คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : EP 3 : พี่ชายของไผ่
กลับมายังโบสถ์ของเอลิซ่า
ซึ่งเอลิซ่าและคนอื่นๆกำลังรอการกลับมาของนาและพรรคพวก แล้วก็ในช่วงตกเย็น
กลุ่มของนาก็กลับมาพอดี โดยที่มีกลุ่มของจินพ่วงท้ายมาด้วย
โดยที่พวกของเอลิซ่าก็ตกใจอยู่นิดหน่อย
“กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ แล้วพวกเขาเป็นใครกันเหรอ” เอลิซ่าถามสมาชิกใหม่
“พวกดิฉันเป็นทหารค่ะ ดิฉันชื่อจิน” เธอแนะนำตัวเองแล้วก็คนอื่นๆในกลุ่ม
“เออนี่
พวกเธอได้ของที่ฉันต้องการด้วยหรือเปล่าเนี่ย” เอ็ดเวิร์ดถาม
ปัดจึงยื่นอุปกรณ์และชิ้นส่วนของรถให้เขา
“ว้าว แบบนี้รถของเราน่าจะวิ่งได้แล้วสิ
เดี๋ยวฉันจะรีบซ่อมๆมันเลย”
จอห์นพูดอย่างตื่นเต้น
“โห พวกนายได้อาวุธกันเยอะขนาดนี้
คงตั้งกองทัพได้หล่ะ” ภพพูดกับวายุ
“เอ้านี่ นายเอาไปกระบอกหนึ่งก็แล้วกันนะ” วายุยื่น MP5 ให้กับภพ
“แล้วพวกเธอเจอกับพวกเขาได้ยังไงกันหล่ะเนี่ย” ยูกิถามอย่างสงสัย
“อ้อ ที่สถานีตำรวจหน่ะ คุณนากับคุณจินเป็นเพื่อนเก่ากันหน่ะ” มีร์ตอบยูกิไป
ในตอนนั้นเอง เซนสังเกตเห็นขาของวิคเตอร์ดูแปลกๆ
เธอลองไปเปิดดูขาของเธอ จากนั้นเธอก็พบรอยแผลโดนกัดของวิคเตอร์ด้วย
“ห่ะ นี่เธอโดนกัดนี่หน่า แย่แล้วหล่ะแบบนี้” ชิตพูดอย่างตกใจ
“อ้อ เมื่อ 3 วันที่แล้ว
ตอนที่หนูหนีจากพวกมัน หนูพลาดท่าล้มแล้วโดนมันกัดที่ขา
แต่หนูก็ยังวิ่งมาได้หน่ะค่ะ” วิคเตอร์ตอบแบบซื่อๆ
“ห่ะ นี่คนปกติแค่ 1 ชั่วโมงก็ออกอาการแล้วนะ เธอต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ
แถมแผลก็ไม่คิดเชื้อด้วย”
เซนพูดอย่างตกตะลึง
“ไม่แน่นะ
เธออาจจะเป็นเด็กที่มีภูมิคุ้มกันก็ได้นะเนี่ย” ฮันเตอร์พูดท่ามกลางความสงสัยของวิคเตอร์
“นี่แสดงว่าเพื่อนหนูสามารถรักษาคนอื่นได้งั้นเหรอคะ” อาซามิพูดอย่างตื่นเต้น
“นี่ ไม่ทราบว่าเธอกรุ๊ปเลือดอะไรอย่างงั้นเหรอ” รันเดินไปถามวิคเตอร์
“A ค่ะ”
“กรุ๊ปเลือดเดียวกับออโรร่าเลย
ฉันขอเลือดเธอหน่อยได้หรือเปล่าจ๊ะ” รันเตรียมเข็มฉีดยามา
เธอมัดแขนของวิคเตอร์ให้เลือดเดิน จากนั้นรันก็เอาเลือดของวิคเตอร์มาส่วนหนึ่ง
แล้วรีบปิดแผลให้กับวิคเตอร์ จากนั้นเธอก็ฉีดมันเข้ากับอีกหลอดยาหนึ่ง
แล้วเตรียมฉีดไปที่แขนของออโรร่าในทันที
“แล้วมันจะเป็นยังไงต่อเหรอคะพี่รัน หนูกลัว”
“ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ” เธอฉีดเลือดของวิคเตอร์เข้าไป จากนั้นออโรร่าก็เริ่มมีอาการอ่อนเพลีย
รันจึงประคองเธอไปนอนอยู่ด้านในทันที
“นี่หนู ถ้าเธอมีภูมิคุ้มกัน
เธอต้องไปที่หน่วยงานรัฐบาลด่วนเลย” ชิโระพูดขึ้น
“ป่านนี้พวกเขาไม่ล่องจุ้นไปหมดแล้วงั้นเหรอครับแหม่” เอกพูดแซะชิโระ
“แต่ว่าพักนี้พวกเราไม่เห็นคณะรัฐบาลเลยนี่หน่า” เชนพูดเสริม
“แต่ยังไงพวกคุณต้องติดต่อพวกเขา
เพื่อช่วยเหลือคนติดเชื้อคนอื่นนะคะ” จินพูด
“โทษทีนะ
แต่เรายังไม่รู้ว่าจะไว้ใจพวกรัฐบาลได้หรือเปล่า” ปัดพูดอย่างไม่แน่ใจ
“เอาเป็นว่า ตอนนี้เราคงต้องอยู่ด้วยกันไปก่อนหล่ะนะ” นาพยายามปลอบใจทุกคน แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆก็มีซอมบี้กลุ่มหนึ่งมาล้อมรอบรั้วของพวกเขา
พวกเขาตกใจมากแต่ก็ยังเตรียมพร้อมรับมือกับพวกมัน
“ทุกคน ไม่ต้องใช้ปืนนะ เราต้องประหยัดกระสุนไว้”
ชิโระพูดกับทุกคนจากนั้นก็ชักมีดออกมา
แล้วเขาก็ออกไปสู้กับพวกมันด้านนอก คนอื่นๆก็เฮโลตามไปด้วย
พวกเขาจัดการซอมบี้ทุกตัวที่บุกเข้ามา ด้านนอกชุลมุนกันยกใหญ่
ในตอนนั้นเองอาซามิสะดุดล้มในตอนที่กำลังหนี ซอมบี้ตัวหนึ่งกำลังจะกัดเธอ
“ผลัก”
ซอมบี้ตัวนั้นโดนตีหัวไปโดยชายคนหนึ่ง
จากนั้นเขาก็ไปลุยกับมันเพื่อป้องกันอาซามิ หลังจากที่ซอมบี้ตัวสุดท้ายล้มลง
เขาก็มาดึงมือให้อาซามิขึ้นมา
ทุกคนในตอนนั้นพบกับชายต้องสงสัยจึงรีบมาดูเขาในทันที
“นี่นาย นายเป็นใครกันหล่ะเนี่ย” นาเดินเข้าไปถามเขา
“ไม่มีอะไรหรอก ผมเป็นแค่คนผ่านทางหน่ะ” ชายปริศนาตอบไป
“ขบคุณมากนะคะที่ช่วยฉันไว้ เธอชื่ออะไรเหรอ” อาซามิถามชายคนนั้น
“อ้อ ฉันไผ่ เรียกฉันแค่นั้นก็ได้นะ”
“ว่าแต่ เธอมาทำอะไรแถวนี้เหรอ” ปัดถามไผ่
“อ้อ ผมแค่มาหาของกินแถวนี้หน่ะ”
“ถ้างั้นก็เข้ามาข้างในก่อนสิ
เรามีอะไรให้เธอกินด้วยนะ”
อาซามิจูงมือไผ่เข้าไปด้านในโบสถ์
ส่วนคนอื่นๆก็เคลียร์พื้นที่แถวนั้นแล้วก็ตามทั้งคู่เข้าไป
ณ ตึกใหญ่หลังหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะถูกทิ้งร้าง
รถคันหนึ่งขับมาท่ามกลางกลุ่มซอมบี้ รถของเขามาจอดด้านในลานจอดรถ
จากนั้นเขาก็ลงจากรถแล้วแบกร่างของซอมบี้ตัวหนึ่งเข้าไปด้านใน
จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่สองสามคนมารับซอมบี้ตัวนั้นไป แล้วก็มีเจ้าหน้าที่อีกคนในชุดคลุมสีขาวทั้งตัวมาคุยกับเขาด้วย
“แบท คุณกลับมาแล้ว คุณทำได้ดีมาก”
“แน่นอน
แล้วผลวิจัยสองตัวที่ฉันจับมาเป็นยังไงบ้าง”
“ล้มเหลวตามเคย
เราพยายามจะสกัดยาเพื่อหยุดเรื่องนี้ แต่ไม่ได้ผลเลย”
“เฮ้อ ตอนนี้รอบเมืองก็มีแต่ซอมบี้เต็มไปหมด”
“เออนี่ หัวหน้ามีงานใหญ่ให้นายทำหน่ะ”
“งานอะไรอีกหล่ะ”
“หัวหน้าได้ยินเรื่องของเด็กสาว 1 ในล้านที่มีเชื้อป้องกันซอมบี้ได้หน่ะ”
“นั่นมันแค่นิทาน แล้วอีกอย่าง
เด็กคนนั้นจะไปหาที่ไหนหล่ะ”
“ก็ถ้าเธอโดนกัดแต่ไม่ติดเชื้อก็ใช้ได้หล่ะ”
“คงใช้เวลาเป็นเดือนเลยหล่ะ ยังไงก็ตามเถอะ
ฉันจะลองดู แต่ไม่รับรองนะว่าจะสำเร็จหรือเปล่า”
แบทหัวเสียเดินกลับไปขึ้นรถของเขา จากนั้นเขาก็สตาร์ทรถแล้วเดินทางไปยังสถานที่หนึ่งที่เขาจำได้ว่าเจอผู้รอดชีวิต
ตกดึก ที่โบสถ์ของเอลิซ่า
ไผ่นั่งกินขนมปังและนมที่เอลิซ่าทำให้ แล้วก็กินปลากระป๋องตามไปด้วย ดูเหมือนว่าไผ่จะหิวมากๆ
กินโดยไม่ค่อยแคร์สายตาคนรอบข้างเท่าไหร่
“โห นี่นายหิวขนาดนี้เลยหรือไงเนี่ย” วายุแอบแซวสมาชิกใหม่ แต่เขาก็ยังกินอยู่ไม่เลิก
“เออนี่ ว่าแต่นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันหล่ะ” ภพลองถามไผ่
“อ้อ ฉันขโมยของเขามาหน่ะ” ไผ่ยังคงกินไม่เลือก
“อ้าว นี่นายไปขโมยของใครมางั้นเหรอ” วิคเตอร์ถามไผ่
“ไม่มีอะไรหรอก พวกผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นหน่ะ”
“ห่ะ จริงเหรอ แถวนี้มีพวกมาเฟียด้วยเหรอเนี่ย” เอกถามอย่างตื่นเต้น
“ก็นั่นสิ สงสัยงานนี้เราได้เผือกร้อนมาหล่ะ” ฮันเตอร์พูดไป
“โธ่ ก็สถานการณ์แบบนี้ ใครก็ต้องเอาตัวรอดทั้งนั้นหล่ะ” ชิตพูดกับฮันเตอร์
“ว่าแต่ แถวนี้มีพวกเจ้าพ่อด้วยอย่างงั้นเหรอเนี่ย”มีร์ถามไผ่ไป
“นี่ ใจเย็นๆสิ รอให้เขากินเสร็จไม่ดีกว่าเหรอ” ยูกิพูดกับมีร์
“อ้อ พวกเขาตั้งกลุ่มอยู่แถวๆนี้หน่ะ” ไผ่พูดโดยที่เขาก็ยังกินอยู่
“แล้วพวกนั้นจะรู้มั้ยว่าเราอยู่ที่นี่หน่ะ” เซนถามอย่างกังวล
“ไม่ต้องกลัวหรอก เราพรางไฟเอาไว้แล้วนี่
แล้วรั้วรอบๆก็กันไว้แล้วด้วย” เอลิซ่าที่นั่งกินด้วยตอบเธอไป
“แต่ยังไงเราก็ไม่ควรประมาทนะ
อาวุธต้องเตรียมให้พร้อมด้วย” ชิโระตอบไป
“นายอยู่ที่นี่คงจะไม่ขโมยของเราหรอกนะ ไม่งั้นฉันคงหักคอนายแน่ๆ” ปัดพูดกับไผ่
“เอาน่า ยังไงก็อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้สิ เน้อเจ๊” นาพูดกับปัด
“เออนี่ ฉันไปเข้าห้องน้ำแป๊ปนึงนะ” จินวางขนมปังลงแล้วเดินออกไป
“นี่ เธอจะเอาลูกอมหน่อยมั้ย ฉันให้หน่ะ” อาซามิยื่นลูกอมไปให้ไผ่
ท่ามกลางสายตาที่ร้อนฉ่าของคนรอบๆข้าง
“เออเอ็ดเวิร์ด รถของนายซ่อมเสร็จแล้วใช่เปล่า” จอห์นถามเอ็ดเวิร์ด
“ก็เหลือแค่เติมน้ำมันเท่านั้นหล่ะ
เดี๋ยวฉันเติมเอง
เออนี่ ว่าแต่นายเชนหายไปไหนหล่ะ” เอ็ดเวิร์ดถามจอห์นอย่างสงสัย
ณ ห้องนอนชั้นสอง
ในตอนนั้นเองรันกำลังนอนเฝ้าออโรร่าที่เพิ่งจะหลับไปอย่างไม่ได้สติ
เชนเคาะประตูห้องของรัน จากนั้นเองรันก็เดินเข้าไปรับเชนมาด้วย
“อ่า คุณเชน มีอะไรหรือเปล่าคะ” รันถามเชน
“อ้อ ผมเอาของกินมาให้
คุณยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่นะ” เชนวางขนมปัง
เนื้อกระป๋องและน้ำให้กับรัน
“แล้วเด็กของคุณเป็นไงบ้างหล่ะครับ” เชนถามรันกลับ
“ตอนนี้ก็ยังไม่ได้สติค่ะ
แต่ตัวไม่ร้อนเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะคะ”
“อืม ปกติคนที่ติดเชื้ออาการจะเป็นยังไงครับ”
“อ้อ เท่าที่ฉันเคยได้ยินมา
อุณหภูมิร่างกายจะเย็นสุดขีด ก่อนที่จะฟื้นขึ้นมาแล้วเป็นพวกมันค่ะ”
“ก็เหมือนในหนัซอมบี้ทั่วไปสินะครับเนี่ย
แต่ดูแผลเธอแล้วไม่แย่อะไรนะคะ” รันแปลกใจจึงไปดุที่แผล
ก็พบว่าแผลยุบลงไปมาก เหมือนกับแผลธรรมดาๆ
“ได้ผลจริงๆด้วย รอดแล้วนะออโรร่า” รันจุ๊บหน้าผากออโรร่าหนึ่งที
เชนที่มองดูอยู่ก็แอบยิ้มไปด้วย
ณ ถนนเส้นหนึ่ง แบทขับรถคู่ใจของเขาขับไปตามถนน
เส้นทางเงียบเหงาและว่างเปล่า เขาเปิดเพลงร๊อคฟังไปด้วยแก้เซง
แล้วคิดอะไรไปด้วยระหว่างทาง ในขณะที่เขากำลังขับรถ
จู่ๆเขาก็เห็นรถมอไซค์กลุ่มหนึ่งกำลังขับไปที่ไหนซักแห่ง เขารีบจอดรถแล้วดับไฟ
เตรียมปืนของเขาไว้เผื่ออาจจะการปะทะ
“พวกนั้นมันเป็นใครกันวะ”
ในตอนนั้นเอง เขาก็ค่อยๆเคลื่อนรถตามไปดู แต่จู่ๆก็มีมอไซค์อีกกลุ่มหนึ่งตามเขามาข้างหลัง
แบทเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเลี้ยงซ้ายแล้วขับหนี แต่มอไซค์พวกนั้นก็ขับตามเขาไป
พร้อมทั้งยิงปืนขึ้นฟ้าไปด้วย
“จะเอาใช่ไหมไอ้พวกเวร”
แบทชะลอรถให้มันขับมาใกล้ๆ
จากนั้นเขาก็เบียดมอไซค์พวกนั้นลงไหล่ทางทีละคน
“เป็นไง เจอของจริงซะหน่อยไอ้หนู”
แบทชักลูกซองแฝดยิงมันจนกระเด็นไปทีละคน
มันพยายามยิงรถของแบทแต่รถของแบทแทบไม่สะทกสะท้านอะไรเลย
“รถพี่กันกระสุนเว้ยไอ้น้อง”
แบทยิงพวกมันกลับ จนพวกมันบางส่วนเริ่มจะถอยไป
จากนั้นแบทก็หยิบปืนกลของเขาลไปด้านล่าง ไปดูผลงานของเขา เขาเห็นชายคนหนึ่งกำลังจะขาดใจตาย
แบทจึงไปลากคอหมอนั่นขึ้นมาคุยในทันที
“นี่พวกมึงเป็นใครกัน”
“มึง..พวกกูจะฆ่ามึงแน่”
“อายุเท่าไหร่นี่ไอ้หนู”
“ทำไมกูต้องบอกมึงหล่ะวะ”
“ไม่เป็นไร
ถึงยังไงกูก็รู้ว่ามึงกับนายมึงอยู่ที่ไหน” จากนั้นแบทก็เชือดคอมันทิ้งในทันที
“ลองตามพวกมันไปดูดีกว่า”
แบทรีบขึ้นรถจากนั้นก็ขับไปยังทางเก่าที่เขาเคยมา
กลับมายังโบสถ์ของเอลิซ่า
ในขณะที่ทุกคนกำลังนอนหลับอย่างสบายในค่ำคืนที่สงบเงียบ ในตอนนั้นเองนาเกิดนอนไม่หลับ
เดินไปเดินมาอยู่ด้านล่าง จากนั้นเขาก็นั่งคิดอะไรบางอย่าง
ในตอนนั้นเองจินที่มาเฝ้าเวรด้านล่างก็เดินเข้ามาหานาในทันที
เพื่อดูว่าเขาทำอะไรอยู่
“นี่นา นั่งคุยด้วยได้หรือเปล่า” จินไปนั่งข้างๆนา
“อ่า.. ได้สิ
ฉันกำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆเลย”
“จะว่าไปก็นึกถึงตอนสมัยเรียนมัธยมเลยนะ”
“นั่นสิ
ใครจะไปรู้ว่าดาวโรงเรียนแบบเธอจะมาเป็นทหารแบบนี้”
“ก็ฉันไม่ใช่พวกหวานๆหน่ะสิ นายก็เห็นไม่ใช่เหรอ”
“รู้ แต่นึกไม่ถึงไง
แต่ก็ดีนะที่เธอเลือกทางนี้ได้หน่ะ”
“ว่าแต่ ชีวิตของนายเป็นยังไงบ้างหล่ะ”
“อย่าไปพูดถึงเลย พรุ่งนี้ฉันคงจะโดนด่าเหมือนเคย
อย่างดีก็ไล่ออกหน่ะ”
“เอาน่า ก็ชีวิตมนุษย์เงินเดือนนี่นะ” จินแตะไหล่นาไปด้วย
“ฉันรู้ แต่คิดอีกที เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ”
ในขณะที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยกัน
จู่ๆเอลิซ่าก็รีบวิ่งมาหาพวกเขาทั้งคู่แล้วมาบอกอะไรบางอย่าง
“นี่นา คุณจิน รีบไปเตรียมอาวุธเลย
ฉันให้เอ็ดเวิร์ดกับจอห์นไปเตือนเด็กๆข้างบนแล้วค่ะ”
จากนั้นเอลิซ่าก็ขึ้นไปข้างบน
ปล่อยให้นาและจินรีบไปเตรียมปืน
ในขณะที่พวกเด็กๆกำลังหลับสบาย จู่ๆก็มีคนมาปลุกพวกเด็กๆโดยที่พวกเด็กๆยังงัวเงียอยู่
“นี่เด็กๆ ตื่นเร็ว เงียบๆนะ แล้วก็ห้ามเปิดไฟด้วย” เอ็ดเวิร์ดถือปืนมาบอกเด็กๆ
“เออนี่ แล้วก็รีบไปหยิบปืนมาด่วนเลยนะ” จอห์นพูดเสริม
พวกเด็กๆรีบไปหยิบปืนกันอย่างเร่งด่วน
จากนั้นพวกเขาก็รีบไปคุยกันที่ด้านล่างในทันที
“นี่มันอะไรกันเนี่ย ปลุกมากลางดึกเนี่ยครับ” เอกพูดอย่างอารมณ์เสีย
“ดูเหมือนว่ามีใครจะมาที่นี่หน่ะจ้ะ” เอลิซ่าพูดกับเด็กๆ
ในตอนนั้นเองไผ่รีบไปดูด้านนอก ก็พบว่ามีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งกำลังยืนล้อมโบสถ์พร้อมอาวุธครบมือ
อาซามิรีบไปดูเขาในทันที
“นี่ ไผ่รู้จักพวกมันด้วยเหรอ”
“อ่า พวกนี้แหละครับที่ผมไปขโมยของมันมาหน่ะ”
“นี่สรุปว่าพวกมันตามล่าพี่เหรอเนี่ย” วิคเตอร์พูดอย่างตกใจ
“ถ้าอย่างงั้นเราจะทำยังไงต่อดีหล่ะคะ” ยูกิถามคนในกลุ่ม
“คงต้องไปดูก่อนหน่ะว่าคนของมันมีแค่ไหน ชิต
ไปดูหน่อยสิ” ฮันเตอร์บอกชิต ในตอนนั้นเองชิตก็แอบไปดูพวกที่อยู่ข้างนอกด้วย
จากนั้นเขาก็มาบอกกับคนอื่นๆ
“มีไม่กี่สิบคน อาวุธแค่ปืนสั้น ไม่มีพิษสงอะไรมาก
เหมือนพวกเด็กแว้นหน่ะ” ชิตบอกกับคนในกลุ่ม
“ถ้างั้นเราก็น่าจะจัดการพวกมันได้สินะคะ” มีร์บอกคนในกลุ่ม
“โอเค เราจะเล่นมันแบบนี้นะ
เราจะแบ่งคนไปลอบยิงพวกมันทั้งหน้าและหลังเลย” จินออกความเห็น
“แต่พวกมันจะมีคนดักเล่นงานเราหรือเปล่าหล่ะ” เชนถามคนในกลุ่ม
“เราก็ส่งคนออกไปสำรวจดูสิคะ” รันออกความเห็น
“ภพ นายใช้ปืนเป็นใช่เปล่า งั้นนายคุ้มกันฉันด้วย” วายุพูดกับภพ
“ได้สิ นายก็ระวังตัวด้วยก็แล้วกัน” ภพพูด
“จะเอายังไงก็เอาสิ ฉันอยากสู้แล้วเนี่ย” เซนพูดพร้อมขึ้นลำปืน
“ก็เอาแบบนี้นะ ฉัน จิน ภพ วายุ และคุณปัดไปกับผม
ส่วนนา ไผ่ เชน ฮันเตอร์ ชิต พวกคุณไปอีกทาง เซน คุณเอ็ดเวิร์ด คุณจอห์น
คุณไปลอบยิงพวกมันชั้นบน เผื่อพวกมันหนีมาทางเรา” ชิโระนัดแนะแผนการกับทุกคน
“โอเคค่ะ เดี๋ยวฉันจะจัดการของฉันเอง” ปัดพูดพร้อมขึ้นลำปืน
“โอเคครับ แล้วเจอกันนะจิน” นาพูดกับจิน
“นายก็ระวังตัวด้วยหล่ะ” หลังจากที่ทุกคนนัดแนะแผนการ พวกเขาก็แยกย้ายกันไปประจำที่ในทันที
ที่ด้านนอก
วัยรุ่นกลุ่มที่มาล้อมโบสถ์เอาไว้ก็ตรวจเช็คโบสถ์แถวนั้น
ดูว่ามีความเคลื่อนไหวอะไรหรือเปล่า
“เฮ้ย มึงแน่ใจนะว่าที่นี่”
“แน่ใจสิวะ มึงเชื่อกูดิ”
“เงียบเหงาแบบนี้เนี่ยนะ เขาจะมาอยู่ที่นี่เหรอ”
“อาจจะอยู่ในโบสถ์ก็ได้ กระโดดปีนไปดูมั้ยหล่ะ”
“เออ พวกมึงนำไปก่อนก็แล้วกัน”
พวกมันพยายามจะปีนกำแพงโบสถ์
ส่วนพวกของนาก็ล้อมพวกวัยรุ่นไว้ แต่ทันใดนั้นเอง
“เพล้ง”
เสียงกระจกแตกดังมาจากทางพวกของนา
ซึ่งแมวตัวหนึ่งไปเดินชนแก้วแล้วแก้วหล่นแตก ทำเอาพวกวัยรุ่นตกใจกันหมด
“เฮ้ยอะไรวะ”
พวกนั้นพยายามยิง
แต่พวกของนายิงพวกมันก่อน พวกมันไม่ได้ตั้งรับจึงล้มตายไปมากมาย
คนอื่นๆที่จะปีนข้ามรั้วก็โดนจอห์นและเอ็ดเวิร์ดยิงจนเละ จากนั้นไม่นาน คนอื่นๆที่อยู่ด้านในก็ออกมาดูเหตุการณ์ด้านนอก
พวกของนาก็รีบไปดูศพของพวกมัน แล้วหาผู้รอดชีวิต
จนแล้วจนรอดเขาก็พบคนหนึ่งที่ยังไม่ตาย แต่สภาพของมันใกล้จะตายเต็มที
ในตอนนั้นเองชิตและฮันเตอร์รีบไปสอบสวนมันในทันที
“นี่ แกอยากไปสบายๆมั้ย ฉันมีมอร์ฟีนฉีดให้แกสบาย” ฮันเตอร์พูด
“แต่แกต้องบอกเรา แกมาทำอะไรที่นี่วะ
ตอบมาดีๆนะเว้ย” ชิตพูดขู่มัน
“ฉัน..ฉันมาตามหา” จากนั้นเขาก็ชี้ไปทางไผ่
“พี่แกสั่งให้แกกลับไป” จากนั้นเขาก็ตายโดยที่ยังไม่ทันได้ฉีดมอร์ฟีนเลย
“นี่นาย นายมาทำอะไรที่นี่กันแน่ห่ะ” เซนพยายามจะไปถามไผ่
แต่คนอื่นๆพยายามห้ามเอาไว้ก่อน
“ใจเย็นน่า นี่นาย นายก็ตอบไปสิ
นายมาทำอะไรกันแน่เนี่ย” วิคเตอร์ถามไผ่
“บอกเขาไปเถอะ ที่นี่ไม่มีใครทำอะไรนายหรอกนะไผ่” อาซามิพูดกับเขา
“ก็ได้ ผมเคยอยู่ในแก๊งค์ พี่ชายผมเป็นหัวหน้า
เราปล้นบ้านคนอื่นเพื่อหาเสบียง แต่พวกเขาเริ่มเป็นบ้า ฆ่าคนไม่เลือกหน้า
ผมเลยหาจังหวะหนีออกมาหน่ะ”
“อ้อ แล้วนายก็หาที่หลบมาเรื่อยๆสินะเนี่ย” เอกพูดอย่ากวนๆ
“แต่ว่า ผมเชื่อนะว่าพวกมันคงไม่ได้มีแค่นี้หรอก” ภพพูดอย่างเป็นกังวล
“นั่นสิ พวกมันอาจจะไปเรียกพวกมาที่นี่ก็ได้นะครับ” วายุพูดกับทุกคน
“ถ้างั้นเราจะทำยังไงกันดีหล่ะ จะหนีงั้นเหรอ” มีร์ถามทุกคนในกลุ่ม
“ถ้าหนีตอนนี้คงเหนื่อยตายเลยแหละ ไม่เอาหรอก” ยูกิพูดอย่างเซงๆ
“หรือเธอยากจะตายที่นี่ดีหล่ะครับแหม่” เชนพูด
“พี่ปัด พี่มีความคิดอะไรมั้ยครับ” นาหันไปถามปัด
“ฉันว่านะ เราน่าจะตั้งรับพวกมันก่อน
แล้วให้คนอื่นๆไปเก็บของขึ้นรถยังไงหล่ะ” ปัดออกความเห็น
“ถ้าอย่างงั้นฉันกับเอ็ดเวิร์ดจะไปเติมน้ำมันรถก่อนนะ” จอห์นรีบวิ่งเข้าไปด้านใน
“เออนี่ เดี๋ยวฉันจะพยายามไปช่วยแล้วกันนะ” เอ็ดเวิร์ดวิ่งตามจอห์นไป
“โอเคนะทุกคน ใครที่ใช้ปืนไม่เก่งไปเก็บของ
คนที่สู้ได้ก็ตั้งรับพวกมันไว้” ชิโระนัดแนะแผนการ
“เดี๋ยวหนูจะสกัดพวกมันไว้เองค่ะ” จินวิ่งขึ้นไปชั้นสองเพื่อใช้สไนเปอร์ของเธอเตรียมส่องข้าศึก
และคนอื่นๆก็รีบไปเก็บของในบ้านทันที พวกเขารีบเก็บเสบียงขึ้นรถอย่างเร่งด่วน
ท่ามกลางความตกใจของเอลิซ่าและรันที่อยู่ด้านใน
“นี่มันเกิดอะไรกันหล่ะเนี่ย” เอลิซ่าถามอย่างตกใจ
“พวกมันกำลังจะมาที่นี่ เราต้องรีบหนีครับผม” นาไปบอกแม่ชีและรัน
“ตายแล้ว ถ้างั้นฉันจะพาออโรร่าไปด้วยนะ” ในตอนนั้นเอง
ออโรร่าก็ตื่นขึ้นมาในสภาพที่งัวเงียสุดขีด เธอไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหน
“พี่รันคะ หนูหลับไปนานแค่ไหนเนี่ยคะ” รันเห็นออโรร่าก็ดีใจมาก เข้าไปโผกอดเธอในทันที
“เธอปลอดภัยแล้วนะจ๊ะ”
ในขณะที่คนอื่นๆก็กำลังวุ่นอยู่กับการเก็บของเพื่อขึ้นรถ
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงมอไซค์หลายคันมาจอดหน้าโบสถ์
ในตอนนั้นเองเองจินยิงเตือนไปหนึ่งนัด ทำเอาพวกมันต้องถอยกลับออกไป
“นัดต่อไปที่หัวพวกแก รีบออกไปซะ” ปัดตะโกนบอกพวกมัน
“ไผ่ ฉันรู้นะว่าแกอยู่ที่นี่
ออกมาคุยกับแบบลูกผู้ชายดีกว่า แล้วฉันจะไม่ทำอะไรคนของแก” ชายคนหนึ่งในชุดแจ๊คเก๊ตหนังในกลุ่มลงจากรถมอไซค์
แล้วเดินมาที่หน้าโบสถ์
“ผมต้องจะลองไปคุยกับเขา ผมรู้จักเขา” ไผ่เดินออกไปโดยที่อาซามิพยายามจะห้าม
แต่วิคเตอร์ห้ามอาซามิอีกที
“เอาน่า เขาเป็นพี่น้องกัน คงไม่ทำอะไรรุนแรงหรอก” วิคเตอร์พยายามพูดกับอาซามิ
“แต่ฉันเป็นห่วงเขานี่ ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นไง”
ไผ่เดินออกไปหน้าโบสถ์
โดยไปเจอกับชายคนนั้น
“หวัดดีไผ่ ขอบใจที่ยังจำพี่ได้”
“เราไม่มีอะไรเกี่ยวกันแล้ว”
“ไม่เอาน่า ฉันทำก็เพื่อพวกของเรา
ยังไงซะเด็กที่ฉันฆ่าก็ไม่ใช่ญาตินายนี่”
“พี่มันไม่ใช่คนแล้ว”
“ก็ทำไงได้หล่ะ
นายก็รู้นี่ว่าตอนนี้ไม่ฆ่าก็โดนฆ่า”
“จะให้ฉันกลับไปจับคนมาทรมานอีกงั้นเหรอ
ไม่เอาหรอกหว่ะ”
“ถ้าแกไปกับฉันซะดีๆ ฉันจะไม่เผาที่นี่
พวกแกได้ยินมั้ย ถ้าแกปล่อยเขามา ฉันจะปล่อยพวกแกไป” เขาตะโกนใส่ทุกคน แต่จู่ๆก็มีคนยิงสวนมาเกือบโดนเขา เขาได้แต่กัดฟันในใจ
“พี่ทำบาปมามากแล้ว หยุดซะเถอะ”
“ถ้าแกคิดว่าจะหยุดฉันได้ ก็ลองดูสิ”
พวกนั้นบุกเข้ามาในโบสถ์ทันที
ไผ่วิ่งกลับเข้าไป โดยที่พวกของนาได้ยิงสกัดพวกมันเอาไว้
พวกนั้นพยายามปาระเบิดเพลิงเพื่อเผาโบสถ์ แต่ก็โดนยิงสกัดเอาไว้ไม่ให้บุกเข้ามา
“ชิต ฮันเตอร์ มันกำลังมาทางซ้าย ไปสกัดมันที” ชิโระสั่งชิตและฮันเตอร์ไปยิงสกัดทางซ้าย
ซึ่งพวกนั้นกำลังปีนรั้วมา
“เฮ้ยชิต ใช้กล้อง Night vision ด้วยนะ”
“เออ รู้แล้ว ก่อนนนายสั่งอีกหว่ะ” พวกเขายิงสกัดพวกมันที่บุกมา
แต่พวกมันมีเบอะกว่าเลยเข้าประชิดโบสถ์ได้ แล้วเริ่มเผาโบสถ์ทางด้านซ้าย
ทำเอาชิตและฮันเตอร์ต้องถอยออกมา โดยที่วายุและภพไปช่วยทั้งคู่ด้วย
“พี่ รีบไปจากที่นี่ก่อน ไม่งั้นตายแน่” วายุพูดแล้วยิงพวกมัน
“โบสถ์กำลังโดนเผา เราต้องไปเตือนคนอื่นแล้ว” ภพรีบวิ่งกลับเข้าไปบอกทุกคนที่อยู่ด้านใน
ในขณะเดียวกัน ปัดเห็นพวกมันกำลังมาทางขวา ซึ่งเป็นจุดที่รถจอดอยู่
ถ้าพวกมันมาได้พวกเขาได้หมดทางหนีแน่ ปัดเลยวิ่งไปยิงกกับพวกมัน
โดยมีนาและคนอื่นๆไปช่วยยิงด้วย
“พี่ปัด
เราต้องป้องกันรถเราจนกว่าจะเติมน้ำมันเสร็จนะพี่” นาตะโกนบอกปัด
“ฉันรู้น่า ตอนนี้ต้องรีบกันหน่อยหล่ะ” ปัดยิงปืนพกสกัดพวกมัน
และคนอื่นๆก็รีบวิ่งไปช่วยปัดเพื่อคุ้มกันรถ
ไม่ให้พวกมันมาทำอันตรายกับรถของพวกเขา
“ตอนนี้โบสถ์ด้านซ้ายโดนเผาแล้ว ต้องรีบแล้วหล่ะ” เอกตะโกนบอก
“แล้วคนที่ไปเก็บของนี่หายไปไหนกันหมดหล่ะเนี่ย” เชนพูดอย่างเซงๆ
แต่ในขณะเดียวกันพวกผู้หญิงที่ช่วยกันขนของก็เอาของขึ้นรถบรรทุกกันอย่างทุลักทุเล
“เอาไปแค่นี้ก็พอแล้วมั้งคะเนี่ยตอนนี้” วิคเตอร์พูดแล้วปาดเหงื่อ
“เดี๋ยวก่อนสิ
เรายังมีแป้งขนมปังแล้วก็น้ำสะอาดที่เหลืออีกนะ” เอลิซ่าพูดแล้ววิ่งไปด้านใน
“อาซามิ เธออยู่ที่นี่แหละ พี่กับยูกิจะไปดูเอง” ในตอนนั้นเองพวกมันพยายามยิงใส่รถบรรทุก
ทำเอาพวกผู้หญิงต้องหาที่หลบ
“ไม่มีเวลาแล้ว พวกเธออยู่ในรถก่อน เดี๋ยวฉันมานะ” ยูกิวิ่งไปด้านในกับมีร์
“วิคเตอร์ ช่วยคุ้มกันเสบียงพวกนี้ด้วยนะ” อาซามิพูดด้วยความเป็นห่วง
และในตอนนั้นเองไผ่ก็ช่วยพวกผู้หญิงด้านในขนของออกมา รันและออโรร่าก็ช่วยมาบางส่วน
มีของที่จำเป็นมากมายที่เขาพอจะเพิ่งพาได้ติดรถมาด้วย
“นี่ อาซามิ เธอไม่เป็นไรนะ” ไผ่รีบไปดูอาการของอาซามิ
“ว่าแต่พวกของเอลิซ่าหายไปไหนกันหล่ะเนี่ย” รันถามอย่างสงสัย และในตอนนั้นเอง
พวกของเอลิซ่าก็ขนแป้งและน้ำสะอาดมากมายมาที่รถ
“น้ารันคะ พวกเขามาแล้วค่ะ”
พวกของรันช่วยกันขนแป้งไปขึ้นรถ
ในตอนนั้นเองเซนก็รีบวิ่งขึ้นไปเอาวิทยุของตัวเอง
เธอเห็นจินกำลังยิงสกัดพวกมันอยู่เลยรีบไปบอกให้จินถอนกำลัง
“จิน เราต้องไปกันแล้ว เร็ว”
“เธอไปก่อนเลย ฉันมีวิธีไปของฉัน”
เซนรีบวิ่งลงไปชั้นล่าง
ในขณะที่ไฟกำลังลามไปที่ห้องที่จินอยู่ จินเห็นท่าไม่ดีจึงเก็บของไว้กับตัว
แล้วรูดเชือกลงไปด้านล่าง แล้วไปรวมกำลังกับคนอื่นๆที่รถ
ในตอนนั้นเอ็ดเวิร์ดและจอห์นก็เติมน้ำมันเสร็จแล้ว พวกเขาก็รีบขึ้นรถกันในทันที
จินที่นั่งรถคันหน้าก็สตาร์ทรถแล้วฝ่าพวกนั้นไปในทันที พวกเขาออกไปได้อย่างหวุดหวิด
ท่ามกลางพวกมันที่นอนตายกันมากมาย บางส่วนก็บาดเจ็บ
หลังจากนั้นไม่นานก็มีรถคันหนึ่งมาจอดด้านหน้า แล้วเดินเข้ามาในโบสถ์
พวกแก๊งค์ที่เหลือพยายามจะไปจัดการเขาแต่ก็โดนเขาเล่นงานจนยับ
แล้วเขาก็มองไปที่โบสถ์ที่กำลังโดนไฟไหม้ แล้วหยิบวิทยุสื่อสารขนาดเล็กขึ้นมา
“ไฟไหม้พื้นที่เป้าหมาย
แต่คาดว่าผู้รอดชีวิตหนีไปได้”
“ถ้างั้นรีบตามพวกเขาไปแบท”
แบทกลับไปขึ้นรถในทันที
แล้วขับออกติดตามพวกของนา ส่วนพี่ชายของไผ่ที่ยังไม่ตาย ก็รวบรวมคนตามไปเหมือนกัน
====================================================================
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ
ความคิดเห็น