ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Time To Kill Nazi - ข้ามเวลาฆ่านาซี

    ลำดับตอนที่ #3 : ย้อนเวลา (มีเรื่องแจ้งให้ทราบ โปรดอ่านให้จบ)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 931
      31
      24 เม.ย. 61

    เช้าวันหนึ่งในเมืองใหญ่ ที่เหมือนจะไม่มีอะไรที่ผิดแปลกไปจากปกติ ผู้คนเดินสัญจรไปมาตามถนน รถราก็เคลื่อนไปมา ในขณะเดียวกัน ในห้องนอนของชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งก็ดูเหมือนเป็นชายหนุ่มธรรมดาทั่วไป แต่…..

    กริ๊ง!!!

    เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่นห้อง ชายคนนั้นตื่นขึ้นมาด้วยสภาพที่ยังไม่พร้อมจะทำอะไร แต่ก็ต้องตื่น เพราะการเรียนของเขามันบังคับนี่หน่า

    เขาเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวจนเสร็จ จากนั้นเขาก็หยิบกำไลข้อมือคู่หนึ่งที่อยู่บนโต๊ะ ซึ่งมันไม่ใช่กำไลธรรมดา มันเป็นมรดกของคุณปู่ของเขา ซึ่งเขาดูเหมือนไม่ค่อยจะอยากได้เท่าไหร่

    เขานั่งรถเมล์สายเดิมไปยังมหาวิทยาลัยของเขา สภาพในตอนนั้นมีแต่ความกดดัน การแข่งขัน แล้วก็ความวุ่นวายอีกหลายๆอย่างที่เขาอยากจะหลีกหนี เขาอดทนจนมาถึงหน้ามหาวิทยาลัย ในระหว่างที่กำลังจะเดินไป เขาโดนตบหัวเบาๆทักทายจากด้านหลังจากมือปริศนา จากนั้นคนตบก็ตะโกนใส่เขา

    นี่ รู้หรือยังว่าฉันมาเนี่ย ห่ะ ไอ้วิน

    ซึ่งเราก็รู้แล้ว ว่าเขาชื่อวิน แล้วเขาก็ทักทายเพื่อนขอเขากลับไป

    เฮ้อ โอ๊ค วันนี้ทำไมมาเร็วกว่าฉันอีกเนี่ย

    ก็เพื่อมาดักรอนายก่อนไงหล่ะโอ๊คตอบกลับไป จากนั้นก็มีสาวน้อยคนหนึ่งขี่สเก็ตบอร์ดมาทักทายพวกเขาทั้งสองคน

    นี่ คุยอะไรกันอยู่เนี่ยหนุ่มๆสาวน้อยคนนั้นวิ่งไปตบกบาลเขาทั้งสองทักทาย

    นี่ อเล็กซ์ กวนบาทาตลอดเลยนะโอ๊คตอบไปแบบงอนๆ

    อเล็กซ์ : อะไร งอนเค้างั้นเหรอ

    นาวิน : ช่างมันก่อนเถอะ ตอนนี้เรารีบไปเข้าเรียนก่อนดีกว่า

    ทั้งสามคนเดินไปยังคณะของตน โดยที่มีชายคนหนึ่งตามมาสบทบด้วย ซึ่งเป็นเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกันของนาวินนั้นเอง

    ธิน : นาวิน ในที่สุดแกก็มาซะที

    นาวิน : โธ่เพื่อน วันนี้มาเช้าผิดปกตินะเนี่ย

    ธิน : ก็อยากมาเช้าบ้าง อยากชนะสองคนนี้บ้าง

    อเล็กซ์ : ฝันเถอะ ฉันไม่ยอมให้นายชนะฉันหรอก // เธอพูดพลางควงสเก็ตบอร์ดไปด้วย

    โอ๊ค : เห็นแล้วอยากพังสเก็ตบอร์ดเล่นจัง

    อเล็กซ์ : นายคิดจะทำบ้าอะไรห่ะ // เธอพูดแล้วง้างหมัดจะต่อยโอ๊ค

    แต่ไม่ทันไร ก็มีชายหญิงกลุ่มหนึ่งเดินมาหาพวกเขา พวกนั้นทำท่าจะเข้ามาหาเรื่องพวกเขา

    หวัดดีไอ้นาวินเจ้าเก่าเขาทักทายนาวินแบบไม่ค่อยเต็มใจ

    นาวิน : อ้าว เทราน์เนอร์งั้นเหรอ

    อเล็กซ์ : เฮ้อ ทีมงานเทราน์เนอร์ปัญญาอ่อนอีกแล้วเหรอเนี่ย

    ฮัมบูร์ก : เธอว่าใครปัญญาอ่อนห่ะยัยบ้า

    อลิส : ใช่ๆ อยากมีเรื่องกับพวกเราอย่างงั้นเหรอ // เธอพูดพลางจะเตรียมบวกกับพวกเขา

    โยชิตะ : ใจเย็นๆสิพี่ จะมีเรื่องอะไรกันตอนนี้หล่ะ // เขาพูดพลางห้ามทุกคนไว้

    อเล็กซ์ : นี่ บอกให้พี่ๆเธอระวังปากไว้บ้างก็ดีนะโยชิตะ

    เทราน์เนอร์ : เฮ้อ พวกเราไปกันดีกว่า เบื่อขี้หน้าคนแถวนี้จังเลยหว่ะ // พวกเขาพูดพลางเดินหนีไปอีกทางหนึ่ง ปล่อยให้พวกของนาวินได้แต่เจ็บแค้น จากนั้นไม่นานก็มีรุ่นน้องคนหนึ่งเดินมาหาพวกเขา ซึ่งนั่นก็คือโซเซียนั้นเอง

    โซเซีย : โห พวกพี่ มีเรื่องกันตั้งแต่เช้าเลยนะเนี่ย

    ธิน : ทำยังไงได้หล่ะ พวกนั้นมาหาเรื่องก่อนนี่หน่า

    โอ๊ค : แล้วนี่ นายมากับใครหล่ะเนี่ย

    โซเซีย : ผมมากับพี่แซคเขาหน่ะ // พูดไม่ทันขาดคำ แซคก็เข้ามาพอดีเลย

    แซค : หวัดดีทุกคน รอนานหรือเปล่าหล่ะเนี่ย

    นาวิน : เออ ไม่นานหรอก พวกเรามาครบก็ดีแล้ว ไปเข้าเรียนกันดีกว่า // แต่ทันใดนั้น มีเสียงจากหญิงสาวสองคนตามไล่หลังมา ซึ่งเธอเป็นคนคุ้นเคยของกลุ่มนี้นี่เอง

    เอม : สวัสดีจ้าทุกคน รอนานหรือเปล่าอ่ะ ไปเข้าเรียนกันเถอะ

    ออย : แหม่เธอ จะไม่ให้ฉันได้เตรียมตัวอะไรก่อนเลยเหรอ // เธอนำหน้าไปก่อน ปล่อยให้ทุกคนงงกันเป็นแถว แต่พวกเขาก็แยกย้ายกันไปเข้าเรียน

    จากนั้นเอง พวกเขาก็ไปเข้าเรียนตามเวลาที่กำหนด จนกระทั่งเลิกเรียน พวกเขาก็มารวมตัวกันที่ม้านั่งแถวโรงอาหารเพื่อนั่งพักเหนื่อย ระหว่างที่นั่งคุยกัน แซคเปิดประเด็นในการคุยทันที

    แซค : เออนี่วิน กำไลนี่สวยจังหว่ะ แต่ทำไมนายไม่ใส่พร้อมกันสองวงหล่ะ

    วิน : คือ เรื่องมันซับซ้อนหน่ะ

    โอ๊ค : มันซับซ้อนยังไงเหรอ เล่าให้พวกเราฟังหน่อยสิ

    โซเซีย : ใช่ๆ เล่าให้ผมฟังด้วยสิครับพี่ เห็นพี่ปิดบังมานานแล้ว

    วิน : คือ คุณปู่ฉันบอกว่า กำไลคู่นี้ ห้ามใส่พร้อมกัน ต้องใส่สลับวันกัน ไม่งั้นจะเกิดเหตุประหลาด

    ระหว่างนั้นเอง เทราน์เนอร์แอนด์เดอะแก๊งค์เจ้าเก่าก็เข้ามาวุ่นวายทันที

    เทราน์เนอร์ : เฮ้อ ประหลาดอะไรอีกหล่ะ เชื่อได้หรือเปล่าเนี่ย

    อเล็กซ์ : เฮ้อ ไม่ต้องเชื่อหรอก คนอย่างแกมันเชื่อไม่เป็น เชื่อไม่ได้หว่ะ

    ออย : เฮ้อ น่าเวทนาแก๊งค์นี้มากๆ ปัญญาอ่อนทั้งแก๊งค์

    อลิส : ไหนห่ะ แน่จริงพวกนายก็ลองพิสูจน์ให้พวกเราดูสิ

    เอม : นั้นสิพี่ พิสูจน์ให้พวกนี้มันดูไปเลยพี่

    ฮัมบูร์ก : ใช่ๆ ฉันก็อยากดูเหมือนกัน

    ระหว่างนั้นเอง ก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งตามไล่หลังมา ซึ่งเธออยู่กลุ่มเดียวกับเทราน์เนอร์นั้นเอง

    ริน : นี่ทุกคน คุยอะไรกันอยู่เหรอ ท่าทางสนุกนะ

    โยชิตะ : หง่ะ ไม่มีพรุ่งนี้ซะเลยหล่ะแม่คุณ // โดนรินตบกบาล

    ริน : กล้านินทาฉันเหรอห่ะ

    นาวิน : เอาหล่ะๆ ใจเย็นก่อน เดี๋ยวฉันจะลองใส่ดูนะ

    ในขณะนั้นเอง เขาก็บรรจงใส่กำไลข้อมือทั้งสองข้าง จากนั้นก็มีแสงสว่างออกมาจากกำไล ทำเอาพวกที่เห็นตกใจมาก

    ธิน : เฮ้ย โคตรเจ๋งอ่ะ เรืองแสงได้ด้วย แบบนี้ขอซื้อต่อนะ

    แต่ไม่ทันขาดคำ ก็มีพายุขนาดใหญ่เข้ามายังโรงเรียน ทุกอย่างเริ่มมืดมัวและวุ่นวาย วินพยายามจะถอดกำไลออกแต่ไม่ได้ซะแล้ว จากนั้นเอง ก็มีลมขนาดใหญ่ไล่พัดใส่พวกเขา นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย

    หลังจากที่ทุกอย่างสงบลง อาทิตย์ก็กลับมาส่องแสงอีกครั้ง แต่คราวนี้ พวกเขากลับลืมตาขึ้นมาอยู่ในที่แห่งหนึ่ง ซึ่งพวกเขาไม่คุ้นเคยกับมันอย่างมาก พวกเขายังงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น

    ธิน : โอ๊ย โคตรมึนหัวเลยเนี่ย อย่างกับหลับไปนานมากอ่ะ

    โอ๊ค : เอ๊ะ แต่นี่มันไม่ใช่มหาวิทยาลัยของเรานี่หน่า // พวกเด็กๆสงสัยในสิ่งรอบข้าง ซึ่งเปลี่ยนไปมากจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย

    วิน : นั้นสิ แล้วเราจะเอายังไงต่อหล่ะเนี่ย

    โซเซีย : ผมว่า เราลองไปถามคนแถวนี้ดีกว่า

    พวกเขาเดินไปถามชาวบ้านแถวนั้น แต่ชาวบ้านแถวนั้นก็พูดเป็นแต่ภาษาเยอรมันทั้งนั้น

    เอม : มีใครพูดภาษาพวกเขาได้มั่งหล่ะเนี่ย

    อเล็กซ์ซึ่งพูดเยอรมันได้จึงอาสาช่วยเป็นล่ามให้

    อเล็กซ์ : ขอโทษนะคะ ที่นี่ที่ไหนคะเนี่ย

    อ้าว ไม่รู้เหรอ ที่นี่เบอร์ลินไงจ๊ะ

    อเล็กซ์ : ห่ะ เบอร์ลินเหรอคะ แล้ววันนี้วันที่เท่าไหร่คะเนี่ย

    วันนี้ 2 กุมภาพันธ์จ้ะ 1936 จ้า

    อเล็กซ์ : ห่ะ จริงเหรอคะ // พวกเด็กๆยิ่งงงตาแตกกันใหญ่เมื่อได้รู้ความจริง ที่นี่มีแต่ชาวเยอรมัน ธงนาซีโบกสะบัดเต็มไปหมด สงสัยว่าพวกเขาคงย้อนเวลากลับมาในยุคสงครามโลกซะแล้วหล่ะ

    โซเซีย : แล้วที่นี่เราจะกลับบ้านยังไงหล่ะครับเนี่ย

    วิน : อย่าเพิ่งตื่นตูมไปสิ เราต้องมาคิดก่อนว่าจะทำอะไร

    ระหว่างนั้น พวกเขาก็เห็นภาพคนกลุ่มหนึ่ง กำลังกลั่นแกล้งคนอีกกลุ่มหนึ่งแถวนั้น ซึ่งพวกเขาตะโกนด่าทอกัน จับใจความได้ว่า

    ไอ้หมูยิว ไปตายซะ

    พวกยิวต้องตาย พวกสวะ อยู่ไปก็รกโลก

    อเล็กซ์ : นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย // แซคนึกคิดอยู่ไปพักนึง จากนั้นจึงพูดว่า

    แซค : อ้อ พอเข้าใจหล่ะ ในยุคนั้นเนี่ย พวกเขาออกกฎหมายควบคุมชาวยิวหน่ะ คนยิวโดนเอารัดเอาเปรียบและถูกกลั่นแกล้งในช่วงนี้แหละ

    ออย : ทำอะไรซักหน่อยสิพี่

    เอม : นั่นสิ หนูชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ

    ระหว่างที่พวกมันกลั่นแกล้งชาวยิวนั้น โซเซียปาหินใส่พวกมันไปก้อนหนึ่ง ทำให้พวกมันหันมาที่กลุ่มพวกเขาเป็นตาเดียว

    เฮ้ย พวกนั้นอ่ะ อยากมีเรื่องงั้นเหรอ

    ไม่ทันขาดคำ พวกมันพุ่งเข้ามาเล่นงานพวกของนาวินทันที พวกมันเข้ารุมทำร้ายทุกคน แต่พวกของนาวินเก่งกว่า โดยเฉพาะอเล็กซ์ที่ไล่เตะพวกมันจนน่วม พวกมันสู้ไม่ได้เลยหนีไป แต่ขณะเดียวกัน ตำรวจแถวนั้นก็มาพอดี

    ธิน : หนีสิครับจะอยู่ทำไมหล่ะ

    พวกเด็กๆหนีเกสตาโปเข้าไปในซอยแห่งหนึ่ง พวกนั้นก็ตามไล่ล่าพวกเด็กๆอย่างไม่หยุดยั้ง โกลาหลไปทั่วทั้งซอย

    ส่วนด้านของเทราน์เนอร์ พวกเขามาโผล่ที่หน้าสำนักงานของหน่วยเกสตาโปแห่งหนึ่ง พวกเขาสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เทราน์เนอร์เริ่มสอบถามความปลอดภัยของคนอื่นๆทันที

    เทราน์เนอร์ : บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าพวกนาย

    ฮัมบูร์ก : โคตรมึนหัวเลยอ่ะ แล้วเรามาอยู่ที่ไหนกันหล่ะเนี่ย

    ในตอนนั้นเอง ก็มีตำรวจนายหนึ่งมาดูสถานการณ์แถวนั้น เมื่อเขาเห็นพวกเด็กๆจึงเข้าไปทักทายทันที

    ให้ช่วยมั้ยพวกเธอ

    โยชิตะ : ขอบคุณครับ ผมอยากรู้ว่าพวกเราอยู่ที่ไหนกันครับ

    ที่นี่หน่วยขอเกสตาโปหน่ะ พวกเธอมานอนอยู่ตรงนี้ได้ไงหล่ะ

    อลิส : เกสตาโป ขอโทษนะคะ วันนี้วันที่เท่าไหร่ เดือนอะไร ปีอะไรคะ

    ก็ 2 กุมภาพันธ์ 1936 ไงจ๊ะ

    ริน : ห่ะ นี่เรามีอยู่ในช่วงสงครามโลกได้ยังไงหล่ะเนี่ย

    พวกเธอพูดจาแปลกๆนะ สงครามโลกอะไร เราเพิ่งจะแพ้สงครามโลกมานะ

    เทราน์เนอร์และฮัมบูร์กพยายามทำความเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น ก็พบว่าตัวเองและเพื่อนๆย้อนเวลากลับมายุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ซะแล้ว ฮัมบูร์กจึงพยายามแกล้งเออออห่อหมกจากไปด้วย

    ฮัมบูร์ก : ว่าแต่ ท่านเป็นใครกันคะ

    สเตาน์ : ฉันพันเอกสเตาน์ สังกัดหน่วยเกสตาโปหน่ะ

    เทราน์เนอร์ : งั้นแสดงว่า คุณรับคำสั่งจากท่านฮิมม์เลอร์หรือเปล่าครับ

    สเตาน์ : ว้าว หัวไวกันดีนี่พวกเธอ เอางี้ พวกเธอมาพักที่นี่ก่อนก็แล้วกัน // จากนั้นพวกเขาก็ตามผู้พันคนนั้นเข้าไป โดยฮัมบูร์กกำชับกับทุกคนว่าอย่าพยายามพูดถึงเรื่องอนาคต ไม่งั้นพวกเขาจะโดนหาว่าเป็นคนบ้า

    ส่วนทางด้านพวกของนาวิน หลังจากที่พวกเขาหนีเกสตาโปพ้นแล้ว พวกเขาก็นั่งพักอยู่แถวนั้นแล้วก็คุยกันทันที

    โอ๊ค : โอ้ย โคตรเหนื่อยเลย เกือบโดนจับได้แล้วมั้ยหล่ะ

    เอม : นั่นสิ ไม่เคยเหนื่อยอะไรขนาดนี้เลย

    ธิน : เฮ้อ แล้วที่นี่เราจะเอายังไงกันต่อ จะกลับบ้านกันยังไงหล่ะเนี่ย

    โซเซีย : แล้วกำไลพี่หล่ะ ลองใส่อีกทีสิพี่

    วิน : ไม่ได้เลยอ่ะ ลองใส่เข้าไปใหม่ตั้งสามรอบแล้ว

    อเล็กซ์ : โอ้ย ทำไมชีวิตฉันมันซวยอย่างนี้ฟะเนี่ย

    แซค : อย่าเพิ่งพูดถึงอนาคตเลย ตอนนี้คิดก่อนว่าจะเอายังไงต่อหล่ะ

    ในระหว่างนั้นเอง ก็มีชายคนหนึ่งเดินผ่านมา เขาเอะใจกับคำพูดของพวกเขา ใบหน้าของเขาทำเอาโอ๊คใจสั่นไหว เลยเข้ามาทักทายดู

    เออนี่ พวกนายพูดภาษาเราได้งั้นเหรอ

    วิน : ใช่ครับ แล้วคุณก็เป็นคนไทยเหรอครับ

    ไทย เออไม่ใช่ครับ ผมมาจากสยามครับ” // แซคพยายามสะกิดนาวิน

    แซค : นี่วิน สมัยนั้นไทยเรายังเรียกว่าสยามอยู่เลยนะ

    วิน : อ้อครับ ผมก็ชาวสยามเหมือนคุณนั้นแหละ ว่าแต่คุณชื่ออะไรหล่ะ

    รัต : ผม ภัทรจาริน บัญญพนต์ เรียกผมว่ารัตก็ได้ครับ

    วิน : เรียกผมว่าวินก็ได้ครับ คนนี้โซเซีย อเล็กซ์ แซค โอ๊ค เอม ออย และธินครับ ยินดีที่ได้รู้จัก

    รัต : ยินดีที่ได้รู้จักครับทุกคน

    อเล็กซ์ : ว่าแต่ นายมาทำอะไรที่เยอรมันเนี่ย

    รัต : ฉันมาเรียนการทหารที่นี่หน่ะ ฉันพักอยู่อพาร์ทเม้นต์แถวนี้

    ธิน : อ้อๆ แต่เรายังไม่มีที่พักแถวนี้เลยหน่ะสิ

    เอม : นั่นสิ หนูไม่อยากไปนอนข้างถนนนะคะพี่

    โซเซีย : ถึงจะมี แต่เรามีเงินกันเหรอครับ เงินที่มีก็แค่เงินบาทไทยอ่ะ

    ออย : นั่นสิพี่ สร้อยนี่ก็ดันขายไม่ได้อีก สร้อยอันละไม่กี่บาทเอง

    โอ๊ค : งั้นเราไปกันก่อนเถอะ ถือว่าไปตายเอาดาบหน้าก็แล้วกัน

    พวกเขาเดินทางหาที่พักและงานทำไปเรื่อยๆ เพื่อจะได้มีเงินซื้อของกิน ในระหว่างนั้นเอง ก็มีชายชาวยิวคนหนึ่งมาชี้พวกเขา แล้วดูพวกเขาท่าทางดีใจมาก

    พวกเรา นั่นไง พวกที่ช่วยพวกเราไว้หน่ะ

    เด็กวัยรุ่นชาวยิวพวกนั้นดีใจมากที่เห็นพวกเขา พวกของนาวินรู้สึกไม่ค่อยชินเท่าไหร่ พวกนั้นพวกกลุ่มของนาวินเข้าไปยังโรงงานแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโรงงานผลิตสินค้า ซึ่งเจ้าของเป็นชาวยิว พวกเขาพาพวกของวินไปพบกับเจ้าของโรงงานที่อยู่ด้านบนห้องนั้น

    เมื่อพวกของวินเข้าไปถึง ก็พบกับเจ้าของร้านท่านหนึ่ง ซึ่งดูท่าทางจะเป็นมิตร มาต้อนรับพวกเขา

    โอ๊ ขอบคุณมากครับ ที่อุตส่าห์ช่วยคนของผม พวกเขาเล่าให้ฟังว่าคุณเล่นพวกมันซะอยู่หมัดเลยนี่

    วิน : ครับ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ผมยินดี

    อเล็กซ์ : พวกนั้นก็แค่กุ๊ยหน่ะ ว่าแต่คุณเป็นใครคะ

    จอร์จี้ : ฉันจอร์จี้ เป็นเจ้าของโรงงานแห่งนี้ ฉันเป็นลูกครึ่งยิวหน่ะ

    แซค : อ้อ จริงด้วย พวกนั้นเห็นคุณเป็นยิวเลยกลั่นแกล้งสินะ

    ธิน : แบบนี้ไม่ดีเลย น่าจะเล่นพวกมันให้มากกว่านี้เนี่ย

    โอ๊ค : ว่าแต่ พวกมันมาทำอะไรกับที่นี่หรือเปล่าครับ

    จอร์จี้ : คือ ที่นี่ยังมีคนช่วยคุ้มครองอยู่หน่ะ เลยไม่ได้รับผลกระทบอะไรมาก

    โซเซีย : ที่นี่คงเป็นที่คุ้มภัยอย่างดีของชาวยิวหล่ะสิครับเนี่ย

    จอร์จี้ : ก็ไม่เชิงหล่ะครับ ที่นี่ก็ช่วยเหลือชาวยิวที่โดนกลั่นแกล้งหน่ะครับ ว่าแต่ พวกคุณมีที่พักกันหรือยังคะ

    เอม : พวกเรายังหาที่พักกันไม่ได้เลยค่ะ

    ออย : ความจริง พวกเราไม่มีเงินติดตัวด้วยหน่ะค่ะ

    จอร์จี้ : อ้อ พวกเธอคงจะอพยพมาสินะ เอางี้ พวกเธอพักและทำงานที่นี่ไปก่อนก็แล้วกันนะ ฉันจะช่วยจ้างพวกเธออีกแรง

    วิน : จะดีเหรอครับ พวกเราไม่ค่อยคุ้นกับงานแบบนี้นะครับ

    จอร์จี้ : ไม่ต้องห่วงครับ คนพวกนี้จะช่วยสอนคุณเอง // พวกที่วินเคยช่วยไว้พากันยิ้มกรี่ จากนั้นพวกของวินก็ไปยังที่พักของตัวเองก่อน ก่อนที่จะเริ่มทำงานเพื่อหาเงินต่อไป

    ======================================================================

    พวกเขาจะปรับตัวเข้ากับยุคนั้นได้หรือไม่ แล้วพวกเขาจะต้องเจอกับอะไรต่อไป ติดตามชมต่อตอนหน้าจ้า

    มาแล้วกับตอนแรก แต่ขอประกาศให้ทราบ

    นับแต่นี้ ขอแค่ตัวละครที่มาจากอดีต แถม ผู้ปกครองส่งได้แค่คนเดียวนะครับ

    โอเค ขอหัวใจและกดติดตามเรื่องนี้ด้วยนะครับ แหะๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×