ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Time To Kill Nazi - ข้ามเวลาฆ่านาซี

    ลำดับตอนที่ #24 : วิกฤตตัวประกัน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 108
      7
      11 ส.ค. 61

    หลังจากที่การโจมตีทางอากาศของเมอร์ลินได้เริ่มต้นขึ้น ฮัมบูร์กได้เตรียมเครื่องบินของเธอบินขึ้นทันที
    ฮัมบูร์ก : เครื่องบินของฉันตอนนี้เป็นยังไงบ้างหล่ะ
    ซีซาร์ : ครับ ตอนนี้ทั้งเครื่องและคนเตรียมพร้อมที่จะออกบินแล้วครับ
    ฮัมบูร์ก : ดี สั่งให้ออกบินได้เลย
    หลังจากที่มีคำสั่ง เครื่องบินของฮัมบูร์กได้ทะยานออกจากดาดฟ้าเรือบรรทุกเครื่องบิน มุ่งตรงไปยังเกาะอังกฤษทันที

    ณ สถานีเรดาห์แห่งหนึ่ง ชายฝั่งอังกฤษ
    "นี่สเตฟาน ดูสิ ยิงกันนัวเลยที่ช่องแคบเนี่ย"
    "เออนี่ จอห์นสัน นายเห็นจุดแดงตรงนี้หรือเปล่า"
    "อาจเป็นนกบินผ่านก็ได้มั้ง ศัตรูคงไม่ไปทางนั้นหรอก"
    "ซวยแล้ว รีบแจ้งไปยังหน่วย ด่วนเลย"

    ทางด้านช่องแคบ ในระหว่างที่เมอร์ลินกำลังสู้รบอยู่ ในขณะนั้นเอง พวกเขาก็เห็นกองบินอังกฤษเริ่มถอยร่น ทำเอาเขาสงสัย เลยติดต่อไปยังฮัมบูร์กทันที
    เมอร์ลิน : ฮัมบูร์ก ทัพฟ้าอังกฤษถอยไปแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย
    ฮัมบูร์ก : ฉันนำทัพเครื่องบินของฉันบินตรงไปลอนดอนหน่ะ เตรียมตามไปจัดการได้เลย
    เมอร์ลิน : รับทราบ // จากนั้นเขาก็ติดต่อกับเครื่องบินลำอื่นๆ
    "ทุกท่าน นี่กัปตันอีเกิ้ล ไล่ตามเครื่องบินอังกฤษ แล้วจัดการอย่าให้เหลือ"
    เครื่องบินลำต่างๆเมื่อได้รับคำสั่งก็มุ่งหน้าไปตามที่เมอร์ลินสั่งทันที

    เครื่องบินของฮัมบูร์กโจมตีกรุงลอนดอนทั่วทุกทาง ทำเอาประชาชนอังกฤษแทบไม่เป็นอันทำอะไร พวกเขาต้องคอยหลบอยู่ในบังเกอร์ และระหว่างนั้น ทหารพลร่มที่ฮัมบูร์กเตรียมไว้ก็โดดร่มลงที่พระราชวังบัคกิ้งแฮม แล้วฆ่าทหารยามชุดแดงไปมากมาย และได้ยึดครองพระราชวังและจับกษัตริย์จอร์จเป็นตัวประกัน เมื่อภารกิจสำเร็จ พวกเขารายงานเรื่องนี้ถึงฮัมบูร์กพอดี
    "ท่านครับ ตอนนี้เรายึดพระราชวังได้เรียบร้อยแล้วครับ"
    "ดีมาก ปิดทางเข้าออกทุกทาง และคุมตัวกษัตริย์เอาไว้"
    ทางด้านเมอร์ลิน หลังจากที่เขากลับมาถึง มิลเลอร์ก็กำลังรอเขาอยู่พอดี
    เมอร์ลิน : แหม่มารอกันทุกวันเลยนะเนี่ย
    มิลเลอร์ : วันนี้ท่านผู้นำจะมอบเหรียญให้กับนายหน่ะ ฉันเลยมาบอกข่าว
    เมอร์ลิน : จริงเหรอ จะให้ฉันไปตอนไกนหล่ะ
    มิลเลอร์ : ตอนนี้แหละ นายขึ้นรถไปกับฉันเลย
    จากนั้นทั้งคู่ก็ขึ้นรถและขับออกไปยังฐานบัญชาการสูงสุด ซึ่งท่านผู้นำกำลังรอพวกเขาอยู่

    หลังจากที่มีการจับกษัตริย์เป็นตัวประกัน ข่าวก็ออกไปทั่วอังกฤษ ทหารอังกฤษไม่กล้าทำอะไรเพราะกลัวว่าราชินีจะได้รับอันตราย
    และช่วงเวลาเดียวกัน สถานทูตสหรัฐก็ได้รับเรื่องนี้ จากนั้นพวกเขาก็ปรึกษาหารือกัน และในขณะนั้นเจลามี่ก็เข้ามาขอพบโจสทันที
    เจลามี่ : คุณโจส คุณรู้หรือเปล่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น
    โจส : ผมรู้หล่ะ ตอนนี้ทหารอังกฤษกำลังดูสถานการณ์อยู่หน่ะ
    แคทเทอรีน : แล้วจะใช้เวลานานแค่ไหนหล่ะคะเนี่ย
    โจส : ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทางนั้นจะเอายังไงต่อ อาจจะนานอยู่
    เจลามี่ : แล้วทำไมถึงไม่เอาทหารบุกไปชิงตัวเลยหล่ะ
    แคทเทอรีน : แบบั้นมันเสี่ยงเกินไปนะคะ กษัตริย์จะเป็นอันตรายเอาได้
    โจส : ว่าแต่ พวกหลานๆคุณเขาไปไหนกันหล่ะครับ
    แคทเทอรีน : สงสัยยังไม่กลับมาหล่ะมั้งคะ

    และที่พระราชวังบัคกิ้งแฮม ในขณะที่ด้านนอกกำลังตึงเครียดอย่างหนัก อีกด้านหนึ่ง พวกเด็กๆก็ลักลอบเข้ามายังพระราชวัง ในจุดที่พวกมันไม่ได้ควบคุม
    นาวิน : เฮ้อ โคตรเหนื่อยเลย กว่าจะปีนเข้ามาได้เนี่ย
    ธิน : พวกนายว่า นี่เป็นฝีมือของฮัมบูร์กหรือเปล่าหน่ะ
    แซค : ใช่เลยหล่ะ เพราะไม่มีใครกล้าทำแบบนี้แน่นอกจากเธอ
    อเล็กซ์ : แล้วจะเข้าไปยังไงหล่ะ พวกมันเต็มไปหมดเลย 
    โอ๊ค : มาสิ เดี๋ยวจะแสดงให้ดู // โอ๊คย่องเข้าไปด้านหลังมันและหักคอมันจนมันล้ม จากนั้นก็หยิบปืนจากมันมา
    โซเซีย : โห เจ๋งไปเลย คงต้องลอบเร้นไปแบบนี้ใช่ป่าวหล่ะ
    โอ๊ค : ลากศพมันมาด้วย // พวกเขาช่วยกันลากศพไปยังอีกทางหนึ่ง
    เอม : แต่เรามีแค่กระบอกเดียว จะสู้กับมันเป็นร้อยคนได้ไงหล่ะ
    ออย : ก็ไปหาปืนเพิ่มสิ คงไม่ยากอะไรหรอก เราไปกันเถอะ // จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันไปยังจุดต่างๆ เพื่อเก็บอาวุธมาให้ได้มากที่สุด เมื่อเก็บได้ พวกเขาก็มารวมตัวกันที่ห้องๆหนึ่ง
    โอ๊ค : โอเค เราจะทำยังไงกันต่อหล่ะ
    อเล็กซ์ : ฉันว่า พวกมันคงต้องคุมตัวกษัตริย์ด้านในห้องบรรทมแน่ๆ
    ธิน : อย่าเพิ่งไปห่วงเรื่องนั้นเลย ผ่านห้องโถงไปให้ได้ก่อนดีกว่าม้าง
    แซค : ถ้างั้นเราคงต้องแยกกันไปหน่ะ เพื่อความแน่ใจ
    โซเซีย : ใช่ แล้วก็มาเจอกันที่ชั้นบนสุดนะ เห็นว่าพวกมันอยู่กันเต็มเลยนี่
    เอม : แล้วนี่ หนูต้องไปกับใครหล่ะคะเนี่ย
    ออย : อยากไปไหนก็เรื่องของเธอสินะ
    นาวิน : เอาเป็นว่า เรารีบไปกันก่อนเถอะ เดี๋ยวพวกมันมาเจอเข้าหน่ะ

    กลับมายังเบอร์ลิน เยอรมนี ในขณะที่ซาบอนกำลังนั่งทำงานของเขาอยู่ ทันใดนั้นก็มีหญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขา นั่นคือนูโวร่าที่ได้รับภารกิจมาให้ติดต่อกับเขาเพื่อความช่วยเหลือด้านการทหาร
    ซาบอน : สวัสดีครับ คุณผู้หญิง มีธุระอะไรกับผมงั้นเหรอ
    นูโวร่า : สวัสดีค่ะ ดิฉันนูโวร่า นักการเมืองชื่อดังจากอิตาลี
    ซาบอน : อ้อ คุณนี่เอง สวยกว่าที่ผมคิดซะอีก ว่าแต่คุณต้องการอะไรหล่ะ
    นูโวร่า : ก็ไม่มีอะไรมาก ฉันแค่อยากให้เยอรมันสนับสนุนอิตาลีในการยึดครองแอฟริกาหน่ะ
    ซาบอน : อ้อ คุณมาเจอถูกคนแล้วหล่ะ ว่าแต่ เย็นนี้คุณว่างหรือเปล่าหล่ะ
    นูโวร่า : ต้องการอะไรจากฉันงั้นเหรอ
    ซาบอน : แค่อยากให้คุณไปดื่มกับผมหน่อยหน่ะ
    นูโวร่า : ย่อมได้ แต่ขอเตือนคุณไว้อย่างนะ ฉันไม่ใช่ไก่อ่อนอยากที่คุณหรอก
    ซาบอน : แหม่ คุณทำให้ผมหลงเสน่ห์คุณนะเนี่ย แต่เอาเถอะ ผมมันชอบเล่นกับไฟอยู่แล้ว
    นูโวร่า : ท่าทางคุณมันปีศาจนะ
    ซาบอน : พูดเหมือนคุณบริสุทธ์มากนะ แม่อสรพิษ

    ทางด้านเคทและจูเลียส ทั้งคู่รีบไปเยี่ยมพ่อของจูเลียส ในตอนนั้นเอง เหล่าคนรับใช้เมื่อเห็นจูเลียสก็พากันดีใจมาก เพราะพวกเขารู้ว่าเจ้านายของเขาต้องดีใจแน่ๆ
    "คุณหนูจูเลียสกลับมาแล้วๆ"
    จูเลียส : พาผมไปหาคุณพ่อทีครับ
    คนรับใช้รีบพาทั้งคู่ไปหาเจ้านายของเขาที่กำลังนอนอยู่บนเตียง ในสภาพที่กำลังป่วย เมื่อพ่อเขาเห็นจูเลียส เขาดีใจมากแทบจะทำอะไรไม่ถูกเลย
    จูเลียส : พ่อครับ
    "ลูกพ่อ" ทั้งคู่กอดกันทันที
    จูเลียส : พ่อครับ ผมมันอกตัญญูนัก ที่ทิ้งพ่อไปทั้งๆที่พ่อเป็นแบบนี้ พอผมรู้ว่าพ่อป่วย ผมรีบมาที่นี่เลยนะครับ
    "พ่อต่างหากที่ต้องขอโทษลูก ที่พ่อมันเอาแต่ใจ ไม่รู้เลยว่าลูกต้องการอะไร พ่อมันโง่เอง ถ้าลูกไม่อยากเป็นทหารพ่อก็ไม่ว่าอะไรลูกหรอกนะ"
    เคท : จูเลียส ฉันบอกแล้วไงว่าพ่อคุณรอคุณอยู่ แล้วท่านดีใจมากที่ได้เจอคุณ
    "ว่าแต่ คุณผู้หญิงท่านนี้คือ"
    จูเลียส : พ่อครับ ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะเป็นทหารตามที่พ่อบอก แต่ผมขออะไรพ่ออย่างหนึ่งนะครับ
    "จะขออะไรอย่างงั้นเหรอลูก"
    จูเลียส : ผมอยากแต่งงานครับ โดยที่เคทต้องเป็นเจ้าสาวของผม
    เคท : นี่คุณ พ่อคุณเขาจะไม่ว่าอะไรงั้นเหรอ
    "พ่อไม่ว่าอะไรหรอก แต่น่าขำนะ พ่อไม่เคยเห็นลูกพูดเรื่องแต่งงานเลยนี่"
    "เดี๋ยวผมมานะครับ" // จากนั้นจูเลียสก็จูงมือเคทไปด้านนอก
    เคท : นี่คุณ จะแต่งงานกับฉันจริงเหรอคะ
    จูเลียส : ใช่สิครับ ผมรักคุณ คุณอย่าปฏิเสธผมเลยนะครับ
    เคท : แต่ฉันกลัวว่าฐานะของฉันจะไม่
    จูเลียส : ผมไม่สนใจหรอก ผมสนแค่ขอให้คุณอยู่กับผมก็พอ แต่งงานกับผมนะเคท
    เคท : ก็.. ตกลงค่ะ แต่คุณห้ามบังคับฉันทำโน่นทำนี่นะ
    จูเลียส : ได้เลยครับ

    กลับมายังหน่วยถอดรหัส กรุงลอนดอน คาริน่าได้ข่าวว่ามีการจับตัวประกันที่บัคกิ้งแฮม เธอนำข่าวนี้ให้เพื่อนๆของเธอดูทันที
    คาริน่า : ทุกคนคะ ดูข่าวนี่สิ มันจับราชินีเป็นตัวประกันด้วยค่ะ
    "ตายหล่ะ พวกมันโดดร่มมาได้ยังไงถึงนี้เนี่ย"
    คาริน่า : ฉันก็อยากรู้ ที่อยากรู้ก็คือกองบินปริศนานี่มันมาจากไหนกัน
    'นั่นสิ ทำไมถึงไม่มีใครรู้มาก่อนเลยหล่ะ"
    คาริน่า : จะว่าไป ฉันจับตามองกองเรือปริศนาแถบทะเลเหนืออยู่หน่ะ
    "กองเรือขนาดใหญ่หรือเปล่าหล่ะ"
    คาริน่า : ใหญ่พอสมควร ฉันพยายามดักฟังวิทยุของพวกมันอยู่หน่ะ
    "งั้นถ้าเธอต้องการให้ฉันช่วย ก็บอกฉันมาได้เลยนะ"
    คาริน่า : ได้เลยจ้ะ
    กลับมายังรัฐแอริโซน่า เวลาในตอนนั้นผ่านมาได้หลายเดือนจนเกือบสิ้นปีแล้ว โคเวอร์เตรียมร่างกายจนพร้อมที่จะรอไปคัดเลือกเกณฑ์ทหารแล้ว และวันนี้หลังจากที่เขาวิ่งเสร็จ เขากลับมาเห็นแม่ของตัวเองกำลังถือกล่องอยู่ใบหนึ่ง ซึ่งเขาสงสัยว่ามันคือกล่องอะไร
    โคเวอร์ : แม่ครับ แม่ถือกล่องอะไรอยู่ครับ
    "อ้อ พ่อเขาส่งของนี่มาให้ลูกหน่ะ เปิดดูสิ"
    โคเวอร์ : ได้ครับแม่
    โคเวอร์เปิดกล่องดูก็พบว่า มันเป็นตุ๊กตาสาวฮาวายและรูปถ่ายจำนวนมาก พร้อมกับจดหมายอีกหนึ่งฉบับ
    โคเวอร์ : แม่ครับ ดูพ่อสิ เท่มากเลยนะครับเนี่ย
    "พ่อเขาท่าทางจะทำงานหนักมากเลยนะเนี่ย"
    โคเวอร์ : ก็พ่อเขาเป็นช่างซ่อมเครื่องบินนี่ครับแม่
    กลับมายังสหภาพโซเวียต ออก้ากำลังเดินไปซื้อหนังสือพิมพ์มานั่งอ่าน แต่ในตอนนั้นเขากลับเห็นข่าวการจับวประกันที่ลอนดอน เขารีบซื้อแล้วกลับไปหาแม่ของเขาทันที
    ออก้า : แม่ครับ ดูข่าวนี่สิครับ 
    "มีอะไรเหรอลูก"
    ออก้า : นี่ไงครับ ที่อังกฤษกำลังวุ่นวายใหญ่เลยครับ
    "ห่ะ พวกนาซีอุกอาจมากเลยนะ บุกพระราชวังแบบนั้น"
    ออก้า : แบบนี้ทางอังกฤษจะทำยังไงหล่ะครับเนี่ย
    "แม่ก็ไม่แน่ใจเหมือน คงต้องรอดูต่อไปหน่ะ"
    ออก้า : หวังว่าพวกมันจะไม่บุกโซเวียตนะครับแม่
    "แม่ว่าไม่หรอก เดี๋ยวจะหนาวตายเหมือนนโปเลียนนะ"
    กลับมายังกรุงลอนดอน ในตอนนั้นเองหลังจากที่โอแลนได้ข่าวการจับกุมองค์ราชินีเป็นตัวประกัน เขากับเซอร์แฟรงค์และลูกน้องคนอื่นๆได้ปรึกษาถึงเรื่องนี้กันทันที
    โอแลน : ท่านครับ พระราชวังบัคกิ้งแฮมถูกพวกมันยึดครองไว้แล้วครับ
    แฟรงค์ : ทำไมหล่ะ พวกมันฝ่าด่านเรดาห์ของพวกเราได้ยังไงกัน
    "มันอาศัยจังหวะตอนเราโกลาหลจัดการตีกระหนาบเรายังไงหล่ะครับ"
    แฟรงค์ : พวกมันส่งฝูงบินอ้อมมาจัดการเราอย่างงั้นเหรอ
    โอแลน : ผมว่า พวกมันต้องมีเรือบรรทุกเครื่องบินอยู่แถวทะเลเหนือแน่ๆ
    แฟรงค์ : พวกมันแอบสร้างกองเรือตั้งแต่เมื่อไหร่กันหน่ะ
    โอแลน : คงไม่นานมานี่แน่ๆครับ เพราะผมก็ได้ข่าวมาว่าเรือรบบางส่วนของฝรั่งเศสถูกเยอรมันชิงไปเหมือนกัน
    แฟรงค์ : ถ้าแบบนี้ คงต้องอาศัยกองกำลังของเราแล้วหล่ะ
    กลับมายังประเทศไทย หลังจากที่รัฐบาลไทยประกาศสงครามกับฝรั่งเศสได้ไม่นาน ในตอนนั้นเองรัตก็ถูกสงมารบแถบชายแดนกัมพูชา เพื่อชิงพระตะบอง เสียมราฐและดินแดนข้างเคียงคืน รัตถูกส่งมาอยู่หน่วยทหารราบแห่งหนึ่งโดยที่มีจ่าคนหนึ่งมาคอยต้อนรับ
    "สวัสดีครับผู้กองรัต ผมจ่าสิงห์รายงานตัวครับ"
    รัต : ตามสบายครับพี่ ว่าแต่สถานการณ์เป็นยังไงบ้างครับเนี่ย
    "ยิงกันไม่หยุดเลยครับ ฝรั่งเศสมีอาวุธดีกว่า แถมทหารอาณานิคมก็ตั้งมั่นไม่ยอมถอยเลยครับ"
    รัต : ถ้าอย่างงั้น คงต้องลาดตระเวนตัดกำลังศัตรูหน่อยหล่ะ
    "ครับผม หน่วยของผมมีทหารจู่โจมอยู่ พอจะช่วยได้นะครับ"
    รัต : ว่าแต่ กำลังของเรามีมากแค่ไหนกันครับ
    "มีราวๆ 6 กองร้อยครับ"
    รัต : ยังถือว่าน้อยอยู่นะ คงต้องหากำลังมาเพิ่มอีกหน่อยหล่ะ
    "ครับ ผมจะจัดการเองนะ"
    และในขณะเดียวกัน ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในตอนนั้นเองพิมก็ได้รับหน้าที่ให้ช่วยในการเขียนข่าวปลุกใจชาวไทยให้ร่วมกันสู้ในสงคราม เธอทำได้ดีมากเรื่องการเขียนสำนวนจนคนอื่นๆต้องทึ่งในความสามารถของเธอ
    แก้ว : พิม เขียนข่าวเป็นยังไงบ้างหล่ะ
    พิม : ก็เรื่อยๆหน่ะ เอาแต่พอให้คนอ่านชื่นชอบหน่ะ
    แก้ว : ตอนนี้ไทยเรารบกับฝรั่งเศสที่ชายแดนลาวและกัมพูชาอย่างหนักเลยหล่ะ
    พิม : ฉันรู้แล้วหล่ะ ฉันเลยกำลังเขียนเรื่องนี้อยู่ยังไงหล่ะ
    แก้ว : จ้า ยังไงก็พักผ่อนบ้างนะ ดูแลสุขภาพดีๆด้วยหล่ะ
    พิม : จ้า ขอบใจที่เป็นห่วงกันนะ

    กลับมายังเยอรมนี หลังจากที่วิคเตอร์กำลังพักเหนื่อย ตอนนั้นพวกเขาก็ได้ข่าวจากทางอังกฤษ ว่ามีการบุกยึดพระราชวังบัคกิ้งแฮม แล้วจับตัวกษัตริย์เป็นตัวประกัน ข่าวนี้ทำเอาพวกเขาตื่นเต้นกันมาก
    วิคเตอร์ : พวกนาย ดูสิ อังกฤษแตกตื่นกันใหญ่เลยหล่ะ
    เทราน์เนอร์ : แบบนี้ต้องเป็นฝีมือฮัมบูร์กแน่นอนเลย
    วิคเตอร์ : ว่าแต่ นายรู้ได้ยังไงหล่ะ
    โยชิตะ : แบบนี้มีแค่คนเดียวเท่านั้นแหละครับที่จะทำได้
    วิคเตอร์ : แล้ว พวกเขาจะทำยังไงกันต่อหล่ะ
    โยชิตะ : ก็คงจะเรียกร้องให้ทางอังกฤษยอมแพ้หน่ะครับ
    เทราน์เนอร์ : แต่ถึงแม้ว่าจะได้ควีนเป็นตัวประกัน พวกนั้นจะยอมจริงๆเหรอ
    วิคเตอร์ : นั่นสิ ฉันก็คิดๆอยู่ พวกมันคงจะยอมง่ายๆหรอกนะ
    โยชิตะ : ถ้าพวกมันไม่ยอม คงต้องมีตายกันอีกเป็นเบือแน่ๆเลย
    เทราน์เนอร์ : ก็ดีหน่ะสิ อังกฤษจะได้ตกเป็นของเราซะที

    กลับมายังฝรั่งเศส ในขณะที่รินกับอลิสกำลังทำงานอยู่ เธอก็กำลังติดตามข่าว ที่กำลังเป็นที่สนใจในอังกฤษอยู่

    ริน : ดูนี่สิพี่ ที่อังกฤษกำลังวุ่นวายใหญ่เลยเนี่ย

    อลิส : ฝีมือฮัมบูร์กแน่ๆ ที่กล้าทำแบบนี้ได้

    ริน : แล้วนี่พี่คิดว่าประวัติศาสตร์จะเปลี่ยนหรือเปล่าหล่ะพี่

    อลิส : พี่ว่ายาก คนอังกฤษไม่ค่อยวอรี่เท่าไหร่หรอก

    ริน : แต่ก็ไม่แน่นะพี่ ฮัมบูร์กอาจจะทำสำเร็จก็ได้นะพี่

    อลิส : ยังไงก็ต้องรอดูไปก่อนแล้วกัน แต่ยังไงทางอังกฤษก็ไม่ยอมหรอก

    กลับมาที่กองบัญชาการทหารแวร์มัค ในขณะนั้น จอมพลรอมเมลได้ข่าวจากวิทยุ เขาเรียกลูก้าและรูดอฟมาคุยกับเขาทันที

    รูดอฟ : ท่านครับ มีอะไรถึงเรียกพวกเรามาหล่ะครับ

    รอมเมล : พวกคุณฟังนี่ดูสิ มีการจับกษัตริย์อังกฤษเป็นตัวประกันด้วย

    ลูก้า : ผมว่า เรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือของฮัมบูร์กแน่เลยครับ

    รอมเมล : ว่าแต่ ทำไมคุณถึงมั่นใจขนาดนั้นหล่ะ

    ลูก้า : ไม่มีใครกล้าทำแบบนี้นอกจากเธอครับผม

    รอมเมล : เธอคิดว่า การทำแบบนี้จะเปลี่ยนสงครามได้งั้นเหรอ

    รูดอฟ : แต่ก็ไม่แน่นะครับ เธออาจจะทำให้พวกอังกฤษยอมแพ้ก็ได้

    ลูก้า : แต่ผมว่า พวกมันคงไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอกครับ

    รอมเมล : ก็ใช่ แต่บางทีผมคิดว่า เธออาจจะทำสำเร็จก็ได้นะ

    ลูก้า : ผมก็หวังไว้แบบนั้นนะครับ พวกเราจะได้ชนะซะที

    กลับมายังเรือธงของฮัมบูร์ก หลังจากที่เธอได้ข่าวจากทหารพลร่ม เธอได้ติดต่อไปยังหัวหน้าหน่วยพลร่มทันที

    ฮัมบูร์ก : ทางพระราชวังเป็นยังไงบ้าง

    ตอนนี้เราคุมสถานการณ์ได้หมดแล้วครับ

    ฮัมบูร์ก : นำตัวกษัตริย์ไปขังในห้องไว้ แล้ววางกำลังให้แน่นหนาด้วย

    ได้เลยครับท่าน

    ฮัมบูร์ก : ซีซาร์ นายสั่งกองเรือลาดตระเวนของเรา จัดการเรือทุกลำที่แล่นผ่านเข้ามา

    ซีซาร์ : ได้ครับ

    กลับมายังห้องประชุมแห่งหนึ่งในลอนดอน

    ท่านครับ ตอนนี้ราชินีกำลังตกอยู่ในอันตรายนะครับ

    แล้วพวกมันเรียกร้องอะไรบางหล่ะ

    ตอนนี้มันยังไม่เรียกร้องอะไร แต่พวกนาซีคงต้องการให้เรายอมแพ้หน่ะ

    และในขณะเดียวกัน หัวหน้าหน่วยคอมมานโดก็เดินเข้ามาในห้องประชุม

    ท่านครับ เราพร้อมจะชิงตัวประกันแล้วครับผม

    ตอนนี้ต้องรอดูสถานการณ์ไปก่อน ไม่งั้นพวกมันอาจจะทำอะไรองค์กษัตริย์ก็ได้

    ได้ครับท่าน ตอนนี้เรากำลังรอคำสั่งครับผม

    ท่านครับๆ ดูนี่สิครับ มีนักข่าวคนหนึ่งถ่ายมาได้ครับเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินมาเอารูปให้นายกรัฐมนตรีดู

    นี่มันอะไรกันเนี่ย มีคนลอบเข้าไปในพระราชวังงั้นเหรอ

    ครับท่าน เท่าที่ดูมีประมาณแปดคนได้ครับ

    พยายามติดต่อกับคนพวกนั้นให้ได้ เผื่อว่าเขาจะช่วยเราได้ แล้วให้หน่วยเจรจาไปถ่วงเวลาพวกมันไว้ก่อน เราต้องรีบกันหน่อยแล้ว

    จากนั้นพวกเขาก็รีบไปทำงานตามที่ได้รับมอบหมายทันที

    ==============================================================

    พวกเขาต้องรีบทำงานแข่งกับเวลาก่อนที่มันจะทำอะไรองค์ราชินี แต่พวกเด็กๆจะทำสำเร็จหรือไม่ ติดตามชมต่อตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยนะครับ ไหว้หล่ะ

    ช่วงนี้ยุ่งงานหนักมาก กินนอนบนรถเมล์แล้วครับ แหะๆ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×