

    “ไอ้ระยำเอ้ย มึงคิดว่ากูจะยอมเหรอ??”

    เก่งโวยวายพังข้าวของในห้อง เสียงที่ดังไปทั้งบ้านทำเอาคนในบ้านถึงกับต้องมาเคาะประตูเรียก

    “คุณหนูคะ มีอะไรหรือเปล่าคะ??”

    “พี่เก่ง พี่เป็นบ้าอะไรของพี่เนี่ย??”

    เก่งได้ยินดังนั้นก็เลยต้องเงียบไว้ก่อน ก่อนที่จะมีคนสงสัยมากกว่านี้ ก่อนที่เขาจะนั่งกอดเข่าอยู่ในห้องของเขาคนเดียวท่ามกลางของที่กระจัดกระจายอยู่กลางห้อง

     

    ณ โรงแรมศรีวิไล ย่านใจกลางกรุงเทพ ชาวต่างชาติมากมายต่างก็มาพักที่โรงแรมนี้ เช่นเดียวกับมาร์ติน จีน ซึ่งเดินทางมาพักผ่อนหลังจากที่เครียดงานมาทั้งปี เขาเช็คอินที่เคาน์เตอร์โรงแรมที่ชั้นบนสุด จากนั้นก็คุยกับลูกน้องเขาในทันที

    “เฮ้ย อีหนูที่ฉันสั่งได้หรือยัง??” มาร์ตินถามไป

    “อ้อ กำลังจะมาครับ ถ้ามาถึงแล้วผมจะเอาไปส่งเลยครับ!!”

    “ดี งานนี้ขอเด็ดๆนะเว้ย ฉันอยากมานาน จ่ายไม่อั้นด้วย!!”

    “ครับนาย!!”

    มาร์ตินได้ยินดังนั้นก็เดินขึ้นไปที่ชั้นบนสุดของโรงแรม และที่ด้านนอก ทั้งนาคร จอห์นและเฮนรี่ก็เดินมาพร้อมกับชายคนหนึ่ง นาครในตอนนั้นก็คุยกับชายคนนั้นในทันที

    “แน่ใจนะว่าไอ้มาร์ตินมันอยากเจอเราหน่ะ??”

    “มาร์ตินมันเป็นเกย์ พวกคุณนี่ก็หล่อๆล่ำๆทั้งนั้น เข้าถึงมันได้ง่ายแน่ๆ” ชายคนนั้นพูดขึ้น

    “แล้วนี่เราต้องทำยังไงเนี่ย??” นาครถามไป

    “ทำหน้าหล่อๆเข้าไว้ ที่เหลือฉันจัดการเอง!!” ชายคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นเขาก็พาพวกของนาครไปหาลูกน้องของมาร์ติน ซึ่งพวกนั้นกำลังรออยู่แล้ว 

    “อีหนูของคุณมาร์ตินมาแล้วเหรอ??”

    “ใช่ครับ พอได้นะครับ!!”

    “เออ ใช้ได้ คุณมาร์ตินชอบแบบนี้เลย โดยเฉพาะนาย ถ้าบริการดีๆนายออกรถใหม่ได้เลย!!” ลูกน้องของมาร์ตินชี้ไปที่นาคร นาครถึงกับหน้าเจื่อนเล็กน้อย

    “เอาหล่ะ ไปเลย!!” ลูกน้องของมาร์ตินพาพวกของนาครไปหามาร์ตินที่ห้อง และเมื่อพวกเขามาถึงห้อง พวกเขาก็เดินต่อไปเรื่อยๆ แล้วก็มาถึงหน้าห้องใหญ่ห้องหนึ่ง ซึ่งมีลูกน้องสองคนยืนอยู่หน้าห้อง

    “อีหนูงั้นเหรอ ไปขึ้นสวรรค์ได้เลยน้อง!!”

    ยามหน้าประตูพูดขึ้น แล้วก็เปิดประตูให้พวกของนาครเข้าไปด้านในทันที และในตอนนั้นเอง พวกเขาก็เห็นมาร์ตินที่กำลังใส่กางเกงในตัวเดียวยืนรออยู่ที่ห้องรับแขก

    “เข้ามาเลยที่รัก!!”

    นาครเห็นดังนั้นจึงวิ่งไปต่อยหน้ามาร์ตินจนร่วง เมื่อเขาร่วง ทั้งจอห์นและเฮนรี่ก็ช่วยกันจับมาร์ตินมัดและปิดปากไม่ให้หมอนั่นใช้เสียง

    “ทุกคน ใส่ถุงมือ ล้างตัวมันก่อน ไม่ให้ลายมือติด!!”

    พวกเขาลากตัวมาร์ตินไปในห้องน้ำ จัดการล้างตัวหมอนั่น เสร็จแล้วก็ทากาวที่ตัวของมาร์ตินแล้วติดกระดาษอะไรบางอย่าง แล้วพามันไปที่ระเบียงหน้าต่างในทันที

    “นี่พวกแกเป็นใครวะ??” มาร์ตินตะโกนถามไป

    “แกทำงานให้เดเมี่ยน เกมโหวตตาย ใช่หรือเปล่า??” นาครถามไป

    “เดี๋ยวๆๆๆ ฉันมีเงิน นายอยากได้เท่าไหร่ พวกนายเอาไปเลย!!” มาร์ตินพยายามร้องขอชีวิต

    “ฉันแค่อยากส่งข้อความไปหาไอ้เดเมี่ยนมันหน่ะ!!” นาครพูดขึ้น

    “ได้ๆๆ อยากบอกอะไรล่ะ พูดมาเลย!!”

     

    ณ ลานกว้างหน้าโรงแรม รถคันหนึ่งได้แล่นเข้ามาจอดที่ด้านหน้า โดยที่พนักงานโรงแรมก็ไปรับ ในตอนนั้นเองชายใส่หน้ากากคนหนึ่งก็เดินไปหากลุ่มคนใส่สูทที่อยู่ด้านล่างในทันที

    “เฮ้ย พวกแกเป็นลูกน้องมาร์ตินหรือเปล่า??”

    “ใช่ นี่แกเป็นใครวะ??”

    “ฉันเซเฟอร์ คุณเดเมี่ยนส่งฉันมา พาฉันพาไปมาร์ตินเดี๋ยวนี้!!” 

    “ตุ๊บ!!”

    “กริ๊ด!!”

    เสียงพนักงานต้อนรับหญิงดังขึ้นมาจากด้านหน้า เซเฟอร์รีบไปดูในทันที และเขาก็เห็นร่างของมาร์ตินดิ่งลงมาด้านล่าง พร้อมกับข้อความบนกระดาษแผ่นหนึ่งที่ติดอยู่บนตัวเขา

    “ต่อไปตาของมึง เดเมี่ยน!!”

    “เฮ้ย พวกแก ปิดล้อมโรงแรมนี้ไว้ พวกแม่งต้องยังอยู่ในนี้แน่ๆ!!” เซเฟอร์ตะโกนขึ้นบอกกับลูกน้องของมาร์ติน จากนั้นเขาก็ชักปืนออกมาแล้วใช้ลิฟท์ขึ้นไปชั้นบนในทันที

    ===========================================================

    เซเฟอร์จะได้เผชิญหน้ากับนาครและพวกของเขาหรือไม่ อย่าลืมติดตามชมในตอนหน้าจ้า

    ตอนแรกหมดไฟหล่ะ แต่ตอนนี้ใช้พลังแรงกายแรงใจอย่างสุดขีดปั่นต่อ

    อีกไม่กี่ตอนก็จบหล่ะ เพราะต้องไปเรื่อง sorova ต่อ

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×