ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Nazi Mafia - เมืองนี้ข้าจอง

    ลำดับตอนที่ #27 : ตอนที่ 23 : เตรียมการเจรจา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 55
      2
      30 ส.ค. 63

    1 มิถุนายน 1940

    สงครามยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ปารีสวุ่นวายมากขึ้นทุกที แต่ท่ามกลางเรื่องเลวร้าย ก็ยังมีเรื่องดีๆอยู่บ้าง ในวันนั้นเอง นาวินได้เรียกทุกคนมาคุยกันเพราะว่าเขาได้ข่าวใหม่ พวกเขานัดเจอกันที่โกดังของทอร์ริน และเมื่อพวกเขาเจอกัน พวกเขาก็คุยกันในทันที

    “เอาหล่ะครับ ทุกคน ตอนนี้พวกเราได้กำหนดการที่แน่ชัดมาแล้ว!!” นาวินพูดขึ้น

    “เหรอๆ จะนัดเจรจาได้เมื่อไหร่กันหล่ะ??” โอ๊คถามไป

    “พรุ่งนี้เช้า ในสวนเลอบ็องซ์ ชานเมืองปารีสหน่ะ” ทอร์รินพูดขึ้น

    “เหรอ ถ้าอย่างงั้นฉันจะโทรไปแจ้งคุณริชาร์ดเลย” ชาร์ลีพูดขึ้น

    “แล้วนี่แก๊งค์อื่นๆพร้อมแล้วเหรอ??” โอ๊คถามไป

    “ทาง Black Hood กับดูแรนด์บอกเราว่าพวกเขาพร้อมแล้วหล่ะ” ทอร์รินพูดขึ้น

    “ใช่ เหลือแต่พวกเราแล้วหล่ะตอนนี้” นาวินพูดขึ้น

    “คุณริชาร์ดเขาว่างอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก” ชาร์ลีพูดขึ้น

    “อืม การคุ้มกันความปลอดภัยนี่ต้องจัดการให้ดีเลยนะ” นาวินพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง คุณแจ๊คสันรู้ว่าต้องทำยังไง” ทอร์รินพูดขึ้น

    “หวังว่าจะไม่มีมือที่สามมาเล่นงานเรานะ” ริชาร์ดพูดขึ้น

    “มันต้องมีอยู่แล้ว ไอ้ออเรียสไงหล่ะ” โอ๊คพูดขึ้น

    “แต่ว่า มันจะรู้ได้ไงว่าพวกเราจะมาเจรจากันหน่ะ??” นาวินถามไป

    “สายข่าวของมันก็มี ฉันว่ามันน่าจะรู้แหละ” โอ๊คพูดขึ้น

    “งานนี้คงต้องคุ้มกันให้ดี อย่าให้พลาดเหมือนคราวก่อน เช็คคนของเราทุกคนว่ารับงานใครต่อมาหรือเปล่า” ทอร์รินพูดขึ้น

    “แก๊งค์ฉันไม่มีแน่นอน ฉันมั่นใจเลย!!” ชาร์ลีตอบไป

    “ฉันรู้น่า ฉันแค่กังวลเฉยๆ เรื่องแบบนี้ไอ้ออเรียสมันเก่งนัก ใช้เงินซื้อคนอื่นหน่ะ” ออเรียสพูดขึ้น

    “ได้ยินว่าบ่อนไอ้หมอนั่นเพิ่งจะโดนเผา โคตรสะใจเลย” นาวินพูดขึ้น

    “แต่นั่นก็บ่อนของคุณไอรีนด้วยนะ” ทอร์รินพูดขึ้น

    “ผมว่าเธอเก่ง เธอน่าจะบริหารให้มันกลับมาดีได้นะ” นาวินพูดขึ้น

    “ดูเหมือนว่านายจะคิดอะไรกับเธอนะ??” โอ๊คพูดขึ้น

    “นั่นดิ นายดูเกร็งๆนะเวลาเจอเธอหน่ะ” ชาร์ลีพูดเสริม

    “บ้าน่าพวกนาย คิดอะไรอย่างงั้น” นาวินพูดขึ้น

    “ฉันไม่ว่าหรอกถ้านายจะคิดหน่ะ” ทอร์รินพูดขึ้น

    “เหมือนกับชาร์ลีที่ชอบน้องสาวนายไงหล่ะ” โอ๊คแอบแซวชาร์ลีไป

    “นี่ น้อยๆหน่อยเพื่อน อย่าไร้สาระน่า” ชาร์ลีพูดขึ้น

    “เอาเถอะๆ งานนี้เราคงต้องคุ้มกันพื้นที่ไว้ให้ดีหน่ะ” นาวินพูดขึ้น

    “เข้าใจ พวกเราเตรียมพร้อมอยู่แล้วหล่ะ” ทอร์รินพูดขึ้น

    “ไม่รู้ว่าพวกนาซีจะบุกมาเมื่อไหร่หน่ะสิ” ชาร์ลีพูดขึ้น

    “ให้เดานะ ฉันว่าไม่น่าเกินกลางเดือนนี้หรอก” โอ๊คพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา ทอร์รินเองในตอนนั้นก็เดินไปรับโทรศัพท์ในทันที เมื่อรับเสร็จ ทอร์รินก็เดินกลับมาหานาวินในทันที

    “มีอะไรเหรอครับ??” นาวินถามไป

    “ของชาร์ลีหน่ะ เขาโทรมาถามเรื่องการประชุม ฉันบอกเขาไปแล้วหล่ะ พวกเขาจะเตรียมคนของเขาเอง” ทอร์รินพูดขึ้น

    “เฮ้อ โจอี้แน่ๆ คงหาเบอร์โทรของโกดังนี้ได้” ชาร์ลีพูดขึ้น

    “เอาหล่ะ ตอนนี้เราก็พร้อมแบบสุดขีดแล้วสินะ” โอ๊คพูดขึ้น

    “วันพรุ่งนี้นี่แหละ งานของพวกเราจะได้สำเร็จซะที” นาวินพูดขึ้น

    “ใช่ แต่งานนี้อาจจะไม่ง่ายอย่างที่พวกเราคิดก็ได้” โอ๊คพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงหรอก เรื่องความปลอดภัยนี่เราจะจัดการเอง” ทอร์รินพูดขึ้น

    “ยังไงก็รีบลุยเถอะ ก่อนที่พวกมันจะมาถึงปารีส ไม่งั้นเราตายหมดแน่” ชาร์ลีพูดขึ้นทิ้งท้าย

     

    ณ เขตบังเกอร์ใต้ดินขององค์จักรพรรดินี ในวันนั้นเองพวกเขาก็นัดประชุมกันเรื่องการเจรจาในวันพรุ่งนี้ รวมถึงวางแผนการเพิ่มเติมในการทำสงครามใต้ดินด้วย ในขณะเดียวกันนั้นเอง ชายสองคนก็เดินมาหาทากะอย่างเร่งรีบ จากนั้นก็พูดกับเขาในทันที

    “นายครับ เราเจอไอ้มือปืนแล้ว แต่มันหนีไปได้ เราเชื่อว่าน่าจะเป็นคนเดียวกับที่มันฆ่าพี่สาวนายครับ!!” 

    “ครับ เรารู้แค่ว่ามันชื่อชินาอิ เข้าเมืองตั้งแต่ปี 39 ตอนนี้ทางการกำลังหมายหัวมันอยู่ครับ”

    “มันจะหนีไปไหนได้ ฉันตามล่ามันตั้งแต่ญี่ปุ่นมาจนถึงนี่เลยนะ” ทากะพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้ามันอยู่ในปารีส มันไม่รอดแน่ๆ” โจชัวพูดขึ้น

    “นั่นสิ พวกนายเองก็เห็นหน้ามันแล้วนี่” โจนาสหันไปคุยกับลูกน้องของทากะ

    “เอาหล่ะ ไอ้มือปืนนั่นเราจะส่งคนตามล่ามันแน่ๆ แต่วันพรุ่งนี้ แก๊งค์ต่างๆจะนัดเจรจากัน แล้วพวกเราจะเอายังไงกันต่อหล่ะ??” องค์จักรพรรดินีถามไป

    “หรือว่า เราจะส่งคนไปดูการเจรจาหล่ะคะ??” แอนนาถามไป

    “อืม ก็ดีนะ แต่ใครจะไปหล่ะ??” องค์จักรพรรดินีถามไป

    “ผมขออาสาเองครับ!!” ทากะพูดขึ้น

    “นี่นายจะเอาจริงเหรอ??” โจนาสถามไป

    “ก็ดีนะ ลูกน้องของทากะเก่งกันมาก น่าจะช่วยได้” แอนนาพูดขึ้น

    “ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกันนะ” โจชัวพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น ทะกะ นายจัดการเรื่องนี้แล้วกัน แล้วรายงานผลให้ฉันทราบด้วยหล่ะ” องค์จักรพรรดินีตอบไป

     

    กลับมายังเขตของแจ๊คสัน ในวันนั้นเองแจ๊คสันก็ได้เตรียมกำลังคนของเขาในการคุ้มกันสำหรับการเจรจาวันพรุ่งนี้ พวกเขาพากันตรวจสอบสถานที่เพื่อดูว่าจุดไหนที่พอจะใช้หนีได้บ้าง เผื่อเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้น

    “เอาหล่ะ ที่สวนเลอบองซ์มีทางเข้าออกหลายทาง จุดที่เรานัดชุมนุมอยู่ที่นี่ครับ” แอ็กเซลชี้ไปยังแผนที่ที่อยู่บนโต๊ะ

    “อืม เส้นทางนี้ น่าจะใกล้ที่สุดสำหรับที่ที่เราอยู่ เราจะใช้เส้นทางนี้เข้าออกนะคะ” ทาเนียชี้แผนที่เสริมไปด้วย

    “แล้วจุดซุ่มยิงล่ะ มีที่ไหนบ้าง??” แจ๊คสันถามไป

    “เท่าที่ผมเคยไป จุดซุ่มจะอยู่ในป่าบริเวณนี้ นี้ และตรงนี้ เอาคนไปคุมได้ ก็เท่ากับว่าพวกมันหมดโอกาสซุ่มยิงแล้วครับ” เควินพูดขึ้น

    “ส่วนคนในสวน เราจะจัดการตรวจค้นอาวุธพวกเขาทุกคนครับ” ปิแอร์พูดขึ้น

    “งานนี้เราคงต้องเจรจากันเร็ว แล้วหนีออกมานะ” แจ๊คสันพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะให้รถของเรารอที่นี่ เมื่อเกิดอะไรขึ้น เราจะไปทันที” ปิแอร์พูดขึ้น

    “นอร์วินกับคนอื่นๆน่าจะคุ้มกันพวกเราได้นะครับ” เควินพูดขึ้น

    “แล้วนี่ สองคนนั้นหายไปไหนหล่ะ??” ทาเนียถามไป

    “คงไปตรวจสอบสถานที่อยู่หล่ะมั้ง??” แอ็กเซลถามไป

    “โอเค พวกเขาคงรู้ว่าต้องทำอะไร ถ้าอย่างงั้นก็ให้พวกเขาจัดการแล้วกัน” แจ๊คสันพูดขึ้น แล้วในขณะเดียวกันนั้นเอง ลูกน้องของแจ๊คสันก็วิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับเขา

    “ท่านครับ มีจดหมายจาก Black Hood ดูแรนด์และไซ่ง่อนเวียดครับ พวกเขายืนยันแล้วว่าจะมาในวันพรุ่งนี้ตอนเช้า สถานที่ตามที่นัดครับ!!”

    “ดี สั่งคนของเราเคลียร์พื้นที่ตรงนั้นให้หมด” แจ๊คสันสั่งไป

    “เรื่องนี้ต้องยกความชอบให้นอร์วินเลยนะเนี่ย!!” เควินพูดขึ้น

    “ก็ใช่นะ ไม่อย่างงั้นเราคงไม่ได้มาคุยกันแบบนี้หรอก” ปิแอร์พูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นคืนนี้ผมจะไปเคลียร์พื้นที่เลยนะครับ” แอ็กเซลพูดขึ้น

    “แหม่ ถ้านายไปฉันก็ต้องไปสินะ!!” ทาเนียพูดขึ้น

    “ถึงยังไงเราก็ต้องระวังไว้ด้วยหล่ะ เรายังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สั่งคนของเราไว้ ถ้าเกิดอะไรไม่ชอบมาพากล จัดการได้เลย ไม่ต้องรอคำสั่ง” แจ๊คสันสั่งทิ้งท้ายไว้

     

    กลับมายังเขตใต้ดินของ Black Hood หลังจากที่พวกเขาได้กำหนดการเจรจามาเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็มาประชุมกันในทันทีว่าจะเดินทางยังไง รวมถึงเรื่องเส้นทางในการหลบหนีด้วย

    “เอาหล่ะ พรุ่งนี้เราจะไปที่สวนเลอบร็องซ์แล้ว เส้นทางที่เราจะใช้คือตรงนี้ ถนนเส้นนี้หล่ะ!!” อีวาพูดขึ้น

    “แต่ว่า แบบนั้นจะไม่เปิดเผยตัวเหรอครับ??” แซนเดอร์ปรามไป

    “เดี๋ยวเราก็เจรจากับพวกอีกาแล้ว คงไม่ต้องกบดานอะไรมากแล้วหล่ะ” อีวาพูดขึ้น

    “เรื่องความปลอดภัย พวกเราสองคนจะจัดการเองค่ะ” โอลิเวียพูดขึ้น

    “แล้วพี่สาวของคุณหล่ะคะ จะยังไงคะ??” อิซาเบลถามไป

    “ฉันว่า เอลต้ากับแจนน่าจะจัดการได้หน่ะ” อีวาพูดขึ้น

    “นั่นสิคะ เราก็ส่งคนไปคุ้มกันที่นั่นก็ได้” ซิลเวียพูดขึ้น

    “เฮ้อ ตอนนี้พวกเยอรมันคงใกล้จะถึงปารีสแล้ว คงต้องรีบกันหน่อยหน่ะ” ลีโอนาร์ดพูดขึ้น

    “ใช่ ได้ยินว่าเขาอยู่ห่างจากพวกเราไม่กี่ไมล์ด้วยซ้ำ” เรย์มอนด์พูดขึ้น

    “เราจะไม่ยอมให้พวกมันทำอะไรอีกเด็ดขาด เป็นไงเป็นกัน” อีวาพูดขึ้น

    “เออ ผมมีข่าวจะบอก มีสายข่าวของเราบอกมาว่า ตอนนี้กลุ่มธุรกิจใหม่กำลังเจรจากัน เราเชื่อว่าน่าจะมีนายออเรียสอยู่ในนั้นด้วยครับ” แซนเดอร์พูดขึ้น

    “จริงเหรอ แล้วมันเจรจากับใครหล่ะ??” อีวาถามไป

    “ได้ยินว่าเขาชื่อฟริตซ์ ไฮดริชหน่ะครับ” แซนเดอร์พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง อีวา เรย์มอนด์และลีโอนาร์ดก็ถึงกับตกใจ

    “ฟริตซ์ มันคือไอ้ชั่ว มันอยากจะขยายอิทธิพลในฝรั่งเศสมานานแล้ว” ซิลเวียพูดขึ้น

    “ใช่ พี่ชายมันคือไรน์ฮาร์ด ไฮดริช เกสตาโปจอมโหดด้วย” เรย์มอนด์พูดขึ้น

    “พวกเขามีอิทธิพลมากขนาดนั้นเลยเหรอคะ??” อิซาเบลถามไป

    “ใช่ครับ เพราะหมอนี่เป็นมือขวาของฮิมม์เลอร์ด้วยครับ” ลีโอนาร์ดพูดขึ้น

    “โห ท่าทางจะไม่ง่ายซะแล้วนะเนี่ย” โอลิเวียพูดขึ้น

    “ฉันไม่สนว่ามันจะเป็นใครมาจากไหน ฉันจะฆ่ามันเอง” อีวาพูดขึ้น

    “ครับ เราคงต้องมีโอกาสแน่นอนครับ” แซนเดอร์พูดขึ้น

    “งานนี้ถ้าสำเร็จ ฉันจะตามล่ามัน ไม่ว่ามันจะหนีไปที่ไหน” อีวาพูดขึ้น

     

    และมายังเขตชนบทของฝรั่งเศส ที่มั่นใหม่ของไอรีน หลังจากที่เธออพยพแก๊งค์ของเธอมาได้ซักพัก เธอก็ได้รับคำเชิญให้เดินทางมาเจรจากัน อีวาในตอนนั้นเองก็วางแผนสำหรับวันพรุ่งนี้ในทันที

    “เอาหล่ะ พรุ่งนี้เราจะเดินทางไปที่สวนเลอบร็องซ์ โทไบอัส นายรู้เส้นทางที่ใกล้ที่สุดหรือเปล่า??” ไอรีนถามไป

    “ครับ ผมรู้ทางไปครับ!!”

    “ว่าแต่ เรื่องกำลังคนของเราหล่ะครับ??” ฮันเตอร์ถามไป

    “เอาไปน้อยๆก่อน เราจะไม่เน้นปะทะ เราจะเน้นการหลบหนีอย่างเร็ว” ไอรีนพูดขึ้น

    “ครับพี่ เดี๋ยวผมไปเลือกคนเอง” ไลท์นิ่งพูดขึ้น

    “ตอนนี้บ่อนของเราเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” ไอรีนถามไป

    “เสียหายหนักเลยครับ ออเรียสมันคงต้องเสียเงินหลายล้านซ่อมแซมเลยหล่ะ” สตีฟพูดขึ้น

    “ดี ถ้ามันจะชิบหาย ฉันจะทำให้มันชิบหายเอง” ไอรีนพูดขึ้น

    “แล้วคุณจะไม่ไปที่นั่นเหรอคะ??” โทไบอัสถามไป

    “ไม่ต้องห่วงหรอกพี่ ยังไงเราก็บริหารใหม่ได้อยู่แล้ว” ฮันเตอร์พูดขึ้น

    “ใช่ คนอย่างออเรียสหน่ะเหรอจะบริหารได้ และที่มันไม่รู้ก็คือ ธุรกิจลับของเราไม่มีทางจ่ายส่วยให้มันแน่ๆ” ไลท์นิ่งพูดออกมาอย่างสะใจ

    “เอาเป็นว่า เรื่องพรุ่งนี้ ยังไงก็ฝากพวกนายจัดการด้วยแล้วกัน” ไอรีนพูดขึ้น

    “ได้ครับพี่ พวกเราจะจัดการเอง” สตีฟพูดขึ้น

    “ถ้างานนี้สำเร็จ และพวกเยอรมันถอยกลับไป ออเรียสจะต้องชดใช้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องอะไร แต่ฉันคิดว่าจะเอาตัวมันไปให้แก๊งค์อื่นจัดการก่อนดีกว่า” ไอรีนพูดขึ้น

     

    กลับมายังบริษัทใหม่ของโลเปซที่เพิ่งจะย้ายมา หลังจากที่ตัวเขามาถึงได้ไม่นาน ในวันนั้นเอง ตัวเขาก็พยายามตามข่าวเกี่ยวกับขบวนการใต้ดินและพยายามทำการสนับสนุนกลุ่มใต้ดิน และในขณะเดียวกัน ลูกน้องของเขาคนหนึ่งก็รีบมารายงานสถานการณ์กับเขาในทันที

    "ท่านครับ มีข่าวใหม่ ยืนยันมาแล้วครับ"  

    "ข่าวอะไรงั้นเหรอ ว่ามาเลย??" โลเปซถามไป

    "ครับ ตอนนี้แก๊งค์มาเฟียใหญ่กำลังเจรจาให้ความร่วมมือกันอยู่ครับ"

    "หือ จริงเหรอ อย่างพวกมันงั้นเหรอ??" โลเปซถามไป

    "ครับ ส่วนใหญ่มีแต่แก๊งค์ใหญ่ทั้งนั้นครับ ทั้ง The Crow Black Hood ดูแรนด์และแก๊งค์เวียดนามครับ!!"

    "งั้นเหรอ ถ้าอย่างงั้นฉันน่าจะไปแจมกับพวกเขาหน่อยดีกว่า" โลเปซพูดขึ้น

    "หือ มันจะดีเหรอครับ??"

    "ไม่ต้องห่วง พวกนั้นรู้ว่าฉันเป็นใคร รู้สถานที่หรือเปล่า??" โลเปซถามไป

    "สวนเลอบร็องซ์ วันพรุ่งนี้เช้าครับ"

    "อืม ไม่ห่างจากที่นี่เท่าไหร่ แถมที่นั่นก็ปลอดภัยด้วย" โลเปซพูดขึ้น

    "ครับ ถ้าอย่างงั้นผมจะไปเตรียมคนกับรถนะครับ"

    "ดี ถ้าเป็นไปได้ ส่งข้อความไปบอกกับเขาด้วยว่าฉันจะไปด้วย" โลเปซพูดขึ้น

    "แต่ว่า พวกเวียดนามจะยอมเหรอครับ??"

    "เอาน่า ฉันจะเจรจาเอง"

    "ได้ครับ ผมจะจัดการเรื่องคนกับรถครับ"

    "งานนี้พวกนาซีได้ลำบากแน่ๆ" โลเปซพูดขึ้น

    "ผมก็ว่าอย่างงั้นแหละครับ"

    "อืม ยังไงก็ไปจัดการตามนั้นก็แล้วกัน" โลเปซพูดทิ้งท้ายไป

     

    ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในอารัส ในวันนั้นเองฟริตซ์ก็ได้นัดพบกับบรรดาหุ้นส่วนของเขาในฝรั่งเศส ท่ามกลางบรรยากาศในห้องรับรองที่ประดับประดาด้วยไฟหรู พร้อมอาหารเลิศรสมากมาย ในวันนั้นเอง ฟริตซ์ก็เดินมาพร้อมกับลูกน้องของเขาอีกสองคน เพื่อมาพบกับหุ้นส่วนของเขาในทันที

    “สวัสดีท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ขออภัยที่การนัดพบครั้งนี้ล่าช้ากว่าปกติ คุณออเรียสจากดูแรนด์สินะครับ!!”

    “ใช่ครับ ผมเอง!!” ออเรียสตอบไป

    “คุณมีอา ยินดีที่ได้พบครับ!!”

    “ค่ะ ยินดีเช่นกันค่ะ” มีอาพูดขึ้น

    “คุณลาเกียครูซ อยู่ฝรั่งเศสก็สบายดีนะครับ!!”

    “แน่นอนคุณฟริตซ์ แล้วคุณจะติดใจ” ลาเกียครูซพูดขึ้น

    “เอาหล่ะครับทุกคน ผมยินดีมากที่ได้พบกับพวกคุณ” ฟริตซ์พูดขึ้น

    “เอาหล่ะครับ อย่างที่เราได้พูดกันไปข้างต้น พวกเราจะขยายอิทธิพลในฝรั่งเศส และพวกคุณก็อยากเป็นส่วนหนึ่งของพวกเรา” ทอมมัสพูดขึ้น

    “แหม่ พวกคุณนี่รู้ใจกันจริงๆนะคะ” มีอาพูดขึ้น

    “ทางคุณฟริตซ์มีแนวคิดว่าจะก่อตั้งกลุ่มในปารีส โดยใช้ชื่อว่า Wolfswaord หน่ะค่ะ” วาลพูดขึ้น

    “ชื่อดีนี่ ว่าแต่ คุณจะตั้งแก๊งค์แข่งกับแก๊งค์ในพื้นที่เหรอ??” ลาเกียครูซถามไป

    “แน่นอน พวกคุณก็รู้ว่าผมเป็นใคร ถ้าเราร่วมมือกัน พวกเราจะเติบโตไม่ยั้งเลยหล่ะ” ฟริตซ์พูดขึ้น

    “ว่าแต่ พวกคุณต้องการอะไรบางหล่ะ??” ทอมมัสถามไป

    “คาสิโนของผมเพิ่งจะโดนเผา กำลังซ่อมแซมอยู่ ตอนนี้ผมขอแค่หุ้นส่วนในการผลิตยาเสพติดก็พอ” ออเรียสพูดขึ้น

    “ของฉันเหรอ ฉันแค่อยากกำจัดคู่แข่งทางการตลาดของฉันหน่ะ” มีอาพูดขึ้น

    “ผมจะขยายกิจการของผมร่วมกับพวกคุณ แค่นั้นก็พอแล้วหล่ะ” ลาเกียครูซพูดขึ้น

    “อ้อ น่าสนใจนะคะ!!” วาลพูดขึ้น

    “เอาหล่ะ ผมจะขยายฐานการค้ายาเสพติดออกไปในดินแดนตะวันออกกลาง เนื่องจากฝรั่งเศสมีพื้นที่ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังตะวันออกกลางได้ ซึ่งถ้าเราทำได้ เราจะได้กำไรอย่างงามเลยหล่ะ” ฟริตซ์บอกไป

    “แล้วส่วนแบ่งหล่ะ เราจะเอายังไงครับ??” ออเรียสถามไป

    “เราจะแบ่ง 4 ส่วนเท่าๆกัน ผมรับรองว่าพวกคุณจะได้กำไรโดยที่เรายังปรองดองกันได้” ฟริตซ์พูดขึ้น

    “แบบนี้ค่อยดีหน่อย ฉันน้อมรับค่ะ!!” มีอาพูดขึ้นจากนั้นก็จิบไวน์ไป

    “ผมก็พร้อมเหมือนกัน!!” ลาเกียครูซพูดขึ้น

    “เอาเป็นว่า พวกเราได้ข้อตกลงแล้วนะครับ” ทอมมัสพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น ขอให้พวกคุณลงนามในข้อตกลงของเราด้วยค่ะ” วาลพูดขึ้น จากนั้นเธอก็ไปหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้กับทุกคนได้ลงชื่อ ทั้งสามคนลงชื่อกันจนครบ จากนั้นฟริตซ์ก็เอารายชื่อพวกเขามาอ่านในทันที

    “ดูเหมือนว่าหุ้นส่วนของผมจะน้อยไปหน่อยนะ” ฟริตซ์พูดขึ้น

    “น้อยแหละครับดี ตัวหารจะได้น้อยลงไงหล่ะ” ลาเกียครูซพูดขึ้น

    “ใช่ ไม่ต้องห่วง ในปารีสผมรู้ดีกว่าใคร” ออเรียสพูดขึ้น

    “ส่วนธุรกิจของฉัน รับรองว่าจะไม่ให้มีปัญหาแน่นอนค่ะ” มีอาพูดขึ้น

    “เอาเป็นว่า พวกเราได้มติเป็นเอกฉันท์แล้วนะครับ” ทอมมัสพูดขึ้น

    “เอาหล่ะค่ะ แก้วนี้ขอดื่มให้กับทุกคน พันธมิตร Wolfsword ค่ะ!!” วาลพูดขึ้น จากนั้นก็ชูแก้วไวน์

    “ดื่ม!!”

    พวกเขาดื่มไวน์ทีเดียวจนหมดแก้ว จากนั้นก็วางแก้วไวน์ไว้บนโต๊ะที่พวกเขานั่งกัน

    “แล้ว พวกเราจะเอายังไงกับแก๊งค์อื่นในพื้นที่หล่ะ??” ลาเกียครูซถามไป

    “นั่นสิ พวกคุณมีความเห็นอะไรหรือเปล่า??” ทอมมัสถามไป

    “ตอนนี้พวกมันอาจจะกำลังรวมตัวกันเพื่อต่อต้านเรา ผมรู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเป็นใคร ไอ้นอร์วินแห่ง The Crow” ออเรียสพูดขึ้น

    “หือ หมายถึงคุณนอร์วินงั้นเหรอคะ??” มีอาถามไป

    “ทำไมหล่ะ คุณรู้จักมันเหรอ??” วาลถามไป

    “ผมก็รู้จักครับ ผมจำมันได้ มันอัดลูกน้องผมซะน่วมเลย” ลาเกียครูซพูดขึ้น

    “ไอ้หมอนี่มันไม่ธรรมดา ถ้ามันไปพูดให้ทุกแก๊งค์รวมตัวกันได้ เราจะลำบากนะครับ” ออเรียสพูดขึ้น

    “ถึงยังไง เกสตาโปคงไม่ปล่อยพวกมันอยู่แล้วหล่ะ มันจะซักแค่ไหนกันเชียว??” ฟริตซ์ถามไป

    “ผมว่า พวก The Crow มันไม่ธรรมดานะครับ เราไม่ควรจะประมาทพวกมัน” ทอมมัสพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงหรอก นายก็รู้ว่าพวกเราจะทำยังไงกับมัน” ฟริตซ์พูดขึ้น

    “เอาหล่ะค่ะ ตอนนี้พวกคุณก็กลับไปพักผ่อนกันก่อนดีกว่านะคะ คนของฉันจะไปส่งคุณที่แนวชายแดนที่ไม่มีทหารฝรั่งเศสคุ้มกัน เชิญค่ะ!!”

    วาลพูดขึ้น จากนั้นเธอก็ส่งแขกของฟริตซ์ให้กลับบ้านไป โดยที่ลูกน้องของวาลก็เดินไปส่งพวกเขาขึ้นรถทีละคน และเมื่อครบแล้ว ขบวนรถนำทางของเธอก็พาพวกเขาข้ามเขตยึดครองของเยอรมันกลับฝรั่งเศสในทันที

     

    กลับมายังที่พักของหน่วยมิลเลอร์ หลังจากที่พวกเขาจัดการกลุ่มใต้ดินในเมืองแห่งหนึ่งได้สำเร็จ มิลเลอร์ก็ใช้บ้านพักหลังหนึ่งเป็นที่พักของเขา มิลเลอร์ลากเอาตัวแองเจลล่ามา จากนั้นก็สั่งคนของเขาไป

    “อาบน้ำยัยนี่ให้สะอาด แล้วส่งมันมาให้ฉัน!!” ทหารของมิลเลอร์รับคำไป จากนั้นตัวมิลเลอร์ก็ไปนั่งที่ห้องรับแขก โดยที่ออตโต้และแม็กซ์ก็ได้มานั่งคุยกับเขาด้วย

    “ไม่นึกเลยว่างานของเราจะง่ายขนาดนี้” มิลเลอร์พูดขึ้น

    “นั่นสิครับ พวกมันถูกกวาดล้างได้รวดเร็วมากๆ” แม็กซ์พูดขึ้น

    “ผมคิดว่า ของจริงคงจะอยู่ที่ฝรั่งเศสหน่ะครับ” ออตโต้พูดขึ้น

    “ใช่แล้วหล่ะ เตรียมคนของเราให้พร้อม ที่ปารีสเราเจอศึกหนักแน่ๆ” มิลเลอร์พูดขึ้น

    “แล้ว คุณคิดว่าพวกมันจะตั้งรับที่ปารีสเหรอครับ??” แม็กซ์ถามไป

    “แน่นอน พวกมันต้องปกป้องทรัพย์สินของพวกมัน”

    “แต่เรื่องนี้ผมเห็นด้วยกับแม็กซ์นะครับ ผมว่า พวกนั้นอาจจะไปรอเราที่นอกเมืองแล้วก็ได้” ออตโต้พูดขึ้น

    “พวกมันไม่มีทางทิ้งปารีสหรอก มันต้องสู้ในท่อระบายน้ำเน่าๆ ซึ่งฉันจะยัดระเบิดเข้าไปทุกวันเลย” มิลเลอร์พูดขึ้น จากนั้นก็ดื่มเหล้าไปด้วย

    “ท่านครับ ดื่มเยอะไปแล้วนะครับ!!” ออตโต้พูดขึ้น

    “เฮ้ย ไม่เป็นไรหรอกน่า ว่าแต่พวกนายสองคนหาบ้านพักได้หรือยังหล่ะ??” มิลเลอร์ถามไป

    “หาได้แล้วครับ ไม่ต้องห่วงครับ” แม็กซ์พูดขึ้น

    “ว่าแต่ ตอนนี้พวกนายได้ข่าวที่ดันเคิร์กบ้างหรือเปล่าหล่ะ??” มิลเลอร์ถามไป

    “ครับ ได้ข่าวมาว่าตอนนี้กองบินลุฟวาฟกำลังถล่มทิ้งระเบิดอย่างหนักเลยครับ” ออตโต้พูดขึ้น

    “ถล่มอย่างงั้นไม่น่าจะรอดนะครับ” แม็กซ์พูดขึ้น

    “ตราบใดที่พวกนั้นไม่เอาทหารไปบดขยี้พวกมัน พวกมันก็ยังปลอดภัยอยู่ดี” มิลเลอร์พูดขึ้น

    “ท่านคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นครับ??” ออตโต้ถามไป

    “ฉันก็ไม่รู้ แต่ฉันต้องสืบให้ได้” มิลเลอร์พูดขึ้น

    “อย่าบอกนะครับว่ามีหนอนอยู่ในเบอร์ลิน??” แม็กซ์ออกความเห็นไป

    “ผมว่าไม่น่าจะใช่นะ” ออตโต้พูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ทหารก็พาแองเจลล่าในสภาพที่อาบน้ำเรียบร้อยแล้วมาหามิลเลอร์

    “เอามันไปไว้ที่ห้องฉัน พวกนายสองคนไปพักผ่อนได้แล้วหล่ะ!!” มิลเลอร์พูดขึ้น จากนั้นทั้งออตโต้และแม็กซ์ก็ทำความเคารพมิลเลอร์แล้วเดินออกจากบ้านไป ส่วนมิลเลอร์ก็เข้าห้องของเขาในทันที

     

    และอีกด้านหนึ่งของดันเคิร์ก ในวันนั้นเอง คาร์ลและลูเซียก็ปีบไปบนหอคอยแห่งหนึ่งในละแวกนั้นเพื่อดูสถานการณ์นันเคิร์ก ซึ่งตอนนี้กองทัพอังกฤษอยู่ในสภาพที่กำลังสิ้นหวังอย่างสุดขีด แต่ดูเหมือนว่ากองทัพเยอรมันจะไม่ค่อยกระตือรือร้นในการโจมตีเท่าไหร่ ทำเอาคาร์ลถึงกับแปลกใจ

    “ดูนี่สิ พวกเราแทบไม่โจมตีพวกมันเลย!!” คาร์ลใช้กล้องส่องทางไดกลมอง จากนั้นลูเซียก็มองไปด้วย

    “นั่นสิ พวกนั้นกำลังทำอะไรกันอยู่นะ??”

    “สงสัย พวกนั้นคงจะทำข้อตกลงกับพวกอังกฤษแน่ๆ” คาร์ลพูดขึ้น

    “คืออะไร จะสร้างบุญคุณกับพวกอังกฤษ ให้พวกนั้นยอมแพ้ง่ายๆงั้นเหรอ??” ลูเซียถามไป

    “เฮ้อ พวกมันยังไม่รู้จักพวกอังกฤษดีพอ” คาร์ลพูดขึ้น

    “นั่นดิ ไปหวังให้พวกมันยอมแพ้เนี่ยนะ งี่เง่า!!” ลูเซียพูดเสริม

    “เอาจริงๆนะ ถ้าเล่นงานพวกมันได้ทั้งหมด ทหารพวกมันคงเหลือไม่มากแล้วหล่ะ” คาร์ลพูดขึ้น

    “แล้ว นายคิดว่าพวกเราในฝรั่งเศสเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” ลูเซียถามไป

    “ป่านนี้คงไปตั้งที่มั่นนอกเมืองหล่ะมั้ง??” 

    “ก็คงงั้น เรามีที่มั่นใต้ดินที่ชานเมืองนี่” ลูเซียพูดขึ้น

    “อยากรู้เหมือนกัน ถ้าพวกเราแพ้สงครามจะไม่แปลกใจเลย” คาร์ลพูดขึ้น

    “นั่นสิ ฉันก็ว่างั้น” ลูเซียพูดทิ้งท้าย

     

    กลับมายังโบสถ์ของเวเวอร์ ในวันนั้นเอง หลังจากที่พวกเขาได้เสบียงและความช่วยเหลือจากอีวา พวกเขาก็เริ่มการแจกจ่ายอาหารให้กับคนไร้บ้านในทันที แต่สิ่งที่แปลกไปก็คือ ในวันนี้กลุ่มคนไร้บ้านมีมากมายเยอะกว่าปกติ ทำเอาพวกเขาถึงกับแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น

    "นี่ ทำไมคนไร้บ้านเยอะขนาดนี้เนี่ย??" เวเวอร์ถามไป

    "เท่าที่ถามจากพวกเขา พวกเขาบอกว่าหนีสงครามมาจากเบลเยี่ยมค่ะ" เกรย์พูดขึ้น

    "เฮ้อ แล้วนี่อาหารของเราเหลือแค่ไหนหล่ะ??" อเดลล่าถามไป

    "เท่าที่คำนวณจากสายตานะคะ คงเลี้ยงพวกเขาได้ไม่ถึงครึ่งปีหรอกค่ะ" แจนพูดขึ้น

    "ความจริงพวกนี้เป็นตัวถ่วงแท้ๆเลย" เอลต้าพูดขึ้น

    "ไม่ได้ เราจะทิ้งพวกเขาไม่ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น" เวเวอร์พูดขึ้น

    "แต่ถึงยังไง เราก็ต้องเก็บอาหารบางส่วนไว้ช่วยพวกเราเองนะคะ" อเดลล่าพูดขึ้น

    "หนูว่า หลวงพ่อคงหาความช่วยเหลือได้อยู่แล้วค่ะ" เกรย์พูดขึ้น

    "ไม่รู้ว่าคุณอีวาจะมาช่วยเราอีกเมื่อไหร่นะคะ" เอลต้าพูดขึ้น

    "ได้ยินว่าคุณอีวากำลังไปเจรจาอะไรกับแก๊งค์อื่นด้วยหล่ะ" แจนพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง

    "ตู้ม!!"

    เสียงระเบิดที่ดังมาแต่ไกล แต่พวกของเวเวอร์ก็สัมผัสได้ ในตอนนั้นเองพวกคนไร้บ้านก็พากันแตกกระเจิงไปคนละทาง แต่เวเวอร์ก็พยายามพวกเขาให้อยู่ในความสงบ ก่อนที่จะวุ่นวายไปมากกว่านี้

    "ใจเย็นก่อนทุกท่าน ที่นี่ไม่มีอะไร อย่าตกใจไป!!"  

    "ดูเหมือนพวกเยอรมันกำลังจะใกล้เข้ามาแล้วนะคะ" เอลต้าพูดขึ้น

    "อีกไม่นานพวกนั้นคงยึดฝรั่งเศสได้แน่นอนค่ะ" เกรย์พูดขึ้น

    "ว่าแต่ เราจะเอายังไงต่อหล่ะ??" อเดลล่าถามไป

    "พวกเราสองคนจะคุ้มกันเองค่ะ" เอลต้าพูดขึ้น

    "ใช่ค่ะ เราไม่ยอมให้พวกนั้นทำอะไรคุณหรอก" แจนพูดขึ้น

    "เราต้องปกป้องพวกเขา อย่าให้แตกตื่นไปมากกว่านี้" เวเวอร์ตะโกนออกไป จากนั้นก็พยายามบอกกับคนไร้บ้านทุกคน

    "แล้วเราจะเอายังไงหล่ะคะ??" เอลต้าถามไป

    "พยายามปลอบพวกเขาไว้" เวเวอร์พูดขึ้น

    "ต้องทำอะไรซักอย่าง ไม่อย่างงั้นพวกเขาได้เตลิดแน่ๆ" อเดลล่าพูดขึ้น

    "ทุกคนใจเย็นๆไว้ก่อนนะคะ ที่นี่ปลอดภัย ไม่มีอะไรแน่นอนค่ะ" แจนตะโกนออกไป

    "เฮ้อ งานนี้ไม่ได้หลับได้นอนแน่ๆ" เกรย์พูดขึ้น ท่ามกลางเสียงปืนใหญ่ที่ดับรอบๆชานเมือง ดูเหมือนว่าสงครามในครั้งนี้กำลังปะทุถึงขีดสุดแล้ว

     

    ณ ด้านหนึ่งของเขตป่าในฝรั่งเศส ในตอนนั้นเอง รถของเอลเซ่ก็ขับมาถึงจุดๆหนึ่ง ซึ่งจู่ๆคนขับก็จอดรถ จากนั้นพวกเขาก็รีบลงจากรถในทันที

    "นี่ พวกนายลงจากรถทำไมหล่ะ??" เอลเซ่ถามไป

    "ถึงแล้ว ตามพวกเรามาสิ!!" ชายคนขับพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็เดินทางเข้าไปในป่าในทันที พวกเขาเดินทางเข้าไปในป่าเรื่อยๆ เพื่อตามหากลุ่มต่อต้านในพื้นที่ด้วย

    "นี่ เธอไม่เปลี่ยนใจแน่นะ??"

    "แน่นอน ฉันไม่มีวันเปลี่ยนใจแน่นอน" เอลเซ่พูดขึ้น

    "ฉันรู้ว่าเธอสูญเสีย แต่ถ้าเธอจะสู้ ยังไงพวกเราก็จะช่วยด้วย"

    "ขอบใจมากนะ!!" เอลเซ่พูดขึ้น จนในขณะเดียวกันนั้นเอง มีชายสองคนก็เดินออกมาจากป่า แล้วเล็งปืนกลมือใส่พวกของเอลเซ่ ทำเอาพวกเขาถึงกับต้องหยุดนิ่งไป

    "พวกนายเป็นใคร??"

    "พวกเรามาเข้าร่วมกลุ่มต่อต้าน!!" ชายคนหนึ่งในกลุ่มของเอลเซ่พูดขึ้น

    "งั้นเหรอ แน่ใจนะ??"

    "แน่นอนค่ะ พวกเรามาเข้าร่วมกับพวกคุณค่ะ!!" เอลเซ่ตะโกนออกไป

    "หือ แน่ใจเหรอคุณผู้หญิง??"

    "แน่นอน พาพวกเราไปด้วยเถอะค่ะ" เอลเซ่พูดขึ้น

    "ถ้าอย่างงั้นตามมา เราจะพาพวกคุณไปพักก่อน"

    ชายสองคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นก็พาทุกคนเดินทางไปในทันที พวกเขาสองคนสงสัยในตัวเอลเซ่เล็กน้อย เลยคุยกับเธอไปด้วย

    "นี่ เธอมาจากไหนเหรอ??"

    "ฉันมาจากชนบทในปารีส แต่ฉันไปทำงานในปารีสหน่ะ" เอลเซ่พูดขึ้น

    "แล้วทำไมเธอถึงจะมาที่นี่หล่ะ??"

    "ครอบครัวฉันถูกพวกนาซีฆ่า พวกเขาตายกันหมด" เอลเซ่พูดขึ้น

    "เสียใจด้วยนะ แล้วเธอจะเอาคืนมันเหรอ??"  

    "ใช่ ฉันจะเอาคืนพวกมันอย่างสาสมเลย" เอลเซ่ตอบไป

    "บอกแล้ว ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา" หนึ่งในคนเดินทางกับเธอพูดขึ้น

    "ว่าแต่ เธอชื่ออะไรหล่ะ??"

    "ฉันเอลเซ่ ยินดีที่ได้รู้จัก"  

    "อืม งานนี้เธอต้องไปเข้าห้องสอบสวนก่อน เพื่อซักประวัติของพวกคุณ จากนั้นพวกคุณจะได้รับการฝึกเพื่อต่อต้านนาซี"

    "ค่ะ ฉันพร้อมรับทุกอย่างค่ะ" เอลเซ่พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็เดินทางกันต่อไปเรื่อยๆ เพื่อเดินทางไปยังเขตที่มั่นของกลุ่มต่อต้านในทันที

     

    กลับมายังเขตกาชาดสากล ในตอนนี้แม้ว่าสงครามยังคงปะทุอย่างหนัก แต่วาลเดรียก็ยังคงทำงานแข่งกับเวลาเพื่อช่วยเหลือผู้อพยพจากสงคราม แม้ว่าร่างกายของเธอจะไม่ค่อยเอื้ออำนวย ท่ามกลางเสียงปืนใหญ่ที่ดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ซึ่งดูเหมือนว่าแนวหน้าในตอนนี้กำลังลุกเป็นไฟอย่างสุดขีด

    "สงสัยแนวหน้ากำลังจะเละแล้วหล่ะ??" เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูดขึ้น

    "ใช่ ปารีสคงต้านได้ไม่กี่วันแน่ๆ" เจ้าหน้าที่อีกคนพูดขึ้น

    "แล้วพวกทหารทำอะไรกันอยู่เนี่ย??" วาลเดรียถามไป

    "คงกำลังรบกันอยู่หน่ะ"

    "ตู้ม!!"

    เสียงปืนใหญ่ยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาผู้อพยพหลายคนถึงกับตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก

    "บ้าเอ้ย พวกเราตายกันหมดแน่!!"

    "ป่านนี้พวกมันคงล้อมปารีสไว้แล้วม้าง??" เจ้าหน้าที่พูดขึ้น

    "พวกเราเป็นกาชาด พวกนั้นไม่ทำอะไรเราหรอก" วาลเดรียพูดขึ้นในขณะที่กำลังป้อนยาให้หญิงชราคนหนึ่ง

    "เฮ้อ พวกมันไม่สนเรื่องนั้นหรอก"

    "ใช่ พวกมันเดรัจฉาน ฆ่าเด็ก คนแก่ไม่มีเว้นเลย"

    "เฮ้อ หวังว่าพวกเราจะควบคุมสถานการณ์ได้นะ" วาลเดรียพูดขึ้น

    "ตู้ม!!"

    "บ้าเอ้ย ถ้าเราไม่ออกจากปารีส พวกเราตายแน่ๆ" เจ้าหน้าที่คนอื่นพูดขึ้น

    "แล้วพวกเราจะไปไหนหล่ะ??" วาลเดรียถามไป ทำเอาคนอื่นๆไม่กล้าพูดต่อ

    "ถึงยังไงพวกนั้นก็ไม่ทำอะไรปารีสหรอก พวกนั้นต้องการปารีสในสภาพที่ดีนะ" วาลเดรียพูดขึ้น

    "ขอให้พวกอังกฤษมาช่วยเราหน่อยเถอะ!!"

    "พวกอังกฤษก็ช่วยเราไม่ได้หรอก เชื่อสิ" เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูดขึ้น

    "ตอนนี้เราคงต้องใช้ทุกอย่างที่เรามีหล่ะ รีบไปทำงานเถอะ!!" วาลเดรียพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง เธอก็อุ้มเด็กคนหนึ่งมาป้อนยา เนื่องจากว่าเด็กคนนั้นกำลังป่วย วาลเดรียต้องดูแลเด็กคนนั้น

     

    กลับมายังธนาคารของลิริ ในวันนั้นเองเธอก็เดินออกไปด้านนอกเพื่อหาอะไรกิน ท่ามกลางความวุ่นวายอย่างสุดขีดภายนอก ลิริต้องเดินระวังๆไว้ แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็พยายามจะวิ่งมาฉุดกระเป๋าของเธอ ลิริพยายามดึงกลับอย่างสุดชีวิต

    "ปล่อยนะ ใครก็ได้ช่วยด้วย!!"

    "พลัก!!"

    ในตอนนั้นเอง เอริกะก็มาต่อยหน้าชายคนนั้นจนล้ม ชายคนนั้นตกใจจึงรีบวิ่งหนีไปในทันทีด้วยความตกใจ

    "เป็นอะไรหรือเปล่าคะ??" เอริกะถามไป

    "ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากนะคะ"

    "เย็นๆแบบนี้คุณต้องระวังนะคะ" เอริกะพูดขึ้น

    "ฉันรู้ค่ะ แต่ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้"  

    "อ้อๆ แล้วนี่คุณจะกลับบ้านเหรอ??" เอริกะถามไป

    "ใช่ค่ะ ฉันว่าจะไปหาอะไรกินก่อน"

    "คุณไม่มีรถเหรอ??" เอริกะถามต่อ

    "ไม่มีหรอกค่ะ บ้านฉันอยู่แค่นี้เอง" ลิริตอบไป

    "อ้อๆ ยังไงคุณก็ต้องระวังด้วยนะ สงครามแบบนี้พวกโจรมันเยอะนะ"

    "ค่ะ ฉันจะระวังค่ะ" ลิริพูดขึ้น

    "ฉันว่าอีกไม่นาน พวกเยอรมันคงยึดที่นี่แน่ๆ"  

    "ฉันไม่กลัวหรอก คุณไม่รู้อะไร พวกนายทหารเยอรมันฝากเงินกับธนาคารของฉันเยอะแยะ" ลิริพูดอย่างภูมิใจ

    "เฮ้อ ก็หวังว่าพวกมันจะไม่ทำลายปารีสนะ" เอริกะพูดขึ้น

    "ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พวกนั้นไม่ทำลายปารีสอยู่แล้ว ประเทศเราสวยจะตาย"

    "ก็นะ ถ้าอย่างงั้นขอให้โชคดีนะคะ ฉันขอตัวก่อน" เอริกะพูดขึ้นจากนั้นก็เดินจากไป

    "โชคดีนะคะ!!" ลิริตะโกนตามหลังไป

     

    ณ ท่อระบายแห่งหนึ่ง ชานเมืองปารีส หลังจากที่ชินาอิหนีจากการตามล่ามาได้ ตัวเขาต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ จะเช่าโรงแรมก็ไม่ได้เพราะพวกมันอาจจะตามตัวเขาเจอ เขาต้องนอนอยู่ในท่อระบายน้ำซักพัก ในขณะเดียวกันนั้นเอง เขาก็นึกไปถึงเหตุการณ์เก่าๆ ซึ่งเป็นงานที่เขาต้องฆ่าผู้หญิงคนหนึ่ง

    "อย่า อย่าฆ่าฉัน ฉันขอร้อง!!"

    "อย่าหนีไปไหนเลย น้องสาว"

    "ฉันมีเงินนะ นายอยากได้เท่าไหร่ นายเอาไปเลย!!"

    "เถอะน่า ฉันจะให้เธอตายสบายๆ"

    "ปัง!!" ชินาอิยิงผู้หญิงคนนั้นตายคาที่

    ในวันนี้ เขายังรู้สึกผิดที่รับงานนี้มา เนื่องจากว่าเขาไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นพี่สาวของผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งในญี่ปุ่น ทำให้ตัวเขาต้องหนีมาอยู่ที่ปารีส และเรื่องราวเก่าๆของเขาก็ผุดขึ้นมาในหัว

    "เฮ้ย พวก แกต้องแล้วนะเว้ย!!"

    "ทำไมวะ คนอย่างฉันไม่เคยหนีเว้ย!!" ชินาอิคุยกับเพื่อนของเขา

    "ไอ้คนที่มึงไปฆ่า มันส่งคนมาตามล่ามึงแล้วเว้ย!!"

    ชินาอิยังคงคิดถึงเรื่องเก่าๆที่เกิดขึ้น มันทำให้เขารู้สึกกลัวอยู่ไม่น้อย

    "มึงคิดว่ากูจะจบแค่นี้เหรอ??" ชินาอิตะโกนออกไป และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆก็มีเด็กคนหนึ่งเดินเข้ามาในท่อระบายน้ำ ชินาอิเห็นตอนแรกก็ตกใจ แต่เขาก็เรียกเด็กคนนั้นมาหาเขา  

    "ไอ้หนู แถวนี้มีตู้โทรศัพท์หรือเปล่า??"

    "อ้อ ขึ้นไปด้านบนก็เจอแล้วครับ" เด็กคนนั้นพูดขึ้น

    "ขอบใจมากนะ" ชินาอิพูดขึ้น จากนั้นก็ยื่นเงินให้เด็กคนหนึ่ง เด็กคนนั้นเอาเงินมาแล้วรีบไปในทันที จากนั้นตัวเขาก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาอ่าน ซึ่งในกระดาษได้เขียนเบอร์โทรศัพท์เอาไว้ด้วย

    "เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะโทรไปแล้วกัน วันนี้ฉันนอนก่อนดีกว่า!!" ชินาอิพูดขึ้น จากนั้นเขาก็นอนขดตัวอยู่ในท่อระบายน้ำชื้นๆด้านในไป

     

     

    ณ ท่อกลับมายังบังเกอร์ที่มั่นของกลุ่มต่อต้าน ซึ่งนายพลรอสยังคงจัดการเรื่องกำลังคนของเขา ในขณะเดียวกันนั้นเอง นายพลอัลเฟรดก็เดินมาหาเขาอย่างเร่งรีบ เพื่อรายงานข่าวที่เขาได้มา

    "รอส มีข่าวที่ดันเคิร์กมา!!"

    "เหรอ เกิดอะไรขึ้นหล่ะ??" นายพลรอสถามไป

    "ตอนนี้พวกเรากำลังโดนถล่มหนัก แต่ได้ข่าวว่าทางอังกฤษระดมเรือไปรับแล้ว" นายพลอัลเฟรดพูดขึ้น

    "แล้วไม่มีเครื่องบินคุ้มกันเหรอ??"

    "ก็มี แต่ยังไงก็น้อยกว่าพวกลุฟวาฟอยู่ดี"  

    "ถ้าพวกนั้นตายกันหมด ทหารอังกฤษคงโดนจับกันหมดแน่นอน" นายพลรอสพูดขึ้น

    "แต่ฉันว่ามันแปลกๆนะ พวกเยอรมันมีโอกาสที่จะบุกมาจับพวกเราได้ แต่ทำไมพวกนั้นไม่ทำหล่ะ??" นายพลอัลเฟรดถามไป

    "พวกนั้นอาจจะสร้างบุญคุณให้กับรัฐบาลอังกฤษหน่ะสิ แต่ที่พวกมันไม่รู้ พวกเราไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก" นายพลรอสพูดขึ้น

    "ก็นะ ตอนนี้ได้ข่าวมาว่าแก๊งค์ในปารีสกำลังจะรวมตัวกันเพื่อเจรจาความร่วมมือหน่ะ" นายพลอัลเฟรดพูดขึ้น

    "แบบนี้ก็ดีหน่ะสิ ถ้าอย่างงั้นเราก็อาจจะสู้กับพวกนาซีได้ก็ได้" นายพลรอสพูดขึ้น

    และอีกด้านหนึ่งของบังเกอร์ ในวันนั้นเอง ริชาร์ดก็พาอลิซมาคุยอะไรบางอย่างในบังเกอร์ ทำเอาอลิซถึงกับตกใจเล็กน้อย

    "นี่ นายมาดึงแขนฉันทำไมเนี่ย??" อลิซถามไป

    "คือ ฉันรู้สึกสงสัยเพื่อนของเกลนนิส ที่ชื่อเจนนี่หน่ะ ฉันว่าเธอคุ้นๆนะ"

    "ทำไม คุ้นๆอะไรเหรอ??" อลิซถามไป

    "ฉันว่า เธอหน้าเหมือนกับการ์เน็ตต้า กวินน์โดลิน ผู้มีอิทธิพลในอังกฤษเลยนะ"

    "เหรอ แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่หล่ะ??" อลิซถามไป

    "ฉันก็ไม่รู้ อาจจะมีปัญหาครอบครัวก็ได้ แล้วอีกอย่าง เกลนนิสก็ด้วย ฉันว่าเธอต้องมีอะไรที่น่าสงสัยแน่ๆ"

    "นี่ อะไรมันเข้าฝันนายเนี่ย ไร้สาระน่า!!" อลิซพูดขึ้น

    "เออๆ ไม่เชื่อก็ตามใจ ยังไงก็รอดูต่อไปแล้วกัน" ริชาร์ดพูดขึ้น

    "พูดจบยัง ถ้างั้นฉันขอตัวนะ" อลิซพูดขึ้น จากนั้นก็ผละตัวออกไปในทันที

    และบนถนนเส้นหนึ่งมุ่งตรงไปยังปารีส ในวันนั้นเองเกลนนิสและการ์เน็ตต้าก็เดินทางไปหาข่าวเพิ่มเติม แต่ในระหว่างนั้น พวกเธอก็คุยเรื่องส่วนตัวอื่นๆไปด้วย

    "นี่ การ์เน็ตต้า ฉันถามอะไรหน่อยสิ!!"

    "มีอะไรเหรอ??" การ์เน็ตต้าถามไป

    "เธอไม่คิดจะกลับบ้านหน่อยเหรอ??" เกลนนิสถามไป ทำเอาการ์เน็ตต้าถึงกับหน้าเปลี่ยนสี

    "เฮ้อ ไม่รู้สิ กลับไปฉันก็กลายเป็นนกตัวหนึ่งในกรงโง่ๆอยู่ดี"

    "ฉันเข้าใจ แต่พ่อของเธอคงกำลังตามหาเธออยู่นะ" เกลนนิสพูดขึ้น

    "แล้วเธอหล่ะ ไม่อยากกลับบ้านเหรอ??" การ์เน็ตต้าถามกลับไปบ้าง

    "ถ้าฉันจะกลับไป ฉันจะต้องกลับไปอย่างยิ่งใหญ่" เกลนนิสพูดขึ้น

    "ไม่ต่างกัน ฉันจะต้องพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นให้ได้" การ์เน็ตต้าพูดขึ้น

    "ไม่ต้องห่วง วันหนึ่งเราก็ได้กลับไปอยู่แล้ว" เกลนนิสพูดขึ้นจากนั้นพวกเธอก็ขับรถต่อไปเรื่อยๆ

     

    เช้าวันต่อมา ในวันแห่งการเจรจา ในวันนั้นเองพวกของนาวินก็ได้ตื่นแต่เช้าเพื่อเดินทางไปตรวจสอบพื้นที่ที่สวนเลบร็องซ์ก่อน พวกเขาขับรถมาไม่กี่อึดใจก็มาถึงจนได้ และในตอนนั้นเอง ชาร์ลีและโอ๊คก็ได้ขี่มอไซค์มาถึงก่อนแล้ว พวกเขาก็เดินมาหานาวินและทอร์รินในทันทีเมื่อพวกเขาทั้งคู่มาถึงแล้ว

    "เฮ้ มาสายนะพวก!!" ชาร์ลีพูดขึ้น

    "เออ แต่ก็มานี่หว่าพวก" ทอร์รินพูดขึ้น

    "แล้วนี่ คนอื่นๆยังไม่มาอีกเหรอ??" โอ๊คถามไป

    "เดี๋ยวคงตามมาหน่ะ ตอนนี้เราเคลียร์พื้นที่ไว้ก่อนดีกว่า" นาวินพูดขึ้น

    "ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างนำคนมาเคลียร์พื้นที่แล้ว เดี๋ยวคุณริชาร์ดกำลังจะมาที่นี่ด้วย" ชาร์ลีพูดขึ้น

    "เออนี่ ได้ข่าวมาว่าคุณไอรีนกำลังจะมาด้วย ตอนนี้พวกเขากำลังนั่งรถมาหล่ะ" โอ๊คพูดขึ้น

    "ดีมากเลยครับ แบบนี้สิ พวกนาซีทำอะไรเราไม่ได้อีกแล้ว" นาวินพูดขึ้น

    "ฉันเห็นด้วยเลยหล่ะ" ทอร์รินพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็ขี่มอไซค์มาทางพวกเขา ชายคนนั้นจอดมอไซค์จากนั้นก็เดินมาหาพวกของนาวินในทันที

    "เฮ้ ชาร์ลี!!"

    "เฮ้ย โจอี้ ทุกคน จำโจอี้ได้หรือเปล่าครับ??" ชาร์ลีถามไป และในตอนนั้นเอง โจอี้ก็มาจับมือกับนาวินด้วย

    "คุณสินะนอร์วิน ผมชื่นชมคุณนะ!!"

    "ครับ ว่าแต่ พวกของคุณอยู่ที่ไหนเหรอครับ??" นาวินถามไป

    "คุณริชาร์ดใกล้จะถึงแล้วครับ"

    "โอเคครับ อีกไม่นาน พวกของเราจะมาถึงกันครบสินะ" โอ๊คพูดขึ้น

    "นั่นสิ ฉันไปรอรับคุณแจ๊คสันดีกว่า" ทอร์รินพูดขึ้น

    "ถ้าอย่างงั้นก็ไปดำเนินการตามนั้นเลยครับ" นาวินพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันไปจัดการพื้นที่ในทันที ก่อนที่แก๊งค์คนอื่นๆจะมาถึง

    ===============================================================

    การเจรจาจะดำเนินไปได้ด้วยดีหรือไม่ อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    อาทิตย์หน้าไม่รู้จะได้มาอัพหรือเปล่านะครับ อิอิ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลผมด้วย 

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×