ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Descendant War - สมรภูมิปิตุฆาต

    ลำดับตอนที่ #34 : ตอนที่ 29 : สงครามครั้งสุดท้าย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 48
      3
      22 ก.พ. 62

    หลังจากที่นอร์ดิกเรียกทุกคนมาประชุมกันถึงเรื่องแผนการรบ เมื่อทุกคนที่เกี่ยวข้องมารวมตัวกันแล้ว นอร์ดิกก็เริ่มจัดวางแผนการรบในทันที เพื่อป้องกันศึกใหญ่ที่กำลังจะมาถึง

    นอร์ดิก : เอาหล่ะ ตอนนี้คนของเราที่มี ประมาณสามแสน ส่วนข้าศึก มีถึงหกแสน พร้อมกองเรืออังกฤษและฝรั่งเศสอีก

    เซนจา : เราไม่มีทางจะกระจายกำลังไปทุกที่ เราต้องตั้งรับในเขตรูดิวและโซราบอลเท่านั้น

    ไซโซ : แต่แคว้นบาส์กก็สำคัญนะ พวกมันอาจใช้พื้นที่ตรงนี้ในการยกพลขึ้นบกก็ได้

    เคจา : แล้วอีกอย่าง เราไม่มีทัพเรือที่มากพอจะรบกับข้าศึกนะ

    นอร์ดิก : ถ้าอย่างงั้น คงต้องแบ่งกำลังแล้วป้องกันทางบกเท่านั้น ฟีนด์ บูล อาร์เทมิส พวกคุณสามคนวางกำลังป้องกันที่รูดิว

    ฟีนด์ : รับทราบครับ เราจะใช้รูดิวเป็นป้อมปราการเพื่อป้องกันครับ

    บูล : แต่เรามีเวลา 10 วันเต็มที่ในการสร้างแนวป้องกันนะ คงต้องเร่งมือหล่ะ

    อาร์เทมิส : ถ้าอย่างงั้น ฉันจะให้คนของฉันรีบจัดการเดี๋ยวนี้เลย

    นอร์ดิก : ไซโซ เคจา สการ์เล็ต สกายและอาร์มเมอร์ พวกคุณนำกำลังแสนนายไปตั้งป้อมเพื่อป้องกันที่แคว้นบาส์กนะครับ

    สกาย : ครับผม ผมจะจัดการเรื่องนี้เองครับ

    อาร์มเมอร์ : ทางผมคงต้องขอปืนใหญ่จากพวกคุณเยอะหน่อยหล่ะครับ

    สการ์เล็ต : เท่าที่ดูแล้ว ฉันขอแค่ 50 กระบอกก็พอค่ะ

    นอร์ดิก : ส่วนผมและคนที่เหลือ จะอยู่ตั้งรับในเขตโซราบอล คุณอาร์เทอร์ คูเปอร์ จัดให้ชาวบ้านทุกคนอยู่ในแนวกำแพงของเรานะครับ แล้วถ้าหน่วยไหนเพลี่ยงพล้ำ ให้ถอยกลับมาโซราบอลทันที

    อาร์เทอร์ : ได้ครับ ผมจะจัดการพวกมันเองครับ

    คูเปอร์ : ปัญหาของเราคือกองเรือนี่แหละครับที่มีปัญหา

    นอร์ดิก : เราถึงได้เปลี่ยนการโจมตีเป็นทางบกยังไงหล่ะครับ

     

    ทางด้านพวกผู้หญิงและคนอื่นๆที่อยู่ด้านนอก พวกเขาให้การต้อนรับครอบครัวของดราโก้และคนอื่นๆเป็นอย่างดี เนื่องจากว่าพวกเขาเป็นแขกคนสำคัญของบ้าน

    มาร์ธ่า : ยังไงก็ทำตัวตามสบายนะคะ คิดซะว่าเป็นบ้านคุณเถอะค่ะ

    ดราโก้ : ขอบคุณมากๆนะครับที่เอื้อเฟื้อพวกเราหน่ะ

    อาร่า : ว่าแต่ พวกเขาประชุมกันนานจังเลยนะคะ

    ซาร่า : ก็คงจะเป็นเรื่องวางแผนการรบหน่ะค่ะ

    และในตอนนั้นเอง นายพลเนโรก็เดินมาพร้อมกับซิลเวียร์ที่พยุงเขามาด้วย ในตอนนั้นเองนายพลเนโรก็เริ่มจะเดินได้เองแล้ว คนในครอบครัวดีใจกันมากๆที่ได้รู้

    มาร์ธ่า : เดินได้แล้วอย่างงั้นเหรอลูก

    เนโร : ครับแม่ ตอนนี้ผมเดินได้แล้วครับ ผมไม่เป็นไรแล้ว

    ซิลเวียร์ : ตอนนี้ท่านนายพลฟื้นตัวเร็วมากเลยค่ะ

    เมเทอร์ : นั่นนายพลเนโรตัวจริงเสียจริงนี่ เธอว่า...

    เฟรย์อา : เอาน่า เขาไม่ใช่ศัตรูของเราอีกแล้วหล่ะ

    เนม่า : คุณน่าจะไปเยี่ยมพ่อเตเวียสหน่อยนะคะ

    เนโร : แน่นอน ถ้าฉันมีโอกาสฉันจะไปหาเขาเอง

    คาเนส : แต่เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว ท่านเตเวียสคงไม่คิดอะไรแล้วหล่ะ

    คาลิมบ่า : เฮ้อ กว่าเราจะรอดมาได้นี่ก็เกือบตายเหมือนกันนะ

    มาร์ธิว : จริงด้วย ป่านนี้เอลิซ่าจะเป็นยังไงบ้างหล่ะเนี่ย

    เอ็น : ใช่ เพื่อนผมก็ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้างตอนนี้

    อาเรีย : ใจเย็นๆก่อนนะ เขาอาจจะรอดก็ได้

    เลออน : แต่ผมอยากจะรู้นะ ว่าใครมันทรยศองค์กรเราหน่ะ

    แมทธิว : เป็นใครก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมว่าโซรอนต้องมีเอี่ยวเรื่องนี้แน่ๆ

    อาเรียส : นั่นสิคะ ต้องเป็นคนนอกที่ซื้อตัวคนในแน่ๆ

    โคน่า : เรามีเวลาสิบวันที่จะเตรียมการป้องกันนะคะ เท่าที่ทราบ

    อราช : ระหว่างนี้ ผมจะออกไปตัดกำลังพวกมัน ผมน่าจะตัดกำลังมันได้มากพอหน่ะ

    โอลลี่ : อราช ถ้าเธอจะไป ฉันขอไปกับเธอด้วย

    มาร์ธิว : ก็ได้ ยังไงพวกคุณสองคนก็ระวังตัวด้วยนะ

    อราช : ได้ครับ แล้วผมจะรีบกลับมา

    โอลลี่ : งั้นฉันจะไปเตรียมคนของฉันก่อนดีกว่านะ

    เมเทอร์ : ความจริงฉันไม่ค่อยอยากให้พวกเธอไปหรอก แต่ยังไงก็โชคดีนะ

    ซอล : เฮ้อ ไม่อยากจะเชื่อเลย เป็นประธานาธิบดีครั้งแรกก็ต้องเจออะไรแบบนี้

    เฟรย์อา : อย่ากังวลไปเลยนะคะ เราจะต้องผ่านมันไปได้แน่

    ซอล : นั่นสิครับ ยังไงผมก็ต้องสู้เพื่อประเทศใหม่นี้ครับ

    เอ็น : อราช โอลลี่ ยังไงก็ฝากตามหาเพื่อนฉันกับเอลิซ่าด้วยนะ

    อาเรีย : ใช่ ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกเขาจะเป็นตายร้ายดียังบ้างเนี่ย

    ดราโก้ : เฮ้อ แผ่นดินนี้มันต้องคำสาปอะไรกันหล่ะเนี่ย

    อาร่า : ความโลภของคนมันไม่มีที่สิ้นสุดยังไงหล่ะคะ

    แมทธิว : ผมว่า ผมจะขอไปร่วมทัพกับคุณนอร์ดิกด้วย

    เลออน : ใช่ พวกเราก็สู้เป็นเหมือนกัน ไม่ยอมให้พวกมันทำเราฝ่ายเดียวหรอก

    มาร์ธิว : พี่ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน

    โคน่า : ถ้าอย่างงั้น พวกคุณต้องระวังตัวด้วยนะคะ

    อาเรียส : ใช่ๆ พวกเราไม่อยากจะเป็นม่ายตอนนี้นะ

    มาร์ธ่า : แม่เชื่อว่าเซนจากับนอร์ดิกต้องช่วยเราได้แน่

    ซิลเวียร์ : จริงด้วยค่ะ ยังไงศึกนี้เราต้องชนะค่ะ

    คาลิมบ่า : ก็คงจะเป็นแบบนั้นหล่ะ ฉันขอไปกินน้ำก่อนนะ

     

    ในป่าชายแดนมอร็อค หลังจากที่นิโคลัสพาเอลิซ่าหนีเข้ามาในป่า เขาแบกเธอเพื่อหาที่หลบภัยให้ ในตอนนั้นเขาพกผ้าทำแผลมาปิดแผลของเอลิซ่าเอาไว้ จากนั้นก็แบกเธอไปเรื่อยๆ

    นิโคลัส : คุณเอลิซ่า ไปไหวหรือเปล่าครับ

    เอลิซ่า : พอไหวค่ะ คุณจะพาฉันไปไหนคะ

    นิโคลัส : ผมจะพาคุณไปที่ชายแดนรูดิวหน่ะ ที่นั่นเราจะปลอดภัย

    เอลิซ่า : ถ้างั้นเราคงต้องรีบกันหน่อยนะคะ

    พวกเขาทั้งคู่รีบเดินทางมาเรื่อยๆ ส่วนเอลิซ่าก็หมดเรี่ยวแรงเต็มที นิโคลัสต้องคอยแบกเธอเดินต่อไปเรื่อยๆ

    เอลิซ่า : ขอบคุณมากๆนะคะที่ช่วยฉัน

    นิโคลัส : อย่าเพิ่งขอบคุณเลย เอาตัวรอดไปจากที่นี่ก่อนดีกว่า

    เอลิซ่า : ยังไงฉันก็ขอขอบคุณจริงๆนะคะ

    นิโคลัส : ช่างมันก่อนเถอะครับ ตอนนี้เราไปกันก่อนครับ

    แต่ในตอนนั้นเอง เอลิซ่าก็เริ่มเดินไม่ไหวแล้ว นิโคลัสจึงอุ้มเอลิซ่าแล้ววิ่งไปตามทางเรื่อยๆ จนกระทั่งมีทหารกลุ่มหนึ่งมาตรวจเจอพวกเขาทหารรูดิวพร้อมอาวุธมาล้อมพวกเขา

    นิโคลัส : ใครก็ได้ช่วยผมที

    ในตอนนั้นเองทหารรูดิวก็พาร่างของเอลิซ่าไปรักษาที่โรงพยาบาลฉุกเฉิน โดยที่นิโคลัสคอยเฝ้าเธออยู่ไม่ห่าง โดยที่ไม่ยอมไปไหนเลย จากนั้นไม่นาน หมอก็เดินออกมาจากเต้นท์รักษาชั่วคราว

    นิโคลัส : หมอครับ เธอเป็นยังไงบ้างครับ

    หมอ : ปลอดภัยแล้วหล่ะ แต่ตอนนี้ยังเยี่ยมไม่ได้นะ รอให้เธอฟื้นก่อน

    นิโคลัส : ขอบคุณมากครับหมอ ถ้าหมอช่วยเธอได้ ผมจ่ายหมอไม่อั้นเลยครับ

    หมอ : ใจเย็นๆน่าคุณ ความจริงมันอยู่ที่เธอว่าจะฟื้นตัวเร็วแค่ไหนหล่ะ

     

    และอีกด้านหนึ่งของคฤหาสน์ของเอลิซ่า ในตอนนั้นเองพอลลี่ก็แบกร่างของเอเทอร์ไปฝังอยู่ในบ้าน ระหว่างนั้นเองเธอก็ร้องไห้ไปด้วย เนื่องจากที่รักของเธอถูกยิงตายต่อหน้า แต่เธอทำอะไรไม่ได้ หลังจากที่เธอฝังร่างของเอเทอร์เสร็จ เธอก็หยิบปืนของเธอพร้อมกระสุนเต็มอัตราศึกเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแก้แค้นของเธอ

    เอเทอร์ เธอจะไม่ตายเปล่า ฉันจะตามล่าคนที่ทำกับเธอแบบนี้

    พอลลี่ขี่ม้าตามรอยพวกที่มาบุกบ้านของเอลิซ่า เพื่อตามสืบดูว่าพวกมันเป็นใคร

     

    ณ ชายแดนโซราบอล โรส แพทและเมดก็กำลังเดินทางมาด้วยรถม้าชั้นดี พวกเธอสามคนรีบมาโซราบอลเนื่องจากอยากจะไปเจอกับบรรดาสามีของพวกเธอ ระหว่างนั้นเองพวกเธอก็คุยกันในรถม้าไปด้วยเพื่อแก้เบื่อ

    โรส : นี่ พวกเธอว่าสงครามครั้งนี้จะเป็นยังไงนะ

    แพท : ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่มันน่าจะหนักกว่าที่ผ่านมาแน่นอน

    เมด : ฉันชักเป็นห่วงสกายซะแล้วสิ

    โรส : ไม่ต้องห่วงหรอก เขาอยู่กับมืออาชีพแล้วนะ

    เมด : แต่ฉันก็ยังห่วงอยู่ดีนี่หน่า คนรักของฉันทั้งทีนะ

    แพท : แหม่ อาร์มเมอร์ของฉันก็เหมือนกันหล่ะน่า

    โรส : ไม่รู้ว่าป่านนี้ไซโซจะเป็นยังไงบ้างนะ

    เมด : เธอก็เป็นห่วงสามีใหม่ของเธออย่างงั้นเหรอ

    แพท : ถ้างั้นเราก็คงศีลเสมอกันแหละนะ

    โรส : อยากไปเจอกับพวกเขาเร็วๆจังเลยนะ

     

    กลับมายังบ้านของนอร์ดิก หลังจากที่พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับการวางกำลังพลเพื่อรับมือข้าศึก ในตอนนั้นเองเนโรและครอบครัวของเขาก็เข้ามาในห้องเพื่อดูนอร์ดิกว่าเขาเป็นยังไงบ้าง

    เนโร : นอร์ดิก เป็นยังไงบ้างลูก

    นอร์ดิก : ผมไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่ อาการพ่อดีขึ้นแล้วเหรอครับ

    เนโร : นี่ลูกเรียกพ่อว่าพ่อแล้วเหรอลูก // นอร์ดิกเข้าไปกอดนายพลเนโรในทันที

    นอร์ดิก : ความจริง ผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อแล้วครับ

    มาร์ธ่า : ใจเย็นๆนะ ย่าเชื่อว่ามันต้องมีทางออก

    ซาร่า : เซนจา เธอว่างานนี้เราจะต้านได้นานแค่ไหนหล่ะ

    เซนจา : เท่าที่ดูกำลังทางบกก็พอจะสู้ได้ แต่ทางเรือคงไม่ไหวค่ะ

    ซิลเวียร์ : แล้วแบบนี้เราจะไม่มีทางชนะเลยเหรอคะ

    เนโร : ผมว่านะ เราควรตั้งรับพวกมันทางบก เพราะกองเรือของพวกมันทำลายที่นี่ไม่หมดหรอก

    นอร์ดิก : ปัญหาก็คือ เราคงไม่มีปืนใหญ่พอจะยิงเรือพวกมันได้หน่ะครับ

    เนโร : เราไม่จำเป็นต้องยิงเรือของมันหรอก ไม่ว่ายังไงมันก็ต้องยกพลขึ้นบกอยู่ดี

    นอร์ดิก : จริงด้วย ถ้างั้นเราคงต้องวางกำลังดักพวกมันไว้ทางบกเป็นหลัก ส่วนทางน้ำ รอให้พวกมันหมดความอดทนแล้วบุกขึ้นมา เราก็จะโจมตีมันทันทีเลยครับ

    เซนจา : ฉลาดมากนอร์ดิก งานนี้ฉันจะช่วยจัดการให้เองนะ

    ในขณะเดียวกัน มีเด็กชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้อง เด็กคนนั้นคือแดเนียลลูกเลี้ยงของเซนจานั่นเอง

    เซนจา : แดเนียล ลูกมาที่นี่ได้ยังไงหล่ะเนี่ย

    แดเนียล : คนของแม่พาผมมาที่นี่หน่ะครับ ตอนนี้มอร็อควุ่นวายใหญ่แล้วครับแม่ มีแต่คนยิงกันเต็มไปหมดเลย

    เซนจา : ไม่ต้องกลัวนะลูก ทุกอย่างมันจะต้องเรียบร้อย

     

    กลับมายังเมืองหลวงของโซราบอล เอ็ดเวิร์ดนั่งดื่มอยู่ในร้านเหล้าแห่งหนึ่ง เขานึกถึงแต่เรื่องเก่าๆที่แม่ของบอก ว่าเขาคือองค์รัชทายาท แต่ว่าตอนนี้เขามันแค่เจ้าชายไร้บังลังค์ ทั้งหมดเป็นเพราะโซรอนที่ฆ่าพ่อของเขา เอ็ดเวิร์ดดื่มไปอีกแก้วจากนั้นก็เดินออกจากร้านไป แต่ลุงคนนั้นยังคงรอเอ็ดเวิร์ดอยู่ที่หน้าร้าน

    องค์ชาย กระหม่อมมีเรื่องถามพะยะค่ะ

    เอ็ดเวิร์ด : พูดกับผมแบบปกติก็ได้ครับ ผมไม่ใช่กษัตริย์แล้ว

    ว่าแต่ ท่านจะเอายังไงต่อไปครับ

    เอ็ดเวิร์ด : ผมจะตามฆ่าโซรอนให้ได้ครับ

    แล้วท่านจะกลับคืนบังลังค์หรือเปล่าครับ

    เอ็ดเวิร์ด : มันหมดเวลาของยุคกษัตริย์แล้วหล่ะครับ

    ท่านจะไม่ทวงสิทธิ์ของท่านคืนมาเหรอครับ

    เอ็ดเวิร์ด : ผมคงไม่มีสิทธิ์จะปกครองคนนับล้านหรอก แต่ผมมีสิทธิ์ล้างแค้นได้ ใช่หรือเปล่าครับลุง // จากนั้นเองเอ็ดเวิร์ดก็เดินออกไปด้านนอก ปล่อยให้ลุงคนนั้นมองเขาตาปริบๆ

     

    กลับมายังบ้านพักของโซรอนและอเล็กซ์สกี้ ในระหว่างที่พวกเขากำลังนั่งดื่มเหล้ากันอยู่ ในตอนนั้นพอลลี่ก็แอบลอบฆ่ายามที่อยู่หน้าบ้าน และอีกด้านหนึ่งอราชและโอลลี่ก็มาสืบความเคลื่อนไหวของพวกโซรอนด้วย ทพวกเขาดันมาเจอกันโดยบังเอิญ

    โอลลี่ : คุณพอลลี่ มาที่นี่ได้ยังไงคะ

    พอลลี่ : ฉันตามรอยคนที่มันฆ่าเอเทอร์มาหน่ะ

    อราช : คุณเอเทอร์ตายแล้วเหรอครับ

    พอลลี่ : ใช่ ฉันมาที่นี่เพื่อฆ่าทุกคนในบ้านหน่ะ

    และอีกด้านหนึ่ง เจ้าเหวินกับพรรคพวกก็บุกเข้ามาเหมือนกัน พวกนั้นฆ่ายามทุกคนที่เขาเจอหน้า จากนั้นก็นำคนมาล้อมบ้านไว้

    เจ้าเหวิน : ทุกคน ฆ่าทุกคนในบ้านให้หมด จับตัวอี้ชิงมาให้ฉัน

    คนของเจ้าเหวินบุกเข้าไปในบ้านของโซรอน ในตอนนั้นเองพอลลี่ก็แปลกใจมากที่เจอแบบนี้

    อราช : นั่นมันพวกไหนกันหล่ะครับเนี่ย

    โอลลี่ : ท่าทางพวกนั้นคงจะมีศัตรูเยอะนะ

    พอลลี่ : ไม่ต้องสนใจพวกมันหรอก ตามฆ่าพวกมันที่อยู่ในบ้านดีกว่า

    พวกเขายิงปะทะกันเสียงดังสนั่นหวั่นไหว โซรอนและอเล็กซ์สกี้รีบวิ่งลงมาด้านล่างเพื่อเตรียมอาวุธสู้กับคนที่บุกบ้านของเขา

    โซรอน : พวกมันเป็นใครกัน ถึงกล้ามาบ้านฉัน

    อเล็กซ์สกี้ : พวกนั้นมันคนจีนนี่หน่า มันจะมาทำไมกัน // อี้ชิงตกใจมากในตอนนั้น จึงแกล้งพูดไป

    อี้ชิง : สงสัยมันคงจะมาปล้นเราหน่ะค่ะ

    นอสต้าร์ : แล้วนี่จะให้เราหนีหรือเปล่าครับ หรือยังไง

    อเล็กซ์สกี้ : ส่งข้อความไปหาอันเต้ บอกให้รีบมาที่นี่ด่วนเลย

    หลังจากที่มีการยิงปะทะกัน พวกของเจ้าเหวินก็บุกเข้ามาในบ้าน แล้วยิงปะทะกับลูกน้องของอเล็กซ์สกี้ด้านใน จากนั้นเจ้าเหวินก็ตะโกนออกไปทันที

    เจ้าเหวิน : เฮ้ย ฉันต้องการแค่อี้ชิงคนเดียว คนอื่นไม่เกี่ยว

    วิเวียน : อี้ชิง ทำไมมันต้องมาตามล่าเธอด้วยหล่ะ

    อี้ชิง : ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน

    เจ้าเหวิน : จะส่งตัวมันมาให้ฉันดีๆมั้ยคุณอเล็กซ์สกี้

    อเล็กซ์สกี้ : ใจเย็นๆก่อน แกอยากได้อะไรก็บอกมาสิ

    ในตอนนั้นเอง อี้ชิงหยิบปืนมายิงเข้าที่หน้าอกของเจ้าเหวิน เจ้าเหวินพยายามประคองตัวเอาไว้

    เจ้าเหวิน : อีแพทศยา มึงตาย // แต่ในตอนนั้นโซรอนก็ยิงเจ้าเหวินเสียก่อน ทำเอาเจ้าเหวินตายคาที่ จากนั้นเองพอลลี่และคนอื่นๆก็เป็นฝ่ายมาตามล่าโซรอนแทน พอลลี่บุกขึ้นไปชั้นสองพยายามจะฆ่าโซรอนให้ได้ แต่ระหว่างที่กำลังไล่ล่ากัน ด้านนอกก็มีทหารนำกำลังเข้ามา

    โซรอน : มันจบแล้ว คนของฉันมาช่วยแล้ว

    พอลลี่ : ไม่จบถ้าฉันฆ่าแกไม่ได้ต่างหาก // พอลลี่บุกเข้าไปยิงโซรอน แต่อเล็กซ์สกี้ก็ยิงใส่พอลลี่ แต่อราชเอาตัวมาขวางเอาไว้ก่อน

    โอลลี่ : อราช ทำใจดีๆไว้นะ // โอลลี่มาดูอาการเขาจากนั้นก็ยิงสกัดพวกมันเอาไว้ ในตอนนั้นเองอี้ชิงก็ถือปืนออกมาจะยิงโอลลี่ แต่พอลลี่ยิงอี้ชิงเข้าที่กลางอกซะก่อน

    พอลลี่ : ฉันจะพาเธอหนีไปเอง // พอลลี่โดนยิงเข้าที่ขา โอลลี่พยายามจะช่วยทั้งสองคนออกไป แต่ในตอนนั้นเองนอสต้าร์ก็ยิงโอลลี่จนตายคาที่ จากนั้นมันก็ไปดูพอลลี่ที่กำลังบาดเจ็บ

    พอลลี่ : แกตายซะเถอะ // พอลลี่รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายหยิบมีดพกแทงโซรอน แต่มีดเฉี่ยวใบหน้าของเขา โซรอนทนไม่ไหวจึงยิงพอลลี่จะกระสุนหมดแม็ก พอลลี่ตายสนิท ส่วนอันเต้ที่นำทหารเข้ามาช่วยก็เดินเข้ามาในบ้านของโซรอนในทันที

    อันเต้ : สวัสดีอเล็กซ์สกี้ สบายดีนะ

    อเล็กซ์สกี้ : กว่าจะมาได้นะ ฉันเกือบตายแล้วนะรู้มั้ย

    อันเต้ : โธ่ ผมมาสายแค่ไม่กี่นาทีเอง

    โซรอน : พวกมันเป็นใครกันถึงจะมาฆ่าฉัน

    นอสต้าร์ : ผมว่า ต้องเป็นคนของไอ้นอร์ดิกแน่ๆ

    โซรอน : ไอ้นอร์ดิกอีกแล้วเหรอ คอยดูเถอะ เปิดศึกเมื่อไหร่ ฉันจะเผาบ้านมันให้สิ้นซากเลย

     

    กลับมายังสถานทูตรัสเซีย ในตอนนั้นเองแอนตาร์กติกและโทมารอฟได้ยื่นหนังสือประท้วงไปยังมอสโควและเบอร์ลิน พวกเขาระงับการประกาศสงครามกับนอลโวร่าก่อน ซึ่งถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับพวกเขา ในตอนนั้นเองแอนตาร์กติกและโทมารอฟก็มาหารือกันว่าจะทำอย่างไรกันต่อ ทั้งคู่นัดเจอกันในสถานทูตรัสเซียที่มีกำลังคุ้มกันอย่างแน่นหนา

    แอนตาร์กติก : เออนี่ แล้วเรื่องนี้เราจะเอายังไงต่อหล่ะ

    โทมารอฟ : อเล็กซ์สกี้ ทั้งหมดมันอยู่เบื้องหลัง

    แอนตาร์กติก : ถ้าเยอรมันจับตัวได้ มันโดนประหารแน่ๆ

    โทมารอฟ : ฉันคงจะได้ฆ่ามันก่อนหล่ะ

    และในระหว่างนั้นเอง ลูกน้องของโทมารอฟก็มารายงานข่าวให้กับเขาได้ฟัง

    ท่านครับ มีข่าวมาว่านายพลอันเต้มาที่นอลโวร่าด้วยครับ

    โทมารอฟ : อันเต้ ฉันว่าแล้วไม่มีผิดมันต้องมา

    แอนตาร์กติก : เดี๋ยว มันเป็นใครกันหล่ะ

    โทมารอฟ : มันเป็นไอ้เซิร์บตัวแสบ มันคงทำงานกับอเล็กซ์สกี้มานาน

    แอนตาร์กติก : พวกมันคงจะยุให้มหาอำนาจมาโจมตีที่นี่หน่ะ

    โทมารอฟ : นี่ แอนตาร์กติก เธอพอจะมีกองเรือเหลืออยู่หรือเปล่า

    แอนตาร์กติก : ฉันส่งข้อความให้พวกเขามาได้ แต่มีอะไรงั้นเหรอ

    โทมารอฟ : เห็นทีเราคงต้องช่วยนอลโวร่าแล้วหล่ะ

    แอนตาร์กติก : หะ นี่นายคิดดีแล้วงั้นเหรอ

    โทมารอฟ : แน่นอน แล้วฉันจะเอาตัวอเล็กซ์สกี้มารับโทษด้วย

    แอนตาร์กติก : ถ้าอย่างงั้น ฉันจะลองส่งข้อความไปหาพวกเขาดู

     

    กลับมายังห้องนอนของนอร์ดิก ในคืนนี้ เขาได้แต่สับสนในใจ เนื่องจากว่าเขาต้องเผชิญศึกใหญ่ ในขณะเดียวกัน ซิลเวียร์ก็เข้ามาในห้องของเขา จากนั้นก็มานั่งใกล้ๆนอร์ดิก

    นอร์ดิก : ซิลเวียร์ มีอะไรหรือเปล่าอ่ะ

    ซิลเวียร์ : ก็ฉันเห็นเธอดูเครียดๆหน่ะ

    นอร์ดิก : เฮ้อ จบศึกภายใน ก็ต้องรบศึกภายนอกอีก ไม่มีที่สิ้นสุดเลย

    ซิลเวียร์ : เอาน่า เธอก็คิดซะว่ามันเป็นบททดสอบของเธอก็แล้วกัน

    นอร์ดิก : ซิลเวียร์ที่รัก ฉันอยากอยู่กับเธอแบบนี้มานานแล้วนะ

    ซิลเวียร์ : อยู่กับฉันให้สบายนะนอร์ดิก ฉันจะอยู่กับเธอเอง

    นอร์ดิก : ซิลเวียร์ เป็นของฉันเถอะนะที่รัก

    ซิลเวียร์ : นอร์ดิก ฉันจะเป็นทุกอย่างให้เธอเอง // นอร์ดิกจูบกระกบปากซิลเวียร์ เธอก็จูบตอบเขาไป จากนั้นเขาก็ผลักซิลเวียร์ให้นอนลงบนเตียง นอร์ดิกเริ่มเปลื้องผ้าซิลเวียร์ จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มพลอดรักกันอย่างหวานชื่นในคืนนั้น

     

    ในช่วงเวลาต่อมา ยามเช้า ทางด้านแนวรับรูดิว ฟีนด์ บูล และอาร์เทมิส วางกำลังพลและสร้างแนวป้องกันไว้ภูเขา ปืนใหญ่นับร้อยทุกรูปแบบถูกจัดวางไว้เป็นอย่างดีเพื่อป้องกันการบุกรุกของกลุ่มกบฏ ทหารนับแสนรวมถึงชาวบ้านขุดสนามเพลาะเพื่อป้องกันข้าศึก พวกเขาเร่งทำงานอย่างขยันขันแข็งเพื่อรีบรับมือข้าศึกที่กำลังจะมาถึง

    บูล : ภูเขานี้แข็งแกร่งและสูงชัน พวกมันไม่มีทางผ่านมาง่ายๆแน่

    อาร์เทมิส : ฉันก็หวังไว้แบบนั้น หวังไว้ว่าสนามเพลาะคงจะเสร็จเร็วๆนะ

    ฟีนด์ : แนวป่าตรงนั้นควรจะวางกับดักตรงแนวป่านั้นด้วยนะ

    บูล : เห็นด้วยนะ เรายังพอมีลวดหนามอยู่นี่หน่า

    และในขณะเดียวกันนั้นเอง เมเทอร์ก็นำคนของเธอมาช่วยดูแลชาวบ้านที่มาขุดสนามเพลาะที่นี่ด้วย

    เมเทอร์ : ฟีนด์ เธอเป็นยังไงบ้าง

    ฟีนด์ : ก็ดีนะ สนามเพลาะคงจะเสร็จเร็วๆนี้หล่ะ

    เมเทอร์ : ดีแล้วหล่ะ พวกมันอาจจะมาก่อนสิบวันก็ได้นะ

    แต่ในระหว่างนั้นเอง ขบวนทหารรูดิวที่อยู่ตามชายแดนก็เคลื่อนกำลังพลมารวมตัวกับทหารคนอื่นๆที่อยู่ยังแนวรบ นายพลบูลไปตรวจดูทหารด้วยตัวเองในทันที

    ท่านนายพลครับ ตอนนี้เราถอนทหารจากชายแดนมาอยู่ที่นี่หมดแล้วครับ

    บูล : แล้วนี่ พาใครมาด้วยงั้นเหรอ

    เราอพยพคนเจ็บบางส่วนมารักษาที่โรงพยาบาลกลางด้วยครับ

    นายพลบูลไปตรวจดูคนเจ็บ ในตอนนั้นเองเขาก็เจอกับนิโคลัสที่พาเอลิซ่ามาด้วย

    นิโคลัส : ช่วยผมด้วย เธอเจ็บหนักมาก ต้องรักษาตัวด่วน

    เมเทอร์ : คุณนิโคลัส คุณพาเอลิซ่ามาด้วยเหรอคะ

    นิโคลัส : ครับ หมอเพิ่งจะรักษาเธอแต่เธอยังไม่ฟื้นเลยครับ

    บูล : พาเธอไปที่โรงพยาบาลกลางก่อน รักษาเธอให้ดีหล่ะ

    อาร์เทมิส : แล้วพวกคุณไปทำอะไรกันมาเหรอคะ

    นิโคลัส : เราโดนตามล่า ผมช่วยเธอหนีมาได้หน่ะ

    ฟีนด์ : สงสัยคงจะมีคนทรยศในหมู่องค์กรของคุณนะ

    เมเทอร์ : ถ้าฉันรู้ว่ามันเป็นใคร ฉันฆ่ามันแน่

     

    ทางด้านแนวรบแคว้นบาส์ก ไซโซ เคจาและสการ์เล็ตได้วางกำลังป้องกันตามแนวชายฝั่ง พวกเขาวางปืนใหญ่ไว้บนภูเขาเพื่อยิงต่อสู้

    เคจา : เราต้องวางกำลังไว้ที่แนวสนามเพลาะของชายหาดนะ

    ไซโซ : แต่ผมว่า เราควรจะย้ายแนวไปด้านในพื้นที่นะ

    สการ์เล็ต : ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้นหล่ะคะ

    ไซโซ : ปืนใหญ่พวกต่างชาติประสิทธิภาพดีมาก เราไม่มีทางต้านมันได้ที่ชายหาดแน่ๆ

    สกาย : แต่ว่า พวกมันอาจจะยกพลขึ้นบกมาได้อย่างง่ายดายนะครับ

    อาร์มเมอร์ : นั่นสิครับ ผมว่าเราควรจะยิงกับพวกมันที่หัวหาดดีกว่า

    ไซโซ : เชื่อผมเถอะ เราควรจะป้องกันมันที่พื้นที่ด้านในนะ

    สการ์เล็ต : แล้วพื้นที่ตรงป้อมบนภูเขาหล่ะคะ

    เคจา : ฉันว่า เอาปืนใหญ่ไปตั้งไว้ตรงนั้นด้วยดีกว่า

    สกาย : ถ้าอย่างงั้นผมจะสั่งให้ทหารปืนใหญ่ขนขึ้นเขาไปนะครับ

    อาร์มเมอร์ : เห็นด้วยนะครับ ผมว่าเราควรจะรีบดำเนินการตอนนี้เลย

     

    ที่เมืองหลวงของโซราบอล นอร์ดิกเตรียมจัดทัพหลวงโดยที่อาร์เทอร์และคูเปอร์คอยคุมกองกำลังด้วย นอร์ดิกเตรียมวางกำลังไว้ที่กำแพงเมืองหลวงของโซราบอล เผื่อว่าพวกกบฏจะผ่านด่านอื่นมาได้

    อาร์เทอร์ : คุณนอร์ดิกครับ เราจัดวางปืนกลและปืนใหญ่ไว้พร้อมแล้วครับ

    คูเปอร์ : เรามีทหารหนึ่งแสนนายเตรียมพร้อมรับมือพวกมันแล้วครับ

    นอร์ดิก : ความจริงผมอยากจะจัดการพวกมันที่รูดิวไม่ก็บาส์กมากกว่า

    เซนจา : เธอต้องอดทนนะ เธอต้องคิดถึงส่วนรวมไว้ก่อน

    นอร์ดิก : แล้วด้านหลังของแคว้นเราหล่ะครับ

    อาร์เทอร์ : แถบนั้นมีแต่ภูเขา ไม่มีชายหาดที่จะขึ้นบกได้

    คูเปอร์ : เราได้จัดกำลังคนไว้คุ้มกันเรียบร้อยแล้วครับ

    นอร์ดิก : ครับ แบบนั้นผมค่อยใจชื้นหน่อย

     

    ณ เกาะโจรสลัดของลอเรนซ์ ลอเรนซ์รวบรวมพลพรรคโจรสลัดของเธอเพื่อเตรียมการต่อสู้กับพวกต่างชาติที่กำลังจะบุกมา กองโจรสลัดของเธอลากปืนใหญ่ขึ้นรเอและทำการเสริมเรือให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น จากนั้นไม่นานลอเรนซ์ก็มาตรวจดูการเกณฑ์กำลังพลของเธอ

    ลอเรนซ์ : นี่ เกณฑ์พลไปถึงไหนแล้วหล่ะ

    ตอนนี้เราเตรียมเรือปืนใหญ่และเรือโจมตีเร็วไว้แล้วครับ

    ลอเรนซ์ : แล้วคนของเรามีอยู่เท่าไหร่กันหล่ะ

    เท่าที่มาร่วมกับเราก็มีแค่แปดร้อยกว่าๆเองครับ แล้วก็เรืออีก 7 ลำครับ

    ลอเรนซ์ : เราจะไม่โจมตีตรงๆ เราจะรอให้พวกมันโจมตีติดพันกับทางรัฐบาลก่อน

    เสบียงของเราที่มีตอนนี้แค่ 12 วันนะครับ

    ลอเรนซ์ : เข้าใจหล่ะ เราคงรอได้แค่นั้นจริงๆนะ

     

    สิบกว่าวันต่อมา นายพลจอร์จกำลังรอข่าวจากทัพเรือของเขา เพื่อที่จะเตรียมการโจมตีโซราบอล เขาดื่มชาอย่างใจร้อน เขาเรียกลูกน้องของเขามาคุยเป็นการด่วน

    ท่านนายพลครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ

    จอร์จ : อ้อ ฉันอยากรู้ว่าเมื่อไหร่กองเรือของฉันจะมาซะที

    ตอนนี้เรายังไม่ได้รับแจ้งครับท่าน

    แต่ในระหว่างนั้นเอง นายทหารอีกคนหนึ่งก็รีบวิ่งมายังบ้านของนายพล จากนั้นก็คุยกับนายพลจอร์จในทันที

    ท่านครับ กองเรือของเรามาแล้วครับ

    นายพลจอร์จเดินออกไปรับกองเรือในทันที ซึ่งมีเรือรบขนาดใหญ่บรรทุกปืนใหญ่เต็มอัตราศึกมาสิบลำ หลังจากที่เรือธงจอดเทียบท่า นายพลคนหนึ่งก็เดินลงจากเรือ เมื่อเขาเจอนายพลจอร์จ เขาก็เดินไปหาในทันที

    ท่านจอร์จ พระเจ้า ท่านยังมีชีวิตอยู่

    จอร์จ : อ้อ สบายดีนะคุณอาร์ดวิน

    ครับ ผมได้ยินว่าคุณจะนำทัพเองนี่ครับ

    จอร์จ : ใช่แล้วหล่ะ คุณมีกำลังพลเท่าไหร่หล่ะ

    อาร์ดวิน : เรามีเรือรบขนาดใหญ่ติดปืน 14 ลำ พร้อมทหาร 4000 นายครับ

    จอร์จ : ใช้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ

    อาร์ดวิน : ใช่ครับ ทางลอนดอนแจ้งว่าให้จัดการไม่ให้เหลือครับ

    จอร์จ : เยี่ยม ผมจะล่องเรือไปทันที บุกไปทางแคว้นบาส์กนะ เพราะมันเป็นจุดที่อ่อนแอที่สุด

    อาร์ดวิน : ได้ครับ ผมจะจัดการเอง

     

    ที่ใจกลางแคว้นมอร็อค โซรอน อเล็กซ์สกี้นำกลุ่มกบฏนับแสนเคลื่อนพลมายังชายแดนมอร็อค โดยที่นายพลโซรอนเป็นแม่ทัพในครั้งนี้ด้วย นอสต้าร์และคนของเขาก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน

    อเล็กซ์สกี้ : ดูกองพลของเราสิ แค่นี้ก็ไม่มีใครทำอะไรเราได้แล้ว

    อันเต้ : ท่านโซรอน อย่าลืมที่ท่านสัญญาไว้ก็แล้วกันนะ

    โซรอน : แน่นอน รอฉันยึดโซราบอลได้เมื่อไหร่ ฉันจะให้ทุกอย่างกับนายเอง

    นอสต้าร์ : ผมอยากบุกเข้าไปชิงตัวซิลเวียร์มาเดี๋ยวนี้หล่ะ

    โซรอน : อีกไม่นานหรอกนอสต้าร์ อีกไม่นาน

    ทางด้านแนวรับแคว้นของแคว้นรูดิว ในขณะที่พวกเขากำลังเสริมแนวป้องกัน ปืนใหญ่ก็ยิงถล่มใส่พวกเขา ทหารรูดิวและโซราบอลหาที่หลบกันให้วุ่น นายพลบูลสั่งให้ทหารไปหลยบที่สนามเพลาะ จากนั้นตัวเขาก็เตรียมประจำการรบในทันที

    บูล : ดูเหมือนว่าพวกมันกำลังจะมาแล้วสินะ

    ฟีนด์ : ไม่ต้องห่วงหรอก เตรียมปืนใหญ่กับปืนกลให้พร้อมก็แล้วกัน

    อาร์เทมิส : ฉันพาผู้หญิงคนอื่นๆไปหาที่หลบแล้วหล่ะ

    บูล : ดี ให้พวกมันเข้ามาเลย

    ======================================================================

    ดูเหมือนว่าพวกของโซรอนและอเล็กซ์สกี้กำลังจะมาแล้ว พวกของนอร์ดิกจะรับมือศึกครั้งนี้อย่างไร อย่าลืมติดตามชมตอนหน้า ซึ่งจะเป็นตอนสุดท้ายแล้วจ้า
    จากนั้นก็จะไปเน้นเรื่องทหารรับจ้างแทน แหะๆ 


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×