ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Nazi Mafia - เมืองนี้ข้าจอง

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 2 : เจอแม่ของเขา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 217
      8
      5 เม.ย. 63

    นาวินเดินดุ่มๆเข้าไปในร้านเหล้านั้น ซึ่งด้านในก็มีลูกค้ามาเลือกซื้อเหล้ามากมาย เหล้าหลายแบบให้เลือก แต่ที่น่าสะดุดตากคือมีกลุ่มชายใส่ชุดสูทใส่หมวกคอยคุมบริเวณนั้น นาวินเดินเข้าไปในอย่ารวดเร็ว แต่ในตอนนั้นชายคนหนึ่งก็ขวางทางเขาไว้

    “เฮ้ย ที่นี่ไม่ต้อนรับคนยิวนะเว้ย!!”

    นาวินไม่รอช้าจับมือหมอนั่นหักแขนแล้วถีบที่ยอดอกไป ชายคนอื่นพยายามจะชักมีดออกมาฟันนาวินแต่นาวินก็เล่นงานพวกมันจนเละหมด จากนั้นนาวินก็ถีบประตูเข้าไปที่หลังร้าน ด้านในก็พบว่ามีเครื่องกลั่นเหล้าเล็กๆซึ่งเป็นเหล้าสูตรที่พวกเขาคิดกันเอง ไม่ใช่เหล้าแบบทั่วไป

    “เฮ้ย มึงเป็นใครวะ??”ชายคนหนึ่งพูดขึ้นพลางชักปืนพกออกมา นาวินรีบหลบที่หลังกำแพงในทันที

    “ปังๆๆๆ”

    พวกมันประมาณสองคนตามไปฆ่านาวิน แต่นาวินก็จับมันแล้วแย่งปืนมันมา จากนั้นก็ยิงถล่มใส่โรงเหล้าแห่งนั้น พวกมันพยายามจะยิงสกัดแต่นาวินก็บุกไปเล่นงานพวกนั้นอย่างใจเย็น จนกระทั่งพวกมันตายกันจนหมด และหลังจากเคลียร์พวกมันเรียบร้อยแล้ว นาวินก็เอาเหล้าที่อยู่หน้าร้านของพวกมันปาใส่เครื่องกลั่นจนชุ่ม จากนั้นเขาก็จุดไฟเผาด้านใน แล้วเขาก็รีบหนีออกทางประตูหลังในทันที เพลิงได้เผาไหม้เครื่องกลั่นพวกนั้นจนหมด นาวินหนีออกมาทางซอยๆหนึ่ง แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆก็มีรถคันหนึ่งมาจอดรับเขาที่ด้านหน้า

    “ขึ้นมาเลยพวก!!”ทอร์รินเจ้าของเสียงพูดกับเขา จากนั้นก็รีบขึ้นรถไปกับทอร์รินในทันที แต่สิ่งที่นาวินเห็นก็คือ ชายอีกคนหนึ่งที่นั่งข้างๆกับทอร์รินด้วย

    “นอร์วิน คนนี่คุณเควิน เขาคือหัวหน้าฉันหน่ะ”

    “คุณนอร์วิน ผมเห็นผลงานของคุณแล้ว ผมประทับใจมาก คุณยังไม่มีสังกัดสินะ ผมก็เลย อยากให้คุณทำงานกับเรา”
             “ทำไมผมต้องทำงานให้คุณด้วยหล่ะ??” นาวินถามไป

    “ง่ายๆ นายอยากตามหาแม่นาย ฉันอยากกวาดล้างพวกเหลือเดนนี่ ตอนนี้ฉันกำลังระดมคนตามหาอยู่ นายสบายใจได้” เควินพูดขึ้น

    “งานที่ว่าเป็นงานแบบไหนกันหล่ะ??” นาวินถามไป

    “งานแบบลูกผู้ชายหน่ะ รับรองว่านายชอบแน่ๆ ทอร์รินจะบอกงานกับนายเอง แล้วต่อไปนี้ นายไม่ต้องไปทำงานให้กับไอ้อ้วนโคลินแล้ว ฉันจะให้ทอร์รินจัดการเอง” เควินพูดขึ้น

    “เออนี่ นายต้องเก็บเหรียญนี่ไว้ มันคือตราที่บอกว่านายเป็นใคร” ทอร์รินพูดขึ้นพลางหยิบเหรียญทองคำเหรียญหนึ่งรูปอีกา พร้อมกับบั้งทหารหนึ่งบั้งให้กับเขา นาวินรีบหยิบมันมาดูในทันที

    “ตอนนี้นายก็ทำงานให้ The Crow แล้ว ยินดีต้อนรับ” ทอร์รินพูดขึ้น จากนั้นรถก็มาจอดที่หน้าที่พักของนาวินพอดี

    “แล้วเจอกันนะ!!”

    ทอร์รินพูดทิ้งท้าย จากนั้นรถก็ค่อยๆขับออกไป ส่วนนาวินก็กลับเข้ามาในห้องของเขา ซึ่งในตอนนั้นเอง การ์เน็ตต้าที่เพิ่งจะย้ายมาใหม่ก็มาเจอกับเขาพอดี ในตอนนั้นเองเธอได้ทำซุปมาให้กับเขาด้วย

    “อ่า คุณนอร์วินคะ ฉันเพิ่งย้ายมาที่นี่ ทำซุปมาให้หน่ะค่ะ”

    “อ้าว คุณการ์เน็ตต้า ขอบคุณมากครับ ว่าแต่คุณย้ายมาเมื่อไหร่ แล้วเจอแม่ผมหรือยังครับ??”นาวินถามไป

    “ฉันกำลังรอข่าวอยู่ค่ะ ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ”การ์เน็ตต้าพูดขึ้น

    “ได้ครับ อยู่ที่นี่ต้องระวังหน่อยนะครับ คนร้ายมันเยอะหน่ะ”นาวินบอกเธอไป

    “ฉันว่าไม่เหมือนกับที่ของฉันหรอก แล้วเจอกันนะคะ”การ์เน็ตต้าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็กลับเข้าไปในห้องของเธอ ส่วนนาวินก็เดินกลับไปที่ห้องของเขาเหมือนกัน

     

    และอีกด้านหนึ่งของโรงแรม ซึ่งเกลนนิสได้เดินเข้ามาในร้านๆหนึ่ง ซึ่งเมื่อเธอเคาะประตูร้านและเจ้าของร้านเปิดช่องออกมา เธอก็พูดขึ้นในทันที

    “545”

    เจ้าของร้านเปิดประตูรับเธอ จากนั้นก็พาเธอไปยังห้องใต้ดินด้านล่าง และเมื่อเธอไปถึง เธอก็พบกับกลุ่มชายกลุ่มหนึ่งซึ่งกำลังรอเธออยู่ และเมื่อเธอมาถึง การเจรจาก็เริ่มในทันที

    “สวัสดีเกลนนิส นี่คุณไวท์แฟรงค์ คนสนิทของท่านส.ส.พอลเตอร์ที่เพิ่งอพยพมาที่นีหน่ะ”ไวท์แฟรงค์จับมือกับเกลนนิสในทันที

    “แล้วนี่ก็เรือโทหญิงอลิซ เรืออากาศตรีริชาร์ด เป็นทหารที่เราไว้ใจได้”ทั้งสองคนในตอนนั้นก็จับมือกับเกลนนิสเหมือนกัน

    “คุณรอส คุณอัลเฟรด ยินดีที่ได้พบพวกคุณสองคนอีกครั้งค่ะ”

    “เอาหล่ะ เกลนนิส เธอได้ข่าวอะไรที่เยอรมันบ้างหล่ะ??”รอสถามเธอไป

    “ค่ะ ตอนนี้เยอรมันคงจะเตรียมก่อสงครามอีกครั้งแล้วหล่ะค่ะ หลังจากที่พวกเขายึดสโลวาเกียได้ไม่นาน เพียงแต่เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่หน่ะค่ะ”เกลนนิสพูดขึ้น

    “แล้วความเป็นไปได้ที่สุด พวกคุณว่าที่ไหนกันหล่ะ??”อัลเฟรดถามอย่างสงสัย

    “ให้ผมเดานะ ผมคิดว่าโปแลนด์นะครับ เพราะโปแลนด์มีสนธิสัญญากับอังกฤษและฝรั่งเศสอยู่”ไวท์แฟรงค์พูดขึ้น

    “แต่ว่า พวกมันจะกล้าเหรอคะ ทั้งๆที่โดนสนธิสัญญาขนาดนั้น??”อลิซถามไป

    “พวกมันน่าจะทำนั่นแหละ ตอนนี้กองทัพเยอรมันกำลังเข้มแข็ง เราไม่ควรประมาทง่ายๆ”ริชาร์ดตอบเธอไป

    “ตอนนี้เราคงทำได้แค่รอดูว่าพวกนั้นจะลงมือตอนไหน ถึงยังไงเราก็คงต้องรบกับเยอรมันวันหนึ่งหน่ะ”รอสพูดขึ้น

    “ใช่ เราต้องรีบหยุดฮิตเลอร์ก่อนที่เขาจะทำอะไรไปมากกว่านี้ พวกมันอาจจะบุกฝรั่งเศสก็ได้”ไวท์แฟรงค์พูดขึ้น

    “เรามีป้อมมายิโน่ที่แข็งแกร่งที่สุด พวกมันบุกมาไม่ได้หรอก”ริชาร์ดพูดขึ้น

    “ไม่หรอก ถ้าพวกเขาบุกทางอื่นหน่ะ”อัลเฟรดบอกไป

    “แล้วถ้าพวกเขาบุกเบลเยี่ยมหล่ะคะ??”เกลนนิสถามไปแต่ยังไม่ทันที่จะมีใครตอบ จู่ๆก็มีเสียงระฆังดังขึ้นทำให้พวกเขารู้ในทันทีว่าเกิดอะไรข้น

    “รีบไปจากที่นี่เถอะ!!”รอสพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ค่อยๆพากันออกไปจากตึกเพื่อหลบหนีจากการตามล่า พวกเขาต่างแยกย้ายกันไปขึ้นรถแล้วรีบขับออกไปในทันที

     

    ณ คาสิโนดูแรนด์ของไอรีน ในวันนี้เธอได้นัดเจอกับใครบางคนไปด้วย โทไบอัสได้จัดคนคุ้มกันให้กับเธอมากมายเผื่อว่าจะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น โดยพวกเขานัดเจรจากันที่เลานจ์สุดหรู สถานที่เดียวกับที่เธอเกือบจะดนลอบสังหาร และในขณะเดียวกันนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็เดินมาพร้อมกับลูกน้องของเขา โดยที่โทไบอัสก็เอามือขวางเขาไว้ก่อน

    “คุณออเรียส ห้ามพกอาวุธนะครับ!!”

    “โทไบอัส นายทำแบบนี้ไม่ไว้หน้าฉันนะ”ออเรียสพูดขึ้น

    “ไม่เอาน่าพี่ อย่าผมให้ต้องลงมือต่อหน้าพี่ไอรีนเลยนะ”ไลท์นิ่งพูดขึ้น จากนั้นออเรียสก็ควักปืนออกมาแล้วให้โทไบอัสไปแต่โดยดี จากนั้นเขาก็มานั่งที่โต๊ะที่ไอรีนรับรองเขาไว้ในทันที

    “สวัสดี ยินดีที่มาที่นี่ได้นะคะพี่!!”

    “เข้าเรื่องเลยดีกว่านะไอรีน ฉันว่านะ วางมือดีกว่า!!”

    “โธ่ ใจคอจะไม่คิดถามไถ่สารทุกข์สุขดิบเลยเหรอ??”ฮันเตอร์ถามออเรียสไป

    “พี่เห็นที่ฉันทำกับไอ้พวกที่จะลอบสังหารฉัน พี่ก็น่าจะรู้แล้วนะ ว่าฉันหน่ะมันเคี้ยวไม่ง่ายหรอก”ไอรีนพูดขึ้น

    “เธอแค่โชคดีแค่นั้นแหละ แต่คราวหน้ารับรองว่าเธออาจจะลำบากแน่ พวกแก๊งค์อื่นมันจ้องที่ของเธอตั้งนานแล้ว ถ้าเธอคุมไม่ได้ ทุกอย่างที่คุณปู่สร้างมาพังหมดแน่!!”ออเรียสตอบเธอไป

    “ดูเหมือน พี่ออเรียสจะรู้ใจแก๊งค์อื่นมากกว่าไอรีนซะอีกนะครับเนี่ย”สตีฟพูดขึ้น

    “ดูสิ่งที่ฉันทำมาตลอดหลายเดือนสิ พวกเราเข้มแข็ง แม้แต่พวก Crow ก็ไม่กล้ายุ่ง ว่าแต่พี่เถอะ พี่ทำอะไรให้แก๊งค์เราบ้างหล่ะ”ไอรีนพูดขึ้น

    “อย่าให้ฉันหมดความอดทนกับเธอนะไอรีน”ออเรียสพูดขึ้นอย่างเสียงแข็ง

    “ถ้างั้นพี่ก็ระเบิดมันออกมาสิ”ไอรีนพูดขึ้น ทำเอาออเรียสถึงกับทุบโต๊ะปัง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากเนื่องจากว่าโทไบอัสเล็งปืนใส่เขาอยู่

    “พี่ออเรียส พี่น่าจะจำคำสั่งเสียของคุณปู่ได้นะ”

    “ได้ ไอรีน เธอเลือกเองนะ!!”ออเรียสพูดขึ้น จากนั้นเขาก็เดินออกไปด้านนอกทันที จากนั้นเขาก็พูดกับลูกน้องของเขาในทันที

    “สืบหาไอคนที่ช่วยไอรีนวันนั้น เก็บมันให้ได้!!”ออเรียสพูดขึ้น จากนั้นเขาก็รีบขึ้นรถในทันที

     

    ณ ที่ทำการใหญ่แก๊งค์ The Crow ในตอนนั้นเองแจ็คสันก็เรียกคนของเขามาปรึกษากันเพื่อคุยเรื่องธุรกิจของพวกเขา โดยสมาชิกคนสำคัญของ The Crow ก็มากันครบด้วย หลังจากนั้น แจ็คสันก็เริ่มคุยกันถึงเรื่องธุรกิจในทันที

    “คุณเควิน กำไรของเราในสาขายุโรปเป็นยังไงบ้างหล่ะ??”

    “กำไรดีมากครับ ไม่น่าเชื่อว่าของถูกกฎหมายก็ขายได้เหมือนกัน ตอนนี้เรากำลังมีแผนจะตีตลาดอเมริกาและเอเชียด้วยครับ”เควินพูดขึ้น

    “อืม แต่เราต้องมีเงินทุนเพิ่มเติมถึงจะขยายกินการได้”แจ็คสันพูดขึ้น จากนั้นในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆก็มีชายและหญิงสองคนเดินเข้ามาในห้องของแจ็คสัน ในตอนนั้นเองแจ็คสันก็ทักทายทั้งสองคนไปในทันที

    “โซเฟีย คาร์ล กลับมาแล้วเหรอ??”

    “แน่นอนพี่ ช่วงนี้ว่างเลยมาเยี่ยมหน่อยหน่ะ”โซเฟียพูดขึ้น

    “ที่เยอรมันคงวุ่นวายสำหรับพวกคุณนะคาร์ล”ชายคนหนึ่งที่กำลังสูบไปป์อยู่พูดขึ้น

    “ก็นิดหน่อยคุณปิแอร์ ฮิตเลอร์กวาดล้างชาวยิวทุกวัน เล่นเอาซะเหนื่อยเลย”คาร์ลพูดขึ้น

    “ว่าแต่ พวกคุณได้ข่าวที่ร้านเหล้าเถื่อนในห้างหรือเปล่าหล่ะ??”แอ็กเซลถามพวกเขาไป

    “ได้ข่าวจากคุณทอร์รินแล้วหล่ะ หมอนี่ผลงานดีเกินคาดแหะ” ทาเนียพูดขึ้น

    “อืม มีหน้าใหม่เข้ามาในเมืองอย่างงั้นเหรอ??”คาร์ลถามอย่างสงสัย

    “ฉันสืบประวัติเขาบางส่วนแล้วหล่ะ เขาชื่อนอร์วิน เกิดในฝรั่งเศสแต่โดที่เยอรมัน แต่กลับมาฝรั่งเศสอีกทีเพราะสถานการณ์ในเยอรมัน ฉันสืบกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง พบว่าแม่และน้องสาวของเขาเข้ามาปารีสตั้งแต่พฤศจิกายน 1938 แต่ตอนนี้เรายังไม่เจอตัวเธอเลยครับ”เควินพูดขึ้น

    “หู้ว น่าสนใจนะหมอนี่”โซเฟียพูดขึ้น

    “ใช่ ถ้าเขาเล่นงานพวกกุ๊ยได้ขนาดนี้ ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ”ทาเนียพูดขึ้น

    “ก็ต้องรอดูหน่ะว่าผลงานต่อไปจะเป็นยังไงบ้าง”แอ็กเซลพูดขึ้น

    “เควิน ถ้าหมอนี่ทำผลงานดีเรื่อยๆ ให้เขามาหาฉัน”แจ็คสันบอกไป

    “ได้ครับ ผมจะจัดการเอง”เควินรับคำไป

     

    ณ บาร์ลึกลับที่เดิมของแก๊งค์ Black Hood อีวาที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องในขณะที่บาร์ของเธอกำลังจะเปิด ในตอนนั้นเอง แซนเดอร์เดินเข้ามาในห้องของเธอ จากนั้นก็คุยอะไรบางอย่างกับเธอ

    “คุณอีวาครับ ในเมืองมีข่าวมาว่าร้านเหล้าเถื่อนใจกลางห้างถูกเผาครับ”

    “อืม งั้นเหรอ เรียกคนอื่นมาคุยกับฉันหน่อยสิ!!”อีวาพูดขึ้น จากนั้นอีวาก็เรียกสมาชิกแก๊งค์คนอื่นๆมาหาเธอในห้องทันทีเพื่อคุยถึงเรื่องนี้

    “พี่อีวา เรียกเรามามีอะไรหรือเปล่าคะ??”โอลิเวียถามเธอไปในทันที

    “ฉันอยากจะถามพวกเธอหน่อย ตอนนี้ร้านบุหรี่เราเป็นยังไงบ้างตอนนี้??”อีวาถามไป

    “ยังปลอดภัยค่ะพี่ พวกมันไม่มีทางรู้อยู่แล้ว”อิซาเบลตอบไป

    “แล้วนี่มันฝีมือใครกันแน่ ที่ร้านเหล้าเถื่อนหน่ะ??”อีวาถามอย่างสงสัย

    “ผมเชื่อว่า ต้องเป็นเด็กใหม่คนนั้นแน่ๆ และร้านเหล้านั่น เราสืบเพิ่มเติมพบว่าเจ้าของมันเป็นชาวเยอรมัน และมีของผิดกฎหมายเตรียมปล่อยในเขตพื้นที่อื่นๆด้วย”แซนเดอร์พูดขึ้น

    “นี่ก็แสดงว่า พวกเยอรมันเริ่มมาหากินในถิ่นของเรางั้นเหรอ??”อีวาถามไป

    “อาจเป็นได้ครับ สายของเราบอกว่า พวกเขากำลังยึดครองและขยายอิทธิพลไปทั่วยุโรป ถ้าพวกมันทำสงครามกับฝรั่งเศส พวกมันคงจะได้ทำธุรกิจที่นี่อย่างสบายๆครับ”แซนเดอร์ตอบไป

    “ถ้างั้นเราก็เจอปัญหาใหม่แล้วสินะคะเนี่ย”อิซาเบลพูดขึ้น

    “เราคงต้องหาคนเพิ่มแล้วหล่ะที่นี้”โอลิเวียพูดเสริม

    “ใช่ ตอนนี้พวกเยอรมันเตรียมจะขยายอิทธิพลในพื้นที่ของเรา เราจะยอมไม่ได้”อีวาพูดทิ้งท้ายไว้

     

    ณ บริษัท Lopez Estate ในวันนี้โลเปซต้องคุยเรื่องธุรกิจกับนักธุรกิจชาวอังกฤษที่เพิ่งจะบินมา เขาจัดห้องเพื่อเตรียมพบปะกัน และเมื่อพวกเขาทั้งคู่มาพบกัน พวกเขาก็เริ่มการเจรจาธุรกิจกันในทันที

    “สวัสดีครับคุณอังเดร ขอต้อนรับสู่ปารีสครับ!!”

    “สวัสดี วันนี้ผมไม่ขอเสียเวลาอะไรมาก เชิญคุยกันเลย”

    และเมื่อทั้งคู่นั่งลงเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็เริ่มการเจรจากันในทันที

    “เรื่องพื้นที่ริมชายหาด เราส่งคนไปสำรวจแล้ว พื้นที่ดีมาก แถมชาวบ้านบางส่วนยอมขายให้เรา งานนี้เราเต็มที่อยู่แล้ว”อังเดรพูดขึ้น จากนั้นก็วางเอกสารตัวหนึ่งไว้บนโต๊ะเจรจา

    “นั่นอะไรกันหล่ะ??”

    “โฉนดของพื้นที่ยังไงหล่ะ รับรองว่าถูกกฎหมายแน่นอน” โลเปซพูดขึ้น

    “อืม ผมประทับใจมากคุณโลเปซ”

    “จะลองอ่านรายะเอียดดูก่อนก็ได้นะครับ!!”โลเปซพูดขึ้นจากนั้นก็เลื่อนเอกสารให้กับอังเดร อังเดรหยิบมาอ่านแล้วก็เก็บใส่ซองไปในทันที

    “3 ล้านฟรังก์ จ่ายสด งดเช็คนะครับ!!”โลเปซพูดขึ้น และจากนั้นอังเดรก็สั่งให้ลูกน้องของเขาวางกระเป๋าเงินไว้ต่อหน้าเขา แล้วก็เปิดให้ดูในทันที

    “อืม ยินดีที่ได้ทำธุรกิจด้วยนะครับ!!”โลเปซพูดขึ้น จากนั้นก็จับมือกับอังเดรเพื่อเป็นการทักทายบอกลากันในทันที ก่อนที่อังเดรจะเอาโฉนดที่ดินกลับไป

     

    ณ เขตเวียตนามในฝรั่งเศส ชาร์ลีเริ่มดำเนินธุรกิจการขายบุหรี่เถื่อนตามเขตต่างๆ นอกพื้นที่ของเขตเวียตนาม เขาตั้งร้านขายอย่างลับๆโดยที่มีลูกค้ามาอุดหนุนมากมาย และเขาก็ได้ฟันกำไรจากบุหรี่เพิ่ม แต่ในระหว่างที่เขากำลังขาย จู่ๆก็มีชายผิวขาวสามคนเดินมาที่โต๊ะของเขา จากนั้นก็เอาไม้ทุบโต๊ะอย่างเสียงดัง

    “ว่าไงพวก จะมาซื้อหรือเปล่า??”ชาร์ลีถามไป

    “ฉันไม่สนแกจะมาจากไหนไอ้ลิงเหลือง จ่ายค่าคุ้มครองมา 10 ซอง ไม่งั้นแกไม่ได้กลับออกไปแน่ๆ”มันคนหนึ่งพูดขึ้น

    “ฉันคุ้มครองตัวเองหว่ะ อย่างลองมั้ย??”ชาร์ลีพูดขึ้น จากนั้นมันคนหนึ่งก็ฟาดใส่ชาร์ลี ชาร์ลีหลบได้และเตะเข้าไปที่ชายโครงของมัน

    “ไอ้ระยำ!!”มันอีกคนหนึ่งเห็นจึงใช้มีดแทงชาร์ลี ชาร์ลีจับมีดไว้ได้จากนั้นก็พยายามยื้อแย่งมีดจากมัน มันคนหนึ่งจะตีชาร์ลีแต่ชาร์ลีหลบได้ และมันก็ตีพลาดไปโดนพวกเดียวกันเอง จากนั้นชาร์ลีก็แทงมันไปหนึ่งแผล ทำเอามันล้มลงในทันที

    “ปรี๊ด!!”

    เสียงนกหวีดดังมาแต่ไกล นั่นก็คือตำรวจนั่นเอง ทำเอาพวกเขาทุกคนต้องรีบหนีตายกันอลหม่าน ชาร์ลีก็เป็นหนึ่งในนั้น เขารีบโกยบุหรี่และเงินทั้งหมดรีบหนีข้ามรั้ว แล้ววิ่งกลับไปที่เขตของคนเวียตนามในทันที โดยที่ในตอนนั้นเอง โจอี้เพื่อนของเขาก็กำลังรออยู่พอดี

    “เฮ้ย เป็นไงบ้างวะ??”โจอี้ถามไป

    “ขายได้อยู่หว่ะ ได้มาพันฟรังก์เว้ย แต่โดนตำรวจไล่กวดมาหว่ะ” ชาร์ลีพูดขึ้น

    “เออๆ แบ่งกันเลย คนละ 500 ฟรังก์นะเว้ย”

    โจอี้พูดขึ้น จากนั้นชาร์ลีก็รีบแบ่งเงินกับโจอี้อย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันกลับบ้านในทันที

     

    กลับมายังประเทศเยอรมัน บ้านพักของฟริซต์ หลังจากที่เขาไปเยี่ยมพี่ชายของเขา ไรน์ฮาร์ด เขาก็กลับมาที่บ้านเพื่อคุมกำไรจากธุรกิจในประเทศที่ถูกยึดครองจากเยอรมัน ในขณะเดียวกันนั้นเอง วาลก็รีบเดินมาในห้องของเขาเพื่อรายงานอะไรบางอย่างกับเขา

    “ฟริซต์ มีข่าวจากปารีสมา!!”

    “มีอะไรงั้นเหรอ ว่ามาสิ??”ฟริซต์ถามเธอไป

    “ร้านเหล้าของเราโดนถล่ม เสียหายหมดทั้งร้านเลย”

    “หะ จริงเหรอ!!”ฟริซต์ได้ยินแล้วทุบโต๊ะดังปัง

    “ใช่ คนของเราตายไปสี่คน แถมเครื่องกลั่นเหล้าของเราก็เสียหายหนักอีก ตอนนี้ทางตำรวจฝรั่งเศสสั่งสืบเรื่องนี้เพิ่มแล้ว”วาลบอกเขาไป

    “ระยำเอ้ย ฝีมือพวกไหนวะ??”ฟริซต์ถามไป

    “พวกเรายังไม่รู้ อาจจะเป็นพวกมีอิทธิพลท้องถิ่นก็ได้”วาลตอบไป

    “บอกคนของเราในปารีส เก็บตัวดีๆไปก่อน ซักวันหนึ่งเถอะ ฉันจะอยู่เหนือปารีสให้ได้”ฟริซต์พูดขึ้นทิ้งท้าย จากนั้นเขาก็เดินไปหยิบเหล้ามาดื่มในทันที

     

    ณ ศูนย์บัญชาการหน่วย SS ห้องของมิลเลอร์ เขาที่เพิ่งจะได้ตำแหน่งมาใหม่ๆก็นั่งดื่มฉลองอยู่ด้านในคนเดียวกับเหล้าชั้นดี แต่ในระหว่างที่มิลเลอร์กำลังนั่งดื่มอย่างสบายใจ จู่ๆเขาก็คิดถึงเรื่องเก่าๆของเขา ซึ่งในวัยเด็กเขาเคยมีอดีตที่ฝังใจกับแก๊งค์มาเฟียแก๊งค์หนึ่ง ซึ่งพ่อแม่ของเขาได้กู้ยืมเงินจากแก๊งค์นี้ แต่พอไม่มีจ่าย พวกมันก็ทำลายทุกอย่างที่เขารักไปต่อหน้าต่อตา

    “ลูกแม่ต้องปลอดภัย!!”หญิงสาวคนหนึ่งพาเด็กน้อยไปซ่อนที่ห้องๆหนึ่ง

    “แม่!!”เด็กคนนั้นได้แต่มองผ่านรู้เล็กๆ ซึ่งเขาเห็นแม่ของเขาถูกพวกมันรุมย่ำยีต่อหน้าต่อตา แต่เขาทำอะไรไม่ได้

    “แม่ครับ ฮือๆๆๆ!!”เด็กคนนั้นได้แต่กอดร่างเปลือยเปล่าของเขา ท่ามกลางบ้านที่เพิ่งจะโดนเผา และในตอนนั้นเอง ตำรวจกลุ่มหนึ่งก็เข้ามาช่วยเขาไว้

    “เป็นไงบ้างเจ้าหนู??ปลอดภัยแล้วนะ??”

    มิลเลอร์ยังคงจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ดี เขารอมาหลายปีเพื่อแก้แค้น แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆทหาร SSคนหนึ่งก็เดินเข้าไปในห้องของเขา เพื่อรายงานข่าวกับเขา

    “ท่านครับ ท่านดื่มมาเหรอครับ??”

    “นิดหน่อยหน่ะ มีอะไรทหาร??”มิลเลอร์ถามไป

    “เราสืบทราบมาว่ากลุ่มบัลร็อคตอนนี้แอบกบดานอยู่ในฝรั่งเศสครับ”ทหารคนนั้นรายงานไป

    “งั้นเหรอ ขอบใจมาก!!”มิลเลอร์พูดขึ้น จากนั้นทหารของเขาก็ทำความเคารพและเดินจากไป

     

    ณ เพนเฮาส์สุดหรูใจกลางกรุงปารีส ซึ่งเป็นที่อยู่สุดหรูและกว้างใหญ่ของมีอา ซึ่งพ่อของเธอเป็นนักธุรกิจชื่อดัง ตัวเธอในตอนนั้นก็เริ่มทำธุรกิจในกรุงปารีส สิ่งที่มีอาชื่นชอบคือการอาบน้ำนม เพื่อให้ผิวของเธอสวยอยู่ตลอดเวลา ในระหว่างที่เธอกำลังแช่นมอย่างสบายใจ จู่ๆลูกน้องของเธอคนหนึ่งก็เดินมารายงานเรื่องที่เขาได้ยินมากับเธอในทันที

    “เฮ้อ ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญหล่ะก็น่าดู!!”มีอาพูดกับเขา

    “เราสืบเรื่องของไอ้หนุ่มคนนั้น หมอนั่นชื่อนอร์วิน เขาเข้ามาในฝรั่งเศสช่วงเมษา เราได้ยินว่าตอนนี้เขาทำงานให้พวก The Crow ครับ”

    มีอาได้ยินดังนั้นจึงหูผึ่ง แล้วก็ลุกขึ้นมาจากอ่างในทันที ทำเอาลูกน้องต้องหันหน้าหนีไปทางอื่น

    “จริงเหรอ เขาทำงานให้พวก Crow แล้วแม่ของเขาหล่ะ??”

    “เราพยายามสืบหาอยู่ครับ”ลูกน้องของเธอตอบไป

    “อืม ถ้าเขาทำงานให้ The Crow จริงๆ อาจจะเป็นอันตรายนะ”มีอาพูดขึ้น

    “ถ้างั้น ผมจะไปเก็บหมอนั่นให้ครับ”

    “อย่า ไว้ชีวิตเขาก่อน ไม่แน่นะ ฉันอาจจะใช้เขาในการมีเอี่ยวกับพวกมัน”

    “แต่ว่า พวก Crow มันไม่ค่อยไว้ใจคนนอกนะครับ??”ลูกน้องของเธอทัดทานไป

    “แต่ถึงยังไงก็น่าเสี่ยงนะ ถ้าเขาเป็นใหญ่ใน The Crow แล้วเราเป็นมิตรกับเขา ผลประโยชน์ที่ได้จะมหาศาลในทันทีเลย ตอนนี้จับตาดูเขาไปก่อน แล้วตามหาแม่ของเขาให้พบด้วย”

    “รับทราบครับ!!”ลูกน้องของเธอรับคำสั่งไป

     

    4 เดือนต่อมา ช่วงปลายเดือนสิงหาคม นาวินต้องทำงานให้ The Crow ตลอด 4 เดือน ทั้งงานต่อยตี เก็บเงิน รวมถึงงานอื่นๆที่ทาง The Crow สั่ง นาวินทำผลงานได้ดีมาก จนหลังจากที่นาวินทำงานๆหนึ่งเสร็จ ทอร์รินก็เป็นฝ่ายขอนัดเจอกับเขาในวันหนึ่ง ที่ร้านกาแฟ ทอร์รินนั่งจิบกาแฟไปด้วย จากนั้นก็พูดกับนาวินในทันทีถึงเรื่องผลงานของเขา

    “เฮ้ยพวก รู้อะไรหรือเปล่า นายเป็นไม่กี่คนที่ทำงานได้น่าทึ่งมาก บางคนทำงานเป็นปีๆกว่าจะไต่ระดับได้”ทอร์รินพูดพลางจิบกาแฟไปด้วย

    “ผมรู้ ว่าแต่ คุณเจอแม่ผมหรือยังหล่ะ??”นาวินถามไป

    “ยังเลย ฉันพยายามให้เพื่อนฉันหาตัวเธออยู่ แต่ไม่รู้ว่าเธอไปพักอยู่ที่ไหน”ทอร์รินพูดขึ้น

    “แล้วนี่ คุณเรียกผมมาคุยมีอะไรหรือเปล่าเนี่ย??”นาวินถามไป

    “คุณแจ็คสันอยากพบตัวนาย วันพรุ่งนี้หน่ะ”ทอร์รินพูดขึ้น

    “ทำไม เขามีธุระอะไรกับฉันเหรอ??”

    “เขาจะแต่งตั้งนายเป็นสมาชิกแก๊งค์ ยศทหารหน่ะ”ทอร์รินตอบเขาไป

    “ทำไมหล่ะ นี่ผมยังไม่ใช่สมาชิกงั้นเหรอ??”นาวินถามไป

    “ก็ไม่เชิง ระดับของกลุ่มเรามันมี 5 ระดับ ตั้งแต่ผู้รับใช้ ทหาร ผู้คุมกฎเหมือนฉัน บารอน และบอส เป็นลำดับบนสุด แต่ก็ยังเป็นรองคุณแจ็คสันอยู่ดีนั่นหล่ะ”ทอร์รินพูดขึ้น

    “ถ้างั้นผมก็อยู่ในระดับผู้รับใช้หน่ะสิ”นาวินพูดพลางดื่มโกโก้ร้อนไป

    “ก็ใช่ เอาเป็นว่า พรุ่งนี้ฉันจะมารับนายที่คอนโดนาย เตรียมตัวให้พร้อมก็แล้วกัน”ทอร์รินพูดขึ้น จากนั้นเขาก็วางเงินค่ากาแฟไว้ จากนั้นก็เดินออกจากร้านไป ตามด้วยนาวินก็เดินออกจากร้านของเขาเพื่อกลับบ้านไปเหมือนกัน

     

    กลับมายังโบสถ์ลึกลับแห่งหนึ่งในปารีส ซึ่งในวันนี้ ลอร์ดเวเวอร์ได้ทำโรงอาหารเลี้ยงบรรดาผู้ไร้บ้านและคนยากคนจนทั้งหลายแหล่ในกรุงปารีส โดยที่เกรย์เองก็เป็นลูกมือในการแจกจ่ายอาหารด้วย เหล่าคนไร้บ้านได้ต่อแถวเพื่อรอการแจกจ่ายอาหาร ในขณะเดียวกันนั้นเอง เดลล่าก็กลับออกมาจากการไปซื้อวัตถุดิบในการทำอาหาร ก็เดินตรงมาหาพวกเขาทั้งคู่ในทันที

    “หลวงพ่อ ของที่คุณต้องการได้แล้วหล่ะ”เดลล่าพูดขึ้น

    “ขอบใจมาก ยังไงก็เอาไปไว้ด้านในก่อนเลย”เวเวอร์พูดขึ้น

    “น้าเดลล่า ได้ยินว่าด้านนอกมีเรื่องกันด้านนอก จริงหรือเปล่าคะ??”เกรย์ถามอย่างตื่นเต้น

    “ก็พวกแก๊งค์เดิมๆนั่นแหละ เฮ้อ ไม่รู้เมื่อไหร่พวกนี้จะตายหมดๆซะที??”เดลล่าบ่นไป

    “เอาน่า ถ้าตำรวจยังจัดการได้ก็แล้วไป”เวเวอร์พูดขึ้น

    “ช่างมันดีกว่าค่ะ เราไปทำซุปเพิ่มดีกว่าค่ะ”เกรย์พูดขึ้น จากนั้นเดลล่าก็เอาของเดินกลับเข้าไปในครัว แล้วเธอก็ใช้น้ำสต๊อกที่เตรียมไว้อยู่แล้ว เคี่ยวกับวัตถุดิบเพิ่มเติม เมื่อเรียบร้อยแล้วเธอก็ยกหม้อออกมาด้านนอกในทันที แล้วเอามาสลับกับหม้อที่ว่างเปล่า แล้วรีบเติมให้คนไร้บ้านเหล่านั้นในทันที

    “นี่ก็ผ่านมา 4 เดือนแล้ว พี่เจอคนที่ตามหาหรือยังคะ??” เกรย์หันไปถามเดลล่า

    “ยังเลย ตอนนี้สองคนนั้นก็ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมเลย”เดลล่าตอบไป

    “เธอทำงานเป็นมาเฟีย เข้าถึงตัวก็ยากอยู่แล้วนี่”เวเวอร์พูดขึ้น

    “ไม่เป็นไร ถ้าฉันเจอฉันจะด่าให้ยับเลย”เดลล่าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็ตักซุปให้กับชายไร้บ้านคนหนึ่ง

     

    ในบาร์แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบาร์ใต้ดินที่มีคนเข้าคนออกมามาย พวกเขามาเพื่อดื่มสังสรรค์หลังจากที่ทำงานเหนื่อยกันมานาน และบนโต๊ะตัวหนึ่ง สองสาวเอลต้าและแจนก็กำลังนั่งดื่มกันบนโต๊ะ ท่ามกลางเหล่าชายหญิงที่มานั่งดื่มสังสรรค์กันด้วย และทั้งคู่ก็คุยกันบนโต๊ะไปด้วย

    “นี่ เธอว่ามันใช่ที่นี่แน่เหรอ??”แจนถามเอลต้าไป

    “ใช่ ที่นี่แหละ หนึ่งในบาร์ของ Black Hood”เอลต้าพูดขึ้น

    “ที่แบบนี้เนี่ยหน่ะเหรอ??”

    “ใช่ ข่าวของฉันวงในนะเฟ้ย”เอลต้าบอกไป

    “แล้วเราจะหาตัวคุณอีวาที่ไหนกันหล่ะ??”แจนถามไป

    “ได้ยินว่าเธออยู่ในบาร์ลับ ซึ่งเข้าได้เฉพาะแขก VIP เท่านั้น เราน่าจะต้องทำงานให้แก๊งค์นี้เพื่อเข้าถึงตัวเธอหน่ะ”เอลต้าพูดขึ้น แต่ในระหว่างที่เธอกำลังคุยกัน จู่ๆก็มีชายสองคนเดินมานั่งที่โต๊ะเธอ และก็นั่งดื่มเหล้าต่อหน้าเธอด้วย

    “น้องสาว พี่ดื่มเป็นเพื่อนหรือเปล่าจ๊ะ??”

    เอลต้าไม่พูดพร่ำทำเพลง คว้าขวดเหล้าตีหัวไปที่ชายคนนั้นข้างๆ ส่วนอีกคนก็โดนแจนเอาเชือกของเธอรัดคอไว้ ทำเอาเอลต้าต้องพูดขึ้นมา

    “วันนี้ฉันอารมณ์ไม่ดี อย่ามายุ่ง!!”เอลต้าพูดขึ้น จากนั้นแจนก็ปล่อยร่างของมันร่วงลงพื้น จากนั้นเธอก็วางเงินไว้บนโต๊ะแล้วรีบเดินออกจากร้านในทันที ท่ามกลางสายตาคนที่มองอยู่ด้านหลัง

     

    ณ สำนักงานแห่งหนึ่ง ซึ่งเอลเซ่ทำงานอยู่ที่นั่น เป็นพนักงานเสมียน เธอขยันทำงานเพื่อให้ได้เลื่อนตำแหน่ง และในวันนี้ เธอได้ทำงานไปด้วยและก็ได้ฟังวิทยุข่าวสารไปด้วย เธอเปิดฟังและทำงานไปด้วยโดยที่มีพนักงานคนหนึ่งผ่านมาฟังเข้าพอดี

    “ความคุกรุ่นของสถานการณ์ของเยอรมนีและโปแลนด์เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น ถึงแม้ว่าท่านนายกเชมเบอเลนแห่งอังกฤษจะเดินทางไปเยอรมนีและพบปะกับฮิตเลอร์ แต่ก็ยังไม่มีท่าทีว่าฮิตเลอร์จะหยุดคุกคามโปแลนด์ หลังจากที่พวกเขายึดครองสโลวาเกียเรียบร้อยแล้ว และเพิ่งจะทำสนธิสัญญาไม่รุกรานกันกับสหภาพโซเวียต ทางยุโรปต่างได้แต่ระวังและจับตามองว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป..”

    “เฮ้อ อีกไม่นานหล่ะ พวกนาซีคงบุกไปยุโรปเลยหล่ะ!!”

    “คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง??”เอลเซ่พูดปรามไป

    “ทำไมจะไม่ได้หล่ะ พวกมันต้องการทำสงครามเพื่อล้มล้างสนธิสัญญาแวร์ซายน์ยังไงหล่ะ อีกไม่นานเราหล่ะ อีกไม่นานพวกมันคงบุกฝรั่งเศสแน่นอน”

    “ถึงยังไงพวกเขาก็คงโจมตีพวกเราไม่ได้หรอก”เอลเซ่พูดขึ้น

    “ก็ไม่แน่หรอก เออนี่ ฉันกลับบ้านก่อนนะ เธอก็รีบกลับบ้านด้วยหล่ะ” เพื่อนของเธอพูดขึ้นจากนั้นก็เดินออกไป ส่วนเอลเซ่เธอก็ดูนาฬิกาไปด้วย ก็พบว่านี่เป็นเวลาที่เธอต้องกลับบ้านแล้ว เธอรีบเก็บเอกสาร เก็บของส่วนตัวของเธอแล้วก็รีบกลับบ้านในทันที

     

    ณ ถนนเส้นหนึ่ง ซึ่งมันจะพานาวินกลับไปที่คอนโดของเขา เขารีบเดินกลับไปเพราะเขาเหนื่อยมาแล้วทั้งวัน แต่จู่ๆในตอนนั้นเอง

    “ฟิ้ว!!”

    “หมับ!!”

    มีของอะไรบางอย่างลอยมาใส่หัวเขา แต่นาวินจับเอาไว้ได้ เขามองไปยังด้านที่ของลอยมา จู่ๆก็พบว่ามีชายคนหนึ่งกำลังจะปาของใส่เขา แต่ในตอนนั้นเอง นาวินก็หยิบมันได้แล้วปาใส่กลับ

    “ตุ้บ!!”

    นาวินปาของใส่หน้าชายคนนั้นเต็ม ทำเอาชายคนนั้นร้องโหยหวน จากนั้นก็มีชายใส่ชุดสูทสองคนเดินมาหานาวินพร้อมปืน มันเล็งปืนใส่นาวิน แต่นาวินก็หลบได้แล้วจับมันหักแขน พอปืนมันร่วงนาวินก็เตะปืนทิ้ง แล้วต่อยพวกมันสองตัวร่วงลงพื้น จากนั้นนาวินก็เดินไปหาชายตัวปัญหาคนนั้นในทันที

    “แกปาของใส่ฉันทำไมวะ??”

    “ทำไมวะ ฉันก็แค่หมั่นไส้พวกยิวหว่ะ แกรู้ไหมฉันเป็นใคร??”ชายคนนั้นตอบนาวินไป

    “ฉันจะไปรู้ได้ไง นายเองยังไม่รู้เลย”

    ชายคนนั้นโกรธจัดจะต่อยนาวิน แต่นาวินรับหมัดเขาได้และหักแขนชายคนนั้น จากนั้นเขาก็ถามชายคนนั้นต่อ

    “มึงซ่าส์มากหรือไงวะ คิดว่ามึงเป็นใครวะ??”

    “ฉันลาเกียครูซ รอมเมล ปู่ฉันเป็นนายทหารใหญ่เยอรมันหว่ะ”มันตอบนาวินไป

    “งั้นเหรอ ชื่อไม่เห็นเหมือนพ่อกูเลยหว่ะ”นาวินพูดแล้วก็ต่อยหน้ามันจนร่วงลงพื้น ทำเอาคนอื่นๆถึงกับมองเป็นตาเดียว

    “ไอ้ระยำ ฉันพนันได้เลยแกไม่ได้ดีแน่ ฉันจะจำแกไว้เลย!!”

    ลาเกียครูซพูดขึ้น จากนั้นเขาก็รีบลากสังขารตัวเองและลูกน้องเดินหนีจากนาวินในทันที ส่วนตัวนาวินเองตอนนั้นก็รีบกลับบ้านเพื่อพักผ่อน แต่ในระหว่างที่นาวินกำลังเดินกลับเข้าไปในบ้าน จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากในซอยแคบในละแวกนั้น นาวินรีบเดินเข้าไปในซอยทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคนคุยกันสองฝ่าย

    "เฮ้ย เมื่อไหร่แกจะจ่ายหนีให้เรา??"

    "หนูขอร้อง ให้เวลาหนูหน่อย หนูจะรีบหามาให้"

    "ไม่ได้ ดอกเบี้ยมันเพิ่มขึ้นมากแล้ว ตอนนี้พวกแกต้องจ่ายฉัน 5000 ฟรังก์นะเว้ย"

    "ฉันขอร้อง ฉันจะรีบหามาให้เลย??" เสียงหญิงมีอายุคนหนึ่งพูดร้องขอพวกมัน

    "ไม่ได้ ถ้าไม่จ่ายฉันจะฆ่าพวกแก"

    นาวินได้ยินดังนั้นจึงไปผลักมันออกในทันที และในตอนนั้นเอง เขาก็ได้เจอกับคนที่เขาตามหามานานมาก ซึ่งนั่นก็คือ

    "แม่ครับ!!"

    "นอร์ดี้!!"

    "นาวิน เป็นยังไงบ้างลูก??"

    แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทักทายกัน จู่ๆมันคนหนึ่งก็พยายามแยกพวกเขาออกจากกัน และจู่ๆมันก็กระชากหัวนาวินออกมา แต่นาวินก็หักแขนมันแล้วเล่นงานพวกมันเรียงตัว ทำเอาพวกมันถึงกับน่วมไปเลย

    "มึงรู้มั้ยว่ามึงทำอะไรอยู่ พวกมึงไม่ตายดีแน่ พวกเขาต้องได้เงินคืนไม่งั้นไม่จบแน่!!"

    ในตอนนั้นเองนาวินก็ควักเงินเขาออกมาแล้วก็ยัดใส่ปากของมัน จากนั้นก็พูดขึ้น

    "นี่ไง 5000 ฟรังก์ กูแถมให้ 1000 ค่ายาพวกมึง รีบไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นกูจะตามล่ายันเจ้านายพวกมึงเลย!!"

    "แค่นี้ไม่พอหรอก ยังเหลืออีก 10000 ฟรังก์เว้ย แต่เอาเถอะ มึงหามาได้ก็ดี กูให้เวลามึงอีก 1 อาทิตย์ หามาให้ได้ 10000 ฟรังก์ ไม่งั้นพวกมึงเป็นศพกันหมดแน่" มันอีกคนหนึ่งพูดขึ้น จากนั้นพวกมันก็ลากสังขารหนีออกไปจากซอยนั้น ส่วนตัวนาวินก็เข้าไปกอดแม่เขาในทันที

    "แม่ครับ ไม่เป็นไรนะครับ??"

    "ไม่เป็นไรลูก แม่ขอโทษที่ไม่ได้มารับลูกไปนะ แม่ไม่อยากให้ลูกมาเดือดร้อนด้วย"

    "พี่นอร์วิน หนูคิดถึงพี่มากนะคะ" นอร์ดี้บอกเขาไป

    "นี่ลูกไปหาเงินจากไหนหล่ะ ไม่ได้ทำผิดกฎหมายใช่หรือเปล่าลูก??"

    "ไม่เป็นไรครับ ผมจัดการได้ครับแม่ เรื่องเงินผมจัดการเอง แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ" นาวินพูดขึ้น

    "ยังไงก็เข้าบ้านก่อนสิลูก" แม่ของเขาพูดขึ้น จากนั้นแม่ของเขาก็พาเขาเข้าไปในบ้านทันที

    ===============================================================

    นาวินได้เจอกับแม่ของเขาแล้ว แต่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับแม่เขากันแน่ และเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า
    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลผมด้วย

    วันนี้วันเกิดข้าพเจ้า เย้ๆ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×