ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Time To Kill Nazi - ข้ามเวลาฆ่านาซี

    ลำดับตอนที่ #18 : ความช่วยเหลือมาถึง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 137
      2
      23 มิ.ย. 61

    เมอร์ลินพยายามนำเครื่องบินทิ้งระเบิดไปให้ได้มากที่สุดเพื่อโจมตีทหารที่ดันเคิร์ก ซึ่งฮัมบูร์กเป็นคนบัญชาการรบเองหมด เธอแทบจะคลั่งเมื่อได้ยินคำสั่งว่าท่านผู้นำไม่ให้นำทหารบุกเข้าไป

    ฮัมบูร์ก : เมอร์ลิน ทำยังไงก็ได้ให้พวกมันตายเยอะที่สุด

    เมอร์ลิน : รับทราบ แต่เธอแน่ใจจริงๆเหรอที่จะไม่ให้มิลเลอร์บุกเข้าไป

    ฮัมบูร์ก : มันเป็นคำสั่งของท่านผู้นำ นายจัดการไปตามนั้นเถอะ มิลเลอร์

    มิลเลอร์ : นี่มิลเลอร์ ทราบแล้วเปลี่ยน

    ฮัมบูร์ก : ฉันมีวิธีอะไรเด็ดๆให้นายทำแล้วหล่ะ

    มิลเลอร์ : ว่ามาเลยครับผม

    ฮัมบูร์ก : ฉันอยากให้นายพาทหารมือดีที่สุดไปซุ่มโจมตีพวกมันด้านข้าง แต่งานนี้ต้องทำแบบเงียบๆ ไม่ให้ใครรู้เด็ดขาด

    มิลเลอร์ : นี่คุณจะให้ผมขัดคำสั่งท่านผู้นำเหรอครับ

    ฮัมบูร์ก : ถ้านายทำได้ พวกอังกฤษจะตายกันมากมายแน่นอน

    มิลเลอร์ : ด้วยความเต็มใจเลย // มิลเลอร์นำทหารบางส่วนแอบไปล้อมด้านข้างทหารอังกฤษ เพื่อตัดกำลังของพวกเขา

    ทางด้านพวกของนาวิน ในระหว่างที่พวกเขารอความช่วยเหลืออย่างสิ้นหวัง พวกเขาเริ่มคิดจะทำแผนการอะไรบางอย่าง

    โซเซีย : ฉันว่า ฉันคิดอะไรออกแล้วหล่ะ

    นาวิน : นายคิดจะทำอะไรเหรอโซเซีย

    โซเซีย : ฉันว่าจะหาเรือแถวนี้แล้วก็แล่นออกไปหล่ะ

    แซค : จะออกไปยังไง แถวนี้ไม่มีเรือซักลำ

    โอ๊ค : นั่นสิ สงสัยคงต้องลอยไปกับขอนไม้ซะหล่ะมั้ง

    แซค : แล้วอีกอย่างนะ เรือนั้นมีไว้ให้คนอังกฤษขึ้นเท่านั้นด้วย

    ในระหว่างนั้นเอง เครื่องบินทิ้งระเบิดของเยอรมันก็ทิ้งลงใส่ทหารสัมพันธมิตร ทำเอาพวกเขาแตกตื่นและล้มตายกันมากมาย พวกของนาวินก็ต้องหาที่หลบกันให้วุ่น

    อเล็กซ์ : ทุกคน หมอบลงเอาไว้ อย่ายืนขึ้นเด็ดขาด

    ธิน : แล้วเราจะเอายังไงต่อหล่ะทีนี้

    โอ๊ค : เอาไงหล่ะ ก็ภาวนาขอให้พวกมันหยุดโจมตีหน่ะสิ

    ในขณะเดียวกัน ก็มีทหารสัมพันธมิตรบาดเจ็บ เอมและออยต้องรีบไปช่วยดูอาการของเขา

    เอม : แย่แล้ว ออย กดแผลตรงนั้นไว้ที // ออยกดแผลจากนั้นเอมก็โรยผงฆ่าเชื้อให้เขา

    ออย : ทำยังไงต่อหล่ะ ขาเขาแหลกเลยเนี่ย

    เอม : คงต้องแบกไปขึ้นเรือหน่ะ ตรงนั้นมีเปลสนามหน่ะไปเอามาหน่อยสิ // พวกเขาไปเอาเปลสนามมา จากนั้นก็ช่วยกันแบกร่างของชายคนนั้นไปขึ้นเรือที่กำลังจะออก เมื่อพวกเขาไปถึงพวกเขาก็วางเปลลงทันที

    อเล็กซ์ : ช่วยด้วยค่ะ มีคนเจ็บ ให้เขาขึ้นเรือด้วย // ทหารอังกฤษช่วยกันแบกเขาขึ้นเรือ

    นาวิน : ฉันว่า เราสวดมนต์กันเถอะตอนนี้

    กลับมายังเบลเยี่ยม ซาบอนขับรถของเขากลับบ้าน แต่ในระหว่างนั้นเองก็มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งไล่ยิงรถเขา ทำเอารถของเขาเสียหลักและพุ่งเข้าไป เขาหนีไปจนตรอกที่ซอยแห่งหนึ่ง ชายสองคนถือปืนเตรียมเล็งปืนไปที่เขาหมายจะฆ่าเขา

    ซาบอน : นี่นายเป็นใคร ต้องการอะไรจากฉัน

    ไอ้คนขายชาติ แกใช่มั้ยที่ขายข้อมูลให้พวกเยอรมัน

    ซาบอน : ฉันขอโทษ พวกเยอรมันบังคับฉัน มันบอกถ้าฉันไม่ทำ มันจะฆ่าฉัน

    แกก็เลยคิดคดทรยศต่อแผ่นดินหล่ะสิ คนอย่างแกมันสมควรตาย

    ระหว่างนั้นเอง ซาบอนก็ตะโกนเรียกคนด้านหลัง เมื่อมันหันไป ซาบอนก็ควักปืนออกมายิงมันสองคนจนล้มลง

    ซาบอน : เฮ้อ ไอ้พวกโง่เอ้ย คิดเหรอว่าพวกแกจะทำอะไรฉันได้

    แก ไอ้สารเลว แกไม่ได้ตายดีแน่ๆ

    ซาบอน : งั้นเหรอ แต่แกอาจตายก่อนฉันหว่ะ

    ในทันใดนั้น ทหารเยอรมันก็บุกเข้ามาดูสถานการณ์ต่อทันที

    ซาบอน : จับตัวพวกมันเอาไว้ พวกมันเป็นพวกกบฏ // ทหารเยอรมันจับชายสองคนไปเพื่อทำการสอบสวนเพิ่มเติม

    กลับมายังกรุงปารีส ในเช้าวันต่อมา จูเลียสตื่นเช้าขึ้นมา เขาพยายามคลำหาปืนของเขา ซึ่งมันก็ยังอยู่ เคทไม่ได้แตะต้องอะไรเลย ในตอนนั้นเอง หลังจากที่เขาเข้าห้องน้ำเสร็จ เขาก็เดินมายังโต๊ะทานอาหาร ซึ่งเคททำอะไรให้เขากินพอดี

    เคท : ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ กินอะไรก่อนสิ

    จูเลียส : ขอบคุณมากครับ คุณใจดีจังเลย

    เคท : วันนี้เผอิญมีการหยุดยิงหน่ะ เลยออกไปซื้ออะไรได้

    จูเลียส : ครับผม ว่าแต่ ที่คุณไปเยอรมัน คุณไปทำอะไรงั้นเหรอ

    เคท : ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่ไปทำงานนิดหน่อยจ้ะ

    จูเลียส : เป็นงานแบบไหนเหรอครับ ช่วยบอกผมหน่อย

    เคท : นี่เธออยากรู้ไปทำไม นายเป็นใครงั้นเหรอ

    จูเลียส : ผม ก็แค่

    เคท : ฉันเห็นปืนที่คุณเก็บไว้แล้วนะ ฉันทำความสะอาดให้ แล้วฉันก็รู้ว่าคุณกำลังทำอะไรฉัน นายเป็นใครมาจากไหนกันแน่ จูเลียส บอกฉันได้มั้ย // จูเลียสถึงกับแน่นิ่ง เพราะเธอรู้มาตลอดว่าจูเลียสคิดจะทำอะไรเธอ แต่เธอก็ไม่ทำอะไรเขา

    จูเลียส : ผมมาจากอังกฤษ ตระกูลผมเป็นขุนนาง ผมหนีมาเพราะไม่อยากมาทำสงคราม ผมไม่อยากฆ่าใคร

    เคท : แต่นายคิดจะฆ่าฉันเนี่ยนะ มันคืออะไรของนาย

    จูเลียส : ผมขอโทษ ผมไม่อยากฆ่าคุณ ผมไม่อยากทำอะไรคุณ ผมขอโทษ ผม

    เคท : ช่างมันเถอะ ฉันรู้ว่านายคงไม่มีทางเลือกอะไรมาก ยังไงก็อยู่ที่นี่ก่อนได้นะ

    จูเลียส : ครับ // จูเลียสนั่งทานอาหารกับเธอต่อ จากนั้นพวกเขาก็นั่งดื่มไวน์ด้วยกัน

    ณ กรุงลอนดอน โจสยังคงรอฟังข่าวที่ดันเคิร์กอยู่ตลอดเวลา ในตอนนั้นเอง เพื่อนของโจสก็เดินเข้ามาพร้อมกับข่าวใหม่ทันที

    โจส ฉันได้ข่าวมาใหม่หล่ะ

    โจส : มีอะไรงั้นเหรอ

    ตอนนี้เชอร์ชิลล์ได้ระดมเรือทุกลำไปรับทหารสัมพันธมิตรเรียบร้อยแล้ว

    โจส : แล้วทางเราจะเตรียมการช่วยเหลืออะไรบ้างหล่ะ

    ตอนนี้เรายังไม่มีแผนอะไร เพราะทรัพยากรเรามีจำกัดที่นี่

    โจส : ทำไมกันนะ งั้นผมจะเอาเรือของผมไปรับพวกเขาเดี๋ยวนี้

    ใจเย็นๆสิ อย่าเพิ่งทำอะไรวู่วามตอนนี้สิ

    โจส : นายจะให้ฉันรออยู่เฉยๆอย่างงั้นเหรอ ห่ะ

    เอาน่า เดี๋ยวทางอเมริกาคงจะส่งความช่วยเหลือมาหน่ะ ตอนนี้เรารอดูสถานการณ์ไปก่อนดีกว่า

    ทางด้านของนูโวร่า หลังจากที่เธอไปขึ้นเรือสินค้าที่กำลังรออยู่ เธอก็นั่งประชุมกับลูกน้องของเธอถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

    นูโวร่า : ฉันมีอะไรอยากจะถามพวกนายหน่อย

    มีอะไรหรือเปล่าครับ

    นูโวร่า : ฉันสงสัยทำไมพวกมันถึงรู้แผนของเราทุกก้าวเลย

    ผมว่า อาจจะมีสายของเราอยู่ในนี้ก็ได้ครับ

    นูโวร่า : ก็อาจใช่ ฉันรู้ว่ามันเป็นใคร // จากนั้นนูโวร่าก็เล็งปืนไปยังลูกน้องคนหนึ่ง เธอยิงเขาจนเขาล้มลงทันที

    ทำไมกัน คุณถึง

    นูโวร่า : คิดว่าฉันไม่รู้เหรอ จดหมายที่แกเขียนไปถึงทางการอังกฤษ อย่าคิดนะว่ามันจะส่งไปถึงหน่ะ

    เฮ้อ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว แกคิดเหรอ ว่าพวกนาซีอย่างแกจะชนะ

    นูโวร่า : เฮ้อ น่าเสียดายที่รับใช้ฉันมานาน

    แล้วเราจะทำยังไงต่อหล่ะครับ

    นูโวร่า : เอาศพมันไปทิ้งซะ // พวกมันพากันแบกร่างของชายคนนั้นไปแล้วทิ้งลงทะเล

    ณ เรือโดยสารลำหนึ่ง ซึ่งแล่นมาถึงท่าเรืออังกฤษแล้ว คาริน่าเดินลงมาจากท่าเรือแล้วเรียกรถโดยสารทันที

    ขอโทษนะคะ ไปหน่วยงานกลาโหมค่ะ

    รถโดยสารคันนั้นแล่นไปเรื่อยๆ ระหว่างทางคนขับรถก็คุยกับเธอ

    คุณมาจากไหนหล่ะเนี่ย

    คาริน่า : เออ ฉัน มาจากเบลเยี่ยมหน่ะค่ะ

    งั้นเหรอครับ เสียใจด้วยนะเรื่องประเทศของคุณ แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่หล่ะ

    คาริน่า : ฉันมาทำงานนิดหน่อยหน่ะค่ะ

    อ้อครับ คุณทำงานอะไรที่รัฐสภาหล่ะ

    คาริน่า : มันเป้นความลับของทางราชการหน่ะค่ะ

    อ้อ งั้นไม่เป็นไรครับ นี่คุณได้ยินข่าวหรือยังครับ พวกเยอรมันมันจะฆ่าพวกเราที่ดันเคิร์ก

    คาริน่า : รู้ค่ะ ได้ยินว่าตอนนี้เขาจะส่งเรือไปช่วยนี่คะ

    ไม่กี่อึดใจ เขาก็มาถึงหน้ารัฐสภาของอังกฤษ จากนั้นเธอก็ให้เงินกับโชเฟอร์ไป

    ขอบคุณมากครับ ยังไงก็ขอให้โชคดีครับ

    คาริน่า : ยินดีค่ะ

    ณ รัฐแอริโซน่า สหรัฐอเมริกา ในตอนนั้นเอง ก็มีข่าวว่าจะมีการรับสมัครทหารใหม่ในช่วงปลายปี โคเวอร์ดีใจมากเลยขอแม่ว่าอยากจะไปเข้าร่วมกองทัพ

    โคเวอร์ : แม่ครับ กองทัพจะเปิดรับสมัครปลายปี ผมจะไปสมัครครับ

    เอาจริงเหรอลูก แม่ว่ามันอันตรายนะ

    โคเวอร์ : โธ่แม่ ก็ผมอยากเป็นทหารนี่หน่า

    แล้วนี่ลูกเตรียมพร้อมการเป็นทหารแล้วเหรอ

    โคเวอร์ : นั่นสินะแม่ แต่ไม่ต้องห่วง ยังไงผมก็จะฝึกครับ

    ว่าแต่ลูกจะไปอยู่หน่วยไหนหล่ะ

    โคเวอร์ : ผมจะไปอยู่พลร่มครับแม่

    ในขณะเดียวกัน ก็มีข่าววิทยุเกี่ยวกับการรบที่ยุโรป ว่ากองทัพเยอรมันไล่ตีทหารอังกฤษที่ดันเคิร์ก โคเวอร์ฟังข่าวนี้อย่างใจจดใจจ่อ

    โคเวอร์ : คอยดูเถอะ ถ้าพวกมันบุกอเมริกาผมจะไม่ปล่อยพวกมันไว้แน่

    เฮ้อ ลูกคนนี้ แน่นอนจริงๆเลยนะ

    ณ ทะเลแห่งหนึ่งแถวเนเธอร์แลนด์ ออก้านั่งอยู่บนเรือโดยสาร เขารออย่างใจจดใจจ่อเพื่อที่จะไปถึงที่นั่น ระหว่างนั้นเองเขาก็ไปนั่งดื่มเหล้าแถวนั้น แต่อยู่ดีๆก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมาดื่มเหล้าด้วย

    ขอดื่มด้วยคนนะคะ

    ออก้า : ครับผม เชิญตามสบายเลยครับ

    คุณมาคนเดียวเหรอคะ

    ออก้า : ใช่ครับ ผมมาตามหาเพื่อนผมหน่ะ

    เหรอคะ แล้วเพื่อนคุณมาทำอะไรที่เนเธอร์แลนด์หล่ะ

    ออก้า : ผมได้ยินเขาบอกว่าจะมาทำงาน แต่ตอนนี้ไม่รู้เขายังอยู่หรือเปล่า

    ขอให้คุณเจอเพื่อนคุณไวๆนะคะ ฉันชื่อเฮน่า แล้วคุณหล่ะ

    ออก้า : ผมออก้าครับ คุณมาจากไหนเหรอ

    ฉันมาจากออสเตรีย แล้วคุณหล่ะ

    ออก้า : โซเวียตรัสเซียครับ

    ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ อุ๊ย ฉันขอตัวนะคะ พอดีมีธุระนิดหน่อยค่ะเธอเดินออกไปปล่อยให้ออก้านั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียว เธอเดินเข้าไปที่ห้องของเธอจากนั้นก็คุยวิทยุกับชายคนหนึ่ง

    ฉันคุยกับเขาแล้ว ตอนนี้จะให้ทำยังไงต่อ

    จับตาดูมันเอาไว้

    กลับมายังหมู่บ้านแห่งหนึ่งในแถบชายแดนกัมพูชา รัตต้องปลอมตัวเป็นชาวบ้านแถวนั้นเพื่อปกปิดตัวเองจากทหารอาณานิคมแถวนั้น ซึ่งพวกเขามาตรวจหมู่บ้านแถวนั้นทุกวันเพื่อหาตัวสายลับคนไทย

    หลังจากที่รัตทำนาเสร็จ เขาก็มานั่งพักอยู่ตรงต้นไม้ด้านนอก ขณะเดียวกัน ชายเจ้าของหมู่บ้านคนเดิมก็มานั่งคุยกับรัตด้วย

    เอาหล่ะคุณ ตอนนี้คุณมีแผนอะไรอยู่หล่ะ

    รัต : ตอนนี้ ผมว่าจะหนีไปชายแดนไทยครับ

    ชายแดนไทยตอนนี้กำลังปะทุหนักเลยนะคุณ

    รัต : แต่ผมต้องไป มันปลอดภัยที่สุดสำหรับผม

    แต่คุณเป็นคนลาวนี่หน่า

    รัต : ทางการลาวกำลังตามล่าผมอยู่หน่ะตอนนี้

    ถ้าคุณคิดว่าที่นั่นปลอดภัย ผมจะให้คนไปส่งคุณก็แล้วกัน

    รัต : ขอบคุณมากครับลุง ผมจะไม่ลืมเลย

    ไม่เป็นไรหรอก ยังไงก็ขอให้นายปลอดภัยกลับบ้านก็แล้วกัน

    แต่ในขณะเดียวกัน ทหารญวณกลุ่มใหม่ก็มาสำรวจชาวบ้าน งานนี้พวกเขาสั่งให้ชาวบ้านมาอยู่รวมกันเพื่อเช็คเรียงตัว รัตอ้อมไปหลบอยู่แถวหลังหมู่บ้าน เพื่อรอดูสถานการณ์ว่าจะทำอย่างไรต่อไป

    กลับมายังกรุงลอนดอน หลังจากที่โอแลนซ่อมเครื่องบินเสร็จ เขาก็มานั่งพักอยู่แถวๆด้านข้างสนามบิน ในขณะเดียวกันก็นักบินก็มาคุยเรื่องเครื่องบินแบบใหม่ของเขา ว่าไปถึงไหนแล้ว

    คุณโอแลนครับ เครื่องบินใหม่ของเราจะเสร็จเมื่อไหร่ครับ

    โอแลน : ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ผมพยายามอยู่

    ตอนนี้นักบินของเราเสียขวัญไปมากมายแล้วนะครับ

    ว่าไงครับคุณโอแลน

    โอแลน : ตอนนี้ฝีมือและความกล้าของพวกคุณ คือเกราะป้องกันตัวสำหรับพวกคุณ

    ในขณะเดียวกัน ท่านเซอร์แฟรงค์ก็มาเยี่ยมโอแลน โอแลนก็ได้ไปต้อนรับทันที

    โอแลน : ท่านครับ

    แฟรงค์ : เป็นยังไงบ้าง เหนื่อยหน่อยนะโอแลน

    โอแลน : ไม่เป็นไรครับท่าน ตอนนี้ที่ดันเคิร์กเราโดนหนักเลยครับ

    แฟรงค์ : ผมรู้แล้วหล่ะ ตอนนี้ต้องหวังพึ่งเครื่องบินของพวกคุณแล้วหล่ะ

    โอแลน : ครับท่าน ผมจะพยายามครับ

    แฟรงค์ : ตอนนี้ผมว่าคุณไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะ

    โอแลน : ขอบคุณครับท่าน

    กลับมายังกรุงลอนดอน เจลามี่ได้มาถึงที่ทำงานของเขา ในตอนนั้นเองเขาก็สอบถามถึงงานใหม่ของเขาที่กำลังจะได้รับมอบหมาย

    เจลามี่ : เออนี่ จะมีงานใหม่มาให้ฉันอีกหรือเปล่าเนี่ย

    ใจเย็นสิเพื่อน ยังไงก็ได้ทำแน่ แต่ตอนนี้นายพักผ่อนก่อนดีกว่า

    เจลามี่ : ฉันไม่อยากอยู่เฉยๆหน่ะสิตอนนี้

    โธ่ เอาตัวเองให้รอดก่อนดีกว่านะเพื่อน

    เจลามี่ : เออใช่ ตอนนี้มีเหตุการณ์อะไรใหม่ๆบ้างหล่ะ

    ก็ตอนนี้ ทหารอังกฤษกำลังโดนไล่ตีที่ดันเคิร์กหน่ะ

    เจลามี่ : แย่หล่ะ ถ้าไม่มีเรือไปรับ พวกเขาตายกันหมดแน่

    ไม่ต้องห่วงนะ ตอนนี้เรือกำลังทยอยไปรับอยู่

    เจลามี่ : ก็หวังว่าพวกเขาจะปลอดภัยนะ

    ณ กรุงปารีส อลิสกับรินก็มาช่วยกันเก็บของเพื่อกลับไปเยอรมัน ในขณะเดียวกัน ก็มีรถคันหรูมารับพวกเธอทั้งสองคนกลับไป ทั้งสองคนขึ้นรถจากนั้นก็ออกไปจากกรุงปารีสทันที

    อลิส : เฮ้อ ในที่สุดก็จะได้กลับไปซะทีนะ

    ริน : นั่นสิพี่ คิดถึงโยชิตะ พี่ฮัมบูร์กและพี่เทราน์เนอร์อ่ะพี่

    อลิส : จริงด้วย ฮัมบูร์กตอนนี้กำลังเป็นที่โด่งดังเลยนี่ตอนนี้

    ริน : แต่พี่เทราน์เนอร์หายไปเลยนะช่วงนี้ แถมพวกพี่นาวินด้วย

    อลิส : จริงสิ แต่ทำไมเธอต้องพูดถึงพวกนั้นด้วยหล่ะ

    ริน : อ้าวพี่ ยังไงเรามาก็มาด้วยกันนะ ทำไมหล่ะ คิดถึงพี่ธินเหรอ

    อลิสนิ่งไปพักหนึ่ง ไม่ตอบอะไรรินเลย รินรู้อยู่แล้วเลยเงียบเอาไว้ดีกว่า

    ทางด้านของโยชิตะ ในตอนนั้นเอง เขาได้รับข่าวว่าพี่สาวของเขาจะกลับมาเร็วๆนี้ เขาดีใจมาก ท่ามกลางความสงสัยของเพื่อนคนอื่นๆ

    เฮ้ โยชิตะ มีอะไรเหรอ ท่าทางดีใจมากเชียว

    โยชิตะ : พี่สาวฉันกำลังจะกลับมาแล้ว

    งั้นเหรอ ดีใจกับนายด้วยนะ

    โยชิตะ : ขอบใจมาก ฉันจะให้พี่ฉันซื้อของมาให้พวกนายด้วย

    ว่าแต่ นายไม่ได้เจอพี่สาวนายนานแค่ไหนแล้วหล่ะ

    โยชิตะ : ซักพักนึงได้แล้วหล่ะ โชคดีที่ตอนนี้เรายึดปารีสได้แล้ว พี่สาวเลยกลับมาเร็ว

    นั่นสิ พวกฝรั่งเศสงี่เง่าหน่ะเหรอจะมาเอาชนะพวกเราได้

    โยชิตะ : อย่าเพิ่งใส่ใจเลย เราไปทำงานกันต่อดีกว่า

    ที่สนามบินกรุงเบอร์ลิน กัสรอวิคเตอร์อย่างใจจดใจจ่อ เพราะวันนี้เป็นวันที่วิคเตอร์จะกลับมาพอดี กัสและดอร์ชมันต์ได้ยินประกาศจากสายการบินว่าเที่ยวบินจากแอฟริกามาถึงแล้ว

    ดอร์ชมันต์ : ผมว่า วิคเตอร์ต้องมาทางนี้แน่นอนครับผม

    กัส : ค่ะ งั้นคุณช่วยพาฉันไปหน่อยสิ

    พวกเขาทั้งคู่ไปรอที่ประตูขาเข้า ในตอนนั้นเอง วิคเตอร์กับเทราน์เนอร์ก็เดินออกมาพอดี กัสเดินเข้าไปหาเขาทันที

    กัส : คุณวิคเตอร์ คุณจำฉันได้หรือเปล่าคะ

    เทราน์เนอร์ : แหม่ มีสาวมารับเลยนะเพื่อน

    วิคเตอร์ : อ้อ ผมจำได้ครับ อ้าว ดอร์ชมันต์ นายมาที่นี่ได้ยังไง

    ดอร์ชมันต์ : ก็แฟนนายเขาอยากเจอนายนี่หว่า ฉันเลยพาเธอมาหานาย

    วิคเตอร์ : ขอบใจมาก แต่ตอนนี้ฉันเหนื่อย ฉันขอกลับบ้านก่อนดีกว่า

    กัส : ให้ฉันไปกับคุณนะคะ

    วิคเตอร์ : เออใช่ ดอร์ชมันต์ ฉันอยากชวนนายไปดื่มอะไรที่บ้านฉันหน่ะ

    ดอร์ชมันต์ : ได้เลย ไหนๆก็ไม่ได้เจอกันนาน

    เทราน์เนอร์ : งั้นเราไปกันเลยดีกว่า

    กลับมายังแอฟริกา ลูก้าได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง เนื้อความในจดหมายมีว่าให้เขาไปรายงานตัวต่อกองทัพ เขาต้องรีบเก็บของกลับไปเบอร์ลินทันที

    คุณลูก้าครับ ทางเบอร์ลินเขียนมาว่าไงครับ

    ลูก้า : เขาต้องการให้ผมกลับไปรายงานตัวที่นั่นอ่ะครับ

    อ้อ แล้วคุณจะไปตอนนี้เลยเหรอครับ

    ลูก้า : ก็คงจะเป็นอย่างงั้น ผมฝากคุณดูแลที่นี่ด้วยนะครับ

    จะให้ผมเรียกเครื่องบินให้เลยมั้ยครับ

    ลูก้า : โอเคครับ ผมต้องรีบไป ท่านจอมพลต้องการจะพบผม

    หลังจากที่ลูก้าเก็บของเสร็จ เขาได้มารอเครื่องบินเพื่อกลับไปเบอร์ลินทันที

    อีกฝากหนึ่ง ที่กองทัพของพวกอาหรับ ในระหว่างที่พวกเขากำลังช่วยเหลือคนเจ็บ ก็มีเครื่องบินทิ้งระเบิดของอิตาลีบินมาอีกระลอก ทำเอาพวกเขาต้องวิ่งหลบระเบิดกันให้วุ่น คนตายไปมากมาย หลังจากที่เหตุการณ์สงบ พวกเขาก็มาช่วยกันเคลียร์ความเสียหายทันที เทเรซ่าตามหาผู้กองบราฮัม แต่สิ่งที่เธอเห็นก็คือ ร่างของผู้กองบราฮัมที่โดนระเบิดจนเสียชีวิตคาที่

    เทเรซ่า : ใครก็ได้มาช่วยกันหน่อย // เทเรซ่าพยายามปฐมพยาบาลแต่ก็ไม่เป็นผล เขาเสียชีวิตแล้ว เทเรซ่าต้องให้คนพาตัวเขาไป เธอในตอนนั้นเองเธอก็พาเขาไปด้วย

    คุณหมอครับ ทางนี้ต้องการคนช่วยด่วนครับ

    เทเรซ่าจำต้องไปรักษาคนไข้ต่อ เนื่องจากผู้บาดเจ็บมีมากมาย

    กลับมายังดันเคิร์ก เมอร์ลินขับเครื่องบินทิ้งระเบิด ทิ้งบอร์มใส่ทหารสัมพันธมิตรมากมาย แต่เขาก็โดนเครื่องบินของอังกฤษไล่ยิง ในตอนนั้นเองเขาถูกยิงที่หางเสือจนต้องกลับฐาน

    เมอร์ลิน : แย่แล้ว ฉันต้องกลับฐาน ฉันโดนยิง

    ฮัมบูร์ก : เข้าใจแล้ว รีบกลับออกมา // และในขณะเดียวกัน มิลเลอร์ก็ไปดักซุ่มโจมตีทหารสัมพันธมิตร เกิดการปะทะไปทั่วชายหาด พวกของนาวินได้ยินเสียงจึงตกใจเป็นอย่างมาก

    ธิน : บ้าเอ้ย ไหนบอกว่าพวกมันจะไม่บุกเข้ามาไง

    แซค : ฉันก็ไม่รู้ ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ

    โซเซีย : จะผิดพลาดอะไรอีกหน่ะ หนีกันก่อนดีกว่า

    แต่ในขณะเดียวกัน อเล็กซ์ก็เห็นอะไรก็ไม่รู้ลอยมาแต่ไกล มันลอยเข้ามาเรื่อยๆ แต่เมื่อมองดีๆ มันคือเรือนี่หน่า

    อเล็กซ์ : ทุกคน มีเรือมาช่วยเราแล้ว ดูสิ

    โอ๊ค : ห่ะ พวกเรารอดตายแล้ว รีบไปกันเถอะ // ทหารสัมพันธมิตรทุกคนดีใจมาก ในตอนนั้นเอง พวกเขาก็เห็นเรือที่คุ้นเคยมากๆ เหมือนพวกเขาเคยขึ้นเรือแบบนี้ที่ไหน

    เอม : ทุกคน ดูเรือลำนั้นสิ คุ้นๆมากเลยนะ

    ออย : นั่นสิ เหมือนว่าจะเคยเจอที่ไหนนะ

    อเล็กซ์ : ห่ะ นั้นเรือของน้าแคทเทอรีนนี่หน่า พวกเรารอดแล้ว

    นาวิน : งั้นพวกเราอย่ารอช้าเลย รีบไปกันดีกว่า // พวกเขาไปรอแคทเทอรีนที่ขับเรือมารับพวกเขา ในขณะที่อีกด้านหนึ่งก็มีการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง

    ======================================================================

    ความช่วยเหลือมาถึงแล้ว แต่เรื่องก็ยังไม่จบอีก พวกเขาจะรอดกลับไปได้หรือไม่ ติดตามชมต่อตอนหน้าเน้อ

    ขอคนละเม้นท์ด้วยนะแจ๊ะ


     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×