ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Nazi Mafia - เมืองนี้ข้าจอง

    ลำดับตอนที่ #30 : ตอนที่ 26 : คนรักเก่า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 74
      3
      27 ก.ย. 63

    "อืม แต่เรามีแค่ 4 คน มันจะพอเหรอ??" ทอร์รินถามไป และในตอนนั้นเอง พวกเขาก็สัมผัสได้ว่ามีใครอยู่ด้านหลังพวกเขา พวกเขาหันไปมองในทันที และพวกเขาก็ได้พบความจริง

    "ว่าไงพวก!!"

    "เฮ้ แอ็กเซล ทาเนีย มาได้ยังไงเนี่ย??" ทอร์รินถามไป

    "พวกเราได้รับคำสั่งคุณแจ๊คสันให้มาช่วยหน่ะ" แอ็กเซลตอบไป

    "แล้วคุณรู้ได้ไงว่าเราอยู่ที่นี่หล่ะ??" โอ๊คถามพวกเขาทั้งคู่ไป

    "ก็เดาจากเส้นลวดหนามไฟฟ้าที่โดนตัดไปไงหล่ะ" ทาเนียพูดขึ้น

    "ตอนนี้พวกเรากำลังจะแบ่งคนไปเผาโกดังพวกมันอยู่พอดีเลยครับ" ชาร์ลีพูดขึ้น

    "ไม่ต้องห่วง ฉันพาคนมาด้วย 10 คน บอกเลยแต่ละคนฝีมือดีทั้งนั้น" แอ็กเซลพูดขึ้น

    "อืม ตอนนี้เรามี 16 คน เราจะเล่นกันแบบนี้นะครับ ผมกับคุณทอร์รินและคนอีก 3 คนจะไปที่โกดังที่ 1 โอ๊ค ชาร์ลี นายกับอีก 4 คนไปโกดังที่ 2 ส่วนที่เหลือ พวกคุณไปโกดังที่ 3 พวกเราจะวางระเบิดและจุดไฟเผามันให้หมด อีก 10 นาทีรีบมาเจอกันที่นี่ ถ้าเกิน 10 นาทีไปแล้วรีบหนีไปได้เลย ไม่ต้องรอใครนะครับ" นาวินพูดขึ้น

    "ความคิดดีนี่ ถ้าอย่างงั้นก็ลุยกันเลย" ทาเนียพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบแยกย้ายกันไปจัดการในทันที

    โกดังที่ 1

    นาวินและทอร์รินค่อยๆบุกเข้าไปที่ด้านข้างของโกดัง โดยที่มีประตูบานหนึ่งล็อคอยู่ ทอร์รินสั่งให้ลูกน้องใช้กุญแจผีสะเดาะออกมา เมื่อเสร็จแล้ว พวกเขาก็เดินเข้าไปด้านในโกดัง ซึ่งมีกล่องเยอะแยะมากมาย นาวินไปเปิดกล่องๆหนึ่ง แล้วพบว่ามียาเสพติดอยู่มากมาย จากนั้นตัวเขาก็ไปบอกกับทอร์รินในทันที

    "โกดังนี้ไม่ผิดแน่ ยาเสพติดเต็มเลย!!" นาวินพูดขึ้น

    "เยี่ยมเลย เรามีเวลา 5 นาที ราดน้ำมันให้ทั่วเลย" ทอร์รินสั่งลูกน้องของเขาไป จากนั้นพวกเขาก็รีบไปหยิบถังน้ำมันแถวนั้นมาแล้วราดไปบนกล่องพวกนั้น พวกเขาใช้เวลาซักพักจนราดชุ่ม จากนั้นพวกเขาก็รีบเดินกลับไปยังประตูเดิมในทันที

    "เฮ้อ หวังว่ามันจะได้ผลนะครับ" นาวินพูดขึ้น

    "แน่นอน พวกมันส่วนใหญ่อยู่ด้านนอก มันไม่รู้หรอก" ทอร์รินพูดขึ้น

    โกดังที่ 2

    โอ๊คและชาร์ลีเล่นงานยามที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าสามคน จากนั้นก็ค่อยๆลากศพเข้าไปเก็บด้านในโกดัง จากนั้นพวกเขาก็ไปตรวจสอบโกดังด้านใน ซึ่งพวกเขาก็ไม่ผิดหวัง นอกจากที่เขาจะพบยาเสพติด พวกเขาก็ยังพบน้ำมันผิดกฎหมายมากมายซึ่งยักยอกมาจากกองทัพเพื่อนำไปขายด้วย

    "โห นี่พวกมันยักยอกน้ำมันไปขายด้วยเหรอ??" ชาร์ลีถามไป

    "แน่นอน ไอ้พวกนี้ถ้ามันจะหาประโยชน์ มันไม่สนหรอกว่าจะเป็นพวกใคร เอาน้ำมันของมันทำลายพวกมันเองเลย เอาถังน้ำมันไปใกล้กล่องของ แล้วระเบิดให้เป็นจุลเลย!!" โอ๊คพูดขึ้น จากนั้นเขาและลูกน้องอีก 4 คนก็ช่วยกันลากถังน้ำมันมาไว้รวมกัน แล้วก็แบ่งมาบางส่วนเพื่อเอามาราดกล่องใส่ยาเสพติดที่อยู่ด้านใน เมื่อเสร็จแล้ว พวกเขาก็รีบมารวมตัวกันในทันที

    "ราดน้ำมันหมดแล้วครับ!!"

    "ดี เตรียมพร้อมไว้ เราจะเผามันเลย" โอ๊คพูดขึ้น

    "งานนี้คงจะได้เห็นยักษ์ดิ้นวันนี้หล่ะ" ชาร์ลีพูดขึ้น

    โกดังที่ 3  

    แอ็กเซลและทาเนียได้บุกเข้าไปด้านใน จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็รีบไปราดน้ำมันใส่กล่องยาเสพติดที่อยู่ด้านใน แต่ในระหว่างที่พวกเขากำลังทำงานอยู่ ในตอนนั้นเองแอ็กเซลก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างมาจากอีกด้านหนึ่งของห้อง แอ็กเซลรีบเดินไปดูก็พบว่าชายคนหนึ่งกำลังจะข่มขืนหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งหญิงสาวคนนั้นพยายามขัดขืนเต็มที่ แต่ในตอนนั้นเอง

    "ฉัวะ!!"

    แอ็กเซลก็จัดการปาดคอชายคนนั้นจนร่วง ผู้หญิงคนนั้นตกใจมากแล้วรีบไปรวมตัวกับเพื่อนในทันที

    "ใจเย็นๆครับ ผมไม่ได้มาทำอะไรพวกคุณ พวกคุณมาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย??" แอ็กเซลพยายามปลอบพวกเธอและถามพวกเธอไป

    "พวกมันซื้อตัวพวกเราจากค่ายกักกัน พวกมันจะส่งเราไปขายหน่ะค่ะ ช่วยพวกเราด้วย!!" ผู้หญิงพวกนั้นตอบไป และในตอนนั้นเอง ทาเนียก็รีบวิ่งมาดูเหตุการณ์ในทันที  

    "นี่ พวกเราต้องไปจากที่นี่แล้ว ทุกคนเลย!!" ทาเนียพูดขึ้น

    "ได้ ถ้าอย่างงั้นพวกคุณตามผมมา ผมจะพาพวกคุณไปจากที่นี่" แอ็กเซลพูดขึ้น

    "เอาหล่ะ ไปกันเงียบๆหล่ะ" ทาเนียพูดขึ้น

    แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะหนีออกไป ในตอนนั้นเอง จู่ๆก็มีขบวนรถประมาณ 5 คันขับเข้ามาจอดด้านในโกดัง ทำเอานาวินและทอร์รินถึงกับตกใจมาก เพราะไม่คิดว่าจะมีคนเข้ามาในโกดังด้วย

    "เวรหล่ะ พวกมันมาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย??"

    และในขณะเดียวกันนั้นเอง พวกเขาก็ค่อยๆเห็นไฟที่กำลังลุกไหม้ที่โกดังที่ 2 และ 3 มันทำให้นาวินรู้ว่าคนอื่นๆเผาโกดังเรียบร้อยแล้ว

    "แย่หล่ะ รีบเผาที่นี่เร็ว!!" ทอร์รินพูดขึ้น จากนั้นลูกน้องของเขาก็จุดไฟเผาโกดังในทันที เมื่อเปลวเพลิงค่อยๆเผาไหม้โกดังพวกนั้น กลุ่มยามที่อยู่ด้านหน้าก็ตกใจในทันที

    "เฮ้ย ไฟไหม้โกดัง รีบดับเพลิงเร็ว!!" และในตอนนั้นเอง พวกนั้นก็เผลอไปเห็นคนของนาวินที่กำลังจะหนีออกไป

    "เฮ้ย มีคนบุกรุก!!"

    "ปังๆๆๆ"

    นาวินและคนอื่นๆรีบยิงสกัดกลุ่มยามที่อยู่ด้านหน้า พวกเขาหนีออกมาอย่างทุลักทุเล จากนั้นก็รีบมารวมตัวกันที่เดิมที่พวกเขาเข้ามา แต่ในตอนนั้นเอง แอ็กเซลและทาเนียก็พาผู้หญิงกลุ่มหนึ่งหนีมาด้วย

    "เฮ้ย ผู้หญิงพวกนี้เป็นใครครับเนี่ย??" นาวินถามอย่างสงสัย แต่ในตอนนั้นเอง เขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งในสภาพที่อิดโรยและป่วยหนัก นาวินดูหน้าเขาแล้วก็รู้ทันทีว่าเธอเป็นใคร

    "วีก้า!!"

    "นอร์วิน เธอยังไม่ตาย..."

    "คุณทอร์ริน รีบไปเธอไปด่วนเลยครับ!!"  

    "ได้สิ ถ้าอย่างงั้นทุกคนรีบไปจากที่นี่กันเถอะ!!" ทอร์รินพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบพากันหนีไปจากที่นี่ในทันที ก่อนที่ทั้งตำรวจและทหารนาซีจะแห่กันมาที่นี่ 

     

    เช้าวันต่อมา ข่าวโกดังใหญ่ใจกลางกรุงปารีสโดนเผาก็โด่งดังไปทั่วฝรั่งเศส ข่าวนี้ไปถึงหูของแจ๊คสันและแก๊งค์อีกาคนอื่นๆ ซึ่งในวันเดียวกันนั้นเอง องค์จักรพรรดินีก็มาเยือนที่มั่นของแจ๊คสันด้วย ในวันนั้นเอง ลูกน้องของแจ๊คสันก็มารายงานข่าวให้แจ๊คสันฟังในทันที

    "คุณแจ๊คสันครับ มีข่าวใหญ่ครับ!!"

    "ข่าวอะไรหล่ะ ว่ามาเลย??" แจ๊คสันถามไป

    "คือว่า โกดังใหญ่ของแก๊งค์ Wolfsword โดนเผาย่อยยับหมดแล้วครับ!!"

    "จริงเหรอ แสดงว่านอร์วินและทอร์รินทำสำเร็จหน่ะสิ" เควินพูดขึ้น

    "ดี ให้มันบรรลัยให้หมดเลย พวกมันจะได้หมดทางหากินเลย" องค์จักรพรรดินีพูดขึ้น

    "ป่านนี้พวกมันคงจะหัวปั่นแน่เลยนะคะ" แอนนาพูดขึ้น

    "นั่นสิครับ ยังไม่รวมหุ้นส่วนของพวกมันด้วย พวกมันคงรีบถอนหุ้นกันแล้วหล่ะ" โจชัวพูดขึ้น

    "อืม แต่พวกมันยังมีทหารนาซีคุ้มหัวอยู่นะครับ" ปิแอร์พูดขึ้น

    "ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ไรน์ฮาร์ด ไฮดริชพี่ชายมันก็ตายไปแล้ว มันคงไม่มีใครคุ้มหัวแล้วหล่ะ" ทากะพูดขึ้น

    "ถ้ามันไม่มีใครคุ้มหัว แบบนี้พวกมันตายหมดแน่ๆ" โจนาสพูดขึ้น

    "ตอนนี้เราควรจะจัดการพวกมันอย่างเปิดเผยเลย กองทัพสัมพันธมิตรกำลังจะเดินทางมาอีกไม่นานนี่แน่นอนครับ" แจ๊คสันพูดขึ้น

    "ตอนนี้กลุ่มใต้ดินกำลังเล่นงานพวกมันอยู่ครับ แต่ช่วงนี้พวก SS กับเกสตาโปกำลังกวาดล้างพวกเราอย่างหนักเลยครับ" ปิแอร์พูดขึ้น

    "อืม ได้ยินว่าหัวหน้าหน่วยที่ชื่อ มิลเลอร์ มันโหดมากเลยสินะ!!" องค์จักรพรรดินีพูดขึ้น

    "ครับ มันยังกล้าหลบหลู่พระนางด้วยว่า จะจับพระนางทำเมียด้วย!!" องค์จักรพรรดินีได้ยินก็ถึงกับกำหมัด

    "แล้วเราเก็บมันไม่ได้เลยเหรอครับ??" โจนาสถามไป

    "เราพยายามแล้วแต่ไม่ได้ผลครับ หมอนี่กระดูกเหล็กมาก" เควินพูดขึ้น

    "มันต้องมีซักทางสิ มันคงไม่อยู่ได้นานขนาดนั้นหรอก" แอนนาพูดขึ้น

    "อืม ถ้าเราไม่จัดการมันตอนนี้ มันอาจจะมาเล่นงานเราก็ได้นะครับ" ทากะพูดขึ้น

    "นั่นสิ แต่มีใครมีแผนจะฆ่ามันหรือเปล่าหล่ะ??" โจชัวถามไป

    "ผมจะลองปรึกษากับนอร์วินดูครับ เผื่อว่าเขาจะมีวิธี" แจ๊คสันพูดขึ้น

    "นอร์วิน อืม จะว่าไปก็ไม่ได้เจอเขานานแล้วนะ ได้ยินว่าแหกคุกมาได้ด้วยนี่" องค์จักรพรรดินีพูดขึ้น

    "ครับ เขาหนีออกมาได้เพราะฝีมือเลยครับ" เควินพูดขึ้น

    "ตอนนี้เขาคงกำลังกบดานหลังจากทำงานนี้หน่ะครับ" ปิแอร์พูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ชายใส่สูมคนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาในบังเกอร์แล้วรีบมาหาทากะ แล้วรายงานอะไรบางอย่างกับเขา

    "คุณทากะครับ เราเจอตัวไอ้มือปืนที่คุณตามล่าแล้วครับ ตอนนี้มันทำงานกับ WolfSword ครับ!!"

    "จริงเหรอ ดี ล่อให้มันออกมา ฉันจะจัดการมันด้วยตัวฉันเอง ไม่ว่าใครก็ห้ามฆ่ามัน นอกจากฉัน" ทากะสั่งลูกน้องไป

    "รับทราบครับท่าน"

     

    และที่บังเกอร์ของแก๊งค์ Black Hood หลังจากที่ข่าวได้ไปถึงแก๊งค์ของพวกเขา ในวันนั้นเองอีวาก็รีบมาแจ้งให้กับทุกคนได้รู้ และเตรียมแผนในการตามล่าตัวออเรียสต่อไป โดยที่ลูกน้องของเธอก็มารวมตัวกันที่โต๊ะตัวหนึ่ง จากนั้นอีวาก็เริ่มแผนการของเธอในทันที

    "เอาหล่ะ ทุกคนคงได้ข่าวโกดังของพวก Wolfsword แล้วนะ ตอนนี้พวกมันคงจะไม่เหลืออะไรแล้วหล่ะ" อีวาพูดขึ้น

    "ค่ะ ป่านนี้พวกมันกับหุ้นส่วนคงเริ่มร้อนๆหนาวๆแล้วหล่ะค่ะ" ซิลเวียพูดขึ้น

    "เมื่อเช้าสายของเราก็รายงานมาว่าตอนนี้ลูกน้องของออเรียสที่บ่อนก็เริ่มถอนตัวไปหลายคนแล้วครับ บ่อนของพวกมันตอนนี้เริ่มจะขาดทุนแล้วครับ" แซนเดอร์พูดขึ้น

    "บ่อนของมันบางส่วนก็โดนเผาไปแล้ว พวกมันเงินหมดแน่นอนค่ะ" โอลิเวียพูดขึ้น

    "แล้วเธอเก็บงานสะอาดหรือเปล่าหล่ะ??" ลีโอนาร์ดถามไป

    "แน่นอน รับรองว่าไม่มีใครตามตัวได้" อิซาเบลพูดขึ้น

    "ก็ดี แล้วคุณอีวาจะเอายังไงต่อหล่ะครับ??" เรย์มอนด์ถามไป

    "เราจะเตรียมไปล้อมบ่อนของมัน ตอนที่ทหารนาซีไม่อยู่แถวนั้น ตอนนี้ลูกน้องของมันเหลือน้อยเต็มที เราน่าจะทำอะไรได้บ้าง" อีวาพูดขึ้น

    "ทหารที่จะมาที่บ่อนส่วนใหญ่จะมากันช่วงกลางคืนครับ ช่วงเช้าจะเงียบมาก" ลีโอนาร์ดพูดขึ้น

    "แต่ถ้าจะชิงเล่นงานมันเวลากลางวัน มันจะได้ผลเหรอ??" เรย์มอนด์ถามอย่างสงสัย

    "ตอนนี้สัมพันธมิตรกำลังทิ้งระเบิดกรุงปารีส เราจะใช้จังหวะนี้บุกเข้าไปจัดการมันเลย" แซนเดอร์พูดขึ้น

    "จริงด้วยค่ะ พวกเขาส่วนใหญ่จะทิ้งระเบิดกันกลางวันนี่คะ" อิซาเบลพูดขึ้น

    "ดี เตรียมคนของเราให้พร้อม เมื่อถึงเวลา เราจะไปฆ่ามันเลย" อีวาพูดขึ้น

    "แล้วเราจะเริ่มเมื่อไหร่หล่ะคะ??" โอลิเวียถามไป

    "พรุ่งนี้ตอนเช้า ช่วงที่สัมพันธมิตรทิ้งระเบิด ฉันจะลุยด้วยตัวเองเลย" อีวาพูดขึ้น

    "ค่ะ ถ้าอย่างงั้นฉันจะไปเตรียมคนของเรานะคะ" ซิลเวียบอกเธอไป

    "ดี งานนี้จับเป็นไอ้ออเรียส ที่เหลือฆ่าให้หมด ฉันอยากให้มันทรมานก่อนตาย!!" อีวาพูดขึ้น

    "รับทราบครับ พวกมันจะไม่มีทางรู้ตัวแน่นอนครับ" แซนเดอร์พูดขึ้น

    "ถ้าเกิดเราจับตัวมันได้ เราจะรีบมาที่นี่ เคลียร์ด่านของพวกมันไว้ด้วยหล่ะ" อีวาพูดขึ้น

    "รับทราบครับ!!" แซนเดอร์พูดขึ้น

     

    กลับมายังเขตที่มั่นของไอรีน ในวันนั้นเองไอรีนได้จดหมายอะไรบางอย่าง ซึ่งส่งผ่านลูกน้องของเธอ ลูกน้องของเธอที่ได้จดหมายมาก็รีบมาคุยกับเธอในทันที

    "คุณไอรีนครับ มีจดหมายส่งมาครับ มีคนอยากเจรจากับคุณ!!"

    "ใครกันนะ??" ไอรีนถามไป จากนั้นเธอก็เปิดจดหมายอ่านในทันที จากนั้นเธอก็วางจดหมายลงในทันที

    "มีอะไรหรือเปล่าครับ??" โทไบอัสถามไป

    "ออเรียสมันอยากเจรจากับเรา!!" ไอรีนพูดขึ้น

    "เฮ้อ ในที่สุดมันก็หงอแล้วสิ" ฮันเตอร์พูดขึ้น

    "อย่าไปเจรจากับมันเลยพี่ เราจับมันไปให้แก๊งค์อื่นฆ่าดีกว่า" ไลท์นิ่งพูดขึ้น

    "แต่ฉันว่ามันแปลกๆนะ หรือมันจะเป็นกลลวง" ไอรีนนึกไป

    "ผมก็ว่าอย่างงั้นแหละ ผมว่าเราปล่อยให้แก๊งค์อื่นมันฆ่าไอ้ออเรียสเลยดีกว่า" สตีฟพูดขึ้น

    "พวกเธอคิดว่า มันเชื่อไม่ได้งั้นเหรอ??" ไอรีนถามไป

    "ออเรียสมันมากด้วยเล่ห์ มันไว้ใจไม่ได้นะครับ" โทไบอัสพูดขึ้น

    "อืม ฉันว่าฉันมีแผนอะไรดีๆแล้วหล่ะ" ไอรีนพูดขึ้น

    "แผนอะไรเหรอครับพี่??" สตีฟถามไป

    "ฉันจะนัดเจอกับมัน แล้วจับมันเลย" ไอรีนพูดขึ้น

    "ผมว่า พวกมันอาจจะจับเราแทนก็ได้นะพี่" ไลท์นิ่งพูดขึ้น

    "ก็ไม่แน่นะครับ ถ้าเรานัดมันมาแถวนี้หน่ะ" ฮันเตอร์พูดขึ้น

    "แถวนี้มีแนวป่าที่ซับซ้อนอยู่ น่าจะพอใช้เป็นที่เจรจาได้นะครับ" โทไบอัสพูดขึ้น

    "ฉันจะให้ข้อเสนอกับเขา ฉันไม่จะไม่ยอมให้เขาตายง่ายๆหรอก" ไอรีนพูดขึ้น

    "ถ้าอย่างงั้น มผจะส่งจดหมายหลอกๆให้กับมันก่อนนะครับ" โทไบอัสพูดขึ้น

    "ได้ค่ะ จัดการเลย ฉันอยากเห็นมันมากราบอ้อนวอนฉันเหมือนกัน" ไอรีนพูดขึ้น

     

    ณ ค่ายทหารย่อยแห่งหนึ่งในเขตชานเมืองปารีส ซึ่งเป็นค่ายทหารเล็กๆที่มีทหารไม่มาก ในวันนั้นเองโลเปซและลูกน้องของเขาก็เดินทางมาเพื่อจัดการอะไรบางอย่าง พวกเขาเตรียมอาวุธก่อนที่จะลงมือปฏิบัติการด้วย

    "ทุกคน อาวุธพร้อมหรือเปล่า??" โลเปซถามไป

    "พร้อมครับ!!"

    "เป้าหมายของเราคือผู้กองเฮนรี่ ไอ้ฝรั่งเศสทรยศ จับตัวมันมาให้ฉัน ที่เหลือฆ่าให้หมด" โลเปซพูดขึ้น

    "รับทราบครับผม!!"

    "ตู้ม!!" พวกเขาได้ยินเสียงระเบิดที่ดังมาจากด้านใน ทำให้พวกเขารู้ในทันทีว่าต้องทำอะไร

    "สัญญาณมาแล้ว ลุยเลย!!"

    โลเปซและลูกน้องของเขาลงจากรถในทันที จากนั้นเขาก็กระหน่ำยิงทหารเยอรมันที่อยู่ด้านในอย่างดุเดือด

    "ปังๆๆๆ"

    ทหารเยอรมันพยายามป้องกันค่ายเอาไว้ แต่ก็ไม่เป็นผล เนื่องจากว่าคนของโลเปซโจมตีเร็ว โลเปซวิ่งเข้าไปด้านในห้องๆหนึ่ง ซึ่งในตอนนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็กำลังจะหยิบปืนพกขึ้นมา แต่ในตอนนั้นเอง

    "ปัง!!"

    โลเปซยิงปืนของมันจนร่วงลงกับพื้น จากนั้นก็ไปจับมันมาในทันที

    "เฮ้ย แกเป็นใครวะ??"

    "ฉันเป็นใครไม่สำคัญ ไอ้เฮนรี่ วันนี้แกเน่าแน่!!"

    "แกรู้ไหมว่าฉันมีอำนาจแค่ไหน แกไม่ตายดีแน่!!" เฮนรี่พูดขึ้น

    "งั้นเราจะได้รู้กันเลย"

    โลเปซพูดขึ้น จากนั้นก็ลากคอเขาออกมาด้านนอก ซึ่งด้านนอกก็กำลังยิงปะทะอย่างดุเดือดเช่นกัน

    "ฉันได้ตัวมาแล้ว!!"

    "คุณโลเปซครับ เราต้องไปแล้ว!!" ลูกน้องของเขาพูดขึ้น

    "รีบไปขึ้นรถเลย จับไอ้นี่ไปด้วย!!"

    โลเปซพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบลากตัวเฮนรี่ไปขึ้นรถ ส่วนตัวโลเปซในตอนนั้นก็ขว้างไดนาไมท์ลูกหนึ่งไปที่ทางเข้าค่าย

    "ตู้ม!!"

    เมื่อระเบิดลูกนั้นทำงาน โลเปซก็รีบขึ้นรถไปในทันที จากนั้นพวกเขาก็รีบขับหนีออกมาก่อนที่กองกำลังเยอรมันหน่วยอื่นจะตามมาล่าตัวเขา 

     

    กลับมายังเพ้นท์เฮ้าส์ของฟริตซ์ หลังจากที่เขาได้ข่าวว่าโกดังสินค้าของเขาถูกเผาจนแทบไม่เหลือชิ้นดี ตัวเขาในตอนนั้นก็โกรธจนเลือดขึ้นหน้า ตัวเขาในตอนนั้นแทบจะพังของทุกอย่างที่อยู่ในห้องของเขา และในขณะเดียวกันนั้นเอง วาลและทอมมัสก็เข้ามาดูในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

    "ท่านคะ ใจเย็นๆก่อนนะคะ!!" วาลพูดขึ้น

    "ระยำเอ้ย พวกมันเผาของๆฉันหมดเลย เงิน 30 ล้านของฉัน!!" ฟริตซ์พูดขึ้น

    "ฝีมือไอ้พวกอีกาแน่ๆเลยครับ" ทอมมัสพูดขึ้น

    "บ้าเอ้ย แล้วมีข่าวอะไรอีกหรือเปล่า??" ฟริตซ์ถามไป

    "ค่ะ ตอนนี้กองทัพสัมพันธมิตรกำลังเดินทัพมาที่ปารีสค่ะ ไม่ถึงสองเดือนพวกนั้นอาจจะมาถึงค่ะ" วาลพูดขึ้น

    "เห็นทีเราคงต้องไปจากที่นี่แล้วหล่ะ" ฟริตซ์พูดขึ้น

    "ทำไมเราถึงไม่ไปขอให้พวกทหารหรือพวก SS ช่วยหล่ะครับ??" ทอมมัสถามไป

    "ไอ้สวะพวกนั้นมันจะซ้ำตอนฉันล้มหน่ะสิ ตอนนี้ฉันไว้ใจใครได้ที่ไหนหล่ะ??" ฟริตซ์พูดขึ้น

    "ผมว่า เราน่าจะเอาคนของเราไปล้างแค้นพวกมันเลยนะครับ" ทอมมัสพูดขึ้น

    "เรายังไม่รู้เลยพวกมันอยู่ที่ไหน วาล เรื่องเงินฝากที่ชิลีเป็นยังไงบ้าง??" ฟริตซ์ถามไป

    "ค่ะ ตอนนี้พวกเขากำลังขนเงินไปที่นั่นค่ะ" วาลพูดขึ้น

    "ดี อีกไม่นานเราคงต้องไปจากที่นี่ เตรียมเรือที่ไว้ใจได้ด้วยหล่ะ" ฟริตซ์พูดขึ้น

    "แต่ผมไม่จบแค่นี้หรอก ผมจะเอาคนของเราไปลุยกับมันเองครับ" ทอมมัสพูดขึ้น

    "นี่ ถ้านายอยากจะไปก็ไปเลย ฉันไม่ขอเกี่ยวด้วยหรอก" วาลพูดขึ้น

    "วาล อย่าให้ฉันต้องยิงเธอตอนนี้เลยนะ!!" ทอมมัสตะโกนขึ้น

    "พอได้แล้วทั้งสองคน ทอมมัส ถ้านายอยากจะลุย นายก็ลุยแล้วกัน ฉันจะส่งคนของฉันไปช่วย" ฟริตซ์พูดขึ้น

    "ครับ ผมรู้ต้องไปจัดการพวกมันที่ไหน" ทอมมัสพูดขึ้น

    "วาล เธอจัดการเรื่องทางหนีของเราด้วย"  

    "รับทราบค่ะ ฉันจะจัดการเอง" วาลพูดขึ้น

    "ถ้าเรื่องยาเสพติดไปถึงหูเบอร์ลินนี่พวกเราตายกันหมดแน่" ฟริตซ์พูดขึ้น

    "ดิฉันจะทำลายหลักฐานให้มากที่สุดค่ะ" วาลพูดขึ้น

    "เฮ้อ ที่ชิลีฉันจะเริ่มทุกอย่างใหม่หมด แล้วฉันจะกลับมารวยอีกครั้ง" ฟริตซ์พูดขึ้น

    "ครับผม ผมรู้ว่าคุณทำได้ครับ" ทอมมัสพูดขึ้น

    "แล้วนายจะไปจัดการพวกมันที่ไหนหล่ะ??" ฟริตซ์ถามทอมมัสไป

    "พวกมันมีฐานทัพลับอยู่นอกปารีส ผมรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน"

    "ไปหาที่ตายเปล่าๆน่า!!" วาลพูดขึ้นเพื่อแขวะเขา

    "พอก่อน นี่ไม่ใช่เวลาจะมาทะเลาะกันนะ เอาเป็นว่าจะไปทำอะไรก็รีบทำซะสิ อย่าให้มีปัญหา ไม่งั้นพวกเราตายกันหมดแน่" ฟริตซ์พูดขึ้น จากนั้นทั้งทอมมัสและวาลก็แยกย้ายกันไปคนละทางเพื่อจัดการงานที่ตนได้รับมอบหมายในทันที

     

    กลับมายังบ่อนของออเรียส หลังจากที่ตัวเขาโดนอะไรมาหลายๆอย่าง ตอนนี้ทำให้เขาแทบจะไม่เหลืออะไรแล้ว เขาจึงได้ส่งจดหมายไปให้ไอรีนเพื่อนัดเจรจากับเธอ ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป  

    "ส่งจดหมายไปหาไอรีนหรือยัง??"

    "ส่งแล้วครับ ท่านจะเอาจริงเหรอครับ??"

    "ก็แกไม่ได้ยินข่าวตอนเช้างั้นเหรอ ตอนนี้ Wolfsword กำลังจะล่มสลายแล้ว พวกมันคงต้องเช็คบิลฉันแน่ๆ" ออเรียสพูดขึ้น

    "เราหนีไปจากที่นี่ก็ได้นี่ครับ"  

    "หนีเหรอ มีเงินมากแค่ไหนกันหล่ะ ตอนนี้บ่อนก็เพิ่งจะโดนเล่นงานไป??" ออเรียสถามไป

    "ครับ เข้าใจครับ"

    "ตอนนี้เราเอาตัวรอดก่อนดีกว่า" ออเรียสพูดขึ้น

    "แล้วถ้าเกิดไอรีนส่งตัวคุณไปให้แก๊งค์อื่นหล่ะครับ??"  

    "ฉันจะเจรจากับพวกเขาเอง ถึงจุดนี้ก็ยังดีกว่าตายหล่ะวะ" ออเรียสพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ลูกน้องของเขาก็มาส่งข่าวให้กับออเรียส

    "ลูกพี่ คุณไอรีนส่งข้อความมาแล้ว เขานัดเจอพวกเราพรุ่งนี้ 9 โมงเช้าครับ!!"

    "ดี สถานที่ไหนบอกมาเลย ฉันไม่เกี่ยงอยู่แล้ว"

    "ในป่านอกปารีสครับ!!"

    "ดี พรุ่งนี้เตรียมรถให้ฉันเลย ฉันไม่อยากตายด้วยฝีมือแก๊งค์อื่นหรอก" ออเรียสพูดขึ้น

     

    กลับมายังสำนักงานของมิลเลอร์ ในวันนั้นเองพวกเขาก็ได้รับข่าวจากหน่วยข่าวกรอง ซึ่งแจ้งมาว่าพวกเขาได้ทราบที่มั่นใหม่ของกลุ่มกบฏ พวกเขาก็รีบวางแผนกันในทันทีเพื่อเข้าโจมตีและกวาดล้างให้สิ้นซาก ก่อนที่พวกสัมพันธมิตรจะบุกมาที่นี่

    "เอาหล่ะ หน่วยข่าวกรองของเราแจ้งมาแล้ว เราพบกลุ่มต่อต้านกลุ่มหนึ่งในเขตป่าละแวกนี้ ซึ่งหน่วยข่าวกรองเชื่อว่าเป็นที่มั่นของกลุ่มแก๊งค์ดูแรนด์!!" มิลเลอร์พูดขึ้น

    "ดูแรนด์เหรอครับ นึกว่าตอนนี้ออเรียสมันคุมดูแรนด์ซะอีก" ออตโต้พูดขึ้น

    "นั่นก็ใช่ แต่ว่าน้องสาวคนละพ่อแม่ของมันกำลังตั้งกองกำลังต่อต้านเราหน่ะ" มิลเลอร์พูดขึ้น

    "แล้วกองกำลังของพวกนั้นมีมากแค่ไหนครับ??" แม็กซ์ถามไป

    "เท่าที่ดู น่าจะ 1000 กว่าๆได้หน่ะ" มิลเลอร์พูดขึ้น

    "แล้วคนที่เรามีตอนนี้หล่ะครับ??" ออตโต้ถามไป

    "ตอนนี้ที่เราใช้ได้ก็ 2000 เราจะจัดการพวกมันสายฟ้าแลบ แบบพวกมันไม่ทันตั้งตัวเลย" มิลเลอร์พูดขึ้น

    "แล้วแก๊งค์อื่นจะไม่ตีตลบหลังเราเหรอครับ??" แม็กซ์ถามไป

    "ไม่หรอก เราจะบอกพวกเขาคืนนี้ แล้วเราจะโจมตีพรุ่งนี้ 9 โมงเช้า" มิลเลอร์พูดขึ้น

    "ครับ แล้วเราจะเอายังไงกับหัวหน้าแก๊งค์หล่ะครับ??" ออตโต้ถามไป

    "จับเป็นมาให้ฉัน ฉันอยากจะเห็นหน้าเธอคนนั้นหน่อย" มิลเลอร์พูดขึ้น

    "แล้วเราจะไม่บอกเอริกะหน่อยเหรอครับ??" แม็กซ์ถามไป

    "ถ้าเธอกลับมาค่อยบอกเธอก็ได้" มิลเลอร์พูดขึ้น

    "กองกำลังของพวกเขาน่าจะเคยฝึกแบบทหารมาด้วย อาจจะสู้ลำบากหน่อยนะครับ" ออตโต้พูดขึ้น

    "ไม่ต้องห่วง เราจะถล่มฐานที่มั่นของพวกมันให้ยับก่อน แล้วค่อยเอาคนบุกเข้าไปเลย" มิลเลอร์พูดขึ้น

    "รับทราบครับ พวกผมสองคนจะจัดการเองครับ" แม็กซ์พูดขึ้น

    "เอาหล่ะ ฉันจะกลับห้องของฉันก่อน พวกนายไปได้หล่ะ" มิลเลอร์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็ลุกจากโต๊ะแล้วเดินกลับเข้าห้องของเขา ซึ่งในตอนนั้นเอง เขาก็เห็นแองเจลล่าที่ถูกมัดไว้ราวกับสุนัขตัวหนึ่ง และในตอนนั้นเอง ตัวเขาก็ไปปลดโซ่ล่ามที่คล้องคอเธอ จากนั้นก็เอาอาหารให้เธอกิน

    "กินก่อนสิ!!"

    แองเจลล่าได้ยินดังนั้นก็รีบกินอาหารในทันทีอย่างรวดเร็ว จากนั้นตัวเขาก็นั่งมองดูเธอกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อกินเสร็จ มิลเลอร์ก็พาเธอไปอาบน้ำในห้องน้ำ โดยยื่นผ้าเช็ดตัวให้กับเธอ จากนั้นก็พูดขึ้น

    "ไปอาบน้ำซะ เธอไม่ได้อาบมาหลายวันแล้ว!!"

    มิลเลอร์พูดจากนั้นก็ปิดประตูห้องน้ำ จากนั้นก็รอเธออยู่ที่หน้าห้อง จนกระทั่งเธออาบน้ำเสร็จ เธอก็เดินออกมาพร้อมกับใช้ผ้าเช็ดตัวปิดร่างกายของเธอด้วย

    "กลับไปที่ห้องฉัน ไปแต่งตัวซะ!!" มิลเลอร์ตอบเธอไป จากนั้นแองเจลล่าก็เดินไปในทันที ส่วนตัวมิลเลอร์ก็เดินตามเธอไปในทันที  

     

    กลับมายังบ้านพักของคาร์ลและลูเซีย ในวันนั้นเองหลังจากที่ทั้งคู่ได้ข่าวแก๊งค์ Wolfsword พวกเขาทั้งคู่ก็มาคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในทันที ว่าพวกเขาจะเอายังไงต่อไป

    "นี่ๆ นายได้ข่าวแก๊งค์ Wolfsword ตอนนี้หรือเปล่า??" ลูเซียถามคาร์ลไป

    "เห็นสิ เราจะได้เห็นยักษ์ล้มก็วันนี้หล่ะ" คาร์ลพูดขึ้น

    "ใช่ๆ ป่านนี้หุ้นส่วนพวกมันคงจะหัวปั่นแล้วหล่ะ" ลูเซียพูดขึ้น

    "อืม แล้วตอนนี้กองทัพสัมพันธมิตรเป็นยังไงบ้างหล่ะ??" คาร์ลถามไป

    "ตอนนี้พวกเขากำลังจะมาปารีสแล้วหล่ะ" ลูเซียพูดขึ้น

    "เฮ้อ อีกไม่นานพวกนาซีคงต้องถอนทัพไปแล้วหล่ะ" คาร์ลพูดขึ้น

    "ตอนนี้โซเวียตก็กำลังโจมตีเยอรมันอย่างหนัก เราคงแพ้สงครามแน่ๆ" ลูเซียพูดขึ้น

    "ถึงตอนนั้นเราก็คงต้องเอาตัวรอดก่อนดีกว่า" คาร์ลพูดขึ้น

    "อืม แล้วเราจะไปหาคุณแจ๊คสันเมื่อไหร่หล่ะ??" ลูเซียถามไป

    "ไม่นานนี่หรอก รอให้พวกสัมพันธมิตรเข้าประชิดปารีสก่อนดีกว่า" คาร์ลพูดขึ้น

    "อืม เห็นด้วยนะ ตอนนี้พวก Wolfsword คงกำลังแย่ ไม่มีใครคุ้มหัวพวกมันแล้ว" ลูเซียพูดขึ้น

    "ใช่ สะใจชิบหายตอนที่ไรน์ฮาร์ดตายหน่ะ!!" คาร์ลพูดขึ้น

    "ตอนนี้พวกเกสตาโปคงกำลังทำงานหนักเลย เพราะพวกสัมพันธมิตรกระโดดร่วมลงทุกวัน" ลูเซียพูดขึ้น

    "ก็นะ ตอนนี้เราคงต้องรีบไปจากที่นี่ พวกเยอรมันจะแพ้สงครามแล้ว ฉันไม่ยอมอยู่ฝั่งคนแพ้หรอก" คาร์ลพูดขึ้น

    "เฮ้อ คิดเหมือนกันเลยคาร์ล ถ้างั้นอีก 2 วันไปหาคุณแจ๊คสันดีกว่า" ลูเซียบอกเขาไป

    "ได้เลย ฉันเองก็อยากไปเยี่ยมคุณแจ๊คสันเหมือนกัน" คาร์ลพูดขึ้น

     

    กลับมายังโบสถ์ของเวเวอร์ ในวันนั้นเองเอลต้าและแจนก็ได้ข่าวอะไรหนังสือพิมพ์มา ทั้งคู่รีบเอาหนังสือพิมพ์ไปให้กับหลวงพ่อเวเวอร์ได้อ่านในทันที 

    “หลวงพ่อคะ มีข่าวใหญ่ค่ะ เราจะได้เห็นยักษ์ล้มก็คราวนี้หล่ะ” เอลต้าพูดขึ้น

    “ข่าวอะไรเหรอ ขอดูหน่อยสิ!!” เวเวอร์พูดขึ้นจากนั้นก็หยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านในทันที

    “โกดังสินค้าใหญ่ของพวก Wolfsword โดนเผาจนเหี้ยนเลยค่ะ ได้ข่าวว่าเจอยาเสพติดในนั้นด้วย งานนี้โดนสอบกันหนักแน่ค่ะ” แจนพูดขึ้น

    “โห เร็วขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย??” อเดลล่าถามไป

    “งานนี้บรรดาคนในแก๊งค์กับหุ้นส่วนคงร้อนๆหนาวๆกันหล่ะค่ะ” เกรย์พูดขึ้น

    “ตอนนี้สัมพันธมิตรก็โจมตีอย่างหนัก เรารอให้พวกนั้นมากวาดล้างพวกนาซีเลยดีกว่า” เวเวอร์พูดขึ้น

    “นี่ พวกเธอได้ข่าวหรือเปล่าว่าสัมพันธมิตรอยู่ที่ไหนแล้ว??” อเดลล่าหันไปถามเอลต้าและแจน

    “พวกเขากำลังเดินทัพมาแล้วค่ะ ข่าววงในเชื่อว่าไม่เกิน 2 เดือน พวกเขาจะมาถึงปารีสค่ะ” เอลต้าพูดขึ้น

    “ตอนนี้ได้ยินว่ากลุ่มใต้ดินก็ทำงานหนักขึ้น พวกเขาคงเตรียมเล่นงานพวกมันแล้วค่ะ” แจนพูดขึ้น

    “อืม งานนี้เราได้เห็นพวกนาซีถอยออกจากปารีสแน่ๆ” เกรย์พูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ชายคนหนึ่งในเสื้อขาวพร้อมกางเกงทหารสีเขียวก็เดินมาหาเวเวอร์ แล้วมาพูดคุยกับเขาด้วย

    “ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยผม!!”

    “ไม่เป็นไรครับผู้กอง ลูกน้องของคุณเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” เวเวอร์ถามไป

    “ตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่ครับ!!”

    “ดีแล้วหล่ะ รักษาตัวไปก่อน อีกนานเลยกว่าพวกคุณจะมาถึงปารีสหน่ะ” เวเวอร์พูดขึ้น

    “ด้านนอกตอนนี้มีแต่เสียงปืน หนูว่ากลุ่มต่อต้านกำลังโดนหนักเลยค่ะ” เกรย์พูดขึ้น

    “เอาเป็นว่า ตอนนี้เราเก็บตัวเงียบไปก่อนดีกว่านะ” อเดลล่าพูดขึ้น

    “ค่ะ เรื่องข่าวเพิ่มเติมพวกเราจัดการเองค่ะ” แจนพูดขึ้น

    “พวกคุณหาข่าวได้หรือครับ ถ้าพวกคุณติดต่อกับกองทัพพันธมิตรได้ ช่วยส่งข้อความนี่ให้เราหน่อยครับ” ผู้กองคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นก็ส่งข้อความให้เอลต้าและแจนไป

    “วางใจเลยค่ะ พวกเราจะจัดการเอง” เอลต้าพูดขึ้น

    “ยังไงก็ระวังด้วยหล่ะ ตอนนี้พวกเกสตาโปทำงานกันหนักมากเพื่อตามล่าพวกคุณ” ผู้กองคนนั้นพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงหรอก คุณไปพักผ่อนให้สบายใจก่อนดีกว่า” เวเวอร์พูดขึ้น จากนั้นผู้กองคนนั้นก็กลับเข้าไปที่ห้องใต้ดินต่อเพื่อซ่อนตัวจากตำรวจเยอรมันที่กำลังล่าตัวพวกเขา

     

    กลับมายังคฤหาสน์ของมีอา หลังจากที่แก๊งค์ Wolfsword กำลังระส่ำระส่ายมากขึ้นทุกที เนื่องจากเกิดปัญหาทั้งภายในและภายนอก มีอาจึงได้คิดแผนอะไรบางอย่าง เพราะหากสัมพันธมิตรชนะสงคราม เธอคงไม่รอดแน่ๆ เธอเรียกเลขาของเธอมาคุยด้วยในทันที

    “มีอะไรให้ช่วยคะคุณมีอา??”

    “เงินกับทองคำที่เรามีมีเยอะแค่ไหนกัน??” มีอาถามไป

    “ตอนนี้เรามีเงินราว 50 ล้านฟรังก์ค่ะ 30 ล้านเอาไปแลกเป็นทองคำตามที่คุณบอกแล้วค่ะ” เลขาพูดขึ้น

    “ดี ที่เหลือเอาไปแลกเป็นเงินดอลล่าห์ อัตราแลกเท่าไหร่ก็ได้ ฉันไม่เกี่ยง” มีอาพูดขึ้น

    “คุณกำลังจะทำอะไรคะ??” 

    “ก็เอาตัวรอดหน่ะสิ อีกไม่นานเยอรมันคงจะแพ้หมดรูปแน่ๆ” มีอาพูดขึ้น

    “นั่นสิคะ แล้วคุณจะไปไหนคะ??” 

    “ได้ยินว่าที่อเมริกาใต้ปลอดภัย ฉันจะไปที่นั่น” มีอาพูดขึ้น

    “ค่ะ ฉันจะรีบติดต่อเรือที่ไว้ใจได้ค่ะ” เลขาพูดขึ้น

    “ดี เราต้องรีบออกไปจากที่นี่ เพราะถ้าพวกพันธมิตรมาถึง เราไม่รอดแน่ๆ” มีอาพูดขึ้น

    “แล้วบ้านหลังนี้หล่ะคะ จะเอายังไงต่อ??”

    “หลังจากสงครามจบ เอาไปประมูลขายเลย” มีอาพูดขึ้น

    “แล้วพวก Wolfsword จะเอายังไงต่อคะ??” เลขาถามไป

    “ไม่ต้องไปสนใจหล่ะ ป่านนี้คนอื่นคงจะถอนหุ้นกันหมดแล้ว รีบหนีก่อนดีกว่า” มีอาพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ลูกน้องของเธอคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเธอเพื่อคุยด้วย

    “คุณมีอาครับ คุณลาเกียครูซมาขอพบครับ!!”

    “เขามาทำอะไรกัน ให้เข้ามา!!” มีอาพูดขึ้น จากนั้นลูกน้องของเธอก็ไปพาลาเกียครูซมมาพบกับมีอาในทันที

    “คุณมีอา สวัสดี!!”

    “คุณลาเกียครูซ มีธุระอะไรหล่ะ??” มีอาถามไป

    “ผมต้องการให้คนของคุณมาช่วยจัดการงานของผมหน่อย!!” ลาเกียครูซพูดขึ้น

    “นี่ ฉันไม่มีอะไรจะช่วยคุณได้หรอกนะ” มีอาพูดขึ้น

    “นี่แกจะหักหลังฉันเหรอ??” ลาเกียครูซตะโกนถามไป

    “นี่ แกไม่ใช่หัวหน้าแก๊งค์  มีสิทธิอะไรมาสั่งฉัน??” มีอาถามไป

    “อ้อ นี่คิดจะเอาตัวรอดกันอย่างงั้นเหรอ??” ลาเกียครูซถามไป

    “เรามันก็โตๆกันแล้ว คุณน่าจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นนะคะ” มีอาพูดขึ้น

    “ไอ้พวกฝรั่งเศสนี่สันดานเหมือนกันหมด หาแต่ผลประโยชน์ รักสบาย แกคิดว่าแกจะรอดอย่างงั้นเหรอ??” ลาเกียครูซถามเธอไป

    “ก็ถ้ารอดมันก็ดีสิ” มีอาพูดอย่างไม่แยแส ลาเกียครูซโกรธจัดจึงควักปืนออกมาเล็งเธอ แต่ลูกน้องคนอื่นของมีอาก็ชักปืนเล็งใส่เขาเช่นกัน

    “อย่าดีกว่าน่า คุณไม่ควรเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่นะ!!” มีอาพูดอย่างยิ้มเยาะ

    “เฮ้อ อีนังงูพิษเอ้ย ฉันไม่น่าเชื่อใจพวกฝรั่งเศสอย่างแกเลย คอยดูเถอะ ฉันจะมาชำระความจากเธอแน่ อย่าคิดว่าจะรอดหล่ะ ฉันจะไปบอกคุณฟริตซ์..” 

    “ไปเลย ไปบอกเลย บอกมันด้วยว่าฉันถอนตัวจากทุกอย่าง แล้วถ้าแกยังดื้อด้าน ฉันจะแฉพวกแกให้หมดเลย!!” มีอาพูดขึ้น จากนั้นลาเกียครูซก็อารมณ์เสียเดินออกจากบ้านไป เขารีบเดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าบ้านของมีอาในทันที

    “สืบให้ได้ว่าอีนี่มันกำลังทำอะไรอยู่!!” ลาเกียครูซพูดขึ้น

    “ผมขอออกความเห็นหน่อยนะครับ!!” ลูกน้องของเขาพูดขึ้น

    “มีอะไร ว่ามา”

    “ผมว่า เราควรจะหนีไปจากที่นี่ดีกว่านะครับ”

    “จะบ้าเหรอ คนอารยันอย่างฉันไม่มีวันหนีเหมือนพวกฝรั่งเศสขี้ขลาดหรอกนะเว้ย!!” ลาเกียครูซพูดขึ้น

    “แต่ว่า พวกสัมพันธมิตรกำลังจะบุกปารีสแล้วนะครับ”

    “เออ ไม่ต้องห่วง ฉันรับผิดชอบทุกอย่างเอง” ลาเกียครูซบอกกับลูกน้องของเขาไป จากนั้นรถก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากบ้านของมีอาในทันที

     

    ณ เขตที่มั่นของกลุ่มกบฏต่อต้าน หลังจากที่เอลเซ่ได้ช่วยเหลือนักโทษที่ถูกเยอรมันจับตัวไว้ได้ เธอก็พาพวกเขาเดินทางกลับไปที่ค่ายในทันที เพื่อหลบหนีจากกองทัพเยอรมันที่กำลังไล่ติดตามพวกเขา ในระหว่างนั้นเอง เอลเซ่ก็คุยเรื่องข่าวที่ได้รับกับวาลเดรียไปด้วย

    “วาลเดรีย ฉันได้ข่าวมาว่าตอนนี้กองทัพพันธมิตรกำลังจะมาแล้ว” 

    “จริงเหรอ ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนหล่ะ??” วาลเดรียถามไป

    “พวกเขากำลังเดินทัพมาจากนอร์มังดีหน่ะ” เอลเซ่พูดขึ้น

    “นี่แสดงว่า สงครามก็ใกล้จะจบแล้วสิ” ชายคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น

    “ใช่แล้วหล่ะ พวกเยอรมันตอนนี้ก็เริ่มระส่ำระส่ายแล้วตอนนี้” เอลเซ่พูดขึ้น

    “อืม ฉันเองก็ได้ข่าวมาว่าทหารอเมริกันกระโดร่มลงมาทุกวันเลย” วาลเดรียพูดขึ้น

    “ใช่ งานของเราก็คือต้องช่วยพวกเขาไงหล่ะ” เอลเซ่พูดขึ้น

    “อืม แล้วนี่ ถ้าสงครามจบแล้ว เธอจะเอายังไงต่อหล่ะ??” วาลเดรียถามเธอไป

    “ไม่รู้สิ คงกลับไปทำงานเหมือนเดิมหน่ะ” เอลเซ่พูดขึ้น

    “อืม เธอทำงานที่ไหนมาก่อนหล่ะ??” วาลเดรียถามไป

    “ฉันเคยทำงานออฟฟิศหน่ะ พอมีสงครามฉันเลยมาอยู่กลุ่มต่อต้าน” เอลเซ่พูดขึ้น

    “อ้อๆ ฉันได้ยินเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวเธอ เสียใจด้วยนะ” วาลเดรียพูดขึ้น

    “ไม่เป็นไรหรอก มันผ่านมานานแล้ว ตอนนี้ฉันต้องจัดการกับพวกนาซีหน่ะ” เอลเซ่พูดขึ้น

    “คอยดูเถอะ ถ้าฉันไปถึงเบอร์ลินได้ ฉันจะไปเผาที่นั่นให้เหี้ยนเลย” ชายคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง เมื่อเวลานั้นมาถึง พวกนายจะเผามันแน่” เอลเซ่พูดไป

     

    กลับมายังธนาคารของลิริ ลิริก็กลับมาทำงานเช่นเคยเหมือนกับทุกวัน แต่ในวันนี้ เอริกะก็เดินทางมาที่ธนาคารเพื่อฝากเงินของเธอตามปกติ และในวันนั้นเอง ลิริก็เป็นคนช่วยเหลือเธอในการรับฝากเงินไปด้วย

    “อ้าว คุณเอริกะ สบายดีนะคะ??”

    “คุณลิริ นึกว่าไปจากเมืองนี้แล้วซะอีก” เอริกะถามไป

    “ยังหรอกค่ะ ต้องรับผิดชอบเงินของพวกนายทหารเยอรมันอีก แล้วคุณหล่ะ ชีวิตเจ้าหน้าที่เป็นยังบ้างหล่ะ??” ลิริถามไป

    “ก็เรื่อยๆหน่ะค่ะ” เอริกะพูดขึ้น

    “คุณมีดีมากกว่าจะมาเป็นเจ้าหน้าที่ระดับล่างนะคะ คุณกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่??” ลิริถามไป

    “ฉันมีเหตุผลของฉันหน่ะ” เอริกะพูดขึ้น

    “อืม จริงด้วย ฉันไม่ควรไปก้าวก่ายเลย” ลิริพูดขึ้น

    “ถ้างานของฉันจบ ฉันก็คงจะกลับอเมริกาแล้วหล่ะ” เอริกะพูดขึ้น

    “ฉันไม่เข้าใจ คุณมาทำอะไรที่นี่กันแน่??” ลิริถามไป

    “ฉันแค่มาตามหาคนหน่ะ ถ้ามีโอกาส ฉันจะพาเขากลับอเมริกา” เอริกะบอกเธอไป

    “ใครกัน คนที่คุณตามหา??” ลิริถามไป

    “คุณไม่ต้องรู้หรอก เอาเป็นว่า ขอบคุณนะคะสำหรับทุกอย่าง” เอริกะพูดขึ้น

    “โอ้ย อย่าพูดแบบนั้นเลยค่ะ ฉันเต็มใจอยู่แล้ว” ลิริพูดขึ้น

    “ค่ะ คุณเองก็ระวังๆไว้นะคะ” เอริกะพูดขึ้น

    “แล้วคุณจะไปไหนหล่ะคะ??” ลิริถามไป

    “อ้อ ไปทำสิ่งที่ต้องทำหน่ะ ขอให้โชคดีนะคะ” เอริกะพูดขึ้น จากนั้นเธอก็เดินกลับออกไปในทันที

     

    ณ ตึกแห่งหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามโรงพยาบาลในเครือของ The Crow ชินาอิได้ข่าวมาจากสายของเขา บอกว่าทอร์รินจะมาเยี่ยมคนที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ตัวเขาเลยไปดักซุ่มที่นั่น พร้อมด้วยปืนสไนเปอร์ใหม่ที่เขาได้มา เขาใส่กระสุนจากนั้นก็เล็งปืนสำรวจแถวๆนั้น โดยที่เขาก็อยู่กับสายคนนั้นของเขาด้วย

    “แกแน่ใจนะว่าที่นี่หน่ะ??” ชินาอิถามไป

    “แน่ใจสิครับ ผมสืบมาหลายปี โรงพยาบาลนี้แหละ ที่เป้าหมายของพี่มาบ่อยๆ”

    “เออ ถ้าไม่ใช่ฉันจะยิงแกแน่ๆ”

    “โธ่ คุณก็รู้ว่าผมสืบอะไรไม่พลาดอยู่แล้ว” สายของเขาพูดขึ้น

    “เออๆ เอาที่สบายใจเลย ตอนนี้แกไปสำรวจหน้าห้องก่อนก็แล้วกัน” ชินาอิพูดขึ้น

    “ได้เลยพี่!!” สายของเขาพูดขึ้น จากนั้นสายของเขาก็เดินออกไปที่ด้านนอก ชินาอิสังเกตการณ์ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมีรถคันหนึ่งขับเข้ามาในโรงพยาบาล ชินาอิเห็นก็รู้เลยว่าเป็นรถของพวก The Crow เขาจึงเล็งเป้าในทันที

    “แกจะไปไหนไอ้ระยำ!!”

    แต่ในตอนนั้นเอง รถคันนั้นก็ขับไปที่ด้านหลังโรงพยาบาล ทำเอาชินาอิถึงกับเซ็ง

    “บ้าเอ้ย แกจะไปไหนวะ??” 

    ชินาอิถามอย่างสงสัย จากนั้นเขาก็เล็งปืนเข้าไปในตึกเพื่อดูความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมด้วย

     

    กลับมายังที่มั่นของกลุ่มกบฏ ในวันนั้นเอง นายพลอัลเฟรดก็ดูเหมือนกำลังตามหาใครบางคน นั่นก็คือนายพลรอสนั่นเอง เขาไม่เจอนายพลรอสตั้งแต่เช้าแล้ว มาจนถึงตอนนี้ เขาเดินไปถามริชาร์ดและอลิซที่กำลังฝึกคนอยู่ในค่ายทันที เพื่อให้ได้ความจริง

    “นี่ พวกเธอสองคน เห็นรอสหรือเปล่า??” 

    “ท่านนายพลรอสเหรอครับ ไม่เห็นนะครับ!!” ริชาร์ดตอบไป

    “ใช่ค่ะ จะว่าไปก็ไม่เห็นตั้งแต่เช้าแล้ว มีอะไรหรือเปล่าคะ??” อลิซถามไป

    “ฉันตามหาเขาเฉยๆหน่ะ ไม่รู้ว่าเขาไปไหน” นายพลอัลเฟรดพูดขึ้น

    “คงมีธุระในเมืองหน่ะมั้งคะ??” อลิซออกความเห็นไป

    “ผมก็ว่างั้น เดี๋ยวเขาอาจจะกลับมาก็ได้” ริชาร์ดพูดขึ้น

    “โธ่ รอสเอ้ย ไม่น่าเลย หาเรื่องตายหรือไงวะ??” นายพลอัลเฟรดถามไป

    “ทำไมครับ มันเกิดอะไรขึ้นครับ ผมว่าพวกนาซีทำอะไรเขาไม่ได้หรอกครับ” ริชาร์ดพูดขึ้น

    “ไม่ใช่เรื่องนั้น มันอธิบายยากหน่ะ เอาเป็นว่าถ้าเขาเขากลับมา รายงานฉันด้วยหล่ะ” นายพลอัลเฟรดตอบไป ทำเอาอลิซถึงกับสงสัยในทันที

    “อะไรกันเนี่ย เขาเป็นอะไรของเขา??” อลิซถามไป

    “ฉันก็ไม่รู้ แต่เธอกล้าไปถามท่านนายพลหรือเปล่าหล่ะ??” ริชาร์ดถามไป ทำเอาเธอถึงกับไม่กล้าพูดต่อเลย

     

    กลับมาที่ร้านอาหารของแม่นอร์วิน ในวันนั้นเองนอร์ดี้ก็เป็นคนรับหน้าที่ในการดูแลร้านต่อจากแม่ของเธอ ในขณะที่อยู่โรงพยาบาล นอร์ดี้จัดการร้านไปตามปกติ จนกระทั่งวันนี้ มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในร้านของเธอ นอร์ดี้เห็นจึงไปเดินต้อนรับในทันที

    “สวัสดีค่ะ กี่ที่คะ??” 

    “นี่หนู เธอรู้จักนอร์วินหรือเปล่า??” ชายคนนั้นกระซิบบอกเธอ

    “อ้อ พี่ชายหนูเองค่ะ มีธุระอะไรคะ??”

    “ลุงขอที่เงียบๆ แล้วไปคุยกันได้หรือเปล่า??”

    นอร์ดี้ได้ยินดังนั้นจึงพาทั้งสามคนไปที่ชั้นสอง ซึ่งเป็นห้องเงียบที่นอร์วินใช้มาทานอาหารกับเพื่อนๆบ่อยๆ นอร์ดี้ให้ทั้งสามคนนั่งที่โต๊ะ จากนั้นเธอก็ยิงคำถามในทันที

    “พวกคุณมีธุระอะไรกับพี่หนูคะ??”

    “หนู ลุงชื่อรอส นายทหารกองทัพอังกฤษ นี่เกลนนิส การ์เน็ตต้า สายข่าวของลุงเอง” นายพลรอสตอบไป

    “อ้าว คุณเป็นพวกพี่หนูเหรอคะ มีอะไรหรือเปล่าคะ??” นอร์ดี้ถามไป

    “แล้วพี่ชายเธอไม่อยู่ที่นี่เหรอ??” เกลนนิสถามไป

    “นั่นสิ ฉันไม่เห็นเขาเลยนะ” การ์เน็ตต้าถามเสริม

    “คือ พี่หนูไปทำธุระข้างนอกหน่ะค่ะ มีอะไรคุยกับหนูได้นะคะ” นอร์ดี้พูดขึ้น

    “หนูฟังลุงให้ดีนะ พี่ชายเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย” นายพลรอสพูดอย่างจริงจัง

    “ทำไมคะ ใครจะทำอะไรพี่นอร์วิน พวกนาซีเหรอคะ??”

    “ไม่ใช่หรอก เป็นพวกเราเองนี่หล่ะ” เกลนนิสพูดขึ้น

    “ใช่ๆ ทางอเมริกากับอังกฤษพวกเขาตกลงกันอย่างลับๆหน่ะ” การ์เน็ตต้าพูดขึ้น ทำเอานอร์ดี้ถึงกับสับสนไปหมด

    “มันอะไรกันคะ หนูงงไปหมดแล้ว??”

    “ทางอังกฤษและอเมริกา พวกเขาตกลงกันอย่างลับๆ ว่าหลังจบสงคราม พวกเขาจะเริ่มกวาดล้างแก๊งค์ต่างๆในปารีส พี่ชายของหนู มีรายชื่ออยู่ลำดับต้นๆเลยที่เขาต้องการจะเก็บหน่ะ” นายพลรอสพูดขึ้น ทำเอานอร์ดี้ถึงกับตกใจมาก

    “ไม่มีเวลาแล้ว ลุงเตือนหนูได้แค่นี้ หนูต้องรีบบอกเขา ก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป” นายพลรอสย้ำกับนอร์ดี้ ทำเอานอร์ดี้ถึงกับใจไม่ดีที่ได้ยินเรื่องนี้

     

     

    กลับมายังโรงพยาบาลของ The Crow ซึ่งนาวินพาตัววีก้ามารักษาที่นี่ บรรดาหมอและพยาบาลของ The Crow พยายามจะช่วยเธอ แต่ก็ไม่ได้ผลอะไรนัก เนื่องจากว่าในตอนนี้วีก้าร่างกายบอบช้ำมามาก และในตอนนั้นเอง หมอก็เดินมาหานาวินในทันทีเพื่อคุยกับเขา

    "หมอครับ วีก้าเป็นยังไงบ้างครับ??" นาวินถามเขาไป

    "บาดแผลและร่างกายเธอสาหัส คุณพาเธอมาช้าเกินไป ผมเสียใจด้วย" นาวินได้ยินดังนั้นจึงรีบวิ่งไปหาวีก้าในทันที เขาเห็นร่างของวีก้าที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง เขารีบวิ่งไปกอดร่างของเธอในทันที ท่ามกลางสายตาของเพื่อนๆที่มองเขาไปด้วย

    "วีก้า ผมขอโทษ!!"

    หลังจากที่คร่ำครวญไปได้ซักพัก ในตอนนั้นเอง ทอร์รินก็มาแตะที่ไหล่ของนาวิน จากนั้นก็พูดขึ้น

    "หักห้ามใจเถอะ เธอไปดีแล้ว"

    "เธอเป็นเมียคนแรกของผม แต่ผมปกป้องเธอไม่ได้" นาวินพูดขึ้น

    "ฉันเข้าใจ นายทำดีที่สุดแล้วเว้ย!!" ชาร์ลีพูดขึ้น

    "เออนี่ แล้วนายจะไม่ไปเยี่ยมแม่นายเหรอ??" โอ๊คถามอย่างสงสัย และในตอนนั้นเอง นาวินก็วิ่งไปหาแม่ของเขาซึ่งอยู่เตียงที่ไม่ห่างเท่าไหร่นัก ซึ่งในตอนนั้นเองแม่ของนอร์วินก็กำลังนั่งซึมอยู่ นาวินรีบวิ่งไปกอดแม่เขาในทันที

    "แม่ครับ!!"

    "นอร์วิน ลูกแม่ ออกมาแล้วเเหรอลูก??" แม่ของนาวินกอดเขาไว้แน่น

    "ทหารสัมพันธมิตรช่วยผมไว้ครับแม่ พวกเขาจะมาบุกฝรั่งเศส แม่ไม่ต้องกลัวนะครับ" นาวินพูดขึ้น

    "แม่อยากกลับไปที่ร้าน นอร์ดี้กำลังทำงานหนักเลยตอนนี้"

    "ครับแม่ แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะไม่จากแม่ไปไหนอีกแล้ว ผมสัญญาครับ" นาวินพูดขึ้น

    "เออใช่ ระหว่างที่แม่อยู่ที่นี่มีผู้หญิงคนหนึ่งมาคอยดูแลมาตลอดด้วย เธอสวยมากเลยนะ ได้ยินว่าชื่อไอรีนหน่ะจ้ะ" แม่ของเขาพูดขึ้น ทำเอานาวินถึงกับนึกในใจไป

    "อ่า เธอมาที่นี่เหรอครับ??" แต่ยังไม่ทันที่นาวินจะพูดอะไรเลย

    "ปัง!!"

    "เพล้ง!!"

    เสียงลูกปืนทะลุกระจกดังขึ้น ในตอนนั้นเองพวกเขาทั้งหมดก็รีบหาที่หลบกันในทันที

    ===============================================================

    ดูเหมือนมีคนพยายามจะลอบสังหารพวกเขา และเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลหนูด้วย

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×