ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Nazi Mafia - เมืองนี้ข้าจอง

    ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 8 : 3 แก๊งค์ปะทะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 132
      5
      17 พ.ค. 63

    เวลา 12.00 พอดิบพอดี หลังจากที่สมุนของทั้งสามแก๊งค์ได้เคลียร์พื้นที่ในแถบโกดังเสร็จเรียบร้อย ในตอนนั้นเอง ขบวนรถของแต่ละฝ่ายก็เดินทางมาถึงในเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งนำโดยแก๊งค์ดูแรนด์ก่อน พวกเขาไปจอดรถที่ลาดจอดที่โทไบอัสเตรียมเอาไว้ จากนั้นโทไบอัสก็เดินไปเปิดประตูรถให้กับเธอในทันที โดยที่คนอื่นก็ลงจากรถมาด้วย

    “เป็นยังไงบ้าง คนจากแก๊งค์อื่นมาหรือยัง??” ไอรีนถามอย่างสงสัย

    “ตอนนี้ตัวแทนมากันแล้วครับ สามคนนั้นไงครับ” โทไบอัสพูดขึ้นจากนั้นก็ชี้ไปยังนาวิน โอ๊คและชาร์ลีที่กำลังเดินมาหาเธอ ในตอนนั้นเองไอรีนก็เดินไปหาเขาด้วย

    “สวัสดีค่ะ เจอกันอีกแล้วนะคะ” ไอรีนพูดกับนาวินไป

    “ครับ คุณปลอดภัยดีนะครับ??” นาวินถามเธอไป

    “คนอย่างฉันไม่ตายง่ายๆหรอกค่ะ” ไอรีนพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ขบวนรถของแก๊งค์The Crow และแก๊งค์เวียตนามก็เดินทางมาถึงในเวลาไล่เลี่ยกัน ทำเอานาวินและชาร์ลีต้องไปต้อนรับพวกเขาในทันที แต่นาวินก็ยังให้โอ๊คอยู่บริเวณรอบๆเผื่อว่าจะมีการซุ่มยิงกันเกิดขึ้น ทางด้านนาวิน ในตอนนั้นเขาก็รีบไปที่รถของThe Crow ในทันที เพื่อไปหาแจ็คสันและคณะของเขา ในตอนนั้นเอง นาวินก็เปิดประตูรถให้แจ๊คสันไปด้วย

    “คุณแจ๊คสัน มาทันเวลาพอดีนะครับ!!”

    “แน่นอน งานนี้ต้องตรงเวลาหน่อยหล่ะ” แจ๊คสันพูดขึ้น

    “นี่ ที่นี่เรียบร้อยดีนะ??” เควินถามนาวินไป

    “เรียบร้อยครับ ผมมาตรวจสอบแล้ว แต่ผมต้องไปดูรอบๆอีกทีครับ” นาวินพูดขึ้น

    “ดีมาก ยังไงก็ฝากด้วยหล่ะ” ปิแอร์ตอบไป

    “นี่ ถ้าเกิดอะไรขึ้น เราจะไปช่วยนะ” ทาเนียพูดขึ้น

    “ใช่ ฉันว่างานนี้คงไม่เจรจากันง่ายๆหรอก” แอ็คเซลพูดขึ้น นาวินพยักหน้าตอบไป จากนั้นแก๊งค์The Crow ก็เดินทางไปในทันที ช่วงเดียวกับกลุ่มเวียตนาม ซึ่งชาร์ลีได้ไปต้อนรับคุณริชาร์ด หัวหน้าแก๊งค์เวียตนามซึ่งโจอี้ก็ได้มาด้วย ชาร์ลีได้เข้าไปเปิดประตูรถและทักทายในทันที

    “เฮ้ย ชาร์ลี แกมาที่นี่ด้วยเหรอวะ??” โจอี้ถามเขาไป

    “ก็เออดิ คุณริชาร์ดครับ ทั้งสองแก๊งค์เขาพร้อมกันแล้วครับ” ชาร์ลีบอกเขาไป

    “ดี ถ้าอย่างงั้นก็คุ้มกันฉันที” ริชาร์ดพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง พวกเขาทั้งสามแก๊งค์ก็เตรียมตัวกันไปเจรจาในทันที แต่ที่ด้านนอกโกดัง กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งกำลังจับจ้องการเจรจาในตอนนั้น และชินาอิเองที่ซุ่มรออยู่ที่ตึกแถวนั้น แล้วเตรียมปืนยาวติดกล้องเล็งเพื่อจัดการสังหารเป้าหมายตามใบสั่งในทันที

    “ไหนๆๆ ขอฉันดูหน้าพวกแกหน่อยสิ!!”

    ชินาอิพูดจากนั้นก็ค่อยๆเล็งปืนไปยังกลุ่มกลางพื้นที่ ในขณะที่เจรจาก็เริ่มขึ้นในทันทีท่ามกลางบรรยากาศที่กดดันอย่างหนัก

    “สวัสดี คุณแจ๊คสัน คุณริชาร์ด!!” ไอรีนทักทายก่อนเป็นคนแรก

    “สวัสดีคุณไอรีน นึกไม่ถึงว่าจะได้เจอตัวจริงนะครับ” แจ๊คสันพูดขึ้น

    “ยินดีที่ได้เจอพวกคุณสองคนเหมือนกัน เอาหล่ะ ผมว่าเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า เรื่องที่คุณไปยิงคนในเขตของผม คุณจะอธิบายยังไงหล่ะ??” ริชาร์ดยิงคำถามใส่ไอรีนก่อนทันที

    “แหม่ คุณริชาร์ด จะไม่ให้พี่ผมตั้งตัวเลยเหรอ??” ไลท์นิ่งถามอย่างสงสัย

    “โถ่ๆๆ ก็ฉันเป้นคนใจร้อน แค่อยากรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเร็วๆหน่ะ” ริชาร์ดพูดขึ้น

    “เราคาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของออเรียสหน่ะ” ไอรีนพูดขึ้น ทำเอาทุกคนตกใจเล็กน้อย

    “ผมคิดว่าคุณเก็บเขาไปแล้วนะเนี่ย” ปิแอร์พูดขึ้น

    “เราก็อยากทำนะ แต่ทำยังไงได้ เรายังไม่มีเหตุที่ฆ่ามันได้นี่” ฮันเตอร์พูดขึ้น

    “เอาหล่ะ แล้วคุณจะตามหาออเรียสยังไงหล่ะ??” เควินถามอย่างสงสัย

    “ผมส่งคนออกตามหาไปทั่วแล้วหล่ะ แต่หมอนี่หายเข้ากลีบเมฆเลยตั้งแต่เกิดเรื่อง” สตีฟพูดขึ้น

    “เรื่องของออเรียส เราจะจัดการเองค่ะ ฉันสัญญา” ไอรีนพูดขึ้น

    “แหม่ คำสัญญามันไม่พอหรอกนะครับ” ริชาร์ดพูดขึ้น

    “เอาน่าคุณริชาร์ด ถ้าคุณไอรีนรับปาก เราน่าจะให้เวลาเธอหน่อยนะครับ” แจ๊คสันพูดขึ้น

    “เราจะให้ค่าทำขวัญพวกคุณเอง ฉันให้สัญญาค่ะ” ไอรีนพูดขึ้น

    “แล้วถ้าคุณเจอกับออเรียส คุณจะทำยังไงต่อหล่ะ??” ปิแอร์ถามอย่างสงสัย

    “เราจะจับเขามาลงโทษเองค่ะ” ไอรีนพูดขึ้น

    “ผมก็หวังไว้แบบนั้น ไม่อย่างงั้นผมจะจัดการเอง” เควินพูดขึ้น

     

    การเจรจาดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับในขณะเดียวกันนั้นเอง นาวินและเพื่อนของเขาก็เดินไปสำรวจบริเวณรอบโกดัง เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยเพิ่มเติม โดยที่ทั้งสามคนก็เดินสำรวจกันอย่างไม่กลัวว่าใครจะมาลอบยิงพวกเขาเลย

    “ตอนนี้ไม่เห็นหัวพวกมันเลยนะ” ชาร์ลีพูดขึ้น

    “อย่าเพิ่งประมาท ออเรียสมันชอบเล่นงานแบบทีเผลอ” โอ๊คพูดขึ้นจากนั้นก็ชักปืนออกมา

    “เอาเป็นว่าหาต่อเรื่อยๆแล้วกัน” นาวินพูดขึ้น

    “แล้วด้านในตอนนี้เจรจากันเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” ชาร์ลีถามอย่างสงสัย

    “ฉันไม่รู้ ลองไปถามด้านในสิ” โอ๊คพูดขึ้น

    “ใจเย็น อย่าเพิ่งสติแตก สถานการณ์ยังปกติอยู่” นาวินพูดขึ้น จากนั้นก็เดินสำรวจต่อ โดยที่อีกด้านหนึ่ง ในตึกร้างแห่งหนึ่งชั้นใต้ดาดฟ้า หญิงสาวสองคนพร้อมกล้องส่องทางไกลมองไปยังการเจรจาที่กำลังเป็นไปอย่างดุเดือดเรื่อยๆ และพวกเธอสองคนดูจะตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

    “หู้ว ดูสิอิซาเบล กำลังคุยกันอยู่เลย!!” โอลิเวียพูดอย่างตื่นเต้น

    “ตื่นเต้นไปได้ แค่คุยธรรมดา” อิซาเบลพูดปรามไป

    “แหม่ ถ้าปะทะขึ้นมาคงจะสนุกน่าดูเลยนะ” โอลิเวียพูดต่อ

    “นี่ถ้าคุณอีวาจับได้ เราตายกันหมดแน่” อิซาเบลพูดขึ้น แต่โอลิเวียไม่สนใจ ได้แต่ส่องกล้องดูการประชุมต่อไป และกลับมายังพื้นที่การเจรจา ในระหว่างที่พวกเขาทั้งสามแก๊งค์กำลังเจรจากันอย่างดุเดือด บรรยากาศกำลังคุกรุ่นได้ที่ ในตอนนั้นเอง ชายคนหนึ่งจากแก๊งค์ดูแรนด์ก็จะชักปืนออกมายิงแจ๊คสัน แต่ในตอนนั้นเองโทไบอัสก็จับแขนมันไว้ แล้วกดมันลงกับพื้นในทันที

    “ตุ๊บ!!”

    “ไอ้ระยำ ใครส่งแกมา??” โทไบอัสถามไป แต่ไอ้บ้าคนนั้นไม่ยอมตอบ ส่วนคนอื่นๆก็รีบชักปืนขึ้นมาในทันที

    “ทุกคน ระวังตัวด้วย!!” แจ๊คสันพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็พากันพาหัวหน้าแก๊งค์ไปขึ้นรถหนี และที่ด้านนอก ในขณะที่ลูกสมุนของแต่ละแก๊งค์กำลังดูแลความปลอดภัย จู่ๆในตอนนั้นเอง

    “ปัง!!”

    มีเสียงปืนดังมาจากตึกแห่งหนึ่ง ลูกปืนในตอนนั้นโดนริชาร์ดเข้าจังๆ ทำเอาคนอื่นๆถึงกับต้องมาดูอาการของเขาในทันที ซึ่งคนยิงก็คือชินาอินั่นเอง

    “ต่อไปตามึงสองตัวแล้วหล่ะ!!”

    ชินาอิพูดขึ้นในขณะที่กำลังเล็งใส่ไอรีน แต่ในตอนนั้นเอง ที่ด้านนอกก็มีกลุ่มคนติดอาวุธนับสิบบุกเข้ามาหมายจะสังหารทุกคนที่อยู่ด้านในโกดัง ลูกสมุนของทั้งสามแก๊งค์ตายที่เฝ้าอยู่ด้านนอกตายกันมากมาย ในตอนนั้นนาวินและพรรคพวกก็รีบไปช่วยคุ้มกันไอรีนและแจ๊คสันในทันที

    “คุณริชาร์ด เรียกรถพยาบาลเร็ว!!” ชาร์ลีพูดขึ้น ในขณะที่โจอี้ก็รีบแบกคุณริช์ดขึ้นไปบนรถของแก๊งค์พวกเขา ในขณะที่ชินาอิก็เห็นสถานการณ์ที่กำลังชุลมุนที่ด้านล่าง จึงตัดสินใจจัดการต่อในทันที

    “เฮ้อ คิดจะจ้างงานซ้ำซ้อนเหรอ งานนี้ของกูเว้ย!!” ชินาอิพูดขึ้น จากนั้นก็เล็งใส่ไอรีนก่อน แต่ในตอนนั้นเอง นาวินก็เผลอเอาแขนของเขามาขวางทางกระสุนของเธอ ทำเอาตัวนาวินโดนยิงเฉี่ยวเข้าที่แขน

    “โอ๊ย!!”

    “นาย!!” ไอรีนในตอนนั้นเองก็รีบวิ่งไปประคองนาวินในทันที จากนั้นโทไบอัสก็รีบให้ทุกคนหาที่หลบแถวนั้นในทันทีเพื่อหลบจากวิถีการยิงของมือปืน

    “นอร์วิน ทำใจดีๆไว้นะ!!” แจ๊คสันพูดขึ้น จากนั้นก็ช่วยหาผ้าพันแผลให้เขา

    “ผมว่ามันต้องมีมือปืนแถวนี้แน่ๆ ระวังด้วยนะครับ!!” นาวินพูดขึ้น จากนั้นก็ใช้มือซ้ายยิงสกัดพวกที่อยู่ด้านนอกไว้

    “พวกไอ้ออเรียสแน่ๆ ผมจัดการเอง!!” โอ๊คพูดขึ้น จากนั้นก็ถือปืนวิ่งฝ่าออกไปที่ด้านนอก เพื่อออกตามล่าตัวมือปืนคนนั้นในทันที ส่วนคนอื่นๆในตอนนั้นก็พยายามป้องกันตัวเองอย่างสุดชีวิต แต่ดูเหมือนในตอนนั้นพวกมันก็มีมากเหลือเกิน

    “ทาเนีย รีบไปเอารถมาเร็ว!!” แอ็กเซลพูดขึ้น

    “ได้เลย รอนี่นะ!!” ทาเนียพูดขึ้น จากนั้นเธอก็รีบวิ่งไปหารถมารับพวกเขาในทันที

    “อดทนไว้นะนอร์วิน!!” เควินพูดกับนาวินจากนั้นก็ยิงสกัดช่วยเขา

    “ถ้าไม่รีบส่งโรงบาล เขาไม่รอดแน่” ปิแอร์พูดเสริม และในตอนนั้นเอง ทางด้านของไอรีน ในตอนนั้นเองเธอก็รวบรวมคนของเธอให้ได้มากที่สุด เพื่อเตรียมการตอบโต้กลุ่มคนที่บุกเข้ามาเล่นงานเธอ

    “พี่ไอรีน พวกมันมากันเยอะเลยเนี่ย!!” สตีฟพูดขึ้นจากนั้นก็ยิงปืนกลมือสกัดไว้

    “เราต้องฝ่าพวกมัน พวกมันคงไม่เยอะอย่างที่คิดหรอก ถ้าเป็นคนของออเรียสหน่ะ” ฮันเตอร์พูดขึ้น

    “แล้วพี่จะเอายังไงต่อหล่ะพี่ไอรีน??” ไลท์นิ่งหันไปถามเธอ จากนั้นไอรีนก็พูดขึ้น

    “ลุยกับพวกมันเลย จับเป็นพวกมันให้ได้ด้วย”

    ไอรีนพูดขึ้น จากนั้นก็ควงปืนกลมือของเธอบุกฝ่าพวกมันไปในทันที ในตอนนั้นเองโทไบอัสก็จัดการยิงขนาบข้างพวกมัน ทำให้พวกมันเริ่มเสียขบวนลงเรื่อยๆ

    “ดูนั่น พวกมันเริ่มถอยไปแล้วครับ!!” นาวินพูดขึ้น

    “ดี ตามล่าพวกมันให้หมด จับมันมาให้ฉัน” แจ๊คสันพูดขึ้น จากนั้นคนของThe Crow ก็เริ่มรุกไล่พวกมันไปบ้าง ส่วนรถของทาเนียในตอนนั้นเองก็ขับมาถึงพอดี ทาเนียรีบไปรับทุกคนมาในทันที

    “ทุกคน รีบขึ้นมาเร็ว!!” ทาเนียตะโกนออกไป

    “ให้นอร์วินไปก่อน ไปส่งเขาที่โรงพยาบาล เร็ว!!” แจ๊คสันพูดขึ้น จากนั้นปิแอร์กับเควินก็ช่วยกันแบกนาวินขึ้นไปบนรถของทาเนียอย่างทุลักทุเล

    “นี่ พวกคุณไม่ไปเหรอ??” นาวินถามไป

    “นายไปก่อนเลย เดี๋ยวแอ็กเซลไปส่งพวกเราเอง” เควินพูดขึ้น จากนั้นรถของทาเนียก็ขับออกจากโกดังไปในทันที ส่วนแอ็กเซลในตอนนั้นก็มารับคนของเขาเหมือนกัน

    “ขึ้นรถมาเลยครับ!!” แอ็กเซลพูดขึ้น จากนั้นเขาก็พาทั้งแจ๊คสัน เควินและปิแอร์เดินทางออกจากโกดังในทันที ส่วนคนของThe Crow ก็จัดการพวกมันที่อยู่ละแวกนั้นได้สำเร็จจนพวกมันต้องล่าถอยอออกไป ทางด้านของโอ๊คในตอนนั้น เขารีบวิ่งไปยังตึกที่เขาสงสัยว่าจะมีมือปืนอยู่ข้างใน ในตอนนั้นเองชินาอิก็รู้ตัวแล้วว่าเขาต้องรีบหนี เขาจึงแบกปืนของเขาแล้วรีบหนีออกไปในทันที แต่ในตอนนั้นโอ๊คก็ได้ยินเสียงเปิดประตูจึงไล่ตามไป โอ๊ควิ่งไล่ตามไปจนไปเจอกับชินาอิพอดี เขาจึงยิงและไล่ตามชินาอิไป

    “เฮ้ย หยุดนะเว้ย!!”

    โอ๊คไล่ยิงชินาอิอย่างไม่ลดละ แต่ชินาอิก็ยิงสกัดเอาไว้ จนโอ๊คยิงไปโดนที่มือของชินาอิจนสร้อยข้อมือของเขาร่วงลง จากนั้นชินาอิก็รีบกระโดดลงจากชั้นสอง และรีบหนีไปที่รถคันหนึ่ง เขารีบใช้กุญแจผีไขรถแล้วขับรถหนีออกไปในทันที โอ๊คในตอนนั้นไม่กล้ากระโดดลงจึงต้องยิงไล่หลังไป

    “มึงจะหนีไปไหน!!”

    โอ๊คไล่ยิงไปที่ด้านหลังของรถ แต่ในตอนนั้นชินาอิก็หลบหนีไปได้ โอ๊คหัวเสียเป็นอย่างมากแต่เขาก็เหลือบไปเห็นสร้อยข้อมือของชินาอิที่ทำร่วงเอาไว้ เขารีบไปหยิบขึ้นมาในทันที

    “น่าสนใจ เอากลับไปดีกว่า”

    โอ๊คคิดในใจ จากนั้นเขาก็รีบวิ่งกลับไปที่โกดังในทันที เพื่อรวมตัวกับคนอื่นๆ และในขณะเดียวกันนั้นเอง อิซาเบลและโอลิเวียก็พยายามแอบออกมาจากห้องโดยที่ปิดหน้าปิดตาออกมาด้วย เพื่อไม่ให้ใครจับได้ แล้วพยายามหนีออกจากตึกในทันที

    “ตำรวจคงใกล้จะมาแล้ว รีบไปเร็ว!!” อิซาเบลพูดขึ้น

    “รู้แล้วน่า ไปก่อนเธอสั่งอีก” โอลิเวียพูดขึ้น แต่เมื่อมาที่รถของพวกเธอ พวกเธอก็พบว่ารถได้หายไปแล้ว ทำเอาพวกเธอทั้งสองคนหัวเสียเป็นอย่างมาก

    “บ้าเอ้ย ใครขโมยรถเราไปเนี่ย??” โอลิเวียถามอย่างโมโห

    “ไม่รู้สิ คงจะเป็นคนแถวนี้หล่ะมั้ง??” อิซาเบลถามกลับ แต่ในตอนนั้นเอง เสียไซเรนตำรวจก็ดังมาแต่ไกล ทำเอาพวกเธอทั้งคู่ตกใจเป็นอย่างมาก

    “ตำรวจมาหล่ะ ไปกันเถอะ”

    อิซาเบลพูดขึ้น จากนั้นพวกเธอทั้งสองคนก็รีบเดินเท้าออกจากพื้นที่ในทันที ก่อนที่จะมีใครตามตัวเธอเจอ และเมื่อตำรวจมาถึงพื้นที่โกดังเรียบร้อยแล้ว ตำรวจแถวนั้นก็เข้าควบคุมสถานการณ์ในทันที แต่ที่เกิดเหตุก็พบแต่บรรดาศพมากมายที่นอนกองอยู่ นายตำรวจคนหนึ่งเดินมาด้านในจากนั้นก็พูดขึ้นในทันที

    “พวกมันคงหนีไปหมดแล้ว!!”

    “แล้วเราจะเอายังไงกับศพพวกนี้ดีครับท่าน??” ตำรวจคนหนึ่งถามเขาไป

    “เก็บไปให้หมด ตรวจสอบว่าพวกมันเป็นใคร”

    “ผมว่า อาจจะเป็นแก๊งค์ใหญ่ก็ได้นะครับ”

    “ใหญ่แค่ไหนก็ช่าง ไปจัดการตามนั้นก็พอ” นายตำรวจพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบเคลียร์พื้นที่ในทันทีอย่างรวดเร็ว

    ทางด้านของชาร์ลี ในตอนนั้นเองแก๊งค์ของเขาก็รีบพาริชาร์ดไปยังโรงพยาบาลในกรุงปารีส และเมื่อรถมาถึงโรงพยาบาล พวกเขาก็จอดรถและให้พยาบาลพาตัวริชาร์ดไปยังห้องฉุกเฉินในทันที ในตอนนั้นเองชาร์ลีก็ได้แต่อยู่ที่หน้าห้อง แล้วยืนรอพร้อมกับโจอี้ที่เสื้อของเขาเปื้อนเลือดไปด้วย

    “ไม่เป็นไรนะเว้ย??” ชาร์ลีถามโจอี้ไป

    “คอยดูเถอะ งานนี้ฉันเอาคืนแน่” โจอี้ตอบชาร์ลีไป

    “เออ กูรู้ เราต้องได้เล่นมันคืนแน่ๆ” ชาร์ลีพูดขึ้น

    “เออนี่ มึงรู้จักกันคนของThe Crow นี่ ให้ฉันได้ติดต่อกับพวกนั้นหน่อยสิ”

    “เฮ้ย นี่แกเอาจริงเหรอวะ??” ชาร์ลีถามเขาไป

    “เออสิ ฉันไม่ทำเสียเรื่องหรอกน่า” โจอี้พูดขึ้น

    “เออ เอาไว้ว่างๆฉันจะพาไปหาพวกเขา” ชาร์ลีตอบไป และในขณะเดียวกันนั้นเอง รถของทาเนียนก็ขับมายังโรงพยาบาลเดียวกันกับชาร์ลี ทาเนียรีบพานาวินไปด้านหลังโรงพยาบาล ซึ่งเมื่อพวกเขาลงมาจากรถ พยาบาลหลายคนก็มาหิ้วปีกเขาขึ้นไปชั้นบนในทันที โดยทาเนียก็ได้มาดูด้วย และเมื่อมาถึงชั้นบน ทอร์รินที่กำลังจะออกจากโรงพยาบาลก็ดันมาเจอกับนาวินพอดี ทอร์รินเห็นจึงถามทาเนียไปในทันที

    “ทาเนีย เกิดอะไรขึ้นเนี่ย??” ทอร์รินถามอย่างสงสัย

    “มีการลอบยิงในระหว่างเจรจากันหน่ะ” ทาเนียพูดขึ้น จากนั้นหมอก็มาช่วยกันทำแผลให้นาวินในทันที โดยที่ทอร์รินกับทาเนียก็คอยเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องพยาบาลด้วยความเป็นห่วง

     

    กลับมายังบาร์ลึกลับของแก๊งค์black Hood ซึ่งในตอนนั้นเองอีวากำลังลิ้มรสเหล้าชนิดใหม่ที่เธอทำขึ้นมาเอง ซึ่งสรรพคุณของมันทำให้เสพติดมากกว่าเหล้าทั่วไป ในระหว่างที่เธอกำลังดื่มอยู่นั้น ลูกน้องของเธอก็เดินเข้ามาหาเธอในห้อง จากนั้นก็พูดอะไรบางอย่างกับเธอไปด้วย

    “ท่านครับ มีการยิงกันระหว่างการเจรจาของสามแก๊งค์ครับ” อีวาได้ยินดังนั้นจึงถามเขาต่อในทันที

    “มีใครเป็นอะไรบ้างหรือเปล่า??”

    “สายข่าวบอกมาว่า คุณริชาร์ด หัวหน้าแก๊งค์เวียตนาม ถูกยิงอาการสาหัวครับ”

    “อืม ออกไปก่อน” อีวาพูดขึ้น จากนั้นลูกน้องของเธอก็เดินออกไปในทันที

    “ถ้าเขาเป็นอะไรไป งานนี้ป่วนหนักแน่ๆ พวกเวียตนามชอบลงมือแบบหนักหน่วงถ้าต้องแก้แค้น” แซนเดอร์พูดขึ้น

    “เห็นด้วย ไม่รู้โอลิเวียกับอิซาเบลจะเป็นยังไงบ้างเนี่ย” อีวาถามไปด้วยความเป็นห่วง

    “ผมก็ไม่ทราบแต่สองคนนั้นไม่เป็นอะไรหรอกครับ” แซนเดอร์พูดขึ้น

    “ขอให้กลับมาไวๆแล้วกัน ไม่อย่างงั้นพวกเธอสองคนลำบากแน่” อีวาพูดขึ้น จากนั้นเธอก็เอาเหล้าสูตรปรับปรุงของเธอไปทิ้งที่ด้านนอกในทันที เพราะเธอไม่อยากเสพติดมันนัก

     

    กลับมายังสำนักงานของโลเปซ หลังจากที่พวกเขาติดตามข่าวการปะทะระหว่างแก๊งค์ทั้งสามอย่างใกล้ชิด ในตอนนั้นเอง พวกเขาก็ได้ข่าวมาจากสายข่าวของเขา โลเปซในตอนนั้นก็ฟังอย่างตื่นเต้น

    “ท่านครับ มีข่าวจากสายรายงานมาครับ”

    “เรื่อง 3 แก๊งค์ใช่หรือเปล่า ว่ามาเลย??” โลเปซถามไป

    “ครับ วันนี้พวกเขาเจรจากัน แต่มีมือที่สามมาร่วมด้วยครับ”

    “มือที่สาม พวกไหนกันBlack Hood หรือเปล่า??” โลเปซถามไป

    “แต่พวกนี้เก็บตัวกันดีนะครับ ไม่น่าใช่นะครับ”

    “แล้วมันเป็นพวกไหนกันวะ??” โลเปซถามไปอีกครั้ง

    “ได้ยินมาว่าหัวหน้าแก๊งค์เวียตนามถูกยิงด้วยนะครับ” ลูกน้องของเขาพูดขึ้น

    “หะ ริชาร์ดเหรอ ถ้าเขาเป็นอะไรไป งานนี้ได้เละแน่ๆ” โลเปซพูดขึ้น

    “ตอนนี้เรากำลังรอข่าวอยู่ครับ”

    “ดี ติดตามข่าวเป็นระยะๆแล้วกัน แล้วรายงานความเสียหายธุรกิจเราให้ทราบด้วย” โลเปซพูดขึ้น

    “ได้ครับผม” ลูกน้องของเขาพูดขึ้น จากนั้นก็เดินออกจากห้องของเขาไปในทันที

     

    กลับมายังเมืองดันด์ชิก โปแลนด์ หลังจากที่โรงงานของฟริตซ์เริ่มจะเป็นรูปเป็นร่างเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ทำการเริ่มติดตั้งเครื่องจักรเพื่อใช้ในการผลิตผงขาว ซึ่งพวกเขาต้องผลิตของล๊อตใหม่ก่อนที่จะเข้าปีใหม่ แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง นักโทษคนหนึ่งก็เกิดล้มลงไปบนพื้น ทำเอาการทำงานถึงกับหยุดชงัก

    “เฮ้ย กลับไปทำงาน!!” ฟริตซ์ตะโกนออกไปโดยใช้ปืนยิงขู่ไปด้วย ทำเอาคนอื่นๆถึงกับต้องรีบไปทำงานในทันที ส่วนวาลในตอนนั้นก็สั่งให้คนมาลากนักโทษคนนั้นออกไปในทันที

    “เออนี่ เอาไปโยนทิ้งให้ไกลหูไกลตาฉันเลยนะ!!” ฟริตซ์พูดขึ้น

    “แต่วันนี้ตายเป็นสิบคนแล้วนะคะ??” วาลพูดขึ้น

    “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเราก็มีคนมาทำงานใหม่เรื่อยๆ” ฟริตซ์พูดขึ้น

    “แต่เราจะเอาศพไปทิ้งที่ไหนหล่ะ??” วาลถามไป

    “ส่งคนของเราบางส่วนไปทำเตาเผาศพเพิ่ม” ฟริตซ์พูดอย่างไม่ยี่หร่า

    “ถ้าเรื่องแดงขึ้นมา อาจไม่สวยก็ได้นะคะ” วาลพูดปรามไป

    “ถ้าอย่างงั้นก็คงต้องให้คนเฝ้าไว้ อย่าให้พวกมันหนี เจ้าหน้าที่ของเราไม่เป็นปัญหาหรอก” ฟริตซ์ตอบไป

    “เราต้องรีบทำยอดและส่งสินค้าให้ทัน ไม่อย่างงั้นงานเราอาจจะล่มก็ได้” วาลพูดขึ้น

    “แน่นอน งานนี้รับรองว่าผลิตได้ทันสิ้นปีแน่ๆ แต่ตอนนี้คงต้องรีบติดตั้งอุปกรณ์ให้เสร็จในวันพรุ่งนี้ จากนั้นก็เริ่มสายการผลิตเลย” ฟริตซ์สั่งวาลไป

    “รับทราบค่ะ!!” วาลพูดขึ้น จากนั้นเธอก็รีบไปดำเนินการตามที่ฟริตซ์บอกในทันที ส่วนฟริตซ์เองในตอนนั้นเองก็กลับเข้าไปพักที่บ้านพักของเขาในบริเวณใกล้เคียง

     

    และในกรุงวอร์ซอร์ โปแลนด์ หลังจากที่กองทัพนาซีได้เข้ายึดครองกรุงวอร์ซอร์โดยสมบูรณ์แล้ว พวกเขาก็เตรียมเดินหน้าเพื่อที่จะกวาดล้างกองกำลังของโปแลนด์ที่เหลือชุดสุดท้าย ในตอนนั้นเองมิลเลอร์ก็ถูกเรียกตัวไปพบกับผู้บัญชาการของเขาในทันทีหลังจากที่งานของเขาเสร็จเรียบร้อย เมื่อมิลเลอร์เข้ามาพบกับเขา ผู้บัญชาการก็เอ่ยปากขึ้นในทันที

    “อ้าว มิลเลอร์ มาแล้วเหรอ ทำได้ดีมากที่วอร์ซอร์!!”

    “ครับท่าน งานง่ายๆเอง” มิลเลอร์พูดขึ้น

    “ตอนนี้เหลือกำลังไม่เท่าไหร่ที่กำลังต่อต้านเรา ตอนนี้หมดหน้าที่ของนายแล้วหล่ะ”

    “แต่ท่านครับ ผมยังสู้ได้อยู่นะครับ” มิลเลอร์พูดไป

    “นายได้สู้ไปแล้ว นายจะต้องไปกลับไปเบอร์ลิน เพื่อรับตำแหน่งใหม่” ผบ.ของเขาพูดขึ้น

    “รับทราบครับท่าน!!”

    “แล้วอีกอย่าง นายก็รู้ใช่หรือเปล่าว่าเราจะบุกฝรั่งเศสในอนาคต นายจะต้องลุยแล้วหล่ะ”

    “รับทราบครับท่าน ว่าแต่เป็นภารกิจแบบไหนครับ??” มิลเลอร์ถามอย่างสงสัย

    “ตอนนี้ในฝรั่งเศสกำลังมีกลุ่มอิทธิพลหลายกลุ่มที่กำลังเป็นใหญ่และครอบครองพื้นที่หลายส่วน พวกเขาเป็นปัญหายิ่งกว่ากองทัพฝรั่งเศสซะอีก” ผบ.ของเขาบอกรายละเอียดไป

    “ก็ฆ่าพวกมันให้หมดก็จบเรื่องนี่ครับ!!”

    “แต่เราเดินไปฆ่าพวกมันทั้งหมดไม่ได้ เพราะพวกนั้นมีอิทธิพลมากเกินไป โดยเฉพาะพวก อ่า.The Crow หลังจากที่เรากำจัดสาขาในเยอรมัน ในฝรั่งเศสตอนนี้มันกำลังขยายอิทธิพลอย่างหนักเลย สายข่าวเราแจ้งมาว่าองค์จักรพรรดินีซึ่งเป็นนายหญิงที่ใหญ่ที่สุดในภาคีเดินทางมาฝรั่งเศสด้วย เธอเป็นตัวอันตรายมาก”

    “เฮ้อ ถ้าเก่งจริงจะจับทำเมียให้ดู!!” มิลเลอร์พูดขึ้น

    “ยังไงก็เถอะ คุณต้องกลับเบอร์ลินเย็นนี้ จะมีรถไปส่งคุณ ตอนนี้คุณไปเก็บของได้เลย” มิลเลอร์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็ทำความเคารพและเดินออกไปในทันที

     

    และที่กรุงเบอร์ลิน ในตอนนั้นเองคาร์ลและลูเซียกำลังทำงานอยู่ในสำนักงานของพวกเขา และในตอนนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็มากระซิบที่ข้างหูของลูเซีย ลูเซียนั้นตอนนั้นที่ได้ยินข่าวก็เดินมาหาคาร์ลในห้องทำงานในทันที เพื่อมาคุยกับเขา

    “คาร์ล ที่ฝรั่งเศสปะทะกันแล้ว!!”

    “จริงเหรอ ผลเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” คาร์ลถามอย่างสงสัย

    “ยังให้รายละเอียดไม่ได้ ต้องรอดูอีกทีหล่ะ” ลูเซียพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน จ่าคนหนึ่งก็เดินมาหาพวกเขาทั้งคู่เพื่อคุยด้วย

    “คาร์ล ลูเซีย หัวหน้าเรียบพบ!!”

    ในตอนนั้นเองทั้งคู่แปลกใจเล็กน้อย แต่ก็รีบไปพบกับหัวหน้าของเขาในทันที ซึ่งเขากำลังรอคาร์ลและลูเซียอยู่แล้ว

    “สวัสดี พวกคุณคงเพิ่งกลับจากฝรั่งเศสสินะ??”

    “ครับท่าน เรียกเรามามีอะไรเหรอครับ??” คาร์ลถามอย่างสงสัย

    “ผมอยากรู้ความเป็นไปของแก๊งค์แต่ละแก๊งค์ในฝรั่งเศสหน่ะ เพราะพวกเขาอาจะเป็นปัญหาสำหรับเราในอนาคตได้” หัวหน้าของเขาพูดขึ้น

    “ของทุกแก๊งค์เลยเหรอคะ??” ลูเซียถามไป

    “แน่นอน ถ้าได้ความเคลื่อนไหวอะไรส่งมาให้ผมเป็นระยะๆด้วยหล่ะ”

    “ก็ได้ครับหัวหน้า” คาร์ลพูดแบบไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก

    “ถ้าอย่างงั้นเราขอตัวนะคะ รายงานเราจะส่งให้มะรืนนี้ค่ะ” ลูเซียพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ทำความเคารพและเดินออกไปที่ด้านนอกห้องในทันที

     

    กลับมายังโบสถ์ของเวเวอร์ ซึ่งในตอนนั้นเขาก็กำลังนั่งอยู่ในโบสถ์เพื่อพักผ่อนและคิดอะไรของเขาไปเรื่อย เขาพยายามปล่อยตัวเองให้เป็นธรรมชาติให้ได้มากที่สุด แต่ในตอนนั้นเอง เขาก็ได้เสียงไซเรนรถตำรวจดังไปมาทั้งวันทั้งคืน ทำเอาเขาถึงกับต้องเดินอออกมาดูที่หน้าโบสถ์ในทันที โดยที่ในตอนนั้นเองเกรย์ก็เดินมาดด้วยความเป็นห่วง

    “อาจารย์คะ มีอะไรหรือเปล่าคะ??” เกรย์ถามอย่างสงสัย

    “อ้อ ดูท่าตอนนี้วุ่นวายมากแล้วหล่ะ” เวเวอร์พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง อเดลล่าก็รีบเดินมาหาเวเวอร์และเกรย์ในทันที เพื่อคุยอะไรบางอย่างกับพวกเขา

    “นี่ พวกคุณสองคนได้ข่าวหรือยัง??” อเดลล่าเดินเข้าไปถามพวกเขา

    “ข่าวอะไรคะซิสเตอร์??” เกรย์ถามอย่างสงสัย

    “ได้ยินว่าตอนนี้พวกเขาโดนซุ่มยิงและมีการปะทะอย่างหนัก ตายกันไปหลายศพเลยหล่ะ” อเดลล่าพูดขึ้น

    “อีกไม่นานหนังสือพิมพ์คงประโคมข่าวกันหนัก ยังไงก็ต้องรอดูหล่ะ” เวเวอร์พูดขึ้น

    “แต่ถ้าข่าวดังขนาดนี้ พวกเขาจะลำบากนะคะ” เกรย์ออกความเห็นไป

    “ไม่หรอก แก๊งค์ส่วนใหญ่ก็ยังมีอิทธิพลในรัฐบาล ไม่งั้นพวกเขาไม่อยู่กันจนถึงป่านนี้หรอก” อเดลล่าพูดขึ้น

    “ช่างเถอะ ที่ไหนมันก็มีอิทธิพลทั้งนั้นหล่ะ อยู่ที่ว่ารัฐจะคุมได้หรือเปล่า” เวเวอร์พูดขึ้น

    “แต่เวลาพวกเขาปะทะกันที เมืองนี้ก็ป่วนน่าดูเลยนะคะ” เกรย์พูดขึ้น

    “ก็เอาเถอะ ถึงยังไงพวกเขาก็ไม่มาวุ่นวายที่โบสถ์อยู่แล้ว” อเดลล่าพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง รถพยาบาลก็ขับไปบริเวณละแวกเดียวกันเหมือนกัน ทำเอาผู้คนบนถนนถึงกับตกใจมาก

    “โห ใช้รถพยาบาลเยอะขนาดนี้เลยเหรอคะ??” เกรย์ถามอย่างสงสัย

    “ท่าทางจะมีคนเจ็บเอยะเลยหล่ะ” เวเวอร์พูดขึ้น

    “หรือว่าจะมีการปะทะกันที่อื่นด้วยหรือเปล่า??” อเดลล่าถามอย่างสงสัย

    “ว่าแต่ ผบ.ตร.ที่เพิ่งจะรับตำแหน่งใหม่จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือเปล่าคะ??” เกรย์ถามไป

    “ไม่น่าจะดีขึ้นหรอก ถึงยังไงพวกเขาก็ยังมีอิทธิพลน้อยอยู่ดี” เวเวอร์พูดขึ้น

    “ปัง!!”

    ในตอนนั้นเอง พวกเขาก็ได้ยินเสียงปืนดังมาแต่ไกล ทำเอาพวกเขาตกใจเป็นอย่างมาก

    “รีบปิดประตูโบสถ์เถอะ!!” อเดลล่าพูดขึ้นอย่างตกใจ

    “ไม่ เราต้องรับพวกเขาเผื่อพวกเขามาหลบภัย” เวเวอร์พูดขึ้น

    “แต่ใครมันจะกล้ามายิงกันที่โบสถ์หล่ะคะ??” เกรย์พูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเองเสียงปืนก็ดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

    “ปังๆๆๆ!!”

    “เข้าไปหลบด้านใน เปิดประตูโบสถ์ไว้” เวเวอร์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบเข้าไปหลบด้านในโบสถ์อย่างรวดเร็ว ก่อนที่พวกเขาจะโดนลูกหลงกัน

     

    ณ ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ที่อยู่ในความดูแลของแก๊งค์ Black Hood ซึ่งเอลต้าและแจนได้มาคุมที่นี่ ในระหว่างที่พวกเธอทั้งคู่กำลังดูแลความเรียบร้อยด้านใน เธอก็เห็นความวุ่นวายที่อยู่ด้านในเนื่องจากในตอนนี้หลายแก๊งค์เริ่มจะเข้าปะทะกันแล้ว ทั้งคู่รีบปรึกษากันในทันทีว่าจะเอายังไงต่อ

    “เอลต้า ตอนนี้วุ่นวายกันใหญ่เลย จะเอายังไงต่อหล่ะ??” แจนถามในขณะที่ไปเฝ้าที่หน้าร้านอยู่

    “รีบปิดร้านก่อน ไม่งั้นเสียหายหนักแน่”

    เอลต้าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็สั่งให้พนักงานของร้านรีบปิดร้านในทันที แต่ในตอนนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็พยายามจะบุกเข้ามาในร้าน เอลต้าเห็นเข้าจึงลากเขาออกมาจากร้านในทันที และเหวี่ยงเขาออกจากร้านไป

    “เฮ้ย จะมาขโมยของเหรอ ร้านปิดแล้วเว้ย!!” เอลต้าพูดขึ้น

    “อีสัส มึงจะเอาเหรอ??” ชายคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วจะต่อยเข้าหน้าเอลต้า แต่ในตอนนั้นเอง แจนก็วิ่งเข้ามาแล้วเตะเข้าที่ชายโครงของชายคนนั้น และเอลต้าก็ต่อยซ้ำเข้าไปที่หน้า จนหมอนั่นล้มลงไปในทันที

    “แย่หล่ะ เอายังไงกับมันดี??” แจนถามไป

    “ปล่อยมันไว้ตรงนี้หล่ะ แล้วก็รีบปิดร้านเลย” เอลต้าพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ช่วยกันปิดร้านอย่างรวดเร็ว เหมือนกับร้านอื่นที่พยายามทยอยปิดร้านกันเพราะกลัวลูกหลงที่อาจจะเข้ามาในห้าง

     

    ที่ปารีส รถหรูคันหนึ่งซึ่งกำลังขับแล่นไปยังบริเวณพื้นที่แถวนั้น ซึ่งคนที่อยู่ในรถก็คือมีอานั่นเอง เธอให้ลูกน้องของเธอขับรถเพื่อตามหานาวิน แต่หาเท่าไหร่ก็ยังหาไม่พบเลย

    “นี่ เขาอยู่ที่ไหนกันเนี่ยตอนนี้??” มีอาถามลูกน้องของเธอไป

    “เราพยายามหาอยู่ครับ” ลูกน้องของเธอพูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง พวกเขาก็ได้ยินเสียงรถตำรวจดังไปมาแถวนั้น ทำเอาพวกเขาแปลกใจกันใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น

    “นี่มันอะไรกันเนี่ย??”

    “ไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่คนแถวนี้น่าจะรู้นะครับ” ลูกน้องของเธอตอบเธอไป

    “ถ้างั้นจอดก่อน ฉันจะไปถามพวกเขาเอง” มีอาพูดขึ้น จากนั้นเธอก็ลงจากรถเพื่อไปคุยกับชายคนหนึ่งบนถนน เธอถามเขาไปในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่

    “ขอโทษนะคะ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ??”

    “ตำรวจบอกว่ามีแก๊งค์ปะทะกันที่โกดัง แล้วบางส่วนยังยิงกันในปารีสด้วยครับ” ชายคนหนึ่งพูดขึ้นจากนั้นก็รีบวิ่งหนีไปในทันที ส่วนมีอาก็วิ่งกลับไปขึ้นรถในทันที

    “ดูเหมือนพวกเขาจะเล่นงานกันแล้วหล่ะ” มีอาพูดขึ้น

    “แล้วจะเอายังไงต่อครับ??” ลูกน้องของเธอถามไป

    “กลับก่อน ค่อยตามหาเขาทีหลัง เขาคงปะทะกับพวกมันอยู่แน่ๆ” มีอาพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็บึ้งรกลับเพ้นท์เฮ้าส์ของพวกเขาในทันที

     

    กลับมายังสำนักงานของเอลเซ่ ซึ่งวันนี้เธอก็ทำงานไปตามปกติ แล้วก็เปิดวิทยุฟังเพลงไปพลางๆด้วย แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ปิดวิทยุ อยู่ๆก็มีรายงานข่าวแทรกเข้ามาในทันที

    “สถานีวิทยุปารีสๆ มีการแจ้งข่าวด่วนเข้ามาในสถานี ที่โกดังร้างแห่งหนึ่งในย่านชานเมือง กลุ่มมาเฟียสามแก๊งค์มีการยิงปะทะกันอย่างดุเดือด มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก...”

    เสียงวิทยุดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในตอนนั้นเอง เพื่อนของเธอก็เดินมาหาเธอด้วย และได้ยินข่าวนั้นพอดี ทำเอาเพื่อนของเธอตกใจมาก

    “โอ๊ย ไอ้พวกนี้จะไม่ยิงกันไม่ได้หรือไง??”

    “นั่นสิ ไม่รู้ตำรวจไปไหนหมดเนี่ย??” เอลเซ่ถามอย่างสงสัย

    “นั่นสิ สงสัยคงรับเงินจากพวกมันอยู่หล่ะมั้ง??” เพื่อนเธอเดาๆไป

    “เออดิ ว่าแต่ งานเป็นยังไงบ้างอ่ะ??” เอลเซ่ถามเขากลับไป

    “ก็เรื่อยๆหน่ะ ไม่มีอะไรมากหรอก”

    “อืม หวังว่าเราจะกลับบ้านกันทันนะ” เอลเซ่พูดขึ้น

    “นั่นสิ ฉันยังไม่อยากโดนยิงตายกลางถนนเลย” เพื่อนของเธอพูดขึ้น

    “ก็รอดูกันไปแล้วกันนะ” เอลเซ่พูดขึ้น จากนั้นเธอก็นั่งฟังข่าวของเธอต่อไป

     

    และอีกด้านหนึ่งของปารีส ธนาคารหรูย่านใจกลางเมือง ซึ่งในวันนี้ลาเกียครูซเล่นพนันได้เงินมาเป็นล้าน เขารีบหอบเงินพวกนั้นไปฝากธนาคารไว้ในทันที เขาเดินเข้าไปในธนาคารและเดินตรงไปหาพนักงานที่เคาน์เตอร์ ซึ่งลิรินั่งอยู่ ลาเกียครูซในตอนนั้นเองก็วางเงินไว้บนเคาน์เตอร์ในทันที

    “สวัสดี ผมมาฝากเงินหน่ะ!!” ลาเกียครูซพูดขึ้น

    “ค่ะ เชิญกรอกรายละเอียดลงในใบเลยค่ะ” ลิริพูดขึ้น จากนั้นก็ยื่นใบฝากเงินให้กับลาเกียครูซ

    “แต่ ผมเป็นคนเยอรมัน ฝากได้เหรอ??” ลาเกียครูซถามไป

    “กรอกชื่อว่าเป็นคนต่างชาติเลย ค่าธรรมเนียม 5 พันฟรังก์นะ” ลิริพูดขึ้น จากนั้นลาเกียครูซก็กรอกใบเขียนไปในทันที

    “มีแฟนหรือยังคนสวย??” ลาเกียครูซพูดกับลิริไป

    “ไม่ แล้วก็ยังไม่คิดค่ะ เสร็จหรือยังคะ??” ลิริถามอย่างสงสัย

    “แหม่ ก็ถามดูน่า เผื่อผมจะชวนคุณกินข้าวหน่ะ”

    “ฉันไม่ได้มีเวลาขนาดนั้นนะคะ เอาเป็นว่าวันหลังแล้วกัน” ลิริพูดขึ้น จากนั้นลาเกียครูซก็ยื่นใบฝากเงินอย่างหน้าเจื่อนๆ

    “คุณลาเกียครูซ ฝากทั้งหมด 2 ล้านฟรังก์นะคะ” ลิริถามไป จากนั้นเธอก็ทำบัญชีให้เขา แล้วก็ยื่นใบเสร็จให้กับลาเกียครูซ

    “ขอบคุณที่ใช้บริการค่ะ” ลิริพูดขึ้น จากนั้นลาเกียครูซก็หยิบมาแล้วเดินออกจากธนาคารอย่างอารมณ์เสีย

    “เฮ้อ คอยดูไปก็แล้วกันคนสวย” ลาเกียครูซคิดในใจ

     

    กลับมายังห้องพักของเกลนนิส ซึ่งเธอกับการ์เน็ตต้าก็กำลังรวบรวมข่าวที่เธอได้มาเพื่อทำสกู๊ปข่าวของเธอ ในระหว่างที่พวกเธอกำลังนั่งทำงานกันอยู่ จู่ๆก็มีโทรศัพท์ดังขึ้น เกลนนิสรีบรับสายในทันที และเมื่อรับสายเสร็จ เธอก็วางสายไปอย่างรวดเร็ว

    “ใครโทรมาเหรอ??” การ์เน็ตต้าถามอย่างสงสัย

    “เพื่อฉันโทรมา เขาบอกว่าท่านนายพลรอสมาถึงฝรั่งเศสแล้ว”

    “แล้วเขาเป็นใครกันหล่ะ??” การ์เน็ตต้าถามต่อไป

    “เขาเป็นผบ.ทหารอังกฤษในเขตนี้ และยังเป็นหัวหน้ากลุ่มกองกำลังที่เราจะตั้งขึ้นใหม่ด้วย” เกลนนิสพูดขึ้น

    “กองกำลังต่อต้านเยอรมันงั้นเหรอ??” การ์เน็ตต้าถามไป

    “ใช่แล้วหล่ะ อีกไม่นานพวกมันคงโจมตีฝรั่งเศส ถึงเวลานั้นก็คงต้องรบกัน” เกลนนิสพูดขึ้น

    “แล้วกองทัพฝรั่งเศสจะสู้ไม่ได้เหรอ สงครามครั้งแรกก็ชนะนี่??” การ์เน็ตต้าถามอย่างสงสัย

    “ครั้งนี้เยอรมันเข้มแข็งกว่าที่ผ่านมา คงจะยากกว่าที่จะรับมือหน่ะ เอาเป็นว่าเราจะรีบทำข่าวพวกนี้ให้เสร็จ แล้วหาเวลาว่างไปเยี่ยมท่านนายพลแล้วกัน” เกลนนิสพูดกับการ์เน็ตต้าไป

     

    กลับมายังสนามบินทหารแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส ซึ่งในวันนี้ริชาร์ดและอลิซได้ขับรถมารับนายพลรอสและอัลเฟรดที่จะมาฝรั่งเศส จนกระทั่งมีเครื่องบินลำหนึ่งก็ค่อยๆแล่นลงจอดบนรันเวย์ แล้วเครื่องก็ค่อยๆแล่นมายังรถของริชาร์ด และในตอนนั้นเอง ประตูเครื่องบินก็เปิดออกมา แล้วนายพลรอสและอัลเฟรดก็ลงจากเครื่อง เดินมาหาริชาร์ดในทันที

    “ยินดีต้อนรับกลับมาครับท่าน!!” ริชาร์ดพูดจากนั้นก็ทำความเคารพเขา

    “อืม สบายดีนะทั้งสองคน??” อัลเฟรดถามพวกเขาทั้งคู่ไป

    “สบายดีค่ะท่าน แต่การรบตอนนี้กำลังหนักเลยค่ะ” อลิซพูดขึ้น

    “ใช่ ได้ข่าวว่าตอนนี้พวกเขากำลังจะยึดโปแลนด์ได้อย่างเบ็ดเสร็จแล้วหล่ะ” รอสพูดขึ้น

    “แล้วนี่ ติดต่อเกลนนิสได้หรือยังหล่ะ??” อัลเฟรดถามริชาร์ดไป

    “ติดต่อไปแล้วครับ แต่ช่วงนี้เธองานยุ่งหน่อยๆครับ” ริชาร์ดพูดขึ้น

    “ก็เข้าใจหล่ะ ช่วงนี้ความวุ่นวายในฝรั่งเศสกำลังมีมากขึ้นนี่” นายพลรอสพูดขึ้น

    “ค่ะท่าน แล้วตอนนี้ทางลอนดอนมีความเคลื่อนไหวอะไรหรือยังคะ??” อลิซถามอย่างสงสัย

    “เอาเป็นว่า เราไปคุยกันที่จุดนัดพบดีกว่า ผมไม่อยากให้สายลับดักฟังหน่ะ” นายพลอัลเฟรดพูดขึ้น จากนั้นริชาร์ดก็เชิญพวกเขาทั้งคู่ขึ้นรถในทันที แล้วขับรถออกจากสนามบินไปในทันที

     

    ทางด้านของไวท์แฟรงค์ หลังจากที่เขาได้ข่าวที่บาร์เทนเดอร์ในบาร์ของดูแรนด์ เขาก็รีบกลับไปรายงานให้นายของเขาทราบ เขารีบบึ้งรถมายังบ้านพักของนายของเขาอย่างรวดเร็ว และเมื่อเขาขับรถมาจอดเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในบ้านทันที ในขณะที่นักการเมืองคนนั้นยังคงนั่งดื่มกาแฟอยู่ในบ้านของเขา

    "ท่านครับ เป็นยังไงบ้างครับ??"

    "เออนี่ ฉันกำลังรอข่าวจากนายพอดีเลย"

    "ครับท่าน ผมไปสืบข่าวมาแล้ว มีความเป็นไปได้หลายอย่างครับ" ไวท์แฟรงค์พูดขึ้น

    "เรื่องอะไรหล่ะ ว่ามาเลย??" นักการเมืองคนนั้นพูดขึ้น

    "เราอาจจะเจอมือที่สามก็ได้ อาจจะเป็นพวกเยอรมันก็ได้ หรือพวกมันอาจจะรับงานจากพวกเยอรมันก็ได้"

    "ถ้าเยอะขนาดนี้ เราคงควานหามั่วซั่วไม่ได้แน่ๆ" นักการเมืองคนนั้นพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน จู่ๆก็มีรถอีกคันหนึ่งขับเข้ามาในบ้านของนักการเมืองคนนั้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ยามคนอื่นๆพยายามจะหยุดรถคันนั้นไว้ และรถคันนั้นก็หยุดลง แล้วชายคนหนึ่งในชุดดำหน้ากากอีกาก็เดินลงจากรถ แล้วเดินไปหานักการเมืองในทันที โดยที่ไวท์แฟรงค์ก็ชักปืนออกมาเพื่อคุ้มกันเขา

    "คุณใช่หรือเปล่าคุณออตโต้??"

    "ใช่ คุณเป็นใครกันหล่ะ??" นักการเมืองคนนั้นถามไป

    "ผมเป็นคนของ The Crow คุณเควินอยากเจรจากับคุณ" ชายคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นเขาก็วางนามบัตรไว้แถวๆนั้น จากนั้นก็รีบเดินออกจากบ้านของออตโต้ไปในทันที

     

    ณ ท่าเรือนานาชาติแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส เรือสำราญลำใหญ่ลำหนึ่งมาจอดยังท่าเรือ จากนั้นก็ให้ผู้โดยสารลงจากเรือในทันที บรรดาผู้โดยสารต่างก็รีบลงเรืออย่างรวดเร็ว และสุภาพสตรีท่านหนึ่งก็ถือกระเป๋าเดินลงมาจากเรือ แล้วรีบถือกระเป๋าไปยังห้องผู้โดยสารขาเข้าที่ท่าเรือ ในตอนนั้นเอง เธอคนนั้นก็ไปที่เคาน์เตอร์ จากนั้นก็เอาพาสปอร์ตให้กับเจ้าหน้าที่ดูในทันที

    "อ้อ คุณเอริกะ!!"

    "ใช่ค่ะ!!" เธอที่ชื่อเอริกะพูดขึ้น

    "อะไรคือสาเหตุที่คุณมาฝรั่งเศสคะ??"

    "มาเที่ยวค่ะ" เอริกะตอบไป

    "อ้อค่ะ!!" เจ้าหน้าที่พูดขึ้น จากนั้นเธอก็ปั๊มพาสปอร์ตให้กับเธอ จากนั้นเอริกะก็เดินออกจากท่าเรือไปเรียกรถในทันที

     

    กลับมายังโรงพยาบาลปารีส ในชั้นพิเศษที่ทำมาเพื่อรับรองแขกของกลุ่ม The crow โดยเฉพาะ ในตอนนั้นเองนาวินก็เดินออกมาจากห้องทำแผล โดยที่ในตอนนั้นเองทั้งทอร์ริน ทาเนีย โฮ๊คและชาร์ลีที่มารออยู่แล้ว ก็เดินเข้ามาหานาวินในทันทีเพื่อดูอาการของเขา

    "นอร์วิน เป็นยังไงบ้างหล่ะ??" ทอร์รินถามอย่างสงสัย

    "ผมไม่เป็นไรแล้วหล่ะ แต่ทำแผลนิดหน่อย" นาวินพูดขึ้น

    "โอเค ถ้าอย่างงั้นฉันจะไปดูคุณแจ๊คสันหน่อยนะว่าเป็นยังไงบ้าง" ทาเนียพูดขึ้น จากนั้นเธอก็เดินออกไปด้านนอกในทันที และในขณะเดียวกัน โอ๊คก็ยื่นของอะไรบางอย่างให้กับนาวิน จากนั้นก็คุยกับเขาในทันที

    "เฮ้ย ฉันว่ามีคนจ้างมือปืนมาเก็บพวกนายหว่ะ" โอ๊คพูดขึ้น

    "ใช่ แล้วอนนี้คุณริชาร์ดก็ตายแล้วหว่ะ" ชาร์ลีพูดขึ้น

    "เสียใจด้วยนะ ยังไงเราต้องสืบเรื่องนี้ให้ได้" นาวินพูดขึ้น

    "ตกลงเรื่องนี้มันฝีมือใครกันเหรอ??" ทอร์รินถามอย่างสงสัย

    "ผมก็ไม่รู้ แต่เราต้องได้รู้แน่ๆ ตอนนี้เรากลับไปที่รังของเราก่อนดีกว่า" นาวินพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบออกจากตึกไปในทันที เพื่อไปสืบข่าวเพิ่มเติมว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

    ===============================================================

    ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของทั้ง 3 แก๊งค์กำลังย่อยยับถึงขีดสุด สถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลหนูด้วย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×