ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Nazi Mafia - เมืองนี้ข้าจอง

    ลำดับตอนที่ #32 : ตอนที่ 28 : แผนเกษียณ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 79
      2
      11 ต.ค. 63

    เช้าวันต่อมา กลุ่มของนาวินและคนอื่นๆก็เดินทางไปยังที่มั่นของกลุ่ม Black Hood ซึ่งพวกเขาจับตัวออเรียสได้ พวกของนาวินขับรถไปเรื่อยๆตามเส้นทาง จนกระทั่งพวกเขามาถึงด่านๆหนึ่ง นาวินก็ชูบัตรของเขาให้พวกนั้นดู เขาปล่อยพวกนาวินไป จากนั้นก็ขับมาเรื่อยๆ จอดรถแถวนั้น และเดินเท้าต่อเข้าไปในป่า และเมื่อมาถึง พวกเขาก็เห็นออเรียสถูกจับมัดอยู่ที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง พวกของนาวินเดินเข้าไปดูในทันที โดยที่อีวาและแก๊งค์เวียดนามคนอื่นๆกำลังยืนมองออเรียสอยู่

    "สวัสดีครับ เอาตัวมันมาได้ยังไงครับเนี่ย??" นาวินถามอีวาไป

    "อ้อ บุกไปที่คาสิโนมันหน่ะ" อีวาพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง โอ๊คก็เดินเข้าไปต่อยหน้าออเรียสมันไปหนึ่งหมัดทันที

    "ตุ๊บ!!"

    "โอ๊ย ต่อยกูทำไมวะ??" ออเรียสตะโกนถามไป

    "มึงจำได้มั้ย เมื่อ 6 ปีที่แล้ว มึงฆ่าพวกกูและทำอะไรกับคนรักของกู!!" โอ๊คพูดขึ้น

    "เฮ้ย ใจเย็นๆ มันจบแล้วหล่ะ ไม่ต้องห่วง" ชาร์ลีห้ามปรามโอ๊คไว้

    "แล้วนี่ พวกคุณมาที่นี่มีอะไรหรือเปล่าครับ??" แซนเดอร์ถามพวกของนาวินไป

    "อ้อ นี่เป็นแค้นส่วนตัวของเพื่อนเราหน่ะ" ทอร์รินพูดขึ้น

    "เราจะเอายังไงกับมันต่อดีเนี่ย??" ซิลเวียถามอย่างสงสัย

    "เราจะเอาตัวมันไปเข้าเครื่องบดเนื้อเอง!!" ริชาร์ด หัวหน้าแก๊งค์เวียดนามพูดขึ้น

    "ฉันว่า คุณอาจจะต้องต่อคิวยาวเลยนะคะ" โอลิเวียพูดขึ้น

    "ใช่ๆ งานนี้มันไม่ตายดีแน่ๆค่ะ" อิซาเบลพูดขึ้น

    "อย่าๆๆๆ อย่าทำอะไรผม ผมยอมยกทุกอย่างให้เลย!!" ออเรียสพูดขึ้นและร้องขอชีวิต

    "เฮ้อ แกมันหมดแล้ว แกจะมาเอาอะไรต่อรองอีก??" ลีโอนาร์ดพูดขึ้น

    "ผมรู้ว่าพวกของฟริตซ์ซ่อนของดีไว้ที่ไหน พวกคุณไปเอามันมาได้ รับรองว่าได้มากกว่าที่คุณฆ่าผมแน่ๆ" ออดรียสพูดขึ้น

    "ของอะไรของแกวะ??" เรย์มอนด์ถามอย่างสงสัย

    "คุณฟริตซ์เก็บเหล้าเถื่อนไว้มากมาย ตอนที่รัฐบาลนาซีสั่งพวกเราห้ามขาย ฟริตซ์นี่แหละเก็บมันไว้ขายและโก่งราคา มูลค่าของมันคงไม่ต่ำกว่า 2 ล้าน พวกคุณคงรวยเละแน่ๆ" ออเรียสพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ไอรีนที่วันนั้นเพิ่งจะมาถึง ในตอนนั้นเองออเรียสก็ดีใจมาก เขารีบเรียกเธอในทันที

    "ไอรีน ช่วยฉันด้วย พวกมันจับฉันมา!!"

    "ตุ๊บ!!"

    ไอรีนต่อยเข้าที่หน้าออเรียสอย่างไม่ลังเล จากนั้นก็พูดกับเขาต่อ

    "ไอ้ระยำ น้องชายของฉันตายก็เพราะแผนชั่วๆของแก!!" ไอรีนพูดขึ้น

    "ฉันทำอะไร ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย??" ออเรียสถามไป

    "ก็คุณส่งข่าวให้พวก SS รู้ยังไงหล่ะว่าพวกเราอยู่ที่ไหน" โทไบอัสพูดขึ้น

    "เดี๋ยวๆๆ ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆนะ ฉันสาบานได้!!" ออเรียสพูดขึ้น

    "คุณไอรีน นี่มันอะไรครับเนี่ย??" นาวินถามไอรีนไป

    "มันหลอกฉันว่ามันจะขอเจรจากับฉัน แต่พวกมันส่งข่าวให้พวก SS มาจัดการเราหน่ะ" ไอรีนพูดขึ้น

    "เฮ้อ เชื่อไม่ได้หรอกคนอย่างมัน ฉันว่าฉันจะเล่นมันให้ทรมานเลยดีกว่า" อีวาพูดขึ้น

    "เหลือไว้ให้ผมด้วยสิครับ!!" ริชาร์ดพูดขึ้น

    "ผมขอโทษ ไอรีน ฉันขอโทษ แต่ฉันไม่ได้ส่งข่าวให้พวก SS เลยนะ อาจจะมีหนอนในกลุ่มของเธอก็ได้!!" ออเรียสพูดขึ้น

    "หนอนงั้นเหรอ นี่แกว่าไงนะ??" ไอรีนถามไป

    "อย่าไปฟังมันนะคะ มันอาจจะโกหกก็ได้" ซิลเวียพูดขึ้น

    "ฉันว่าเวลาของแกหมดแล้วหล่ะ แกเน่าแน่ๆ" โอลิเวียพูดขึ้น

    "คุณอีวาคะ เราเอามันไปทรมานเลยดีกว่ามั้ยคะ??" อิซาเบลพูดขึ้น

    "ใจเย็นก่อน ให้พวกเขาได้คุยกันก่อนสิ!!" แซนเดอร์พูดขึ้น

    "ฉันสาบานได้ บางทีอาจจะมีสายอยู่ในกลุ่มพวกคุณก็ได้!!" ออเรียสพูดขึ้น

    "แกแน่ใจนะว่าแกไม่รู้อะไร ห่ะ??" เรย์มอนด์ตะโกนใส่หน้ามันไป

    "ใช่ ถ้าแกโกหก รับรองว่าแกไม่ตายดีแน่!!" ลีโอนาร์ดข่มขู่ออเรียสไป

    "ผมพูดจริงๆ อย่าทำอะไรผมเลย!!" ออเรียสพูดขึ้น

    "ฉันไม่สนแกแล้วหล่ะ นี่เพื่อน้องฉันทั้งสามคน อยากทำอะไรกับเขาก็ทำ!!" ไอรีนบอกกับอีวาไป จากนั้นอีวาก็ให้ลูกน้องของเธอลากตัวออเรียสไปในทันที  

    "ปล่อยกูนะเว้ย!!" ออเรียสพยายามตะโกนสู้ไป แต่ก็ไม่ได้ผล พวกนั้นลากตัวออเรียสไปอย่างไม่ใยดี

    "จบเรื่องแล้วสินะ ว่าแต่ พวกนายมาที่นี่มีอะไรหรือเปล่า??" อีวาถามนาวินไป

    "คือพวกเรามีเรื่องสำคัญต้องบอกพวกคุณ และให้เตือนแก๊งค์อื่นๆด้วยครับ" นาวินพูดขึ้น

    "พวกสัมพันธมิตรเตรียมจะกวาดล้างพวกเราหลังสงครามจบครับ!!" ทอร์รินพูดขึ้น ทำเอาคนในแก๊งค์ตกใจกันทุกคน

    "พวกมันจะหักหลังเรา เป็นไปได้ยังไงกัน??" ไอรีนถามไป

    "มันเป็นไปแล้วครับ พวกมันคงต้องการกำจัดวงจรมาเฟียหน่ะครับ คุณริชาร์ด คุณคงต้องไปจากที่นี่แล้วหล่ะครับ" ชาร์ลีพูดกับริชาร์ดไป

    "อืม ขอบใจมากที่นายมาเตือนฉันชาร์ลี!!"

    "ผมเองก็พอเข้าใจได้หล่ะ พวกเขาคงเห็นเราอาจจะเป็นปัญหาในอนาคตหน่ะ" แซนเดอร์พูดขึ้น

    "ฉันว่าเรารวบรวมคนไปเล่นงานพวกนั้นเลยดีกว่า" อิซาเบลพูดขึ้น

    "ลำบากมาก พวกสัมพันธมิตรมีกำลังคนเยอะกว่าเรามาก พวกนั้นขยี้เราได้รวดเร็วแน่ๆ" ซิลเวียพูดขึ้น

    "ผมว่า พวกคุณคงต้องรีบไปจากที่นี่กันแล้วหล่ะครับ" โอ๊คพูดขึ้น

    "แต่ว่า พวกเราจะหนีไปที่ไหนหล่ะ??" โอลิเวียถามไป

    "พวกคุณมีสถานที่กบดานที่ใหม่หรือเปล่าหล่ะ??" เรย์มอนด์ถามไป

    "ฉันมีธุรกิจและเครือข่ายอยู่ที่แอฟริกา ฉันว่าจะเดินทางไปที่นั่น ที่นั่นพวกสัมพันธมิตรไม่น่าจะกวดขันอะไร" อีวาพูดขึ้น

    "ความคิดดีนะครับ ผมว่าถ้าเรารีบหนี เราน่าจะรอดจากพวกนั้นนะครับ" ลีโอนาร์ดพูดขึ้น

    "อืม ถ้าอย่างงั้นเราคงต้องรีบทำอะไรหน่อยแล้วหล่ะ แล้วพวกของนายรู้หรือยังหล่ะ??" อีวาถามนาวินไป

    "พวกเขาน่าจะรู้กันหมดแล้วหล่ะครับ" นาวินพูดขึ้น

    "ถ้าอย่างงั้นเราจะรีบไปขนของเพื่อหลบหนีนะคะ" ซิลเวียพูดขึ้น

    "อย่าเพิ่งไปเร่งรีบมาก เพราะพวกเขาอาจจะคิดว่าเราไหวตัวทัน แล้วอาจจะเล่นงานพวกเราก่อนก็ได้" แซนเดอร์พูดขึ้น

    "แล้วเงินของเราหล่ะคะ เราจะเอาไปฝากไว้ที่ไหน??" โอลิเวียถามไป

    "เอาไปฝากไว้ที่แอฟริกา แลกเป็นพันธบัตร ขนทองคำของเราไปด้วยหล่ะ" อีวาพูดขึ้น

    "ค่ะ ฉันจะจัดการเอง" อิซาเบลพูดขึ้น

    "เฮ้อ งานนี้พวกเราคงตกที่นั่งลำบากแล้วหล่ะ" เรย์มอนด์พูดขึ้น

    "ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ตอนนี้พวกสัมพันธมิตรยังทำอะไรไม่ได้ แต่เราต้องรีบกันหน่อยหล่ะ" ลีโอนาร์ดพูดขึ้น

    "คุณไอรีนครับ ผมว่าเราคงต้องทำอะไรซักหน่อยแล้วหล่ะครับ" โทไบอัสพูดขึ้น

    "เฮ้อ ฉันว่าจะไปที่อเมริกาหน่ะ ฉันอยากไปเริ่มชีวิตใหม่นั่นมานานแล้ว" ไอรีนพูดขึ้น

    "งานนี้พวกคุณต้องรีบหน่อยแล้วหล่ะครับ นานไปพวกมันจะเริ่มเล่นงานเราได้" ทอร์รินพูดขึ้น

    "ขอบคุณมากเลยนะคะ คุณทอร์ริน ขอบคุณที่ช่วยฉันมาตลอดนะคะ" ซิลเวียตอบเขาไป

    "ชาร์ลี ได้ยินว่านายอยากจะกลับเวียดนาม เย็นนี้มาเจอกับฉัน ฉันจะคุยกับนายเรื่องนี้หน่อยหน่ะ" ริชาร์ดพูดขึ้นกับเขา จากนั้นตัวเขากับลูกน้องก็เดินออกไปในทันที

    "คุณริชาร์ด เราจะส่งซากของไอ้ออเรียสไปให้ถึงที่เลยนะคะ" อีวาพูดขึ้นไล่หลัง จากนั้นริชาร์ดก็เดินต่อไป

    "เฮ้อ ในที่สุดก็จบไปเรื่องนึงแล้วสินะ" โอ๊คพูดขึ้น

    "คุณไอรีนครับ ผมอยากคุยกับคุณหน่อย!!" นาวินพูดกับเธอ จากนั้นเขาก็พาเธอไปคุยกันในที่เงียบๆสองคน จากนั้นก็เริ่มการสนทนาในทันที

    "ผมขอบคุณมากนะครับที่ช่วยดูแลน้องสาวกับแม่ผม" นาวินพูดขึ้น

    "ไม่เป็นไรหรอก คุณเสี่ยงเพื่อช่วยพวกเรา ฉันทำแค่นี้สบายจะตาย" ไอรีนพูดขึ้น

    "คุณจะเอายังไงต่อกับเรื่องนี้หล่ะ??" นาวินถามไป

    "ก็อย่างว่าหน่ะ ฉันอยากไปอเมริกามานานแล้ว" ไอรีนพูดขึ้น

    "อืม แม่ผมกับน้องสาวผมก็อยากไปนะครับ"  

    "จริงเหรอ แล้วคุณจะเอายังไงต่อหล่ะ??" ไอรีนถามไป

    "อืม ผมคงจะทิ้งทุกอย่างแล้วไปที่นั่น คุณอยากไปกับผมหรือเปล่าหล่ะ??" นาวินถามเธอไป ทำเอาเธอถึงกับหน้าแดง

    "บ้า นี่นายคิดอะไรเนี่ย??" ไอรีนถามไป

    "ผมแค่อยากอยู่กับคุณ อยากใช้ชีวิตกับคุณหน่ะ" นาวินพูดขึ้น

    "คุณนอร์วิน ฉันรู้ค่ะ และขอบคุณสำหรับทุกอย่างเลยค่ะ" ไอรีนพูดขึ้น

    "ผมว่า เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นดีกว่านะ" นาวินพูดแหย่เธอไป

    "แหม่ รอให้เสร็จงานนี้ก่อนสิ ฉันมีเพื่อนที่ท่าเรือ ฉันจะให้พวกเขาพาเราไปส่งที่อเมริกาหน่ะ" ไอรีนพูดขึ้น

    "อืม ผมเข้าใจ ผมว่าจะไปบอกแม่กับน้องของผมก่อนหน่ะ" นาวินพูดขึ้น

    "แล้วเราจะเจอกันอีกเมื่อไหร่หล่ะ??" ไอรีนถามไป

    "ไม่นานหรอกครับ แล้วคุณพอรู้หรือเปล่า ว่าพวกไหนมันทำกับคุณแบบนี้??" นาวินถามไป

    "พวก SS หน่ะ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าหัวหน้าของพวกมันเป็นใคร"  

    "เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง ผมจะสะสางเรื่องที่เหลือทั้งหมด แล้วไปจากที่นี่" นาวินพูดขึ้น

    "ฉันขออวยพรให้คุณทำสำเร็จนะคะ" ไอรีนบอกกับเขาไป

     

    กลับมายังที่มั่นของแก๊งค์ THe Crow ในวันนั้นเององค์จักรพรรดินีก็ได้เดินทางมาที่นี่เพื่อปรึกษาหาเรือเกี่ยวกับเรื่องที่สัมพันธมิตรจะกวาดล้างพวกเขา และดูเหมือนว่าพวกเขาจะต้องหาทางออกเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจังด้วย องค์จักรพรรดินีถามทุกคนเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ในทันที

    "พอมีใครรู้หรือเปล่า ว่าใครมาบอกนอร์วินเรื่องนี้หน่ะ??" องค์จักรพรรดินีถามไป

    "อ่า น้องสาวของเขาครับ เธอเล่าให้ฟังว่ามีนายทหารอังกฤษคนหนึ่งมาที่ร้านของเธอ แล้วมาบอกเรื่องนี้กับเธอครับ!!" แจ๊คสันตอบไป

    "อืม ฉันอยากรู้นายพลคนนั้นเป็นใคร ทำไมเขาถึงมาบอกพวกเราหล่ะ??" องค์จักรพรรดินีถามต่อ

    "อันนี้ทางเราก็ไม่ทราบจริงๆครับ คงต้องถามนอร์วินเองหน่ะครับ" ทากะพูดขึ้น

    "แล้วนี่ นอร์วินเขาไม่บอกอะไรเราเลยงั้นเหรอ??" โจชัวถามคนอื่นๆไป

    "เท่าที่จำได้ เขาเล่าให้ฟังว่า เขาเคยช่วยชีวิตทหารคนหนึ่งไว้ ผมคิดว่า น่าจะเป็นคนนี้แหละครับ" เควินพูดขึ้น

    "นายพลที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มกบฏในปารีส หลักๆมีสองคน คือนายพลรอส และนายพลอัลเฟรดครับ" ปิแอร์พูดขึ้น

    "สองนายพลนี่เหรอ พวกเขามีอิทธิพลมากเลยนะในอังกฤษ เพื่อนรักของนายพลมอนโกเมอรี่ด้วย" โจนาสพูดขึ้น  

    "แล้วใครหล่ะ ที่พอจะเป็นไปได้ที่มาบอกนอร์วินหล่ะ??" แอนนาถามไป

    "ถ้าให้ผมเดา ผมว่า นายพลรอสน่าจะช่วยนอร์วินไว้ เพราะผมน่าจะเคยเห็นเขา" แอ็กเซลพูดขึ้น

    "แล้วอีกคนหนึ่งหล่ะ เขาเป็นยังไงบ้างหล่ะ??" ทาเนียถามไป

    "ผมว่า นายพลปิแอร์คนนั้นไม่น่าจะช่วยนอร์วินหรอก" โจนาสพูดขึ้น

    "อืม น่าจะเป็นไปได้ เผลอๆอาจจะเป็นตัวตั้งตัวตีก็ได้" โจชัวพูดขึ้น

    "สืบเรื่องของมันให้ได้ เอาแบบคาหนังคาเขาเลย!!" องค์จักรพรรดินีพูดขึ้น

    "ครับ พวกผมจะจัดการเองครับ เราจะหาข้อมูลจากเขาให้ได้" เควินพูดขึ้น

    "ผมว่า คนของเขาน่าจะคุ้มกันเขาอยู่ น่าจะสืบกันยากครับ" ปิแอร์พูดขึ้น

    "เราน่าจะส่งสายเข้าไปในนั้น หรือไม่ก็หาซักคนมารีดความลับก็ได้" แจ๊คสันพูดขึ้น

    "จริงด้วย ถ้าอย่างงั้น ผมจะส่งนินจาของผมไปสืบเรื่องนี้เองครับ" ทากะพูดขึ้น

    "ดี ถ้าอย่างงั้นก็จัดการด้วยก็แล้วกัน" องค์จักรพรรดินีพูดขึ้น

    "ผมจะพยายามหาคนที่พอจะรีดความลับได้มารีดความลับมันเองครับ" แอ็กเซลพูดขึ้น

    "หรือไม่ เราก็จับนายทหารที่มีเอี่ยวกับเรื่องนี้มาก็ได้นี่คะ" ทาเนียพูดขึ้น

    "แล้วคนนั้นเป็นใครกันหล่ะ??" แจ๊คสันถามไป

    "เรืออากาศโทริชาร์ด และเรือโทหญิงอลิซ สองคนนี้ทำงานให้กับนายพลพวกนี้ค่ะ" ทาเนียพูดขึ้น

    "อืม คงต้องลักพาตัวพวกเขาทั้งคู่มาที่นี่แล้วหล่ะ" เควินพูดขึ้น

    "ใช่ แต่ต้องทำเงียบๆหล่ะ อย่าให้รู้ว่าพวกเราเป็นใคร แล้วอย่าฆ่าพวกเขา ไม่อย่างงั้นพวกเราจะซวย" ปิแอร์พูดขึ้น

    "ผมจะให้นินจาของผมจัดการเองครับ" ทากะพูดขึ้น

    "จริงด้วย เธอน่าจะรู้อะไรเพิ่มเติมด้วย คงต้องถามเธอดีๆก่อนหล่ะ" โจนาสพูดขึ้น

    "แล้วนายพลรอสกับอัลเฟรดจะไม่รู้ก่อนเหรอคะ??" แอนนาถามไป

    "ผมว่าพวกนั้นไม่รู้หรอก ถ้าเราทำแบบเงียบๆ และไม่ให้ใครรู้ว่าพวกเราเป็นใคร เราจะทำงานเร็ว และปล่อยพวกเขาอย่างรวดเร็วเลย" แอ็กเซลพูดขึ้น

    "อืม ดีมาก เอาแบบนี้เลยแล้วกัน พวกเราจะจับสองคนนั้นมาเค้นความลับ ถ้าได้มาก็ปล่อยพวกเขา เราจะไม่ทำอะไรสุ่มเสี่ยงเด็ดขาด" องค์จักรพรรดินีพูดขึ้น

    "ครับ ผมจะจัดการเอง แล้วนี่ ถ้าเจอนอร์วิน เรียกเขามาหาผมด้วย ผมจะถามอะไรเขาเพิ่มเติมหน่อย เอาหล่ะ ไปจัดการได้" แจ๊คสันพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันไปทำงานตามที่ได้รับมอบหมายในทันที 

     

     

    กลับมายังบริษัทของโลเปซ หลังจากที่เขาสังหารเฮนรี่ นายทหารผู้ทรยศได้สำเร็จ ตัวเขาก็กลับมาที่บ้านเพื่อวางแผนการเพิ่มเติม ในวันนั้นเอง เขาเดินไปที่ตู้เซฟ จากนั้นก็ค่อยๆเปิดประตูตู้เซฟของเขาในทันที และเมื่อเขาเปิดเซฟออกมา เขาก็พบกับเอกสารเล่มหนึ่ง เขาหยิบมันออกมาในทันที แล้วเรียกเลขาของเขามา

    "ท่านประธานคะ มีอะไรหรือเปล่าคะ??"  

    "เอกสารนี่ รีบสำเนาและส่งไปให้นายพลมอนโกเมอรี่ที นายพลไอเซนฮาวน์ก็ได้" โลเปซพูดขึ้น

    "นายพลมอนโกเมอรี่ นายพลไอเซนฮาวน์เหรอคะ??"

    "ใช่แล้วหล่ะ ส่งไปด้วยหล่ะ"  

    "ไม่ทราบว่ามันเป็นเอกสารอะไรคะ??" เลขาของเธอถามไป

    "เอกสารการทุจริตที่ทหารสัมพันธมิตรมีส่วนเอี่ยวด้วย" โลเปซพูดขึ้น

    "ห่ะ พวกเขามาเกี่ยวอะไรด้วยหล่ะคะ??"

    "ก่อนหน้าวันที่พวกสัมพันธมิตรจะยกพลขึ้นบก พวกเขามาติดต่อกับแก๊งค์มาเฟียเพื่องานของพวกเขา ฉันเก็บเอกสารพวกนี้ไว้ เผื่อว่าวันหนึ่งพวกสัมพันธมิตรหักหลังเรา แล้วก็ ส่งไปให้นักข่าวทั่วโลกไปด้วยหล่ะ" โลเปซพูดขึ้น

    "ถ้าพวกเขาชนะสงคราม แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรหล่ะคะ??" เชขาของเขาถามไป

    "อย่างน้อยก็ให้พวกเขานั่งไม่ติดเก้าอี้เลยหล่ะ" โลเปซพูดขึ้น

    "ค่ะ แต่ไม่รู้มันจะได้ผลหรือเปล่านะคะ" เลขาพูดปรามไป

    "เอาเป็นว่าไปจัดการก่อน จากนั้นจะเป็นยังไงค่อยว่ากัน แล้วก็ ส่งข้อมูลพวกนี้ให้โซเวียตด้วยหล่ะ" โลเปซพูดขึ้น

    "โซเวียต ทำไมหล่ะคะ??"

    "หลังจบสงครามนี้ อีกไม่นานโซเวียตคงเตรียมเปิดศึกกับอเมริกาแน่ๆ ฉันเชื่ออย่างงั้น" โลเปซพูดขึ้น

    "ค่ะ หวังว่าท่านคงจะคิดถูกนะคะ" เลขาพูดขึ้น

    "ไม่ต้องห่วง จัดการตามนั้นก่อน แล้วค่อยว่ากัน" โลเปซพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ลูกน้องของเขาคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในบริษัทของเขา แล้วเข้ามาหาเขาในทันที

    "นายครับ เราไปจัดการตามที่นายบอกมาแล้วครับ!!"

    "เหรอ แล้วยังไงต่อหล่ะ??" โลเปซถามไป

    "ผมติดต่อกับแก๊งค์คนอื่นๆแล้วครับ พวกเขารับรู้เรื่องทั้งหมดแล้วครับ"

    "ดี แล้วคนของสัมพันธมิตรที่ฉันให้ติดต่อหล่ะ พวกเขาว่ายังไงหล่ะ??" โลเปซถามไป

    "พวกเขาจะนัดเจรจากับคุณอีก 2 วันครับ!!"

    "ดี เตรียมคนของเราให้พร้อม แล้วคุณเลขา ส่งเอกสารให้ผมตามที่ผมบอก ใน 2 วัน เรามีเวลาแค่นั้นจริงๆ" โลเปซพูดขึ้น

    "ค่ะ ฉันจะรีบดำเนินการค่ะ" เลขาพูดขึ้น

     

    กลับมายังคฤหาสน์ของฟริตซ์ ในวันนั้นเองเขาก็เตรียมพร้อมสำหรับการย้ายที่อยู่ของเขา เนื่องจากว่าเขาต้องการออกไปจากฝรั่งเศส ไปยังชิลี โดยที่ตัวเขาเองก็ควบคุมการขนย้ายของมีค่าของเขาด้วยตัวเอง โดยที่วาลก็คอยเช็คของไปด้วย

    "นี่ๆ เอาของพวกนี้ไปให้หมดเลยนะ!!" ฟริตซ์ตะโกนสั่งไป

    "คุณฟริตซ์ แล้วนี่ของที่โกดังจะเอายังไงหล่ะคะ??" วาลถามไป

    "เอาขนใส่เรือให้หมด เหล้าเถื่อน แล้วก็ทองคำของฉันด้วยหล่ะ" ฟริตซ์พูดขึ้น

    "ค่ะ ตอนนี้เรือลำแรกของเราออกจากฝรั่งเศสแล้ว พวกเขาจะถึงชิลีใน 10 วันนี่ค่ะ" วาลพูดขึ้น

    "ดี หาเส้นทางที่พวกสัมพันธมิตรไม่เห็นหล่ะ แล้วฉันจะตามไป ติดตามข่าวเป็นระยะๆด้วยหล่ะ" ฟริตซ์พูดขึ้น แล้วในขณะเดียวกันนั้นเอง ลูกน้องของเขาคนหนึ่งก็มารายงานข่าวอะไรบางอย่างกับเขาไปด้วย

    "ท่านครับ มีข่าวจากลาเกียครูซครับ!!"

    "มีอะไรหล่ะ ว่ามาเลย??" ฟริตซ์ถามไป

    "มีอาหนึ่งในหุ้นส่วนของเราทรยศเราครับ ตอนนี้เธอกำลังหนี เขาส่งคนไปตามล่าแล้ว"  

    "ท่านคะ เราน่าจะไปตามล่าเธอนะคะ ไม่แน่เธออาจจะรู้อะไรก็ได้" วาลพูดขึ้น

    "ไม่ต้องหรอก ปล่อยให้พวกมันฟัดกันเองให้ตายไปเลย" ฟริตซ์พูดขึ้น

    "แล้วมีอาจะไม่สร้างปัญหาให้เราเหรอคะ??" วาลถามไป

    "ไม่หรอก กว่าจะถึงตอนนั้น พวกเราก็หนีไปไหนต่อไหนแล้ว ตอนนี้เราต้องเก็บคนของเราไว้คุ้มกันหน่ะ" ฟริตซ์พูดขึ้น

    "ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ!!" วาลตอบไป และในตอนนั้นเอง ลูกน้องของเขาคนหนึ่งก็เดินมาหาเขาในทันที

    "คุณฟริตซ์ครับ รถพร้อมแล้วครับ!!"

    "ดี เตรียมพร้อมไว้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้หล่ะ" ฟริตซ์พูดขึ้น

    "คุณฟริตซ์ งานนี้เราต้องหนีให้รอดนะคะ" วาลพูดขึ้น

    "แน่นอน เราจะไปกบดานที่ชิลีซักพัก ทำธุรกิจที่นั่น แล้วค่อยหาทางมาปารีสอีกที แล้วอย่าลืมเรื่องพาสปอร์ตปลอมด้วยหล่ะ" ฟริตซ์พูดขึ้น

    "ค่ะ ฉันให้คนของฉันจัดการแล้วค่ะ" วาลตอบไป

    "ดี ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมก็บอกฉันแล้วกัน" ฟริตซ์พูดขึ้น จากนั้นตัวเขาก็รีบไปเดินขึ้นรถที่รอเขาอยู่ในทันที

    และที่โกดังแห่งหนึ่งในเขตของฟริตซ์ ทอมมัสและลูกน้องของเขาที่เหลือก็เตรียมพร้อมสำหรับการตอบโต้แก๊งค์อีกาที่เล่นงานเขา เขารวบรวมคนได้ประมาณ 40 กว่าคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกน้องเก่าของฟริตซ์ เขาติดอาวุธให้และวางแผนกันในทันที

    "เราจะไปบุกโจมตีที่มั่นพวกอีกาดำ เอาให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย!!" ทอมมัสพูดขึ้น

    "แต่ว่า พวกนั้นมีเป็นพันเลยนะครับ"

    "ไม่หรอก พวกมันส่วนใหญ่ปฏิบัติการในเมือง ส่วนน้อยที่เหลืออยู่ที่มั่น เราจะใช้จังหวะนี้เล่นงานมัน" ทอมมัสพูดขึ้น

    "เราต้องไปที่ไหนครับ??"

    "มีชายป่าตรงนี้ ที่ที่พวก SS เอากำลังคนไปปราบ ห่างไปอีกไม่กี่กิโล จะมีที่มั่นของพวกมัน เราจะไปโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัวเลย" ทอมมัสพูดขึ้น

    "แต่พวกเรามีกันแค่นี้นะครับ"

    "เออ ฉันขอแค่นี้ก็พอ รับรองว่างานนี้จะจบเร็วแน่นอน" ทอมมัสพูดขึ้น

    "แล้วทำไมเราถึงไม่ไปกับคุณฟริตซ์หล่ะครับ??"  

    "ปัดโธ่ ปล่อยให้พวกมันหนีไปเถอะ ฉันไม่หนีอย่างคนขลาดหรอก" ทอมมัสตะโกนใส่ลูกน้องของเขา

    "ครับ เข้าใจแล้วครับ"

    "เออ งานนี้เราจะเน้นเร็ว เข้าไปฆ่่ามัน แล้วหนีออกมา กว่ามันจะรู้ตัว พวกมันก็ตายหมดแล้วหล่ะ" ทอมมัสพูดขึ้น

    "ครับผม แล้วเราจะไปเมื่อไหร่ครับ??"  

    "คืนนี้เลย ไปขึ้นรถเลย" ทอมมัสพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็พากันไปขึ้นรถเพื่อเตรียมเดินทางในทันที

     

     

    ที่หน้าสำนักงานของหน่วย SS ในวันที่อากาศก็ดูจะสดใสเป็นปกติ แต่ในตอนนั้นเอง มิลเลอร์ก็ลากสังขารตัวเองเดินทางมาจนถึงที่นี่ โดยที่มือของเขาก็ปิดบาดแผลของเขาไว้ด้วย พร้อมกันนั้นเอง เขาก็นึกถึงเรื่องของเขาเมื่อคืนนี้ด้วย ตอนที่เขาอยู่กับเอริกะ

    "นี่เธอต้องการอะไรกันแน่??" มิลเลอร์ตะโกนถามเอริกะ ตอนที่เขานอนเจ็บแผลอยู่ในถ้ำ

    "อดัม มิลเลอร์ เมื่อหลายปีก่อน พ่อกับแม่ของนายพานายมาอยู่ที่ฝรั่งเศส"

    "รู้จักพ่อแม่ฉันด้วยเหรอ??" มิลเลอร์ถามไป

    "ยิ่งกว่ารู้อีก เขาเป็นลูกชายคนโตในตระกูลของเรา แต่บังเอิญไปได้กับสาวใช้ในบ้าน ปู่ของนายเลยไล่เขาออกจากบ้านไปหน่ะ" เอริกะพูดขึ้น

    "แล้วยังไงต่อ บอกฉันมาเดี๋ยวนี้??" มิลเลอร์ถามต่อไป

    "เขาหนีไปฝรั่งเศส หลังจากนั้น ทายาทคนอื่นๆของเขาก็มามีอันเป็นไป เขาไม่เหลือทายาทสืบตระกูล ปู่ของฉัน"

    "นี่เธอจะให้ฉันนับมันเป็นญาติงั้นเหรอ??" มิลเลอร์ตะโกนถามไป

    "ถึงนายจะโกรธเขายังไง แต่ตามสายเลือด นายก็เป็หลานเขาอยู่ดี" เอริกะพูดขึ้น

    "แล้วมันส่งเธอมาทำอะไรที่นี่หน่ะ??" มิลเลอร์ถามต่อ

    "เขาส่งฉันมาตามหานาย ทายาทคนสุดท้ายของตระกูล นี่เป็นคำสั่งเสียสุดท้ายของเขา ถ้าฉันไม่เห็นแกปู่ของฉัน ฉันไม่มาที่นี่หรอก" เอริกะพูดขึ้น

    "แล้วเธอเป็นใครกันแน่??"  

    "ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของลูกคนเล็กของตระกูลหน่ะ ส่วนคนกลางไม่มีลูก นายเป็นคนเดียวที่มีสิทธิในตระกูลหน่ะ" เอริกะพูดขึ้น  

    "ฉันไม่สนมันหรอก ฉันไม่แคร์ด้วย!!" มิลเลอร์ตะโกนออกมา

    "เหรอ นายจะไม่คิดกลับไปหาตระกูลของนายหน่อยเหรอ นายจะได้คุมธุรกิจของตระกูลด้วยนะ"

    "ฉันไม่สน แล้วทำไมเธอไม่ดำเนินการเองเลยหล่ะ??" มิลเลอร์ถามกลับไป

    "ฉันก็อยากทำอยู่หรอก แต่คุณปู่ขอให้ฉันมาตามหานายหน่อยหน่ะ" เอริกะพูดขึ้น

    "ถ้าอย่างงั้นก็เอาไปเลย ฉันยกให้!!" มิลเลอร์พูดขึ้น

    "นายอยู่แบบนี้สบายใจงั้นเหรอ อยู่ฝ่ายที่กำลังจะแพ้เนี่ยนะ??" เอริกะถามไป

    "แต่ฉันได้เลือกเส้นทางนี้แล้ว ฉันไม่แคร์ว่าใครจะคิดยังไง" มิลเลอร์พูดกับเธอ

    "ฉันไม่รู้ว่านายเจออะไรมาบ้าง แต่ก็เอาเถอะ ฉันไม่อยากจะขัดนายหรอก" เอริกะพูดขึ้น

    "กลับไปอเมริกาซะ แล้วก็บอกปู่ของฉันและของเธอด้วย ไปลงนรกซะ!!" มิลเลอร์พูดขึ้น

    "เฮ้อ นี่ถ้าฉันไม่เห็นแกปู่ของฉันนะ ฉันเอานายตายไปแล้ว แต่เอาเถอะ ถ้านายเลือกแบบนี้ก็ตามใจ ขอให้โชคดีแล้วกัน แล้วแผลนั่นหน่ะ ฉันช่วยให้อยู่ได้ชั่วคราว แล้วก็รีบกลับไปที่หน่วยแล้วกัน ขอให้โชคดี พี่ชาย!!" เอริกะพูดขึ้น จากนั้นเธอก็เดินออกจากถ้ำในทันที ปล่อยให้มิลเลอร์นอนอยู่ในถ้ำนั้นต่อไป

    กลับมายังปัจจุบัน มิลเลอร์ลากสังขารเดินทางมาเรื่อยๆ และในตอนนั้นเอง ยามคนหนึ่งก็เห็นเขาเข้า เลยไปหาเขาในทันที

    "ท่านมิลเลอร์ เขากลับมาแล้ว!!" ยามคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นแม็กซ์และออตโต้ที่อยู่ด้านในก็ออกมาดูในทันที แล้วก็รีบไปต้อนรับเขาด้วย

    "ท่านครับ ปลอดภัยดีนะครับ!!" แม็กซ์ถามด้วยความเป็นห่วง

    "ขอโทษด้วยนะครับที่เราต้องหนีออกมาก่อนครับ" ออตโต้พูดขึ้น

    "ไม่เป็นไรหรอก ช่างมันเถอะ" มิลเลอร์พูดขึ้น

    "แล้วเอริกะไปไหนเหรอครับ ไม่มาด้วยกันเหรอครับ??" แม็กซ์ถามอย่างสงสัย

    "เธอสละชีวิตช่วยฉัน" มิลเลอร์ตอบไป

    "เราจะส่งคนไปตามหาศพของเธอนะครับ" ออตโต้พูดไป

    "ไม่ต้องหรอก พวกมันเอาศพของเธอไปแล้วหล่ะ" มิลเลอร์พูดขึ้น

    "แล้วคุณจะเอายังไงต่อหล่ะครับ??" แม็กซ์ถามอย่างสงสัย

    "เห็นทีเราคงต้องเตรียมพร้อมถอนกำลังแล้วหล่ะ" มิลเลอร์พูดขึ้น

    "ห่ะ ทำไมหล่ะครับ เราจะไม่สู้กับพวกมันเหรอครับ??" ออตโต้ถามไป

    "ตอนนี้สัมพันธมิตรกำลังใกล้เข้ามาแล้ว รีบหนีก่อนยังพอที่จะสู้กับพวกมันได้" มิลเลอร์พูดขึ้น

    "ครับ แล้วเราจะไปเมื่อไหร่ครับ??" แม็กซ์ถามไป

    "ต้องรอทางเบอร์ลินสั่งมาอีกที ตอนนี้พาฉันไปพักผ่อนที" มิลเลอร์พูดขึ้น

    "ครับท่าน ผมจะไปเรียกหมอด้วยนะครับ" ออตโต้พูดกับเขา 

     

    กลับมายังบ้านพักของคาร์ลและลูเซีย ในวันนั้นเองพวกเขาทั้งคู่ก็ช่วยกันทำลายหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อไม่ให้ใครสาวถึงตัวพวกเขา พวกเขารีบเผาเอกสารอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆก็มีรถตำรวจประมาณสามคันขับพุ่งเข้ามาที่ประตูรั้วบ้านของเขา ทำเอาทั้งคู่ตกใจในทันที

    "คาร์ล พวกมันมาแล้ว!!" ลูเซียตะโกนไป

    "เผาไป ฉันจะสกัดพวกมันเอาไว้!!" คาร์ลพูดขึ้น และที่หน้าประตู ตำรวจพวกนั้นก็บุกเข้ามาในบ้านทันทีเพื่อบุกจับตัวทั้งคู่

    "คาร์ล ลูเซีย ให้ความร่วมมือดีๆดีกว่า!!" มันตะโกนขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง คาร์ลก็เดินออกมาพร้อมปืนกล MG34

    "ปังๆๆๆๆๆๆ"

    "ปืนกล หาที่หลบเร็ว!!"

    พวกมันต้องรีบหาที่หลบกระสุนของคาร์ล ในขณะที่คาร์ลก็ยิงสกัดพวกมันไม่ให้ขึ้นมาได้

    "ลูเซีย เสร็จหรือยัง??" คาร์ลถามไป

    "ใจเย็น จะหมดแล้ว!!" ลูเซียพูดขึ้น จากนั้นเธอก็เทกระดาษที่เหลือทั้งหมดลงในปิ๊ปในทันที  

    "เข้ามาเลย!!" คาร์ลตะโกนออกไป จากนั้นก็ยิงสกัดพวกมันต่อ แต่พวกมันก็ระดมยิงใส่เขา แถมยังบุกขึ้นมาอย่างต่อเนื่องด้วย

    "ใกล้แล้ว รีบเข้ามาในห้องเร็ว!!" ลูเซียพูดขึ้น จากนั้นคาร์ลก็ยกปืนกลขึ้น จากนั้นเขาก็กลับเข้าไปในห้อง จากนั้นก็ไปคุยกับลูเซียในทันที

    "นี่ เอายังไงต่อหล่ะ??" คาร์ลถามเธอไป

    "รีบไปเลย หนีออกทางหน้าต่างเร็ว" ลูเซียพูดขึ้น จากนั้นเธอก็โยนระเบิดเข้าไปลูกหนึ่ง จากนั้นพวกเขาก็หนีออกทางหน้าต่างในทันที

    "ตู้ม!!"  

    พวกเขารีบหนีลงหน้าต่างในทันที จากนั้นทั้งคู่ก็ลงไปที่โรงจอดรถด้านล่าง พวกเขารีบไปขึ้นรถในทันทีเพื่อหนีออกจากบ้านของเขา

    "แล้วต้องหนีไปไหนเนี่ย??" ลูเซียถามไปในขณะที่เตรียมสตาร์ทรถ

    "ไปที่ป่าเอเดน ด่วน!!" คาร์ลพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ขับรถออกมาจากโรงรถ จากนั้นก็ชนรถของพวกมันไปด้วย

    "โครม!!"

    หลังจากที่หนีออกมาจากบ้านได้ พวกเขาก็รีบบึ้งรถไปในทันที ก่อนที่พวกเกสตาโปจะมาตามจับพวกเขา 

     

    กลับมายังโบสถ์ของเวเวอร์ ซึ่งพวกเขาก็ยังคงติดต่อกับกลุ่มมาเฟียและช่วยเหลือทหารสัมพันธมิตรไปด้วย แต่ก็ดูเหมือนว่าอะไรๆเริ่มจะไม่เป็นใจแล้ว ในตอนนี้พวกเขาเริ่มจะโดนเพ่งเล็งเนื่องจากว่าติดต่อกับกลุ่มมาเฟีย ในวันนั้นเองเวเวอร์เรียกทั้งเอลต้าและแจนเข้ามาคุย ซึ่งในวันนั้นเองเกรย์กับอเดลล่าก็มาฟังด้วย เพื่อดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น

    "หลวงพ่อคะ เรียกเรามาคุยมีอะไรหรือเปล่าคะ??" เอลต้าถามบาทหลวงไป

    "พวกเธออาจจะต้องหนีไปจากที่นี่ซักพักแล้วหล่ะ" เวเวอร์พูดขึ้น

    "ห่ะ เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ทำไมถึงต้องไปจากที่นี่คะ??" แจนถามไป

    "ตอนนี้พวกสัมพันธมิตรเริ่มจะเพ็งเล็งเธอว่าจะติดต่อกับกลุ่มมาเฟียแล้ว" เวเวอร์พูดขึ้น

    "แล้วพวกพี่เขาจะไปที่ไหนกันเหรอคะ??" เกรย์ถามไป

    "ฉันมีบ้านพักอยู่ในปารีส พวกเธอสองคนไปอยู่ที่นั่นก่อนก็แล้วกัน" อเดลล่าพูดขึ้น

    "แล้วคุณอเดลล่าหล่ะคะ จะไม่เป็นอะไรเหรอคะ??" เอลต้าถามไป

    "ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่เป็นไร" อเดลล่าพูดขึ้น

    "พวกเธอต้องรีบไป ไม่อย่างงั้นมันจะไม่ปลอดภัย ทั้งพวกนาซีกับพวกสัมพันธมิตรอาจจะมาจับตัวเธอก็ได้" เวเวอร์พูดขึ้น

    "ถ้าอย่างงั้น พวกฉันสองคนจะไปติดต่อกับคุณอีวาดีกว่าค่ะ" เอลต้าพูดขึ้น

    "ค่ะ พวกพี่ไปอยู่กับคุณอีวาอาจจะปลอดภัยกว่านะคะ" เกรย์พูดขึ้น

    "แล้วนี่ พวกนาซีมันจะเอายังไงต่อคะเนี่ย??" แจนถามไป

    "ตอนนี้พวกเขาเริ่มจะถอยกลับไปแล้วหล่ะ เห็นพวกนาซีขนของกันทั้งวันทั้งคืนเลย" เวเวอร์พูดขึ้น

    "ดูเหมือนพวกนั้นคงกำลังจะหนีแล้วหล่ะค่ะ" เกรย์พูดขึ้น

    "ได้ข่าวมาว่าพวกสัมพันธมิตรใกล้จะถึงปารีสแล้ว สงครามคงกำลังจะจบแล้วหล่ะ" เอลต้าพูดขึ้น

    "ถ้าสงครามจบ ฉันว่าจะพาอีวากลับบ้านหน่ะ" อเดลล่าพูดขึ้น

    "อ้อ ดีจังเลยค่ะ ส่วนพวกหนูก็ต้องดูว่าจะเอายังไงต่อ" แจนพูดขึ้น

    "เอาหล่ะ พวกเธอก็ไปจากที่นี่กันเถอะ ถ้าสถานการณ์ดีขึ้นแล้วค่อยว่ากันก็แล้วกัน" เวเวอร์พูดขึ้น จากนั้นทั้งเอลต้าและแจนก็เข้าไปกอดอเดลล่าและรีบออกไปจากโบสถ์ในทันที และในขณะเดียวกันนั้นเอง ทหารนาซีกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาในโบสถ์ เวเวอร์ได้ยินดังนั้นจึงรีบไปรับพวกเขาในทันที

    "หลวงพ่อ คนของท่านสองคนนั้นหายไปไหนครับ??"

    "อ้อ สองคนนั้นเหรอ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมไม่เจอพวกเขามาซักพักแล้ว" เวเวอร์ตอบทหารนาซีไป 

     

    กลับมายังคฤหาสน์ของมีอา หลังจากที่เธอเตรียมการขนย้ายสมบัติหนีออกจากคฤหาสน์ของเธอ ในตอนนั้นเองเธอก็เรียกเลขามาคุยถึงความคืบหน้าด้วยว่าสถานการณ์ไปถึงไหนแล้ว

    "คุณมีอาคะ??" เลขาของเธอถามไป

    "เออนี่ ของๆเราเป็นยังไงบ้าง??"  

    "ค่ะ ตอนนี้เราขนของทั้งหมดไปที่โกดังท่าเรือแล้วค่ะ" เลขาพูดขึ้น

    "ดี แล้วก็ส่งคนไปคุ้มกันที่นั่นด้วยหล่ะ แล้วทหารสัมพันธมิตรจะไม่มายุ่งเหรอ??" มีอาถามไป

    "เราจ่ายเงินให้ผบ.หน่วยของสัมพันธมิตรให้ช่วยคุ้มครองแล้วค่ะ"

    "อืม แล้วนี่รถของเราพร้อมหรือยังเนี่ย??" มีอาถามไป

    "พร้อมแล้วค่ะ รีบไปจากที่นี่กันเถอะค่ะ"

    "แล้วนี่ เรือของฉันอยู่ที่ไหนแล้วหล่ะ??" มีอาถามไป

    "ตอนนี้กำลังหาอยู่ค่ะ รวมเวลาขนของขึ้นเรือแล้ว น่าจะใช้เวลา 2 อาทิตย์ค่ะ"

    "ไม่ๆๆ ต้องเร็วกว่านั้นหน่อย ไม่อย่างงั้นพวกสัมพันธมิตรอาจจะถึงตัวเราก่อน แล้วก็เอกสารของฉัน อย่าให้หายหล่ะ" มีอาพูดขึ้น

    "ค่ะ ดิฉันดำเนินการแล้วค่ะ เชิญขึ้นรถเถอะค่ะ" เลขาของเธอพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบไปขึ้นรถในทันทีเพื่อหนีไป ก่อนที่จะมีคนมาตามล่าเธอ

     

    กลับมายังเพ้นท์เฮ้าส์ของลาเกียครูซ หลังจากที่เขาเตรียมทรัพย์สินเพื่อหนีออกจากฝรั่งเศส ในตอนนั้นเขาก็รอสายโทรศัพท์จากลูกน้องของเขาซึ่งส่งไปตามล่ามีอาด้วย และในตอนนั้นเอง

    "กริ๊ง!!"

    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา ลาเกียครูซก็รับโทรศัพท์ในทันที

    "เป็นยังไงบ้าง??"

    "ท่านครับ เราไปถึงคฤหาสน์ของเรามันแล้ว แต่พวกมันหนีไปกันหมดแล้วครับ" ลูกน้องของเขาพูดขึ้น

    "บ้าเอ้ย แล้วพวกมันเหลืออะไรไว้หรือเปล่า??" ลาเกียครูซถามไป

    "ไม่เลยครับ เอกสารอะไรถูกเผาหมดเลยครับ"

    "ระยำเอ้ย ตามล่าพวกมันเดี๋ยวนี้ ฉันไม่ยอมให้มันหนีไปง่ายๆหรอก"

    "ครับท่าน เราจะจัดการเองครับ!!"

    "เออๆ อย่าให้พลาด ไม่งั้นฉันฆ่าพวกแกแน่!!" ลาเกียครูซพูดขึ้น จากนั้นเขาก็วางหูไปในทันที

    "ท่านครับ ผมว่า เราอย่าไปสนใจยัยนั่นดีกว่านะครับ"

    "แกไม่รู้เหรอว่ามันมีข้อมูลของเราอยู่ ถ้ามันส่งให้สัมพันธมิตร เราจบเห่แน่ แล้วนี่เรือของฉันอยู่ที่ไหน??" ลาเกียครูซถามไป

    "ตอนนี้กำลังติดต่อ คาดว่าอีก 2 วันจะได้เรือครับ!!"

    "เออ รีบหน่อยแล้วกัน ไม่อย่างงั้นเราจบแน่" ลาเกียครูซพูดขึ้น

    "ครับ เรากำลังรีบอยู่ครับ"

    "ถ้าฉันเจอมันที่ไหน ฉันจะฆ่ามัน แล้วนี่ฉันไม่เจอตัวออเรียสมานานแล้วเนี่ย เขาหายไปไหน??" ลาเกียครูซถามไป

    "ผมได้ยินมาว่าเขาโดนพวกมาเฟียจับได้ครับ!!"

    "บ้าเอ้ย ที่นี่คงไม่ปลอดภัยแล้วหล่ะ ถ้าไม่รีบหนีเราตายกันหมดแน่" ลาเกียครูซพูดขึ้น

     

     

    ตกดึก ณ ที่มั่นของกบฏสัมพันธมิตร ในวันนั้นเองกลุ่มคนที่จะมาปฏิบัติภารกิจทำลายหน่วย SS พวกเขาเอาแผนผังพื้นที่ของหน่วย SS มากางดู จากนั้นก็มาวางแผนกันในทันทีว่าพวกเขาจะทำยังไงต่อ

    "เอาหล่ะ สายของเราบอกมาว่าหน่วย SS ส่วนใหญ่จะออกไปกวาดล้างกลุ่มกบฏกลุ่มใหญ่ ซึ่งเราปล่อยข่าวลวงไปแล้ว พวกเราจึงบุกเข้าไปในนั้นได้"  

    "แล้วนี่ เราจะทำยังไงต่อหล่ะคะ??" เอลเซ่ถามไป

    "เธอกับวาลเดรียจะต้องปลอมตัวไปเป็นเลขาที่นั่น เรามีคนปลอมเป็นนายทหาร SS แล้ว"

    "แล้วนี่ เราหาคนที่จะปลอมเป็นทหารเยอรมันได้หรือยังคะ??" วาลเดรียถามไป

    "หาได้แล้วหล่ะ มี 10 คนที่พูดเยอรมันได้"

    "ค่ะ แล้วจุดนี้ น่าจะเป็นจุดที่ใช้วางระเบิดได้ ถ้าเสาหลักตรงนี้ถูกทำลาย ตึกจะถล่มแน่ค่ะ" เอลเซ่พูดขึ้นจากนั้นก็ชี้แผนผังไป

    "แล้วคนของเราที่โดนขังหล่ะ พวกเขาต้องโดนขังอยู่ในห้องใต้ดินแน่ๆ" วาลเดรียพูดขึ้น

    "เราจะปลอมตัวไปปล่อยพวกเขาก่อน ถ้าแผนแตก เราจะให้คนของเราที่ล้อมตึกบุกเข้าไปเลย!!"

    "ค่ะ แบบนี้ก็ดีสิคะ" เอลเซ่พูดขึ้น

    "อืม งานนี้เราจะถล่มพวกมันให้ยับ แล้วช่วยพวกเราออกมา!!"

    "แต่ว่า ถ้าพวกมันเอากำลังกลับมาช่วยทันหล่ะคะ??" เอลเซ่ถามไป

    "เราวางกำลังดักไว้ตามถนนแล้ว เราจะขวางทางพวกมันไว้ ถ้ามันมา เราจะสกัดพวกมันไว้"

    "ค่ะ แล้วแผนการหนีหล่ะคะ??" วาลเดรียถามไป

    "เราจะใช้ความมืดหนีไปถนนเส้นนี้ ซึ่งเราให้คนของเราจอดรถรอไว้อยู่แล้ว เอาหล่ะ มีคำถามอะไรอีกหรือเปล่า??"  

    หัวหน้าคนนั้นถามไปแต่ไม่มีใครถามอะไร

    "เอาหล่ะ เลิกประชุม ไปเตรียมตัวกันได้ พรุ่งนี้ 6 โมงออกเดินทางกันเลย"

     

    กลับมายังที่มั่นขององค์จักรพรรดินี The Darkest ในวันนั้นเอง ชินาอิก็ถูกขังอยู่ในชั้นใต้ดินของบังเกอร์ โดยที่มีกลุ่มนินจาคอยซ้อมเขาทั้งวันทั้งคืน และในตอนนั้นเอง ทากะก็เดินเข้าไปในห้อง พร้อมด้วยรูปหญิงสาวคนหนึ่ง จากนั้นเขาก็แขวนรูปของหญิงสาวคนนั้นไว้ให้ชินาอิเห็น แล้วเขาก็พูดขึ้นในทันที

    "ตลอด 10 ปีที่กูตามล่ามึง ในที่สุดกูก็เจอมึงจนได้"  

    "ถุ๊ย คิดว่ากูกลัวมึงเหรอ??" ชินาอิถามไป

    "เฮ้อ ปากดีไปเถอะ มึงจะปากดีไม่ออกแน่ๆ ตอนที่กูเลาะหนังมึงเป็นชิ้นๆ"

    "เฮ้อ ยังไงมึงก็ต้องตายเหมือนกับกูนั่นแหละ มึงคิดว่ามึงจะอยู่ค้ำฟ้าเหรอ??" ชินาอิถามไป

    "เอาเป็นว่า มึงอยากตายสบายมั้ยหล่ะ ถ้าอยาก บอกมาว่าใครจ้างฆ่าพี่กู??" ทากะถามไป

    "แล้วทำไมกูต้องบอกมึงวะ เพราะยังไงกูก็ตายอยู่ดี??"

    "ก็อย่างน้อย มึงจะได้ตายสบายๆ ด้วยกระสุน 1 นัดไงหล่ะ หรือแกจะทนไปซัก 3 วันหล่ะ อยากลองมั้ยหล่ะ??" ทากะถามไป

    "คนที่จ้างฆ่า คือนายคากิโอะ แกก็รู้จักมันดี!!" ชินาอิพูดขึ้น

    "อ้อ เป็นมันนี่เอง ฉันเข้าใจถูกมาตลอดเลย"

    "เออ แต่เสือกเข้าใจช้าไปนิดนึงหว่ะ ทีนี้จะเอายังไงกับกูต่อหล่ะ??" ชินาอิถามไป ในตอนนั้นเอง ทากะก็ส่งสายตาให้นินจาของเขา จากนั้นนินจาของเขาก็ตีเข้าที่ท้ายทอยชินาอิจนสลบไป  

    "จัดการที่เหลือด้วยหล่ะ" ทากะสั่งลูกน้องของเขาไป

     

     

    กลับมายังธนาคารของลิริ ในวันนั้นเองเธอก็ยังจัดการเงินของกลุ่มมาเฟียและนายทหารนาซีที่นำเงินมาฝากไว้ ในวันนั้นเองมีนายทหารนาซีมาดำเนินการฝากเงินกับเธอเยอะมาก และเธอต้องฝากเงินทั้งหมดไว้ที่ธนาคารสวิสเพื่อให้ปลอดภัยจากฝ่ายสัมพันธมิตรด้วย

    "คุณลิริ เงินพวกนี้ ส่งไปที่สวิสก่อนสิ้นเดือนนี้หล่ะ" นายทหารนาซีคนหนึ่งพูดขึ้น

    "ได้ แต่ฉันคิดค่าดำเนินการแพงนะคะ"

    "ไม่ต้องห่วง ฉันจ่ายให้ได้ แน่ใจนะว่าจะปลอดภัย??" เขาถามต่อ

    "แน่นอน รับรองว่าไม่มีใครตามสืบได้" ลิริพูดขึ้น

    "แล้วนี่ ข้อมูลทั้งหมดเธอจะเอายังไงหล่ะ??"

    "ฉันมีสถานที่เก็บข้อมูลไว้แล้วหล่ะ ไม่ต้องห่วง" ลิริพูดขึ้น

    "ได้เลย แบบนี้ฉันจะได้ไม่ต้องห่วงอะไร"

    "พวกคุณห่วงตัวเองก่อนดีกว่า ตอนนี้พวกสัมพันธมิตรก็กำลังเข้าใกล้ปารีสแล้ว อีกไม่นานพวกนั้นคงตามสืบเงินของคุณด้วย" ลิริตอบเขาไป จากนั้นก็เขียนเอกสารส่งเงินของเธอให้กับพนักงานคนอื่นๆในทันที

     

    และอีกด้านหนึ่งของกลุ่มกบฏ ในวันนั้นเอง นายพลอัลเฟรดก็เดินเข้ามาในห้องของนายพลรอสซึ่งกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะของเขา และเมื่อเขาเข้ามาในห้อง เขาก็วางเอกสารไว้ที่โต๊ะของเขาในทันที  

    "รอส ไม่ว่ากันนะ!!"

    นายพลรอสหยิบเอกสารขึ้นมาดู ก็พบว่าเป็นเอกสารรายงานที่นายพลอัลเฟรดส่งไปให้ลอนดอนเพื่อพิจารณาเรื่องของเขา

    "มันเป็นหน้าที่ ฉันจำเป็นต้องทำ!!

    "ฉันเข้าใจ ถ้าอยากจับฉันก็จับ" นายพลรอสพูดขึ้น

    "เฮ้ย อย่าคิดอย่างงั้นสิ เราเองก็เป็นทหาร ก็น่าจะรู้นี่" นายพลอัลเฟรดพูดขึ้น

    "นายก็รู้จักฉัน ฉันรับมือผลที่จะตามมาได้เสมอ ว่าแต่นายหล่ะ??" นายพลรอสถามกลับไป

    "ฉันกล้าทำก็กล้ารับอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างนึงนะ เขาต้องการหามาเฟียเก่งๆซักคนไปเก็บหัวหน้าหน่วย SS คนหนึ่งหน่ะ" นาพยลอัลเฟรดพูดขึ้น

    "เหรอ แล้วนายคิดว่าจะเป็นใครหล่ะ??" นายพลรอสถามไป

    "ก็คงต้องเป็นนายนอร์วิน คนที่นายช่วยไว้ยังไงหล่ะ"

    "นี่ แกจะบ้าอะไรของแกวะ??" นายพลรอสถามไป

    "ไม่ใช่ความคิดฉัน ทางลอนดอนต้องการใช้งานพวกมาเฟียเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็..."

    "อัลเฟรด ฉันว่านาย พลที่จะตามมามันก็หนักอยู่ นายรับไม่ไหวหรอก" นายพลรอสพูดขึ้น

    "ไหวไม่ไหวก็ต้องลอง!!" นายพลอัลเฟรดตอบไป

     

    ณ ถนนเส้นหนึ่งซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปปารีส ในวันนั้นเองกลุ่มของอลิซก็ขับรถเข้าไปในตัวเมืองเพื่อสืบหาข่าวเพิ่มเติมตามที่นายพลรอสสั่ง แต่ในตอนนั้นเอง ริชาร์ดเกิดสงสัยอะไรบางอย่าง เลยถามคำถามกับเกลนนิสและการ์เน็ตต้าในทันที

    "นี่ ฉันถามอะไรพวกเธอหน่อยสิ พวกเธอรู้หรือเปล่าเรื่องของนายพลรอสหน่ะ??" ริชาร์ดถามไป

    "ฉันรู้สิ ทำไมฉันจะไม่รู้หล่ะ??" เกลนนิสถามไป

    "เธอไม่คิดเหรอ ว่ามันจะทำให้เธอลำบากไปด้วยหน่ะ??" อลิซถามไป

    "ฉันรู้ แต่มันจะไม่ทุเรศไปหน่อยเหรอ ที่ใช้งานพวกเขาแล้วฆ่าทิ้งแบบนั้นหน่ะ??" การ์เน็ตต้าถามไป

    "นั่นไม่เกี่ยวกับเราแล้ว มันเป็นคำสั่งจากเบื้องบนหน่ะ" ริชาร์ดพูดขึ้น

    "สุดท้ายพวกมันก็มาเฟียดีๆนี่เอง ต่างกันแค่เครื่องแบบ" เกลนนิสพูดขึ้น

    "นี่ อย่าพูดอย่างงั้นสิ พวกเธออยากให้วงจรมาเฟียมันทำลายประเทศนี้เหรอ??" อลิซถามไป

    "เราทำอย่างงี้ก็ไม่ต่างจากมาเฟียหรอก เสร็จศึกฆ่าทหารเอกแบบนี้ ต่อไปใครมันจะเชื่อใจเราได้อีกหล่ะ??" การ์เน็ตต้าถามไป แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆก็มีท่อนซุงอะไรบางอย่างมาขวางถนนไว้ ทำเอาพวกเขาถึงกับตกใจและจอดรถในทันที

    "นี่มันบ้าอะไรวะเนี่ย??" ริชาร์ดถามไป และในตอนนั้นเอง พวกเขาก็เห็นคนชุดดำปรี่เข้ามาล้อมรถของพวกเขาอย่างไม่รู้ตัว ริชาร์ดและอลิซพยายามยิงสู้แต่ก็ไม่ได้ผล เพราะพวกนั้นมาเร็วเกินไป จากนั้นพวกเขาก็รุมจับพวกของริชาร์ดในทันที

    "เฮ้ย พวกแกเป็นใครวะ??" อลิซตะโกนถามไป จากนั้นพวกมันก็เอาถุงคลุมหน้าของพวกเขาให้มองอะไรไม่่เห็น จากนั้นก็ลากตัวพวกเขาขึ้นไปบนรถที่จอดไว้ในทันที

    "เฮ้ย แล้วรถมันจะเอายังไง??"

    "ขับเอาไปด้วย!!" ชายคนหนึ่งพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ลากริชาร์ดและคนอื่นๆไปขึ้นรถในทันที จากนั้นก็ค่อยๆขับรถออกไปจากที่เกิดเหตุ

     

    กลับมายังร้านอาหารของแม่นาวิน ในวันนั้นเองนาวินก็กลับไปที่นั่น เพื่อไปเยี่ยมแม่ของเขา ซึ่งแม่ของเขาก็กำลังรอต้อนรับเขาอยู่พอดี 

    “นอร์วิน ลูกแม่ กลับมาแล้วเหรอ??”

    “ครับแม่ นอร์ดี้หล่ะครับ??” นาวินถามไป

    “นอนอยู่ด้านบนหน่ะจ้ะ มีอะไรหรือเปล่าลูก??”

    “แม่ครับ แม่อยากไปอเมริกาหรือเปล่าครับ??” นาวินถามแม่ของเขาไป

    “อยากสิลูก ทำไมหล่ะ ลูกจะพาแม่ไปงั้นเหรอ??”

    “ครับแม่ ผมว่าที่ยุโรปคงอยู่ลำบากแล้วหล่ะครับ พินาศจากสงครามขนาดนี้” นาวินพูดขึ้น

    “นั่นสิ กว่าจะฟื้นฟูกลับมาก็ยาก แล้วนี่บอกกับนอร์ดี้หรือยังหล่ะ??” แม่เขาถามไป

    “ยังเลยครับ ว่าจะไปคุยกับเธออยู่” นาวินพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง นอร์ดี้ที่เพิ่งเดินลงบันไดมาก็เดินมาหานาวินในทันทีเพื่อสอบถามเขา

    “พี่ว่าอะไรนะคะ อเมริหาเหรอคะ??”

    “ใช่จ้ะ พี่จะพาพวกเราไปที่นั่นให้หมดเลย” นาวินพูดขึ้น

    “คือ หนูไม่อยากทิ้งคุณชาร์ลีไว้หน่ะค่ะ คือ หนู…”

    “ทำไมหล่ะ ชาร์ลีทำไม หรือว่าเราชอบเขา??” นาวินถามไป ทำเอานอร์ดี้ไม่กล้าตอบ

    “แล้วชาร์ลีเขาเป็นใครทำอะไรที่ไหนหล่ะ??” แม่ของนอร์ดี้ถามไป

    “เขาเป็นเพื่อนผมเอง เป็นชาวเวียดนามหน่ะครับ” นาวินพูดขึ้น

    “อืม แล้วลูกว่ายังไงหล่ะ??”

    “ก็ เขารักหนู หนูก็รักเขาค่ะ หนูก็ 20 แล้วนะคะแม่” นอร์ดี้พูดขึ้น

    “พี่รู้ แล้วเธอจะไม่ไปอเมริกากับพี่และแม่เหรอ??” นาวินถามไป

    “หนูอยากอยู่กับเขาค่ะ” นอร์ดี้พูดขึ้น

    “พี่เข้าใจ ไว้เจอเขาก่อนแล้วค่อยว่ากันแล้วกันนะ” นาวินพูดขึ้นพลางแตะไหล่น้องสาวของเขาไป

    ==============================================================

    เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ อย่าลืม อิอิ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลหนูด้วย

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×