คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : ตอนที่ 20 : ฝ่าวงล้อม
นนท์และพรรคพวกของเขาพยายามเดินทางไปยังโรงแรมการ์เด้นริงส์
เพื่อรวมตัวกับกลุ่มกบฏที่พยายามหนีเอาตัวรอดจากกองทัพที่กำลังโจมตีพวกเขา
นนท์พยายามหลบหลีกกลุ่มตำรวจและพวกหัวรุนแรงที่กำลังเดินตรวจตามถนน
และในตอนนั้นเอง พวกเขาเจอกับกลุ่มหัวรุนแรงกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินตรวจตราอยู่แถวนั้น
และพยายามตามล่ากลุ่มกบฏทุกคนที่กำลังจะหลบหนี
นนท์รีบหาที่หลบแล้วดูสถานการณ์อยู่แถวนั้นไปซักพักหนึ่ง
เผื่อว่าเขาจะทำอะไรได้บ้าง
“ดูเหมือนว่าพวกมันกำลังตามล่าคนเลยนะเนี่ย” นนท์พูดขึ้น
“แน่นอน
มันจะฆ่าทุกคนที่เจอ ไม่ว่าจะเชื้อชาติไหน” ลินน์รีดพูดขึ้น
“พวกมันมีแต่อาวุธเบา
ท่าทางจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นหน่ะ” อลาวดี้พูดขึ้นพลางแหงนหน้ามองไป
“แล้วนี่
พวกคุณจะไปไหนกันเหรอคะเนี่ย” ซวาตีถามอย่างสงสัย
“เราจะไปโรงแรมการ์เด้นริงส์หน่ะ
ที่นั่นเราอาจปลอดภัย” หมอคิมพูดขึ้น
ในขณะเดียวกัน
พวกมันคนหนึ่งก็ไล่ต้อนครอบครัวชาวอเมริกันคนหนึ่งที่กำลังหวาดกลัวอย่างหนัก พวกเขามีพ่อแม่และเด็กสองคนที่อุ้มตุ๊กตากำลังโดนวัยรุ่นญี่ปุ่นห้อมล้อมอยู่
“พวกแกมันให้ความช่วยเหลือกลุ่มกบฏ”
“ไม่
พวกเขาแค่มาซื้อของที่ร้านฉัน”
“หุบปาก” มันคนหนึ่งตบหน้าผู้หญิงคนนั้น
อลาวดี้แทบคลั่งเมื่อได้เห็น แค่ลินน์รีดห้ามเอาไว้ก่อน
“ใจเย็นสิ
เดี๋ยวเราก็ตายกันหมดหรอก”
ลินน์รีดพูดขึ้น
“ทำอะไรซักอย่างสิคะ
ได้โปรด” ซวาตีพูดขึ้น
“เฮ้ยนนท์
นายจะเอายังไงต่อหล่ะ” หมอคิมถามนนท์ไป
“ดูเหมือนว่าพวกมันจะมีไม่กี่คนที่ถือปืน
อลาวดี้ นายจัดการได้หรือเปล่า” นนท์ถามไป
“ด้วยความเต็มใจเลย”
อลาวดี้เล็งปืนไปที่มันคนหนึ่งที่กำลังจะเล็งปืนใส่ลูกสาว
คนเป็นพ่อพยายามจะขอชีวิตกับพวกญี่ปุ่น แต่อลาวดี้ก็จัดการยิงมันร่วงคนหนึ่ง
พวกมันตกใจมาก พยายามจะชักอาวุธยิงตอบโต้ แต่พวกของนนท์ก็ยิงใส่พวกมัน
เมื่อพวกมันไม่มีปืน นนท์ก็วิ่งออกไปสู้กับพวกมันมือเปล่า
นนท์ต่อยและเตะพวกมันจนล้ม จากนั้นลินน์รีดและคนอื่นๆก็มาช่วนนท์จัดการพวกมัน
ส่วนซวาตีก็ไปดูครอบครัวอเมริกัน นนท์ลากชายญี่ปุ่นคนหนึ่งมาสอบถาม
ชายคนนั้นเห็นหน้านนท์ก็พูดขึ้นในทันที
“เฮ้ย
นี่แก เป็นคนญี่ปุ่นนี่” มันพูดภาษาญี่ปุ่นกับนนท์
“ฉันเป็นคนไทยเว้ย
บอกฉันมา พวกแกอยู่ที่ไหนอีก” นนท์พูดภาษาญี่ปุ่นตอบกลับมันไป
“ฉันไม่มีวันบอกแกหรอก
องค์จักรพรรดิจงเจริญ”
อลาวดี้เห็นดังนั้นจึงยิงหัวมันจนมันตายคาที่ในทันที
“มันไม่บอกเราหรอกพวกนี้” อลาวดี้พูดขึ้น
“เอาเถอะ
ไหนๆพวกเราก็ปลอดภัยแล้ว”
หมอคิมพูดขึ้น
“พวกคุณเป็นยังไงบ้างคะ
ปลอดภัยแล้วนะคะ” ซวาตีถามครอบครัวพวกเขาไป
“ไม่เป็นไรครับ
ขอบคุณพวกคุณมากๆนะครับ”
“นี่ พวกคุณตอนนี้รีบไปที่โรงแรมการ์เด้นริงส์เลยนะคะ” ลินน์รีดพูดขึ้น
“ได้ค่ะๆ
ขอบคุณมากๆเลยนะคะ” แม่ของครอบครัวรีบพาครอบครัวไปยังโรงแรมการ์เด้นริงส์ในทันที
โดยที่พวกของนนท์ในตอนนั้นก็ตามพวกเขาไปติดๆ พวกเขาเดินผ่านไปตามถนนเรื่อยๆ
จนกระทั่งพวกเขาก็มาเจอกับคนกลุ่มหนึ่งพร้อมอาวุธที่กำลังยืนประจันหน้ากับพวกของนนท์อยู่ที่หน้าโรงแรมการ์เด้นริงส์
พวกเขารีบเดินเข้ามาหานนท์ในทันที
“นี่พวกนายเป็นใครกัน”
“เราเป็นกลุ่มต่อต้านเหมือนกัน” ลินน์รีดตอบไป
“แล้วไอ้ยุ่นนี่เป็นใครกันหล่ะ” มันคนหนึ่งเล็งปืนใส่นนท์
“เขาเป็นพวกเรา
ไม่ต้องห่วง” อลาวดี้พูดขึ้น
“งั้นเหรอ
ตอนนี้พวกเรากำลังแย่ กองทัพใกล้เข้ามาที่นี่แล้ว” พวกเขาคนหนึ่งพูดขึ้น
“ตอนนี้พวกคุณมีคนอยู่เท่าไหร่หล่ะ” นนท์ถามอย่างสงสัย
“ถามทำไมวะ
ตอนนี้เหลือ 800 กว่าคนได้หน่ะ” มันคนหนึ่งบอกขึ้น
“เราต้านที่นี่ไม่ไหวหรอก
เราคงต้องถอยกลับไปที่เขตเป็นกลางหน่ะ” หมอคิมออกความเห็น
“ถ้ามันง่ายอย่างงั้นก็คงจะดีสินะ” พวกเขาออกความเห็น
“เออนี่
ถ้าอย่างงั้นเดี๋ยวฉันมานะเว้ย” ดันเต้พูดขึ้น จากนั้นเขาก็วิ่งไปอีกด้านหนึ่ง
ปล่อยให้พวกของลินน์รีดแปลกใจ
“นี่เขาไปไหนกันคะเนี่ย” ซวาตีถามไป
“ปล่อยเขาเถอะ
พวกคุณจะมากับเราหรือเปล่าหล่ะ”
พวกเขาชวนพวกของนนท์เข้าไปด้านในโรงแรม
ซึ่งพวกของนนท์ก็ตามพวกเขาเข้าไปในทันที โดยที่ภาพที่นนท์ได้พบก็คือ
ภาพของบรรดากลุ่มกบฏรวมถึงชาวบ้านที่กำลังนั่งรอความตายอยู่ด้านใน
บางส่วนก็กำลังบาดเจ็บอย่างหนัก
โดยที่กลุ่มกบฏบางคนก็พยายามจะมาช่วยกันทำแผลเพื่อรักษาพวกเขา พวกเขาเดินผ่านไปตามชั้นต่างๆเรื่อยๆ
โดยที่พวกเขาผ่านมายังห้องๆหนึ่ง ซึ่งมีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนอนโดนผ่าตัดอยู่บนเตียง
โดยที่พวกผู้ชายบางส่วนพยายามจะช่วยรักษาเธอ และในตอนนั้นเอง
ชายที่อยู่ในห้องคนหนึ่งก็รีบวิ่งมาหาชายคนที่พานนท์เข้ามาด้านใน
“หัวหน้า
ลินดาจะไม่รอดอยู่แล้ว”
“ไม่
ต้องใช้ยาอะไรบอกฉันมาสิ”
“เราต้องการหมอผ่าตัดหน่ะครับ”
“อ่า
พวกเราก็มีหมออยู่นะครับ”
นนท์พูดกับชายคนนั้น
แล้วก็ชี้ไปที่หมอคิม
“หมอ
คุณเคยผ่าตัดหรือเปล่าครับ”
ชายคนนั้นรีบไปพูดกับหมอคิม
“อ้อครับ
ผมเป็นศัลยแพทย์อยู่”
“ถ้าอย่างงั้นช่วยแฟนผมด้วยนะครับหมอ”
หมอคิมรีบเดินเข้าไปดูด้านในทันที
จากนั้นเขาก็ใส่ถุงมือผ่าตัด
แล้วเขาก็เริ่มทำการใช้ยาสลบจากนั้นก็ผ่าตัดเธอในทันที
โดยที่ชายคนนั้นก็รอดูการอาการแฟนของเขาอย่างใจจดใจจ่อ
“เออนี่
ผมจะคุยกับใครที่คุมที่นี่ได้บ้าง” อลาวดี้ถามไป
“ก็แฟนผู้หญิงคนนั้นไง
ไปถามกับเขาเลย” ชายคนหนึ่งพูดขึ้นจากนั้นก็ชี้ไป
“ขอให้เธอรอดให้ได้แล้วกันนะคะ” ซวาตีพูดขึ้น
การผ่าตัดดำเนินไปอยู่พักหนึ่ง
จากนั้นหมอคิมก็ค่อยๆเย็บแผลให้กับเธอ จนกระทั่งเธอพ้นขีดอันตรายแล้ว
ทุกคนที่อยู่ในห้องถึงกับโล่งใจ
“เรียบร้อยแล้วหล่ะ
ตอนนี้ก็ให้เธอรักษาตัวดีๆหล่ะ” หมอคิมพูดขึ้น
“ขอบคุณมากครับหมอ” ชายคนนั้นพูดขึ้น
“เออนี่
ผมขอคุยอะไรหน่อย ตอนนี้คนของพวกคุณที่พอจะดินได้มีเยอะแค่ไหนกัน” นนท์ถามชายคนนั้นไป
“ตอนนี้ก็คงมีราวๆ
600 กว่าๆที่จับอาวุธได้ ลืมบอกไป ผมชื่อมาร์ติน ยินดีที่ได้รู้จัก” มาร์ตินจับมือกับนนท์ในทันที
“เราต้องรีบหนีกลับไปเขตเป็นกลาง
ที่นั่นเราจะปลอดภัย” ลินน์รีดพูดขึ้น
“ถ้ามันง่ายอย่างงั้นก็ดีหน่ะสิ” ชายคนหนึ่งในห้องพูดขึ้น
“ถึงยังไงก็ต้องเสี่ยง
ดีกว่ารอความตายอยู่ที่นี่นะ” อลาวดี้พูดขึ้น
ในระหว่างที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน จู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเฮลิคอปเตอร์ที่บินเข้ามาใกล้กับตึกของพวกเขา
เฮลิคอปเตอร์ลำนั้นกระหน่ำยิงเข้าไปในโรงแรมอย่างไม่ยั้ง
คนในโรงแรงพยายามหาที่หลบกันให้วุ่น
แต่พวกเขาก็ใช้จรวดประทับบ่ายิงใส่ฮอลำนั้นจนร่วงลงพื้นไป
“ดูเหมือนว่าพวกนั้นกำลังจะมาแล้วนะคะ” ซวาตีพูดขึ้น
“ไม่มีเวลาแล้ว
เราต้องยันพวกมันเอาไว้จนกว่าคนอื่นๆจะถอนกำลังหมดนะ” นนท์พูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้น
เด้กซ์ นายไปหาคนมา 100 คนมาที่นี่ ส่วนที่เหลือ
ให้พวกเขาหนีไปทางตะวันตกให้เร็วที่สุดเลย”
ชายคนนั้นพยักหน้า
จากนั้นเขาก็วิ่งลงไปยังชั้นล่าง ในระหว่างนั้นเอง มาร์ตินก็แจกอาวุธให้กับพวกของนนท์ในทันทีเพื่อให้พวกเขาต่อสู้กับพวกมันได้
“กระสุนเรามีน้อย
คงต้องประหยัดหน่อยนะครับ”
มาร์ตินพูดขึ้น
หลังจากที่เด้กซ์รวบรวมคนที่พร้อมจะสู้มาได้ตามที่มาร์ตินสั่ง
พวกเขาก็เริ่มวางแผนการป้องกันพื้นที่ในทันที
และอีกด้านหนึ่ง เขตถนนหลวงเส้นหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย
รถยนต์ของหน่วยเคมเปนไตก็ขับตามรถของกองทัพไปเรื่อยๆ
เพื่อกวาดล้างกลุ่มกบฏที่เหลือรอดอยู่ โดยในระหว่างที่เขากำลังขับรถ
จู่ๆก็มีข่าวมาจากสายของเขาผ่านทางวิทยุสื่อสาร อิจิโกะรีบรับสายในทันที
จากนั้นเขาก็วางสายไป
“มีอะไรหรือเปล่าอิจิโกะ” ยามะดะถามอย่างสงสัย
“ครับ
สายข่าวเราแจ้งมาว่าพวกมันกำลังรวมตัวกันที่โรงแรมการ์เด้นริงส์ครับ”
“งั้นเหรอ
แล้วเราจะแจ้งกอทัพหรือเปล่า”
“เราจะแจ้งซักครู่ครับ” อิจิโกะรีบวิทยุติดต่อกับกองทัพบกในพื้นที่ทันที
แต่ดูเหมือนว่าการสนทนาไม่ค่อยจะราบรื่นนัก แต่อิจิโกะก็ต้องรายงานกับยามะดะไป
“ท่านครับ
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ฟังเราครับ”
“หือ
ทำไมกันหล่ะ” ยามะดะถามอย่างแปลกใจ
“พวกเขาเชื่อว่าที่นั่นพวกมันจะโดนล้อมครับ”
“โธ่เอ้ย
แล้วนี่ข่าวเราเชื่อใจได้หรือเปล่าเนี่ย”
“เชื่อได้
100 เปอร์เซ็นต์ครับ”
“บ้าเอ้ย
ถ้าอย่างงั้นหาตำรวจหาได้ไปที่นั่นเลย ติดต่อตำรวจท้องที่ด้วยหล่ะ”
“ได้ครับท่าน”
อิจิโกะรีบติดต่อตำรวจท้องที่และตำรวจกองปราบหน่วยอื่นๆให้เดินทางไปยังโรงแรมนั่นในทันที
แต่ในขณะเดียวกัน จู่ๆก็มีโทรศัพท์เข้ามาติดต่อกับยามะดะทางวิทยุในทันที
ยามะดะที่รับสายในทันที
“หวัดดี
นี่ผมโซลนะครับ”
“เอ็ย
มาพอดีเลย นี่แกอยู่ที่ไหนเนี่ย”
“ผมอยู่ละแวกโรงแรมการ์เด้นริงส์หน่ะ
โรงแรมชื่อดังด้วยนะ” โซลพูดขึ้น
“งั้นเหรอ
พอดีเลย ฉันมีงานใหม่ให้นาย”
“เหรอ
ให้ผมไปทำอะไรอีกหล่ะ”
“คนในโรงแรมการ์เด้นริงส์
ฆ่าให้หมด เอาตัวหัวหน้ามันมาให้ฉัน”
“โอ้โห้
เป็นร้อยคนเลยนะ คุณจ่ายไหวเหรอ” โซลถามไป
“แน่นอน
รวบยอดจากบิลเก่าด้วย” ยามะดะพูดขึ้น
“อืม
อย่างงั้นผมจอดเลยดีกว่า แล้วเจอกันนะ”
โซลจอดรถอยู่ที่ด้านหน้าโรงแรมการ์เด้นริงส์
จากนั้นเขาก็ไปเปิดที่ด้านหลังรถ แล้วก็เอาปืนสไนเปอร์ Arisaka DMR 1965 ออกมา
จากนั้นเขาก็บรรจุกระสุนลงแม็กกาซีน จากนั้นเขาก็รีบวิ่งเข้าไปอีกตึกหนึ่ง
แล้วก็เล็งเป้าหมายไปยังตึกของโรงแรมนั้น จากนั้นเขาก็สอดส่องสายตาไปทั่วตึกในทันที
เพื่อดูว่ามีใครอยู่ด้านในบ้าง
“โห
เยอะซะด้วย แบบนี้ต้องระวังหน่อยหล่ะ”
โซลดูสถานการณ์อยู่ที่ตึกฝั่งตรงข้ามนั่นไปเรื่อยๆ
เขากำลังรอจนกว่าเขาจะสามารถลงมือได้
ณ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
เฮลิคอปเตอร์ของโกโร่บินมาจอดที่สนามบินดอนเมือง หลังจากที่พวกเขาลงจอด
จู่ๆก็มีรถคันหนึ่งมาจอดรอรับพวกเขาในทันที
จากนั้นชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาคุยกับโกโร่และพรรคพวกในทันที
“สวัสดี
คุณโกโร่ ขอต้อนรับสู่เมืองไทยนะ”
“อ้าว
คุณโรจน์ สบายดีนะครับ” โกโร่ถามเขาไป
“สบายดีครับ
ตอนนี้พวกคุณควรจะมาขึ้นรถผมนะครับ
ด้านนอกม็อบคนไทยกำลังต่อต้านคนญี่ปุ่นอย่างหนักเลย”
“คุณพอจะบอกผมได้หรือเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้น” ซุนกิวถามไป
“ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเขากำลังตามล่าคนญี่ปุ่นทุกคนที่นี่หน่ะครับ”
“ถ้าอย่างงั้น
เรารีบขนของขึ้นรถกันดีกว่านะ” ฉางเจ้าพูดขึ้น
“ยังไงก็รบกวนคุณด้วยนะคะ” ยูกิพูดกับโรจน์
จากนั้นพวกเขาก็ช่วยกันขนของขึ้นรถในทันที หลังจากที่ขนของเสร็จ
พวกเขาก็ขับรถออกจากสนามบินดอนเมืองในทันที
พวกเขาเดินทางมายังถนนพหลโยธินที่ตัดเข้ากรุงเทพตอนใน แต่ในระหว่างที่พวกเขากำลังเข้าเมือง
ในตอนนั้นพวกเขาก็เห็นกลุ่มม็อบชาวไทยกำลังเดินถือป้ายประท้วงคนญี่ปุ่น
พวกเขาตะโกน “พวกญี่ปุ่น
ออกไปซะ” อย่างต่อเนื่อง
ทำเอาพวกของโกโร่ถึงกับกังวลความปลอดภัยของพวกเขา
“คุณโรจน์
คุณพอจะบอกได้หรือเปล่ามันเกิดอะไรขึ้น” โกโร่ถามไป
“ผมว่า
งานนี้เราอาจจะลำบากแล้วหล่ะครับ
คณะรัฐบาลใหม่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะต่อต้านญี่ปุ่นอย่างหนัก อีกไม่นาน
ทุกอย่างคงปะทุหล่ะครับ”
“คณะรัฐบาลจอมพลถนอมอย่างงั้นเหรอ” ซุนกิวถามอย่างสงสัย
“ใช่ครับ
รู้สึกว่าตอนนี้นายพลยูกิโอะก็เพิ่งจะโดนลอบสังหารไปครับ”
“ตอนนี้ที่สถานทูตเป็นยังไงบ้างคะ” ยูกิถามอย่างสงสัย
“ตอนนี้สถานทูตยังปลอดภัยครับผม”
“ถ้าอย่างงั้นเราคงต้องรีบไปที่สถานทูตก่อนดีกว่า”
ฉางเจ้าพูดขึ้น
จากนั้นพวกเขาก็รีบเดินทางไปยังสถานทูตญี่ปุ่นในไทยทันทีเพื่อทำข่าวและประเมินสถานการณ์เพิ่มเติม
และอีกด้านหนึ่ง สถานีรถโดยสารจังหวัดอุบลราชธานี
ปกรณ์และวิวัฒน์เดินทางข้ามชายแดนลาวเพื่อเดินทางมายังไทยต่อ
ในขณะเดียวกันนั้นเอง
พวกเขาก็มาถึงสถานีรถขนส่งคันหนึ่งที่มีรถบัสและบรรดาผู้โดยสารหลายเชื้อชาติกำลังจะเดินทางไปท่องเที่ยว
ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเดินอยู่แถวนั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงประกาศในทันทีจากลำโพงสถานี
“ประกาศๆ
รถโดยสารที่กำลังจะเดินทางไปในรอบ 7 โมงเช้า เหลือแค่ 5 ที่นั่งที่ว่างนะคะ”
เมื่อพวกเขาทั้งคู่ได้ฟัง พวกเขาก็คุยกันในทันที
“เออนี่
ฉันจะไปซื้อตั๋วนะเว้ย จะไปหาอะไรกินก่อนก็ได้นะ”
วิวัฒน์พูดขึ้น จากนั้นปกรณ์ก็เดินไปหาอะไรกินอยู่แถวนั้น
ซึ่งที่นั่นมีป้าอยู่คนหนึ่งกำลังขายข้าวเหนียวไก่ย่างอยู่แถวนั้น
ปกรณ์รีบเดินไปซื้อในทันทีด้วยความหิว
“ป้าครับ
น่องติดสะโพก 2 ไม้ ข้าวเหนียว 2 บาทครับ”
ปกรณ์สั่งอาหารกับป้าคนนั้น
และในตอนนั้นเองก็มีเด็กคนหนึ่งกำลังวิ่งขายหนังสือพิมพ์อยู่ที่สถานีรถขนส่งแถวนั้น
“ข่าวด่วนครับข่าวด่วน
คณะรัฐบาลใหม่เตรียมแถลงการณ์ ข่าวด่วนครับข่าวด่วน คณะรัฐบาลใหม่เตรียมแถลงการณ์”
ปกรณ์เรียกเด็กคนนั้นมาแล้วก็ซื้อหนังสือพิมพ์กับเด็กคนนั้น
เขายังไม่ทันได้เปิดอ่าน จู่ๆป้าคนนั้นก็เอาอาหารมาให้กับปกรณ์
“10
บาทจ้ะพ่อหนุ่ม”
ปกรณ์หยิบแบงค์สิบให้กับป้าคนนั้น
จากนั้นวิวัฒน์ก็เอาตั๋วมาให้กับปกรณ์ที่กำลังยืนซื้อของอยู่
“เฮ้ย
ได้ตั๋วมาแล้ว รีบขึ้นรถเถอะ ได้ไกย่างมาด้วย ไปกินบนรถเถอะ”
วิวัฒน์ชวนปกรณ์ขึ้นรถไป
จากนั้นรถโดยสารคันนั้นก็ค่อยๆออกจากท่ารถ เพื่อเดินทางเข้าไปยังกรุงเทพมหานคร
กลับมายังเขตชายแดนมิชิแกน สหรัฐอเมริกา หลังจากที่กลุ่มของไวเวิร์นโดนการโจมตีทางอากาศของกองทัพลุฟฟ์วาฟ
พวกเขาก็ต้องถอยกลับเข้าไปในป่าที่มั่นของพวกเขา ในตอนนั้นเองไวเวิร์นก็เช็คกำลังพลของตัวเองในทันทีเพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม
“คนของเราตายไปเท่าไหร่
โบซอล” ไวเวิร์นถามโบซอลไป
“เท่าที่ดูก็ราวๆ
20 กว่าคนได้หน่ะ” โบซอลพูดขึ้น
“ว่าแต่
เราจะเอายังไงกันต่อหล่ะเนี่ย” เจนนี่ถามไป
“เราหันหลังกลับไปไม่ได้แล้วหล่ะ
เราคงต้องรวมกำลังแล้วจัดการพวกมัน ตอนนี้พวกมันกำลังอ่อนแอ
เราน่าจะเล่นงานพวกมันได้ไม่ยาก” ไวเวิร์นพูดขึ้น
“แต่ว่า
กำแพงของพวกมันยังแข็งแรงอยู่นะ” โบซอลพูดขึ้น
“ความจริงเราน่าจะมีรถถังเพิ่มนะ” เจนนี่พูดขึ้น
“อืม
เรื่องนั้นฉันจะลองจัดการดู ไม่ต้องห่วงหรอก” ไวเวิร์นพูดขึ้น
“ฉันว่านะ
ป่านนี้กองทัพแวร์มัคคงตรึงกำลังไว้เต็มพื้นที่แล้วหล่ะ” โบซอลพูดขึ้น
“ฉันว่า
เราน่าจะลองคิดให้ถี่ถ้วนมากกว่านี้นะ” เจนนี่พูดขึ้น
“ไม่ต้องห่วง
ฉันจะหาวิธีทำลายกำแพงพวกนั้นให้ได้” ไวเวิร์นพูดขึ้น ในขณะเดียวกัน
ชายคนหนึ่งในกลุ่มกบฏก็วิ่งหน้าตั้งมารายงานอะไรบางอย่างกับไวเวิร์นในทันที
“ท่านครับ
แย่แล้วครับ”
“มีอะไรหรือเปล่า
มาว่าสิ”
“ตอนนี้พวกเราในเขตญี่ปุ่นกำลังโดนกวาดล้างหน่ะ
เราต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว”
“หือ
ไม่น่าเชื่อว่าพวกญี่ปุ่นจะเล่นงานพวกเราได้ขนาดนี้” โบซอลพูดขึ้น
“เราต้องรับพวกเขามา
ไม่งั้นพวกเขาจะตายกันหมด”
เจนนี่พูดขึ้น
“ถ้างั้นก็ให้พวกเราบางส่วนไปช่วยพวกเขาด่วนเลย”
ไวเวิร์นออกคำสั่งให้กับลูกน้องของเขา
จากนั้นไวเวิร์นก็เตรียมกำลังคนบางส่วนของเขาเพื่อเตรียมการเข้าจู่โจมกองทัพเยอรมันในครั้งต่อไป
และอีกด้านหนึ่งของค่าย
โรงพยาบาลชั่วคราวของทหารเยอรมัน
หลังจากที่หมอคนหนึ่งจัดการรักษาแองเจลล่าเรียบร้อย นายพลสติฟท์ก็เดินทางจากสำนักงานใหญ่เพื่อมาเยี่ยมแองเจลล่า
หลังจากที่เขามาถึงโรงพยาบาล เขาก็เดินตรงไปยังห้องเยี่ยมแองเจลล่าในทันที
ใจตอนนั้นเองแองเจลล่าในชุดคนไข้ก็เดินมาต้อนรับท่านนายพลทันที
“สวัสดีค่ะท่าน”
“แองเจลล่า
เป็นยังไงบ้างหล่ะ” นายพลสติฟท์ถามไป
“อ้อ
ไม่เป็นไรแล้วค่ะ แค่เวียนหัวนิดหน่อย” แองเจลล่าพูดขึ้น
“ผมอ่านรายงานการรบของคุณแล้ว
คุณทำได้ดีมาก ตอนนี้กองทัพส่งกำลังมาช่วยพวกเราที่ชายแดนแล้ว” นายพลสติฟท์พูดขึ้น
“ค่ะท่าน
แต่ว่ากำแพงของเราตอนนี้กำลังซ่อมแซม พวกมันอาจฉวยโอกาสนี้จู่โจมก็ได้”
“ตอนนี้พวกมันไม่กล้าหรอก
เราส่งไปถึง 3 กองพันเพื่อยันชายแดนเอาไว้ พวกมันไม่กล้าบุกเข้ามาหรอก” นายพลสติฟท์ตอบไป
“ก็คงต้องยันพวกมันจนกว่าจะซ่อมกำแพงเสร็จค่ะ”
“ว่าแต่
คุณจะหายดีเมื่อไหร่หล่ะ”
นายพลสติฟท์ถามไป
“พรุ่งนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วค่ะ”
แองเจลล่าพูดขึ้น
“ดีแล้วหล่ะ
ช่วงนี้ผมอาจไม่ได้ติดต่อคุณซักพัก ตอนนี้การก่อกบฏกำลังวุ่นวายเลย” นายพลสติฟท์พูดขึ้น
“เหรอคะท่าน
พวกมันมีเยอะขนาดนั้นเลยเหรอคะ” แองเจลล่าถามไป
“ก็ใช่
แต่ตอนนี้เรากำลังแก้ไขสถานการณ์อยู่”
“ตามแนวชายแดนคงระอุเป็นไฟแน่ๆ” แองเจลล่าพูดขึ้น
“แน่นอน
พวกคุณคงต้องระวังตัวกันหน่อยหล่ะ ได้ยินว่าตอนนี้ในเขตญี่ปุ่นกำลังวุ่นวายด้วย” นายพลสติฟท์พูดอย่างกังวล
“ดิฉันจะจัดการทางนี้ให้เองค่ะ” แองเจลล่าพูดขึ้น
“ดี
ยังไงผมก็ฝากคุณทางนี้ด้วยก็แล้วกัน”
นายพลสติฟท์เดินออกจากห้องพยาบาลไป
ในขณะที่แองเจลล่าก็เรียกลูกน้องของเธอมาหาเธอในทันที
“นี่
ฉันอยากให้นายรายงานสถานการณ์ที่กำแพงให้ฉันฟังเป็นระยะๆหน่อยได้หรือเปล่า”
“ได้ครับ
เราจะรีบรายงานครับ” ลูกน้องของเธอรับคำสั่งไป
กลับมายังกรุงสตาลินกราด ซึ่งหลังจากที่หน่วย panzergrenadier
ได้ทำการเข้ายึดชานเมืองกรุงสตาลินกราดได้เรียบร้อย
พวกเขาก็รีบเคลียร์กับระเบิดและขวากหนามป้องกันด้านหน้า และในขณะเดียวกัน
กลุ่มของเรซนอร์ฟก็เตรียมนำกำลังพลของเขาเพื่อยึดแนวหน้าคืน
พวกเขาตรวจดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จากนั้นก็นัดแนะแผนการในทันที
“พวกมันกำลังจัดการเคลียร์กับระเบิด
สงสัยคงจะมีพวกมันอีกเป็นพันที่กำลังมา” เรซนอร์ฟพูดขึ้น
“แล้วเราจะบุกไปตอนนี้หรือเปล่าครับ” ดาโกวิชถามไป
“ผมว่า
พวกมันคงเตรียมปืนใหญ่ไว้แล้วหล่ะครับ
ถ้าเราบุกไปพวกมันน่าจะสั่งให้ยิงกดพวกเราแน่ๆ” เอลซาร์วินด์ออกความเห็นไป
“ถ้าอย่างงั้นเราจะต้องบุกประชิดพวกมัน
ไม่ให้พวกมันใช้ปืนใหญ่ได้เลย” เรซนอร์ฟออกความเห็น
“ผมว่า
เราน่าจะวางกำลังชั้นที่สองไว้แถวนี้ด้วยนะครับ เผื่อว่าพวกมันกลับมา
เราจะได้สกัดพวกมันได้” เอลซาร์วินด์ออกความเห็น
“ถ้าอย่างงั้นพวกเราลุยกันเลยดีกว่าครับ” ดาโกวิชพูดขึ้น
จากนั้นพวกเขาก็ให้สัญญาณกับหน่วยอื่นๆเพื่อให้เตรียมการโจมตีในทันที
กบฏรัสเซียในตอนนั้นก็ค่อยๆเคลื่อนพลปอย่างช้าๆเพื่อเข้าใกล้แนวรับของพวกนาซี
ทางด้านเยอรมัน
ทหารเยอรมันบางส่วนพยายามจะสร้างแนวรับแบบง่ายๆเพื่อป้องกันการโจมตีกลับของพวกรัสเซีย
โดยที่ปีเตอร์ก็นั่งพักอยู่ในบ้านหลังหนึ่งที่อยู่แถบชานเมือง
ในระหว่างที่เขากำลังนั่งไขว้ห้างอย่างสบายอารมณ์
จู่ๆก็มีนายทหารคนหนึ่งเดินเข้ามาในบ้านของเขา เพื่อมาคุยอะไรบางอย่างกับเขา
“สวัสดีครับท่านนายพล”
“อ้าว
ผู้พัน มีธุระอะไรกับผมหน่ะ” ปีเตอร์ตอบกลับเขาไป
“เราจะมาบอกว่า
อาจจะมีการโจมตีกลับของพวกรัสเซีย อยากให้คุณระวังหน่อยหน่ะครับ”
“งั้นเหรอ
พวกคุณควรจะจัดการเรื่องนี้ได้นะ แต่ก็เอาเถอะ
ผมจะช่วยเหลือคุณเท่าที่ช่วยได้ก็แล้วกัน” ปีเตอร์พูดขึ้น
แต่ยังไม่ทันที่ผู้พันจะพูดอะไรต่อ จู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงปืนดังออกมาจากด้านนอกดังมาอย่างต่อเนื่อง
“พวกรัสเซียบุก”
ทหารเยอรมันด้านนอกตะโกนดังลั่น ในตอนนั่นเองปีเตอร์กับคาซาเมียก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วไปเตรียมอาวุธของเขาในทันที
“ดูเหมือนว่าแนวรบเราจะมีปัญหาแล้วนะคะ” คาซาเมียตอบผู้พันไป
“ถ้าอย่างงั้นผมจะจัดการเอง” ผู้พันคนนั้นเดินออกไปด้านนอกในทันทีเพื่อป้องกันพื้นที่ของพวกเขา
“คาซาเมีย
ให้คนของเราไปสตาร์ทรถเลย”
คาซาเมียพยักหน้า
จากนั้นเธอก็ไปกับลูกน้องของเธออีก 2 คนก็เดินออกไปด้านนอก
ส่วนปีเตอร์ก็วิ่งตามออกไปแล้วใช้ปืน DMR ของเขายิงใส่พวกรัสเซียที่กำลังบุกเข้ามา
แต่ก็ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะไม่ยอมถอยกลับเลย และยังบุกตะลุยอย่างบ้าคลั่งอีก
ทหารเยอรมันต้องรีบถอยออกไปจากตัวเมืองในทันที
“ท่านครับ
สั่งยิงปืนใหญ่เลยหรือเปล่าครับ”
“อย่าเพิ่ง
เดี๋ยวจะโดนพวกเราเอง”
ในตอนนั้นเองปีเตอร์ก็ยิงสกัดและถอยกลับออกไปด้านนอก
โดยที่รถของคาซาเมียก็มาจอดรอเขาอยู่
คาซาเมียรีบเปิดประตูรถให้ปีเตอร์ในทันทีเมื่อเขาออกมาจากเมือง
“รีบมาเร็ว”
ปีเตอร์รีบขึ้นรถ จากนั้นเขาก็เก็บปืนของเขาไป
“พวกเรากำลังจะยิงปืนใหญ่
ระวังด้วยหล่ะ”
หลังจากที่รถของคาซาเมียออกมาจากพื้นที่ได้ในไม่กี่อึดใจ
เสียงปืนใหญ่ก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของพื้นที่
จากนั้นลูกปืนใหญ่ก็ถูกยิงตกมายงสนามเพลาะและชานเมืองสตาลินกราดอย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่กองทัพเยอรมันก็ต้องรีบถอยออกจากตัวเมืองไปก่อนเพราะกลัวว่าพวกรัสเซียจะไล่ตามทัน
หลังจากสิ้นเสียงปืนใหญ่ลง
กลุ่มของเรซนอร์ฟก็ออกมาจากที่ซ่อนแถวนั้นพร้อมกับลูกน้องคนอื่นๆในทันที
ซึ่งแผนของเอลซาร์วินด์ เขาสั่งให้คนอื่นๆถอยออกห่างจากระยะปืนใหญ่ เมื่อปืนใหญ่หยุดยิง
พวกเขาก็บุกต่อแล้วยึดส่วนชานเมืองในทันที
“ทำได้ดีมาก” เรซนอร์ฟพูดแล้วแตะไหล่เอลซาร์วินด์
“ทุกคน
รีบวางกำลังป้องกันพวกมันไว้ พวกมันกลับมาแน่” เรซนอร์ฟสั่งลูกน้องของเขาทุกคนในทันที
หลังจากที่พวกเขายึดพื้นที่ได้เบ็ดเสร็จ
กลับมายังประเทศจีน ชายแดนคุนหมิง
ขบวนรถของมิคาอิลก็เดินทางมาถึงได้อย่างสะดวกโยธินเพราะไม่มีทหารญี่ปุ่นและทหารจีนอยู่ประจำแถวนั้น
ขบวนรถของมิคาอิลเดินทางมาถึงชานเมือง
โดยที่มียามติดอาวุธแถวนั้นกำลังตรวจสอบพื้นที่ ยามพวกนั้นเห็นมิคาอิลก็รีบไปหาพวกเขาในทันที
“สวัสดี
คุณมิคาอิลหรือเปล่า”
“ใช่
คุณเหยาอยู่หรือเปล่า”
“พวกเขากำลังรอคุณอยู่เลยครับ
เชิญทางนี้ครับ”
ยามติดอาวุธพวกนั้นพาขบวนรถของมิคาอิลเข้าไปจอดที่ลานจอดรถแห่งหนึ่ง
ซึ่งมีกองกำลังติดอาวุธนับสิบคนยืนคุมพื้นที่อยู่ เมื่อพวกเขาจอดรถเสร็จเรียบร้อย
มิคาอิลก็รีบตามชายคนนั้นไปทันที เพื่อพาไปหานายเหยาที่กำลังรอเขาอยู่
“รออยู่นี่นะครับ”
ยามคนนั้นให้มิคาอิลรออยู่ด้านหน้าประตูห้องหนึ่ง
จากนั้นไม่นาน เขาก็พาชายชาวจีนคนหนึ่งในชุดสูทเดินออกมาต้อนรับเขาในทันที
ชาวจีนคนนั้นจับมือมิคาอิลในทันทีเมื่อเจอเขา
“คุณมิคาอิล
ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”
“คุณเหยา
สบายดีนะครับผม” มิคาอิลถามไป
“แน่นอนครับ
น่าเสียดายที่วันนี้คุณอิชิโร่กำลังรักษาตัวอยู่ คงมาไม่ได้หน่ะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ
ไว้ว่างๆผมจะไปเยี่ยมเขาเอง”
“ของที่คุณเอามาได้ครบนะครับผม” เหยาถามเขาไป
“แน่นอนครับ
รับรองว่าไม่มีอะไรเสียหายแน่นอน”
“ได้ครับ
แล้วผมจะจัดการเรื่องเงินเอง ตอนนี้เราไปประชุมกันดีกว่า”
เหยาพามิคาอิลไปยังห้องใต้ดินห้องหนึ่ง
ซึ่งเป็นห้องใต้ดินกันแรงระเบิด โดยที่ในห้องก็มีนักธุรกิจและนักการเมืองหลายเชื้อชาติมาประชุมรวมกันในห้อง
เหยาแนะนำมิคาอิลให้กับทุกคนได้รู้ จากนั้นพวกเขาก็เริ่มประชุมกันในทันที
กลับมายังซาอุดิอาระเบีย ฐานลับของออร์ลินด้า
ออร์ลินด้าได้สั่งให้บาโธรี่เตรียมรถคันหนึ่งเพื่อเดินทางไปยังโรงงานลับที่เธอถือหุ้นอยู่
หลังจากที่บาโธรี่เตรียมรถที่ใช้สำหรับวิ่งบนทะเลทรายและคนคุ้มกับเรียบร้อยแล้ว
เธอก็รีบไปขึ้นรถในทันที โดยที่บาโธรี่เป็นคนขับรถคันกลาง
ส่วนลูกน้องคนอื่นๆก็ขับรถคอยคุ้มกันตัวเธอ จากนั้นพวกเธอก็ออกเดินทางกันในทันที
“บาโธรี่
พวกเขานัดเจอเราที่ไหนกันหล่ะ”
“พวกเขาจะรอเราอยู่หน้าโรงงานค่ะ” บาโธรี่ตอบไป
“อืม
ถ้างั้นก็ต้องรีบหน่อยหล่ะ”
ออร์ลินด้าเดินทางผ่านทะเลทรายไปเรื่อยๆ
โดยที่เธอก็มองดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือเรือนงาม จากนั้นผ่านไป 30 นาที
พวกเธอก็มาถึงยังโรงงานแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ใจกลางทะเลทราย
ดูภายนอกดูเหมือนว่ามันจะถูกทิ้งร้างไว้ แต่ความจริงแล้วมันยังมีคนทำงานอยู่
ซึ่งโรงงานนี้ของออร์ลินด้าได้ดำเนินการอย่างลับๆมาได้พักหนึ่งแล้ว
โดยที่เธอติดสนบนรัฐบาลในพื้นที่ เมื่อเธอขับรถมาถึงโรงงาน
ชายคนหนึ่งในชุดคลุมก็กำลังรอเธออยู่พอดี
ออร์ลินด้าลงจากรถแล้วไปคุยกับชายคนนั้นในทันที
“สวัสดีจาฮัท”
“ขอต้อนรับคุณออร์ลินด้าครับ
ตอนนี้เรากำลังเริ่มการผลิตอาวุธอยู่พอดีเลยครับ”
“แล้วคนงานตอนนี้เป็นยังไงบ้างหล่ะ” บาโธรี่ถามเขาไป
“เราจ้างคนงานจากชาวบ้านในพื้นที่มาบางส่วนครับ
เราสร้างที่พักให้พวกเขา รับรองว่าคุมได้แน่นอนครับ”
“อืม
ตอนนี้กลุ่มกบฏกำลังอาละวาดหนัก ตอนนี้ถึงเวลาที่เราจะเริ่มงานแล้ว ยังไงก็ทำยอดให้ได้ตามเป้าก็แล้วกัน
เรื่องคนงาน จ่ายเท่าไหร่ก็บอกมาแล้วกัน” ออร์ลินด้าพูดขึ้น
“ขอบคุณครับ
ถ้าอย่างงั้นรบกวนเราเข้ามาด้านในดีกว่า ไม่อย่างงั้นอาจจะโดนตรวจเจอนะครับ”
จาฮัทพาออร์ลินด้าเข้าไปด้านในโรงงานเพื่อเยี่ยมชมการผลิตในโรงงานทันที
เพื่อดูว่ายอดของเธอจะได้ตามเป้าหรือเปล่า
กลับมายังบริษัทอาคะสึกิ
หลังจากที่กลุ่มของเธอได้แกนปฏิกรณ์ระเบิดทำลายล้างมาแล้ว เธอก็ให้วิศวกรของเธอทำการติดตั้งเข้ากับชนวนระเบิดของเธอในทันที
โดยที่อาคะสึกิได้คุมการดำเนินการนี้ด้วยตัวเอง
“ดำเนินการไปถึงไหนแล้วหล่ะ” อาคะสึกิถามวิศวกรของเธอ
“ดำเนินไปได้
80 เปอร์เซ็นต์แล้วครับ อีก 10 นาทีเราพร้อมจะเคลื่อนย้ายมันแล้วครับ”
“ดีมาก
อย่าให้พวกตำรวจมาเจอก่อนก็แล้วกัน”
แต่ในระหว่างที่พวกเขากำลังคุยกัน
จู่ๆเลขาของเธอก็วิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับเธอในทันที
“คุณอาคะสึกิคะ
แย่แล้วค่ะ”
“หือ
มีอะไรงั้นเหรอ”
“ตอนนี้มีกลุ่มตำรวจกำลังปะทะกับกลุ่มกบฏไม่ไกลจากที่นี่ค่ะ”
“แย่หล่ะ
ถ้าอย่างงั้นก็รีบปิดบริษัทไปก่อน ด่วนเลย”
เลขาของเธอรีบวิ่งไปบอกพนักงานคนอื่นๆในทันที
ในขณะที่อาคะสึกิก็เร่งให้วิศวกรดำเนินการต่อในทันที
แต่ก็ดูเหมือนว่าพวกตำรวจพยายามจะเข้ามาค้นในบริษัทของเธอ จนผ่านไปซักพัก
พวกนั้นก็พังประตูเข้ามาแล้วสั่งให้พนักงานทุกคนนอนลงกับพื้นในทันที
“แย่แล้ว
เหลือเวลานานแค่ไหนเนี่ย”
“อีกนิดเดียวครับ”
ตำรวจพวกนั้นรีบค้นทุกตึกของบริษัทอาคะสึกิในทันทีเพื่อตามหาตัวเธอ
จนกระทั่งพวกเขาก็มาถึงยังชั้นใต้ดิน
พวกเขาเห็นว่าประตูล็อคจึงพยายามพังประตูเข้าไป แต่ในตอนนั้นเอง
“แอ๊ด”
จู่ๆประตูก็เปิดออก
ทำเอาตำรวจคนนั้นถึงกับเซถลาลงพื้นไป อาคะสึกิเห็นดังนั้นจึงรีบคุยกับตำรวจในทันที
“มีธุระอะไรคะคุณตำรวจ”
“เราจะมาตรวจสอบที่นี่ครับ”
“ถ้าอย่างงั้นก็ตามสบายค่ะ”
พวกเขารีบเข้าค้นชั้นใต้ดินกันให้ควัก
เพื่อหาสิ่งของผิดกฎหมายที่เธอครอบครองอยู่ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่พบอะไรผิดปกติเลย
เนื่องจากอาคะสึกิซ่อนมันไว้อย่างดีเรียบร้อยแล้ว
“ดูเหมือนว่าที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว
ขอโทษด้วยนะครับที่มารบกวน”
ตำรวจพวกนั้นค่อยๆถอนกำลังออกไปจากโรงงาน
ปล่อยให้อาคะสึกิโล่งใจในทันทีจากนั้น
กลับมายังชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย ท่าเรือแห่งหนึ่ง
ซึ่งในตอนนั้นเองรัฐบาลญี่ปุ่นยังคงคุมสถานการณ์ได้อยู่ในตอนนั้น
นาโอมิก็เอาเรือเทียบท่าที่ท่าเรือ
แล้วตัวเธอก็รีบมารายงานตัวกับนายทหารคนหนึ่งที่กำลังคุมสถานการณ์ที่ท่าเรือ
ซึ่งเขามาจากกองทัพบก นาโอมิตกใจมากจึงรีบไปคุยกับเขาในทันที
“นี่
คุณเป็นใคร คุณอยู่ทัพบกนี่ ท่านผู้การไปไหนหล่ะ”
“ท่านผู้การไม่อยู่ที่นี่แล้ว
ต่อไปนี้คุณต้องฟังคำสั่งของผม” นายทหารบกคนนั้นพูดขึ้น
“นี่
ฉันอยู่ทัพเรือ ขอคุยกับท่านผู้การหน่อยสิ”
“เฮ้อๆๆ
คุณลูกครึ่งแมนจู แค่คุณได้มายืนที่นี่ ก็เกินวาสนาแล้ว คุณจะขัดขืนผมเหรอ”
“นี่
คุณกำลังหมิ่นประมาทฉันนะคะ” นาโอมิพูดขึ้น
“ยังไงก็เถอะ
ยังไงก็ตามผมมา เราจะเริ่มการปราบกบฏแล้ว ไม่ว่ายังไงผมจะรับผิดชอบเอง” หลังพูดจบ
นายทหารคนนั้นก็เดินจากไป ปล่อยให้นาโอมิถึงกับกำหมัดของเธออาไว้แน่น
“แล้วนี่จะเอายังไงต่อครับท่าน” ทหารของนาโอมิถามไป
“เอายังไงหล่ะ
ก็คงต้องตามมันไปซักพักหล่ะนะ ไปเตรียมำลังได้” นาโอมิพูดขึ้น
จากนั้นทหารของเธอก็รีบไปเตรียมอาวุธเพื่อไปรวมกำลังกับกองทัพบกเพื่อโจมตีกลุ่มกบฏในทันที
กลับมายังสวิตเซอร์แลนด์ ตีนเขาแห่งหนึ่ง
หลังจากที่มาเรียน่าหนีออกมาจากรถที่จับเธอไปได้สำเร็จ เธอก็เดินตุปัดตุเป๋ขอความช่วยเหลือไปตามทางเรื่อยๆ
เธอเนฝ่าป่าและหินที่อยู่ตามทางไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเธอมาถึงถนนเส้นหนึ่ง
ซึ่งในตอนนั้นเองกลุ่มกบฏกลุ่มหนึ่งกำลังคุยกันอยู่ด้านล่าง
แต่ยังไม่ทันที่พวกนั้นจะคุยกันจบ พวกเขาก็โดนทหารนาซีโจมตีจนตายหมด
จากนั้นพวกเขาก็เข้ามาเคลียร์สถานการณ์ในทันที มาเรียน่าเห็นท่าดีเธอเลยลงจากป่าแล้วเดินไปหาพวกนั้นในทันที
“ช่วยด้วย
ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย” มาเรียน่าพูดกับทหารพวกนั้นจากนั้นก็ยกมือขึ้นในทันที
“อ้าว
นี่คุณเป็นใครกันเนี่ย”
“ฉันมาเรียน่า
ฉันหนีจากกลุ่มกบฏที่อยู่ตรงนั้นหน่ะ”
“อ้าว
คุณมาเรียน่า ไม่เป็นไรนะครับผม”
“ไม่เป็นไรค่ะ
รีบพาฉันกลับบ้านเถอะ”
แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะพาตัวมาเรียน่าไปจากที่นี่
จู่ๆพวกเขาก็โดนกลุ่มกบฏโจมตีอย่างหนัก
พวกเขารีบพามาเรียน่าไปหลบอยู่แถวนั้นเพื่อหนีไปจากกกลุ่มกบฏ
“คุณมาเรียน่า
ลงจากเขาไป 500 เมตรจะเจอกลุ่มของพวกเรา รีบไปหาเขานะครับ”
มาเรียน่าตกใจแต่ก็รับปาก จากนั้นเธอก็รีบลงจากเขาเพื่อหนีจากการตามล่าในทันที
แต่ยังไม่ทันที่เธอกำลังจะหนี เธอก็โดนชายคนหนึ่งพ่นยาตัวหนึ่งใส่หน้าเธอ
ทำเอาเธอถึงกับมึนงงไปในตอนนั้น แต่เมื่อเธอจะล้มลง
ชายคนนั้นก็รีบแบกร่างของเธอแล้วก็อุ้มไปยังที่ใดที่หนึ่งในทันที
กลับมายังโรงแรมการ์เด้นริงส์
ในตอนนั้นเองพวกของนนท์ที่กำลังเตรียมอาวุธและกำลังคนของเขาเพื่อฝ่าวงล้อมกลุ่มทหารและตำรวจญี่ปุ่นเพื่อหนีไปยังชายแดน
ซึ่งสิ่งที่พวกเขาเห็นคือ มีแค่กลุ่มตำรวจและพวกหัวรุนแรงไม่มากนักที่กำลังปิดล้อมพวกเขาอยู่
ส่วนพวกทหารก็เห็นจะมีแต่พวกจเรทหารซึ่งไม่ใช่ทหารอาชีพที่ถูกฝึกมาเพื่อรบโดยเฉพาะ
เรื่องนั้นมันทำเอานนท์แปลกใจมาก
“ทำไมพวกมันมีกำลังแค่นี้เองหล่ะ”
นนท์พูดในขณะที่โผล่ออกไปดูด้านอก
“มันอาจจะล่อให้พวกเราออกไปก็ได้นะ
คุณว่ายังไงหล่ะมาร์ติน”
อลาวดี้ถามไป
“อืม
ผมก็ว่างั้นนะ แต่เราไม่มีทางเลือกนี่ ถ้าเรายังอยู่ที่นี่ พวกมันอาจจะมีกำลังมาเสริมก็ได้”
มาร์ตินพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้น
เราคงต้องรีบไปจากที่นี่หล่ะ” ลินน์รีดพูดขึ้น แต่จู่ๆขณะนั้นเอง
โซลที่เห็นนนท์กำลังยืนอยู่ริมหน้าต่าง มันเป็นเป้าเริ่มต้นที่ดีสำหรับเขา
เขาเล็งใส่กลางหลังนนท์จากนั้นก็ยิงไปในทันที
“ปัง”
กระสุนที่ยิงออกไปไม่ได้โดนหลังนนท์เลยแม้แต่น้อย
มันกลับเฉี่ยวแขนเขาไปนิดเดียว ในตอนนั้นมันถึงกับทำให้นนท์ต้องหาที่หลบในทันทีพร้อมกับเพื่อนๆของเขา
“ตายแล้ว
เป็นอะไรหรือเปล่าคะเนี่ย”
ซวาตีถามนนท์ไป
“ผมไม่เป็นไรครับ
คุณหลบอยู่ตรงนั้นก่อน”
นนท์พูดกับเธอ จากนั้นนนท์ก็พยายามยิงใส่กลับไป ทำเอาโซลถึงกับต้องหาที่หลบในทันที
“ไอ้บ้าเอ้ย
มันเป็นคนหรือเปล่าวะเนี่ย”
โซลพูดขึ้นจากนั้นก็ใส่กระสุนเพื่อเตรียมยิงกลับไปใหม่
“รีบไปจากที่นี่เถอะ
ไม่งั้นเราตายหมดแน่”
หมอคิมพูดขึ้น
“พวกคุณไปก่อนเลย
ผมจะสกัดพวกมันไว้เอง”
นนท์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็ใส่กระสุนกลับเข้าไปใหม่ เพื่อเตรียมยิงสู้ดับมือปืนนั่นในทันที
====================================================================================
พวกของนนท์จะสามารถฝ่าวงล้อมของพวกมันออกไปหรือไม่ อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ
https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลหนูด้วย
ความคิดเห็น