ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Descendant War - สมรภูมิปิตุฆาต

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 7 : เพื่อนใหม่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 94
      4
      22 ก.ย. 61

    หลังจากที่พวกของนอร์ดิกเข้าสู่เขตเมืองของแคว้นเดลล์ ซึ่งในเมืองแห่งนี้ก็แทบจะเหมือนเมืองธรรมดาทั่วไป ผู้คนก็ยังมาเดินเล่นอย่างสบายใจ อย่างกับว่ายังไม่มีเหตุการณ์อะไรที่วุ่นวายในเมืองนี้ นอร์ดิกขี่รถม้าไปตามถนนเพื่อหาซื้อเสบียงเพิ่มเติม เพื่อเดินทางไปยังริงก้าต่อให้ได้

    นอร์ดิก : แถวนี้น่าจะมีอาหารแห้งให้พวกซื้อบ้างได้นะครับ

    อาบาตู : ถ้าเช่นนั้น กระผมจะออกไปซื้อมาให้เองครับ

    นอร์ดิก : ผมว่าไม่ต้องเยอะมากหรอกครับ เราคงใกล้จะถึงริงก้าแล้ว

    ไซโซ : นี่พี่เคจา ทางด้านนั้นมีอะไรหน่ะพี่ // ไซโซชี้ไปทางกลุ่มคนที่มายืนดูราวกับเป็นไทยมุง

    เคจา : หรือว่า เขาอาจจะมีอะไรมาโชว์แลกเงินก็ได้

    นอร์ดิก : น่าสนใจนะพี่ ไปดูกันดีกว่าครับ

    พวกเขาคิดว่าจะได้ชมการแสดงอะไรดีๆ แต่ตอนนั้นกลับเป็นเพียงชายคนหนึ่ง ซึ่งก็คือซอลเจ้าเก่า คราวนี้เขามาปราศัยเกี่ยวกับแนวคิดประชาธิปไตยของเขา

    สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้อง และในวันนี้ เสรีภาพและสันติภาพที่พวกท่านฝันถึง มันจะเป็นจริง ถ้าเราร่วมมือร่วมใจกัน

    ไซโซ : หมอนี่พูดดึงดูดใจดีนะครับ พี่ว่าหรือเปล่า

    เคจา : นั่นสิ วาจาก็คมคาย แถมมีเสน่ห์กับคนรอบข้างอีก

    แต่ในขณะนั้นเอง มีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งพร้อมกับไม้ในมือ มากันราวๆสิบกว่าคน มันพยายามจะทำร้ายซอลกับพวก แต่พวกเขาก็สู้กลับอย่างสมศักดิ์ศรี แต่น้ำน้อยก็ย่อมแพ้ไฟ พวกของซอลกำลังโดนพวกมันยำอย่างหนัก

    ปั๊ก

    เสียงขว้างขวดใส่หัวดังไปทั่ว ทำเอาพวกมันมองมาทางคนปาเป็นตาเดียว

    นอร์ดิก : แน่จริงอย่ารังแกคนที่อ่อนแอกว่าสิวะ

    เฮ้ย พวกแกมาเสือกอะไรด้วยวะ อยากตายหรือไง

    ไซโซ : โห ปากดีชิบหายแกเนี่ย นายเลาะฟันออกจากปาก

    เคจา : ถ้าพวกแกอยากออกกำลังนัก ฉันจะเป็นลูกมือให้ก็ได้

    ได้ พวกเรา ยำมันให้เละ

    พวกมันพุ่งตรงเข้าทำร้ายพวกของนอร์ดิก แต่พวกของนอร์ดิกไล่อัดพวกมันจนยับ นอร์ดิกชักดาบของตัวเองออกมาฟันพวกมันทีละคน ส่วนไซโซและเคจาก็ทั้งเตะและต่อยจนพวกมันล้มกลิ้งไมเป็นท่า พวกมันเห็นเพื่อนมันตายทีละคนจึงเริ่มถอยกลับไป

    ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้ซอล กูมาเอาคืนแน่

    ซอล : ฝากบอกนายแกด้วยเหมือนกัน ฉันตามไปฆ่ามันถึงที่แน่ๆ // จากนั้นมันก็รีบหนีไป ส่วนพวกของนอร์ดิกก็มาดูอาการของพวกซอลที่กำลังบาดเจ็บอยู่

    เคจา : บาดเจ็บตรงไหนบ้างพวกนายเนี่ย

    ไมเป็นไรหรอกครับ ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยพวกเรา

    นอร์ดิก : ว่าแต่ พวกนายเป็นใครกัน ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้หล่ะ

    ซอล : ผมชื่อฮอริซอล เป็นนักศึกษา แล้วพวกนี้ก็นักศึกษาเหมือนกัน

    ไซโซ : ว่าแต่ ไอ้พวกที่มาเล่นงานนี่เป็นใครกันหน่ะ

    ซอล : มันเป็นเจ้าเมืองแห่งนี้ครับ มันมีอิทธิพลมาก ถึงขนาดสั่งชี้เป็นชี้ตายใครก็ได้ พวกมันรังแกชาวบ้านมานาน จนพวกเรานักศึกษากลุ่มนี้ต้องมาต่อต้านมันครับ

    อาบาตู : คุณหนูครับ ผมว่าเรารีบไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ

    ซอล : ว่าแต่ พวกนายจะไปไหนกันเหรอ

    นอร์ดิก : ผมจะไปริงก้า ท่านพ่อผมสั่งเสียเอาไว้ ว่าผมต้องไปที่นั่น พวกนายอยากไปกับเราหรือเปล่าหล่ะ

    ซอล : ได้สิ ตอนนี้เรากำลังหาทางไปจากที่นี่เหมือนกัน นายไม่ต้องห่วง ถึงเราจะเป็นปัญญาชน แต่เราก็สู้เป็นเหมือนกันนะ

    นอร์ดิก : ถ้าพวกนายมีม้าขี่ ก็ตามพวกเรามาก็แล้วกัน // จากนั้นไม่นานซอลกับพวกก็เตรียมม้าของพวกเขาแล้วออกเดินทางพร้อมกับนอร์ดิก ในขณะเดียวกัน พวกที่เพิ่งจะโดนนอร์ดิกซ้อมมาก็ซมซานกลับไปหาเจ้านายของมัน เจ้านายมันเห็นสภาพของลูกน้องตัวเองตอนนั้นก็ตกใจมาก

    เฮ้ย นี่พวกแกแพ้กันเร็วขนาดนี้เลยเหรอ

    นายครับ มีคนมาช่วยมันครับ

    จริงเหรอ สืบให้ได้ว่ามันเป็นใคร แล้วฆ่ามันด้วยอีกคน

     

    อีกด้านหนึ่งที่แคว้นเดลล์ ค่ายทหารชายแดนตะวันออก นายพลบลูกำลังรอข่าวๆหนึ่งอย่างใจจดใจจ่อ และในขณะนั้นเอง ก็มีม้าเร็วมาส่งข่าวถึงเขา

    ขอรายงานครับท่านนายพล ตอนนี้พวกของกลุ่มพอร์ชกำลังระส่ำระส่ายอย่างหนักเลยครับ

    บลู : ดีมาก ติดแล้วไม่มีผิด วันนี้แหละ ฉันจะต้องยึดเมืองของพวกมันให้ได้

    ครับท่าน ปืนใหญ่เตรียมพร้อมอยู่แล้วครับ ขอแค่ท่านสั่งครับ

    บลู : ดีมาก ฉันอยากไปดูการยิงปืนใหญ่ด้วยตัวเอง

    นายพลบลูควบม้าไปยังแนวปืนใหญ่ของเขา ซึ่งมีปืน Armstrong เรียงรายวางกันอยู่แน่นขนัด จากนั้นเอง นายพลบลูก็มองด้วยกล้องส่องทางไกลของเขาไปยังเมืองแห่งหนึ่ง

    บลู : ระยะดีมาก พวกนายทำได้ดี

    ขอแค่ท่านสั่ง ปืนใหญ่ของเราจะยิงทันทีครับ

    บลู : ยิงได้

    หลังจากสิ้นเสียง ปืนใหญ่ทุกกระบอกก็ยิงเข้าไปในเมืองแห่งนั้น ทำเอาผู้คนในเมืองแตกตื่น ทั้งเสียงปืนและแรงระเบิดของมันทำเอาเมืองใหญ่แห่งนั้นกลายเป็นเถ้าถ่าน นายพลบลูมองอยู่ไกลๆด้วยความสะใจ

     

    บนถนนใหญ่เส้นหนึ่งที่กำลังมุ่งตรงสู่แคว้นเดลล์ คาราวานของเอลิซ่าก็เดินทางกันทั้งวันทั้งคืนเพื่อที่จะไปยังริงก้า พวกเธอดูจะตื่นเต้นมากกับการเดินทางในครั้งนี้

    เมเทอร์ : นี่ เอลิซ่า ใจคอจะไม่คิดพักกันหน่อยเลยหรือไง

    เอลิซ่า : เราต้องไปถึงริงก้าให้เร็วนะ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีหน่ะ

    เฟรย์อา : อยากไปหาพ่อหนุ่มนอร์ดิกคนนั้นสินะ ไม่ต้องเขินหรอก

    เอลิซ่า : ฉันต้องรีบไปตามหาเขา ก่อนที่เขาจะเป็นอะไรไปหน่ะ

    เฟรย์อา : ฉันว่านะ นอร์ดิกของเธอเขามีฝีมือจะตาย ไม่เป็นไรง่ายๆหรอก

    เมเทอร์ : นี่พวกเธอ ใกล้จะเข้าเขตแคว้นเดลล์แล้วนะ // เมเทอร์ชี้ไปยังพรมแดนด้านหน้า

    เอลิซ่า : ดีมาก ส่งข่าวให้สายของเรามารวมตัวกัน แล้วผ่านไปริงก้ากันต่อ

    ขบวนคาราวานของเอลิซ่าเคลื่อนต่อไปเพื่อเข้าสู่แคว้นเดลล์

    และกลับมาที่เมืองโมโรวิน ในขณะที่ชายสี่พี่น้องกำลังนั่งดื่มอะไรด้วยกัน ในตอนนั้นเองโอลลี่ก็วิ่งเข้ามารายงานข่าวของเธอให้ชายทั้งสี่คนฟังทันที

    โอลลี่ : พวกนาย แย่แล้ว รีบไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย

    มาร์ธิว : มีอะไรงั้นเหรอ บอกมาสิ

    โอลลี่ : ตอนนี้พวกโซราบอลกำลังโจมตีเมืองเดสต้าร์ ตอนนี้เมืองอาจจะแตกในไม่กี่วันนี้แล้วนะ

    เอเทอร์ : ห่ะ พวกโซราบอลโจมตีถึงเมืองเดสต้าร์แล้วงั้นเหรอ

    เลออน : แย่หล่ะ อีกแค่ไม่กี่อึดใจพวกมันก็จะมาถึงเราแล้วนะ

    แมทธิว : ผมว่า เรารีบย้ายสมาคมของเราไปที่ริงก้ากันเถอะ

    เลออน : เออใช่ พวกพี่เอลิซ่ากำลังไปที่เมืองริงก้านี่หน่า

    เอเทอร์ : ผมจะรีบให้คนของผมไปเก็บของก่อนนะครับพี่

    แมทธิว : พี่ครับ ว่าแต่พี่จะเอายังไงต่อดีหล่ะ

    มาร์ธิว : พี่ว่า เรารีบออกไปจากหนีที่นี่ก่อนดีกว่า แล้วบอกคนอื่นๆในสมาคม ถ้าเป็นไปได้ให้หนีออกจากมอร็อคซะ

     

    กลับไปยังชายแดนเมืองเดสต้าร์ ในตอนนั้นก็เกิดการระส่ำระส่ายเต็มที่ เพราะกองทัพของนายพลเนโรเคลื่อนพลมาประชิดเมืองแล้ว ปืนใหญ่ทุกกระบอกก็เตรียมที่จะยิงเข้าเมือง ตอนนั้นนายพลเนโรกำลังขี่ม้าแล้วมองจากกล้องส่องทางไกล จากนั้นก็คุยกับโซรอนทันที

    เนโร : ดูพวกมันสิ กำลังระส่ำกันหนักเลยเนี่ย

    โซรอน : นั้นสิครับ ไม่น่าเชื่อว่าการยิงปืนใหญ่ปูพรมของเราจะได้ผลขนาดนี้

    เนโร : คูเปอร์ ถ้าปืนใหญ่ของเรายิงประตูเมืองมันแตก ก็โจมตีได้ทันทีเลยนะ

    คูเปอร์ : รับทราบครับ // คูเปอร์ขี่ม้าไปรวมตัวกับทหารที่เหลือ ในตอนนั้นเองสามทหารหนุ่มเพื่อนรักก็กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีในครั้งนี้

    อาร์มเมอร์ : นี่ ฉันได้ยินมานะ เมืองนี้เป็นที่เก็บสมบัติไว้มากมายเลยหล่ะ

    สกาย : ข่าวลือทั้งเพหล่ะ ใครบ้าที่ไหนจะเอาสมบัติมาไว้เมืองเล็กๆนี่หล่ะ

    เอ็ดเวิร์ด : นี่พวกนาย อย่าเพิ่งสนใจเรื่องสมบัติเลย สนใจเรื่องการรบก่อนเถอะ // ระหว่างนั้นเอง คูเปอร์ก็ขี่ม้าลงมานำทัพเตรียมบุกเข้าเมือง หลังจากที่เสียงปืนใหญ่หยุดยิงและประตูเมืองเดสต้าร์ถูกเปิดออก

    คูเปอร์ : พวกเรา บุก!!

    หลัจากสิ้งเสียง ทหารของคูเปอร์ก็บุกเข้าเมืองราวกับสายน้ำหลาก ทหารของมอร็อคพยายามยิงต้านพวกเขาไว้อย่างสุดกำลัง

    สกาย : ฆ่ามันเลย ไอ้พวกมอร็อคอ่อนหัดเอ้ย

    อาร์มเมอร์ : ระวังหน่อยสิ พวกมันยิงไม่ยั้งเลยเนี่ย // ในตอนนั้นเอง มันคนหนึ่งยิงธนูใส่สกาย แต่เอ็ดเวิร์ดดึงตัวเขามาหลบได้ก่อน

    เอ็ดเวิร์ด : มีสมาธิหน่อยสิเพื่อน เดี๋ยวก็ตายตรงนี้หรอก

    คูเปอร์ : ทหารม้า โจมตีขนาบข้างมันเดี๋ยวนี้ // ทหารม้าของคูเปอร์โจมตีกระหนาบซ้ายขวาของแนวปืนพวกมอร็อค ทำเอาพวกนั้นถอยรีบถอยออกจากเมือง ก่อนที่กองทัพของพวกเขาจะโดนละลายยกทัพตามถนนมีแต่ศพทหารเต็มไปหมด ส่วนประชาชนก็เผ่นหนีเอาชีวิตรอด ศึกครั้งนี้โซราบอลได้ชัยอย่างงดงาม จนนายพลเนโรต้องขี่ม้าออกมาแสดงความยินดีกับเหล่าทหารกล้าทั้งหลาย

    นอสต้า : ท่านพ่อดูสิ พวกมันหนีกระเจิงกันหมดเลยครับ

    เนโร : ทำได้ดีมากทหารทุกนาย คืนนี้เรามาเลี้ยงฉลองกันให้เต็มที่ไปเลย // ทหารโซราบอลต่างโห่ร้องดีใจกันอย่างเนื่องแน่น ในตอนนั้นโซรอนก็ขี่ม้าไปหาสกายกับอาร์มเมอร์ ทหารของเขา เพื่อมอบหมายงานบางอย่าง

    โซรอน : สกาย อาร์มเมอร์ พวกนายทำได้ดีมาก ฉันมีภารกิจใหม่ให้นาย พวกนายสองคนต้องไปประจำการที่แคว้นบาส์ก เพื่อเสริมกำลังให้กับพวกเราที่กำลังโจมตีฟิลล์บอน รีบล่ำลาเพื่อนนายซะ

    เอ็ดเวิร์ด : จะไปแล้วงั้นเหรอ โชคดีนะพวกนาย แล้วเจอกันนะ

    อาร์มเมอร์ : อย่าตายก่อนเจอกันซะก่อนนะเพื่อน

     

    ทางด้านชายป่าแห่งหนึ่ง อราชกับฟีนด์นำกำลังพลส่วนหนึ่งลัดเลาะไปตามชายป่าเพื่อจัดการกับทหารโซราบอล ในตอนนั้นเอง มีทหารเดินเท้านายหนึ่งมารายงานสถานการณ์ข่าวกับฟีนด์

    ท่านครับ แย่แล้ว เมืองเดสต้าร์แตกแล้วครับ

    ฟีนด์ : ห่ะ จริงเหรอ นี่พวกมันบุกมาเร็วขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

    อราช : แล้วชาวบ้านกับทหารที่เหลืออยู่ที่ไหนกันหล่ะ

    บางส่วนก็หนีไปที่โมโรวิน บางส่วนก็โดนพวกโซราบอลจับไปครับ

    ฟีนด์ : พวกมันบุกมาถึงเดสต้าร์แล้ว อีกไม่นานคงเข้าประชิดเมืองโมโรวินสินะ

    อราช : แล้วเราจะเอายังไงกันต่อดีหล่ะ

    ฟีนด์ : ฉันจะพาทหารไปอีกทางหนึ่ง เพื่อป้องกันการปะทะกับพวกมัน จากนั้นเราก็จะเริ่มโจมตีแบบกองโจรกับพวกมัน

    อราช : คงต้องรีบหน่อยหล่ะ ผมจะพาคนของผมไปลาดตระเวนก่อนก็แล้วกัน // อราชนำกองโจรของเขาไปลาดตระเวนตามทาง ส่วนทหารของฟีนด์ก็ใช้เส้นทางอื่นเพื่อไปเสริมกำลังที่โมโรวิน

     

    และที่สมรภูมิในฟิลล์บอน เมืองราดาส หลังจากที่นายพลนอร์ทยิงปืนใหญ่ถล่มเมือง ทหารม้าของเขาก็เตรียมโจมตีเมืองทันที

    นอร์ท : สการ์เล็ต ลูกพร้อมสำหรับศึกแรกแล้วสินะ

    สการ์เล็ต : ค่ะท่านพ่อ ตอนนี้ทหารม้าของหนูเตรียมพร้อมแล้วค่ะ // สการ์เล็ตควบม้าของเธอเตรียมพร้อมบุกเข้าไปในเมือง

    อีกด้านหนึ่ง ซิกนัสขี่ม้าของเขาแล้วจัดพลปืนอยู่บนกำแพง และวางแนวป้องกันเพิ่มเติมเพื่อป้องกันทหารโซราบอล

    ซิกนัส : เอาหล่ะ เราต้องยันมันไว้แค่ 20 นาที พอให้ชาวบ้านหนีไปอีกที่หนึ่งได้

    ผมว่า กำลังของพวกมัน อาจจะผ่านเราได้ใน 2 นาทีก็ได้ครับ

    ซิกนัส : อย่าเพิ่งถอดใจสิ พวกมันยังไม่บุกมาเลยนะ

    หลังจากสิ้นเสียงสัญญาณ ทหารของโซราบอลก็บุกมาราวกับสายน้ำหลาก ทหารของฟิลล์บอนยิงสกัดพวกมันเอาไว้ แต่ทหารของโซราบอลมีมากกว่า ทำให้มันใกล้จะบุกถึงแนวพวกเขาแล้ว

    ท่านครับ เราคงต้านได้อีกไม่นานหล่ะครับ

    ซิกนัส : คุ้มกันการถอนกำลัง แล้วรีบออกจากเมืองนี้ เร็ว

    สการ์เล็ต : ทหาร บุกเข้าไป ปิดล้อมเมืองนี้เอาไว้ // ทหารม้าของโซราบอลบุกเข้ามายังเมืองราดาส ไล่ฆ่าทหารฟิลล์บอนไปทั่ว คนของซิกนัสต้องถอนกำลังออกมาก่อนที่กองร้อยของเขาจะโดนกำจัด เมื่อเขาหนีออกมาได้ พวกเขาก็รวบรวมพรรคพวกที่เหลือรอดมาได้

    ซิกนัส : เหลือทหารเท่าไหร่

    ตอนนี้เราเหลือไม่กี่ร้อยจากสามพันนายครับ

    ซิกนัส : รีบถอยไปรวมกำลังกับพวกเราที่อื่นเถอะ ไปเร็ว // จากนั้นซิกนัสก็พาพวกควบม้าออกไป ทางด้านของนายพลนอร์ท หลังจากที่บุกเข้าเมืองราดาสได้ นายพลนอร์ทก็สำรวจความเสียหายทั้งหมดทันที

    นอร์ท : สการ์เล็ต ตอนนี้ทหารของตายไปเท่าไหร่

    สการ์เล็ต : เสียชีวิตร้อยกว่านาย บาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่งค่ะพ่อ

    นอร์ท : ดีมาก การโจมตีได้ผลเกินคาด สั่งทหารให้พักผ่อนเต็มที่ จากนั้นพรุ่งนี้ โจมตีเมืองถัดไปเลย

    สการ์เล็ต : ค่ะท่านพ่อ ว่าแต่ พ่อคิดว่าพวกมันจะถอยไปที่ไหนคะ

    นอร์ท : มันอาจจะถอยเข้าเมืองหลวง แล้วไปรวมกำลังเพื่อตอบโต้เราก็ได้ แต่ช่างมันเถอะ ตอนนี้ไปพักผ่อนกันก่อนดีกว่านะ

     

    กลังมายังเมืองซอร์ม แคว้นริงก้า ในขณะนั้นเองอาร์เทอร์กำลังรวบรวมกำลังพลส่วนหนึ่งไปเสริมกำลังพลให้กับเซเลนส์ที่แนวหน้า ในตอนนั้นเองเนม่าก็มาตามไปส่งเขาด้วย

    เนม่า : พี่คะ พี่ไปครั้งนี้ยังไงก็ระวังตังด้วยนะคะ

    อาร์เทอร์ : ไม่ต้องห่วงหรอก เราได้ทหารมาเพิ่มอีกตั้งแสนหนึ่งเลยนะ

    เนม่า : แต่ก็ยังมีไม่พอปะทะกับพวกโซราบอลอยู่ดีนะพี่

    อาร์เทอร์ : ไม่ต้องห่วง ปราบกบฏคราวนี้ได้เราก็อาจพลิกสถานการณ์ได้นะ

    เนม่า : ทำไมพี่ไม่ให้เซเลนส์ถอยกลับมาที่เมืองหล่ะพี่

    อาร์เทอร์ : เซเลนส์ไม่ยอมหรอก พี่เลยต้องไปช่วยไงหล่ะ เธออยู่ที่นี่ก็ระวังตัวด้วยนะ

    จากนั้นเองอาร์เทอร์ก็นำทหารของเขาเดินทัพไปยังแนวหน้า และที่แนวหน้าขนาดนั้น เซเลนส์ก็รับการโจมตีจากกลุ่มกบฎทุกวัน กระสุนของพวกเขาเริ่มจะหมดแล้ว แถมเสบียงก็หร่อยหรออีกต่างหาก

    ผู้พันครับ ตอนนี้กระสุนปืนเล็กกับปืนใหญ่ของเราใกล้จะหมดแล้วนะครับ

    เซเลนส์ : ฉันรู้ อีกไม่นานนายพลอาร์เทอร์จะส่งกระสุนมาให้เราแน่

    แต่เสบียงที่เรามีตอนนี้ มีพอสู้แค่ 3 วันนะครับ เรารอได้แค่นั้น ไม่ก็ยอมแพ้

    เซเลนส์ : ไม่มีการยอมแพ้เด็ดขาด พยายามส่งทหารของเราไปตามป่า ล่าสัตว์มาเพิ่มให้ได้

    เรากำลังพยายามอยู่ครับ

    เซเลนส์ : พวกกบฏตอนนี้ยังแข็งแกร่งนัก คงต้องใช้เวลาหน่อยหล่ะ

    จากนั้นไม่นาน ปืนใหญ่ของกลุ่มกบฏก็ยิงเข้าที่มั่นอีกครั้ง ทำให้ทหารของเซเลนส์ต้องเข้าที่กำบัง เพื่อรับมือกับศัตรูอีกครั้ง

     

    กลับมายังคฤหาสน์ของมาร์ธ่า หลังจากที่มาร์ธ่าได้ทานยาแล้วนอนหลับ ซิลเวียร์ก็คอยดูแลเธอไม่ห่าง แต่ในตอนนั้นเอง  มีโจรกลุ่มหนึ่งเข้ามาปล้นบ้านของมาร์ธ่า พวกมันถือมีดและดาบบุกเข้ามา คนของมาร์ธ่าพยายามสกัดพวกมันเอาไว้

    ช่วยด้วย มีโจรปล้น

     ซิลเวียร์ได้ยินในตอนนั้น เธอเรียกซาร่าให้มาอยู่กับมาร์ธ่าที่กำลังนอนอยู่บนเตียง

    ซิลเวียร์ : พี่ซาร่าคะ อยู่ที่นี่ก่อนนะคะ

    ซิลเวียร์วิ่งลงไปข้างล่าง พยายามเรียกตำรวจหลวงในเมืองแถวนั้น พวกโจรกลุ่มหนึ่งพยายามจะฉุดเธอไป แต่เธอก็ต่อยหน้ามันจนร่วง เนื่องจากเธอก็เคยเรียนมวยมาเหมือนกัน

    ซิลเวียร์ : พี่คะ รีบไปเรียกตำรวจมาเร็ว // เธอไปบอกคนของมาร์ธ่า จากนั้นมันพยายามจะฉุดตัวเธอไป แต่ก็โดนเธอเล่น

    งานจนยับ พวกมันส่วนหนึ่งพยายามวิ่งขึ้นไปชั้นบน แต่ซิลเวียร์ก็รีบวิ่งขึ้นไปสกัดมันไว้

    ห้ามใครผ่านฉันไปเด็ดขาด

    ซิลเวียร์พยายามสู้กับพวกมัน แต่มันคนหนึ่งตบเธอร่วง จากนั้นมันพยายามฆ่าเธอ

    เก่งนักใช่ไหมน้องสาว

    แต่ในไม่กี่อึดใจ ตำรวจก็เข้ามายิงพวกโจรด้านใน พวกโจรเมื่อเห็นตำรวจก็รีบหนีกระจายกันไปคนละทิศละทาง ซิลเวียร์รีบวิ่งเข้าไปหามาร์ธ่าที่กำลังนอนอยู่ พบว่าทั้งมาร์ธ่าและซาร่าปลอดภัยดี

    ซาร่า : ซิลเวียร์ ปลอดภัยดีนะจ๊ะ

    ซิลเวียร์ : หนูไม่เป็นไรค่ะ พี่ซาร่าอยู่เผ้าคุณย่าไปก่อนนะคะ เรื่องนี้มันต้องมีเงื่อนงำแน่ๆค่ะ

     

    กลับมายังสถานทูตเยอรมัน ในตอนนั้นเองแอนตาร์กติกก็ได้รับหน้าที่ให้ปราบกลุ่มโจรสลัดที่ออกปล้นไปตามเกาะต่างๆ และเธอเชื่อว่าพวกมันมีส่วนเกี่ยวข้องกับความวุ่นวายตามท้องทะเลแถบนี้แน่นอน เธอขึ้นเรือของเธอไปพร้อมกับทหารจำนวนหนึ่ง

    แอนตาร์กติก : โจรสลัดพวกนี้มีฐานที่มั่นอยู่ที่ไหนกันงั้นเหรอ

    พวกมันอยู่ตามเกาะเล็กๆแถวนี้ครับ แต่เราไม่เคยกำจัดมันได้หมดซะที

    แอนตาร์กติก : แล้วตอนนี้มีกองเรือชาติไหนบ้างที่กำลังสู้อยู่

    ที่เห็นก็มีแค่กองเรืออังกฤษนะครับ

    แอนตาร์กติก : พวกเราต้องรีบกันหน่อย ออกเรือกันได้

    เมื่อสิ้นคำสั่ง กองเรือของแอนตาร์กติกก็แล่นออกไปยังน่านน้ำสากล เพื่อตามล่ากลุ่มโจรสลัด วันนี้เป็นวันที่คลื่นลมแรงมาก แต่เธอก็ยังพอทนได้ เพราะเธอชื่นชอบทะเลมากๆ

    แอนตาร์กติก : ดูเหมือนว่าพวกมันกำลังหนีไปกบดานที่อื่นนะ

    นั่นสิครับ เหมือนว่าพวกมันเงียบหายไปเลย

    แอนตาร์กติก : ยังไงก็ตาม เตรียมอาวุธเอาไว้ อย่าประมาทเด็ดขาด

    และทางด้านของกองกำลังรัสเซีย โทมารอฟกำลังพลออกตามล่าเครือข่ายของอเล็กซ์สกี้ตามที่สายข่าวของเขาได้มา เขาแล่นเรือออกไปตามเกาะที่สายข่าวของเขารายงาน ในตอนนั้นเอง เขาก็เจอเกาะต้องสงสัยของพวกมันจนได้

    โทมารอฟ : ทหาร เล็งปืนใหญ่ไปที่เกาะนั้น

    กระบอกปืนเรือเล็งไปยังเกาะแห่งนั้น โดยที่พวกโจรสลัดในเกาะก็เตรียมปืนใหญ่ยิงตอบโต้

    โทมารอฟ : ปืนใหญ่ทุกกระบอก ยิงได้

    หลังจากมีคำสั่ง ปืนใหญ่ของรัสเซียยิงเข้าไปในเกาะแห่งนั้น ทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า ปืนใหญ่ของพวกโจรสลัดทำอะไรเรือเขาไม่ได้ พวกโจรสลัดตายมากมาย จากนั้นเอง โทมารอฟก็สั่งทหารให้นั่งเรือบด เพื่อขึ้นบกที่เกาะแห่งนั้น จากนั้นก็เริ่มกระบวนการกวาดล้างพวกโจรสลัด

     

    และอีกฝากหนึ่งของทะเล กองเรือราชนาวีอังกฤษ ชายหนุ่มวัยกลางคนกำลังสองกล้องส่องทางไกลของเขาตามหาเกาะต้องสงสัยที่เขาสงสัยว่าจะเป็นที่อยู่ของเหล่าโจรสลัด เขามองหาอยู่นานจนเจอหนึ่งเกาะ จากนั้นก็เรียกทหารของเขามาถาม

    ท่านนายพลจอร์จครับ

    พลเรือโทจอร์จ ทหารเรือแห่งกองทัพอังกฤษ ซึ่งได้รับคำสั่งให้กวาดล้างกลุ่มโจรสลัดในแถบนี้

    จอร์จ : เกาะนั้นใช่หรือเปล่าที่สายข่าวของเราแจ้งมาหน่ะ

    ใช่ครับท่าน ให้ผมสั่งปืนใหญ่ยิงเลยมั้ยครับ

    จอร์จ : เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมบนเกาะมีแต่ผู้หญิงกับเด็กทั้งนั้น // แต่ไม่ทันแล้ว ปืนใหญ่บนเรืออีกลำหนึ่งได้ยิงถล่มเกาะนั่นไปแล้ว ทำเอานายพลจอร์จหัวเสีย จึงรีบสั่งทหารของเขาทันที

    จอร์จ : เฮ้ย สั่งทหารให้หยุดยิงเดี๋ยวนี้ เกาะนั้นมีแต่ชาวบ้านทั้งนั้นนะเว้ย

    หลังจากนั้นปืนใหญ่ก็หยุดยิง นายพลจอร์จส่องกล้องมองไปอีกครั้ง ก็พบว่าบนเกาะไม่มีพวกโจรสลัดเลย มีแต่คนมาช่วยผู้หญิงและคนแก่ที่อยู่บนเกาะ

    จอร์จ : หน่วยข่าวกรองทำงานอะไรของมันเนี่ย

    ให้ทำยังไงต่อดีครับท่าน

    จอร์จ : สั่งให้หมอของเรารักษาคนที่นั่น ฉันอยากรู้เหมือนกันว่าหน่วยข่าวกรองกำลังทำอะไรอยู่

     

    กลับมายังฟิลล์บอน ในขณะนั้นเอง ดราโก้กำลังปรึกษากับอาร่า ว่าจะหนีไปจากฟิลล์บอนดีหรือไม่ โดยที่ในตอนนั้นเอง อาเรียได้รับโทรเลขจากสายของเธอที่อยู่ที่เมืองราดาส เมื่อเธออ่านข้อความในนั้นก็ตกใจ จากนั้นก็รีบไปบอกดราโก้ทันที

    อาเรีย : ทุกคนคะ แย่แล้วหล่ะ ตอนนี้เมืองราดาสแตกแล้ว

    ดราโก้ : ห่ะ จริงเหรอ นี่เร็วขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

    โคน่า : แล้วซิกนัสหล่ะ เป็นยังไงบ้าง บอกหน่อยสิคะ

    อาเรีย : หนีออกมาได้ค่ะ ตอนนี้ถอยไปที่แนวหลังอยู่ค่ะ

    อาร่า : ฉันว่า เรารีบหนีไปจากที่นี่ดีกว่านะคะคุณ

    คาลิมบ่า : นั่นสิ ผมเห็นด้วย รีบหนีไปจากที่นี่ดีกว่า

    อาเรียส : แล้วตอนนี้เราจะหนีไปที่ไหนได้หล่ะคะ

    คาเนส : อ้อ ผมจะพาทุกคนหนีไปที่ริงก้าก่อนครับ

    โคน่า : ว่าแต่ ที่ริงก้าจะปลอดภัยอย่างงั้นเหรอคะ

    ดราโก้ : พ่อว่าปลอดภัยนะ นายพลอาร์เธอร์มีกำลังพลพอจะสู้กับโซราบอลได้หล่ะ

    อาร่า : ถ้างั้นเดี๋ยวฉันจะรีบไปเก็บเสื้อผ้าก่อนนะคะ

    อาเรียส : ว่าแต่ซิกนัสหล่ะ เราจะไม่รอเขาหน่อยงั้นเหรอคะ

    คาลิมบ่า : ไม่ต้องห่วงหรอก หมอนั่นเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว งั้นเดี๋ยวผมไปเอางานวิจัยน้ำมันที่ศูนย์ก่อนนะ

    โคน่า : ฉันไปด้วย

    จากนั้นพวกเขาแยกย้ายกันไป บางส่วนก็ไปเก็บของเพื่อที่จะหนีออกจากฟิลล์บอน ส่วนโคน่ากับคาลิมบ่าก็รีบไปที่ศูนย์วิจัยเพื่อเก็บงานวิจัยของตนไปเก็บยังที่ปลอดภัย

     

    กลับมายังแคว้นเดลล์ ในตอนนั้นเอง นิโคลัสกับเอ็นเตรียมเดินทางไปยังแคว้นริงก้า เพื่อไปเสนอโปรเจ็กค์ทางรถไฟให้กับนายพลอาร์เทอร์ เขากับเอ็นเตรียมเงินเพื่อไปเสนอปล่อยกู้ ระหว่างทางที่รถม้ากำลังแล่นไป ในตอนนั้นเอง พวกเขาก็ถูกโจรปล้น พวกมันบุกเข้ามาพยายามจะชิงทุกอย่างที่มีค่า ในตอนนั้นเองเอ็นกับนิโคลัสก็ชักปืนออกมายิงพวกมัน แต่พวกมันก็ยังไม่ยอมถอยออกไป

    เอ็น : รีบไปจากที่นี่กันเถอะ // เอ็นไปควบม้าที่ด้านหน้า ซึ่งคนขับรถม้าถูกฆ่าตาย เอ็นพยายามหนีจากพวกมันที่ขี่ม้าไล่ตามพวกเขามา

    นิโคลัส : นี่ เร็วกว่านี้หน่อยได้หรือเปล่าเนี่ย

    เอ็น : ก็มันเร็วได้แค่นี้แหละ นายก็ยิงสู้กับมันสิ

    นิโคลัสยิงสวนปืนใส่พวกมัน แต่พวกมันยังไม่ลดละที่จะตามพวกเขาอยู่

    เอ็น : โอ้ย เมื่อไหร่จะถึงริงก้าหล่ะวะเนี่ย

    นิโคลัส : ไอ้ห่าเอ้ย นายก็ควบม้าให้มันเร็วๆหน่อยสิ

    แต่ในตอนนั้นเอง รถม้าของเขาก็เกิดเสียหลัก ทำให้รถม้าของพวกเขาพุ่งถลาเข้าไปในป่า แล้วก็แล่นไปตามป่าเรื่อยๆซึ่งเป็นน้ำตกสูง

    นิโคลัส : เฮ้ย หยุดรถม้าสิโว้ย // เอ็นพยายามดึงรถม้า แต่รถม้าของพวกเขาก็เผลอตกลงไปในน้ำตกนั้น พวกโจรพยายามตามไปดูแต่ก็ไม่เห็นร่อยรอยอะไรแล้ว

     

    และที่แคว้นเดลล์ เมืองวาดิส ในตอนนั้นเองอาร์เทมิสก็อยู่กับทหารของเธอเพื่อต่อสู้กับกลุ่มกบฏ และในช่วงเช้ามืดของวันนั้นเอง กองทัพกบฏก็บุกเข้ามาอีกครั้ง กองทัพของเธอพยายามสกัดพวกมันเอาไว้ แต่ครั้งนี้พวกมันมากันเยอะเกินไป เหมือนกับว่าพวกมันต้องการจะยึดเมืองของเธอให้ได้ พวกมันเอาปืนใหญ่ยิงถล่มกำแพงจากนั้นก็เตรียมทหารม้าบุกเข้าเมือง และในตอนนั้นเอง อาร์เทมิสเห็นธงผืนหนึ่งสีสันสะดุดตา เธอเห็นแล้วรู้ทันทีว่าเป็นธงของใคร

    อาร์เทมิส : ซารานิส แก ไอ้กบฏ!!

    พวกมันนำทหารม้าบุกเข้ามาในเมือง ทหารของอาร์เทมิสป้องกันได้อย่างเข้มแข็ง แต่พวกมันก็มีจำนวนมากเกินไป ทำเอาทหารของเธอต้องถอยเข้าไปตามถนนเรื่อยๆ จากนั้นก็ยิงสกัดพวกมัน อาร์เทมิสวิ่งหนีไปตามถนน โดยที่มีพวกมันตามล่ามาด้วย

    ท่านเลดี้ หลบเร็วหลังจากที่อาร์เทมิสหมอบลง ทหารของเธอก็ยิงพวกมันที่ตามมาจนตายหมด

    อาร์เทมิส : ขอบใจพวกเจ้ามากเลยนะที่ช่วยฉัน

    ท่านหญิงครับ เราต้านไม่ไหวแล้ว เราเสียเมืองแน่

    อาร์เทมิส : สั่งทหารทุกนายที่พอจะรบได้ หนีข้ามพรมแดนไปริงก้าทันที

    ทหารของอาร์เทมิสถอยร่นออกมาจากเมือง จากนั้นกลุ่มกบฏก็ยึดเมืองเอาไว้ได้ มีการสังหารทหารของอาร์เทมิสทั้งหมดที่จับได้อย่างเลือดเย็น

     

    กลับมายังแคว้นบาส์ก เมดและแพทหนีความผิดที่ฆ่าทหารต่างชาติตายไปหลบอยู่ที่เกาะแห่งเดิมซึ่งเป็นบ้านของโรส ซึ่งโรสเป็นคนพาพวกเธอสองคนหนีมาด้วย พวกเธอล่องเรือมาเรื่อยๆจนมาถึงเกาะบ้านของเธอเอง จากนั้นพวกเธอก็รีบเก็บเรือของเธอไว้แถวนั้น

    เมด : ขอบใจมากเลยนะโรสที่ช่วยพวกเรา

    แพท : ความจริงเธอไม่น่าลำบากที่ต้องมาช่วยฉันเลย

    โรส : ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ฉันรู้ว่าพวกเธอทำถูกต้องแล้ว

    แพท : ฉันว่าตอนนี้พวกมันกำลังามล่าเราอยู่แน่ๆเลย

    เมด : แถวนี้มีเกาะอื่นที่พอจะซ่อนตัวได้มั้ยอ่ะ

    โรส : มีจ้ะ อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่หรอก

    เมด : เราคงต้องไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่นั่นซักพักหน่ะ // ระหว่างนั้นเอง พวกเธอเห็นกองเรือของอเมริกากำลังล่องไปมาอยู่แถวนั้น เธอรู้ทันทีว่ากำลังถูกพวกมันตามล่าอยู่

    แพท : แย่หล่ะ สงสัยพวกมันคงมาตามหาแน่ๆ

    โรส : ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปซ่อนไว้ก่อนเอง

     

    กลับมายังแคว้นเดลล์ ขบวนของนอร์ดิก ซึ่งกำลังเดินทางไปยังริงก้า พร้อมกับเหล่าสมาชิกนักศึกษาอีกสิบกว่าคน เดินทางไปเรื่อยๆ จากนั้นก็คุยอะไรกันไปพลางๆ

    ซอล : นี่ พวกนาย พวกนายจะไปที่ไหนกันเหรอ

    นอร์ดิก : ฉันจะไปที่ริงก้า พ่อฉันสั่งเสียไว้ให้ฉันไปที่นั่น

    ไซโซ : ว่าแต่ พวกนายไม่กังวลอะไรนะ ถ้าเราจะไปจากที่นี่

    ซอล : ฉันเองอยากหนีไปตั้งนานแล้วหล่ะแต่ไม่มีโอกาสซะที

    เคจา : เฮ้อ อีกไกลมั้ยเนี่ยกว่าจะถึงริงก้าเนี่ย

    อาบาตู : ถ้าเราเดินทางอย่างรวดเร็ว ก็น่าจะไม่เกิน 2 วันขอรับ

    นอร์ดิก : นี่ก็ใกล้จะมืดแล้ว รีบตั้งแคมป์กันแถวนี้ก่อนดีกว่า

    พวกเขาแวะไปยังริมน้ำตกข้างทางที่อุดมสมบูรณ์แถวนั้น จากนั้นก็ตั้งแค้มป์ไฟ บางส่วนก็ไปหาปลาแถวน้ำตก หาของป่าแถวนั้น เมื่อทุกคนได้มาก็มานั่งล้อมวงกินกันอย่างสนุกสนาน

    นี่ซอลเพื่อน ฉันไม่ได้กินปลาย่างอร่อยๆแบบนี้มานานแล้วหว่ะ

    ซอล : เออ ได้กินแล้วก็เงียบๆไว้ซะนะเพื่อน

    ไซโซ : เฮ้อ เมื่อไหร่เราจะไปถึงริงก้าซะทีหล่ะเนี่ย

    เคจา : ไม่นานหรอก คุณอาบาตูบอกนี่ว่าอีกไม่กี่วันก็ถึงแล้วนี่

    นอร์ดิก : ถ้างั้น คืนนี้เรารีบนอนกันหน่อยดีกว่า แต่ต้องผลัดกันเฝ้ายามด้วยหล่ะ

    ซอล : ได้เลย เดี๋ยวเพื่อนๆฉันจะช่วยเฝ้ากันด้วย พวกนายไม่ต้องห่วงนะ

    หลังจากที่พวกเขาทานมื้อเย็นอย่างเอร็ดอร่อย พวกเขาก็นอนพักเพื่อรอจะเดินทางกันต่อสู่วันพรุ่งนี้

    ======================================================================

    การเดินทางกับเพื่อนใหม่ของนอร์ดิกจะมีอุปสรรคอะไรต่อไปหรือไม่ และพวกเขาจะไปถึงแคว้นริงก้าหรือไม่ ติดตามชมต่อตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยคร้าบ แหะๆ


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×