คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 6 : โจมตีด้านหลัง
ขบวนรถของวินเดินทางอออกจากหมู่บ้านและเดินทางขึ้นเหนือเพื่อหลบหนีจากกลุ่มทหารจักรวรรดิไทย รวมถึงทำภารกิจตามที่ไนอาลาขอมา พวกเขาเดินทางไปเรื่อยๆ ในรถจิ๊บคันหน้า ในรถมีแอนนาเป็นคนขับ ส่วนคนที่อยู่ในรถก็มีวินที่นั่งด้านหน้า ไนอาลา โซฮานและเวย์ ในระหว่างนั้นพวกเขาก็คุยกันไปด้วย
“แล้วคุณโซฮาน ไปไงมาไงถึงมาอยู่เมืองไทยเนี่ย??” วินหันไปถามโซฮาน
“ก็อย่างที่บอก ผมออกจากหน่วยที่ไนอาลาทำงาน มาเป็นครูที่นี่หน่ะ” โซฮานพูดขึ้น
“เมื่อก่อนเนี่ยได้ยินว่าเขาคือของจริงเลยนะ” ไนอาลาพูดขึ้น
“โห ฉันนี่อยากเห็นจริงๆเลย” แอนนาพูดขึ้น
“ว่าแต่ เราจะไปพักที่ไหนต่อดีคะ??” เวย์ถามไป
“คงจะขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ หาที่พัก เราต้องอ้อมกันหน่อย พวกทหารอาจจะตั้งด่านไว้” แอนนาพูดขึ้น
“เราคงต้องหลบพวกมันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงอุตรดิตถ์ครับ” วินพูดขึ้น
“เออ แปลกแหะ ฉันว่าฉันอาจจะไปที่นั่นพอดี” โซฮานพูดขึ้น
“อ้าว คุณโซฮานก็อยากขึ้นเหนือด้วยเหรอคะ??” เวย์ถามไป
“เอาเถอะ คุณเองก็ระวังไว้แล้วกัน ถ้าเรามีเป้าหมายเดียวกัน” ไนอาลาพูดขึ้น
“ไม่ต้องห่วงครับ เราจะรอดไปได้ถ้าเราร่วมมือกันครับ” วินบอกกับทุกคนไป
และที่รถบรรทุกที่ตามหลังกลุ่มของวินมา ซึ่งมีแต่ไอ้หมูป่าที่ขับรถอยู่คนเดียว ส่วนคนอื่นๆก็นั่งที่หลังรถบรรทุก
“เออ ไม่มีใครอยากไปนั่งกับหมอนั่นหน่อยเหรอ เดี๋ยวหมอนั่นเหงาเอานะ??” โรสถามไป
“ช่างเถอะ เอาจริงๆ หมอนั่นก็ไม่ค่อยคุยกับใครอยู่แล้ว” รินตอบไป
“แต่ฉันดูแล้ว อดีตของหมอนี่ไม่ธรรมดา และยิ่งที่ได้รู้จากพวกเธอ ฉันว่าหมอนี่น่าจะเป็นทหารเก่า ไม่ก็หน่วยรบพิเศษแน่ๆ” ซาซ่าพูดขึ้น
“อืม ก็เป็นไปได้ แต่น่าสงสารเขาเหมือนกันนะ” ซูหยินพูดขึ้น
“แต่หมอนี่ก็พึ่งพาได้สุดๆเลย ว่ามั้ยหล่ะ” ฟรีพูดขึ้น
“ตอนนี้มีการสื่อสารกันระหว่างกองทัพ ดูเหมือนว่าพวกมันจะเริ่มแบ่งกำลังกันมากขึ้น ไปทางเหนือบ้าง ไปทางกรุงเทพบ้าง บางส่วนไปทางตะวันตกด้วย” เมตเองที่กำลังทำแท็บเล็ตของเขาก็พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง สัญญาณเตือนอะไรบางอย่างก็ดังขึ้น
“บ้าเอ้ย แบตจะหมดแล้ว” เมตพูดขึ้น
“เดี๋ยวเอาไว้หาที่ชาร์จให้ก็แล้วกันนะ” รินตอบไป
“แต่ถ้าเกิดว่าสถานการณ์เป็นแบบนี้ พวกมันคงต้องคุมเข้มมากขึ้นแน่ๆ” โรสพูดขึ้น
“จริงด้วย แต่ก็นะ เราก็ต้องสู้กับพวกมันอยู่ดี” ฟรีพูดขึ้น
“ถ้ามีกระสุน Jevalin เพิ่มนะ ฉันเป่ารถถังได้สบายเลย” ซาซ่าพูดขึ้น
“เออ เอาไว้ไปหาข้างหน้าแล้วกันนะ” ซูหยินพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ไอ้หมูป่าก็ตะโกนอะไรบางอย่างออกมา
“เฮ้ย พวกมึงอยู่ไหนวะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะเป่าให้พรุนเลย!!” ไอ้หมูป่าตะโกนออกมา ทำเอาทุกคนที่อยู่ข้างหลังรถถึงกับกุมขมับ แต่ซักพักก็หัวเราะออกมา
และไม่นานนัก กลุ่มของวินเองก็เดินทางเข้ามาในปั๊มแห่งหนึ่ง ซึ่งปั๊มแห่งนี้แทบจะเป็นปั๊มร้างไม่มีคนอยู่ พวกเรารีบจอดรถที่หัวจ่ายน้ำมัน จากนั้นก็รีบเติมน้ำมันในทันที ในขณะที่พวกเขาทุกคนก็รีบลงจากรถกันเพื่อมาคุยกัน
“โอเค ดูเหมือนที่นี่จะร้างนะ” ไนอาลาพูดขึ้น
“ถ้างั้น เราน่าจะหาเสบียงได้อยู่นะครับ” วินพูดขึ้น
“โอเค ถ้าอย่างงั้นเราแยกย้ายกันหาเสบียงดีกว่า ให้บางส่วนอยู่ที่นี่เฝ้ารถด้วย” ไนอาลาพูดขึ้น จากนั้นไม่นานพวกเขาก็ตกลงกันว่าจะให้ไอ้หมูป่า โรสและรินเฝ้ารถ ส่วนคนอื่นๆ ก็แยกย้ายกันไปหาของ
พวกเขาแยกย้ายกันเข้าไปตามร้านสะดวกซื้อ รวมถึงร้านค้าต่างๆ เพื่อดูว่ามีอะไรให้พวกเขาพอเอาไปใช้และมีใครอยู่บ้าง และเมื่อตรวจสอบแล้ว พวกเขาก็ได้เสบียง ของแห้ง รวมถึงวัตถุดิบมาบางส่วน พวกเรารีบโกยทุกอย่างเก็บเข้ากระเป๋าอย่างรวดเร็ว และไม่นานนัก พวกเขาก็กลับมารวมตัวกันที่รถเพื่อมารวบรวมของกัน
“โอเค นี่นายหมู มีใครเข้ามาบ้างหรือเปล่า??” วินถามไอ้หมูป่าไป
“ทุกอย่างเรียบร้อย ไม่มีใครกล้ามาหรอก!!” ไอ้หมูป่าตะโกนออกมา
“โอ้ย ไม่ต้องตะโกนก็ได้ พูดดีๆแบบชาวบ้านหน่อยเถอะ” ซูหยินพูดขึ้น
“โอเค ว่าแต่พวกเราได้อะไรมาบ้างเนี่ย??” ไนอาลาถามไป
“ได้มาเยอะเลย อาหารสด อาหารแห้ง อุปกรณ์บางส่วนด้วย แล้วก็นี่ ฉันบังเอิญไปเจอในร้าน เผื่อนายอยากใช้” เวย์พูดขึ้นจากนั้นก็ยื่นที่ชาร์จแบตรวมถึงพาวเวอร์แบงค์อันหนึ่งให้กับเมต
“ขอบใจมากนะ” เมตรีบหยิบมาในทันที
“ตอนนี้ยังไม่มีใครผ่านมาเลย” รินพูดขึ้น
“ดีแล้วหล่ะ เราจะได้ไปแบบไม่มีปัญหา” แอนนาพูดขึ้น
“พวกมันอาจจะตามเรามาเร็วๆนี้ก็ได้” ซาซ่าพูดไป
“โอเค ว่าแต่เอาน้ำมันเติมใส่แกนลอนหรือยัง??” ฟรีถามโรสกับริน
“อ้อ เรียบร้อยแล้ว อยู่บนรถหน่ะ” โรสพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง โซฮานก็จับสังเกตอะไรได้มบางอย่างมาจากหน้าปั๊ม เขารีบชักปืนออกมาในทันที
“มีคนอยู่ตรงนั้น” โซฮานพูดขึ้น ในตอนนั้นทุกคนเล็งปืนไปตามทางเสียงพร้อมกันหมด
“เออ ชักแปลกๆแหะ” วินพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง จู่ๆพวกเขาก็เห็นร่างของชายคนหนึ่งซึ่มีอาการบิดเบี้ยวไปมา แขนข้างหนึ่งบวมใหญ่ผิดปกติ น้ำลายไหลเต็มปาก มันเดินมาทางกลุ่มของวินด้วยท่าทางอิดโรย
“ช่วย...ด้วย...” มันพยายามพูดออกมา แต่ในตอนนั้น จู่ๆ มันก็เกิดอาละวาดขึ้นมา มันพยายามจะวิ่งชนใส่กลุ่มของวิน กลุ่มของวินยิงใส่มันอย่างรวดเร็ว
“ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ!!”
ในตอนนั้นมันก็เข้ามาใกล้กลุ่มของวิน มันเงื้อหมัดใส่ไนอาลาที่ยืนอยู่ด้านหน้า แต่ในตอนนั้นวินก็กระโดดตะครุบตัวมันก่อนในทันที จากนั้นวินก็พยายามจะกดมันเอาไว้
“บ้าเอ้ย!!” วินตะโกนออกมา แต่มันก็ถีบวินกระเด็นออกไป ไอ้หมูป่าใช้ขวานฟันที่คอมันอย่างรวดเร็ว เขาฟันซ้ำๆจนคอของมันหลุดออกมา คนอื่นๆรีบไปหามวินขึ้นมาในทันที ในตอนนั้นเองฟรีก็รีบมาดูอาการของวินที่หมดสติ
“เฮ้ยวิน ทำใจดีๆนะเว้ย หามขึ้นรถเร็ว!!” ฟรีพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็พากันหามวินที่หมดสติขึ้นรถบรรทุกในทันที ไนอาลาเองตอนนั้นทำอะไรไม่ถูก ก่อนที่แอนนารจะมาสะกิดเธอ
“นี่ เราต้องรีบไปแล้ว!!”
แอนนาลากไนอาลาขึ้นรถในทันที ก่อนที่ไม่นานนักพวกเขาจะรีบออกเดินทางอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะมีกองกำลังหรือตัวประหลาดอะไรไล่ตามพวกเขา
ณ ทำเนียบรัฐบาล กุนนาร์ได้เรียกชยาชาญกับกฤตพจน์มาคุยเกี่ยวกับการโจมตีของกองกำลังจักรวรรดิไทยของนายสาลิกา เฮลล่าทักทายกับกฤตและชาญ จากนั้นก็พาพวกเขาทั้งคู่ไปพบกับกุนนาร์ที่กำลังรออยู่ในห้อง และไม่นานนัก ทั้งสามคนก็ทักทายในทันที
“สวัสดีค่ะ ขออภัยนะคะที่เรียกมากะทันหันแบบนี้” กุนนาร์พูดขึ้น
“อ้อ ไม่เป็นไรครับ เรื่องนี้เราต้องรีบจัดการอยู่แล้วครับ” ชาญตอบไป
“ดูเหมือนว่าพวกนั้นเริ่มจะเอาจริงแล้วหล่ะ” กฤตพูดขึ้น
“โอเคค่ะ ถ้าอย่างงั้นเราเริ่มประชุมกันดีกว่าค่ะ” เฮลล่าพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาทั้ง 3 คนก็นั่งประชุมกันในทันที
“ค่ะ ฉันขอเข้าเรื่องเลยนะคะ ตอนนี้พวกคุณคงจะรู้เรื่องที่ชายแดนอยุธยาแล้ว” กุนนาร์พูดขึ้น
“เราทราบครับ สายของผมรายงานมาแล้ว ตอนนี้พวกมันกำลังโจมตีที่เขตชายแดน แล้วก็หนีกลับไป เหมือนกับว่าพวกมันต้องการก่อกวนเรามากกว่า” กฤตพูดขึ้น
“ผมคิดว่าพวกมันน่าจะมาตัดกำลังและก่อกวนพวกเราให้เหนื่อยล้า พวกมันคงจะยังบุกลงมาไม่ได้ นายพลพงศ์บอกว่าพวกนั้นกำลังติดศึกอยู่ที่ภาคเหนือครับ” ชาญพูดขึ้น
“ใช่แล้วค่ะ เฮลลา มีสถานการณ์อะไรอัพเดทหรือเปล่า??” กุนนาร์หันไปถามเธอ
“ตอนนี้ยังไม่มีค่ะ เท่าที่ทราบ แต่ดูเหมือนว่าเราจะเห็นความเคลื่อนไหวทางด้านตะวันออกด้วยค่ะ” เฮลล่าพูดขึ้น
“อ้อ เรื่องผู้อพยพเหรอครับ เราจัดการส่งคนไปตรวจสอบแล้วครับ” ชาญพูดขึ้น
“ถ้าเกิดว่าไอ้สาลิกามันชนะศึกทางเหนือได้ พวกมันคงต้องลงมากรุงเทพแน่นอน สายข่าวของผมบอกมาว่า พวกมันคงมีไม่ต่ำกว่า 2 แสน” กฤตพูดขึ้น
“ห่ะ คุณกฤตครับ แต่กองกำลังของเราและชาวบ้านอาสารวมกันทั้งหมดเต็มที่ ยังได้ไม่ถึง 8 หมื่นเลนนะครับ” ชาญพูดขึ้น
“แต่เราก็มีน้อยกว่ามันแค่ 3 เท่า แถมเป็นฝ่ายตั้งรับ เราน่าจะยื้อกับพวกมันได้” กุนนาร์พูดขึ้น
“เราต้องตรึงมันให้ได้นานที่สุด ผมส่งจักรกลของผมไปประจำที่อยุธยาแล้ว” กฤตพูดขึ้น
“แต่เราคงต้องตั้งป้อมเอาไว้ เตรียมแนวตั้งรับ ผมว่าที่ปทุมธานีเป้นตำแหน่งที่ดีนะครับ” ชาญพูดขึ้น
“อืม ฉันเห็นด้วย ถ้าอย่างงั้นเราต้องรีบดำเนินการแล้วหล่ะค่ะ เฮลล่า ถ้าเราต้องตั้งแนวรับพวกมัน พอจะทำให้เร็วที่สุดได้หรือเปล่า??” กุนนาร์ถามไป
“เออ อันนี้ฉันก็ตอบไม่ได้ค่ะ” เฮลล่าตอบไป
“เอาเถอะครับ ถึงยังไงเราก็ต้องทำให้ดีที่สุดครับ” ชาญพูดขึ้น
“เห็นทีเราอาจจะต้องรับมือกับศึกใหญ่แล้วหล่ะ” กฤตพูดขึ้น
“คุณกฤต คุณชาญ ตอนนี้การเจรจาของพวกคุณทั้งสองคนเป็นยังไงบ้าง??” กุนนาร์ถามไป
“พวกของนาวาเอกการินนัดผมเจรจากับพวกเขาทั่จงปวัดประจวบหน่ะ” กฤตพูดขึ้น
“จินเยว่เชิญผมไปที่โรงแรมในพัทยาหน่ะ” ชาญตอบไป
“แต่พวกคุณสองคนก็ต้องระวังนะคะ” เฮลล่าพูดขึ้น
“อ้อ ไม่ต้องห่วงครับ พวกเราสองคนมีแผนอยู่ครับ” กฤตพูดขึ้น
“ค่ะ ได้ยินแบบนี้ฉันก็ไม่กังวลแล้วหล่ะ” กุนนาร์พูดขึ้น
“ตอนนี้เราสนใจเรื่องของนายสาลิกาก่อนดีกว่า เราไม่รู้เลยว่ามันจะมาไม้ไหน” ชาญพูดขึ้น
“สายข่าวของฉันบอกมาว่า พวกเขาหยุดการโจมตีภาคอีสาน นายพลยานกรเองก็กำลังเดินทัพขึ้นเหนืออยู่ค่ะ” เฮลล่าพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้น ตอนนี้เราก็คงต้องตัดกำลังของพวกมันให้ได้มากที่สุดสินะ” กฤตพูดขึ้น
“ฉันเห็นด้วยค่ะ เราคงต้องเร่งมือกันแล้ว ก่อนที่ทัพใหญ่ของพวกนั้นจะเอาจริงกับเรา” กุนนาร์พูดไป
ณ ค่ายของกองกำลัง Black Reaper ในตอนนี้ศิลป์กับเติร์กต่างก็ทำงานของเขา เติร์กเองพยายามทำการวิจัยยาตัวใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการชะล้างกัมมันตรังสี ส่วนศิลป์เองก็พยายามปรับแต่งเครื่องจักรอะไรบางอย่าง ในตอนนั้นเองศิลป์ก็เตรียมจะเอายาไปทดลอง แล้วมาเจอกับศิลป์เข้า
“เฮ้ยศิลป์ ทำอะไรอยู่อ่ะ??”
“กำลังทดลองเจ้าเครื่องนี่ เผื่อวันหนึ่งลมกัมมันตรังสีลูกใหญ่จากยุโรปพัดมา เราจะสลายมวลของมันได้” ศิลป์พูดขึ้น
“เอ้ย ทำได้จริงเหรอ??” เติร์กถามไป
“ได้สิ ลมที่ออกจากเครื่องนี่ไม่ธรรมดา มันจะแยกสารกัมมันตรังสีออกมา และให้มันสลายมวลและตกตะกอน แต่ต้องพึ่งยาของนายแล้วหล่ะ”
“อ้อ ยาตัวนี้เหรอ ตอนนี้ฉันกำลังเอาไปวิจัยขั้นสุดท้ายอยู่” เติร์กพูดขึ้น
“เออ เร่งมือหน่อยแล้วกัน” ศิลป์ตอบกลับไป
ณ เขตชายแดนจังหวัดอยุธยา ในตอนนี้นายพลพงศ์ได้เดินทางมาถึงแนวรบแล้ว ตัวของเขาลองสำรวจพื้นที่การรบว่าเป็นยังไงบ้าง และในตอนนั้นเอง รถจิ๊บคันหนึ่งก็ขับมาทางนายพลพงศ์ ซึ่งนั่นคือรถของกาย เมื่อรถจอด กายเองลงจากรถ จากนั้นก็เดินเข้ามาหานายพลพงศ์ในทัที
“ท่านนายพลครับ”
“อ้าว เจอกันอีกแล้วนะครับ” นายพลพงศ์กล่าวทักทาย
“ครับ คุณกฤตส่งจักรกลรวมถึงอุปกรณ์สอดแนมเพิ่มเติมมาแล้ว ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้างครับ??” กายถามไป
“เท่าที่ผมรู้ พวกมันเข้ามาโจมตีตัดกำลัง จากนั้นก็กลับไปที่เขตของพวกมัน ผมกะว่าจะให้พวกมันโจมตีอีกรอบ แล้วดักเล่นงานพวกมันอีกที” นายพลพงศ์พูดขึ้น
“แล้วท่านจะทำยังไงหล่ะ??” กายถามไป
“ปกติเท่าที่คนของผมรายงานมา พวกมันจะโจมตีตอนกลางคืน กลางวันพวกมันจะพักผ่อน ผมจะแบ่งคนออกไป 2 กลุ่ม กลุ่มแรกโจมตีตอนกลางวัน กลุ่มที่สองตั้งรับพวกมันตอนกลางคืน” นายพลพงศ์พูดขึ้น
“ท่านกฤตเอาป้อมปืนติดตั้งนี้มาด้วย มันสามารถมองกลางคืนได้ มันน่าจะช่วยได้ครับ” กายพูดขึ้น
“อืม ดีครับ ถ้าอย่างงั้น เราจะตั้งมันเอาไว้รอบค่าย ป้องกันพวกมัน” นายพลพงศ์พูดขึ้น
“แต่ตอนกลางวันหล่ะครับ ท่านจะโจมตียังไง??” กายถามไป
“ผมจัดคนเอาไว้แล้ว เราจะโจมตีฉาบฉวยและถอยกลับมาให้เร็วที่สุด” นายพลพงศ์พูดขึ้น
“อ้อ ผมเข้าใจหล่ะ” กายตอบรับไป
“พวกมันต้องโจมตีอีกแน่ๆ ตอนนี้เราต้องเตรียมพร้อมแล้วหล่ะ” นายพลพงศ์พูดขึ้น
ณ เขตของกลุ่ม Cops Eater ในภาคอีสาน ในวันนี้ตัวของคามิได้นั่งพักผ่อนอยู่ในบ้านหลังจากที่เหนื่อยจากงานมาทั้งวัน ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปทำงาน และในตอนนั้นเอง เสียงเคาะประตูห้องของเขาก็ดังขึ้น คามิรีบไปเปิดในทันที
“อ้าว โรส”
“เฮ้ คุณคามิ จันทร์กับตะวันมาแล้ว พวกเขาอยากเจอคุณหน่ะ”
“อ้อ ได้สิ” คามิพูดจบ จากนั้นเขาก็ปิดประตูห้อง จากนั้นก็ตามโรสไป และไม่นาน เขาก็เจอกับจอห์นที่มารออยู่ด้วย คามิรีบทักทายพวกเขาในทันที
“เฮ้ พวกนาย มีอะไรหล่ะ??” คามิถามไป
“ตอนนี้ผมอพยพชาวบ้านมาได้แล้ว แต่ว่าได้แค่บางส่วน พวกมันกวาดต้อนเอาชาวบ้านไปด้วย” ตะวันพูดขึ้น
“อืม นั่นก็เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้หล่ะนะ ว่าแต่เธอหล่ะมีอะไร??” คามิหันไปถามจันทร์
“ตอนนี้ฉันฝึกพวกชาวบ้านได้พอที่จะจัดการเรื่องจรยุทธ์และสามารถเตรียมตัดกำลังพวกมันได้แล้วหล่ะ” จันทร์พูดขึ้น
“เออนี่ ฉันพูดบ้างนะ ตอนนี้เรากำลังมีปัญหาหล่ะ” จอห์นพูดขึ้น
“มีเรื่องอะไรหล่ะ??” คามิถามไป
“ตอนนี้หมู่บ้านทางตะวันออกในเขตเราเริ่มโดนโจมตีหล่ะ ฉันกำลังสืบอยู่ว่ามันเป็นพวกไหน” จอห์นพูดขึ้น
“ห่ะ นี่พวกมันเป็นใครกันคะเนี่ย??” โรสถามไป
“เราจะเอายังไงดีครับ??” ตะวันถามไป
“อย่าเพิ่งตกใจไป พวกมันอาจจะแค่พวกโจรชายแดนก็ได้ แค่ส่งคนไปช่วยชาวบ้านของเราก็พอ” คามิพูดขึ้น
“ฉันไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่เลย” จันทร์พูดขึ้น
“นั่นสิ ถ้าฉันรู้ว่ามันเป็นใครนะ ฉันจะกระชากหนังหัวมันออกมาเอง” จอห์นพูดขึ้น
“เอาเถอะๆ ถ้าอย่างงั้น ตะวัน ฉันส่งนายไปจัดการเรื่องนี้แล้วกัน” คามิพูดขึ้น
“รับทราบครับ” ตะวันตอบไป
“จันทร์ ถ้าชาวบ้านเราพร้อมแล้วก็จัดการได้เลย” คามิบอกกับจันทร์
“รับทราบค่ะ”
“จอห์น คุณลองไปสืบดูก็แล้วกันว่าไอ้พวกนั้นเป็นใคร ผมจะทำให้มันชดใช้อย่างสาสม” คามิบอกกับจอห์น
“ยินดีจัดให้เลย” จอห์นตอบไป
“ดูเหมือนว่าเราเองจะเจอศึกใหญ่แล้วนะคะเนี่ย” โรสพูดขึ้น
“อืม แต่ตอนนี้เราต้องจัดการกับพวกชุดดำนั่นก่อน ไม่อย่างงั้นพวกมันคงจะฆ่าพวกเราทั้งหมดแน่” คามิพูดขึ้น ในตอนนั้นเองคามิก็เริ่มไอออกมาเล็กน้อย ในตอนนั้นเองโรสก็เอายาอะไรบางอย่างออกมา จากนั้นก็ให้คามิกินในทันที แล้วก็ให้คามิดื่มน้ำตามไปด้วย
“โอเค ขอบใจมากนะ” คามิตอบไป
“ดูเหมือนว่าเราคงต้องรักษาโรคกัมมันตรังสีกันจริงๆจังๆแล้วหล่ะครับ” ตะวันพูดขึ้น
“ตอนนี้ฉันกำลังคิดค้นยาอยู่ แต่ถ้าจะรักษาหายจริงๆ มันก็ต้องทำมากกว่านี้” โรสพูดขึ้น
“เอาเถอะ อย่างน้อยก็ต้องตาย ขอทำอะไรสนุกๆก่อนดีกว่า ใช่มะ??” จอห์นถามไป
“ก็จริง ยังไงก็ต้องลองหล่ะนะ” จันทร์พูดขึ้น
“เอาเถอะ พวกนายไปพักผ่อนกันก่อนแล้วกัน” คามิบอกกับทุกคนไป จากนั้นตัวของเขาก็กลับขึ้นไปบนห้องนอนของเขาในทันที
ณ ค่ายกองกำลัง MAG ในวันนี้ตัวของจ่ารงค์ได้ทำการสอบปากคำทหารที่มีเรื่องกับกลุ่มเผยแผ่ศาสนาที่เข้ามาในพื้นที่ ไม่นานนัก การสอบสวนก็เป้นไปโดยแล้วเสร็จ จ่ารงค์รีบไปคุยกับคนอื่นๆที่รออยู่ในทันที
“เป็นยังไงบ้างจ่า??” จ่าพลถามไป
“ทหารของเราบอกว่า พวกนี้มีการดูหมิ่นเหยียดหยามศาสนาอื่น หาว่าเป็นคนบาป และเราก็ไม่ได้วางมวยก่อน แล้วจู่ๆ พวกมันก็หายไปเลยครับ” จ่ารงค์ตอบไป
“ไม่ผิดที่คิดไว้เลยแหะ” จ่าพรพูดขึ้น
“จ่านนท์ ถ้าพวกมันมาอีก เอาพวกมันมาสอบปากคำหน่อยนะ” จ่าพลพูดขึ้น
“ครับ แล้วอีกเรื่อง ทางชายแดนของเราวิทยุแจ้งมา พวกของไอ้สาลิกามันส่งข่าว บอกว่าให้เราเข้าสวามิภักดิ์กับมัน ไม่งั้นมันจะถือว่าเราเป็นขบถครับ” จ่านนท์พูดขึ้น
“ถุ๊ย!! มันนั่นหล่ะกบฏ ยังมีหน้ามาชี้นิ้วใส่คนอื่นอีก” จ่าพรพูดขึ้น
“ดูเหมือนว่ามันจะเอาแน่ เราจะเอายังไงดีครับ??” จ่ารงค์ถามไป
“คงต้องโยกกำลังกลับไปเผชิญหน้ากับพวกมันแล้วหล่ะ ส่วนเรื่องพวกกบฏชนกลุ่มน้อยที่มาก่อกวนชายแดน คงจะจัดการไม่ยาก” จ่าพลตอบไป
ณ เขตปะทะระหว่างกองกำลังยูนนานและจักรวรรดิไทยทางเหนือ ตอนนี้กองกำลังของนายพลยานกรเดินหน้าเข้าเขตจังหวัดลำพูน กองกำลังยูนนานของเหมยฮวากำลังตั้งรับที่ชานเมืองลำพูน ไม่นานนัก ตัวของเหมยฮวาก้เดินทางมาถึงลำพูนจนได้
“อืม ถึงซะที อากาศดีนะที่นี่” เหมยฮวาพูดขึ้น ในขณะที่เสียงปืนยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ปังๆๆๆๆๆ!!”
“เราไปหลบที่กำบังก่อนจะปลอดภัยกว่านะครับ” ทหารของเธอพูดขึ้น
“อืม นั่นสิ พาฉันไปเลย” เหมยฮวาพูดขึ้น และไม่นานนักเธอก็เดินตามทหารของเธอไปในทันที
“ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง??” เหมยฮวาถามไป
“ตอนนี้กองกำลังของนายพลยานกรกำลังเข้าใกล้เมืองลำพูนแล้วครับ”
“อืม แล้วแนวรบอื่นหล่ะ??” เหมยฮวาถามไป
“ตอนนี้พวกมันเองก็เริ่มปะทะกับแนวรบอื่น สายข่าวของเราที่ภาคอีสานบอกว่า พวกมันถอนกำลังส่วนใหญ่ออกจากเขตอีสานแล้ว ส่วนกรุงเทพ พวกมันกำลังปะทะกับกองกำลังในกรุงเทพ ม่รวมกองกำลังต่อต้านในพื้นที่ครับ”
“ดูเหมือนว่าพวกมันก็กำลังลำบากเหมือนกัน” เหมยฮวาพูดขึ้น
“แล้วท่านจะทำยังไงครับ??”
“ฉันว่า ถ้าเราตรึงกำลังของพวกมันเอาไว้ได้ซักหน่อย เราอาจจะทำให้พวกมันเหนื่อยล้าได้” เหมยฮวาพูดขึ้น
“จริงด้วยครับ พวกมันคงอยู่ได้ไม่นานแน่ครับ”
“อืม บอกพวกเราให้เตรียมพร้อม เราต้องยื้อพวกมันเอาไว้ซักอาทิตย์ รอดูว่าพวกมันสูญเสียในแนวรบอื่นมากขึ้น พอทำได้หรือเปล่า??” เหมยฮวาถามลูกน้องของเธอ
“ทำได้ครับ!!” ทหารของเธอตอบไป
“อืม ดี คราวนี้เราต้องท่มสุดตัวแล้วหล่ะ” เหมยฮวาตอบไป
กลับมายังศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก ในวันนี้สาลิกาเองกลับมาทำงานอีกครั้ง ในระหว่างที่เขากำลังตรวจสอบเอกสาร ทหารคนหนึ่งก็รีบวิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับเขา
“ขอรายงานครับท่าน!!”
“เออ มีเรื่องอะไรหล่ะ??” สาลิกาถามไป
“ครับ กลุ่มซ่องโจรในพื้นที่เริ่มเหิมเกริมหนัก พวกมันแขวนศพทหารของเราประจานตามถนนแล้วครับ”
“ห่ะ ไอ้พวกห่านั่นอีกแล้วเหรอ ส่งคนของเราออกไป บอกเลยว่าคราวนี้ไม่มีการเก็บเชลย!!” สาลิกาตะโกนออกมา
“ครับท่าน แล้วอีกอย่าง กลุ่มทหารไทยทางภาคตะวันตกยังไม่ตอบรับเราครับ เราส่งข่าวออกไปแต่ยังไม่มีใครตอบรับเราเลยซักคนครับ”
“ไอ้บ้าเอ้ย สงสัยพวกมันคงอยากลองดี คอยดูเถอะ จัดการพวกเจ๊กนั่นได้เมื่อไหร่ ฉันจะเหยียบหัวพวกมันทีละคนเลย ส่งข่าวไปหายานกร บอกให้พวกนั้นจบศึกที่จีนให้เร็วที่สุด ฉันจะรีบฆ่าไอ้พวกนี้ให้เหี้ยน พวกมันกล้าดียังไง??” สาลิกาตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด
“รับทราบครับท่าน”
“เออ พอรู้หรือเปล่า หัวหน้าชุมโจรของพวกมันเป็นใคร??” สาลิกาถามไป
“ท่านน่าจะรู้จักมัน มันคือไอ้ทศกร ทศกันทธ์ครับ”
“อ้อ มันนี่เอง ฉันอุตส่าห์โยนมันเข้าคุกแล้ว มันยังรอดมาได้อีกเหรอเนี่ย” สาลิกาพูดขึ้น
ทางด้านของกองกำลังของนายพลยานกร ในตอนนี้พวกเขาเดินหน้าเข้าสู่เขตของกองกำลังจีนยูนนานมากขึ้น ตัวของยานกรเองได้ไปตรวจสอบแนวรบด้วยตัวเอง โดยมีผู้พันเกศ นายทหารที่รับผิดชอบพื้นที่คอยบอกสถานการณ์ไปด้วย
“ผู้พัน ตอนนี้พวกเรากำลังล้อมเมืองได้หรือยัง??” ยานกรถามไป
“ครับ อีกไม่นานเราจะล้อมพวกมันไว้ได้ครับ”
“เออ ระวังด้วย ฉันสืบมาได้ว่าพวกมันมีอาวุธและกำลังคนที่ดีกว่า เราต้องใช้ฝีมือจัดการกับพวกมัน” ยานกรพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ทหารคนหนึ่งก็รีบวิ่งมาหาเขาอย่างรวดเร็วเพื่อมารายงานอะไรบางอย่าง
“ท่านครับ ท่านสาลิกามีคำสั่งมาครับ!!”
“มีเรื่องอะไรหล่ะ??” ยานกรถามไป
“ท่านสาลิกาบอกมาว่า พวกเขาอยากให้พวกเรารีบจบศึกที่ภาคเหนือ เพราะเราต้องเร่งกำจัดชุมโจรในพื้นที่ รวมถึงบุกโจมตีกรุงเทพด้วยครับ”
“แค่จัดการชุมโจร ผบ.สุริยันนี่จัดการไม่ได้เลยหรือไงวะ??” ยานกรถามไป
“เออ จะว่าไป ชุมโจรภาคกลางนี่ก็ปราบมานานแล้ว ไม่หมดซะทีนะครับ” ผู้พันเกศพูดขึ้น
“คนพวกนี้มันขี้เกียจ คิดว่าเป้นโจรแล้วจะสบายไงหล่ะ” ยานกรพูดขึ้น
“แล้วถ้าท่านสุริยันควบคุมพื้นที่ไม่ได้ เราจะเอายังไงครับ??”
“ฉันจะรายงานท่านสาลิกาเอง” ยานกรพูดขึ้น
“แต่ผมว่าลำบากนะครับ ท่านสุริยันหน่ะสาลิกาลิ้นทอง แถมยังประจบท่านสาลิกาเก่งซะยิ่งกว่าอะไรดี เดี๋ยวเขาก็คงจะรอดไปอีกแน่นอนครับ” ผู้พันเกศพูดขึ้น
“คราวนี้ผมจะไปคุยกับท่านสาลิกาให้รู้เรื่องเอง” ยานกรตอบไป
กลับมายังชุมโจรของนายทศ ในวันนี้ตัวของเขาหลังจากที่พักผ่อนเรียบร้อยแล้ว ตัวของเขาก็ออกมาเดินเล่นบริเวณหมู่บ้าน แต่ในตอนนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายอะไรบางอย่าง ไม่นานนัก เขาก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังถือดาบจะวิ่งไล่ฟันเขา หญิงสาวคนนั้นคือคนที่นายทศเพิ่งจะข่มขืนไป นายทศเองรีบวิ่งไปหลบหลังลูกน้องของเขา พวกเขารีบเอาปืนเล็งจ่อเธอในทันที
“เฮ้ย อีนี่มันเป็นอะไรของมันวะ??” นายทศถามไป
“มันขโมยมีดเราตอนเผลอพี่!!” ลูกน้องของเขาตอบไป
“แก ไอ้ระยำ ฉันจะฆ่าแก!!” ผู้หญิงคนนั้นตะโกนออกมา
“จะฆ่ายังไง ห่ะ พวกฉันมีปืน เธอเข้าใกล้ฉันไม่ได้หรอกเว้ย!!” นายทศพูดขึ้น จากนั้นลูกน้องของเขาก็หยิบปืนให้กับเขาในทันที จากนั้นเขาก็เล็งเธอ
“วางอาวุธดีกว่าน้องสาว” นายทศพูดขึ้น
“ถุ๊ย กูจะไม่ยอมมีชีวิตแบบนี้หรอก แต่ก่อนตายกูขอเอามึงไปด้วย!!” หญิงสาวคนนั้นตะโกนออกมา
“จะทำอะไรวะ จะฆ่าตัวตายเหรอ มึงไม่กล้าหรอก ผู้หญิงที่ถูกเลี้ยงดูมาแบบมึงไม่กล้าทำอะไรแบบนี้หรอก มึงมันขี้ขลาด!!” นายทศตะโกนออกมา เธอสับสนอยู่ซักพัก ก่อนที่จะวิ่งเข้าใส่นายทศ แต่นายทศก็ยิงใส่ร่างของเธอจนเธอนอนลงกับพื้น เธอคนนั้นพยายามรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายขว้างดาบใส่นายทศ แต่ก็ไร้ผล เธอหมดลมก่อนจะได้ขว้างมันออกไป
“ถุ๊ย กูก็นึกว่าจะแน่ เอามันไปให้หมูกิน” นายทศพูดไป
ณ โรงแรมหรูเดิมที่จินเยว่ต้องการจะใช้เป็นที่รับรองชยาชาญที่จะเดินทางมาเจรจากับเธอ ในวันนั้นตัวของเธอก็ตรวจสอบการเตรียมห้อง และในตอนนั้นเอง เลขาคนสนิทของเธอคนหนึ่งก็รีบวิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับเธออย่างรวดเร็ว
“คุณจินคะ แย่แล้วค่ะ!!”
“อะไร ตกใจอะไรขนาดนั้น??” จินเยว่ถามไป
“เรื่องคดีฆ่าหั่นศพหน่ะค่ะ”
“อ้อ คดีที่มันพยายามจะทำลายหลักฐานงั้นเหรอ ว่าไงหล่ะ??” จินเยว่ถามไป
“เออ คนร้ายสารภาพมาแล้ว มันบอกจะเอาเนื้อไปกินค่ะ”
“ห่ะ กินเนื้อคนเนี่ยนะ บ้าไปแล้วเหรอ??” จิยเยว่ถามไป
“ไม่บ้าค่ะ พวกนั้นบอกว่าจะเอามากินจริงๆค่ะ”
“อะไรกัน พวกนั้นไม่ได้แจกเสบียงให้กับผู้อพยพเหรอ ถึงได้อดยากแบบนี้??” จินเยว่ถามไป
“เออ ทางเราจะสอบสวนเรื่องนี้เองค่ะ”
“อืม แล้วอีกอย่าง ตอนนี้เราต้องกักตัวผู้อพยพไว้ก่อน ให้พวกเขาอยู่ในที่ที่จัดไว้ก่อนหน่ะ” จินเยว่พูดขึ้น
“รับทราบค่ะ เราต้องปลอดภัยไว้ก่อน ว่าแต่ คุณชาญจะมาถึงเมื่อไหร่คะ??” เลขาของเธอถามไป
“พรุ่งนี้ เขาจะเดินทางมาทางรถ ฉันจะนำทหารไปคุ้มกันเขา” จินเยว่พูดขึ้น
“ค่ะ ฉันจะไปติดต่อกับท่านนายพลเองค่ะ”
“จับตาดูกลุ่มผู้อพยพด้วย ดูว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ และสอบสวนคนของเราเรื่องการแจกจ่ายเสบียงด้วย พวกนั้นำได้ยังไงกัน คงต้องสอบถามให้รู้เรื่อง” จินเยว่พูดขึ้น
“รับทราบค่ะ” เลขาของเธอตอบไป
ณ เขตที่มั่นของนายพร กองกำลัง Scavs ของเขาเตรียมความพร้อมในการตั้งรับกองกำลังที่จะมาตามล่าเขา พวกเขาให้กำลังดักซุ่มเอาไว้ตามป่า รวมถึงอพยพประชาชนผู้อพยพขึ้นเขา และไม่นานนัก ลูกน้องของเขาคนหนึ่งก็รีบมารายงานอะไรบางอย่างกับเขา
“ลูกพี่ครับ พวกมันมาแล้วครับ!!”
“งั้นเหรอ พวกมันมากี่คนหล่ะ??” นายพรถามไป
“ประมาณ 10 คันรถบรรทุกครับ”
“อืม ถ้าอย่างงั้นก็เอาเลย” นายพรพูดขึ้น
ทางด้านของขบวนรถบรรทุกขบวนหนึ่งที่ขับเข้ามาในป่า ถนนในป่ากว้างพอจะให้รถขับเข้ามาได้ พวกเขาขับเข้ามาเรื่อย จนกระทั่ง
“ตู้ม!!”
“เฮ้ย อะไรวะ??” คนขับรถบรรทุกตะโกนออกมา ไม่นานนักคนในรถบรรทุกก็พากันลงจากรถเพื่อเตรียมพร้อมรบ แต่ในตอนนั้นพวกเขาก็โดนยิง รวมถึงโดนหอกไม้ไผ่พุ่งใส่ ทำเอาพวกมันถึงกับเสียขบวน
“พวกมันมีระเบิดด้วยเหรอเนี่ย??” ชายคนหนึ่งตะโกนออกมา
“ชิบหาย หนีเร็ว!!” ชายอีกคนตะโกนออกมา จากนั้นพวกเขาก็รีบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่กองโจรในป่าก็รีบหนีออกจากอย่างไม่คิดชีวิต กลุ่มของนายพรที่ซุ่มดูอยู่ในป่าก็ได้แต่ดีใจกับความสำเร็จ
ณ ที่ไหนซักแห่งบริเวณภาคอีสานตอนบน ตัวของบลูมเดินทางอย่างรวดเร็วเพื่อไปพิษณุโลก และเมื่อมาถึงเขตชายแดนจังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเป็นพื้นที่ยึดครองของกองกำลังจักรวรรดิไทย ในตอนนั้นเธอเองก็เมคอัพให้ใบหน้าดูเป็นคนเอเชีย จากนั้นเธอก็ขับเข้าไปในด่านของทหารอย่างรวดเร็ว
“สวัสดีครับ จะไปไหนครับ??” ทหารประจำด่านถามไป
“จะกลับบ้านที่พิษณุโลกค่ะ” บลูมที่พูดภาษาไทยชัดตอบไป จากนั้นเธอก็ยื่นบัตรประชาชนที่เธอปลอมไว้ให้กับทหารดูในทันที
“อ้าว บ้านคุณอยู่โคราชไม่ใช่เหรอ??”
“แม่ฉันเป็นคนพิษณุโลกหน่ะค่ะ แต่ฉันทำงานที่โคราช” บลูมตอบไป
“อ้อ คุณทำงานอะไรหล่ะ??”
“ฉันเป็นช่างคอมค่ะ” บลูมตอบไป
“อ้อ เหรอครับ ถ้าอย่างงั้นคุณซ่อมโทรศัพท์ได้หรือเปล่า??” ทหารคนเดิมถามไป ในตอนนั้นบลูมเองก็รีบคว้าเอาโทรศัพท์นั้นมาดูในทันที จากนั้นเธอก็พูดขึ้น
“นี่ไม่ใช่โทรศัพท์นี่” บลูมพูดขึ้น
“อ้อ จริงด้วย ท่าทางเธอจะรู้จริง โอเค ผ่านได้” ทหารชุดดำพูดขึ้นจากนั้นก็เปิดด่านให้กับบลูม ตัวของเธอก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไปในทันที พร้อมกันนั้นก็โทรหาใครบางคนไปด้วย
“โอเค ผ่านด่านชัยภูมิแล้ว น่าจะถึงเพชรบูรณ์ในไม่ถึงวัน ถ้าไม่พักนะ”
“เออๆ เอาที่เธอไหวแล้วกัน เข้าพิษณุโลกแล้วก็บอกฉันอีกที”
“โอเค” บลูมตอบกลับไป
ณ ที่ไหนซักแห่งในอ่าวไทย ในวันนี้ตัวของนาวาเอกการินก็กำลังรอฟังข่าวการเจรจากับกรุงเทพ ไม่นานนัก พลวิทยุของเขาคนหนึ่งก็รีบรายงานอะไรบางอย่างกับเขาอย่างรวดเร็ว
“ท่านครับ ทางกรุงเทพตกลงนัดเจอกับเราแล้วครับ เป็นวันพรุ่งนี้ คนที่จะมาเจรจาเป็นคุณกฤตพจน์ครับ”
“อ้อ นี่เขาจะมาเองเหรอ นึกว่าจะส่งใครมา??” บากาดอฟถามไป
“ใช่ครับ เขาจะมาด้วยตัวเองครับ”
“ดี ถ้างั้นผมจะรอเขา เตรียมเฮลิคอปเตอร์ไว้ด้วย บากาดอฟ เธอคุมกองเรือของเราไปพลางๆก่อนนะ” การินพูดขึ้น
“รับทราบค่ะท่าน” บากาดอฟตอบไป
“อ่า ท่านครับ มีอีกเรื่องนึงครับ ตอนนี้กองกำลังของเราเริ่มกระทบกระทั่งกับกลุ่มสอนศาสนาที่เข้ามาในพื้นที่ครับ เกือบจะวิวาทกันด้วยครับ คนของเรารายงานมาเมื่อกี้เลยครับ”
“เฮ้ย ขนาดนั้นเลยเหรอ??” การินถามไป
“ดูเหมือนว่าจะไม่ง่ายแล้วนะคะเนี่ย” บากาดอฟพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้นต้องสอบสวนกันหน่อยหล่ะ” การินตอบไป
“แต่ว่า คงต้องรอหลังจากที่เราเจรจากับทางกรุงเทพนะคะ” บากาดอฟพูดขึ้น
“อืม เรื่องนั้นผมเข้าใจแล้ว” การินตอบไป
ณ บ้านหลังใหม่ของไนซ์และแจนรี่ ในวันนี้ตัวของพวกเขาทั้งคู่ก็หลบหนีจากการตามล่ามาใช้ชีวิตกันแบบธรรมดา พวกเขาทั้งคู่คอยจัดแจงบ้าน แจนรี่ทำความสะอาดบ้าน ในขณะที่ไนซ์เองก็จัดการกับอาวุธของเขาเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกลุ่มของแดเนียลที่จะมาตามล่าพวกเขา หลังจากที่ตัวของแจนรี่ทำความสะอาดทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แจนรี่เองก็เดินไปหาไนซ์ที่กำลังจัดการอาวุธที่ยึดจากคนของแดเนียลมาได้
“ทำอะไรอยู่คะที่รัก??”
“อ้อ ผมกำลังเตรียมอาวุธอยู่หน่ะ” ไนซ์ตอบไป
“โห เยอะมากเลยนะคะเนี่ย” แจนรี่พูดขึ้น
“อ้อ ใช่ครับ เราต้องระวังตัวไว้หน่อย” ไนซ์ตอบไป
“อืม คุณสอนฉันใช้มันได้หรือเปล่าคะ??”
“เออ เอาจริงเหรอที่รัก??” ไนซ์ถามไป
“ค่ะ ฉันไม่อยากอยู่เฉยๆให้คุณปกป้องฉันฝ่ายเดียวหรอก” แจนรี่ตอบไป
“เอาเถอะครับ ผมคงหยุดคุณไม่ได้แล้วสินะ” ไนซ์พูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็ให้ปืนสั้นกระบอกหนึ่งกับแจนรี่ แจนรี่เองก็รีบรับมา มันเป็นปืนพกขนาดเล็ก มันเหมาะมือกับแจนรี่มาก
“คุณไปหามาจากไหนกันเนี่ย??” แจนรี่ถามไป
“ก็จากพวกมันนี่หล่ะ ผมจะสอนคุณใช้ให้” ไนซ์พูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็ลองเล็งปืนไปทางอื่นดู
“อืม เหมาะมือดีนี่ แบบนี้ก็คงจะฝึกได้ไม่ยากนะคะ”
“แน่นอนครับ ตอนนี้ผมหิวหล่ะ ไปหาอะไรกินดีกว่า” ไนซ์พูดขึ้น
“อ้อ ฉันเตรียมไว้แล้วหล่ะ” แจนรี่พูดขึ้น
“ครับ ผมคิดถึงอาหารฝีมือคุณจัง” ไนซ์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็พากันลงไปยังชั้นล่าง ซึ่งบนโต๊ะอาหารก็มีอาหารสำหรับสองคนวางอยู่ ทั้งคู่รีบนั่งในทันที
“โอเค ผมทานหล่ะนะครับ” ไนซ์พูดขึ้นจากนั้นก็ตักอาหารเข้าปากในทันที
“เป็นยังไงบ้างคะ??” แจนรี่ถามไป
“จะให้ตอบเอาใจหรือเอาจริงหล่ะ??” ไนซ์ถามไป จากนั้นก็ตักอีกคำกินให้แจนรี่ดู
“แหม่ คุณนี่นะ”
“ผมจะพาคุณไปกรุงเทพ ที่นั่นน่าจะปลอดภัยสำหรับเรา” ไนซ์พูดขึ้น
“กรุงเทพเหรอคะ??” แจนรี่ถามไป
“ครับ ผมรู้จักกับเพื่อนคนนึงตอนอยู่ในคุก เขามีกิจการอยู่ ผมจะไปดูแลที่นั่น และเขารู้จักกับคุณชยาชาญ ที่ตอนนี้กำลังคุมกรุงเทพอยู่ด้วย” ไนซ์พูดขึ้น
“ชยาชาญ อ้อ นักการเมืองชื่อดังที่คนชอบคนนั้นเหรอคะ??” แจนรี่ถามไป
“ครับ หมอนั่นน่าจะไปถึงกรุงเทพ น่าจะไปหาคุณชาญแล้ว” ไนซ์พูดขึ้น
“อ้อ ค่ะ ถ้าอย่างงั้นก็ดีเลยค่ะ” แจนรี่พูดขึ้น
“คุณไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะไม่จากคุณไปไหนอีกแล้ว” ไนซ์พูดขึ้น
“ค่ะ ฉันดีใจมากที่ได้ยินแบบนั้น ฉันจะตามคุณไปทุกที่เลยค่ะ” แจนรี่ตอบไป
“น่ารักที่สุดเลยครับ” ไนซ์พูดจากนั้นก็กินอาหารไปอีกคำ
กลับมายังคฤหาสน์ของแดเนียล ในวันนี้ตัวของเขาก็กำลังตามสถานการณ์ที่เขาส่งคนไปจัดการหมู่บ้านในพื้นที่ที่ไม่ยอมเข้ากับเขา ระหว่างนั้นตัวของเขาก็กำลังนอนกกกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่บนเตียง โดยที่ลูกน้องของเขาก็ยืนรอเขาอยู่ที่เตียงด้วยเพื่อรายงานเขา
“นายครับ ตอนนี้เราส่งคนไปจัดการหมู่บ้านตามที่นายว่าแล้ว ดูเหมือนว่าพวกมันจะอพยพหนีกันไปแล้วครับ”
“เฮ้ย จริงเหรอ แล้วยังไงต่อหล่ะ??” แดเนียลถามไป
“ตอนนี้มันเหลือแต่หมู่บ้านร้างแล้วครับ”
“เออ ดี ถ้าอย่างงั้นก็ยึดหมู่บ้านไปเลย” แดเนียลตอบไป
“ผมว่า พวกมันอาจจะมีแผนอื่นก็ได้ครับ พวกมันอาจจะปล่อยให้เรายึดหมู่บ้าน แล้วมาโจมตีทีหลังก็ได้นะครับ”
“เฮ้ย คิดมากน่า ถ้าอย่างงั้นพวกแกก็ตั้งค่ายไว้รับมือพวกมันสิ ใช้เงินใช้อาวุธเท่าไหร่ไม่เกี่ยง พื้นที่แถวนั้นมีของที่ฉันอยากได้มาก” แดเนียลตอบไป
“ครับ ได้ครับนาย”
“เออ แล้วเรื่องที่ฉันบอกให้ไปจับคนมาหล่ะ??” แดเนียลถามไป
“เรากำลังสะกดรอยอยู่ครับ คิดว่าจะได้เบาะแสเร็วๆนี้ครับ”
“เฮ้ย มันช้าไปแล้วนะ??” แดเนียลถามไป
“ดูเหมือนว่าไอ้นี่มันจะว่องไวกว่าที่เราคิดครับ”
“ไอ้บ้าเอ้ย ไอ้ไนซ์ มึงคิดว่ามึงจะรอดจากกูได้เหรอ งั้นส่งคนไปเพิ่ม แต่อย่าใช้ปืนมากหล่ะ ฉันจะจับเป็นผู้หญิงของฉัน” แดเนียลพูดขึ้น
“รับทราบครับนาย” ลูกน้องของเขาตอบไป
“เอ้ย ออกไปก่อน วันนี้กูหมดอารมณ์!!” แดเนียลบอกกับผู้หญิงที่เขานอนกกอยู่และไล่เธอออกไปอย่างหมูอย่างหมา จากนั้นเขาก็รินเหล้าดื่มแก้เครียด
ณ ที่ไหนซักแห่งในจังหวัดอ่างทอง โคลเวอร์และอาคุมุยังคงเดินทางพากันขึ้นเหนือ โดยที่โคลเวอร์ก็คอยจูงอาคุมุเดินทางไปเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันพวกเขาทั้งคู่ก็พูดคุยกันไปด้วย
“เออนี่ลุง ถามอะไรหน่อยสิ ลุงมาทำงานอะไรกันแน่เนี่ย??” โคลเวอร์ถามไป
“อ้อ มาสืบราชการลับนิดหน่อยหน่ะ แต่เรื่องมันยาว ซับซ้อนด้วย” อาคุมุพูดขึ้น
“แล้วต้องมาถึงเมืองไทยเลยเนี่ยนะ??” โคลเวอร์ถามไป
“ก็ใช่ เราเลือกที่ไปได้ด้วยเหรอ??” อาคุมุถามไป
“จริงด้วย ลืมไปว่าลุงเป็นตำรวจ”
“ว่าแต่เราเถอะ กล้ามากที่ออกมาแบบนี้ มีแค่ปืนกับชะแลง” อาคุมุพูดขึ้น
“ก็หนูอยากเจอพ่อแม่นี่” โคลเวอร์ตอบไป
“แล้วถ้าเกิดพวกเขากลับถึงบ้านแล้วไม่เจอเธอหล่ะ??” อาคุมุถามไป ทำเอาโคลเวอร์เงียบไปพัก จากนั้นก็พูดขึ้น
“หนูไม่รู้สิ”
“ถ้างั้น ถ้าเธอหาโทรศัพท์ได้ ลองโทรกลับไปที่บ้านสิ จำเบอร์บ้านได้หรือเปล่าหล่ะ??” อาคุมุถามไป
“อ้อ จำได้ค่ะ” โคลเวอร์พูดขึ้น และไม่นานนัก พวกเขาก็เดินทางมาถึงร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ซึ่งบริเวณนั้นมีคนเดินมาซื้อของกันแต่ไม่มาก โคลเวอร์รีบพาอาคุมุไปในทันที
“มีร้านของกินหน่ะ กินอะไรหน่อยมั้ยลุง??” โคลเวอร์ถามไป
“อืม ซักหน่อยก็ดี” อาคุมุพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็พาอาคุมุเข้าไปในร้าน พร้อมกันนั้นตัวของเธอก็พาอาคุมุไปเลือกของในทันที
“เออนี่ลุง เอาอะไรมั้ย??” โคลเวอร์ถามไป
“เอาอะไรก็ได้เอามาเถอะ” อาคุมุตอบไป ในตอนนั้นโคลเวอร์ก็พาอาคุมุไปที่หน้าเคาน์เตอร์ในทันที
“อ่า พาพ่อมาด้วยเหรอ??” พนักงานร้านถามไป
“อ่า ใช่ค่ะ พ่อหนูตาบอด พวกหนูได้แต่เดินขอทานไปเรื่อย เงินที่ได้มาแค่นี้เองค่ะ” โคลเวอร์พูดขึ้น ทำเอาอาคุมุตกใจเล็กน้อย และโคลเวอร์ก็เอาเงินจำนวนนิดหน่อยที่มีให้กับพนักงานไป
“เฮ้อ กตัญญูจริงๆเด็กคนนี้” พนักงานร้านพูดขึ้น ก่อนที่โคลเวอร์จะลากอาคุมุออกไปนอกร้านในทันทีพร้อมของที่ซื้อมาด้วย
“เออ เอาจริงดิ??” อาคุมุถามไป
“เอาน่า ไม่ถือนะลุง” โคลเวอร์พูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็รีบพาอาคุมุไปยังเพิงแห่งหนึ่งซึ่งเป็นเพิงที่พักผ่อนในทันที จากนั้นตัวของเธอก็แจกของกินให้กับอาคุมุ
“เออนี่ เราจะหาเงินเพิ่มจากที่ไหนดีลุง??” โคลเวอร์ถามไป
“ไม่รู้สิ คงต้องปล้นแล้วหล่ะมั้ง” อาคุมุพูดขึ้น
“แล้วลุงไม่มีเงินติดตัวมาเลยเหรอ??” โคลเวอร์ถามไป
“ก็นิดหน่อย” อาคุมุพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็หยิบกระเป๋าตังค์ของเขาออกมา จากนั้นก็เอาเงินทั้งหมดให้กับโคลเวอร์ไป
“โอเค พอได้” โคลเวอร์พูดขึ้น
“ตอนนี้ต้องรีบหาที่พักแล้วหล่ะ” อาคุมุพูดขึ้น
“เดี๋ยวก็หาได้น่าลุง กินก่อนเถอะ” โคลเวอร์พูดขึ้นจากนั้นก็หยิบขวดน้ำมาดื่ม
ณ บริเวณป่าแห่งหนึ่ง พื้นที่ที่กลุ่มของไมนฮาร์ทกำลังซุ่มรอกองกำลังจักรวรรดิไทยที่จะมาปล้นเสบียงของชาวบ้าน ในตอนนั้นกลุ่มทหารที่เข้ามาในหมู่บ้านก็ได้ยินเสียงปืน ทหารพวกนั้นรีบจอดรถและลงจากรถในทันที ก่อนที่พวกเขาจะตั้งแถวกัน
“เฮ้ย เสียงปืนมาจากไหนวะ??”
“น่าจะมาจากในป่าครับ!!”
“ถ้างั้นก็บุกเข้าไปเลย”
“เออ จะดีเหรอครับท่าน??”
“จะกลัวอะไร พวกเรามีเป็นร้อย ก็ลุยเลยดิ!!” นายทหารพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ดาหน้าเดินเข้าป่าเพื่อตามล่ากลุ่มชาวบ้าน แต่ยังไม่ทันไร จู่ๆ ทหารคนหนึ่งก็ดันตกหลุมที่ชาวบ้านขุดเอาไว้ ร่วงลงไปโดนหอกแทงข้างล่าง
“อ้าก!!”
“เฮ้ย อะไรวะ??” นายทหารคนนั้นตะโกนออกมา แต่ตัวของเขาก็โดนยิงจนล้ม
“ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!”
เสียงปืนดังสนั่นทั่วทั้งป่า พวกนั้นรีบเข้าที่กำบังในทันที แต่ในตอนนั้นเอง
“ตุ๊บ!!” จู่ๆ มีอะไรบางอย่างโยนใส่ทหารพวกนั้น มันคือรังมดแดงนั่นเอง ทหารแถวนั้นรีบปัดตัวกันให้วุ่น
“เฮ้ย มดแดง ชิบหายหล่ะ!!” ทหารพวกนั้นรีบแยกย้ายกันหนี แต่ก็โดนชาวบ้านไล่ต้อนจนแทบจะต้องหนีออกมา ตอนนั้นไมนฮาร์ทที่เห็นสถานการณ์ก็ปิดป่าเอาไว้ในทันที
“เอาเลย ตามแผน!!” ไมนฮาร์ทตะโกนออกมา พวกเขารีบออกไปอีกด้านหนึ่ง ซึ่งมันเป็นหน้าผาที่ไม่สูงมากนัก พวกเขาไต่เชือกลงไป จากนั้นก็วิ่งไปปิดทางออกจากป่า จากนั้นก็ล้อมยิงพวกมัน
“ปังๆๆๆๆๆๆ!!”
พวกนั้นโดนล้อมหน้าล้อมหลังจนหมดทาง และไม่นานนัก พวกนั้นก็รีบโยนปืนทิ้งในทันทีและยกมือขึ้น
“ยอมแล้ว พวกเรายอมแล้ว!!” พวกนั้นตะโกนออกมา ก่อนที่ไม่นานนัก กลุ่มชาวบ้านจะกรูกันออกมาจากป่า จากนั้นก็จับทหารพวกนั้นเอาไว้อย่างรวดเร็ว ไมนฮาร์ทกับฮานารีบออกมาดูผลงานในทันที
“โอเค เรียบร้อยเลย” ฮานาพูดขึ้น
“เก็บเสื้อเกราะกับอาวุธพวกมัน” ไมนฮาร์ทพูดขึ้น จากนั้นไม่นานชาวบ้านก็รีบเก็บอาวุธของพวกมัน รวมถึงถอดเสื้อเกราะของพวกมันออกมาอย่างรวดเร็ว
“ได้เชลยมาแล้วเราจะเอายังไงหล่ะ??” ฮานาถามไป
“เก็บพวกมันเอาไว้ก่อน จับพวกมันมัดไว้ในป่าแล้วกัน” ไมนฮาร์ทพูดขึ้น
“อ้าว แล้วไม่ฆ่ามันเหรอคะ??” ฮานาถามไป
“เปลืองกระสุนเปล่าๆ ไม่แน่เราอาจจะเก็บพวกมันไว้ต่อรองด้วยก็ได้” ไมนฮาร์ทพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ลูกน้องของฮานาคนหนึ่งก็รีบวิ่งมาหาเธออย่างรวดเร็วเพื่อรายงานอะไรบางอย่าง
“เจ๊ ผมไปสำรวจรถของพวกมัน ยังมีอาวุธอยู่อีกเจ๊!!”
“ถ้างั้นก็ไปขนมาให้หมดเลย รถจอดไว้ด้านนอก แอบๆไว้ เผื่อเราต้องใช้” ฮานาตอบไป
“อยากรู้เหมือนกันว่าเราจะได้อาวุธอะไรอีก แต่พวกมันกลับมาอีกแน่ เราคงต้องเตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้ด้วย” ไมนฮาร์ทพูดขึ้น
“อ้อ ฉันรู้ว่าเราต้องไปไหน” ฮานาตอบไป
ณ ถนนเส้นหนึ่งในจังหวัดน่าน หลังจากที่ตัวของทิพย์ได้ทำการตรวจสอบโรงงานของเธอเรียบร้อยแล้ว ตัวของเธอก็เดินทางกลับไปยังบ้านพักของเธอ ในระหว่างนั้นเธอก็พูดคุยกับลูกน้องของเธอไปด้วย
“ตอนนี้พวกจีนบุกถึงไหนแล้ว??”
“ตอนนี้ที่ตามข่าว พวกนั้นหยุดทัพที่แพร่ครับ”
“หือ พวกมันยังไม่บุกต่อเหรอ??” ทิพย์ถามไป
“พวกนั้นระดมกำลังรบกับพวกชุดดำทางใต้หน่ะครับ”
“เออ เราพอจะหาคนยึดจังหวัดแพร่เพิ่มได้หรือเปล่า??” ทิพย์ถามไป
“ช่วงนี้น่าจะยากเจ๊ แล้วยิ่งได้ข่าวว่าลูกน้องเราหายตัวไปแบบปริศนาอีก”
“พวกแม่งหายไปไหนวะ ถ้าอย่างงั้นก็สั่งคนของเราอย่าเข้าไปในขตนั้นแล้วกัน” ทิพย์พูดขึ้น จากนั้นไม่นานนัก รถของเธอก็ขับมาถึงบ้านพักจนได้
“เออนี่ ฉันน่าจะอยู่ที่นี่ซักพัก มีอะไรก็มาบอกฉันแล้วกัน” ทิพย์พูดขึ้น
“ได้ครับเจ๊” ลูกน้องของเธอรับคำ ส่วนตัวของทิพย์ก็เดินเข้าไปในบ้านของเธอทันทีเพื่อพักผ่อน
ณ ที่ไหนซักแห้งบริเวณจังหวัดลำพูนตอนล่าง การินเองเดินเท้าลงไปทางใต้เข้าเขตของกองกำลังจักรวรรดิไทย เขาเอาผ้าแถวนั้นมาคลุมตัวเอง ทำตัวให้เลอะเทอะมอมแมมเพื่อไม่ให้ใครสังเกต เขาเดินมาเรื่อยๆ ผ่านกลุ่มกองกำลังชุดดำซึ่งตอนนั้นกำลังตรวจตราพื้นที่หลังจากที่ยึดครอง การินเห็นตอนนั้นก็รีบแอบในทันที
“เวรเอ้ย เต็มไปหมดเลย” การินสบถออกมา ก่อนที่เขาจะพยายามแอบไปตรงนั้นทีตรงนี้ที ก่อนที่ในตอนนั้น เขาก็แอบเห็นรถบรรทุกคันหนึ่งกำลังสตาร์ทอยู่
“นั่นรถนี่ ต้องรีบแล้ว” การินคิดในใจ จากนั้นเขาก็ค่อยๆแอบทหารพวกนั้นและเข้าไปใกล้รถบรรทุก แต่ในตอนนั้นเอง ทหารคนหนึ่งก็หันขวับมาทางการิน
“แม่งเอ้ย” การินสบถออกมา ก่อนที่เขาจะหลบอยู่หลังถังขยะแถวนั้น ทหารคนนั้นพอไม่เห็นอะไรก็หันกลับไป ก่อนที่การินเองจะย่องไปที่รถคันนั้น
“ยังไงต่อวะเนี่ย??” การินมาถึงรถบรรทุกคันนั้น แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่แถวนั้น ก่อนที่การินจะได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้เขา
“บ้าเอ้ย จะไปหลบไหนดีวะ??” การินพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก เขาก็เห็นว่าด้านหลังรถบรรทุกสามารถเข้าไปหลบได้ เขาจึงกระโดดขึ้นไปหลบในทันที
“ตุ๊บๆๆ”
การินหลบอยู่หลังเฟอร์นิเจอร์บนรถ ก่อนที่ไม่นานเสียงฝีเท้านั้นจะปรากฏร่างของชายสองคนกำลังช่วยกันขนของขึ้นรถบรรทุกอย่างแข็งขัน พวกเขาเอาของขึ้นรถโดยไม่รู้ว่ามีการินอยู่บนรถด้วย
“พ่อ เราจะลงใต้ได้เหรอ รบกันหนักเลยนะพ่อ??”
“พ่อมีทางอยู่ ไม่ต้องห่วง เราจะไปถึงกรุงเทพแน่นอน”
“โอเค ตอนนี้ของก็หมดแล้ว เราไปเลยแล้วกัน” คนลูกพูดขึ้น ก่อนที่พวกเขาทั้งคู่จะพากันขึ้นรถอย่างรวดเร็วและออกเดินทางโดยที่การินได้แอบติดรถไปด้วย
กลับมายังค่ายทหารของกองกำลังชุดขาว อัลดริชเรียกฟิลิปกับเมดิเยอมาคุยเพื่ออัพเดทข้อมูลเกี่ยวกับศัตรูของพวกเขา พวกเขานั่งคุยกันที่โต๊ะทำงานในห้องหนึ่ง และเมื่อมาพบกันพวกเขาก็คุยกันในทันที
“ตอนนี้พวกไหนที่ดูจะมีปัญหามากที่สุดหล่ะ??” อัลดริชถามไป
“มี 2 กลุ่มครับ กลุ่มแรกคือกองกำลังไทยที่เรียกตัวเองว่า MAG กองทัพนี้มีจ่าสิบเอกคนหนึ่งบัญชาการ พวกนั้นคอยรักษาความสงบที่ชายแดนครับ” ฟิลิปบอกไป
“ครับ มิชชันนารีของเราบอกมาว่าพวกนั้นมีรถหุ้มเกราะด้วยครับ” เมดิเยอบอกไป
“แค่รถหุ้มเกราะ เราจัดการได้อยู่แล้ว แล้วอีกฝ่ายหล่ะ??” อัลดริชถามต่อ
“ภาคใต้ตอนนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของนาวาเอกการิน นายทหารเรือใหญ่ของกองทัพเรือไทยครับ” ฟิลิปบอกไป
“ครับ พวกนี้น่ากลัวอยู่นะครับ” เมดิเยอพูดเสริม
“อืม แต่เท่าที่ดู กำลังของเราสามารถสู้ได้พร้อมกันทั้งสองฝ่ายแน่นอน และที่กรุงเทพเป็นยังไงบ้าง??” อัลดริชถามไป
“ตอนนี้ยังไม่เจอปัญหาอะไรครับ” ฟิลิปตอบไป
“อืม ดี ถ้าอย่างงั้นเมดิเยอ นายจัดการกับพวกมันทั้งสองฝ่ายเลย” อัลดริชออกคำสั่งไป
“รับทราบครับ” เมดิเยอรับคำสั่งไป
ณ บริเวณคริสตัสสีฟ้า หลังจากที่นาตาชาจัดการกลุ่มคนที่จะมาโจมตีคริสตัลได้จนหมด ตัวของเธอก็เดินทางกลับมายังคริสตัลตรงนั้น ตัวของเธอเมื่อกลับมาก็พบกับกองกำลังติดอาวุธชุดใหม่ซึ่งดูเหมือนกำลังจะถูกส่งไปทำงานอะไรบางอย่าง หัวหน้านักบวชมารคนนั้นกำลังนั่งอยู่ต่อหน้าคริสตัล ในขณะที่นาตาชาเองก็มาหยุดอยู่ที่เขาและคุกเข่าลง
“ทำได้ดีมาก” หัวหน้านักบวชมารพูดขึ้น
“พวกมันไม่จบแค่นี้หรอกค่ะ” นาตาชาตอบไป
“ข้าไม่กลัว ให้พวกมันมา ส่วนตัวเจ้า เตรียมตัวจัดการกับพวกมันก็แล้วกัน”
“ทำไมเราถึงไม่เอามันมาเป็นพวกเล่า??” นาตาชาถามไป
“เออ จริงด้วย ทำข้าถึงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ ไม่แน่ เราอาจจะได้กำลังมาเพิ่มก็ได้” หัวหน้านักบวชพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก เขาจะเอามือมาลูบกับคริสตัลต่อ จากนั้นก็พูดขึ้น
“ข้าเข้าใจแล้วนายท่าน” หัวหน้านักบวชตอบไป
“ท่านมีเรื่องอันใดเล่า??” นาตาชาถามไป
“งานนี้มันยิ่งใหญ่กว่าที่เจ้าคิดนัก” หัวหน้านักบวชบอกกับนาตาชาไป
ณ ห้องรับแขกในห้างสรรพสินค้าของเขมส์ ในวันนี้ตัวของเจมส์ได้นัดพบกับชายคนหนึ่ง ซึ่งเขาเป็นตัวแทนซัพพลายเออร์หาสินค้าในภาคอีสาน ไม่นานนัก ชายคนนั้นก็เดินเข้ามาในห้องรับรอง ตัวของเจมส์เดินไปต้อนรับชายคนนั้นในทันที
“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับครับ”
“ครับ ดีใจที่ได้พบนะครับ” ชายคนนั้นตอบไป
“อืม เชิญนั่งครับ” เจมส์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็นั่งคุยกันในทันที
“อยากทานอะไรหรือยังครับ??” เจมส์ถามไป
“อ้อ ไม่ต้องมากพิธีหรอกครับ มีอะไรก็ว่ากันเลยดีกว่าครับ”
“อ้อ ตอนนี้ทางเราต้องการสินค้าเพิ่มเติมครับ” เจมส์พูดขึ้น
“ครับ ผมทราบดี รู้ด้วยว่าตอนนี้คุณกำลังโดนอะไรอยู่” ชายคนนั้นพูดขึ้น
“ครับ คุณมีสินค้ามากแค่ไหนกันหล่ะ??” เจมส์ถามไป
“เรามี 30 กว่าโกดังที่พร้อมจะปล่อยสินค้า แล้วค่าตอบแทนผมหล่ะ??” ชายคนนั้นถามไป ก่อนที่เจมส์จะให้พนักงานเอากระเป๋าอะไรบางอย่างมา จากนั้นพนักงานก็เปิดกระเป๋าให้ชายคนนั้นดู พบว่าข้างในเป็นคริสตัลมีค่ามากมาย
“อืม ถ้าเป็นแบบนี้ คุณก็รอฟังข่าวดีจากผมได้เลย” ชายคนนั้นตอบไป
ณ อพาร์ทเม้นท์เดิมซึ่งองค์หญิงและโทรุเข้าพัก หลังจากที่พักผ่อนเรียบร้อยแล้ว พวกเธอสองคนก็ทำกิจวัตรประจำวันของพวกเธอทั้งคู่ ก่อนที่ไม่นานนัก พวกเธอทั้งคู่จะเก็บของและออกจากห้องอย่างรวดเร็ว พวกเธอทั้งคู่เดินลงไปยังชั้นล่าง จากนั้นก็เดินกลับไปยังรถของพวกเธอทั้งคู่ ก่อนที่ไม่นาน พวกเธอจะเห็นว่ารถของพวกเธอจะโดนเจาะยางเข้า
“เฮ้ย องค์หญิง รถเราโดนเจาะยางค่ะ!!” โทรุพูดอย่างตกใจ ก่อนที่องค์หญิงจะตอบกลับด้วยภาษามือ
“บ้าเอ้ย อุตส่าห์เติมน้ำมันมาแล้วด้วย งั้นเราคงต้องหารถคันอื่นแล้วหล่ะ” องค์หญิงพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง องค์หญิงก็เจอกับพนักงานต้อนรับคนเดิม โทรุรีบชักปืนเล็งใส่เธอ แต่พนักงานคนนั้นก็เอากุญแจรถให้กับโทรุ
“เอารถนี่ไปเถอะค่ะ แล้วอย่าฆ่าฉันเลย”
โทรุรีบหยิบกุญแจรถมา จากนั้นก็ลองกดปุ่มปลดล็อกรถ และเธอก็ได้ยินเสียงรถเก๋งคันหนึ่งดังขึ้น พวกเธอรีบไปที่รถในทันที จากนั้นโทรุก็เปิดรถและลองทดสอบรถ
“น้ำมันเหลือครึ่งถังค่ะ” โทรุพูดขึ้น
“ถ้างั้นเราเอาน้ำมันจากคันนั้นมาใส่แทนได้หรือเปล่า??” องค์หญิงถามเป็นภาษามือไป โทรุพยักหน้า จากนั้นเธอก็รีบเอาเครื่องสูบน้ำมันมาดูดน้ำมันจากรถคันเก่า และเอามาใส่รถคันใหม่ ไม่นานนักรถคันนั้นก็มีน้ำมันเต็มถัง พวกเธอทั้งคู่ขึ้นรถในทันที จากนั้นพวกเธอก็รีบขับรถออกไปในทันที
“เออนี่ เราจะไปไหนต่อหล่ะ??” องค์หญิงถามโทรุด้วยภาษามือ
“เข้าภาคกลางค่ะ ได้ยินมาว่าตอนนี้ทางใต้กำลังปะทะกันหนัก เราจะเข้าทางลพบุรีค่ะ” โทรุตอบไป
กลับมายังถนนเส้นหนึ่ง ซึ่งมุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดสิงห์บุรี ในตอนนั้นตัวของฟรีที่เคยเรียนหมอมาก็ดอาการของวินที่กำลังนอนสลบอยู่ แต่ไม่นานนัก จู่ๆ ตัวของวินก็ลุกขึ้นมา ทำเอาคนอื่นๆถึงกับแปลกใจกันมาก
“เฮ้ย วิน เป็นยังไงบ้าง??” ฟรีถามไป
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันแค่มึนหัวหน่ะ” วินตอบไป และในตอนนั้นเอง จู่ๆ รถของพวกเขาก็ต้องจอดอย่างรวดเร็ว กลุ่มชองวินรีบลงจากรถแล้วมาหาคนที่อยู่หน้ารถอย่างรวดเร็ว ในตอนนั้นกลุ่มคนที่อยู่หน้ารถ โดยเฉพาะไนอาลา ตอนนั้นเธอก็รีบมาหาวินในทันที
“นาย เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า??”
“อ้อ ผมไม่เป็นไร แค่มึนหัวนิดหน่อย” วินตอบไป และในตอนนั้นเอง เวย์ก็เอายาอะไรบางอย่างให้กับเขา
“เอายานี่กินนะคะ น่าจะช่วยได้” เวย์บอกไป
“แล้วนี่เราจอดรถทำไมกันเนี่ย??” รินถามไป
“ที่ซอยด้านหน้า มีรถบรรทุกทหารจอดอยู่ ไม่รู้พวกมันจะทำอะไร” แอนนาพูดขึ้น
“หรือว่า พวกมันจะมาหมู่บ้านแถวนี้คะ??” โรสถามไป
“จะว่าไป ฉันก็ได้ยินเสียงปืนดังมาแต่ไกลด้วยนะคะ” ซูหยินพูดขึ้น
“หรือว่าจะต้องยิงกันหล่ะ ฉันรออยู่แล้ว!!” ไอ้หมูป่าพูดขึ้น
“โอ้ย จะดีดอะไรนักหนาเนี่ย เงียบๆหน่อย” ซาซ่าตอบแบบเซงๆ
“พวกทหารอีกแล้วเหรอเนี่ย ยังไงก็คงต้องลุยหล่ะ” โซอานพูดขึ้น
“แต่ถ้าเราลุยตรงๆ เราจะเสียเปรียบนะครับ” เมตพูดปรามไป แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงขบวรถอีกขบวนดังขึ้น และมันก็เข้ามาใกล้มากขึ้นอีก
“หลบก่อนเร็ว” ไนอาลาพูดขึ้น ก่อนที่พวกเขาจะชักปืนออกมา จากนั้นก็ซุ่มดูความเคลื่อนไหวจากข้างทาง ในตอนนั้นพวกเขาก็เห็นขบวนรถทหารกำลังใกล้เข้ามา พวกเขาจอดรถไว้บริเวณจุดที่จอดรถบรรทุก แต่ไม่กี่อึดใจ พวกเขาก็เห้นรถคันหนึ่งหนึ่งขับมาด้วย
“เฮ้ย มีรถถังด้วย” วินพูดขึ้น
“VT-4 เอารถถังขนาดนี้มาเล่นเลยเหรอ น่าจะใช้ทำภารกิจตามไล่ล่า เตรียมตัวให้พร้อมแล้วกัน เราคงลองวัดกับพวกมัน” ไนอาลาบอกกับทุกคนไป
====================================================================
การรบจะเป็นอย่างไร และเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ
https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย
ขอของขวัญด้วยเน้อ แหะๆๆ!!
ความคิดเห็น