ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Nazi Mafia - เมืองนี้ข้าจอง

    ลำดับตอนที่ #22 : ตอนที่ 18 : พันธมิตร

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 61
      3
      26 ก.ค. 63

    ณ คฤหาสน์แห่งแก๊งค์ The Crow ในวันนั้นเองแจ๊คสันได้ระดมคนของเขาเท่าที่จะหาได้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสงครามครั้งใหม่ ซึ่งอาจเป็นศึกหนักกว่าที่ผ่านมา พวกเขารีบสะสมอาวุธและเสบียง รวมถึงวางแผนในการดำเนินการรบแบบใต้ดินกับพวกนาซี ในวันนั้นเอง ทอร์รินและนาวินก็ได้เดินทางมาตามคำเชิญของแจ๊คสันด้วย เมื่อพวกเขาทั้งคู่มาถึง ทั้งคู่ก็รีบไปหาแจ๊คสันในทันที

    “คุณแจ๊คสันครับ ทำอะไรอยู่ครับเนี่ย??” ทอร์รินถามไป

    “เราต้องรีบเตรียมพร้อมสู้กับพวกนาซี อีกไม่นานมันคงยึดฝรั่งเศสแน่ๆ” แจ๊คสันพูดขึ้น

    “แอ็กเซล คนของเราตอนนี้ทั้งประเทศมีเท่าไหร่กัน??” เควินหันไปถามเขา

    “เท่าที่ดู ตอนนี้มีประมาณแสนคนที่พร้อมรบครับ” แอ็กเซลพูดขึ้น

    “แค่นั้นไม่พอหรอก พวกเยอรมันมีเป็นล้านๆนะ” ทาเนียพูดขึ้น

    “แล้วถ้าเรากลุ่มทหารที่แพ้ศึกมาหล่ะครับ??” นาวินออกความเห็นไป

    “หมายความว่ายังไงเหรอ??” ปิแอร์ถามนาวินไป

    “หมายความว่า เราจะดึงพวกเขามาร่วมขบวนการกับเราด้วย พร้อมกับหาความช่วยเหลือจากภายนอก อย่างอังกฤษหน่ะครับ”  นาวินพูดขึ้น ทำเอามันสะกิดใจแจ๊คสันมาก

    “นั่นสิ ถ้าได้พวกเขามาร่วมด้วย งานนี้น่าจะง่ายหน่อย” แจ๊คสันพูดขึ้น

    “แล้วผมว่านะครับ เราควรจะเป็นพันธมิตรร่วมกับแก๊งค์อื่นด้วยครับ” นาวินพูดขึ้น ทำเอาทุกคนถึงกับตกใจเป็นอย่างมาก

    “หะ นี่นายจะบ้าเหรอ จะให้ไปร่วมมือกับแก๊งค์อื่นงั้นเหรอ??” เควินถามไป

    “นั่นสิ ฉันไม่เห็นด้วยเท่าไหร่นะนอร์วิน พวกนั้นคงไม่ยอมหรอก” ปิแอร์พูดขึ้น

    “พวกเขาต้องเลือกครับ ว่าจะจับมือกันตอนนี้ หรือจะลงหลุมกันหมด พวกเยอรมันคงไม่ปล่อยแก๊งค์อื่นไว้เหมือนกัน เราน่าจะใช้ข้อนี้ในการเจรจาได้ครับ” นาวินพูดขึ้น

    “แก๊งค์อื่นพอได้ แต่พวก Black Hood นี่สิ มันจะร่วมมือกับเราเหรอ??” แอ็กเซลถามไป

    “ถ้าจะทำตอนนี้ มันไม่สายไปหน่อยเหรอ??” ทาเนียถามนาวินไป

    “ไม่สายหรอกครับ เราต้องเริ่มตอนนี้เลย” นาวินพูดขึ้น

    “นายคิดจะทำอะไรกันแน่ นอร์วิน??” ทอร์รินถามเขาไป

    “ผมมีวิธีในใจของผมแล้วหล่ะ” นาวินพูดขึ้น

    “เอาเถอะ ตอนนี้เราต้องทำทุกวิถีทางเพื่อต่อสู้กับพวกนาซี เราเสียสาขาของเราในเยอรมันไปแล้ว ฉันจะไม่ยอมเสียที่นี่ไปอีกเด็ดขาด” แจ๊คสันพูดขึ้น

    “แล้วเรื่องของออเรียสหล่ะคะ คุณจะทำยังไงต่อ??” ทาเนียถามไป

    “ตอนนี้ก็แบ่งคนไปตามหามันก่อนแล้วกัน อย่าให้มันติดต่อกับพวกได้ ไม่งั้นหล่ะยุ่งแน่ๆ” แจ๊คสันพูดขึ้น

    “ตอนนี้เส้นทางใต้ดินของเราก็พร้อมหมดแล้วครับ” แอ็กเซลพูดขึ้น

    “อืม งานนี้คงต้องทำเร็ว ก่อนที่พวกเยอรมันจะรู้ตัวหน่ะ” เควินพูดขึ้น

    “ใช่ แล้วเราคงต้องทำลายพวกมันให้ได้มากที่สุด อย่าให้มันตั้งตัวได้” ปิแอร์พูดขึ้น

    “โอ๊ย ถ้าเรื่องนั่นสบายค่ะ!!” ทาเนียพูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง 

    “ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ!!” นาวินพูดขึ้น จากนั้นตัวเขาก็เดินออกไปด้านนอก ตัวทอร์รินเองก็เดินตามออกไปด้วย นาวินเดินไปขึ้นรถของเขา และในตอนนัน้เอง ทอร์รินก็เดินมาที่รถของนาวินเพื่อคุยด้วยในทันที

    “เฮ้ย นอร์วิน แกคิดอะไรอยู่วะ??”

    “ก็คิดตามที่ผมบอกนี่หล่ะครับ!!” นาวินพูดขึ้นพลางเสียบกุญแจเพื่อสตาร์ทรถ

    “แกจะเจรจากับแก๊งค์อื่นเพื่อการนี้จริงเหรอ??”

    “เชื่อผมเถอะครับ ถ้าเราไม่ทำ รับรองว่าพวกเราทุกคนลงเหวกันหมดแน่ พวกมันคงต้องยืมมือแก๊งค์อื่น ไม่ก็เอาแก๊งค์ใหม่กวาดล้างพวกเราก็ได้” นาวินพูดขึ้น

    “ฉันเข้าใจ แต่พวกมันไม่น่าจะฟังเราง่ายๆหรอกนะ”

    “ไม่หรอกครับ ผมจะลองคุยดูเอง” นาวินพูดขึ้นจากนั้นก็สตาร์ทรถในทันที

    “นายกำลังเอาตัวเองไปเสี่ยงนะเว้ย แม้แต่คุณแจ๊คสันอาจจะช่วยแกไม่ได้นะเว้ย!!” ทอร์รินพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงครับ เกมนี้ผมเดิมพันด้วยชีวิตครับ” นาวินพูดขึ้น

    “เออ แกต้องรอดมาให้ได้นะเว้ย ฉันจะช่วยเท่าที่ช่วยได้ แต่ตอนนี้แกต้องช่วยตัวเองไปก่อน หวังว่าแกน่าจะรู้นะเว้ยว่ากำลังทำอะไรอยู่” ทอร์รินพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงครับ ที่ผมทำทั้งหมดเพื่อพวกเรา” นาวินพูดขึ้น

    “ถ้าได้ข่าวอะไรก็บอกฉันได้นะเว้ย” ทอร์รินพูดขึ้น

    “ขอบคุณมากครับ แล้วเจอกันนะครับ!!” นาวินพูดขึ้น จากนั้นเขาก็รีบขับรถออกไปจากคฤหาสน์ของอีกาในทันที เพื่อทำงานที่เขาตั้งใจเอาไว้ ก่อนที่พวกนาซีจะทำลายล้างทุกอย่าง

     

    กลับมายังแก๊งค์ไซ่ง่อนเวียดนาม หลังจากที่ชาร์ลีจัดการหนอนบ่อนไส้ในแก๊งค์ไปได้มากมาย ตัวเขาในตอนนี้ก็ได้รับความไว้วางใจมากขึ้น ในคราวนี้ตัวเขาได้ขึ้นมาเป็นคนสำคัญของแก๊งค์ ทำให้ตัวเขาได้รับงานสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ

    “ชาร์ลี ยังไงก็ฝากดูเรื่องนี้ด้วยหล่ะ!!” 

    “ครับคุณริชาร์ด ผมจะจัดการเอง!!” ชาร์ลีตอบไป

    “แล้วนี่นายยังติดต่อกับเพื่อนของนายใน The Crow หรือเปล่า??” 

    “ก็ยังติดต่ออยู่ครับ” ชาร์ลีพูดขึ้น

    “อืม ยังไงเรื่องนี้ก็ฝากจัดการด้วยหล่ะ” ริชาร์ดพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง เขาก็เดินออกมาจากห้องๆนั้น โดยที่โอ๊คกำลังยืนรอเขาอยู่ที่ด้านหน้าของร้าน ชาร์ลีรีบวิ่งไปหาโอ๊คในทันทีเพื่อคุยด้วย

    “เฮ้ย โอ๊ค ไม่มากับนอร์วินเหรอ??” ชาร์ลีถามไป

    “ทางนั้นกำลังมีงานหน่ะ ว่าแต่นายทำอะไรอยู่เนี่ย??”

    “อ้อ ยุ่งๆนิดหน่อยหน่ะ แล้วนี่เจอนอร์วินบ้างยังอ่ะ??” ชาร์ลีถามไป

    “ก็ว่าจะไปหาหมอนั่นที่โกดังอยู่ จะคุยเรื่องออเรียสหน่ะ” โอ๊คพูดขึ้น

    “เออนี่ พวกฉันเองก็ได้เบาะแสมันแล้วหล่ะ แต่ไม่รู้จะใช่หรือเปล่า??” ชาร์ลีถามไป

    “เฮ้อ กลัวจะคว้าน้ำเหลวอีกตามเคยหน่ะสิ” โอ๊คพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง โจอี้เพื่อนของชาร์ลีก็เดินมาหาเขาอย่างเร่งรีบ เพื่อคุยอะไรบางอย่างกับเขา

    “เฮ้ย ชาร์ลี ฉันไปเดินเล่นที่โรงหนังมา ฉันได้เบาะแสอะไรบางอย่างด้วยหว่ะ” โจอี้บอกกับชาร์ลีอย่างตื่นเต้น

    “เหรอ มันว่ายังไงบ้างหล่ะ??” ชาร์ลีถามไป

    “ได้ยินว่าพวกมันเคลื่อนย้ายของไปในเขตของดูแรนด์หน่ะ”

    “เป็นไปไม่ได้ พวกดูแรนด์ตามล่าออเรียสอยู่ แล้วจะหนีเข้าไปในเขตนั้นทำไม??” โอ๊คถามไป

    “ไม่แน่นะ ที่ที่อันตรายที่สุดอาจเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด ไม่เคยได้ยินคำนี้เหรอ??” โจอี้ถามพวกเขาไป ทำเอาพวกเขาถึงกับฉุกคิดขึ้นมา

    “เป็นไปได้ มันอาจจะถ่วงเวลาเพื่อหลบหนีจากการตามล่า จนกว่าพวกนาซีจะบุกเข้ามาฝรั่งเศสหน่ะ” โอ๊คพูดขึ้น

    “ใจเย็นน่าพวก คิดเหรอว่าไอ้พวกระยำนั่นจะบุกเข้ามาได้หน่ะ??” โจอี้ถามไป

    “ไม่แน่เสมอไปนะ พวกมันมีเยอะกว่าเราหลายเท่า แถมเราก็ยังไม่เตรียมตัวรับมือพวกมันเลย!!” ชาร์ลีพูดปรามโจอี้ไป

    “ถึงยังไงเราก็สู้พวกมันได้อยู่แล้วน่า” โจอี้พูดขึ้น

    “เอาเถอะ ตอนนี้เรารีบไปหานอร์วินกันก่อนดีกว่า” โอ๊คพูดขึ้น

    “เฮ้ย แล้วนายเอารถมาหรือเปล่าวะ??” ชาร์ลีถามไป

    “เอามาดิ ฉันมีอยู่ ตามมาแล้วกัน” โอ๊คพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบไปขึ้นรถในทันที เพื่อเดินทางไปยังโกดังของทอร์ริน คุยกันถึงแผนการที่พวกเขาจะดำเนินการต่อไป

     

    ในรถหรูคันหนึ่ง ซึ่งปิดผ้าสีดำสนิทเพื่อไม่ให้ใครเห็น รถคันนั้นขับไปที่ย่านดาวน์ทาวน์เรื่อยๆ และในตอนนั้นเอง รถคันนั้นก็ขับเข้าไปในคาสิโนดูแรนด์ จากนั้นก็ขับไปที่ลานจอดรถ และในตอนนั้นเอง คนที่อยู่ในรถก็เดินมา โดยมีบอดี้การ์ดคุ้มกัน ชายคนที่ลงจากรถก็คือออเรียสนั่นเอง

    “อย่าบอกให้ใครรู้เด็ดขาดว่าฉันอยู่ที่นี่ จนกว่าฉันจะเผยตัว เข้าใจนะ??” ออเรียสบอกกับทุกคนไป

    “เข้าใจครับ!!”

    “ถ่วงเวลาไปซักหน่อย พวกนาซีก็จะบุกเข้ามา แล้วฉันจะได้ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆอีกแล้ว” ออเรียสพูดขึ้น

    “แล้วคุณไอรีน จะจัดการยังไงครับ??” 

    “ถ้าเธอไม่สร้างปัญหา ฉันก็จะไม่ทำอะไรมัน” ออเรียสพูดขึ้น

    “แล้วนี่ พวกเราจะทำยังไงต่อหล่ะครับ??”

    “รอไปก่อน สะสมเงินทุนกับกำลังคนให้เยอะๆ งานนี้ฉันจะไม่แพ้เด็ดขาด” ออเรียสพูดขึ้น

    “รับทราบครับผม!!”

    “ฉันอยากพักผ่อน ฉันอยากพักผ่อนหน่ะ” ออเรียสพูดขึ้น จากนั้นก็เดินต่อไปเรื่อยๆ เพื่อไปที่ห้องพักผ่อนของเขา

     

    กลับมายังรังลับของกลุ่ม Black Hood ในวันนั้นเอง อีวาก็พยายามหาทางติดต่อกับพี่สาวของเธอเพื่อดูว่าเธอสบายดีหรือเปล่าในตอนนี้ แต่อีวายังทำอะไรไม่ได้มาก เนื่องจากว่าคนบางกลุ่มยังต้องการตัวเธอเพื่อใช้เป็นข้อต่อรองอยู่ในตอนนี้

    “แซนเดอร์ เรื่องตามหาตัวออเรียสนี่ไปถึงไหนแล้วหล่ะ??” อีวาถามไป

    “เราพยายามตามเรื่องอยู่ แต่ไม่ได้ผลครับ” แซนเดอร์พูดขึ้น

    “ดูเหมือนว่าพวกมันจะมีเส้นสายมาก มันถึงปกปิดตัวตนได้ขนาดนี้” ซิลเวียพูดขึ้น

    “แล้วพี่สาวฉันเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” อีวาถามไป

    “ตอนนี้ปลอดภัยค่ะ เอลต้ากับแจนดูแลอยู่” อิซาเบลตอบไป

    “แต่เราจะไม่ได้ทำอะไรหน่อยเลยเหรอคะ??” โอลิเวียถามไป

    “ตอนนี้เรายังทำอะไรไม่ได้ ขืนทำสุ่มสี่สุ่มห้า เราจะแย่เอา” แซนเดอร์พูดขึ้น

    “ตอนนี้ขอแค่ติดต่อพี่อเดลล่าได้ ฉันก็ดีใจแล้วหล่ะ” อีวาพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆก็มีจดหมายมาส่งให้กับซิลเวียโดยลูกน้องของเธอ ซิลเวียรีบหยิบมาอ่านในทันที จากนั้นเธอก็เอามาอ่านให้กับอีวาฟัง

    “คุณอีวาคะ พี่สาวคุณสบายดีนะคะ ตอนนี้เธอปลอดภัย แต่เธอก็อยากเจอกับคุณค่ะ” ซิลเวียพูดขึ้น

    “จริงเหรอ ถ้าอย่างงั้นก็ลองหาวันให้ฉันหน่อย ฉันจะไปเจอกับเธอ” อีวาพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงค่ะ เราจะลองหาวันให้นะคะ” อิซาเบลพูดขึ้น

    “สถานที่คงต้องเปลี่ยนใหม่ ตอนนี้ที่เก่าไม่ปลอดภัยหล่ะ” โอลิเวียพูดขึ้น

    “เราต้องเอาลูกน้องไปให้น้อยที่สุด เพื่อไม่ให้ใครสังเกตด้วย” แซนเดอร์พูดขึ้น

    “ยังไงก็ไปจัดการมาก่อน ส่วนที่เหลือค่อยว่ากันแล้วกัน” อีวาพูดขึ้น

    “ได้ครับ ถ้างั้นผมจะจัดการเอง!!” แซนเดอร์ตอบกลับไป

     

    กลับมายังคาสิโนดูแรนด์ ซึ่งในวันนั้นเองไอรีนก็ยังคงมัวแต่วุ่นอยู่กับงานของเธอ ในการตามล่าตัวออเรียส แต่ในตอนนี้พวกเขามืดแปดด้านแทบไม่สามารถหาตัวออเรียสได้ แต่ตัวไอรีนเองก็ยังไม่ยอมถอดใจไปง่ายๆ

    “นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว มันยังไม่โผล่ออกมาอีกเหรอ??” ไอรีนถามคนของเธอไป

    “เราพยายามอยู่พี่ แต่ดูเหมือนกันเก็บตัวดีมาก ลูกน้องคนสนิทของมันก็เหมือนกัน” สตีฟพูดขึ้น

    “ไม่แน่นะ มันอาจจะออกจากปารีสไปแล้วก็ได้” ฮันเตอร์พูดขึ้น

    “ถ้ามันออกจากปารีสไปแล้ว คงหมดหวังแล้วหล่ะ” ไลท์นิ่งพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง โทไบอัสก็เดินมาจากด้านนอก และนำจดหมายฉบับหนึ่งมาส่งให้ไอรีนอย่างเร่งด่วน

    “คุณไอรีนครับ มีคนฝากจดหมายถึงคุณครับ!!”

    “ใครคะ รู้หรือเปล่า??” ไอรีนถามไป

    “ไม่ทราบครับ เขาไม่ยอมบอกอะไรเลยครับ!!” โทไบอัสพูดขึ้น จากนั้นเธอก็หยิบจดหมายมาอ่านในทันที ไอรีนอ่านจบแล้วก็รีบเก็บจดหมายนั่นในทันที

    “มีอะไรหรือเปล่าครับพี่??” ไลท์นิ่งถามไป

    “มีคนนัดเจอฉันที่โกดังหน่ะ ไม่รู้เป็นใคร??” ไอรีนพูดขึ้น

    “เขาจะหลอกทำร้ายพี่หรือเปล่า??” ฮันเตอร์ถามไป

    “แต่ถ้าจะหลอกทำร้ายจริงๆ ทำไมต้องทำให้มันยุ่งยากด้วยหล่ะ??” สตีฟพูดปรามไป

    “ถ้าอย่างงั้น จัดคนกับรถให้พร้อม ฉันจะไปที่โกดังนั้นตามคำเชิญ ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าพวกมันเป็นใคร” ไอรีนพูดขึ้น จากนั้นเธอก็เดินไปแต่งตัวในทันที

     

    กลับมายังบริษัทของโลเปซ หลังจากที่ตัวเขาได้ข่าวเกี่ยวกับการโจมตีของฝ่ายนาซีเยอรมันต่อเบลเยี่ยมแล้ว พวกเขาเชื่อว่าอีกไม่นานพวกนั้นต้องเข้าเหยียบฝรั่งเศสแน่ๆ โลเปซจึงสั่งระดมคนเพื่อเตรียมทำสงครามใต้ดินกับพวกนาซี แต่สิ่งที่เขาขาดในตอนนี้ก็คือ พันธมิตร ถ้าเขาโดดเดี่ยว เขาอาจจะไม่ชนะ แต่ถ้ามีคนอื่นร่วมด้วย งานของเขาอาจจะง่ายขึ้น เขาเลยไม่รอช้าเรียกประชุมเลขาของเขา จากนั้นก็พยายามติดต่อกับแก๊งค์อื่นในทันทีเพื่อดูว่ากลุ่มไหนจะเอาด้วยบ้าง

    “เอาหล่ะ ถ้าเราจะทำการใหญ่แบบนี้ เราจะต้องร่วมกับแก๊งค์ไหนดีหล่ะ??” โลเปซถามเลขาและลูกน้องของเขาไป

    “The Crow ครับ พวกเขายิ่งใหญ่ที่สุดในตอนนี้!!”

    “แต่ว่า ถ้าร่วมกับ The Crow พวก Black Hood ต้องไม่ยอมแน่ๆค่ะ” เลขาของเธอพูดปราม

    “แต่พวก The Crow เข้มแข็งกว่า ร่วมกับพวกเขาน่าจะดีที่สุดครับ!!”

    “แล้วกลุ่มดูแรนด์หล่ะคะ ไม่ลองคุยกับพวกเขาเหรอ??” เลขาของเธอถามไป

    “นั่นสิ ไอรีนเธอน่าจะต่อต้านพวกนาซี เธอน่าจะร่วมกับเราได้” โลเปซพูดขึ้น

    “แต่ว่า ยังมีออเรียสที่น่ากลัวอยู่นะครับตอนนี้ แล้วมันนี่หล่ะครับ ที่มีส่วนพัวพันกับพวกนาซีด้วย” ลูกน้องของเขาพูดขึ้น

    “ฉันเคยได้ยินเรื่องของมัน ได้ยินว่ามันเป็นพวกขายชาติด้วย” โลเปซพูดขึ้น

    “แล้วเราจะเอายังไงต่อหล่ะคะ??”

    “ติดต่อ The Crow ไปก่อน แล้วก็ไอรีนด้วย ฉันจะขอความช่วยเหลือจากพวกเขาหน่ะ” โลเปซพูดขึ้น

    “งานนี้เราต้องระวังให้หนักนะคะ ถ้าเราเปิดหน้า พวกมันไม่เอาเราไว้แน่ค่ะ” เลขาของเธอปรามไป

    “ฉันรู้ แต่งานนี้ฉันไม่กลัวพวกมันหรอก” โลเปซพูดขึ้น

    “ถ้างั้นผมจะไปติดต่อพวกเขานะครับ!!”

    “แล้วอีกอย่าง ถ้าเจอตัวมาร์ลิน จับมาให้ฉันแบบเป็นๆก่อน คราวนี้ฉันจะเล่นมันให้นัก ให้มันจำไปจนตายเลย!!” โลเปซพูดขึ้น จากนั้นลูกน้องของเขาก็ไปทำหน้าที่ตามที่เขาสั่ง

     

    กลับมายังกรุงเบอร์ลิน บ้านพักของฟริตซ์ ซึ่งในวันนั้นเองเขาก็นั่งฟังวิทยุในห้องของเขา จากนั้นก็ดื่มไวน์ไปด้วย แต่เมื่อข่าวจบไปซักพัก ตัวเขาก็เดินออกมาด้านนอก เพื่อมาเดินหาลูกน้องของเขาที่กำลังนั่งอยู่หน้าห้อง เพื่อคุยอะไรบางอย่างด้วย

    “นี่ ทุกคน ตอนนี้กองทัพเยอรมันกำลังเหยียบฝรั่งเศสแล้ว” ฟริตซ์บอกกับทุกคน

    “จริงเหรอครับ ถ้าอย่างงั้นก็ดีสิครับ!!” ทอมมัสพูดขึ้น

    “แล้วเราจะทำยังไงกันต่อหล่ะคะ??” วาลถามกลับไป

    “เราจะเริ่มตั้งแต่วันนี้เลย เตรียมของๆเราให้พร้อม คนของเราด้วย เราจะเตรียมขยายอินทธิพลของเราในฝรั่งเศส เอาให้ทั่วฝรั่งเศสไปเลย” ฟริตซ์พูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นผมจะไปบอกคนของเรานะครับ” ทอมมัสพูดขึ้นจากนั้นก็เดินออกไปด้านนอกในทันที ส่วนตัวเขาก็คุยกับวาลต่อ

    “แล้วนี่ เราจะไม่รอให้ทหารยึดฝรั่งเศสทั้งหมดก่อนเหรอคะ??” วาลถามไป

    “ไม่ต้องหรอก ถึงยังไงพวกฝรั่งเศสไม่มีปัญญาทำอะไรอยู่แล้วหล่ะ” ฟริตซ์พูดขึ้น

    “ก็หวังไว้แบบนั้นนะคะ”

    “เธอตอนนี้ก็จัดการเรื่องของๆเราแล้วกัน ฐานลูกค้าและเส้นทางการขนส่ง เราต้องรู้ว่าพวกมันขนส่งกันยังไง” ฟริตซ์บอกกับวาลไป

    “รับทราบค่ะ ฉันจะจัดการเอง!!”

    “ถ้าเราทำงานนี้สำเร็จในฝรั่งเศส ฉันรับรองเลยว่าเราจะสบายไปทั้งชาติ แล้วจะไม่มีใครขัดขวางพวกเราได้” ฟริตซ์บอกกับวาลไป จากนั้นตัวเขาก็กลับเข้าไปในห้องต่อทันที

     

    กลับมายังหน่วยของมิลเลอร์ หลังจากที่เยอรมันในตอนนี้ได้บุกเข้าฝรั่งเศสเรียบร้อยแล้ว ตัวเขาเองก็เตรียมกำลังพลเพื่อไปเป็นแนวเสริมให้กับกองทัพ เพื่อกวาดล้างกลุ่มผู้ต่อต้านที่เหลือ เขาได้สั่งให้ออตโต้สืบหาตำแหน่งของพวกแวก้อนให้เขาด้วย เมื่อออตโต้ได้ข้อมูลมา เขาก็เอาข้อมูลให้กับมิลเลอร์ในทันที 

    “ท่านครับ เราได้ข้อมูลที่ท่านต้องการแล้วครับ!!” ออตโต้พูดขึ้น จากนั้นก็ยื่นข้อมูลให้กับมิลเลอร์ในทันที ซึ่งด้านในเป็นข้อมูลตำแหน่งเขตอิทธิพลของแก๊งค์แวก้อน เมื่อมิลเลอร์รู้ในตอนนั้น เขาก็รีบสั่งให้กำลังพลของเขาเตรียมพร้อมในทันที

    “เตรียมกองกำลังให้พร้อม เราจะเตรียมไปค้นพื้นที่นั้น!!” มิลเลอร์พูดขึ้น

    “แต่ว่า เราจะไม่ตามกองทัพของเราเหรอครับ??” แม็กซ์ถามไป

    “ใช่ ฉันจะเอากำลังพลไปจัดการ”

    “แต่ทางเบอร์ลินสั่งมาว่า..” ออตโต้พูดขึ้นแต่มิลเลอร์ก็ขัดไป

    “งานของเราคือกวาดล้างกลุ่มใต้ดิน อาชญากรรม เพราะฉะนั้น ฉันจะจัดการเอง” มิลเลอร์พูดขึ้น

    “พวกนั้นเป็นแค่แก๊งค์กระจอกๆ เราจะเสียเวลาไปเล่นงานพวกมันเหรอครับ??” ออตโต้ถามไป

    “เราจะเริ่มจากแก๊งค์กระจอกไปก่อน เราจะตัดไม้ข่มนาม ทำให้พวกมันหวาดผวาทั่วฝรั่งเศสไปเลย” มิลเลอร์พูดขึ้น

    “ครับ ผมเข้าใจแล้วครับ!!” แม็กซ์พูดขึ้น

    “แล้วเราจะเดินทางไปยังไงครับ??” ออตโต้ถามไป

    “เราจะไปในอีก 5 วัน ซึ่งทหารของเราน่าจะจัดการเขตนี้เรียบร้อยแล้ว เมื่อไม่มีทหารฝรั่งเศส ที่เหลือพวกเราก็จะเล่นพวกมันให้ยับ” มิลเลอร์พูดขึ้น

    “แล้วจะให้เอากำลังพลไปเท่าไหร่ครับ??” แม็กซ์ถามไป

    “เอาไปให้หมด งานนี้ต้องเล่นใหญ่หน่อย” มิลเลอร์พูดขึ้น 

    “งานนี้เราคงต้องเล่นพวกมันแบบรวดเร็ว และรุนแรงด้วย” แม็กซ์พูดขึ้น

    “นั่นสิ งานนี้คงต้องเล่นงานพวกมันให้สาสม” ออตโต้พูดขึ้น

    “ใช่ เตรียมคนกับอาวุธให้พร้อมก็แล้วกัน” มิลเลอร์พูดขึ้น 

     

    ณ ประเทศเบลเยี่ยม หลังจากที่กองทัพเยอรมันยุดกรุงบรัสเซลส์ได้อย่างเบ็ดเสร็จแล้ว หน่วยของคาร์ลและลูเซียก็จัดการเคลียร์พื้นที่ในเมืองทันที แล้วก็แทบไม่พบการต่อต้านใดๆเลย พวกเขาเลยเตรียมพร้อมเพื่อเดินทางไปยังฝรั่งเศสเพื่อร่วมรบในสมรภูมิใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้น

    “คาร์ล ฉันว่าเรารีบไปที่ฝรั่งเศสดีกว่า!!”

    “ใจเย็นสิ ยังไม่ทันได้พักหายใจหายคอเลยนะ” คาร์ลพูดขึ้น

    “ฉันรู้ แต่ถ้าเราไปไม่ทัน มันจะแย่เอานะ”

    “ไม่ต้องห่วงหรอก พวกเรามีเป็นล้าน คงยึดฝรั่งเศสได้ในไม่กี่เดือนหล่ะ” คาร์ลพูดขึ้น

    “แล้วพวกของเราที่ The Crow หล่ะ??” ลูเซียกระซิบถามไป 

    “ป่านนี้พวกเขาคงจะรู้ตัวกันแล้วหล่ะ” คาร์ลพูดขึ้น

    “งานนี้ถ้าเราไม่รีบ พวกเราอาจจะโดนหนักก็ได้” ลูเซียพูดขึ้น

    “ฉันเข้าใจ แต่ตอนนี้เราทำอะไรก็ลำบากไง”

    “ฉันถึงได้ให้นายรีบไปฝรั่งเศสยังไงหล่ะ ไม่อย่างงั้นอาจจะสายเกินไปนะ” ลูเซียพูดปราม

    “ได้ๆ แต่ขอให้ทหารเราพักหน่อย แล้วเดี๋ยวเราจะไปกันเลย” คาร์ลพูดขึ้น

    “ได้เลย แต่คงต้องรีบกันหน่อยหล่ะ” ลูเซียตอบกลับไป

     

    กลับมายังโบสถ์ลึกลับของเวเวอร์ หลังจากที่พวกเขาผ่านเหตุการณ์ร้ายมาได้ โบสถ์ของเขาก็มีคนคอยคุ้มกันอย่างเต็มที่ ซึ่งแม้แต่แมลงวันซักตัวก็คงจะเข้ามาไม่ได้ แต่ในวันนี้เวเวอร์ก็วุ่นอยู่กับการกักตุนเสบียงไว้ในห้องใต้ดินของโบสถ์ เนื่องจากว่าตอนนี้กองทัพเยอรมันได้เข้าโจมตีฝรั่งเศสแล้ว เวเวอร์คอยเช็คเสบียงที่เขากว้านซื้อมาได้ โดยที่มีเกรย์คอยช่วยเหลือเขาด้วย

    “เกรย์ แป้งทุกกระสอบนี่ครับนะ??”

    “ครบค่ะ ไวน์และอาหารกระป๋องด้วยค่ะ” เกรย์พูดขึ้น

    “อืม ต้องประหยัดเสบียงด้วยหล่ะ” 

    “แต่ว่า เราจะไม่ลองหาเสบียงจากที่อื่นเหรอคะ??” เกรย์ถามอย่างสงสัย

    “อืม ฉันจะลองติดต่อคนของฉันดูแล้วกัน” เวเวอร์พูดขึ้น

    “แต่ดูจากจำนวนคนที่โบสถ์แล้ว ไม่รู้ว่าอาหารเราจะพอถึง 2 ปีหรือเปล่านะคะ??” เกรย์ออกความเห็นไป

    “ถ้าไม่พอก็คงต้องหาทางอื่น ตอนนี้เราคงทำได้แค่นี้หล่ะ” เวเวอร์พูดขึ้น

    “แล้วเราจะยังแจกให้คนไร้บ้านคนอื่นหรือเปล่าคะ??” เกรย์ถามไป

    “ต้องแจกสิที่เราตุนเสบียงเพื่อแจกพวกเขาโดยเฉพาะเลยนะ”

    “ค่ะ ถ้าอย่างงั้นเราคงต้องคุ้มกันเสบียงให้ถึงที่สุดค่ะ” เกรย์พูดขึ้น

    “ค่ะ ยังไงก็ฝากด้วยหล่ะ” เวเวอร์พูดขึ้น จากนั้นเกรย์ก็เดินขึ้นไปด้านบนในทันที

    ทางด้านของอเดลล่า ในวันนั้นเองเธอก็ได้ออกมาเดินเล่นที่สวนด้านนอก เพื่อเสพบรรยากาศในสวนหลังจากที่หมกตัวอยู่ในห้องมานาน โดยที่เอลต้าและแจนในตอนนั้นก็คอยคุ้มกันเธอไม่ห่างด้วย

    “คุณอเดลล่าคะ เดี๋ยวเราต้องกลับไปด้านในแล้วนะคะ” แจนพูดขึ้น

    “นั่นสิคะ ด้านนอกมันอันตรายนะคะ” เอลต้าพูดเสริม

    “ฉันรู้ แต่ฉันขอเดินอีกหน่อยแล้วกัน” อเดลล่าพูดขึ้น

    “ว่าแต่ คุณอีวายังไม่ติดต่อมาอีกเหรอ??” เอลต้าหันไปถามแจน

    “คุณอีวาต้องระวังตัวไว้ไง” แจนพูดขึ้น

    “ใช่แล้วหล่ะ อย่าไปรบกวนเธอเลย” อเดลล่าพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆก็มีเด็กคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในโบสถ์ เด็กคนนั้นวิ่งมาหาอเดลล่า แต่แจนกับเอลต้าได้ขวางทางเอาไว้ก่อน

    “ผมเอาจดหมายมาให้พี่คนนั้นครับ!!” เด็กคนนั้นพูดขึ้นและชี้ไปที่อเดลล่า เอลต้าหยิบจดหมายจากเด็กมา จากนั้นก็เอาไปให้อเดลล่าในทันที

    “จดหมายเหรอ??” อเดลล่าเปิดอ่านจดหมายไป และในขณะเดียวกันนั้นเอง เธอก็อ่านให้กับคนอื่นฟังในทันที

    “มีคนจะมาเจอฉันที่นี่!!”

    “หะ ใครกันมันช่างกล้า??” แจนถามไป

    “ยังจำคนที่เคยช่วยเราในโบสถ์ได้หรือเปล่า เขาบอกว่าเป็นคนกลุ่มนั้นหน่ะ” อเดลล่าพูดขึ้น

    “จริงเหรอคะ แล้วเขาอยากจะเจอคุณไปทำไมหล่ะคะ??” เอลต้าถามไป

    “ฉันก็ไม่รู้ แต่น่าจะมีเรื่องสำคัญแน่ๆ พวกเขาจะมาหาฉันที่นี่นหน่ะ” อเดลล่าตอบไป

    “แต่ว่า พวกนั้นมาดีมาร้ายเราก็ยังไม่รู้นะคะ” แจนพูดขึ้น

    “ใช่ค่ะ ฉันว่ามันอันตรายค่ะ!!” เอลต้าพูดเสริม

    “ถ้าอย่างงั้น ก็คงต้องดูว่าใช่พวกเดียวกับที่เคยช่วยเราหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ ก็จัดการได้เลย” อเดลล่าพูดขึ้น

    “รับทราบค่ะ ฉันจะจัดการเอง แต่ว่าตอนนี้เรากลับเข้าไปด้านในก่อนดีกว่าค่ะ” แจนพูดขึ้น จากนั้นทั้งสองคนก็พาอเดลล่ากลับเข้าไปด้านในโบสถ์ทันที

     

    กลับมายังบ้านพักส่วนตัวของมีอา หลังจากที่เธอติดต่อกับกลุ่มนาซีได้สำเร็จ เลขาของเธอก็รีบนำจดหมายตอบรับจากกลุ่มนาซีที่เธอติดต่อมาให้กับมีอาในทันที

    “คุณมีอาคะ จดหมายจากตัวแทนมาแล้วค่ะ!!”

    “ดี เอามาให้ฉันอ่านเลย!!” 

    มีอาพูดขึ้น จากนั้นตัวเธอก็เปิดจดหมายอ่านไปในทันที เธอนั่งอ่านอยู่ซักพัก จากนั้นเธอก็วางจดหมายลงในทันที

    “เป็นยังไงบ้างคะ??” เลขาของเธอถามไป

    “พวกเขาจะส่งตัวแทนมาคุยกับเราอีก 3 วันหน่ะ” มีอาตอบไป

    “ถ้าอย่างงั้นต้องจัดต้อนรับพวกเขาหรือเปล่าคะ??”

    “ต้อนรับสิ แต่เงียบๆ อย่ากระโตกกระตากหล่ะ” มีอาย้ำไป

    “แต่ถ้ารัฐบาลรู้เรื่อง พวกเราอาจถูกจับกันหมดนะคะ”

    “อีกไม่นานฝรั่งเศสคงจะแพ้สงครามแล้ว ตอนนี้พวกเขาก็บุกมาแล้วนี่ ใช่หรือเปล่า??” มีอาถามไป

    “ใช่ค่ะ พวกเขาผ่านเบลเยี่ยม เยี่ยมข้ามชายแดนมาแล้ว พวกเขารุกได้รวดเร็วมากค่ะ” 

    “คิดไว้ไม่ผิดจริงๆด้วย งานนี้ถ้าไม่ร่วมกับพวกเขาก็จบหล่ะ” มีอาพูดขึ้น

    “ค่ะ ถ้าอย่างงั้นฉันจะไปรับรองพวกเขาค่ะ” เลขาของเธอพูดขึ้นจากนั้นก็เดินออกไป

    “คอยดูเถอะ ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าเธอเป็นใคร แล้วฉันจะย้ำเธอให้จมดินเลย!!” มีอาพูดขึ้นอย่างโกรธแค้น

     

    กลับมายังบ้านของเอลเซ่ ในวันนั้นเองเมื่อเธอกลับมาที่บ้าน เธอก็พบกับพ่อแม่ของเธอที่กำลังนั่งร้องไห้ต่อหน้าวิทยุ ซึ่งเอลเซ่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เธอรีบไปคุยกับพ่อแม่ของเธอในทันที

    “พ่อคะ แม่คะ เกิดอะไรขึ้นคะ??” เอลเซ่ถามไป

    “ฮือๆๆ น้องชายของลูกตายแล้ว” แม่ของเธอพูดขึ้น ทำเอาเอลเซ่ถึงกับไปไม่เป็นเลย

    “เป็นไปไม่ได้...”

    “มันเป็นไปแล้วลูก พ่อฟังวิทยุเมื่อกี้ พวกมันบุกข้ามชายแดนฝรั่งเศสแล้ว ทหารตายเป็นเบือ น้องเราก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย” พ่อของเธอพูดขึ้น ทำเอาเอลเซ่ถึงกับล้มทั้งยืนในทันที จากนั้นเธอก็ร้องไห้ออกมาด้วย

    “ฮือๆๆ ไม่น่าเลย..”

    ในระหว่างที่พวกเขากำลังโศกเศร้าอยู่ในขณะนั้น จู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นมาแต่ไกล

    “ปังๆๆๆ”

    “เสียงปืนนี่คะพ่อ!!” เอลเซ่พูดขึ้น

    “พวกมันคงกำลังเดินทัพเข้ามาแล้วหล่ะ” พ่อของเธอพูดขึ้น

    “แล้วจะเอายังไงหล่ะคะคุณ??” แม่ของเอลเซ่ถามไป

    “ฉันจะสู้จนเลือดหยดสุดท้าย ฉันจะไม่หนีไปไหนแล้ว” พ่อของเธอพูดขึ้น จากนั้นก็ไปหยิบปืนลูกซองกระบอกหนึ่งออกมา ทำเอาแม่กับเอลเซ่ต้องห้ามไว้ก่อน

    “ใจเย็นๆนะคะคุณพ่อ!!”

    “ไม่ต้องห่วง พ่อจะไม่หนีอีกแล้ว พวกเธอสองคนรีบหนีไปปารีสเถอะ” พ่อของเธอพูดขึ้น

    “ไม่ ฉันจะไม่มีวันทิ้งคุณเด็ดขาด!!” แม่ของเอลเซ่ตอบกลับไป ทำเอาตอนนั้นก็ทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว

     

    กลับมายังเขตกาชาดสากลฝรั่งเศส ในตอนนั้นพวกเขาต้องถอยร่นกลับเข้ามาเรื่อยๆเพื่อหนีจากกองทัพเยอรมันที่กำลังบุกเข้ามา วาลเดรียก็เป็นหนึ่งในคนที่ต้องหนีมาด้วย เธอไม่เต็มใจหนีมาเท่าไหร่แต่ก็ต้องหนี เพราะทุกคนกลัวว่าเธอจะเป็นอันตราย

    “ใจเย็นนะวาลเดรีย ตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้หรอก!!” เพื่อนของเธอคอยปลอบใจเธอ

    “ฉันรู้ แต่ดูสิ ยังมีอีกหลายคนที่เดินทางมาไม่ได้นะ”

    “เราทำอะไรไม่ได้หรอก ตอนนี้เราต้องอยู่ห่างจากพวกเยอรมันให้ได้มากที่สุด” เพื่อนของเธออีกคนพูดขึ้น

    “แล้วเราจะไปไหนต่อหล่ะ??” วาลเดรียถามไป

    “เราอาจต้องกลับปารีส ที่นั่นเราจะปลอดภัยหน่ะ” 

    “ใช่ ไปตั้งหลักกันก่อน จบเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน” 

    “แล้วเมื่อไหร่หล่ะ อีกไม่นานพวกเขาคงยึดฝรั่งเศสได้ทั้งหมด แล้วเราจะหนีไปไหนได้อีกหล่ะ??” วาลเดรียถามพวกเขาไป

    “พวกมันไม่มีทางยึดฝรั่งเศสได้หรอก”

    “ใช่ ถึงจะยึดได้ แต่เราเป็นเจ้าหน้าที่กาชาดนะ พวกนั้นคงไม่ทำอะไรหรอก” 

    “ก็ขอให้เป็นอย่างงั้นเถอะ” วาลเดรียพูดขึ้น จากนั้นเธอก็นั่งบนรถเพื่อเดินทางต่อ

     

    กลับมายังธนาคารของลิริ ในวันนี้ธนาคารของเธอคนเยอะกว่าปกติ เนื่องจากว่าเธอต้องรองรับผู้คนมากมายที่เข้ามาถอนเงินกับธนาคารเพื่อเก็บเงินสดใช้ ลิริทำงานอย่างหนักเพื่อไม่ให้สถานการณ์วุ่นวายไปมากกว่านี้ และในขณะเดียวกัน ในวันนั้นเอริกะก็ได้เดินทางมายังธนาคารด้วย แต่ในระหว่างที่พวกเขากำลังทำงานกันอยู่

    “ตู้ม!!”

    พวกเขาก็ได้ยินเสียงระเบิดดังมาแต่ไกล พวกเขารู้สึกได้ถึงมัน ทำเอาบรรยากาศในธนาคารกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนในตอนนั้นก็รีบหนีออกจากธนาคารอย่างเร่งด่วน ลิริรีบวิ่งไปหาเอริกะในทันทีเมื่อสบโอกาส

    “คุณเอริกะ เจอกันอีกแล้วนะคะ”

    “คุณลิริ ฉันว่าผิดเวลาไปหน่อยนะ!!” เอริกะตอบไป

    “นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย??” ลิริถามไป

    “คุณไม่ได้ข่าวเหรอ พวกเยอรมันตอนนี้บุกฝรั่งเศสแล้วค่ะ” เอริกะตอบไป

    “ตายแล้ว พวกนั้นมาเร็วขนาดนี้เลยเหรอคะ มันโจมตีปารีสแล้วเหรอ??” ลิริถามไป

    “มันโจมตีแค่รอบนอก ยังไม่ถึงปารีสหรอก” เอริกะพูดขึ้น

    “แล้วคุณจะเอายังไงต่อหล่ะคะ??”

    “ก็ซ่อนตัวสิคะ ช่วงนี้ต้องเก็บตัวเงียบไว้ก่อน ยังไงก็รักษาตัวให้ดีหล่ะค่ะ” เอริกะพูดขึ้น จากนั้นเธอก็รีบเดินออกจากธนาคารในทันที

    อีกด้านหนึ่งของเมือง เพ้นท์เฮ้าส์สุดหรูของลาเกียครูซ ในตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงดังปืนใหญ่และระเบิดดังสนั่นไปทั่วบริเวณรอบนอก แม้ว่าในตอนนี้เมืองจะยังไม่เสียหาย แต่เสียงปืนก็ทำเอาชาวเมืองหลายคนหวาดผวา เว้นแต่ลาเกียครูซ ที่นั่งฟังราวกับว่ามันเป็นแค่เสียงดนตรี

    “ดังเข้าไปอีกๆ ให้มันดังแบบนี้!!”

    “นายครับ ผมว่าเราย้ายที่อยู่จะปลอดภัยกว่านะครับ” ลูกน้องของเขาพูดขึ้น

    “ไม่ต้องหรอก แบบนี้สนุกกว่าเยอะ แล้วอีกอย่าง พวกมันยอมแพ้แน่ๆ มันไม่ยอมให้เมืองสวยๆของมันโดนทำลายหรอก” ลาเกียครูซพูดขึ้น

    “เฮ้อ โคตรขี้ขลาดเลยครับ!!”

    “ใช่ ไอ้พวกปารีเซียงงี่เง่าจะมาสู้กับพวกเราได้ยังไง พวกแกไปหาเหล้ากินเถอะหว่ะ!!” ลาเกียครูซบอกกับลูกน้องของเขาไป

     

    และในห้องใต้ดินห้องหนึ่งของชินาอิ ในตอนนั้นเองเขาก็ซ่อนตัวเพื่อหลบภัยสงครามที่กำลังจะมาถึงปารีส ในวันนั้นเองเขาก็ซ้อมฟันดาบซามูไรและยิงปืน เผื่อว่างานหน้าของเขาอาจจะมี 

    “ปังๆๆๆ”
    กระสุนทุกนัดเข้าเป้าอย่างแม่นยำ ในระหว่างที่เขากำลังใส่แม็คใหม่เข้าไป จู่ๆก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

    “กริ๊งๆๆ” ชินาอิได้ยินดังนั้นจึงรีบไปรับสายในทันที

    “เออ ว่าไง!!”

    “มีงานใหม่ บอกเลยว่าคุ้มค่าเสี่ยง จะรับหรือเปล่า??”

    “เออ เป้าหมายเป็นใครส่งมาแล้วกัน!!” ชินาอิบอกไป จากนั้นเขาก็วางสายโทรศัพท์ในทันที

    “เฮ้อ เหนื่อยเว้ย อยากออกไปเที่ยวผู้หญิงชิบเป๋งเลย!!”

    ชินาอิบ่นกับตัวเอง จากนั้นตัวเขาก็เดินไปนอนที่เตียงของเขาในทันที

     

    กลับมายังห้องพักของเกลนนิสและการ์เน็ตต้า ในวันนั้นเองพวกเธอทั้งสองคนรีบตีพิมพ์ข่าวการโจมตีฝรั่งเศสของกองทัพเยอรมัน เกลนนิสเขียนข่าวอย่างเร่งรีบ เพื่อให้การ์เน็ตต้าเช็คอักษร และเมื่อฉบับร่างของเธอเรียบร้อยแล้ว เกลนนิสก็เอามาให้การ์เน็ตต้าดูในทันที

    “เป็นยังไงบ้าง พอได้หรือเปล่า??” เกลนนิสถามไป

    “อืม ต้องแก้อีกนิดหน่อยนะ ฉันทำไว้ให้แล้วหล่ะ!!”

    “ได้ๆ งั้นรอเดี๋ยวนะ!!”

    เกลนนิสพูดขึ้น จากนั้นเธอก็เอาต้นฉบับของเธอไปแก้ก่อน จากนั้นก็เอากลับมาให้การ์เน็ตต้าอ่านในทันที

    “อืม ดีแล้วหล่ะ!!”

    “เธอจะเขียนข่าวให้มันดูอ่อนโยนลงเหรอ??” เกลนนิสถามไป

    “เราต้องเปลี่ยนแผนการเขียน เราต้องใช้ภาษาไม่ให้พวกเยอรมันจับไต๋ได้หน่ะ” การ์เน็ตต้าพูดขึ้น

    “เธอคิดว่ามันจะบุกเข้ามาได้งั้นเหรอ??” เกลนนิสถามต่อ

    “ก็มีความเป็นไปได้นะ เอาเป็นว่า รีบเอาไปพิมพ์เถอะ” การ์เน็ตต้าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็รีบเอาต้นฉบับนั้นไปเตรียมตีพิมพ์ในทันที

     

    ที่ค่ายทหารของรอสและอัลเฟรด ตอนนี้ทหารอังกฤษและฝรั่งเศสต้องถอยร่นจากแถวแนวรบ เนื่องจากกองทัพเยอรมันโจมตีอย่างรวดเร็ว ทหารอังกฤษและฝรั่งเศสทำอะไรกองทัพเยอรมันไม่ได้เลย คนของนายพลรอสพยายามเก็บของและถอยร่นออกจากพื้นที่ และในขณะเดียวกันนั้นเอง อลิซและริชาร์ดก็เดินทางเข้ามาในค่าย เพื่อมาคุยกับนายพลรอสและอัลเฟรดในทันที

    “ท่านคะ เป็นยังไงบ้างคะ??” อลิซถามนายพลรอสไป

    “อยากที่เห็น ตอนนี้เราต้องถอยกลับไป ไม่งั้นเราตายหมดแน่” นายพลรอสพูดขึ้น

    “แล้วพวกเธอสองคนหล่ะ ไม่ถอยเหรอ??” นายพลอัลเฟรดถามไป

    “ตอนนี้กองทัพเราก็ถอยไปแล้ว แต่ผมยังไม่หรอก ท่านครับ ตอนนี้ท่านต้องรู้ กองกำลังใต้ดินของเราเริ่มดำเนินการแล้วนะครับ” ริชาร์ดพูดขึ้น

    “งั้นเหรอ แล้วตอนนี้พวกเขาดำเนินการที่ไหนหล่ะ??” นายพลรอสถามไป

    “ที่ปารีสค่ะ” อลิซตอบไป

    “ตอนนี้พวกเรากำลังรอพวกคุณให้ไปดำเนินการอยู่ครับ ตอนนี้คุณไวท์แฟรงค์ก็กำลังเตรียมคนของเขาอยู่ครับ” ริชาร์ดพูดขึ้น

    “อืม ถ้าอย่างงั้นเราคงต้องเตรียมพร้อมแล้วหล่ะ” นายพลอัลเฟรดพูดขึ้น

    “เออนี่ ถ้าพวกนายติดต่อ The Crow ได้ ฉันอยากให้ติดต่อกับคนๆหนึ่งหน่ะ” นายพลรอสพูดขึ้น จากนั้นก็ยื่นรูปชายคนหนึ่งให้กับริชาร์ดและอลิซในทันที

    “หมอนี่เหรอคะ กำลังดังเลยค่ะ??” อลิซพูดขึ้น

    “อะไรหล่ะ รู้จักหมอนี่ด้วยเหรอ??” นายพลอัลเฟรดถามไป

    “เขาชื่อนอร์วิน หมอนี่เป็นมือดีของ The Crow คนในวงการรู้กันว่าหมอนี่มีฝีมือมาก” ริชาร์ดพูดขึ้น

    “ใช่ เขาเคยช่วยผมไว้ ผมว่าน่าตะคุยกับเขาได้” นายพลรอสพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นฉันจะไปติดต่อเขาดูนะคะ” อลิซพูดขึ้น

    “ริชาร์ด บอกให้กำลังของเราพยายามออกมาจากเขตดันเคิร์กด้วยหล่ะ ไม่งั้นพวกเราอาจจะโดนล้อมได้” นายพลอัลเฟรดพูดขึ้น

    “ผมจะพยายามติดต่อพวกเขาครับ” ริชาร์ดพูดขึ้น

     

    วันต่อมา ที่โบสถ์ของเวเวอร์ในกรุงปารีส ในวันนั้นเอง กลุ่มของนาวินก็ได้ขับรถมาอยู่บริเวณหน้าโบสถ์ เขาจอดรถที่ด้านหน้าโบสถ์ จากนั้นก็เดินไปยังร้านกาแฟร้านหนึ่งซึ่งเขาเลือกโต๊ะที่อยู่ด้านหน้าร้าน พวกเขาสั่งแค่กาแฟกันแก้วเดียว จากนั้นก็คุยกันในทันที

    “นี่ แน่ใจนะว่าแผนนายจะได้ผลหน่ะ??” ทอร์รินถามนาวินไป

    “ผมแน่ใจครับ ถ้าไม่อย่างงั้นเด็กที่ชาร์ลีส่งไปคงไม่รอดกลับมา” นาวินพูดขึ้น

    “นั่นดิ นายให้เด็กฉันไปส่งจดหมายให้เธอ นายแน่ใจนะว่ามันจะได้ผล??” ชาร์ลีถามไป

    “นั่นดิ ความจริงเราไม่ต้องยืมมือพวก Black Hood ก็ได้นะ” โอ๊คพูดเสริม

    “มันจำเป็นนะ ไม่ว่าแก๊งค์ไหนถ้าเข้าร่วมกับนาซี พวกเราได้ซวยกันหมดแน่ จะล้มพวกมันได้ เราต้องสามัคคีกันเท่านนั้น” นาวินพูดขึ้น

    “แต่ว่าแก๊งค์อื่นก็มีนี่หว่า แก๊งค์ฉันก็พร้อมจะช่วยนะเว้ย??” ชาร์ลีพูดขึ้น

    “เออนี่ ไอ้พวกนี้น่าจะพูดยากนะเว้ย” โอ๊คพูดเสริม

    “Black Hood ใหญ่พอๆกับ THe Crow ถ้าได้พวกเขาช่วย พวกนาซีจะขยายอิทธิพลได้ลำบากหน่ะ” นาวินพูดขึ้น

    “ก็นั่นสินะ ยังไงก็รอดูแล้วกัน” ทอร์รินพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง พวกเขาก็เห็นหญิงสาวสองคนเดินออกมาด้าหน้าโบสถ์กับแม่ชีหนึ่งคน ในตอนนั้นเอง นาวินเห็นแล้วก็สะกิดเพื่อนๆคนอื่นๆในทันที ให้พวกนั้นเห็นว่าแผนของเขาได้ผล

    “นั่นไง เธอออกมาแล้ว ตามแผนฉันเลย!!” นาวินพูดขึ้น

    “นั่นสิ แล้วนายจะเอายังไงต่อหล่ะ??” ทอร์รินถามไป

    “เดินไปหาเธอเลย ตามแผน”

    นาวินพูดขึ้น จากนั้นเขาและคนอื่นๆก็เดินไปหาพวกเธอในทันที

    ==============================================================

    นาวินกำลังจะทำอะไรกันแน่ และเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลหนูด้วย!!

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×