ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Axis World - สู่โลกอักษะ

    ลำดับตอนที่ #35 : ตอนที่ 33 : สุนทรพจน์สำคัญ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 89
      5
      8 มี.ค. 63

    เมื่อทหารญี่ปุ่นนับร้อยบุกเข้ามาในระยะยิงของนนท์และพรรคพวก นนท์ก็ซัดปืนกลใส่พวกญี่ปุ่นอย่างหนัก ทหารญี่ปุ่นพวกนั้นถึงกับต้องหาที่หลบในทันที
    “เฮ้ย นี่มันบ้าอะไรกันวะเนี่ย??” ทหารญี่ปุ่นคนหนึ่งถามอย่างสงสัย
    “สงสัยพวกมันคงโจมตีหอบังคับการแล้วหล่ะ” ทหารอีกคนหนึ่งบอกไป
    “ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องยึดหอคืนให้ได้ พวกเราบุกเข้าไป!!”
    ทหารญี่ปุ่นพวกนั้นพยายามโจมตีหอบังคับการอย่างหนักหน่วง ส่วนนนท์และคนอื่นๆก็พยายามยิงสกัดเพื่อยื้อเวลาไว้ให้ได้นานที่สุด
    “ทุกคน พยายามยันมันไว้ อย่าให้มันบุกเข้ามาได้” นนท์พูดขึ้นพลางใส่กระสุนตับใหม่เข้าไปแล้วยิงกับพวกมันอย่างดุเดือด
    “รู้แล้วน่า ไม่ต้องบอกฉันหรอก” ลินน์รีดพูดขึ้นจากนั้นก็ใช้ปืนไรเฟิลยิงทหารญี่ปุ่นจนล้มลง
    “กระสุนจะไม่เหลือแล้ว ประหยัดๆหน่อยนะ” อลาวดี้พูดขึ้นจากนั้นก็ขว้างระเบิดสกัดพวกมัน
    “แล้วนี่มันผ่านไปกี่นาทีแล้วเนี่ย??” ไมเคิลถามไป
    “นี่ยังไม่ถึง 3 นาทีเลยนะ ใจเย็นสิ” มาร์ตินพูดขึ้น
    “เราคงตายตั้งแต่นาทีถัดไปแน่ๆ แต่อดทนไว้หล่ะ” หมอคิมพูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน มันคนหนึ่งก็ระดมขว้างระเบิดเป็นแนวยาว แรวระเบิดช่วยผลักดันพวกของนนท์ให้ถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว
    “รีบถอยกันดีกว่าค่ะ ไม่งั้นเราตายหมดแน่” ซวาตีพูดขึ้น
    “โอเค ถอยกลับไปที่หอบังคับการก่อน เร็ว!!” นนท์พูดขึ้น จากนั้นก็ช่วยยิงสกัดพวกญี่ปุ่นที่กำลังบุกเข้ามา
    ทางด้านของกองเรือญี่ปุ่น ซึ่งเมื่อพวกเขาแล่นเข้าใกล้เขตที่พวกเขาต้องการ พวกเขาก็หันลำเรือเป็นแนวขวาง และหันกระบอกปืนใหญ่เตรียมยิงถล่มฝ่ายกบฏในทันที
    “เรือปืนมายาวะ พร้อมทำการยิงแล้วครับ!!”
    “เล็งเป้าไปยังตำแหน่งที่ฉันบอก ตำแหน่งพิกัดยืนยันหรือเปล่า??”
    “ยืนยันพร้อมยิงครับผม!!”
    เรือปืนเหล่านั้นใกล้จะยิงตามคำสั่ง พวกเขาเรียงแถวเป็นแนวยาว นาโอมิมองเห็นสัญญาณเรดาห์ที่เชื่อมต่อการยิงกับฐานยิงจรวด เธอจึงเล็งเป้าหมายไปยังเรือปืนพวกนั้นในทันที
    “เข้ามาเลย ฉันเล็งพวกแกไว้หมดแล้ว!!”
    นาโอมิรอจังหวะให้เรือพวกนั้นเตรียมพร้อมในการยิง และในตอนนั้นเอง ซวาตีก็เข้ามาในห้องยิงจรวดของนาโอมิเพื่อบอกเธอว่าเกิดอะไรขึ้น
    “พี่นาโอมิคะ พวกเรากำลังจะแย่แล้วค่ะ!!”
    “พี่ขอซัก 5 4 3 2 1!!”
    เมื่อถึงเวลา นาโอมิก็กดยิงจรวดในทันที 
    “ซู้ม!!”
    จรวดที่ติดตั้งอยู่ตามเชิงเขาแถวนั้นก็ปล่อยจรวดออกมาทีละลูกสองลูก จากนั้นมันก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นนาโอมิก็ดูสัญญาณความสำเร็จไปด้วย
    “เรือปืนทุกลำ เตรียมยิง!!”
    “ท่านครับ มีรายงานจากเรดาห์ มีจรวดต่อต้านกำลังเข้ามาใกล้พวกเราครับ!!” 
    “จริงเหรอ รีบถอนสมอแล้วออกเรือ เร็ว!!”
    แต่ไม่ทันการเสียแล้ว จรวดทุกลำพุ่งเข้าใส่เรือปืนอย่างแม่นยำ แรงระเบิดมหาศาล ทำเอาผู้ที่อยู่บนฝั่งยังรู้สึกได้ จนกระทั่งกองเรือเหล่านั้นก็ค่อยๆจมไปอย่างรวดเร็ว ส่วนที่เหลือก็รีบถอยออกจากพื้นที่เนื่องจากว่าไม่รู้ว่าจะมีการยิงต่อหรือเปล่า 
    “สำเร็จแล้ว รีบไปจากที่นี่กันเถอะ!!” นาโอมิพูดขึ้น จากนั้นเธอก็หยิบปืนแล้วออกไปลุยข้างนอก โดยที่คนอื่นๆยังคงยิงสกัดทหารญี่ปุ่นอย่างทุลักทุเล
    “เป็นยังไงบ้างพี่ ไปถึงไหนแล้วหล่ะ??” อลาวดี้ถามไป
    “เรียบร้อย เรือพวกมันหมดฤทธิ์แล้ว” นาโอมิพูดขึ้น
    “ดีค่ะ ถ้างั้นไปจากที่นี่กันดีกว่า” ลินน์รีดพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเองทหารญี่ปุ่นก็พยายามล้อมหอบังคับการเพื่อไม่ให้มีใครออกไปได้ โดยที่พวกเขาก็ยิงกดหอคอยไว้อย่างหนักหน่วง
    “บ้าเอ้ย เราจะออกไปยังไงเนี่ย??” มาร์ตินถามไป
    “ออกไปด้านหลังก็ติดทะเลอีก ไม่รู้จะรอดหรือเปล่า??” ไมเคิลพูดจากนั้นก็ขว้างระเบิดใส่พวกมันไป
    “ถ้าไม่มีใครมาช่วย พวกเราคงตายหมดแน่” หมอคิมพูดขึ้นในขณะที่ยิงสกัดพวกมัน แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง
    “ปังๆๆๆๆ”
    ในตอนนั้นเองมีเสียงปืนกลมาจากอีกด้านหนึ่ง ซึ่งชายในชุดสูทก็ใช้ปืนกลเบายิงทหารญี่ปุ่นที่กำลังล้อมพื้นที่ ทำเอาพวกญี่ปุ่นถึงกับต้องหันกลับมายิงตอบโต้ในทันที
    “พวกนั้นเป็นใครกันเนี่ย??” นนท์ถามอย่างสงสัย
    “ช่างมันก่อนเถอะ เรารีบไปด้านนอกก่อนดีกว่า” อลาวดี้พูดขึ้น จากนั้นเขาก็ถือปืนแล้ววิ่งฝ่าออกไป จากนั้นคนอื่นๆก็วิ่งฝ่าตามไปด้วยอย่างรวดเร็ว 
    “ตายซะพวกเวรเอ้ย!!” ลินน์รีดพูดจากนั้นก็ไล่ยิงพวกมัน
    “มาร์ติน รีบตามมาเร็วสิ!!” ไมเคิลพูดขึ้น 
    “รู้แล้วน่า กำลังรีบอยู่” มาร์ตินพูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆพวกญี่ปุ่นก็ยิงเข้าที่ด้านหลังมาร์ติน หมอคิมเห็นจึงต้องไปประคองไว้ในทันที
    “มาร์ติน ทำใจดีๆไว้นะ!!” หมอคิมพูดขึ้น
    “รีบพาเขาไปด้านนั้นดีกว่าค่ะ” ซวาตีพูดขึ้นในขณะที่เธอก็มาช่วยหมอคิมแบกมาร์ตินไปด้วย จากนั้นพวกเขาก็รีบตามไปยังที่ที่กลุ่มชายชุดสูทยิงสกัดพวกญี่ปุ่นไว้ และในขณะเดียวกัน อลาวดี้ก็เจอกับเรซิฟัสในทันที ทำเอาทั้งคู่ถึงกับแปลกใจมาก
    “พี่เรซิฟัส!!”
    “ไงธีโอเนอัส ไม่เจอกันนานเลยนะ” เรซิฟัสพูดขึ้น แต่พวกญี่ปุ่นก็ยิงกดคนของเรซิฟัสเอาไว้ ทำเอาในตอนนี้พวกเขาถึงกับตกที่นั่งลำบากแล้ว
    “ท่านครับ เราต้องไปกันแล้วครับ!!”
    “งั้นเหรอ รีบไปจากที่นี่เร็ว!!” เรซิฟัสพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆก็มีรถจิ๊บติดปืนกลคันหนึ่งบุกเข้ามาด้านหลังพวกญี่ปุ่น จากนั้นก็ไล่ยิงทหารญี่ปุ่นที่อยู่ด้านหลังอย่างหนักหน่วง ทำเอาทหารญี่ปุ่นตายไปมากมาย บางส่วนที่เหลือก็รีบหนีไม่ก็วางอาวุธยอมแพ้ และปรากฏชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธกลุ่มหนึ่งเข้ามากู้สถานการณ์เอาไว้ได้อย่างทันท่วงที
    “นั่นคนของคุณนิโคลัสนี่พวกเรา!!” นนท์พูดขึ้น จากนั้นชายคนหนึ่งในกลุ่มของนิโคลัสก็รีบมาหาพวกของนนท์ที่อยู่บนเนินเขาในทันที
    “นนท์ นายกับเพื่อนของนายทำได้ดีมาก นิโคลัสส่งพวกฉันมาช่วยหน่ะ” ชายคนนั้นพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง มาร์ตินก็บาดเจ็บหนักจนใกล้จะตายแล้ว คนอื่นๆรีบไปดูมาร์ตินในทันทีก่อนที่เขาจะเป็นอะไรไป
    “แพทย์สนามอยู่ไหน ช่วยด้วย!!” ไมเคิลตะโกนถามไป
    “ใจเย็นไว้นะ ฉันจะพานายกลับบ้าน” หมอคิมพูดในขณะที่ช่วยกดแผลเขาไว้
    “ผมคงไม่ไหวแล้ว ฝากบอกลินดาด้วยว่าผมรักเธอมาก” 
    “ไม่ คุณอย่าเพิ่งถอดใจสิคะ” ซวาตีพูดขึ้น
    “ใช่ พวกคุณนิโคลัสมาช่วยแล้ว ใจเย็นก่อนนะคะ” ลินน์รีดพูดขึ้น
    “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ถึงยังไงผมก็ต้องตายอยู่แล้ว แต่ผมดีใจ ที่ได้ตายเพื่อเสรีภาพ” มาร์ตินพูดขึ้นจากนั้นเขาก็หมดลมหายใจไปอย่างดื้อๆ ไมเคิลรีบปิดตาเขาเพื่อให้เขาจากไปอย่างสงบ
    “สู่ๆสุขคตินะครับ” นนท์พูดขึ้นทิ้งท้ายไว้
    “ธีโอเนอัส ในที่สุดฉันก็เจอนายจนได้นะ” เรซิฟัสพูดกับอลาวดี้ไป
    “ธีโอเนอัส คุณหมายถึงใคร เพื่อนเราชื่อโนลานอฟนะคะ??” ลินน์รีดถามอย่างสงสัย
    “พี่ครับ ถ้าจะมาคุยถึงเรื่องเก่า ตอนนี้ผมไม่ว่างนะ” 
    “พี่เข้าใจ แต่ตอนนี้พ่อเราป่วยหนัก ท่านอยากเจอนายอีกครั้งนะ” เรซิฟัสพูดขึ้น
    “งั้นเหรอ นึกว่าพอจะเลิกสนใจผมแล้วซะอีก!!” อลาวดี้พูดขึ้น
    “ใจเย็นก่อนสิ ว่าแต่คุณเป็นใครคะ??” ซวาตีถามเขาไป
    “ผมชื่อเรซิฟัส อลาวดี้ พี่ชายของเขา ครอบครัวเขาอยากให้เขากลับไปดูใจพ่อเขาหน่ะครับ” เรซิฟัสพูดขึ้น แต่จู่ๆในตอนนั้นเองธีโอเนอัสก็เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกไปที่อื่นในทันที
    “เฮ้ย นี่นายจะไปไหนวะ??” ไมเคิลตะโกนไล่หลังไป
    “ขอโทษด้วยนะครับที่เขาเสียมารยาทหน่ะ” หมอคิมพูดกับเรซิฟัส
    “ไม่เป็นไรหรอกครับ ความจริงแล้วผมสิต้องขอโทษเขาสำหรับทุกอย่าง” เรซิฟัสพูดขึ้น
    “อ่า พวกคุณพอจะว่างหรือเปล่าครับ งานนี้เราต้องรีบกลับเข้าเมืองด่วน เราได้ข่าวว่ากองกำลังพิเศษแมนจูกำลังโดร่มลงมาที่ใจกลางเมือง เราต้องไปช่วยสกัดพวกเขาครับ”
    “จริงเหรอ ฉันรู้จักหน่วยนี้นะ ขนาดทหารญี่ปุ่นยังกลัวเลย คนพวกนี้โหดมาก ฆ่าคนไม่กระพริบตา เห็นทีเราต้องเตือนคนอื่นๆแล้วหล่ะ” นาโอมิพูดขึ้น
    “ถ้าอย่างงั้นก็รีบไปช่วยพวกเขาดีกว่านะ” ลินน์รีดพูดขึ้น
    “แล้วอลาวดี้หล่ะ เราจะเอายังไงต่อ??” ไมเคิลถามอย่างสงสัย
    “เรื่องนั้นผมจัดการเองครับ ไม่ต้องห่วงครับ” เรซิฟัสพูดขึ้น
    “ยังไงก็ฝากด้วยนะครับ พวกเราไปกันดีกว่า” นนท์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบขึ้นรถแล้วไปช่วยพวกของนิโคลัสที่กำลังถูกจู่โจมในทันที ทางด้านของเรซิฟัส ในตอนนั้นเขาเองก็เดินไปหาธีโอเนอัสที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่แถวนั้นในทันที จากนั้นก็ไปกอดเขาเอาไว้ด้านหลัง
    “ธีโอเนอัส พี่รู้พี่ทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัย แต่พ่อเราเขาอยากเจอนายเป้นครั้งสุดท้ายนะ จากนั้นนายจะตัดสินใจยังไงก็แล้วแต่นายแล้วกัน” เรซิฟัสพูดขึ้น
    “อย่าโกหกผมเลยครับ พ่อให้เราสองคนหมั้นกัน แค่นั้นมันก็เกินพอแล้วครับ”
    “พี่เข้าใจ พี่จะไม่บังคับฝืนใจนายนะ แต่ว่า นายจะไม่กลับไปหาเพื่อนนายงั้นเหรอ พวกเขากำลังลำบากนะ??” เรซิฟัสพูดขึ้น
    “พวกเขาไปไหนกันหล่ะครับ??” ธีโอเนอัสถามไป
    “ถ้านายอยากรู้ก็ตามฉันมาสิ พี่จะพานายไปเอง” เรซิฟัสพูดขึ้น จากนั้นเรซิฟัสก็ลากธีโอเนอัสไปขึ้นรถในทันที จากนั้นขบวนรถของพวกเขาก็ออกติดตามขบวนรถของนนท์ไปอย่างติดๆ

    ณ ฐานทัพชั่วคราวญี่ปุ่น หลังจากที่พวกเขาได้รับข่าวเรื่องกองเรือถูกถล่ม 
    “กองเรือเสียหายแค่ไหนรายงานฉันหน่อยสิ!!”
    “เรือปืนกว่า 20 ลำเสียหายหนัก ใช้การไม่ได้ครับ”
    “บ้าเอ้ย ติดต่อพวกควันตงให้ฉันที!!” ผบ.คนนั้นพูดขึ้น จากนั้นทหารของเขาก็ต่อสายติดต่อกับหน่วยควันตงในทันที
    “สวัสดี มีธุระอะไรครับท่าน??”
    “พวกแกจัดการพวกกบฏได้หรือเปล่า เอาให้พวกมันถอยไปให้ได้??”
    “ไหนว่าคุณจะมีปืนใหญ่สนับสนุนไง แต่ช่างเถอะ ผมจะลองดูก็ได้” หัวหน้าหน่วยคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็สั่งให้มีการจู่โจมในทันที เครื่องบินนับสิบและเฮลิคอปเตอร์อีกหลายลำก็บินมาและปล่อยหน่วยควันตงลงถึงพื้น จากนั้นพวกเขาก็เริ่มการจู่โจมกลุ่มกบฏในทันทีอย่างหนักหน่วง
    “ท่านครับ พวกมันจู่โจมมาแล้วครับ!!” ชายคนหนึ่งรายงานนิโคลัสไป
    “รีบเข้าที่หลบและยิงปะทะกับมันเป็นระยะๆ” นิโคลัสพูดขึ้นพลางหยิบปืนกลยิงสู้กับพวกมัน แต่กองทัพควันตงค่อนข้างเข้มแข็ง ไม่กี่อึดใจพวกนั้นก็เริ่มกวาดล้างกลุ่มกบฏให้หนีออกอย่างรวดเร็ว พวกควันตงยิงทุกคนที่อยู่แถวนั้นอย่างไม่ปราณี
    “ท่านครับ พวกมันกำลังต้อนเราให้ถอยกลับ ถ้าเราเสียพื้นที่ กองทัพญี่ปุ่นต้องตามมาเสริมแน่นอนครับ!!” ลูกน้องของนิโคลัสพูดขึ้น
    “รีบตั้งแนวรับด่วนเลย ยันพวกมันไว้ให้ได้!!” นิโคลัสพูดขึ้น จากนั้นเขาก็รีบพาคนอื่นๆไปยังแนวรับใหม่ของพวกเขาในทันที และในขณะเดียวกัน พวกของนนท์ก็กลับมาถึงในไม่กี่อึดใจ พวกของนนท์ในตอนนั้นรีบชักปืนกลออกมาในทันทีเพื่อเตรียมสู้กับพวกมัน
    “ทุกคน จุดอ่อนพวกมันอยู่แนวหลัง พวกมันสนใจแต่ด้านหน้า เพราะมันคิดว่าจะไม่โดนลอบโจมตี!!”
    นาโอมิพูดขึ้น จากนั้นพวกก็ก็ค่อยๆลุยฝ่าแนวรบของพวกควันตงอย่างรวดเร็ว พวควันตงที่ถูกลอบโจมตีซึ่งยังไม่ทันระวังตัวก็บาดเจ็บล้มตายไปมากมาย
    “ตายห่าให้หมดไอ้พวกระยำ!!” ลินน์รีดพูดขึ้นจากนั้นก็ขว้างระเบิดใส่พวกมัน
    “แม็กนี้เพื่อมาร์ตินเว้ย!!” ไมเคิลใส่กระสุนใหม่จากนั้นก็ยิงใส่พวกมันอย่างรวดเร็ว และหมอคิมซึ่งเห็นปืนกลที่ตั้งอยู่บนรถจิ๊บ ก็วิ่งไปประจำปืนกลตรงนั้น จากนั้นก็ยิงใส่กลุ่มของกองทัพควันตงที่อยู่แถวนั้น
    “มาเลยไอ้พวกระยำ!!” หมอคิมตะโกนออกไป
    “ใจเย็นค่ะหมอ!!” ซวาตีพูดในขณะที่กำลังหลบแล้วยิงปืนพกใส่พวกมัน ในตอนนี้พวกมันถึงกับต้องแบ่งกำลังไปเล่นงานพวกของนนท์ที่ด้านหลัง พวกมันระดมยิงนนท์หนักขึ้น ทำเอาพวกของนนท์ต้องรีบหลบอย่างรวดเร็ว
    “พวกมันหันมายิงแล้ว หาที่หลบเร็ว!!” นนท์พูดขึ้น จากนั้นก็เข้าที่กำบังอย่างรวดเร็ว พวกมันพยายามล้อมฆ่าพวกของนนท์เพื่อฝ่าออกไป แต่ในตอนนั้นเอง
    “ปังๆๆๆๆ!!” 
    กลุ่มของอลาวดี้ที่ขับรถเข้ามาด้านในก็ซัดปืนกลใส่พวกมันที่กำลังบุกเข้ามา ในตอนนั้นธีโอเนอัสก็ยิงช่วยเหลือพวกของนนท์ที่กำลังถูกล้อมอยู่ จากนั้นธีโอเนอัสก็กระโดลงจากรถแล้วไปหาพวกของนนท์ในทันที
    “ไงพวก ไม่รอฉันเลยเหรอ??” 
    “อลาวดี้ มาทันจนได้นะเว้ย!!” ลินน์รีดพูดขึ้น จากนั้นไม่นานเรซิฟัสก็วิ่งตามมาช่วยธีโอเนอัส แต่จู่ๆพวกมันคนหนึ่งก็ยิงใส่เรซิฟัสจนร่างพรุน และล้มลงกับพื้น ลูกน้องของเขารวมถึงธีโอเนอัสถึงกับต้องมาดูเขาในทันที
    “พี่เรซิฟัส!!” ธีโอเนอัสลากเรซิฟัสเข้ามาหลบกระสุนด้านใน
    “ธีโอเนอัส พี่คงไม่รอดแล้วหล่ะ ยังไงถ้าได้กลับบ้าน ฝากบอกพ่อด้วยว่าพี่มาช่วยนายได้แล้ว!!”
    “อย่าทำแบบนี้สิพี่ พี่ต้องรอดนะ!!” ธีโอเนอัสพูดพลางร้องไห้ออกมา
    “พี่รู้ดีน่า พี่ขอโทษสำหรับทุกอย่าง ยังไงพี่ก็รักนายนะ” เรซิฟัสพูดขึ้น จากนั้นเขาก็สิ้นลมไปอย่างดื้อๆ ส่วนพวกควันตงในตอนนั้นก็โดนพวกของนิโคลัสไล่ต้อนจนกลับออกมา พวกควันตงที่เหลือในตอนนี้ถ้าไม่ตายก็ต้องพยายามหนีออกจากพื้นที่ บางส่วนก็ถูกจับได้ และจากนั้นไม่นาน นิโคลัสก็รีบฝ่าพวกมันออกมา แล้วรีบมาหาพวกของนนท์ในทันที
    “เป็นไงบ้างทุกคน ปลอดภัยดีนะ??” นิโคลัสถามไป แต่ในตอนนั้นเองทุกคนก็กำลังเศร้ากับการจากไปของเรซิฟัส ทำให้นิโคลัสรู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
    “ฉันเสียใจด้วยนะ เราจะมาจัดการศพของเขาทีหลังแล้วกัน” นิโคลัสพูดขึ้น
    “พวกมันถอยไปกันหมดแล้ว เราน่าจะบดขยี้พวกมันให้จบรวดเดียวเลยนะครับ” ลูกน้องของนิโคลัสพูดขึ้น
    “เห็นด้วย งานนี้เราจะบุกอย่างสายฟ้าแลบ และกวาดล้างไปเลยทีเดียว” นิโคลัสพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง กลุ่มของะออกมาถ่ายทำสถานการณ์ด้านนอกเพื่อไปทำข่าวของเขา แต่จู่ๆ เมื่อโกโร่พบกับนาโอมิ พวกเขาทั้งคู่ก็ดีใจกันยกใหญ่
    “นาโอมิ!!”
    “โกโร่!!”
    ทั้งคู่รีบวิ่งกอดกันในทันที ทำเอาทุกคนถึงกับสงสัยเล็กน้อย
    “สองคนนี้รู้จักกันงั้นเหรอ??” ซุนกิวถามอย่างสงสัย
    “ก็จะไม่รู้ได้ไงหล่ะ นี่แฟนคุณโกโร่นะ” ยูกิพูดขึ้น
    “นี่ก็เพิ่งจะเคยเห็นตัวจริงนะเนี่ย” ฉางเจ้าแอบพูดไป
    “มาที่อเมริกาจนได้นะนายเนี่ย!!” นาโอมิพูดออกไป
    “ใช่ ว่าแต่เธอเถอะ ไปไงมาไงถึงได้มาอยู่กลุ่มกบฏเนี่ย??” โกโร่ถามอย่างสงสัย
    “เรื่องมันยาวหน่ะ นี่ไง นายจำนนท์ได้หรือเปล่า??” นาโอมิให้โกโร่เข้าไปหานนท์
    “พี่โกโร่ ผมจำแทบไม่ได้เลยนะเนี่ย” นนท์พูดขึ้น
    “อ้าว หล่อขึ้นเลยนะน้องชาย นายนี่ยังเหมือนเดิมนะ” โกโร่พูดขึ้น
    “เฮ้อ ไม่น่าเชื่อว่าพวกควันตงจะแพ้กันเร็วขนาดนี้??” ซุนกิวพูดขึ้น
    “เราเล่นงานพวกมันจากด้านหลังหน่ะ พวกมันไม่รู้ตัวเลย” นาโอมิพูดขึ้น
    “โกโร่ เสร็จงานนี้ได้เป็นข่าวใหญ่แน่ๆ นายว่าหรือเปล่า??” ยูกิถามอย่างสงสัย
    “นั่นสิ รอฉันกลับไปก่อนแล้วกัน” โกโร่พูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน จู่ๆนนท์ก็เกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรงอีกตรั้ง ในคราวนี้เขาถึงกับล้มลงกับพื้น ทำเอาทุกคนต้องรีบมาดูนนท์ในทันที
    “ใครก็ได้ช่วยด้วย นนท์ ทำใจดีๆไว้นะ!!” ลินน์รีดพูดขึ้น
    “ทำไมเขาถึงกลับมาเป็นได้เนี่ย??” อลาวดี้ถามอย่างสงสัย 
    “รังอินทรี!!”
    นนท์ตะโกนออกมา แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง หมอคิมก็เอายาตัวหนึ่งออกมาจากกระเป๋า จากนั้นก็ฉีดเข้าไปในตัวนนท์ จากนั้นซักพักนนท์ก็สงบลงแล้วก็ลืมตาขึ้นมาได้อีกครั้ง
    “นนท์ ไม่เป็นไรนะ!!” ลินน์รีดกอดนนท์อย่างแนบแน่น
    “ผมไม่เป็นไร นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวผมเนี่ย??” นนท์ถามอย่างสงสัย ทำเอาหมอคิมถึงกับต้องพูดออกมา
    “นายคงเหลือเวลาอีกไม่มาก โปรเจ็กค์ตัวนี้ถูกตั้งค่าไว้ให้จบลงในไม่กี่วัน แต่ตัวนายในตอนนี้ คงจะเหลือเวลาไม่มากหล่ะ” หมอคิมพูดขึ้น
    “แบบนี้นนท์จะต้องตายเหรอคะ??” ซวาตีถามอย่างสงสัย
    “ใช่ มีทางเดียวก็คือสิ่งที่อยู่ในหัวของนนท์ยังไงหล่ะ!!” หมอคิมพูดขึ้น ทำเอานนท์พูดขึ้นว่า
    “รังอินทรีเหรอ??”
    “รังอินทรี บ้านพักตากอากาศของฮิตเลอร์ ชายแดนเยอรมัน ไม่แน่เรื่องทุกอย่างอาจจะเกิดที่นั่นนะ” ไมเคิลพูดขึ้น
    “แล้วเราจะไปที่นั่นยังไงหล่ะ ครึ่งโลกเลยนะ??” โกโร่ถามอย่างสงสัย และในขณะเดียวกันนั้นเอง ก็มีขบวนๆหนึ่งค่อยๆเดินทางมายังพวกเขา พร้อมกับชายคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบพร้อมหมวกทหารเรือเยอรมัน ในตอนนั้นเองนิโคลัสและนาโอมิต้องรีบไปต้อนรับเขาในทันทีเพราะพวกเขารู้ว่าเขาเป็นใคร
    “ท่านวิลเลียมครับ!!” นิโคลัสทำความเคารพเขาไป
    “การรบเป็นยังไงบ้างผู้กอง อ้าว!! นาโอมิ เธอก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ??” นายพลวิลเลียมถามไป
    “ค่ะท่าน ตอนนี้พวกญี่ปุ่นกำลังถอยออกไปจากพื้นที่แล้ว เรากำลังตามล่าพวกเขาอยู่ค่ะ” นาโอมิรายงานไป แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง นายพลวิลเลียมก็สะดุดตากับนนท์ นนท์เห็นในตอนนั้นก็เดินมาหาเขาในทันทีเพื่อมาคุยด้วย
    “เจ้าหนุ่ม ฉันว่าฉันรู้จักนายนะ??”
    “ผมนนทกานต์ครับ ท่านนายพล!!”
    “อืม นายคือหนึ่งในโปรเจ็กค์ของไอ้ปีเตอร์สินะ แต่ว่า นายมาอยู่ที่นี่ได้ มีใครจะอธิบายฉันได้หรือเปล่า??” นายพลวิลเลียมถามอย่างสงสัย
    “ท่านครับ ผมคิม จุงกิ อดีตหมอในโปรเจ็กค์ครับ นักวิทยาศาสตร์ยิวอาจารย์ของผมได้แอบติดตั้งโปรแกรมกับเขา ทำให้งานของพวกนาซีมีช่องโหว่ แต่ตอนนี้เขาต้องรีบไปที่รังอินทรีเพื่อจบเรื่องนี้ แล้วเขาจะได้ไม่ตายด้วยครับ” หมอคิมพูดขึ้น
    “อืม ผมเข้าใจแล้วคุณจุงกิ ตอนนี้เราคงต้องหาเครื่องที่บินข้ามทวีปได้ พวกญี่ปุ่นน่าจะมีอยู่นะ อลีเซีย เธอพอจะพาพวกเขาไปได้หรือเปล่า??” นายพลวิลเลียมถามทหารหญิงที่มากับเขา
    “ค่ะท่าน รับทราบค่ะ!!”
    “งานนี้ผมขอคนไปไม่มาก ผมไม่อยากให้ใครมาตายเพราะผมอีกแล้วหล่ะ” นนท์พูดขึ้น
    “แน่นอนเจ้าหนุ่ม เรื่องนี้ฉันจัดการเอง ตามฉันมาที่สนามบินก็แล้วกัน” นายพลวิลเลียมพูดขึ้น จากนั้นขบวนรถของเขาก็ออกเดินทางไปยังสนามบินในทันที ส่วนพวกของนนท์ก็พยายามตามมาติดๆเพื่อทำงานที่เหลืออยู่

    กลับมายังประเทศไทย  ซึ่งนายพลประจักษ์กำลังถูกวิวัฒน์ซ้อมเพื่อแค้นส่วนตัวของเขา ส่วนปกรณ์ก็ยังคอยดูแลสาเพื่อไม่ให้เธอตกใจไปมากกว่านี้ วิวัฒน์ซ้อมนายพลประจักษ์จนน่วม แต่นายพลประจักษ์ก็ยังไม่ยอมปริปากอะไรออกมา ทำเอาปกรณ์เริ่มเซงแล้วเดินเข้าไปหาเขาในห้อง
    “วัฒน์ นี่แกจะเอายังไงต่อเนี่ย??”
    “เออน่า นี่มันเรื่องส่วนตัวเฟ้ย ไม่ต้องห่วง!!” วิวัฒน์พูดไป
    “พวกแกทั้งคู่ไม่ได้ตายดีแน่ พวกแกรู้หรือเปล่า ตอนนี้กลุ่มประเทศอักษะที่พวกแกกำลังรับใช้กำลังจะล่มสลายแล้ว พวกแกไม่รอดจากเรื่องนี้แน่ๆ”
    “ก็ใช่ แต่ช่างหัวอักษะไปเถอะ ตอนนี้เหลือแค่แกกับฉันหว่ะ ตอนที่พวกแกทิ้งเราให้ตายในป่า ฉันนี่อยากจะตามล่าแกทั้งวัน แต่ไหนๆวันนี้ได้อยู่กับแกแล้ว แกไม่ต้องหวังจะรอดหรอก” วิวัฒน์พูดขึ้น
    “แกคิดว่าฉันมีทางเลือกงั้นเหรอ ฉันก็ต้องเลือกที่มันดีสำหรับฉันเหมือนกัน ฉันยังไม่อยากตายหว่ะ” 
    “ไม่ๆๆๆ แกแค่รอดตายวันนั้นเพื่อมาตายวันนี้เฉยๆ และวันนี้ ฉันรับรองว่า มันจะต้องสนุกแน่ๆ” วิวัฒน์พูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆก็มีตำรวจนับสิบมาล้อมบ้านหลังนั้นไว้ ทำเอาคนในบ้านตกใจมาก ปกรณ์รีบออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ในที่สุดเขาก็พบว่าเมียของเขาพาตำรวจมาที่นี่เพื่อจับตัวเมียน้อยที่อยู่ที่นี่
    “ไอ้แก่ วันนี้ไม่รอดหรอก!!” 
    “เฮ้ย เมียมันมาหว่ะ!!” ปกรณ์พูดขึ้น ทำเอานายพลประจักษ์ถึงกับยิ้มเยาะ แต่วิวัฒน์ในตอนนั้นก็เชือดคอนายพลประจัก์จนตายคาที่ แล้ววางศพเขาไว้บนเตียงนอนของเขา
    “เฮ้ย รีบหนีไปจากที่นี่เถอะ” ปกรณ์บอกวิวัฒน์ไป
    “นายไปเถอะ งานของฉันจบแล้วหล่ะ รีบไปซะก่อนตำรวจจับนายได้ ฉันจะรับหน้าเอง” วิวัฒน์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็ถือมีดในมือแล้วเดินลงไปด้านล่าง เพื่อไปรับหน้าตำรวจไว้
    “แล้วเราจะทำยังไงต่อหล่ะคะ??” สุดาถามปกรณ์ไป
    “ไปทางด้านหลังครับ ผมจะพาคุณไปเอง”
    ปกรณ์พูดขึ้นจากนั้นก็พาสุดาเธอออกไปทางด้านหลังบ้าน ส่วนวิวัฒน์ก็ทิ้งมีดของเขาไว้เมื่อเจอตำรวจ จากนั้นเขาก็ถูกตำรวจจับตัวไป

    ณ ที่ไหนซักแห่งเหนือน่านฟ้าดีซี เฮลิคอปเตอร์ของไวเวิร์นและพรรคพวกนับสิบลำก็ค่อยๆแล่นไปยังกองเรือเบอร์ลินที่กำลังจอดพักอยู่กลางทะเล พวกเขารีบนัดแนะแผนการในทันทีก่อนที่พวกเขาจะไปถึง
    “เอาหล่ะ เมื่อฮอของเราไปใกล้เรือของพวกมันแล้ว เราจะโดดลงไปแล้วดำน้ำไปวางระเบิดเรือพวกมันให้เป็นจุล งานนี้พวกเราหันหลังกลับไม่ได้แล้วนะ” ไวเวิร์นพูดกับทุกคน
    “ใช่แล้ว จุดอ่อนเรือของพวกมันคือกระดูกงู แค่สั่นนิดเดียวน้ำหนักมันก็ถ่วงแล้วหล่ะ” โบซอลพูดขึ้น
    “แล้วเราจะกลับออกมาได้ยังไงกันหล่ะ??” แองเจลล่าถามไป
    “เราคงไม่มีโอกาสกลับมาแล้วหล่ะค่ะ” เจนนี่ตอบเธอไป
    “เอาหล่ะ พวกเรา ลุยกันเลย!!”
    เฮลิคอปเตอร์ค่อยๆแล่นเข้าใกล้กองเรือมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้พวกมันถึงกับเตือนภัยเพื่อตั้งรับข้าศึก และทางด้านของปีเตอร์ ในตอนนั้นเองเขาก็รู้ตัวแล้วว่าข้าศึกบุก ในตอนนั้นเองเขาก็รีบขึ้นฮอเพื่อสู้กับมันในทันที
    “คาซาเมีย สั่งทุกคน ยิงมันให้ตกให้หมด!!”
    “รับทราบค่ะ!!” คาซาเมียพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ขึ้นฮอแล้วออกจู่โจม เฮลิคอปเตอร์ของไวเวิร์นและพรรคพวกก็ค่อยๆหย่อนคนบนฮอลงไปใกล้กองเรือของพวกเขาเรื่อยๆ เพื่อให้อยู่ในระยะในการวางระเบิด คนที่ลงไปแล้วก็รีบว่ายเข้าไปใกล้เรือเพื่อวางระเบิดในทันที ปีเตอร์เห็นท่าไม่ดีในตอนนั้นจึงพยายามยิงสกัดในทันที
    “พวกมันจะระเบิดเรือ หยุดพวกมันให้ได้!!” ปีเตอร์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็พยายามยิงสกัดกลุ่มกบฏที่พยายามวางระเบิดเรือของพวกเขา แต่พวกกบฏก็ว่ายน้ำอย่างรวดเร็วเพื่อไปติดระเบิดที่เรือของพวกมัน
    “ตู้ม!!”
    เสียงระเบิดค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ เรือทีละลำค่อยๆถูกระเบิด โครงสร้างกระดูงูรับน้ำหนักไม่ไหวแล้วก็ค่อยๆพังทลายลงมา ในตอนนี้เรือหลายลำของกองเรือเบอร์ลินกำลังถูกทำลายไปมากขึ้นเรื่อยๆ
    “เรือเบอร์ลิน รีบพาฉันไปที่นั่น เร็ว!!” ปีเตอร์พูดขึ้น จากนั้นเฮลิคอปเตอร์ของปีเตอร์ก็ค่อยๆแล่นไปยังเรือธงเบอร์ลิน ทางด้านของโบซอลและเจนนี่ที่เพิ่งจะโดดฮอลงมา พวกเขาทั้งคู่ก็ว่ายน้ำไปติดระเบิดที่เรือบรรทุกเครื่องบิน แต่ในตอนนั้นเอง เจนนี่ก็เผลอโดนยิงทำเอาระเบิดหลุดออกจากมือ โบซอลเห็นดังนั้นจึงว่ายมาแล้วเอาระเบิดของเขามาติดไว้ด้วย
    “เราไม่รอดแน่งานนี้ เจนนี่ ฉันรักเธอนะ!!” โบซอลพูดออกมา 
    “ทำไมเพิ่งมาบอกตอนนี้ ตาบ้า!!” เจนนี่พูดขึ้นพลางจูบเขาไปหนึ่งที จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ใช้แรงเฮือกสุดท้ายฝ่ากระสุนปืนของพวกมันแล้ววางระเบิดเรือบรรทุกเครื่องบินลำหนึ่ง
    “ตู้ม!!”
    ระเบิดได้ทำลายส่วนกระดูกงูของเรือบรรทุกเครื่องบินจนมันก็ค่อยๆจมลงไป ทางด้านของเรือเบอร์ลิน ไวเวิร์นได้บินเดี่ยวกระโดดลงไปใกล้ๆกับกองเรือเบอร์ลิน ไวเวิร์นรีบว่ายน้ำไปยังเรือเบอร์ลินเพื่อหมายจะจมเรือลำนั้น โดยที่ปีเตอร์ก็มาถึงพอดี แล้วก็เล็งปืนใส่ไวเวิร์นก่อนที่มันจะเข้าใกล้เรือเขา ไวเวิร์นเห็นท่าไม่ดีเลยโยนระเบิดออกไปยังเรือเบอร์ลิน
    “ตู้ม!!”
    แรงระเบิดดันร่างของไวเวิร์นออกไปจากเรือเบอร์ลิน ในตอนนั้นเองไวเวิร์นก็คิดว่าตัวเขาเองกำลังจะตายแล้ว แต่จู่ๆ
    “พลุบ!!”
    จู่ๆก็มีแหทอดหนึ่งโยนมาใส่เขา ทำเอาไวเวิร์นโดนจับในทันที จากนั้นเฮลิคอปเตอร์ก็ค่อยๆลากอวนขึ้นไปยังเฮลิคอปเตอร์ โดยที่ปีเตอร์ก็ได้มาเจอกับไวเวิร์นเข้า ปีเตอร์ก็พูดขึ้น
    “แกทำเรือฉันพังหมด แต่ก็เอาเถอะ มันล่อให้แกออกมาได้ก็พอแล้ว ไวเวิร์น คริส!!” ปีเตอร์พูดขึ้นพลางอาฆาตแค้น จากนั้นก็ลากปีเตอร์ขึ้นฝั่งไปในทันที

    กลับมายังชายแดนโปแลนด์ หลังจากที่เรซนอร์ฟและเอลซาร์วินด์วางแผนการรบของพวกเขาเรียบร้อยแล้ว ปืนใหญ่ก็โจมตีในจุดหนึ่งซึ่งเป็นแนวรับที่เข้มแข็งที่สุด เพื่อยิงถล่มและเบี่ยงเบนความสนใจ ปืนใหญ่หลายร้อยลูกที่ยิงถล่มในตอนนั้นทำเอาพวกเยอรมันต้องหาที่หลบด้านใน รวมถึงประจำตำแหน่งปืนกลที่ติดตั้งไว้โดยเฉพาะ แต่เรซนอร์ฟก็เตรียมกำลังพลที่จะเข้าตีไว้อีกด้านหนึ่งเพื่อจู่โจม เรซนอร์ฟเล็งสไนเปอร์ไปยังแนวรับ จากนั้นก็ยิงใส่แนวปืนกลของศัตรูเพื่อเปิดทาง
    “ปัง!!”
    เมื่อเรซนอร์ฟยิงปืนให้สัญญาณ เอลซาร์วินด์ก็นำกำลังพลถาโถมเข้าไปยังแนวรับของพวกเยอรมันที่ไม่ได้ให้ความสนใจในทันที เอลซาร์วินด์ก็ระเบิดแนวรับของทหารเยอรมันจนแหลกไม่มีชิ้นดี จากนั้นกองกำลังกบฏรัสเซียก็ค่อยๆบุกเข้าไปยังใจกลางแนวรบของพวกเยอรมันในทันที
    “ทุกคน ถ้ายึดวอร์ซอร์คืนไม่ได้ ห้ามใครตายเด็ดขาด!!” เอลซาร์วินด์พูดขึ้น จากนั้นไม่นานนักเรซนอร์ฟก็เก็บสไนเปอร์ของเขาแล้วรีบวิ่งลงไปด้านล่างเพื่อช่วยเหลือคนอื่นๆในทันที เรซนอร์ฟวิ่งไปหาเอลซาร์วินด์ที่กำลังยิงปะทะกับพวกนาซีอย่างดุเดือด 
    “ทำได้ดีมาก!!” เรซนอร์ฟตะไหล่เขาไป
    “เราคงต้องเร่งแข่งกับเวลาหน่อยหน่ะครับงานนี้” เอลซาร์วินด์พูดขึ้น
    “แค่นี้ก็พอ พวกมันต้านเราไม่ได้หรอก” เรซนอร์ฟพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็รีบบุกเข้าไปตามกลุ่มกบฏในทันทีอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้ ประตูเมืองวอร์ซอร์สำหรับพวกเขาได้เปิดออกต้อนรับพวกเขาแล้ว

    ณ ทะเลที่ไหนซักแห่งในเขตไอร์แลนด์ ซึ่งกองเรือของมิคาอิลพยายามหนีจากการตามล่าของทหารอักษะ กองเรือของเขาค่อนข้างเสียหายอย่างหนักเนื่องจากว่าถูกเฮลิคอปเตอร์จู่โจม พวกเขาค่อยๆลากสังขารเรือลำนั้นเข้าไปใกล้ชายฝั่งของไอร์แลนด์ และเมื่อพวกเขาค่อยๆเข้ามาใกล้ เฮลิคอปเตอร์ของพวกมันก็หันหัวกลับออกไปอย่างรวดเร็ว มิคาอิลเห็นดังนั้นก็โล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
    "ท่านครับ พวกมันออกไปแล้วครับ" ลูกน้องของเขาพูดไป
    "พวกมันกลับมาแน่ มันแค่ไปบรรจุกระสุนเฉยๆ" มิคาอิลพูดขึ้น 
    "แต่เราเข้าใกล้ไอร์แลนด์แล้วนะครับ"
    "ที่นั่นเราปลอดภัย พวกกบฏคุมพื้นที่อยู่ จัดการกันเลย"
    มิคาอิลพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็นำกองเรือของเขาเทียบท่าที่ท่าเรือแห่งหนึ่ง ซึ่งทางฝั่งกำลังวุ่นวายอย่างหนัก ในตอนนั้นเอง เมื่อเรือของเขาเทียบท่า มิคาอิลก็เดินลงมาที่ฝั่ง โดยที่มีชายคนหนึ่งกำลังรอเขาอยู่
    "เฮ้ มิคาอิล ขอต้อนรับนะพวก ท่าทางจะโดนมาหนักเลย!!"
    "แน่นอน สบายดีนะแฟรงค์??"
    "สบายดีขอบใจ ว่าแต่นายต้องการอะไรหล่ะ??" แฟรงค์ถามอย่างสงสัย
    "ฉันต้องการให้ซ่อมเรือ และเสบียงบางส่วนหน่ะ" 
    "อืม ได้เลย แล้วนายจะไม่ดื่มอะไรหน่อยเหรอ พวกอักษะใกล้จะจบแล้ว ต้องฉลองกันหน่อย"
    "แน่นอน ฉันก็อยากดื่มพอดี" มิคาอิลพูดขึ้น จากนั้นเขากับแฟรงค์ก็เดินกันไปที่บาร์แห่งหนึ่ง เพื่อฉลองงานของพวกเขาทั้งคู่ในทันที

    กลับมายังฐานลับของออร์ลินด้า ในตอนนั้นเองเธอก็รีบเก็บข้าวของของเธอเพื่อหนีออกจากพื้นที่ โดยที่ทหารของเธอไก้เผาทำลายเอกสารแทบจะทุกอย่างของเธอทิ้ง เพื่อไม่ให้พวกเยอรมันได้เอาข้อมูลไปใช้ โดยที่บาโธรี่ก็ได้คุมคนของเธอให้รีบจัดการโดยด่วนก่อนพวกมันจะบุกมา
    "บาโธรี่ ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง??"
    "ค่ะ ฉันกับคนของฉันขนเงินไปแล้ว กำลังทำลายเอกสารค่ะ"
    "แล้วที่โรงงานของเราหล่ะ เป็นยังไงบ้าง??"
    "คุณมูฮัมหมัดแจ้งว่าจะรรับช่วงต่อเองค่ะ" บาโธรี่ตอบไป
    "ดี ให้พวกเขาอย่าทำตัวผิดสังเกต ไม่งั้นพวกเราแย่แน่" ออร์ลินด้าพูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน พวกเธอก็ได้ยินเสียงยิงจรวด ซึ่งลูกน้องของเธอพยายามยิงจรวดใส่เฮลิคอปเตอร์ของพวกนาซีที่กำลังจู่โจม 
    "พวกเรารีบหนีดีกว่าครับ!!" ลูกน้องของเธอคนหนึ่งพูดขึ้น
    "ไม่ต้องทำลายเอกสารแล้ว รีบไปจากที่นี่เถอะ" 
    ออร์ลินด้าพูดขึ้น จากนั้นพวกเธอก็รีบวิ่งออกไปด้านนอกเพื่อไปขึ้นรถเพื่อหนีไปอียิปต์ แต่ในตอนนั้นเอง ขบวนรถทหารของนาซีก็ตามมาติดๆ ซึ่งคราวนี้พวกมันได้ส่งหน่วยรบพิเศษติดตามเธอมา แต่คนของออร์ลินด้าก็ต้านพวกมันไว้สุดชีวิต แล้วพาเธอหนีขึ้นรถอย่างเร่งด่วน ส่วนบาโธรี่ก็ช่วยยิงสกัดพวกมันเอาไว้ด้วย
    "คุณออร์ลินด้า รีบกลับเข้าไปในรถ เร็ว!!" บาโธรี่พูดขึ้น 
    "ฉันไม่ยอมหดหัวอยู่ที่นี่หรอก" ออร์ลินด้าพูดขึ้น จากนั้นก็ชักปืนพกของเธอออกมาแล้วยิงสวนไป แต่รถทหารของพวกมันก็ไล่ตามมาเรื่อยๆ และในตอนนั้นเอง พวกมันก็ยิงรถของออร์ลินด้าจนเสียหลักและคว่ำ ทำเอารถคันอื่นๆถึงกับต้องหยุดลงในทันที ทั้งออร์ลินด้าและบาโธรี่พยายามที่จะลากสังขารออกมาจากซากรถ แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง บาโธรี่ก็เกิดถูกยิงเข้า ทำเอาออร์ลินด้าต้องไปคุ้มกันเธอในทันที
    "บาโธรี่ ทำใจดีๆไว้นะ!!"
    "คุณออร์ลินด้า หนีไปเถอะค่ะ"
    "ไม่ ฉันไม่มีทางทิ้งเธอหรอก!!"
    ออร์ลินด้าพยายามยิงสกัดพวกมันเอาไว้ และลูกน้องของเธอก็ตายไปมากมาย แต่ในที่สุด จู่ๆก็มีกลุ่มชายขี่ม้าบุกเข้ามายังพื้นที่ จากนั้นก็เล่นงานทหารนาซีที่อยู่แถวนั้นตายจนเหี้ยน และในตอนนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็ขี่ม้าเข้ามาหาออร์ลินด้าเพื่อดูอาการของพวกเธอ
    "ท่านมูฮัมหมัดส่งผมมาช่วยคุณครับ"
    "รีบพาบาโธรี่ไปจากที่นี่ที" ออร์ลินด้าพูดขึ้น จากนั้นเหล่าพลม้าก็ค่อยๆแบกเธอขึ้นไปบนรถที่ยังใช้ได้ จากนั้นก็พาเธอไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดในทันที

    กลับมายังชายแดนแคลิฟอร์เนีย ขบวนขออาคะสึกิเดินทางกลับมายังแคลิฟอร์เนียเพื่อกลับมาเปิดโรงงาน ในระหว่างทางที่เธอกำลังเดินทาง เธอก็ได้พบกับกลุ่มกบฏมากมายที่กำลังโห่ร้องฉลองความดีใจกันยกใหญ่ หลังชัยชนะของพวกเขากำลังจะเข้าใกล้ความจริงมากขึ้น อาคะสึกิได้แต่มองพวกเขาด้วยความยินดี
    "คุณอาคะสึกิคะ ดูท่าทางคุณดีใจมากเลยนะคะ"
    "ก็ใช่นะ พวกเราชนะแล้วนี่" อาคะสึกิพูดขึ้น
    "ว่าแต่ คุณเป็นญี่ปุ่น แล้วทำไมคุณถึงช่วยเราหล่ะคะ??"
    "เธอรู้ไหม เราเกิดมาบนโลกนี้ เราก็เป็นคนเหมือนกัน เรื่องพรมแดนและเชื้อชาติสำหรับฉันมันเป็นเรื่องที่มนุษย์เรากำหนดขึ้นเพื่อแบ่งแยกกัน เราควรจะให้เกียรติและเคารพซึ่งกันและกันไม่ว่าจะเป็นชนชาติไหน ถ้าไม่เช่นนั้น เราอาจจะจบสิ้นความเป็นมนุษย์ไป" อาคะสึกิพูดขึ้น
    "หู เยี่ยมมากเลยค่ะ" เลขาของเธอพูดขึ้น
    "ว่าแต่เธอหล่ะ มาทำงานกับฉันรู้สึกยังไงหล่ะ??"
    "ดีอยู่แล้วค่ะ คุณดูแลฉันเป็นอย่างดี"
    "ก็เราทุกคนควรดูแลกันอย่างดีไงหล่ะ ไม่ควรเลยที่จะให้เรื่่องเชื้อชาติมากำหนดแทน เธอว่ามั้ย??" อาคะสึกิถามไป
    "นั่นสิคะ!!"
    "อืม อีกไม่นานฉันก็คงจะเปิดโรงงานใหม่ ไม่รู้มันจะพังไปหรือยังนะ??" อาคะสึกิพูดขึ้น
    "ก็หวังให้เป็นแบบนั้นนะคะ" เลขาของเธอตอบไป
    "ไม่รู้ว่าอิชิโร่กำลังทำอะไรอยู่กันนะ แต่ขอให้นายโชคดีนะ" อาคะสึกิพูดขึ้นพลางมองออกไปด้านนอก ในขณะที่ขบวนรถของเธอก็ค่อยๆแล่นต่อไปเรื่อยๆตามทางที่ดูเหมือนจะไม่สิ้นสุด

    ณ บริษัท ZEUS สาจาสวิสเซอร์แลนด์แห่งเดิม ซึ่งท่านประธานของเธอพามาเรียน่ามาที่นี่เพื่อทำโปรแกรมชนิดใหม่ที่ทางเบอร์ลินต้องการ โดยที่วาคินและคนของเขาพร้อมอาวุธครบมือก็เดินทางตามมาด้วย และในตอนนั้นเอง ท่านประธานก็ไปที่ห้องของเขาเพื่อไปเอาตัวโปรแกรมนั่นออกมา โดยที่วาคินและพรรคพวกคอยเฝ้าเขาแบบไม่มีขยับเลย
    "แน่ใจนะคะว่าโปรแกรมอยู่ที่นี่??" มาเรียน่าถามไป
    "แน่นอครับ ผมเก็บมันไว้จนกว่าผมจะได้สิ่งที่ต้องการหน่ะ"
    "ถ้าคุณตุกติก น่าจะรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น" วาคินพูดขึ้น จากนั้นไม่นานนัก ท่านประธานก็หยิบเอาแผ่นข้อมูลอะไรบางอย่างออกมาหนึ่งแผ่น จากนั้นก็ยื่นให้มาเรียน่าในทันที
    "นี่เป็นข้อมูล พวกนาซียอมจ่ายทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา" ท่านประธานพูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน จู่ๆก็มีเสียงปรบมือมาจากอีกด้านหนึ่ง และในตอนนั้นเอง ก็ปรากฎร่างของนายพลฟอนเบิร์กที่เอาปืนจ่อหัวพ่อของมาเรียน่ากำลังเดินมาหาเธอ ทำเอาคนอื่นๆตกใจมาก
    "มาเรียน่าๆ พ่อลูกนี่เชื้อไม่ทิ้งแถวจริงๆ ท่านประธานสเมิร์ก คุณทำผมผิดหวังนะ!!"
    "ท่านฟอนเบิร์ก ผมทำตามที่คุณสั่งแล้ว!!" ประธานพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง ฟอนเบิร์กก็ยิงท่านประธานทิ้งในทันที จากนั้นก็พูดขึ้น
    "มาเรียน่า ถ้าเธอกับพ่อของเธอไม่อยากเป็นคนทรยศ ก็ส่งนั่นมาให้ฉัน"
    "อย่าไปส่งให้มันนะ ยังไงมันก็ฆ่าเราลูก"พ่อของมาเรียน่าพูดขึ้น แต่ฟอนเบิร์กก็เอาปืนตีใส่เขา 
    "อย่า ฉันยอมแล้ว เอานี่ไปเลย!!" มาเรียน่าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็ค่อยๆหยิบเอาแผ่นข้อมูลมา ส่วนฟอนเบิร์กก็ค่อยๆปล่อยพ่อเธอออกมา มาเรียน่ายื่นแผ่นนั่นให้กับฟอนเบิร์ก แต่ในตอนนั้นเอง พ่อของเธอก็ผลักเอาข้อมูลนั่นลงพื้น จากนั้นก็เหยียบมันทิ้งในทันที
    "เฮ้ย ไอ้ระยำ!!" ฟอนเบิร์กพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาพยายามจะยิงมาเรียน่าและพ่อของเธอ แต่พวกของวาคินก็ยิงใส่นายพลฟอนเบิร์ก และทั้งสองฝ่ายก็ยิงปะทะกันไปมา แต่สุดท้ายพวกของฟอนเบิร์กก็ตายกันจนเกือบหมด มาเรียน่ารีบไปกอดพ่อของเธอในทันที
    "พ่อคะ หนูขอโทษที่หายไปนะคะ หนูอธิบายได้!!"
    "ไม่เป็นไรหรอก ลูกปลอดภัยก็พอแล้ว ฟอนเบิร์กไม่รู้มันต้องการอะไรของมัน" และในตอนนั้นเอง วาคินก็เดินเข้ามาหาทั้งสองพ่อลูกในทันที
    "สวัสดีครับท่านนายพล!!"
    "คุณใช่หรือเปล่าที่ดูแลลูกสาวผม ผมขอบคุณมากนะครับ" และในตอนนั้นเอง เขาก็เห็นฟอนเบิร์กที่ยังไม่ได้ ฟอนเบิร์กจะหยิบปืนขึ้นมาแต่วาคินก็เตะปืนของเขาทิ้ง จากนั้นวาคินก็ลากคอนายพลฟอนเบิร์กขึ้นมาในทันที
    "แกต้องการโปรแกรมไปทำไม บอกฉันมา แล้วฉันจะให้แกตายสบายๆ??"
    "ก็ได้ ปีเตอร์ต้องการโปรแกรม ฉันรู้แค่นี้แหละ ไอ้ระยำ!!" นายพลฟอนเบิร์กพูดขึ้น จากนั้นวาคินก็ยิงเขาทิ้งในทันที
    "ปีเตอร์ เขาเป็นใครกันเหรอ??" พ่อของมาเรียน่าถามอย่างสงสัย
    "เขาคือคนที่อยู่เบื้องหลังโปรเจ็กค์ลับทั้งหมด รีบไปจากที่นี่ก่อนที่พวกมันจะตามาดีกว่าค่ะพ่อ" มาเรียน่าพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบถอนกำลังออกจากบริษัทคอมพิวเตอร์นั้นก่อนที่ทหารนาซีที่เหลือจะตามมาเก็บกวาด

    ณ สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งอิชิโร่พามกุฏราชกุมารเข้ามาด้านในเพื่อทำอะไรบางอย่าง โดยที่คนของอิชิโร่และกลุ่มกบฏก็อยู่ด้านในด้วยและกำลังเตรียมของเพื่อทำอะไรบางอย่าง ทั้งกล้องและของอื่นๆที่ใช้สำหรับทำข่าว และเมื่อพวกเขามาถึงห้องส่งสัญญาณ อิชิโร่ก็พาองค์มกุฏราชกุมารเข้ามาในทันที เพื่อเตรียมการออกอากาศอะไรบางอย่าง
    "พระองค์ ถึงเวลาแล้วขอรับ!!"
    องค์มกุฏราชกุมารเดินเข้ามาในห้องส่งซึ่งมีไมค์กำลังวางอยู่ 
    "เตรียมพร้อมออกอากาศแล้วครับ!!"
    เมื่อนักข่าวในนั้นให้สัญญาณ มกุฏราชกุมารก็เริ่มกล่าวสุนทรพจน์ในทันที
    "ถึงประชาชนชาวอาทิตย์อุทัย ในวันนี้ ข้าพเจ้า องค์มกุฏราชกุมาร มากล่าวต่อท่านทั้งน้ำตา ซึ่งในวันนี้ มีคนที่ต้องการทำร้ายทำลายข้าพเจ้า เพียงเพราะข้าพเจ้า ต้องการดำรงไว้ซึ่งสันติในโลกนี้ แต่ข้าพเจ้ารู้สึกขอบคุณ ซึ่งชาวอเมริกันทั้งหลาย ที่ได้ให้การช่วยเหลือข้าพเจ้า และในวันนี้ พวกท่านกำลังถูกรัฐบาลของพวกท่านหลอกให้สู้ และบาดเจ็บล้มตาย เพื่ออันใดกัน ในวันนี้ ข้าพเจ้า จึงขอประกาศต่อประชาชนทุกท่าน ว่าข้าพเจ้ายังอยู่ และขอประกาศต่อกองทัพจักรวรรดิทุกผู้ทุกนาย ขอให้พวกท่านวางอาวุธลง รัฐบาลกำลังหลอกพวกคุณ ข้าพเจ้า ขอประกาศถอนกำลังทหารทั้งหมด ออกจากอเมริกาและพื้นที่ในเขตยึดครองทั้งหมด เพื่อไม่ให้ผู้ใดต้องมาบาดเจ็บล้มตายอย่างสูญเปล่าในรัชสมัยของข้าพเจ้า เราขอให้ทุกท่านตอบรับและเห็นด้วย!!" 
    องค์มกุฏราชกุมารพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ให้สัญญาณในการพักในทันที
    =========================================================================================
    เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า
    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ ใกล้จะจบแล้ว 
    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลข้อยด้วย



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×