คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #34 : เข้าสู่สงครามโลก
หลังจากที่อเมริกาเข้าร่วมสงคราม
ข่าวนี้แพร่ไปทั่วทั้งโลก แบะเป็นข่าวดีจากทางยุโรป เพราะความช่วยเหลือจากอเมริกา
และกลับมาที่แอฟริกา หลังจากที่พวกของนาวินมาถึงจุดนับพบแรก
พวกเขาก็เจอกับทหารอาหรับขี่ม้าเดินมาต้อนรับพวกเขา
พวกเขาทุกคนดูท่าเคร่งขรึมกันมาก
“สวัสดีครับ พวกคุณมาจากไหนกันครับ”
นาวิน :
พวกเรามาจากอังกฤษ เรามาทำภารกิจหน่ะครับ นำทางเราไปที
“เชิญขี่ม้าแล้วตามเรามาครับ”
พวกเด็กๆดูท่าทางกังๆเกๆก่อนที่จะพยายามขี่ม้าไปยังค่ายทหารอังกฤษแห่งหนึ่ง
เมื่อพวกเขามาถึง พวกเขาก็เจอแต่ทหารที่นอนบาดเจ็บ พร้อมกับความวุ่นวายถึงขีดสุด
หลังจากที่พวกเขามาถึงได้ไม่นาน
มีนายทหารอังกฤษคนหนึ่งเดินเข้ามาต้อนรับพวกเด็กๆด้วยท่าทางที่กำลังยุ่ง
“สวัสดีครับ
พวกคุณคงจะมาจากทางลอนดอนสินะครับ ผมเคยได้ยินชื่อเสียงของคุณหน่ะ”
ออย :
ค่ะ ว่าแต่ ท่านเป็นใครกันหล่ะคะ
ชาร์ลี :
ผม ผู้พันชาร์ลี รับตำแหน่งให้ดูแลค่ายนี้
ผมกำลังต้องการความช่วยเหลือพอดีเลย
อเล็กซ์ :
มีอะไรหรือเปล่าคะ ดูท่าทางท่านกำลังเหนื่อยมากเลยนะคะ
ชาร์ลี :
ครับ ตามผมเข้ามาข้างในสิครับ // พวกเขาพาเด็กๆเข้าไปยังห้องวางแผนการรบห้องหนึ่ง
ซึ่งมีนายทหารคนอื่นๆกำลังประสานงานกันอยู่ทางโทรเลข
ชาร์ลี :
เฮ้อ ตอนนี้พวกอิตาลีกำลังรุกหนัก
ตอนนี้ได้ยินว่าทางเยอรมันให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ด้วย
แซค :
ตอนนี้กองพันรถถังของอิตาลีคงจะวนอยู่แถวนี้หล่ะครับ
โอ๊ค :
ตอนนี้พวกเขารู้หรือยังครับ ว่าตอนนี้ทางเยอรมันบุกโซเวียตแล้ว
ชาร์ลี :
ฉันพอจะรู้นะ ว่าซักวันหนึ่งมันต้องเกิดอะไรแบบนี้หน่ะ
ธิน :
ผมว่า ตอนนี้สิ่งที่เราต้องเน้นคือปืนยิงรถถังกับรถถังนะครับ
ชาร์ลี :
ผมเห็นด้วยนะ แต่ตอนนี้เราควรจะระวังรถถังของพวกเขานะ
นาวิน :
ผมว่านะ เราน่าจะใช้ทะเลทหารให้เป็นประโยชน์นะ
รถถังของพวกมันจะมีพิษสงอะไร ถ้าต้องมาขับวนกลางทะเลทรายแบบนี้หน่ะ
อเล็กซ์ :
จริงด้วย ถ้าน้ำมันพวกมันหมด พวกมันก็จบกัน
ชาร์ลี :
ความคิดคุณเยี่ยมไปเลย แต่พรุ่งนี้คุณจะต้องไปที่แนวหน้า
เพราะทหารอังกฤษของเรากำลังโดนไล่หนักเลย
แซค :
ครับ อีกไม่นานเราก็มีคนมาช่วยเราแล้วหล่ะ
ชาร์ลี :
แต่ตอนนี้เราต้องพึ่งทุกอย่างที่เรามีนะ ไปทำภารกิจกันต่อดีกว่านะ
โอ๊ค :
ก็ดีเหมือนกัน ฉันอยากจะยืดเส้นยืดสายเหมือนกัน
ธิน :
นั่นสิ อยากยิงคนมากๆเลยว่ามั้ยหล่ะ
กลับมาที่สหภาพโซเวียต
หลังจากที่โซเซียกับเอมมาถึงแนวหน้า
พวกเขาก็ได้รับหน้าที่ให้ทำการสังเกตการณ์สงครามในขณะนั้นทันที
“ตอนนี้สถานการณ์กำลังล่อแหลม พวกมันบุกเข้ามาทุกวันเลยเนี่ย”
เอม :
ท่าทางจะหนักมากเลยนะคะ ที่อังกฤษยังเทียบไม่ได้เลย
ในตอนนั้นเอง ออก้าที่กำลังเดินลาดตระเวน ในที่สุด
เขาก็หันหน้ามาเจอกับโซเซีย ออก้าไม่รอช้า วิ่งเข้ามากอดโซเซียเลยทันที
ออก้า :
นี่นาย โซเซีย รู้มั้ยฉันตามหานายมานานมากเลยนะ
โซเซีย :
นาย นายคือออก้า ที่เห็นในเยอรมันหรือเปล่าหน่ะ
โซเซีย :
ใช่แล้วหล่ะ ดีมากเลยที่นายจำฉันได้
เอม :
เออ นี่ พวกนายสองคนรู้จักกันงั้นเหรอ
และในตอนนั้นเอง นาตาชาที่กำลังเดินเล่นอยู่แถวนั้น
ก็เดินผ่านมาเจอพวกเขาทั้งคู่ เลยเข้าไปคุยด้วยทันที
นาตาชา :
เออนี่ พวกนาย ขอแจมด้วยคนได้หรือเปล่าเนี่ย
ออก้า :
ว่าแต่ นายมาทำอะไรที่นี่เหรอ
โซเซีย :
ฉันมาสังเกตการณ์สงครามหน่ะ
แล้วก็ช่วยเหลือเบื้องต้นในนามของอังกฤษหน่ะ
นาตาชา :
เฮ้อ กว่าทางอังกฤษจะมาช่วยได้ก็นานเลยนะ
เอม :
ว่าแต่ สถานการณ์ที่นี่เป็นยังไงบ้างหล่ะ
นาตาชา :
พวกนาซีมันพยายามจะบุกเข้ามาที่มอสโคว
แต่พวกมันไม่สามารถผ่านแนวของพวกเราได้หรอก
ออก้า :
ไปกับฉันสิ ฉันจะไปนายไปดูแถวนี้เองนะ
และอีกด้านหนึ่งของสนามเพลาะ
ในตอนนั้นเองฮิมมาร์คกำลังเตรียมกำลังพลเพื่อจู่โจมมอสโควอีกครั้ง
ในคราวนี้ฮิมมาร์คนำกองพลปืนใหญ่สั่งให้เตรียมถล่มแนวรับทุกที่ของโซเวียต
หลังจากที่ปืนใหญ่ยิงเข้าไป พวกเขาก็มองดูอย่างสะใจ
ฮิมมาร์ค :
จำไว้นะ ถ้าปืนใหญ่หยุดยิงเมื่อไหร่ บุกเข้าไปได้เลย
มิลเลอร์ :
ครับผม แต่พวกมันจะโดนทำลายอย่างงั้นเหรอครับ
ฮิมมาร์ค :
อ้อ แน่นอน คราวนี้ฉันไม่ยอมให้พวกมันรอดไปได้แน่ๆ
มิลเลอร์ :
ครับท่าน ตามที่ท่านต้องการเลยครับ
หลังจากที่ปืนใหญ่หยุดยิง
กองพลรถถังก็บุกเข้าไปยังที่มั่นของโซเวียต แต่พวกเขาก็โดนต่อต้านอย่างหนัก
พวกเขาบุกเข้าไปอย่างสิ้นหวัง แต่ก็ยังใจสู้เนื่องจากทหารเยอรมันมีวินัยอย่ามาก
ฮิมมาร์ค :
พยายามบุกเข้าไปทุกตารางนิ้วของสนามเพลาะพวกมันให้ได้
มิลเลอร์ :
ตอนนี้รถถังของเราเข้าไปไม่ได้มากกว่านี้แล้วครับ
ฮิมมาร์ค :
ก็เดินเท้ากันต่อไป คราวนี้ฉันจะไปเอง // ฮิมมาร์คหยิบปืนกลมือแล้วเดินเข้าไปในสนามเพลาะทันที
กลับมายังกองเรือของฮัมบูร์ก ณ ทะเลแห่งหนึ่งแถบสเปน
ฮัมบูร์กทำเป็นรับคำสั่งของฮิตเลอร์
แต่จริงๆแล้วเธอติดต่อกับคนของเธอที่ฐานลับเพื่อเตรียมก่อการอะไรบางอย่าง
ซึ่งถ้าทางเบอร์ลินรู้พวกเขาคงไม่ชอบใจแน่ๆ
ฮัมบูร์ก :
ฮัลโหล เดเต้ ที่ค่ายของเราเป็นยังไงกันบ้างหล่ะ
เดเต้ :
ตอนนี้ก็ยังโอเคอยู่หน่ะ พวกเราจัดการได้หน่ะ
อิสุซุ :
นี่ ฮัมบูร์กซัง เมื่อไหร่จะกลับมาหล่ะเนี่ย ฉันรออยู่นะ
ฮัมบูร์ก :
ห่ะ นี่เธอกลับมาเมื่อไหร่กันเหรอเนี่ย
บาวาส :
เธอกลับมาได้ซักแล้ว ระหว่างที่เธอกำลังลอยทะเลอยู่หน่ะ
มาสดิก :
แล้วนี่ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนงั้นเหรอ
ฮัมบูร์ก :
ตอนนี้กำลังไปเสริมกำลังที่คลองสุเอซอยู่หน่ะ
บาวาส :
เยี่ยมเลย ไปถึงแอฟริกาแล้วบอกพวกเราด้วยหล่ะ
มาสดิก :
เออนี่
ได้ยินข่าวจากเบอร์ลินว่ามีนักบินคนหนึ่งที่ชื่อเมอร์ลินอยากเจอกับเธอหน่ะ
ฮัมบูร์ก :
ห่ะ เมอร์ลินงั้นเหรอ ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนหล่ะ
เดเต้ :
ตอนนี้เขารักษาตัวที่เบอร์ลินอยู่หน่ะ
อิสุซุ :
ใช่ ว่าแต่เธอจะเอายังไงกับเขางั้นเหรอ
ฮัมบูร์ก :
ติดต่อคุณโจเซฟ ทำยังไงก็ได้ให้เขามาที่นี่ ฝากด้วยนะ
มาที่ค่ายกักกันแห่งหนึ่งที่ดาเชา
ฮิมม์เลอร์พาด็อกเตอร์จูเลียสไปทดลองสารตัวใหม่ที่จะฆ่าชาวยิวนับร้อยชีวิตที่อยู่ในห้องรมแก๊ส
ครั้งนี้พวกเขาอัดคนเข้าไปด้านในมากเกินไป เขาเกรงว่าสารจะกระจายตัวไม่เต็มที่
ฮิมม์เลอร์ : ด็อกเตอร์
ตอนนี้เราอัดคนเข้าไปด้านในแล้ว สารตัวนี้ของคุณจะได้ผลเหรอครับ
จูเลียส :
แน่นอน พวกมันจะตายอย่างทรมานที่สุดเลย
ฮิมม์เลอร์ :
แต่ว่า ครั้งนี้คุณสั่งให้คนเข้าไปด้านในเยอะกว่าปกติ ผมเกรงว่ามัน
จูเลียส :
ไม่ต้องห่วง สารตัวนี้ของผมจะจัดการให้ท่านดู
จูเลียสไม่รอช้า สั่งใส่สารตัวใหม่เข้าไปด้านใน
หลังจากที่สารเริ่มกระจายตัว คนยิวที่อยู่ด้านในก็เริ่มจะทุรนทุราย
ทรมานสาหัสเนื่องจากแก๊สที่อยู่ด้านใน หลังจากนั้นไม่นาน
พวกเขาทั้งหมดก็นอนแน่นิ่งไปเลย
ฮิมม์เลอร์ :
ด็อกเตอร์ การทดลองได้ผลเกินคาดเลยครับ
จูเลียส :
แน่นอน สารพวกนี้รอการสั่งซื้อจากท่านครับ
ฮิมม์เลอร์ :
เดี๋ยวผมจะสั่งซื้อล็อตแรกในไม่นานนี่แน่นอน
จูเลียส :
ขอบคุณมากครับ
กลับมายังเบอร์ลิน หลังจากที่เมอร์ลินหนีมาได้
เขาถูกนำตัวไปส่งที่สำนักงานใหญ่ เพื่อรอคำสั่งต่อไป ในขณะนั้นเอง
โจเซฟก็โผล่มาเยี่ยมเขาในขณะที่เขากำลังนั่งพักอยู่
โจเซฟ :
สวัสดีครับคุณเมอร์ลิน
เมอร์ลิน :
ห่ะ ท่านโจเซฟ สวัสดีครับท่าน
โจเซฟ :
ดีใจนะที่คุณรอดมาจากอังกฤษได้หน่ะ
เมอร์ลิน :
ผมคงโชคดีด้วยหล่ะมั้งครับ
โจเซฟ :
อ้อ ผมมีภารกิจใหม่ให้คุณทำ คุณต้องไปเจอกับฮัมบูร์กทันที
เมอร์ลิน :
ฮัมบูร์กเหรอครับ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนครับ
โจเซฟ :
ตอนนี้เธอกำลังทานลับอยู่ที่เกาะแห่งหนึ่ง แถวนอร์เวย์หน่ะ
เมอร์ลิน :
ครับท่าน ว่าแต่ผมจะไปได้เมื่อไหร่หล่ะครับ
โจเซฟ :
ผมจะส่งคุณไปในวันนี้เลย เตรียมตัวให้พร้อมก็แล้วกัน
กลับมายังลอนดอน จูเลียสกับเคทกำลังเตรียมตัวเพื่อเดินทางไปยังแอฟริกา
จูเลียสได้รับชุดเครื่องแบบใหม่จากนั้นเขาก็แต่งตัวเพื่อออกเดินทางไปยังแอฟริกาตามที่เขาได้ขอไว้
เคท :
นี่คุณ ทำไมคุณถึงอยากไปแอฟริกาหล่ะ
จูเลียส :
ได้ยินว่าที่แอฟริกาตอนนี้รบกันหนักเลยหล่ะ
เคท :
อ้อ คุณอยากไปเที่ยวที่นั่นมานานแล้วใช่หรือเปล่าหล่ะ
จูเลียส :
ก็ทำนองนั้นหล่ะ แล้วอีกอย่างเพื่อนเราก็ไปที่นั่นด้วยนะ
เคท :
ห่ะ เพื่อนเรา พวกของอเล็กซ์เขาเหรอ
จูเลียส :
ใช่ ผมว่าจะลองไปช่วยเขาด้วยนะ
เคท :
ก็ดีนะ // เคทพูดพลางใส่เนคไทให้กับจูเลียสใหม่
ก่อนที่จะออกเดินทางไป
และที่กรุงลอนดอน หลังจากที่พิมได้ทำการประชุมหารือเกี่ยวกับการที่ญี่ปุ่นบุกยึดประเทศไทย
พวกเขาได้ข้อสรุปว่าพวกเขาจะเป็นแกนนำหลักต่อต้านญี่ปุ่นที่เข้ามาในไทย
และเหมือนเดิม เจลามี่มารอรับเธออีกแล้ว แล้วทั้งคู่กำลังจะกลับบ้านด้วยกัน
แต่คราวนี้ พวกเขาดันมาเจอผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาพยายามจะคว้าเจลามี่ไปจากพิม เธอไม่รอช้าแนะนำตัวกับเจลามี่ทันที
“สวัสดีค่ะคุณ ดิฉันชื่อแอฟ
ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
พิม :
นี่ แอฟ เธอมายุ่งอะไรด้วยหล่ะเนี่ยห่ะ
“เอ้า ทำไมจะยุ่งไม่ได้งั้นเหรอ
ไม่มีป้ายแขวนซะหน่อย”
เจลามี่ :
ว่าแต่ คุณมีธุระอะไรกับผมอย่างงั้นเหรอ
แอฟ :
ฉันอยากให้คุณพาฉันไปหาไรกินหน่อยหน่ะ
พิม :
ท่าทางเพื่อนคุณจะรีบนะ ฉันไปก่อนหล่ะ
เจลามี่ :
เดี๋ยวก่อนสิครับ ผมไม่รู้จักเธอเลยนะครับ เพื่อนคุณเหรอ
แอฟ :
ทำไมเหรอพิม เพื่อนเธอคนนี้มีอะไรเป็นพิเศษงั้นเหรอ
พิม :
เขาไม่ใช่เพื่อน เขาเป็นแฟนฉัน พอใจหรือยัง // พิมพูดจากนั้นก็พยายามดึงเจลามี่
ณ เมืองแห่งหนึ่งในสหภาพโซเวียต
สายของซาบอนพาเขามายังร้านค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งสายของซาบอนแจ้งมาว่าเป็นแหล่งชุมนุมของเหล่าสมาชิกคอมมิวนิสต์ดังๆ
ซาบอนปลอมตัวเป็นนักท่องเที่ยวคอยไปสืบความลับในนั้น
ซาบอน :
รอฉันอยู่ที่นี่ เดี๋ยวฉันจะเรียกเองถ้ามีอะไร
เขาบอกกับลูกน้องของเขา
ก่อนที่จะแกล้งทำเป็นสมาชิกคนหนึ่งในพรรคคอมมิวนิสต์ แต่เขาปกปิดหน้าตาของตัวเอง
แล้วเขาก็ไม่ผิดหวัง เมื่อเขาเห็นเหล่าสมาชิกของพรรคคอมมิวนิสต์ต่างมารวมตัวกัน
รวมทั้งเป้าหมายของเขาด้วย ซึ่งเขาแกล้งเข้าไปตีสนิทด้วยในทันที
ซาบอน :
สวัสดีครับ ให้ผมเลี้ยงเหล่ามั้ยครับ
“ครับ ว่าแต่ สำเนียงคุณเหมือนผมเลยแหะ
มาจากเบลเยี่ยมหรือเปล่าครับเนี่ย”
ซาบอน :
ใช่ครับ ผม เอ็ดเวิร์ด ซีร์ครับ
“อ้าว ในที่สุดผมก็ได้เจอชาวเบลเยี่ยมซะที
ว่าแต่คุณใช้ผ้าปิดปากทำไมหล่ะ”
ซาบอน :
ผมแพ้อากาศนิดหน่อยหน่ะครับ
เขาแกล้งทำเป็นผูกมิตรกับชายคนนั้น
เพื่อที่จะหาทางจับตัวเขาไปให้ทางนาซี
และอีกด้านหนึ่ง บนเครื่องบินสัญชาติอิตาลี
ที่เครื่องเพิ่งจะจอดลงที่สนามบินแห่งหนึ่งถบชายแดนโปแลนด์
จากนั้นเองนูโวร่าก็เดิลงจากเครื่องบินพร้อมกับลูกน้อง
ในตอนนั้นเองมีชายคนหนึ่งมารอต้อนรับเธอกับพรรคพวกในทันที
“สวัสดีครับ คุณนูโวร่าหรือเปล่าครับ”
นูโวร่า :
ใช่ค่ะ ว่าแต่คุณเป็นใครงั้นเหรอ
“ผมเป็นสายอิตาลีในโซเวียตหน่ะ
เรากำลังรอคุณอยู่พอดีเลย”
กลับมายังกรุงลอนดอน สำนักงานข่าวกรอง
หลังจากที่สหรัฐอเมริกาเพิ่งจะประกาศสงครามไม่นาน
ทางอังกฤษก็ได้รับคำสั่งให้ถอดรหัสกองเรือของเยอรมันที่กำลังเคลื่อนไหวอะไรบางอย่าง
คาริน่า :
นี่ ทุกคน ดูนี่สิ
ดูเหมือนว่าทางเยอรมันกำลังจะเดินทางไปที่แอฟริกานะ
“ใช่สิคาริน่า
ตอนนี้กำลังรบกันหนักเลยนี่”
คาริน่า :
ว่าแต่ เท่าที่ดู เหมือนพวกมันจงใจจะหลอกเรานะ
“หลอก เรื่องอะไรงั้นเหรอ ฉันไม่เข้าใจ”
คาริน่า :
กองเรือพวกเขาเข้าสู่คลองสุเอซแล้ว แต่บางส่วนยังวนเวียนอยู่แถวสเปนนะ
“พวกมันอาจจะพยายามหลอกเราอยู่หรือเปล่า”
คาริน่า :
อาจเป็นไปได้ ยังไงก็รวบรวมข้อมูลมาให้ได้มากที่สุดก่อนก็แล้วกัน
“ได้เลย เรากำลังจัดการอยู่หน่ะ”
กลับมายังสหรัฐอเมริกา รัฐแอริโซน่า
หลังจากที่โคเวอร์กลับบ้านมาได้ไม่นาน เขาก็พบว่าแม่ของเขากำลังร้องไห้อย่างหนัก
ก่อนที่แม่ของเขาจะมากอดเขาเอาไว้
“ลูก พ่อของเราเขาจากเราไปแล้วนะ”
โคเวอร์ได้ยินดังนั้นจึงร้องไห้แล้วเข่าทรุดลงกับพื้น
แมของเขาพยายามช่วยปลอบใจเขาเอาไว้
“ทำใจนะลูก พ่อเขาไปสบายแล้วนะ”
โคเวอร์ :
พ่อยังไม่เห็นผมตอนที่เป็นทหารเลยนะครับแม่
“แม่รู้
ซักวันพ่อจะต้องเห็นในสิ่งที่ลูกทำนะ”
โคเวอร์ :
ผมจะกลับไปที่กองทัพครับแม่ ผมจะไปรบครับ
“นี่ลูก แม่ไม่อยากเสียลูกไปอีกคนนะลูก”
โคเวอร์ :
ไม่ต้องห่วงหรอกครับแม่ ผมไม่เป็นไรหรอกครับ
“ถ้างั้น ก็ระวังตัวให้มากๆนะลูกแม่”
โคเวอร์ :
ครับแม่ แล้วผมจะกลับมาหาแม่ให้ได้ครับ
และที่ทะเลแห่งหนึ่ง
ซึ่งกองเรือรบอเมริกาได้รับคำสั่งให้ไปที่แอตแลนติก
อีแวนคอยดูอาการนักบินญี่ปุ่นอยู่ไม่ห่าง
จนกระทั่งเขาฟื้นขึ้นมาเพราะทหารอเมริกาช่วยนักษาเขาเอาไว้
เริ่มแรกชินอิจิตกใจที่พบว่าทหารข้าศึกอยู่รอบตัวเขา
อีแวน :
ไม่ต้องกลัว ที่นี่ไม่มีใครทำอะไรคุณหรอก
ชินอิจิ :
ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วคุณเป็นใครครับเนี่ย
อีแวน :
ผมอีแวน ผู้บัญชาการทัพเรือที่นี่หน่ะ
ชินอิจิ :
ผมชินอิจิ นักบินญี่ปุ่นที่เพิ่งโดนหักหลังครับ // ทั้งคู่จับมือกัน ก่อนที่อีแวนจะสงสัยอะไรบางอย่าง
อีแวน :
คุณบอกว่าคุณถูกหักใคร ใครทำอะไรคุณงั้นเหรอ
ชินอิจิ :
ผมโดนนักบินในกองทัพด้วยกันยิงผมจนตกหน่ะครับ ผมรู้ว่ามันเป็นใคร
อีแวน :
แล้วจากนี้คุณจะทำยังไงต่องั้นเหรอ
ชินอิจิ :
ผมก็ไม่รู้ ผมกลับไปก็ไม่ได้แล้ว
พวกมันคงจะหาว่าผมเป็นคนทรยศหน่ะครับ
อีแวน :
งั้นคุณก็อยู่ที่นี่ไปก่อนก็ได้ ผมมีงานให้คุณทำหน่ะ
ชินอิจิ :
คุณจะให้ผมทำอะไรอย่างงั้นเหรอ
อีแวน :
เดี๋ยวผมจะบอกคุณทีหลังเอง ตอนนี้คุณพักผ่อนก่อนดีกว่านะ
กลับมายังอเมริกา หลังจากที่อเมริกาเข้าสงครามได้ไม่นาน
ซุนฮยอนก็ได้ทำการทดลองอาวุธชนิดใหม่ร่วมกับไอน์สไตน์ ซึ่งอาวุธชนิดนี้อาจจะเปลี่ยนโฉมสงครามได้
แต่มันต้องใช้เวลามากเพราะมันยังไม่สามารถดัดแปลงมาเป้นอาวุธได้
และยังต้องแข่งกับพวกนาซีที่กำลังคิดค้นมันอยู่
ซุนฮยอน :
ไม่ทราบว่าสารตัวนี้มันมีอะไรพิเศษครับท่าน
ไอน์สไตน์ :
มันเป็นพลังงานพิเศษ ซึ่งคุณจินตนาการมันไม่ออกหรอก
ซุนฮยอน :
หวังว่ามันจะทำให้สงครามจบโดยเร็วนะครับ
ไอน์สไตน์ :
แน่นอนครับ ผมรับรองได้เลย
ซุนฮยอน :
ตอนนี้พวกญี่ปุ่นก็เข้าสงครามแล้ว มันอาจกำลังทำเหมือนเราก็ได้ครับ
ไอน์สไตน์ :
ไม่หรอกครับ พวกญี่ปุ่นยังไม่มีศักยภาพขนาดนั้นครับ
ซุนฮยอน :
แต่ผมไม่ใจพวกมันเท่าไหร่หน่ะครับ แต่เอาเถอะครับ
ผมรู้ว่ายังไงอเมริกาต้องชนะสงครามแน่นอนครับ
ไอน์ไตน์ :
ใช่ครับผม
กลับมายังเนเธอร์แลนด์
ในขณะที่กองทัพนาซียังคงตามล่าชาวยิว
ลอร่าและแมทธิวพยายามเอาตัวรอดจากพวกนาซีทั้งวันทั้งคืน
พวกมันค้นบ้านทุกหลังรวมถึงสถานที่หลายๆแห่งซึ่งชาวยิวอาศัยและเป็นเจ้าของ
พวกมันพยายามค้นหาสองพี่น้องคนนี้เพราะเป็นตัวแสบที่ทางนาซีต้องการตัวเหมือนกัน
“สองพี่น้องนั่นมันอยู่แถวนี้แน่เหรอ”
“ฉันก็ไม่รู้ แต่ถ้าฉันจับมันได้
ฉันไม่เอาไว้แน่” ในขณะเดียวกัน
สองพี่น้องก็แอบฟังพวกมันอยู่ห่างๆ จากนั้นทั้งคู่ก็ปรึกากันทันที
แมทธิว :
เธอว่า เราควรจะหนีไปจากที่นี่ดีหรือเปล่า
ลอร่า :
เราจะหนีไปไหน พวกมันคุมทั้งท่าเรือและสนามบินนะ
แมทธิว :
ฉันมีเรือที่ไว้ใจได้ จะพาเราไปอังกฤษหน่ะ
ลอร่า :
นายว่าเขาจะไว้ใจได้งั้นเหรอ
แมทธิว :
แน่ใจสิ แต่ฉันจะลองหาทางติดต่อกับพวกเขาก่อนก็แล้วกัน
ลอร่า :
ก็ขอให้รีบหน่อยหล่ะ ไม่งั้นเราตายที่นี่แน่ๆ
กลับมายังประเทศไทย
หลังจากที่ไทยยอมแพ้ญี่ปุ่นและยอมให้ญี่ปุ่นผ่านเข้าประเทศ
ข่าวนี้แพร่ไปทั่วประเทศ รัตในตอนนั้นที่เพิ่งจะเสียใจกับความพ่ายแพ้
แต่ในตอนนั้นเอง มีชายคนหนึ่งมาพาเขาไปยังที่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีรถรอไว้แล้ว
รัต :
นี่คุณเป็นใครกันเนี่ย // ชายคนนั้นเปิดผ้าปิดหน้า
เขาคือพลเรือชาติพันธ์นั้นเอง
ชาติ :
สวัสดีครับ ผมว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันหน่อยหล่ะ
รัต :
ท่านชาติครับ มีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ
ชาติ :
ตอนนี้เราต้องรีบออกจากไทยโดยด่วน ไม่งั้นจะไม่ทัน
รัต :
แล้วเราจะไปที่ไหนเหรอครับท่าน
ชาติ :
เราจะไปอังกฤษ
คุณเสนีย์กำลังจะก่อตั้งขบวนการต่อต้านญี่ปุ่นในไม่ช้า
รัต :
แต่ว่า แล้วพ่อผมหล่ะครับท่าน
ชาติ :
ไม่ต้องห่วง ผมบอกพ่อคุณแล้วหล่ะ ท่านให้นี่มากับคุณด้วย // ชาติให้สร้อยเส้นที่รัตหวงมากให้กับรัต รัตหยิบมันมาสวมในทันที
ชาติ :
เราต้องรีบไปจากที่นี่ ก่อนที่พวกญี่ป่นจะปิดชายแดน
เราจะไปที่พม่ากันก่อน
รัต :
ได้ครับท่าน ผมพร้อมรับคำสั่งครับ // ชาติพารัตขึ้นรถของเขาข้ามชายแดนพม่าเพื่อไปต่อที่อังกฤษ
เพื่อดำเนินการต่อต้านพวกญี่ปุ่น
มาที่กรุงเคียฟ
ซึ่งที่เป็นสถานที่ๆดอร์ชมันต์ต้องมาทำงานเพื่อจัดการกับพวกยิวและผู้ต่อต้านทั้งหลาย
ซึ่งบ้านหลังใหม่เป็นบ้านหลังใหญ่ที่น่าอยู่มากๆ พื้นที่ใช้สอยมากมาย
มีบรรดาคนรับใช้คอยดูแลเป็นอย่างดี
ดอร์ชมันต์ :
ที่นี่เป็นยังไงบ้างครับ ผมหวังว่าคุณจะชอบนะ
กัส :
ฉันชอบที่นี่จริงๆค่ะ
ดอร์ชมันต์ :
เดี๋ยวผมจะพาคุณไปพักผ่อนนะครับ
กัส :
แล้วคุณจะไม่อยู่กับฉันก่อนงั้นเหรอคะ
ดอร์ชมันต์ :
ผมมีงานต้องทำหน่ะ คนที่นี่จะคอยรับใช้คุณนะครับ
กัส :
อ้อค่ะ
และอีกด้านหนึ่ง วิคเตอร์กับเทราน์เนอร์พยายามจะมายังรัสเซียเพื่อหางานใหม่ทำ
แล้วก็แก้แค้นดอร์ชมันต์ไปด้วย
เขาลากเทราน์เนอร์มาด้วยเพราะเป็นเพื่อนคนเดียวของวิคเตอร์
พวกเขามาถึงโดยไม่ค่อยอยากจะเต็มใจมากซักเท่าไหร่
วิคเตอร์ :
ในที่สุดเราก็มาถึงซะทีนะ นายว่ามั้ย
เทราน์เนอร์ :
นั่นดิ แต่ที่นี่หนาวชิบเป๋งเลยเนี่ย
วิคเตอร์ :
ตอนนี้ฉันกำลังตามล่าดอร์ชมันต์อยู่
อย่าให้ฉันรู้นะว่ามันอยู่ที่ไหน
เทราน์เนอร์ :
นี่ ไหนว่าเรามาคุมค่ายกักกันที่นี่ไง
วิคเตอร์ :
เอาน่า ยังไงก็มาทำสองอย่างนี่แหละ
เทราน์เนอร์ :
ว่าแต่ ค่ายกักกันมันอยู่ที่ไหนหล่ะเนี่ย
วิคเตอร์ :
เดี๋ยวจะมีรถมารับเราที่นี่หน่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก
กลับมายังอังกฤษ หลังจากที่อลิสกับรินทำงานที่โรงน้ำชาของฮินาโกะ
ซึ่งมีแขกระดับสูงมากมายมาใช้บริการที่นี่ ทั้งนักการเมืองและทหาร
มารวมตัวกันที่นี่โดยไม่ได้นัดหมาย
ทั้งสองคนได้ข้อมูลมามากพอที่จะเอากลับไปยังสำนักงาน
ในตอนนั้นเองเธอก็ใช้เครื่องสื่อสารที่เตรียมมาส่งข้อมูลทันที
ริน :
หวังว่าข้อมูลที่ได้มาจะมากพอนะพี่
อลิส :
แน่นอน ข้อมูลพวกนี้เป็นประโยชน์มากสำหรับพวกเรา
ระหว่างนั้นเอง ฮินาโกะก็เดินมาหาพวกเธอทั้งสองคน
โดยที่ถือสาเกมาด้วย
ฮินาโกะ :
หวัดดีจ้ะสาวๆ ใจคอจะไม่รอฉันหน่อยเหรอ
อลิส :
คุณฮินาโกะคะ คุณก็ได้ข้อมูลมาเหรอคะ
ฮินาโกะ :
แน่นอน ฉันแอบไปรู้แบบแปลนของเครื่องบินพวกมันด้วย
แล้วข้อมูลของพวกเธอหล่ะ
ริน :
ดิฉันมีข้อมูลว่าพวกอเมริกาจะส่งเสบียงมาช่วยอังกฤษหน่ะค่ะ
ฮินาโกะ :
แสดงว่ามันต้องมีเส้นทางการเดินเรือมาด้วยแน่ๆ
อลิส :
แน่นอนค่ะ เราได้ทั้งเส้นทางแล้วก็จุดพักของพวกมันด้วยค่ะ
ริน :
แบบนี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วหล่ะนะคะ
ฮินาโกะ :
มาแค่ไม่กี่วันก็ได้มาเยอะขนาดนี้ พวกเธอนี่สุดยอดจริงๆนะ
กลับมายังเบอร์ลิน
วันหนึ่งโยชิตะได้รับคำสั่งให้ไปรายงานตัวที่เบอร์ลิน หลังจากที่เขามาได้ไม่นาน
เขาก็ไปรายงานตัวกับผู้บัญชาการของเขาในทันที ซึ่งเขากำลังรอโยชิตะอยู่
โยชิตะ :
สวัสดีครับ ท่านมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก
ความสามารถของคุณมันเกินกว่าที่จะอยู่ที่นี่ ผมจะส่งคุณไปแอฟริกาหน่ะ”
โยชิตะ :
ท่านจะให้ผมไปรบเหรอครับ
“ผมจะให้คุณไปเป็นเสนาธิการทหารหน่ะ”
โยชิตะ :
ครับ ว่าแต่ ผมจะต้องไปเมื่อไหร่ครับ
“อีก 3 วัน
คุณไปเตรียมตัวมาได้เลย เราจะรอคุณ”
โยชิตะ :
ได้เลยครับท่าน
กลับมายังแอฟริกา
ลูก้าเคลื่อนพลรถถังของเขาเพื่อบุกเข้าไปยังแนวรบของอังกฤษ ซึ่งในตอนนั้นกองทัพของเขาบดขยี้ศัตรูไปได้มากมาย
ปืนใหญ่อังกฤษพยายามยิงสกัดรถถังของพวกเขาไม่ให้เคลื่อนไปไหน
“ท่านครับ เราจะเอายังไงต่อดีครับ”
ลูก้า :
ให้รถถังเบาของเรากระหนาบข้างพวกมันไว้
“ตอนนี้รถถังเรากำลังปะทะกับมันอยู่นะครับ”
ลูก้า :
อย่าเพิ่งปะทะกับมันตรงๆ ตอนนี้พวกมันยังเป็นต่อเราอยู่
“ได้ครับ ผมจะจัดการเองครับ”
ลูกน้องของลูก้าเคลื่อนรถถังเบาตีกระหนาบข้างของปืนใหญ่
จากนั้นก็นำกำลังคนบุกเข้าไปจัดการกับทหารอังกฤษที่กำลังป้องกันอยู่
ลูก้า :
พวกมันล่าถอยแล้ว บุกเข้าไปเลย
ทหารเยอรมันเข้าชาร์จศัตรูที่กำลังถอยหนี
ครั้งนี้พวกเขาได้ชัยอย่างงดงาม และอีกด้านหนึ่ง กองทัพอังกฤษที่กำลังหนี
เทเรซ่ารีบพาคนเจ็บขึ้นรถหุ้มเกราะ โดยที่ทหารอักษะยังไล่ตามพวกเขามาเรื่อยๆ
เทเรซ่า :
ผู้กองคะ พาคนเจ็บไปขึ้นรถก่อนเร็วค่ะ
“เทเรซ่า คุณรีบหนีไปก่อนดีกว่า”
เทเรซ่า :
แต่พวกเขายังบาดเจ็บอยู่นะคะ
“ไม่ต้องห่วง
พวกเขาพร้อมสละชีพเพื่อชาติของพวกเขาครับ”
เทเรซ่า :
ตอนนี้ชีวิตพวกเขาก็สำคัญนะคะ
“เราต้องเสียส่วนน้อย เพื่อคงส่วนใหญ่ไว้
คุณทำอะไรไม่ได้หรอกเทเรซ่า”
เทเรซ่าต้องยอมกัดฟันขึ้นรถไป
พวกเขารีบถอนกำลังก่อนที่ทหารเยอรมันจะมาจับตัวพวกเขาเป็นเชลย ทหารอังกฤษหนีข้ามทะเลทรายเพื่อกลับไปรวมพลกันต่อที่ลิเบีย
===================================================================
ทหารอังกฤษพยายามจะถอยกลับ ในขณะที่ทั่วโลกสงครามกำลังปะทุ เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามชมต่อตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วยครัช แหะๆ
ความคิดเห็น