ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Descendant War - สมรภูมิปิตุฆาต

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 6 : เข้าสู่แคว้นเดลล์

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.ย. 61


    กลุ่มของนอร์ดิกขี่รถม้าลัดเลาะป่าไปเรื่อยๆ บรรยากาศรอบข้างางมีแต่ป่าไม้ที่ดูเงียบสงบเต็มไปหมด พวกเขาได้แต่เยี่ยมชมบรรยากาศอันเงียบสงบของป่าแห่งนี้

    ไซโซ : โห ป่านี่สงบจริงๆเลย ท่ามกลางสงครามแบบนี้

    เคจา : นั่นสิ บางทีก็อยากมาสร้างบ้านอยู่ที่นี่จังเลย

    แต่ระหว่างนั้นเอง พวกเขาก็เห็นท่อนซุงท่อนใหญ่มาขวางอยู่กลางถนน ทำเอาพวกเขาเริ่มสงสัย ในตอนนั้นเองนอร์ดิกก็เริ่มหยิบปืนของเขามาแล้ว

    นอร์ดิก : ทุกคน ในป่านี้มีขอนไม้มาวางแบบนี้มันไม่ธรรมดาแล้วนะ

    อาบาตู : เรายังพอเลี้ยงรถกลับไปได้นะครับ
    แต่ยังไม่ทันขาดคำ กลุ่มโจรก็บุกถือมีดเข้ามาหมายจะชิงทรัพย์พวกเขา พวกเขาจึงต้องยิงตอบโต้กลุ่มโจรเหล่านั้น แม้ว่าพวกเขาจะมีปืนแต่ก็ยังใจสู้ ไม่ยอมถอยไปง่ายๆ

    ไซโซ : โคตรดื้อเลยไอ้พวกนี้ จะเอายังไงกันต่อดีเนี่ย

    เคจา : ถ้าเราไม่เอาท่อนซุงนั่นออกแล้วไปต่อ เราตายกันหมดแน่

    นอร์ดิก : ผมไปเองครับ ทุกคนยิงคุ้มกันให้ผมด้วย // แต่ในขณะเดียวกัน อาบาตูก็ไปกับนอร์ดิกด้วย ในขณะที่เคจากับไซโซพยายามยิงสกัดพวกมัน และเมื่อพวกเขาจวนตัว พวกเขาจึงชักดาบของพวกเขาออกมาประจัญบานกับพวกมัน ไซโซกับเคจาวิ่งไปปะทะกับพวกมันในแต่ละด้าน และในขณะเดียวกัน นอร์ดิกกับอาบาตูก็ยกท่อนซุงออกไปได้สำเร็จ

    นอร์ดิก : พี่ครับ // นอร์ดิกชักดาบออกไปช่วยต่อสู้ด้วย และด้วยเพลงดาบที่เหนือชั้นของพวกเขา ทำให้พวกมันถอยหนีออกไปอย่างรวดเร็ว

    อาบาตู : รีบไปกันดีกว่าครับคุณหนู // พวกเขาไม่รอช้ารีบขึ้นรถม้าหนีออกไปทันที จากนั้นเองรถม้าก็เคลื่อนตัวออกไปก่อนที่พวกมันจะกลับมาอีกครั้ง

    อาบาตู : เกือบไปแล้วมั้ยหล่ะครับเนี่ย // ระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่ จู่ๆนกตัวหนึ่งซึ่งเป็นนกของนอร์ดิกที่เขาได้รับจากมาร์ธ่า ซึ่งมันบินมาที่มือของนอร์ดิก

    นอร์ดิก : อ้าว เจ้าไซโบ กลับมาจนได้สินะ // นอร์ดิกหยิบเอาจดหมายที่ซ่อนอยู่ที่เท้าของนกออกมา ซึ่งวันนี้มาแปลก มีอีกฉบับหนึ่งมาด้วย

    เคจา : มีของคนอื่นส่งมาด้วยอ่ะ

    ไซโซ : ต้องเป็นของซิลเวียร์แน่ แหะๆๆๆๆ

    อาบาตู : คุณหนูครับ เราใกล้จะถึงแคว้นเดลล์แล้วครับ // จากนั้นอาบาตูก็ชี้ให้เห็นป้ายบอกทางไปแคว้นเดลล์ พวกเขาไม่รู้เลยว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง

     

    กลับมายังเมืองโมโรวิน ในตอนนั้นเองเอลิซ่าก็เตรียมของเพื่อเดินทางไปยังเมืองริงก้า ซึ่งการเดินทางครั้งนี้เมเทอร์และเฟรย์อาก็ได้ไปด้วย เนื่องจากว่าเป็นห่วงเอลิซ่า

    เมเทอร์ : นี่ เธอแน่ใจแล้วนะว่าจะไปที่ริงก้าหน่ะ

    เอลิซ่า : แน่ใจสิ ฉันว่าจะไปติดต่อสายของเราที่ริงก้าด้วย

    เฟรย์อา : แต่ว่า ที่ริงก้าต้องผ่านแคว้นเดลล์ ซึ่งตอนนี้มันมีสงครามกลางเมืองอยู่นี่

    เอลิซ่า : จะกลัวอะไรหล่ะ คนของเราก็ไปตั้งเยอะ ว่าแต่ตอนนี้พวกผู้ชายอยู่ที่นี่กันได้นะ

    เมเทอร์ : ไม่ต้องห่วง บรรดาพี่ๆน้องๆฉันจะอยู่ที่นี่ให้

    เฟรย์อา : แล้วโอลลี่ เธอไม่ไปกับพวกเรางั้นเหรอ

    เอลิซ่า : นางคงจะไปปล้นพวกโซราบอลแถวนี้หน่ะ ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะมืดค่ำซะก่อน // จากนั้นเอง ขบวนรถม้าของพวกสาวๆก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป ในขณะที่พวกผู้ชายก็กำลังยืนมองอยู่บนชั้นสองของคฤหาสน์

    เลออน : เฮ้ยพี่ พวกผู้หญิงไม่อยู่ แบบนี้เราก็สบายเลยสิ

    มาร์ธิว : ใจเย็นๆ เอลิซ่าเขาต้องการให้เราดูแลสมาคมของเราที่นี่นะ

    เอเทอร์ : แต่อยู่แบบนี้มันก็เซงนะ หาอะไรหนุกๆทำดีกว่า

    แมทธิว : อ้อ อยากจัดปาร์ตี้เสียวๆแบบที่เลออนมันทำงั้นเหรอ

    เลออน : โธ่ หรือเราไม่ชอบ ตอนนั้นยังเห็นหิ้วสาวเข้าห้องอยู่เลย

    เอเทอร์ : ใจเย็นสิพี่ ช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องระวังตัวทุกด้านนะครับ

    มาร์ธิว : น้องเขาพูดถูก ตอนนี้เราต้องดูแลสมาคมของเราเป็นอย่างแรกก่อน

    แมทธิว : ก็ได้ครับพี่ หวังว่าพวกโซราบอลคงจะยังไม่บุกมาก่อนนะ

     

    และที่ค่ายเก็บเสบียงของโซราบอล ซึ่งมีทหารคุ้มกันอย่างหนาแน่น ในตอนนั้นเองโอลลี่นำกองโจรของเธอไปปล้นเสบียงของโซราบอล ทำเอากองทัพของพวกมันระส่ำระส่าย หลังจากที่เธอปล้นมาได้เยอะ เธอก็เอาอาหารเหล่านั้นแจกให้ผู้อพยพที่ยากจนจนหมด ทำให้ชาวบ้านผ่านวิกฤตความอดอยากมาได้แต่ก็ไม่ทั้งหมด เนื่องจากผู้อพยพมีเยอะเกินไป

    คุณโอลลี่ งานนี้เราปล้นมาได้ไม่เท่าไหร่ คงไม่พอให้ชาวบ้านเหล่านี้หรอกครับ

    โอลลี่ : ไม่ว่ายังไง เราต้องดูแลพวกเขา อย่าให้อดอยากเด็ดขาด

    บางส่วนเป็นพวกโซราบอลด้วยนะครับ

    โอลลี่ : โซราบอลแล้วยังไง พวกเขาหนีร้อนมาพึ่งเย็นนะ ถ้าเราทิ้งเขา ต่อไปใครจะเชื่อใจพวกเรา

    ครับ ผมไม่เถียงหรอก แต่เรื่องเสบียงนี่จะเอายังไงต่อครับ

    โอลลี่ : ฉันจัดการเอง พวกนายไม่ต้องห่วงไปหรอก

     

    กลับมายังค่ายทหารของโซราบอล หลังจากที่นายพลเนโรได้รับข่าวกองโจรบนภูเขาและโจรปล้นเสบียง ทำเอานายพลเนโรหัวเสียอย่างมาก เพราะมันทำให้การบุกของเขาล่าช้าลงไปมาก

    โซรอน : ท่านพี่ ถ้าเราไม่ทำอะไรซักอย่าง เราแย่แน่ๆครับ

    เนโร : ฉันรู้ คูเปอร์ ตอนนี้การรบเป็นยังไงบ้าง

    คูเปอร์ : เรากำลังรุกคืบเข้าตีไปทีละเมืองของมอร็อคครับ แต่ทหารเราไปได้ช้าเพราะโดนโจมตีระหว่างทางครับ

    เนโร : ตอนนี้เสียหายไปเท่าไหร่

    คูเปอร์ : ทหารเราตายกว่าร้อย แล้วบาดเจ้บอีกเป็นพันครับ

    เนโร : เห็นทีต้องปูพรมให้ราบ ให้ปืนใหญ่ยิงไปทั่วทุกที่ที่คาดว่าพวกมันจะอยู่ตรงนั้น

    คูเปอร์ : แต่ท่านครับ กระสุนเราอาจจะไม่พอนะครับ

    โซรอน : ผมให้ทางอเมริกาส่งกระสุนปืนใหญ่เพิ่มให้เราได้ครับ

    เนโร : เยี่ยมไปเลย พวกเขาอยากได้ทองเท่าไหร่ ฉันให้ไม่อั้น ขอให้พวกเขาส่งมาให้เรา

     

    และที่ชายป่าแถบมอร็อค อราชกำลังลำเลียงคนของเขาและบรรดาชาวบ้านที่หนีตายจากโซราบอลมาด้วย ลำเลียงผ่านแพล่องขึ้นมายังแม่น้ำ และในขณะนั้น ฟีนด์ก็ได้นำคนของเขาไปต้อนรับอยู่พอดี

    อราช : สวัสดีครับ ขอบคุณนะที่มาต้องรับพวกเรา // อราชจับมือกับฟีนด์

    ฟีนด์ : ท่านนายพลสั่งให้ฉันมารอรับพวกนาย ที่รูดิวเป็นยังไงบ้าง

    อราช : พวกมันกวาดล้างอย่างหนักเลย แถมกำลังพลของเราก็หร่อยหรอลงเรื่อยๆหน่ะ

    ในขณะที่คุยกัน ก็เกิดเสียงปืนใหญ่ดังขึ้นไปทั่วป่า ทำเอาทหารและชาวบ้านตกใจมาก

    ฟีนด์ : อะไรกันเนี่ย พวกโซราบอลโจมตีอีกแล้วงั้นเหรอ

    อราช : พวกมันคงโจมตีตัดกำลังพวกเราหน่ะ

    ฟีนด์ : ฉันว่า เรารีบกลับไปที่ค่ายของพวกเราดีกว่า

    อราช : ต้องระวังหน่อยหล่ะ ปืนใหญ่ ของนายพลเนโรมีอานุภาพสูงมาก อาจเล่นงานพวกเราได้

    และอีกด้านหนึ่งของป่า ทหารโซราบอลกำลังรอให้ปืนใหญ่หยุดยิง เพื่อที่จะเข้าโจมตีต่อไป ครั้งนี้ปืนใหญ่ถูกยิงไปทั่วแนวป่า ทำเอาพวกเขาต้องตกตะลึง

    อาร์มเมอร์ : โห นี่มันอะไรกันเนี่ย ต้องถล่มกันขนาดนี้เลยเหรอ

    สกาย : นั่นดิ สงสัยว่าพวกเขากะจะล้างป่านี้เลยหล่ะ

    เอ็ดเวิร์ด : ยิงแบบนี้ถ้ากระสุนปืนใหญ่หมดจะทำยังไงหล่ะ

    สกาย : เอ้า แล้วนายควรจะยิงยังไงหล่ะ บอกหน่อยสิ

    เอ็ดเวิร์ด : ง่ายๆ ก็แค่ส่งกำลังไปมาร์คพิกัดปืนใหญ่ แล้วยิงเป็นระยะๆ แบบนี้จะยิงได้ดีกว่านะ

    อาร์มเมอร์ : เฮ้ย ฉลาดจริงหว่ะเพื่อน นายทำได้ไงเนี่ย

    สกาย : ใช่ แล้วพวกนายดูสิ ถล่มแบบนี้ใครแม่งจะรอดวะ

    อาร์มเมอร์ : ก็พวกมันรอดยังไงหล่ะ

    หลังจากที่เสียงปืนใหญ่สงบลง พวกเขาก็เดินหน้าเพื่อเข้าตีที่มั่นของข้าศึกต่อไป

     

    และในตอนนั้นเอง ที่แคว้นฟิลล์บอน กองทัพของนายพลนอร์ทและสการ์เล็ต พวกเขากำลังเดินทัพเข้าไปยังใจกลางพื้นที่ ซึ่งในตอนนั้นมีแต่ทะเลทหารแห้งแล้ง ทำเอาทหารโซราบอลแถวนั้นร้อนรนกันเป็นแถบ

    นอร์ท : เฮ้อ ดินแดบแถบนี้ร้อนจริงๆนะเนี่ยลูก

    สการ์เล็ต : นั่นสิคะพ่อ แต่อีกไม่นานก็จะถึงเมืองราดาสแล้วค่ะ

    นอร์ท : แต่กว่าจะถึง คงจะหมดน้ำไปหลายถังแล้วหล่ะ

    สการ์เล็ต : นี่แค่เมืองแรกนะคะเนี่ย แล้วเมืองต่อไปจะเป็นยังไงคะ

    นอร์ท : ไม่ต้องห่วงหรอก ตอนนี้พ่อให้ทหารของพ่อเสาะหาโอเอซิสแถวนี้แล้วหล่ะ

    สการ์เล็ต : ค่ะ หวังว่าคงจะเจอเร็วๆนี้นะคะ // ในขณะเดียวกัน ทหารม้าเร็วของนายพลนอร์ทก็โผล่มารายงานสถานการณ์กับเขา

    ท่านครับ ตอนนี้เราใกล้จะถึงประตูเมืองราดาสแล้วครับ

    นอร์ท : ดีมาก เตรียมปืนใหญ่ให้พร้อม ส่งคนไปเจรจากับเจ้าเมืองก่อน ถ้ามันไม่ยอมเราค่อยโจมตี

    ครับผม

     

    กลับมายังแนวป่าแห่งหนึ่ง ระยะทาง 50 กิโลเมตรห่างจากเมืองซอร์ม ในขณะนั้นเอง กลุ่มกบฏก็เข้าโจมตีทหารของริงก้าเข้าอย่างเต็มกำลัง เซเลนส์นำกำลังคนของเขาไปสกัดทัพของกลุ่มกบฏไว้ แต่พวกมันก็มากันมากมายราวกับสายน้ำหลาก ทั้งทัพม้าและพลปืนต่างดาหน้าเข้ามาโจมตี

    เซเลนส์ : ทหาร รีบไปสกัดพวกมันจากตรงนั้น เร็ว

    ท่านครับ ปีกซ้ายของเราต้องการกำลังเสริมครับ

    เซเลนส์ : เหรอ งั้นให้หน่วยที่ 11 กับ 15 ไปเสริมกำลังด่วน จำไว้นะ อย่าเข้าปะทะกับมันตรงๆ

    ว่าแต่ เราจะยันที่นี่ได้นานแค่ไหนกันครับ

    เซเลนส์ : ฉันก็ไม่รู้ แต่ถ้าจวนตัว นายรีบส่งจดหมายนี้ถึงนายพลอาร์เธอร์ ด่วนเลย

    ครับท่าน

    และที่เมืองซอร์ม นายพลอาร์เธอร์กำลังเฝ้าดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และในตอนนั้นเอง เขาก็ปรึกษากับเนม่าทันที

    อาร์เธอร์ : ตอนนี้แนวหน้าของเราคงจะแตกอีกไม่นาน

    เนม่า : จริงเหรอคะ แบบนี้เราจะทำยังไงดีหล่ะ

    อาร์เธอร์ : ผมจะส่งทัพหลวงอีก 40000 คนไปสมทบหน่ะ

    เนม่า : แล้วใครจะอยู่รักษาเมืองนี้หล่ะคะพี่

    อาร์เธอร์ : ถ้าแนวหน้าแตก เมืองนี้ก็คงไม่รอดเหมือนกัน

    เนม่า : หวังว่าเซเลนส์คงจะยันพวกมันเอาไว้ได้ก่อนนะคะ

     

    กลับมายังคฤหาสน์ของมาร์ธ่า ในช่วงนั้นตัวมาร์ธ่าเองก็เริ่มจะเดินไม่ไหวแล้ว ซิลเวียร์ต้องคอยดูแลอาการและรักษาเบื้องต้นไปก่อน เพื่อประคองมาร์ธ่าไว้ให้ได้มากที่สุด

    ซิลเวียร์ : คุณท่านคะ ต้องหมั่นกินยาบ่อยๆนะคะ จะได้หายดีค่ะ

    มาร์ธ่า : ฉันหวังว่านกของฉันคงจะบินไปถึงนอร์ดิกนะ

    ซาร่า : ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ยังไงก็ต้องไปถึงแน่ๆ

    ซิลเวียร์ : ตอนนี้ท่านนายพลเนโรกำลังรุกคืบไปยังมอร็อคเรื่อยๆ ฉันกลัวว่า..

    มาร์ธ่า : ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ นอร์ดิกเขาคงออกจากมอร็อคแล้วหล่ะ

    ซาร่า : แม่คะ แม่สงสัยมั้ยคะ วิเวียนช่วงนี้ไม่ค่อยอยู่ติดบ้านเลยนะคะ

    มาร์ธ่า : ก็คงจะไปดูแลผัวของเธออ่ะนะ

    ซาร่า : ก็ใช่นะคะ แต่ที่หนูสงสัยก็คือ ทำไมเธอต้องไปแบบเงียบๆด้วย

    ซิลเวียร์ : นั่นสิคะ หนูก็ว่าน่าสงสัยนะคะคุณท่าน

    มาร์ธ่า : เอาน่า ตอนนี้อย่าเพิ่งไปคิดอะไรมากเลยนะ

     

    กลับมายังแคว้นเดลล์ ในขณะที่ความวุ่นวายกำลังแพร่กระจายไปทั่วแดน ความหวาดกลัวปกคลุมไปทั่ว ในขณะนั้นเอง ชายคนหนึ่งท่าทางจะดูเป็นชายธรรมดาๆ ได้เอาแท่นไม้ของตัวเองไปตั้งแล้วก็ยืนบนนั้น จากนั้นก็เริ่มพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดมาทั้งคืน

    พี่น้องประชาชนทุกท่าน ถึงเวลาหรือยัง ที่พวกท่านต้องรับฟังความจริง

    คำพูดของเขาเรียกร้องความสนใจจากคนอื่นได้ในทันควัน

    ทุกท่าน กี่ปีมาแล้ว นับตั้งแต่ยุคกษัตริย์ จนถึงบัดนี้ ชาวเดลล์ หรือแม้แต่ชาวโนเวร่าทุกท่าน พวกท่านเคยนอนหลับแบบเต็มตาบ้างไหม

    จากนั้นไม่นาน คนก็เริ่มมาฟังที่เขาพูดมากขึ้น

    พวกท่านรู้ไหม ใครยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศนี้ ประชาชนไงหล่ะครับ สิ่งที่พวกเขาได้ไป คือเงินภาษีจากพวกเรา แต่เรากลับไม่ได้เป็นนายของพวกเขา แบบนี้มันถูกต้องแล้วเหรอครับทุกคนเริ่มปรบมือให้เขาและโห่ร้องดีใจกับเขา

    ประเทศนี้เป็นของพวกท่านทุกคน แต่ทำไมเราไม่เคยอยู่แบบเจ้าของจริงๆซักครั้ง ถึงเวลาหรือยัง ที่เราต้องทวงสิทธิ์ของเราคืนแต่ระหว่างที่เขาพูดอยู่ ก็มีนักเลงกลุ่มเดินเข้ามาพร้อมอาวุธ ทำเอาเขาต้องรีบหลบไปที่อื่นทันที จากนั้นเองเขาก็ไปพบกับเพื่อนของเขาที่กำลังรอเขาอยู่ในซอยแห่งหนึ่ง

    เฮ้ย ซอล เป็นไงบ้าง เกือบโดนตีนแล้วมั้ยหล่ะ

    ชายหนุ่มที่เพิ่งปราศรัยออกมา เขาชื่อฮอริซอล หรือใครๆก็เรียกเขาว่าซอล เด็กหนุ่มนักศึกษาหัวสมัยใหม่ที่มีแนวคิดอยากจะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ แต่กลุ่มอำนาจหลายฝ่ายต้องการกำจัดเขาให้พ้นทาง

    ซอล : แค่นี้สิวๆสำหรับฉัน ไม่ต้องห่วงหรอก

    แต่นายต้องระวังตัวหน่อยนะเฟ้ย ครั้งต่อไปอาจจะไม่โชคดีก็ได้

     

    และที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งแถบชายแดนของเดลล์ ทหารกลุ่มหนึ่งกำลังฝึกฝนอาวุธ และยุทธวิธีกันทั้งวันทั้งคืน ราวกับว่าพวกเขากำลังจะทำสงครามกับใคร ระหว่างที่กำลังทำการฝึก นายทหารคนหนึ่งวิ่งเข้าไปเคารพผู้บังคับบัญชาคนหนึ่งของเขา ซึ่งกำลังนั่งอยู่ในห้องอย่างสบายใจ

    ท่านนายพลบลูครับ ตอนนี้กลุ่มกบฏในแคว้นเดลล์กำลังก่อการอย่างหนักเลยครับ

    นายพลบลู สกาย อดีตนายทหารใหญ่ของแคว้นรูดิว หลังจากที่แคว้นโซราบอลที่เมืองของเขาแตก เขาได้พานายทหารผู้จงรักภักดีส่วนหนึ่งหนีข้ามพรมแดนเข้ามายังดินแดนของเดลล์ เพื่อทำการซ่องสุมกำลังเพื่อรอดจมตีพวกโซราบอลคืน

    บลู : แล้วตอนนี้มีฝ่ายไหนกำลังแข็งแกร่งบ้างหล่ะ

    ที่มีก็น่าจะเป็นฝ่ายของผู้เฒ่าตาร์ก ตอนนี้มันกำลังขับเขี้ยวกับเลดี้อาร์เทมิสอยู่ครับ

    บลู : ส่วนพวกกลุ่มอื่นๆก็มีแต่พวกขุนศึกกิ๊กก๊อกสินะ

    เท่าที่ดูก็น่าจะใช่ครับ

    บลู : ว่าแต่ตอนนี้เรามีทหารซักกี่นายกันหล่ะ

    พวกที่มาจากรูดิว ราวๆ 30000 คน รวมกับแคว้นอื่นอีกกว่าหมื่นคนครับ

    บลู : แค่นี้ยังไม่พอ คนของเนโรมันมีกันเป็นแสน เราต้องมีแผนการและคนที่ดีกว่านี้

    ได้ครับท่าน เรากำลังดำเนินการอยู่ครับ

     

    กลับมายังสถานทูตเยอรมัน ในขณะนั้นเอง แอนตาร์กติกได้รับคำสั่งให้ไปเจอกับนายพลเรือรัสเซีย เพื่อคานอำนาจกับกองเรือของอังกฤษ ฝรั่งเศสและอเมริกา ซึ่งสถานทูตรัสเซียก็ต้องรับพวกเขาเป็นอย่างดี สมกับเกียรติของเธอ เมื่อมาถึง โทมารอฟก็ต้อนรับเธอทันที

    โทมารอฟ : สวัสดีครับ เลดี้แอนตาร์กติก

    แอนตาร์กติก : ความจริงเรียกฉันว่าแอนตาร์กก็ได้ ท่านโทมารอฟ

    จากนั้นโทมารอฟก็เชิญแอนตาร์กติกเข้ามาในห้องโถงรับรอง

    แอนตาร์กติก : ท่าทางเมื่อคืนท่านจะโดนมาหนักเลยนะคะ

    โทมารอฟ : พวกอเล็กซ์สกี้มันทำอะไรผมไม่ได้หรอก ว่าแต่ คุณมีกองเรือในบัญชาการเท่าไหร่ตอนนี้

    แอนตาร์กติก : มีพอจะยันกองเรือของอังกฤษได้อยู่หน่ะ

    โทมารอฟ : ตอนนี้อังกฤษกำลังฝรั่งเศสจ้องจะโจมตีทุกเมื่อ คุณคงจะรู้นะว่าต้องทำยังไง

    แอนตาร์กติก : ฉันเข้าใจ แต่ว่าจะรบกับพวกนั้นตรงๆก็ไม่ได้ด้วยสิ

    โทมารอฟ : เหลือแต่เจ้าอเล็กซ์สกี้ ที่มันเป็นตัวปัญหาของเราตอนนี้หน่ะ

    แอนตาร์กติก : ฉันคิดว่าคุณประหารเขาแล้วซะอีกนะเนี่ย

    โทมารอฟ : ผมก็อยากทำ แต่ทำไงได้ มันดันไหวตัวทันซะก่อนหน่ะ ผมเจ็บใจมากเลยนะรู้มั้ย

    และที่อีกด้านหนึ่งของเมือง โรงเบียร์แห่งหนึ่ง ซึ่งมีชั้นสองเปิดเป็นห้องเล่นการพนัน ในขณะนั้นชายคนหนึ่งกำลังมองไพ่บนมือกำลังเล่นดัมมี่กับคนอื่นๆอยู่ ขณะนั้นเองมีชายคนหนึ่งขึ้นมาหาเขา จากนั้นก็คุยกับเขา

    มีอะไรอีก ไพ่ฉันกำลังสวยเลย

    คุณอเล็กซ์สกี้ครับ ไอ้โทมารอฟมันจับมือกับเยอรมันเพื่อควบคุมแถบนี้แล้วครับ

    จะกลัวอะไรหล่ะ ว่าแต่ตอนนี้อังกฤษกับฝรั่งเศสหล่ะอยู่ที่ไหน

    ตอนนี้พวกเขากำลังเดินเรือไปแถวริงก้าอยู่ครับ

    เยี่ยม เป็นไปตามแผน ยืมมือพวกมันเล่นงานกันเอง ส่วนฉันก็จะฮุบเอาทุกอย่างหมดเลย โดยเฉพาะเลือกหัวของไอ้โทมารอฟด้วย ตานี้ฉันกินเรียบ เขาวางไพ่บนมือที่ได้แต้มเยอะที่สุดลง จากนั้นก็กินเงินจากรอบโต๊ะซะเรียบเลย

     

    กลับมายังฟิลล์บอน โคน่าพาเพื่อนของเธอกลับมายังบ้านหลังใหญ่ ที่พ่อกับแม่ของเธอมาอยู่ที่นี่ เมื่อโคน่ากลับมาถึงบ้าน เธอก็ทักทายพ่อกับแม่ของเธอทันที

    ดราโก้ : อ้าวลูก กลับมาแล้วงั้นเหรอ

    โคน่า : ค่ะพ่อ หนูมีเรื่องจะมาบอกพ่อกับแม่ค่ะ

    อาร่า : โห เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆหาอะไรกินก่อนดีมั้ยจ้ะ

    คาเนส : พ่อครับ แม่ครับ ตอนนี้สงครามมาถึงแคว้นของเราแล้วนะครับ

    อาเรียส : ห่ะ จริงเหรอจ๊ะ พวกโซราบอลบุกมาแล้วงั้นเหรอ

    โคลิมบ่า : ครับ ตอนนี้ได้ข่าวจากซิกนัส พวกมันกำลังโจมตีเมืองราดาสแล้วครับ

    อาเรีย : ตอนนี้หนูว่า รีบย้ายข้าวของออกจากที่นี่ก่อนดีกว่านะคะ

    ดราโก้ : พ่อไม่ไปไหนหรอกนะ ที่นี่เป็นบ้านเกิดของพ่อ ให้พวกมันบุกมาเลยสิ

    อาร่า : ใจเย็นสิคะคุณ ห่วงต้องห่วงตัวเองบ้างนะคะ

    คาลิมบ่า : นี่ โคน่า เธอว่าข่าวเรื่องน้ำมันหลุดไปถึงหูพวกโซราบอลได้ไงหล่ะ

    โคน่า : ฉันว่านะ พวกมันต้องมีสายอยู่ที่นี่แน่ๆ

    คาเนส : ตอนนี้ผมเตรียมเก็บข้าวของมีค่าเอาไว้ที่บ้านผมที่ริงก้าแล้วครับ

    อาเรียส : พี่ว่า พวกมันคงจะมาไม่ถึงที่นี่หรอก ร้อนจะตายชัก

    อาเรีย : ตอนนี้คงต้องรอดูซิกนัสแล้วหล่ะค่ะ ว่าเขาจะยันพวกมันไว้ได้หรือเปล่า

    และทางด้านของซิกนัส เขานำทหารม้าลาดตระเวนไปยังเมืองราดาส เพื่อคุ้มกันไม่ให้พวกโซราบอลบุกเข้ามาในเมืองได้ แต่พวกโซราบอลมีมากเกินไป ทำให้พวกเขาทำได้แต่สังเกตการณ์ไปชั่วคราว

    ซิกนัส : จ่า ตอนนี้ทหารที่อยู่ในเมืองมีกี่นายหล่ะ

    ตอนนี้มีราวๆหมื่นกว่านายครับ

    ซิกนัส : ห่ะ ทำไมถึงมีแค่นี้เองหล่ะ

    เพราะตอนนี้ทหารบางส่วนล่าถอยไปยังสาร์ฟิชแล้วครับ ประชาชนก็เริ่มจะทิ้งเมืองก่อนที่พวกมันจะมาซะอีก

    ซิกนัส : พวกโซราบอลอยู่ห่างจากเราแค่ 15 ไมล์ เราต้องซื้อเววลาให้ผู้คนบางส่วนหนีไปให้ได้

    ได้ครับท่าน ตอนนี้เรากำลังคุ้มกันชาวบ้านอยู่ครับ

    ซิกนัส : ตอนนี้เรารีบไปสังเกตการณ์ที่อื่นก่อนดีกว่า

     

    กลับมายังแคว้นเดลล์ นิโคลัสกับเอ็นนำเงินที่ตัวเองได้จากการขายอาวุธนำมาฝากไว้กับธนาคารที่เขาเป็นเจ้าของเอง ซึ่งคุ้มกันด้วยทหารมากมาย และอยู่ติดริมทะเล สามารถขนสมบัติออกนอกประเทศได้ถ้าจำเป็น หลังจากที่ขนสมบัติมาเก็บไว้ได้ พวกเขาก็เริ่มคุยกันถึงแผนการในการซื้อขายอาวุธครั้งต่อไป

    เอ็น : เออนี่ ปืนใหญ่จากเยอรมันที่สั่งไปจะได้เมื่อไหร่เนี่ย

    นิโคลัส : ก็อีกไม่กี่วันหรอก ฉันเตรียมคาราวานขนของเอาไว้แล้วหล่ะ

    เอ็น : เสียดายนะ ถ้ามีทางรถไฟอาจจะขนได้ง่ายกว่านี้นะ

    นิโคลัส : ก็นี่แหละ ฉันว่าจะปล่อยกู้ให้ทำทางรถไฟด้วย น่าจะดีนะ

    เอ็น : แต่ทางรถไฟใช้เงินมากเลยนะ นายจะไหวงั้นเหรอ

    นิโคลัส : ไม่ต้องห่วง นายก็รู้ตอนนี้เราเงินหนาอยู่แล้วนี่หน่า ว่าแต่ นายจะไม่กลับไปเยี่ยมหลุมศพของพ่อแม่นายหน่อยเหรอ

    เอ็น : เรื่องมันนานมาแล้ว ฉันว่าท่าคงไปสบายแล้วหล่ะ // ในช่วงที่เอ็นยังเด็ก เขาเสียพ่อแม่ไปอย่างรวดเร็วตั้งแต่เขาอายุ 16 ปี ทำให้เขาต้องดิ้นรนมาจนถึงทุกวันนี้
    นิโคลัส
    : เอาน่า ถ้าสงครามสงบฉันจะพานายไปมอร็อคก็แล้วกัน

    เอ็น : แล้วแต่นายแล้วกัน ฉันยังไงก็ได้หว่ะ

     

    และอีกด้านหนึ่ง ที่เมืองวาดิส เมืองที่อาร์เทมิสกำลังวางกำลังป้องกันกลุ่มกบฏอยู่ ระหว่างที่ทหารของเธอกำลังพักเหนื่อย ในขณะนั้นเอง  กองทัพกบฏระลอกสองก็บุกเข้าโจมตีเธออย่างบ้าเลือด ทำเอาพวกเขาหยิบปืนขึ้นมาป้องกันตัวแทบไม่ทัน พวกเขาพยายามยิงสกัดกลุ่มกบฏเอาไว้ไม่ให้เข้ามาในเมือง
    อาร์เทมิส
    : ยิงเข้าไป อย่าให้พวกมันบุกเข้ามาในเมืองได้

    ท่านครับ กระสุนปืนใหญ่ของเรากำลังจะหมดแล้วครับ

    อาร์เทมิส : ตอนนี้ของจากแคว้นริงก้ายังส่งมาไม่ถึงอีกเหรอ

    กำลังจะมาครับ แต่ช้าหน่อย ที่นั่นก็กำลังเจอสงครามใหญ่อยู่ครับ

    อาร์เทมิส : ตอนนี้ก็ทำได้แค่พึ่งทุกสิ่งที่เรามีสินะ

    พวกเขายิงปะทะกับกลุ่มกบฏไปมา แต่ก็ยังสกัดยันทัพพวกมันเอาไว้ได้ พวกมันต้องถอนกำลังออกไปเนื่องจากกำลังพลยังมีไม่พอจะต่อสู้

    ท่านเลดี้ครับ วันนี้สามครั้งแล้วนะครับที่พวกมันเข้าตีเรา

    อาร์เทมิส : ไม่ต้องห่วงหรอก หลังจากที่ความช่วยเหลือจากริงก้ามา พวกเราจะเป็นฝ่ายรุกบ้าง

    และอีกด้านหนึ่ง กลุ่มกบฏก็ถอยออกไปจากแนวหน้าของอาร์เทมิส จากนั้นก็ไปรายงานความเสียหายกับหัวหน้าของเขา

    ท่านครับ เราเสียคนไปกว่าหลายร้อย แถมปืนของเราก็โดนยึดไปอีกครับ

    พวกมันใกล้จะหมดแรงแล้ว ที่เหลือก็เป็นเวลาของพวกเราสินะ พรุ่งนี้เช้ามืดให้โจมตีอีกครั้ง

    ครับผม

     

    กลับมายังชายฝั่งแคว้นบาส์ก หลังจากที่สามสาวหาปลามาได้ พวกเธอทั้งสามคนก็เอาปลาไปขายที่ตลาดปลาแถวนั้น ซึ่งมีชาวบ้านมาซื้อมากมาย ซึ่งในช่วงนี้อาหารราคาดีกว่าปกติ เนื่องจากเป็นยุคสงคราม ทำให้พวกเธอพอจะมีเงินประทังชีวิตไปได้บ้าง

    โรส : พวกเธอดูสิ วันนี้เราขายปลาไปได้เยอะเลยนะเนี่ย
    แพท
    : นั่นสิ พรุ่งนี้เราจะหาปลากันต่อ เอามั้ยเมด

    เมด : เอาสิ ฉันก็อยากหาเงินใช้อยู่เหมือนกันนะ

    แพท : ว่าแต่ โรส เธอไม่เคยคิดอยากจะไปจากที่นี่เลยเหรอ

    โรส : ที่นี่เป็นบ้านฉัน ฉันไม่เคยคิดจะหนีไปไหนหรอกจ้ะ

    เมด : อ้อ เยี่ยมไปเลย ฉันเองก็เคยคิดอยากกลับบ้านเหมือนกัน

    ในระหว่างที่พวกเธอกำลังพูดคุยกัน ในตอนนั้นเอง ก็มีทหารต่างชาติพวกหนึ่งได้ไปรังแกชาวบ้าน ทำเอาพวกเธอแทบจะทนไม่ไหว เพราะพวกมันรังแกชาวบ้านไปทั่วเลย

    แพท : ดูมันทำสิ รังแกคนโนเวร่าแบบนี้ได้ยังไง

    เมด : ใช่ บ้านเมืองมีกฎหมายนะ แบบนี้ต้องคุยกันหน่อยหล่ะ // เมดเดินเข้าไปหามัน

    โรส : นี่ ใจเย็นๆสิ อย่าทำอะไรวู่วามเลย

    ในขณะที่พวกมันกำลังเมาและอาละวาด เมดเข้าไปเอาขวดแถวนั้นตีไปที่หัวมัน จนพวกมันหันมามองเธอเป็นตาเดียว

    เมด : นี่ อย่ารังแกคนไม่มีทางสู้สิยะ

    ว้าว น้องสาว ไม่กลัวพี่ต่อยฟันร่วงงั้นเหรอจ๊ะเมดต่อยปากมัน จนฟันมันร่วงจริงๆ

    อี.. กูจะฆ่ามึง พวกเรา เล่นแม่งเลย

    พวกเขาทั้งคู่พยายามจะเข้าต่อยเมดและแพท แต่ทั้งคู่เรียนมวยมาเยอะกว่า เธออัดพวกมันจนสลบเหมือดเรียงตัว มันคนหนึ่งทนไม่ไหว จับตัวโรสเป็นตัวประกัน

    ถ้ามึงเข้ามาอีกก้าวเดียว อีนังนี่ตายแน่

    แพท : นี่ ถ้าแกแตะต้องเพื่อนฉัน แกไม่ตายดีแน่ // แต่ในตอนนั้นเอง เมดเลือกที่จะชักปืนยิงหัวมัน จนมันล้มลงนอนแน่นิ่งไปทันที

    เมด : เป็นยังไงบ้างโรส เจ็บตรงนั้นหรือเปล่า

    โรส : ไม่เป็นไรจ้ะ รีบหนีไปจากที่นี่กันเถอะนะ // พวกเธอทุกคนรีบเก็บของขึ้นเรือ ก่อนที่ทหารต่างชาติคนอื่นจะตามตัวเธอมาทัน

     

    กลับมายังชายแดนของแคว้นเดลล์ หลังจากที่พวกเขาหนีตายจากกลุ่มโจรมาได้ พวกเขาก็เดินทางกันต่อ แล้วก็พักเหนื่อยบนรถม้ากันไปพลางๆ

    ไซโซ : เฮ้อ เกือบตายแล้วมั้ยหล่ะพวกเรา

    เคจา : นั่นดิ ว่าแต่นอร์ดิก คุณยายเขียนจดหมายมาว่าไงบ้างหล่ะ

    นอร์ดิก : มันไม่ได้มีแค่ของคุณย่าด้วยหล่ะ ห่ะ ซิลเวียร์ส่งจดหมายถึงฉันด้วย // นอร์ดิกไม่รอช้าเปิดจดหมายฉบับนั้นอ่านทันที

    นอร์ดิกที่รัก ฉันรู้ว่ากระดาษแผ่นนี้อาจจะบอกความในใจของฉันได้ไม่ทั้งหมด แต่ฉันอยากจะบอกว่า ฉันยังคิดถึงเธอตลอดเวลา รอวันที่เธอจะกลับมาหาฉันที่โซราบอลนะ รักเสมอ ซิลเวียร์

    ไซโซ : โอโห้ อยากมีแบบนี้บ้างจังเลยอ่ะ

    เคจา : ซิลเวียร์รักนายมากนะนอร์ดิก นายจะเอายังไงต่อหล่ะ

    ซิลเวียร์ : วันหนึ่งฉันจะไปพาซิลเวียร์มาอยู่กับฉันให้ได้เลย

    ไซโซ : ขอให้มีวันนั้นนะไอ้น้อง

    ในระหว่างนั้นเอง อาบาตูก็ตะโกนบอกเด็กๆที่อยู่ด้านหลัง

    อาบาตู : คุณหนูครับ เรามาถึงแคว้นเดลล์แล้วครับ // พวกเขาโผล่ออกมาดูสภาพของแคว้นเดลล์ที่กำลังวุ่นวายอยู่ตอนนี้ ควันไฟมาแต่ไกล ตามมาด้วยเสียงปืนเป็นระยะๆ

    เคจา : อีกไม่กี่อึดใจ เราก็ถึงริงก้าแล้วสินะ

    นอร์ดิก : ผมว่า เรารีบเข้าเมืองแล้วหาที่พักสำหรับคืนนี้ดีกว่านะครับ

    จากนั้นพวกเขาก็ควบรถม้าเข้าไปในเมือง โดยที่ไม่รู้ว่าทางข้างหน้าพวกเขาจะต้องเจอกับอะไรบ้าง

    =========================================================================

    เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามชมต่อตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×