NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Magic Bullet - กระสุนเวทย์พิชิตโลก (ปิดรับสมัครตัวละคร)

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 4 : ทำความรู้จัก

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.ค. 67


    ที่ห้องพักของเคนนี่และพรรคพวกในค่ายมวยของเวโรนิก้า ในวันนี้เคนนี่และคนอื่นๆ ไม่ได้ซ้อมมวย แต่พวกเขากำลังนั่งสุมหัวกันเพื่อพูดคุยกันถึงเรื่องที่พวกเขาจะทำในคืนนี้ รวมถึงแลกเปลี่ยนข้อมูลโน่นนี่นั่นกันเล็กๆน้อยๆ เพื่อทำความคุ้นเคยกันให้มากขึ้น

    “โอเค คามิลล่า ว่าแต่ เธอมาจากไหนกัน ดินแดนเวทย์มนต์งั้นเหรอ??” เคนนี่ถามคามิลล่าไป

    “เฮ้อ ถ้าจะให้พูดตรงๆ ตัวฉันกับครอบครัวก็หนีมาจากดินแดนเวทย์มนต์นี่หล่ะ พวกเราอยากใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา แต่วันหนึ่งมีคนรู้ปูมหลังของพวกเรา พวกนั้นเอาเรื่องไปแจ้งทางการ พ่อแม่ฉัน โดนไอ้จ่าเอ็มเมอร์ยิงตายคาที่ หลังจากนั้น ฉันก็เลยออกตามล่ามัน ฉันทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือคนอื่น และคงคิดว่า จะช่วยตลอดไปหน่ะ ตาพวกนายเล่าบ้าง” คามิลล่าตอบ ในตอนนั้นไปจื่อเองก็ยิ้มให้

    “ฉันหน่ะเหรอ จำได้ว่าฉันเคยเล่าไปแล้วนี่ แต่ช่างเถอะ ถึงยังไง มันก็ไม่มีอะไรสำคัญแล้วหล่ะ ตอนนี้ฉันรู้แค่ว่า ฉันต้องฆ่าไอ้พวกชุดขาวนั่นให้หมด” โรเบิร์ตพูดขึ้น

    “แต่ผมว่า มันน่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆแน่นอนครับ” วอลพูดขึ้น

    “เออ แล้วเรื่องของนายไร้หน้านี่ ไม่เห็นเล่าจริงๆจังๆเลย??” เวโรนิก้าถามไป

    “อย่าเลยครับ เดี๋ยวอาการของหมอนี่จะกำเริบอีก” ซิลเวสเตอร์ตอบ 

    “เราทุกคน ต่างก็มีอดีตของตัวเอง ที่อยากจะลบเลือน” ไปจื่อพูดขึ้นมา

    “ว่าแต่นายเถอะ ฉันว่า นายไม่ใช่ลูกกำพร้าแน่ๆ นายต้องพิเศษกว่านั้น” คามิลล่าถามไปจื่อไป แต่ในตอนนั้น ไปจื่อก็ถอนหายใจออกมา

    “เฮ้อ ไหนๆก็มาถึงตรงนี้ ข้าก็ไม่อยากจะหลอกพวกเจ้า ข้าเองก็แทบจะจำเรื่องราวของตัวเองไม่ได้ ข้าเองก็มาจากดินแดนเวทย์ ข้ารู้แค่ว่า ข้าไม่ใช่มนุษย์..” ไปจื่อพูดด้วยอารมณ์เศร้า ในตอนนั้นทุกคนก็แปลกใจกันมาก

    “อ้าว ไม่ใช่เหรอครับ แล้วจำไม่ได้เลยเหรอครับ??” วอลถามอย่างสงสัย และในตอนนั้น ซิลเวสเตอร์เองก็ลองลุบหัวของไปจื่อ เพื่อดูความทรงจำในจิตใต้สำนึกของเขา แต่ดูเหมือนว่ามันจะมีแต่ภาพที่ลางเลือน

    “เฮ้อ ก็เข้าใจแล้วหล่ะว่าทำไมถึงจำไม่ได้ ขนาดฉันยังแทบไม่เจอเลย” ซิลเวสเตอร์พูดขึ้น

    “เอาเถอะ ถ้ามันเลวร้ายนักก็ไม่ต้องพูดดีกว่า” เวโรนิก้าพูดต่อ

    “จริงด้วย ฉันว่านะ เรามาคุยกันเรื่องร้านเลเนสันที่เราต้องไปสืบข่าวกันดีกว่า” โรเบิร์ตพูดขึ้น

    “ว่าแต่ มีใครรู้เรื่องร้านนี้บ้างหรือเปล่า??” เคนนี่ถามไป

    “ร้านเลเนสัน ฉันเคยผ่านอยู่นะ แต่ได้ยินว่าร้านนั้นต้อง VIP จริงๆ ถึงจะเข้าไปซื้อได้หน่ะ” คามิลล่าพูดต่อ

    “ฉันจะลองโทรถามเพื่อนฉันที่เคยไปที่นั่นดูแล้วกัน” เวโรนิก้าพูดขึ้น และในตอนนั้น เธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วก็เดินออกไปคุยที่ด้านนอก

    “ยังไงก็ต้องระวังด้วย ไม่รู้ว่าจ่าเอ็มเมอร์ตายหรือยัง” ซิลเวสเตอร์พูดขึ้น

    “ข้าว่า ถึงเขาจะไม่ตาย ก็คงทำอันใดมิได้” ไปจื่อตอบ

    “อ่ะนะ ถ้ามันไม่ตาย ฉันจะไปซ้ำมันเอง” โรเบิร์ตพูดขึ้น

    “ผมว่าเราน่าจะลองไปตามสืบกับคนอื่นดีกว่า” วอลตอบ และไม่นานนัก เวโรนิก้าก็เดินกลับเข้ามาที่ห้อง เพื่อมาคุยกับคนอื่นๆ

    “ว่าไงหล่ะ??” เคนนี่ถามเวโรนิก้า

    “เพื่อนฉันบอกว่า ร้านนั้นเปิดเหล้าบังหน้า แต่จริงๆ มันเป็นบ่อนหน่ะ” เวโรนิก้าพูดขึ้น

    “กะแล้ว ร้านที่มีตำรวจระยำเอี่ยวแบบนั้น ต้องมีอะไรแน่ๆ” คามิลล่าพูดขึ้น

    “แบบนี้ยิ่งแล้วใหญ่ บ่อนแบบนี้ต้องมีคนเฝ้าเยอะแน่ๆ” ซิลเวสเตอร์พูดขึ้น

    “แล้วพวกเราเข้าไปไม่ได้เหรอ??” ไปจื่อถามไป

    “ผมเคยศึกษามา เขาบอกว่าบ่อนพวกนี้ ต้องเป็นสมาชิกหรือรู้จักกับสมาชิก ถึงจะเข้าไปได้ครับ” วอลพูดขึ้น

    “เออนี่ เพื่อนเธอพอจะช่วยพาเราเข้าไปได้หรือเปล่า??” โรเบิร์ตถามเวโรนิก้า

    “มันบอกว่า ตอนนี้มันติดเงินที่บ่อนอยู่ประมาณ 1 พันเหรียญหน่ะ ไม่รู้จะกลับเข้าไปได้หรือเปล่า” เวโรนิก้าตอบ

    “อืม แปลว่า เราอาจจะต้องทำอะไรนิดหน่อย เพื่อให้เราเข้าไปในนั้นได้” เคนนี่พูดขึ้น

    “นายจะทำยังไงหล่ะ??” เวโรนิก้าถามเคนนี่อย่างสงสัย

    “แล้วถ้าเกิดว่า ฉันจะใช้หนี้ให้เพื่อนเธอ แลกกับให้เพื่อนเธอพาเราเข้าไปในนั้นหล่ะ??” เคนนี่ถามเวโรนิก้าไป

    “เฮ้ย นายจะหาเงินจากไหนหล่ะเพื่อน??” ซิลเวสเตอร์ถามไป

    “ฉันพอมีเงินเก็บอยู่หน่ะ” เคนนี่ตอบ

    “ถ้าเราเข้าไป เราก็คว้ามันมาซักพันสองพันคืน ก็ไม่น่าจะเสียหายนะ” โรเบิร์ตพูดขึ้น

    “เฮ้อ ถึงการขโมยมันจักเป็นบาป แต่ครานี้ก็เข้าท่าดี” ไปจื่อพูดเสริม

    “ถ้าเรื่องขโมยนี่ฉันถนัดอยู่” คามิลล่าพูดขึ้น

    “เออ นี่เราจะไปสืบความลับกันหรือเปล่าครับ??” วอลถามทุกคนไป ทำเอาทุกคนถึงกับนิ่ง แล้วแอบขำเล็กน้อย

    “เอาเถอะ ไปถึงหน้างานค่อยว่ากันแล้วกัน” เคนนี่ตอบ และไม่นานนัก เวโรนิก้าก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกรอบ พร้อมกันนั้นก็คุยกับเพื่อนเธอ หลังจากที่คุยซักพัก เวโรนิก้าก็บอกกับทุกคน

    “โอเค เดี๋ยวเพื่อนฉันจะมาหา เราจะไปกันเลยมั้ยหล่ะ??” เวโรนิก้าถามทุกคนไป

     

    ตัดภาพมายังบริเวณถนนเส้นหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย ในตอนนี้กลุ่มของเคนนี่ก็ได้ปลอมตัวและยืนรอใครบางคนอยู่ริมถนน ที่ตอนนี้ผู้คนก็เดินผ่านไปผ่านมากันอย่างเนืองแน่น

    “นี่ เพื่อนเธอกำลังจะมาหรือยังอ่ะ??” เคนนี่ในชุดฮู้ดสีดำถามอย่างสงสัย

    “ไม่รู้สิ เดี๋ยวก็คงมาหล่ะมั้ง??” เวโรนิก้าตอบ และไม่นานนัก เธอก็เห็นชายคนหนึ่งในเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินลายขวางกำลังเดินเข้ามา แล้วทักทายกับเวโรนิก้า

    “เฮ้ เวโร เรียกฉันมาเหรอ??”

    “ใช่ พวกเพื่อนๆฉันอยากเข้าบ่อนหน่ะ พวกเขาบอกว่าจะใช้หนีให้นาย ขอให้นายพาพวกเราเข้าบ่อนได้หน่ะ” เวโรนิก้าตอบ

    “เฮ้ นี่จะไปสืบความลับอะไรหรือเปล่า??”

    “เอาน่า ถือว่าช่วยหน่อย ไม่อยากใช้หนี้ไง??” เวโรนิก้าถามกลับไป ในตอนนั้นเองเคนนี่ก็มองไปที่หน้าของเพื่อนเวโรนิก้า เพื่อนเวโรนิก้าตอนนั้นเองก็นิ่งไปซักพักและพูดขึ้น

    “อ่าๆๆ งั้นตามมา” เพื่อนของเวโรนิก้าพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะพากลุ่มของเคนนี่ไปต่อในทันที และไม่นานนัก พวกเขาก็พากันมาถึงหน้าร้านเลเนสันจนได้ ซึ่งร้านแห่งนี้ ดูจากหน้าร้านก็พอจะรู้แล้วว่าไม่น่าจะมีลูกค้ามาก แต่มันก็ยังเปิดได้ และไม่นานนัก เพื่อนของเวโรนิก้าก็เดินเข้าไปในร้านทันที และเขาก็โบกมือให้เคนนี่และกลุ่มเดินเข้ามา

    “เฮ้ย ลิงค์ ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าห้ามแกเข้ามาที่นี่อีก??” พนักงานร้านคนหนึ่งตะโกนออกมาเมื่อได้เห็นเพื่อนของเวโรนิก้า

    “โธ่ ไม่เอาน่าที่รัก วันนี้ฉันมีเงินมาใช้หนี้ พาเพื่อนๆมาเล่นด้วย” เพื่อนของเวโรนิก้าตอบ ก่อนที่ไม่นานนัก เขาจะมองหน้าเคนนี่ เคนนี่เองก็หยิบเงินขึ้นมา 1000 เหรียญ จากนั้นก็ยื่นให้กับเขา ก่อนที่เขาจะยื่นมันให้กับพนักงานไป

    “ไปรวยมาจากไหนวะ??”

    “เอาน่า หามาได้แล้วกัน วันนี้ฉันขอหน่อยเถอะ” 

    “เออๆ แต่คราวนี้พวกกูไม่ให้ยืมเงินอีกแล้วนะเว้ย” พนักงานร้านพูด ก่อนที่เขาจะเดินไปขยับขวดไวน์ที่ตั้งอยู่บนเคาน์เตอร์ และไม่นานนัก ประตูด้านหลังก็ถูกเปิดออก 

    “ทางนี้เลยพวก” เพื่อนของเวโรนิก้าพูดขึ้น ก่อนที่พวกเขาจะเดินไปตามทางประตูหลังเรื่อยๆ จนไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงด้านในของบ่อนจนได้ ด้านในตอนนี้ผู้คนกำลังเล่นการพนันกัน มันมีทั้งตู้สล็อต โต๊ะพนันชนิดต่างๆ 

    “โอเค แล้วเราต้องสืบจากอะไรก่อนหล่ะ??” เคนนี่ถามอย่างสงสัย 

    “คงต้องไปฟังจากปากเจ้าของหล่ะมั้ง??” เวโรนิก้าถามกลับไป และไม่นานนัก พนักงานของคาสิโนคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเพื่อนของเวโรนิก้า

    “เฮ้ย มึงมาทำไมกันวะ??”

    “ใจเย็นพวก ฉันจ่ายหนี้หมดแล้วนะ ไม่งั้นพนักงานจะปล่อยมาได้ยังไง อยากจะมาแนะนำเพื่อนๆหน่ะ พวกเขามาเล่นด้วย” เพื่อนของเวโรนิก้าตอบไป

    “อ้อเหรอ ถ้าหมดตูดอีกคราวนี้มึงโดนกระทืบแน่ๆ แล้วพวกเอ็งจะไม่เล่นอะไรหน่อยเหรอ ไปเล่นโต๊ะโน้นมั้ย??” พนักงานถามไป แล้วก็ชี้ไปยังโต๊ะบาคาร่าโต๊ะหนึ่งที่กำลังดูคึกคัก

    “เฮ้ ฉันเล่นบาคาร่าเป็นนะ” คามิลล่าพูดขึ้น

    “อยากไปลองเล่นดูหรือไม่เล่า??” ไปจื่อถามไป และในตอนนั้น เขาก็ใช้เวทย์มนต์โดยการเสกกระดาษให้กลายเป็นเงินก้อนหนึ่ง จากนั้นก็ยื่นให้คามิลล่า 

    “ก็ดีนะ เราแฝงตัวเข้าไปเล่น ที่เหลือค่อยหาข้อมูล” โรเบิร์ตพูดขึ้น

    “วอล นายหาตัวเจ้าของที่นี่ได้หรือเปล่า??” ซิลเวสเตอร์บอกกับวอล วอลเองพยักหน้า ก่อนที่วอลจะยืนนิ่ง และไม่นานนัก เขาก็พูดขึ้น

    “ดูเหมือนว่า เขากำลังอยู่ที่ชั้น 2 กำลังโทรศัพท์คุยกับใครบางคน ผมได้ยินชื่อจ่าเอ็มเมอร์ด้วย” วอลพูดขึ้น

    “โอเค วอล ฝากนายฟังไปก่อนแล้วกัน” เคนนี่บอกกับวอลพลางแตะไหล่ไป และในตอนนี้คามิลล่ากับไปจื่อก็ไปที่โต๊ะบาคาร่าที่พนักงานคาสิโนแนะนำแล้ว คามิลล่าวางเงินในทันที 

    “เอาหล่ะ วันนี้เรามีผู้เล่นใหม่ด้วย!!” พนักงานแจกไพ่พูดขึ้น ก่อนที่เขาจะแจกไพ่นั่นให้กับคามิลล่าและคนอื่นๆ ตัวของไปจื่อเองก็สัมผัสได้ถึงอะไรแปลกๆ เกี่ยวกับพนักงานแจกไพ่ และเมื่อเปิดไพ่ออกมา ก็พบว่าเจ้ามือกินเรียบรอบวง

    “โฮ้ย อะไรวะ??” คนที่เล่นโต๊ะนั้นพากันสบถออกมา ไปจื่อเห็นไพ่พวกนั้นทำจากกระดาษ เขาก็ใช้พลังเวทย์ของเขาเพื่อดูไพ่พวกในทันที

    “บ้าเอ้ย ขี้โกงนี่หว่า” ไปจื่อคิดในใจ และเขาก็สะกิดซิลเวสเตอร์ในทันที พร้อมกับสะกิดเขา

    “โต๊ะนี้โกง ช่วยจัดการที” ซิลเวสเตอร์พยักหน้า ก่อนที่เขาจะเดินไปที่พนักงานคาสิโน แล้วเขาก็แกล้งล้มลงใส่พนักงาน

    “โอ๊ย!!”

    ในขณะที่พนักงานล้ม ในตอนนั้นเขาก็ใช้มือจับมือของพนักงาน และไม่นานนัก สายตาของพนักงานก็เริ่มเปลี่ยน พนักงานคนอื่นๆก็รีบเข้ามาดูในทันที แต่พนักงานคนที่ล้มก็พูดขึ้น

    “ผมไม่เป็นไร เล่นต่อเถอะครับ”

    “ขอโทษครับ” ซิลเวสเตอร์รีบพูดเสริม และพอเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันไป ส่วนซิลเวสเตอร์เองก็ยืนดูอยู่แถวนั้นข้างๆวอล ปล่อยให้วอลฟังในสิ่งที่เจ้าของบ่อนพูด

    “เฮ้ย แล้วไอ้จ่าเอ็มเมอร์มันตายหรือยังหล่ะ??”

    “ได้ยินว่ายังไม่ตาย แต่ยังนอนไม่ได้สติที่โรงพยาบาล แบบนี้ผู้กองโทเค็นไม่พอใจแน่”

    “ผู้กองโทเค็นเหรอ??” วอลคิดในใจ ก่อนที่ไม่นานนัก เสียงจะตัดสลับกลับมาที่คามิลล่า ที่ตอนนี้เพิ่งจะเฮกับการกินรอบวง

    “ฮ่าๆๆๆ เยี่ยมเลย จ่ายมาซะดีๆพวก!!” คามิลล่าตะโกนออกมา ก่อนที่ไม่นานนัก ชายคนหนึ่งจะพูดขึ้นมา

    “เฮ้ย มึงโกงหรือเปล่าวะ??”

    “เดี๋ยว นายท่าน ท่านก็เห็นอยู่ว่าพวกข้าชนะ??” ไปจื่อพูดขึ้น

    “ไม่โว้ย พวกมันโกง ไม่งั้นจะได้ได้ยังไง??” ชายคนเดิมถามต่อ

    “เขาไม่ได้โกงครับ” พนักงานโต๊ะคามิลล่าตอบ

    “เออ นั่นดิ อะไรของมึง ถ้าหมดตูดก็กลับบ้านไปเถอะ” เวโรนิก้าตอบไป

    “นี่มึงอยากลองดีใช่มั้ย??” ชายคนนั้นลุกขึ้นแล้วจะไปหาเรื่องเวโรนิก้า แต่เคนนี่ก็มาขวาวไว้ก่อน

    “นี่ พี่ชาย ทำไมถึงคิดว่าเราโกง พนักงานก็บอกเอง พี่ชายดูร้อนรนนะ??” เคนนี่ถามกลับไป ทำเอาชายคนนั้นถึงกับหน้าเปลี่ยนสีไปเลย

    “หรือว่าลุงนั่นแหละที่โกงเอง ห่ะ??” ซิลเวสเตอร์ถามไป 

    “เฮ้ย อย่ามาหาเรื่องกูนะเว้ย!!” ชายคนนั้นพูดต่อ แต่ในตอนนั้น จู่ๆ ชายคนหนึ่งก็เดินออกมาจากชั้น 2 จากนั้นก็เดินเข้ามาหากลุ่มของเคนนี่

    “มีอะไรกันหรือเปล่าครับ??”

    “ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่ตาลุงนี่เล่นเสีย แล้วโวยวายหน่ะ” เวโรนิก้าตอบไป

    “เฮ้ย พวกแกนั่นแหละโกง!!”

    “ใจเย็นครับ พนักงาน มันโกงหรือเปล่า??” 

    “ไม่ครับ” พนักงานตอบด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย

    “นี่พี่ อย่าบอกนะ ว่าคนมาเล่นที่นี่ ถ้าได้ จะไม่ได้ตังค์หน่ะ พวกเราไปเล่นที่อื่นก็ได้” เคนนี่พูดขึ้น 

    “ใจเย็นสิครับ เอาแบบนี้ เกมนี้พวกคุณได้ ส่วนคุณ ถ้าเงินหมดแล้วยืมพวกเราก่อน หรือไม่ก็ค่อยกลับมาใหม่ก็ได้” ชายคนนั้นพูดขึ้น

    “ระยำเอ้ย อย่าให้กูเจอมึงข้างนอกนะ!!” ชายคนนั้นชี้หน้าใส่เคนนี่

    “เจอตอนนี้เลยก็ได้นะเว้ย” เวโรนิก้าบอกไป

    “ใจเย็นครับ เอางี้ พวกคุณกลับไปก่อนดีกว่า นี่ เอาชิบไปขึ้นเงินให้พวกเขาด้วย” ชายคนนั้นบอกกับพนักงาน พนักงานก็รีบเอาชิบที่คามิลล่าได้รวบรวมมาและเอาไปขึ้นเงินในทันที เงินที่ได้มาทั้งหมดมีประมาณ 5 หมื่นเหรียญ จากนั้นพวกของเคนนี่ก็พากันออกมาจากบ่อนในทันที

    “เฮ้ พวกนาย อยากกินอะไรมั้ย ฉันเลี้ยง??” คามิลล่าถามไป 

    “ฉันขอซัก 5 พันหน่อยสิ” เวโรนิก้าขอเงินกับคามิลล่า คามิลล่าหยิบเงินให้ในทันที จากนั้นเวโรนิก้าก็เอาเงินให้เพื่อนเธอ

    “เอานี่ ค่าจ้าง” เพื่อนของเวโรนิก้ารีบหยิบมาอย่างตื่นเต้น

    “มีอะไรให้ช่วยก็บอกเน้อ” เพื่อนเวโรนิก้าพูดขึ้นและรีบเดินออกไป

    “เฮ้ วอล ได้ยินอะไรบ้าง??” ซิลเวสเตอร์ถามวอล

    “ดูเหมือนว่าจ่าเอ็มเมอร์ยังไม่ตาย แต่ยังนอนไม่ได้สติในโรงพยาบาล และดูเหมือนว่าคนที่ชื่อผู้กองโทเค็นจะลงมาคุมเองครับ” วอลตอบไป

    “ห่ะ อะไรนะ มันยังไม่ตายอีกเหรอ??” โรเบิร์ตถามอย่างสงสัย

    “คนชั่วนี่ช่างตายยากเสียนี่กระไร” ไปจื่อพูดต่อ

    “เราคงต้องไปปิดปากมัน ก่อนที่มันจะเปิดปากเรื่องของเรา” เคนนี่พูดขึ้น

    “ไม่บอกก็รู้ แต่เรื่องนี้ฉันจัดการเอง คามิลล่าพูดขึ้น

    “ใจเย็นสิ ป่านนี้ตำรวจคงเต็มโรงพยาบาลแน่ๆ” เวโรนิก้าบอกกับคามิลล่าไป

    “นั่นสิ เจ้าไม่ต้องห่วง ยังไม่สายไปหรอก หากจะล้างแค้น” ไปจื่อพูดเสริม

    “ให้ฉันไปคนเดียวก็ได้นะ ฉันรับรองว่าออกมาได้แน่” โรเบิร์ตพูดขึ้น

    “ตอนนี้เราคงต้องจับตาดูสถานการณ์ไปก่อน แต่ถึงยังไงเราก็ได้ข่าวเพิ่มแล้วนี่นะ” ซิลเวสเตอร์พูดขึ้น

    “ผมเห็นด้วยครับ เอาไว้รอมีโอกาส เราค่อยไปจัดการมันก็ได้” เคนนี่ตอบไป 

    “งั้นฉันว่า เราไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่าเนอะ” เวโรนิก้าพูดขึ้น ก่อนที่พวกเขาจะพากันออกไปในทันที และไม่นานนัก คามิลล่าเองก็แอบไปคุยกับไปจื่อด้วย

    “นี่ ขอบใจนายมากนะที่ช่วย” 

    “มิเป็นไรหรอกแม่นาง ข้าช่วยเท่าที่ทำได้” ไปจื่อตอบ 

    “เฮ้ พวกนายสองคน จะจีบกันอีกนานมั้ยหล่ะ??” เวโรนิก้าตะโกนบอกทั้งสองคนไป ก่อนที่ทั้งสองคนจะรีบเดินตามพวกของเคนนี่ไปด้วย แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ มีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้อมาที่พวกเขา

    “พวกแกกำลังทำอะไรกันนะ??”

     

    กลับมายังตึกระฟ้า ฐานที่มั่นของกองกำลัง Magic Hunt และพันธมิตร สภาจอมเวทย์ได้ทำการเรียกตัวหัวหน้าสมาชิก Magic Hunt รวมถึงกองกำลังพันธมิตรทั้งหมด ให้มารวมตัวกันที่ตึก หลังจากที่ทางสภาทราบการตายของเกจินแล้ว และเมื่อทุกคนมากันครบเรียบร้อยแล้ว ทางสภาเวทย์มนต์ก็พูดขึ้นในทันที

    “เอาหล่ะ พวกเจ้าทั้งหลาย ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามาคุยกันในวันนี้ ข้ายากจะบอกพวกเจ้าว่า ตอนนี้ผู้เฒ่าเกจินถูกกำจัดไปแล้ว” ผู้เฒ่าสูงสุดคนหนึ่งพูดขึ้น ท่ามกลางความตกใจของผู้เข้าฟังการประชุม

    “ฝีมือใครกันครับ??” เอ็นวา หัวหน้ากองกำลังชุดคลุมขาวถามอย่างสงสัย

    “เราก็ไม่ทราบ แต่ต้องเป็นผู้ใช้เวทย์ที่มีฝีมือแน่นอน เพราะที่นั่น ไม่มีหลักฐานอะไรเลยแม้แต่ชิ้นเดียว” ผู้เฒ่าคนหนึ่งตอบ ก่อนที่ไม่นานนัก เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็เปิดโปรเจ็กค์เตอร์บริเวณห้องประชุม และพวกเขาก็พบเห็นภาพพื้นที่บ้านของเกจิน ซึ่งภาพบ้านของเขานั้นหายไปครึ่งหลัง รวมถึงพื้นดินที่ดูเละเทะราวกับเพิ่งจะเกิดแผ่นดินไหว

    “ไอ้พวกที่ใช้เวทย์พวกนั้นมันต้องมืออาชีพแน่ๆเลยค่ะ” จีโอพูดขึ้น

    “แล้วจะเป็นพวกไหนหล่ะ หรือจะเป็นพวกไอ้โครวี่ที่ยังไม่ตาย??” เอ็นวถามอย่างสงสัย

    “ฉันว่าไม่ใช่ ไม่ใช่แนวของมัน” อาคุมะพูดปราม

    “ถ้าไม่อย่างงั้น มีอยู่พวกนึง พวกปีศาจพวกนั้น ที่หลุดออกจากที่คุมขัง” เจ้าหน้าที่พูดขึ้น ในตอนนั้นที่ประชุมก็ตกใจมาก

    “ระยำเอ้ย พวกมันกล้าทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ??” ผู้เฒ่าคนหนึ่งพูดขึ้น

    “เป็นไปได้ ดูจากเวทย์มนต์ที่มันใช้ และจากที่พวกมันจัดการเกจินได้” ผู้เฒ่าอีกคนพูดเสริม

    “แล้วแบบนี้ พวกเราจะเอายังไงต่อหล่ะ??” โยมิที่เป็นหัวหน้าใหญ่ของ Magic Hunt ถามไป

    “มันกล้าทำกับเกจินแบบนี้ เราต้องตอบโต้พวกมันกลับไปบ้าง” ผู้เฒ่าสูงสุดพูดขึ้นมา

    “โห จะไปจัดการกับปีศาจพวกนั้น ไม่ใช่ง่ายๆเลยนะคะ ยิ่งถ้าพวกมันรวมตัวกันด้วย” โยมิพูดต่อ

    “เฮ้อ จริงๆก็อยากลองกับพวกมันซักตั้งนะ” อาคุมะพูดขึ้น

    “ตอนนี้ทางการของโลกมนุษย์บีบเรายังไม่พอ ไหนจะไอ้พวกระยำนี่อีก หรือบางที เราอาจจะต้องสงบศึกกับพวกมนุษย์ดี??” ผู้เฒ่าสูงสุดพูดขึ้นมา

    “อืม เป็นความคิดที่ดีเหมือนกันนะครับ ถ้าเราทำได้ น่าจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น” เอ้นวาพูดเสริม

    “เชื่อเหรอว่าพวกนั้นจะยอมเจรจา??” โยมิถามไป

    “ถึงยังไงก็ต้องลองดูก่อน เอาหล่ะ เรื่องเจรจากับพวกโลกมนุษย์ ฉันจะลองหาทางเอง ตอนนี้พวกเจ้าทุกคน มีหน้าที่ต้องกวาดล้างพวกผู้ใช้เวทย์ให้ได้มากที่สุด และ ไม่ว่าจะวิธีอะไร เข้าใจนะ” ผู้เฒ่าสูงสุดพูดขึ้น ก่อนที่พวกเขาจะกลับเข้าไปในห้องพักของพวกเขาก่อน ส่วนบรรดากลุ่มต่างๆ ทั้งพวก Magic Hunt กลุ่มผ้าคลุมขาว และกลุ่มของอาคุมะ ก็เดินแยกย้ายกันออกไป เพื่อเตรียมดำเนินงานของพวกเขาต่อ

    ทางด้านของจีโอ ในตอนนี้เธอเดินออกไปเพื่อจะเข้าห้องน้ำ แต่ในตอนนั้น เอ็นวาก็รีบวิ่งมาหาเธออย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ จีโอ!!”

    “มีอะไรหรือเปล่าคะ??” จีโอถามอย่างสงสัย

    “จีโอ ตอนนี้เรากำลังเจอสถานการณ์ที่ลำบาก ช่วงนี้เธอต้องระวังด้วย” 

    “ค่ะ ฉันระวังอยู่แล้วค่ะ” จีโอตอบไป

    “อืม เธอพอจะไปลุยกับหน่วยเยเกอร์ที่ 2 ได้หรือเปล่า??” เอ็นวาถามไป

    “เยเกอร์ที่ 2 จะไปลุยกับใครคะ??” จีโอถามไป

    “เราจะไปลุยกับไอ้พวกของไอ้โครวี่หน่ะ” เอ็นวาตอบไป

    “โห ถ้าจะไปลุยกับมัน คงต้องใช้มากกว่าหน่วยเดียวนะคะ ยังจำคราวที่แล้วไม่ได้เหรอคะ??” จีโอถามอย่างสงสัย

    “ไม่ต้องห่วง เราจะตัดกำลังมันทีละน้อย” เอ็นวาตอบไป

    ที่กลุ่มของอาคุมะ ในตอนนี้อาคุมะเดินกลับไปหากลุ่มของเขา ซึ่งตอนนี้กำลังยืนรออยู่ด้านนอกห้องประชุม

    “เฮ้ เป็นยังไงบ้าง??” เรียวเฮถามเขาไป

    “ท่านผู้เฒ่าเกจินตาย คาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของพวกปีศาจที่เคยถูกผนึกเอาไว้หน่ะ” อาคุมะตอบไป

    “อ้อ พวกปีศาจธาตุต่างๆงั้นเหรอ??” หู่ลงถามไป

    “แล้วพวกมันทำแบบนั้นทำไมนะ??” วาซิริสต์ถามไป

    “บางที พวกมันอาจจะอยากแก้แค้นสภาจอมเวทย์ที่จับพวกมันขังเอาไว้ก็ได้” เลโอนาร์ดพูดต่อ

    “เฮ้อ กล้าดีแท้ไอ้พวกนี้” วาจจิน่าพูดขึ้น

    “แล้วเราจะไปลุยพวกมันเลยมั้ยครับ??” โซเร็นถามไป

    “เดี๋ยว พวกนี้ไม่ใช่ปีศาจธรรมดาๆเลยนะ พวกนี้มันเทพปีศาจพลังเวทย์สูงเลย” อาคุมะพูดขึ้น

    “แต่ว่า ถ้าเราไม่ทำอะไรซักอย่าง พวกมันอาจจะมาเล่นงานเราต่อก็ได้” เรียวเฮพูดขึ้น

    “จริงด้วย ตอนนี้พวกมันอาจจะกำลังเตรียมเล่นงานพวกเราก็ได้” โซเร็นพูดพลางกอดอกไปด้วย

    “ตอนนี้เราทำได้แค่ตั้งรับพวกมันไว้ก่อน ตอนนี้เราจะลุยกับพวกไอ้โครวี่มันก็ตึงมือมากแล้ว” หู่ลงพูดขึ้น

    “ฉันว่าหู่ลงพูดถูกนะ เราน่าจะทำจากเล็กไปใหญ่ก่อน” วาซิริสต์พูดด้วยอารมณ์เนิบๆ

    “ว่าไงก็ว่าตามกันเลย” เลโอนาร์ดพูดต่อ

    “บ้าเอ้ย ทำไมช่วงนี้เราเจอแต่งานหนักๆวะเนี่ย??” วาจจินาถามพลางกอดอกไปด้วย

    “เอาเถอะ ก็เหมือนกับที่เราเคยเจอนั่นหล่ะ” อาคุมะพูดขึ้น ก่อนที่ตัวของเขาจะเดินออกไปจากบริเวณนั้น โดยที่คนอื่นๆก็เดินตามเขาด้วย

    “อยากรู้จริงๆไอ้โครวี่มันกำลังทำอะไรอยู่นะ??” วาจจิน่าพูดขึ้น

    “คงกำลังรอให้เราไปหามันหล่ะมั้ง??” โซเร็นถามกลับไป

    “ไม่หรอก เอาจริงๆ มันอาจจะมาหาเราถึงที่ก็ได้” หู่ลงพูดขัดกับคนอื่น

    “ถ้าพวกมันมาหาเรา งานนี้ก็สนุกหล่ะ” เลโอนาร์ดพูดขึ้น

    “เออ แล้วนี่พวก Magic Hunt ว่ายังไงกันบ้างหล่ะ??” วาซิริสต์ถามขึ้นมา

    “พวกนั้นก็ไม่ได้อะไรเท่าไหร่ ดูเหมือนพวกนั้นก็งานหนักเหมือนกัน” อาคุมะตอบไป

    “เอาเถอะ ฉันไม่สนหรอกมันจะทำอะไร อย่ามาขวางตีนฉันก็พอ” เรียวเฮพูดไป

    “พวกนั้นไม่มาขวางเราหรอก” อาคุมะบอกกับเรียวเฮ

    ทางด้านของโยมิ ในตอนนี้เธอก็กลับมาหาหน่วยของเธอที่กำลังรออยู่ด้านนอก และเมื่อโยมิมาถึง ไอจังก็รีบเข้ามาคุยกับเธอในทันที

    “คุณโยมิ เป็นยังไงบ้างคะ??” 

    “ดูเหมือนว่าผู้เฒ่าเกจินจะตายเพราะพวกเทพปีศาจพวกนั้นหน่ะ” โยมิตอบไป

    “เทพปีศาจเหรอ??” เอเตียนถามอย่างสงสัย

    “เออใช่ ฉันลืมเล่าเรื่องนี้ให้คุณเอเตียนฟังเลย คือว่า เท่าที่จำความได้ สมัยที่กลุ่มผู้ใช้เวทย์ยังไม่ออกมายุ่งเกี่ยวที่โลกภายนอก มีเทพปีศาจกลุ่มหนึ่งที่ออกต่อกรกับปีศาจชั่วร้ายที่ต้องการจะทำลายดินแดนเวทย์มนต์ พวกเขาปกปักรักษาดินแดนเวทย์มนต์มานานหลายปี แต่มีวันหนึ่ง เหล่าสภาจอมเวทย์ไม่ไว้ใจพวกเขา เพราะกลัวว่าพวกเขาจะยึดครองดินแดนเวทย์ซะเอง เหล่าผู้ใช้เวทย์จึงช่วยกันผนึกเหล่าเทพปีศาจพวกนั้นไว้หน่ะค่ะ” ไอจังบอกกับทุกคนไป

    “อืม แต่ว่า ทำไมพวกนั้นถึงโดนจับผนึกง่ายจังเลย??” อันจิถามอย่างแปลกใจ

    “เท่าที่ฉันเคยรู้มา ดูเหมือนว่าพวกนั้นระแวงว่าพลังอำนาจของเหล่าเทพปีศาจพวกนั้น จะจัดการกับเหล่าสภาเวทย์มนต์ได้ พวกเขาเลยตัดไฟแต่ต้นลม” โยมิบอกไป

    “แล้วนี่ พวกเราต้องทำยังไงต่อหล่ะ??” เอเตียนถามอย่างสงสัย

    “ตอนนี้เราก็ทำงานในส่วนของเราตามปกติ ดูเหมือนว่าทางสภาจะสงบศึกกับรัฐบาลของพวกมนุษย์ข้างนอกด้วย” โยมิตอบไป 

    “พึมพูๆๆๆๆ” อันจิพูดขึ้น

    “เออ ฉันว่าไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่เลยนะคะ” ไอจังพูดขึ้น

    “ผมเห็นด้วย พวกมันไม่สนเรื่องสงบศึกกับเราหรอก พวกมันคงจะเก็บเราทีหลังแน่นอน” เอเตียนพูดเสริม

    “บล่าๆๆบูบี้!!” อันจิพูดต่อ

    “ฉันรู้ แต่ทำไงได้ ถ้าพวกผู้เฒ่าพวกนั้นจะเอาแบบนั้น เราคงทำอะไรไม่ได้” โยมิตอบไป

    “แล้วนี่ เราจะไม่ไปตามล่าพวก Izzy ต่อเหรอครับ??” เอเตียนถามอย่างสงสัย

    “คืนนี้คงไม่ทันแล้วหล่ะ ปล่อยให้พวกมันลำพองใจกันไปก่อนแล้วกัน” โยมิตอบไป

    “ว่าไงว่าตามกันเลยครับ” อันจิพูดต่อ

    “แต่ว่า ถ้านานไป พวกนั้นอาจจะฟื้นตัวได้นะคะ??” ไอจังพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง พวกเราจัดการมันได้อยู่แล้ว” โยมิพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของ Magic Hunt ก็วิ่งเข้ามาหาโยมิ

    “คุณโยมิครับ คุณเอ็นวา หัวหน้ากองกำลังผ้าคลุมขาวอยากจะหารือกับคุณครับ”

    “อืม เดี๋ยวฉันไป” โยมิตอบกลับไป เจ้าหน้าที่รีบเดินออกไปในทันที

    “โอเค พวกนายแยกย้ายกันไปก่อนแล้วกัน แล้วฉันจะตามไป” โยมิบอกกับทุกคน จากนั้นตัวของเธอก็แยกออกไป

     

    กลับมายังคาสิโนของแองเจลโล่ ในตอนนี้ตัวของเขาได้ลงมาเยี่ยมผู้เล่นในคาสิโน ที่ตอนนี้กำลังสนุกสนานกับการเล่นการพนันนานาชนิด โดยที่เยเรน่าเองก็อยู่แถวๆนั้น แต่ในตอนนั้นเอง

    “เฮ้ย!!”

    เสียงของชายคนหนึ่งตะโกนโวยวายออกมา ที่โต๊ะโป๊กเกอร์ตัวหนึ่ง เรียกความสนใจจากทุกคนในบ่อนทุกคน แม้แต่ตัวของแองเจลโล่ด้วย

    “เฮ้ย บ่อนนี้โกงกูหรือเปล่าวะ แม่งกูแทงสิบตา แม่งก็แดกกูสิบตา!!” ชายคนนั้นตะโกนออกมา และก่อนที่จะมีปัญหาไปมากกว่านี้ แองเจลโล่ก็รีบเดินไปหาชายคนนั้นในทันที

    “สวัสดีครับ ผมเจ้าของบ่อน มีอะไรให้ช่วยครับ??”

    “บ่อนมึงอ่ะโกงกู เอาเงินคืนกูมาเลย!!” ชายคนนั้นตอบไป

    “เฮ้อ บ่อนของเราเป็นบ่อนมีระดับ ไม่ใช่บ่อนไก่กาอะไร เอาแบบนี้ เรามาเล่นกันซักตา ถ้าคราวนี้คุณแพ้ คุณอาจจะหมดตัวเลยนะ” แองเจลโล่พูดขึ้น

    “ก็ได้ แต่คนของมึงต้องห้ามแจกไพ่นะเว้ย!!” ชายคนนั้นพูดขึ้น แองเจลโล่พูดขึ้น ก่อนที่เขาจะหันหน้าไปทางเยเรน่า เยเรน่ารู้งานเลยเดินเข้ามา จากนั้นเธอก็เดินมาที่โต๊ะโป๊กเกอร์ที่แองเจลโล่อยู่ จากนั้นเธอก็เตรียมไพ่ในทันที

    “โอเคค่ะ ฉันแจกนะคะ” เยเรน่าพูดขึ้น ก่อนที่เธอจะแจกไพ่อย่างรวดเร็ว 

    “พรึ่บ!!”

    และเมื่อทุกคนได้ไพ่ครบแล้ว ทั้งสองคนก็หยิบไพ่ขึ้นมาในทันที

    “โอเคค่ะ ว่าไงกันบ้างคะ??” เยเรน่าถามไป และชายคนนั้นก็วางไพ่เอาไว้บนโต๊ะ

    “สเตรทฟัจหว่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ!!” ชายคนนั้นหัวเราะร่าอย่างสะใจ แต่ในตอนนั้น แองเจลโล่ก็ยิ้มมุมปาก จากนั้นก็วางไพ่

    “ผมมีแค่นี้” แองเจลโล่พูดขึ้น ภาพในมือของแองเจลโล่คือรอยัลสเตรทฟัจ ทำเอาชายคนนั้นถึงกับตกใจ

    “เฮ้ย เป็นไปได้ยังไงวะ??”

    “ผมหวังว่าคุณจะไม่ขี้แพ้ชวนตีนะ” แองเจลโล่พูดต่อ

    “ไอ้ระยำ มึงโกงกู!!” ชายคนนั้นตะโกนออกมา ชายคนนั้นพยายามกำหมัดเพื่อที่จะปล่อยเวทย์มนต์อะไรบางอย่างออกมา แต่ตอนนั้น เยเรน่าก็ชักปืนของเธอออกมาเล้งใส่มันไว้

    “ปืนนี่ยิงกระสุนทองแดงได้นะเว้ย” เยเรน่าพูดขึ้น ชายคนนั้นถึงกับหยุดนิ่งไป 

    “เฮ้อ ผมเตือนคุณแล้วนะ” แองเจลโล่พูดขึ้น ก่อนที่ในตอนนั้น เท้าของชายคนนั้นก็ขยับไม่ได้ เพราะพื้นของคาสิโนตอนนั้นมันจับเท้าของชายคนนั้นไว้

    “เฮ้ย มึงทำอะไรกูวะ??” ชายคนนั้นถามไป

    “ดูเหมือนว่าพลังเวทย์มนต์ของแกจะต้องฝึกอีกเยอะหว่ะ” แองเจลโล่พูดขึ้น ก่อนที่ตัวของเขาจะลุกขึ้น และในตอนนั้น ชายคนนั้นก็ถูกพื้นของคาสิโนดูดไปเรื่อยๆ

    “บอกกูมา ใครส่งมึงมาวะ??” แองเจลโล่ถามชายคนนั้นไป

    “พูดอะไรของมึงวะ??” ชายคนนั้นตอบกลับ แต่พื้นนั้นก็ค่อยๆดูดชายคนนั้นลงไปเรื่อยๆ

    “ว่าไง มันไม่ต่างอะไรจากจมน้ำเลยนะ??” แองเจลโล่ถามต่อ

    “เออ คุณรู้เหรอคะว่ามันเป็นใคร??” เยเรน่าถามไป ในขณะที่แองเจลดล่ก็มองไปที่หน้าของชายคนนั้น ชายคนนั้นเงียบอยู่ได้ไม่นานก็พูดขึ้น

    “ยอมแล้วครับๆๆๆ”

    “เออ ยอมอะไรหล่ะ??” แองเจลโล่ถามไป

    “ผมจะพูดแล้วครับ ปล่อยผมเถอะ!!” ชายคนนั้นพูดขึ้น ก่อนที่แองเจลโล่จะปล่อยให้ชายคนนั้นขึ้นมาจากพื้นที่ 

     

    ณ ร้านขายปืนของเวเรนน่า ร้านปืนที่ใหญ่ที่สุดในเวกัส ซึ่งนอกจากจะเป็นร้านปืนแล้ว ยังเป็นสนามยิงปืนอีกด้วย ตัวของเธออยู่ที่ร้าน กำลังเช็คลิสต์ไปตามปกติ ในตอนนั้น ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในร้าน และมาคุยกับเธอ

    “เจ๊ๆ มีเรื่องคุยหน่อย”

    “อ้าว ว่าไงหล่ะ??” เวเรนน่าถามอย่างสงสัย

    “ช่วงนี้กระสุนทองแดงกำลังขาดตลาดนะพี่”

    “เหรอ ลูกละเท่าไหร่แล้วหล่ะ??” เวเรนน่าถามไป

    “ตอนนี้ ลูก 5.56 1000 นัดก็ปาไป 600 เหรียญแล้วครับ”

    “หือ ขนาดนั้นเลยเหรอ??” เวเรนน่าถามไป

    “ใช่เจ๊ ช่วงนี้มีข่าวมาว่าพวกทำเหมืองทองแดงม่ากันกดราคาสินค้าหน่ะ” ชายคนนั้นตอบ

    “เฮ้อ กะแล้ว แปลว่าช่วงนี้ผู้ใช้เวทย์กำลังอาละวาดหน่ะสิ” เวเรนน่าตอบไป

    “ช่วงนี้เจ๊ก็ระวังด้วยนะ ช่วงนี้ดูเหมือนมันจะรุนแรงจริงๆ” 

    “เออ ฉันรู้น่า ว่าแต่ ช่วงนี้มีของใหม่กำลังเข้ามาหรือเปล่า??” เวเรนน่าถามอย่างสงสัย

    “ตอนนี้กำลังจะมี XM7 ออกมาแล้ว กระสุนขนาดใหม่ด้วย”

    “เหรอๆ น่าสนใจ แล้วทางฝั่งยุโรปหล่ะ??” เวเรนน่าถามไป

    “เอานี่ เจ๊ลองเอาไปดูแล้วกัน” ชายคนนั้นตอบ ก่อนที่เขาจะหยิบเอาโบรชัวร์แผ่นหนึ่งให้กับเวเรนน่าอย่างรวดเร็ว

    “โห ของดีทั้งนั้นเลยนี่หว่า” เวเรนน่าพูดขึ้น แต่ในระหว่างที่พูดกัน พวกเขาก็ได้ยินเสียงปืนดังมาจากด้านนอก

    “ปัง!!”

    “เวรเอ้ย!!” เวเรนน่ารีบวิ่งไปที่เคาน์เตอร์และหยิบเอา M4 กระบอกสั้นที่ติดอุปกรณ์ปรับแต่งไว้แล้วออกมาในทันที และเล็งไปที่ประตู ส่วนชายคนนั้นก็แอบออกไปดูที่ด้านนอก ไม่นานนัก ชายคนนั้นก็กลับเข้ามา

    “ไม่มีอะไรเจ๊ ตำรวจยิงหน่ะ”

    “งั้นเหรอ??” เวเรนน่ารีบลดปืนลงในทันที

    “สงสัยจะจับผู้ใช้เวทย์หล่ะมั้ง??”

    “อ้อๆ ช่วงนี้มาบ่อยแหะ” เวเรนน่าพูดขึ้น แล้วรีบเก็บ M4 ของเธอในทันที

    “งั้นไปก่อนนะเจ๊ มีอะไรเดี๋ยวมา” ชายคนนั้นพูดจบก็เดินออกจากร้านของเวเรนน่าไป

     

    กลับมายังอพาร์ทเม้นท์ของมารี หลังจากที่มารีทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็ขับรถกลับมา และเดินเข้ามาที่เคาน์เตอร์ต้อนรับแขก และเธอก็เดินไปหาพนักงานต้อนรับที่เป็นคนหางานให้กับเธอในทันที

    “เรียบร้อยแล้วนะ??”

    “ใช่ เรียบร้อยแล้ว แต่เกือบไม่รอด” มารีตอบ

    “ฉันรู้ข่าวแล้ว ไม่รู้ว่าพวกตำรวจไปที่นั่นได้ไง??”

    “แปลว่าอาจจะต้องมีปัญหาอะไรซักอย่าง แล้วเงินฉันได้ยัง??” มารีถามไป พนักงานคนนั้นรีบเปิดตู้เซฟ จากนั้นก็เอาซองเอกสารซองหนึ่ง จากนั้นก็ยื่นให้กับมารี มารีรีบรับมาในทันที 

    “ขอบใจ” มารีพูดขึ้น 

    “เออนี่ มีงานอีกงาน ไปลุยที่โรงพยาบาล เอาหรือเปล่า??” พนักงานถามไป

    “ห่ะ โรงพยาบาลเลยเหรอ เป้าหมายไหนหล่ะ??” มารีถามอย่างสงสัย

    “โรงพยาบาลกลางหน่ะ ถ้าจะลงมือ แนะนำว่าให้ลงมือช่วงกลางคืนดีกว่า” 

    “เดี๋ยวว่างๆก่อนค่อยว่ากัน” มารีพูดขึ้นพร้อมกับหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ พร้อมกับเดินไปที่หน้าลิฟต์ และกดลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังห้องของเธอ

     

    กลับมายังอพาร์ทเม้นท์ของดีค่อน หลังจากที่เขาขับไล่ศัตรูที่พยายามจะบุกทำลายอาพาร์ทเม้นท์เขาจนหมดแล้ว ตัวของเขาตอนนี้กลับมานั่งพักในห้องของเขา พร้อมกับดื่มเหล้าฉลองชัยชนะของเขาในตลอดช่วงที่ผ่านมา

    “อึกๆๆ!!”

    “ลูกพี่ ลองตัวนี้หน่อยมั้ยพี่??” ลูกน้องของเขาถาม ในขณะที่ยกขวดเหล้าขวดหนึ่งให้กับดีค่อนได้ดู

    “ดีๆ ลองหน่อย” ดีค่อนพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะเอาแก้วมารับเหล้า จากนั้นก็ดื่มต่อ

    “อืม รสชาติดีนี่หว่า” ดีค่อนพูดขึ้น

    “ใช่มั้ยหล่ะพี่ แล้วนี่ลูกพี่จะเอายังไงต่อหล่ะ??” ลูกน้องของเขาถามไป

    “ตอนนี้เราอาจจะต้องซ่อนตัวกันก่อน เราเปิดเผยตัวเองมากเกินไปหน่อย แต่เราจะกลับมาแบบชุดใหญ่แน่นอน” ดีค่อนพูดต่อ ก่อนที่จะยื่นแก้วเหล้าให้ลูกน้องของเขา 

    “จริงด้วยพี่ จัดใหญ่ไปเลย” ลูกน้องของเขาตอบ และในตอนนั้นเอง ลูกน้องอีกคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องของดีค่อน จากนั้นก็มาคุยกับเขา

    “ลูกพี่ มีงานใหม่หน่ะ”

    “งานอะไรหล่ะ??” ดีค่อนถามไป

    “มีคนอยากให้เราไปถล่มคลับในเทกซัสหน่ะพี่” 

    “เหรอ คลับแบบไหนกันหล่ะ??” ดีค่อนถามกลับ

    “คลับของพวกผู้ใช้เวทย์หน่ะพี่”

    “อืม น่าจะงานใหญ่อยู่นะ แต่เดี่ยวขอคิดดูก่อนแล้วกัน” ดีค่อนตอบไป ก่อนที่ลูกน้องของเขาจะเดินออกจากห้อง

    “ลูกพี่ พวกผู้ใช้เวทย์ไม่ใช่ว่าจะเคี้ยวง่ายๆนะพี่” ลูกน้องของเขาพูดขึ้น

    “เอ้ย ไม่ต้องห่วง ฉันพอจะมีของอยู่” ดีค่อนบอกไป

    “เออ พี่จะเอามาใช้จริงเหรอพี่??”

    “แน่นอน ของนี่รับรองว่าเล่นพวกผู้ใช้เวทย์ได้แน่นอน” ดีค่อนบอกไป

    “แล้วเราจะลงมือตอนไหนอ่ะพี่??” 

    “พรุ่งนี้แล้วกัน ไปเทกซัสไม่น่าจะไกลจากที่นี่เท่าไหร่ น่าจะพอไปทัน แต่คราวนี้ฉันต้องขอคนไปเยอะๆหน่อย” ดีค่อนพูดขึ้น

    “ได้เลยพี่ ผมเลือกคนเอง” ลูกน้องของเขาตอบ

     

    กลับมายังบ้านของมิไร หลังจากที่ตัวของเขานำกำลังไปจัดการกลุ่มผ้าคลุมขาวที่พยายามจะบุกเข้าโจมตีฐานที่มั่นของเขา พวกเขาวางกำลังเพื่อป้องกันบ้านของพวกเขาต่อ ในขณะที่มิไรก็กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่บริเวณสวนข้างบ้านของเขา และในขณะเดียวกัน ลูกน้องของเขาก็เดินเข้ามาหาเขา

    “นายท่านขอรับ”

    “ว่าไงหล่ะ??” มิไรถามไป

    “มีข่าวมาว่าไอ้ผู้เฒ่าเกจินมันตายแล้วครับ”

    “ห่ะ จริงเหรอ ไอ้เกจินมันตายแล้วเหรอ??” มิไรถามอย่างสงสัย

    “ครับ ข่าวนี้ยืนยันแล้ว ดูเหมือนจะเป็นฝีมือเหล่าเทพปีศาจที่หลุดรอดจากการผนึกได้ครับ”

    “อ้อ เท่าที่ฉันดู ดูเหมือนว่าจะมีทั้งหมด 5 ธาตุ แต่ปัญหาคือ ธาตุน้ำอยู่ที่ไหนกันนะ??” มิไรถามอย่างสงสัย

    “ตอนนี้คงกำลังเก็บตัว รอเปิดเผยตัวทีหลังหล่ะมั้งครับ??” ลูกน้องของเขาถามไป

    “เฮ้อ เอาเถอะ ตอนนี้เราจัดการพวกที่อยู่ใกล้มือก่อนแล้วกัน ถ้าตอนนี้พวกมันกำลังล้ม ฉันจะกระทืบซ้ำมันเอง” มิไรพูดขึ้น

    “จริงด้วยครับนาย”

    “เราได้พลังเวทย์ของพวกมันมามากขึ้น คนของเราเองก็เก่งขึ้น อีกไม่นาน เราก็คงจะเริ่มงานใหญ่ของเราได้ เตรียมตัวให้พร้อมแล้วกัน” มิไรบอกกับลูกน้องของเขา

     

    กลับมายังคลับของซอกฮุน ในตอนนี้ซอกฮุนก็กำลังนั่งเสพยาอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา โดยที่มีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งทำยาให้เขาเสพด้วย และไม่นานนัก ลูกน้องของเขาก็เดินเข้ามาในห้องอของเขาเพื่อรายงานอะไรบางอย่าง

    “ลูกพี่ครับ!!”

    “เออ มีอะไรอีกวะ??” ซอกฮุนถามไป

    “เรารู้ตัวไอ้คนสั่งฆ่าบุงอาแล้วครับ”

    “เหรอ ใครกันวะ??” ซอกฮุนถามไป

    “มันเป็นนักธุรกิจจีน ชื่อเชง มันเป็นพวกเดียวกับเจอาร์ ที่เปิดบ่อนใต้ดินในแคลิฟอร์เนียครับ”

    “ฉันไม่สนว่ามันจะเป็น แต่ถ้าไอ้เจ๊กนั่นมันจะมาเล่นกับฉัน ฉันก็จะเล่นด้วย ส่งคนไปฆ่ามันซะ” ซอกฮุนพูดขึ้น

    “เออ คงต้องหามือดีหน่อยหล่ะครับ ได้ยินว่าไอ้เชงมันเลี้ยงนักฆ่าเอาไว้เยอะด้วย” 

    “เฮ้ย จ้างใครก็ได้ เท่าไหร่ไม่อั้น หรือถ้าจะให้ดี เอาคนที่เป่าไอ้บุงอานั่นแหละ!!” ซอกฮุนพูดขึ้นพลางทุบโต๊ะดังลั่นห้อง

    “ครับพี่ แต่ผมว่าลูกพี่คงต้องเตรียมพร้อมด้วย ถ้าไอ้เชงมันรู้ว่าพี่เล่นงานมันคืน อาจจะมีสงครามแน่ๆ” ลูกน้องของเขาพูดปราม

    “เฮ้ย ก็บอกแล้วไง ฉันจะทำให้มันรู้ ว่าถ้าอยากจะเล่นกับฉัน มันต้องเจออะไร” ซอกฮุนบอกไป และไม่นานนัก ลูกน้องอีกคนหนึ่งของซอกฮุนก็เดินเข้ามาในห้องของเขาด้วย

    “ลูกพี่ครับ แย่แล้วพี่!!”

    “อะไรอีกหล่ะวะ??” ซอกฮุนถามไป

    “ไอ้จินทักมันไปเมาในบ่อนเวกัส แล้วโดนคนในบ่อนจับ ป่านนี้ไม่รู้จะน่วมขนาดไหนครับ”

    “เฮ้ย จริงเหรอ แม่งเอ้ย หาแต่เรื่องจริงๆ บ่อนนั่นชื่ออะไร??” ซอกฮุนถามไป

    “บ่อนของคุณแองเจลโล่ ขาใหญ่ประจำเวกัสครับ”

    “อ้อ เข้าใจแล้ว ถ้ามันยังไม่ตายก็ถือว่าโชคดีมาก ติดต่อมันให้ฉันหน่อย” ซอกฮุนพูดขึ้น

    “เออ จะดีเหรอครับ มันจะยอมคุยด้วยเหรอครับ??” ลูกน้องของเขาถามไป

    “เอาน่า ลองดูก่อน พวกเจ้าของบ่อนนี่ มันพูดจาภาษาผลประโยชน์อยู่แล้ว” ซอกฮุนตอบ ก่อนที่ลูกน้องคนนั้นจะเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว

     

    กลับมายังอพาร์ทเมนท์ที่เป็นแหล่งกบดานชั่วคราวของเฟท ในวันนี้ตัวของเขาก็ยังคงนั่งมองสร้อยของเขาเพื่อดูคำทำนายเพิ่มเติม และในขณะเดียวกัน

    “ก๊อกๆๆๆ”

    เสียงเคาะประตูดังขึ้น เฟทเองรีบลุกขึ้น จากนั้นก็เดินไปที่หน้าห้อง เมื่อเปิดประตูออกมา เขาก็พบกับพนักงานที่ให้เขาเข้าพักนั่นเอง

    “เออ อาหารเย็นมั้ยคะ??” พนักงานถามไป

    “ครับ ขอบคุณครับ” เฟทตอบ ก่อนที่เฟทจะเอาอาหารเข้ามาในทันที

    “อยู่สบายดีนะคะ??” พนักงานโรงแรมถามเขา

    “อ้อ ก็ดีครับ” เฟทตอบไป

    “คุณมาจากไหนเหรอคะ ถึงมาพักที่นี่??” 

    “อ้อ ผมมาจากแคลิฟอร์เนียหน่ะ ผมก็ร่อนเร่ดูดวงให้คนนั้นคนนี้” เฟทตอบไป

    “อ้อ แล้วคุณจะไปไหนต่อหรือเปล่าคะ??” 

    “ก็คงต้องแล้วแต่อนาคตหน่ะครับ ขอบคุณที่ให้ผมอยู่ห้องนะครับ” เฟทบอกกับพนักงานคนนั้น

    “ยินดีค่ะ ถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกนะคะ” พนักงานบอกกับเฟทไป

     

    ณ เขตท่อระบายน้ำในนิวยอร์กในตอนนี้กลุ่มเทพปีศาจได้มารวมตัวกัน หลังจากที่พวกเขาจัดการผู้เฒ่าเกจินได้เรียบร้อยแล้ว ในตอนนั้นพวกเขาก็คุยกันเพื่อวางแผนกันต่อ

    “เอาหล่ะ ตอนนี้พวกเราจัดการไอ้เกจินได้แล้ว พวกมันคงจะระส่ำกันน่าดู” ยิเมียร์พูดขึ้น

    “แต่เอาจริงๆ พวกมันคงเป๋ได้ไม่นาน เพราะไอ้เกจินมันก็ไม่ใช่ผู้ใช้เวทย์ที่เข้มแข็งอะไรนัก” ไรจินพูดปราม

    “อ่ะนะ ต่อไปเราจะเล่นงานใครดีหล่ะ??” บาร์บาทอสถามไป

    “ฉันมีเป้าหมายในใจอยู่ ผู้เฒ่าซาร์ลาซา” อาร์เทมิสพูดขึ้น

    “โห คราวนี้ไม่ง่ายเท่าไหร่เลยนะ ซาร์ลาซามันระวังตัวมาก แล้วยิ่งเกิดเรื่องกับไอ้เกจินอีก” มอลอซพูดขึ้น

    “แต่ว่ามันชอบไปหลบภัยที่บ้านตัวมันเอง มันไม่ค่อยอยากมาอยู่รวมกับคนอื่นๆ” อาร์เทมิสอธิบาย

    “แต่เราต้องรู้ให้ได้ก่อน ว่าบ้านมันอยู่ที่ไหน??” ยิเมียร์ถามไป

    “ไม่ยากหรอก คงต้องไปถามคนในกลุ่มผ้าคลุมขาวหน่ะ” ไรจินพูดต่อ

    “อ้อ ถ้าเรื่องนั้น ฉันพอทำได้นะ” บาร์บาทอสพูดขึ้น

    “กับไอ้ซาร์ลาซานี่ เราต้องจัดการให้รัดกุม มันไม่ง่ายเหมือนไอ้เกจินแน่ๆ” มอลอซพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน จู่ๆ ก็มีชายชุดดำคนหนึ่งวาร์ปมาหาพวกเขา และทำการคำนับให้

    “นายท่าน”

    “มีอะไรเหรอเอลมาซอส??” มอลอซถามชายคนนั้น

    “ตอนนี้พวกผ้าคลุมขาวเริ่มระแคะระคายเรื่องของพวกท่าน มีข่าวมาว่าพวกมันเตรียมกองกำลังชุดขาวมาตามล่าท่านด้วยครับ”

    “เฮ้อ แค่นี้เองเหรอ??” ยิเมียร์ถามไป

    “ตอนนี้คงต้องเตรียมกองกำลังของเราให้พร้อม พวกมันอาจจะมาได้ทุกเมื่อ” อาร์เทมิสพูดขึ้น

    “คนของฉันพร้อมอยู่แล้วหล่ะ” บาร์บาทอสพูดขึ้น

    “แต่ว่า ผมได้ข่าวว่าพวกมันจะส่งหน่วยเยเกอร์ 2 กับพวกจอมเวทย์ระดับพิเศษกับระดับสูงมาตามล่าพวกท่านโดยเฉพาะเลยนะครับ” 

    “โห ถ้าพวกมันเอาระดับสูงมาด้วย น่าจะงานใหญ่เลย” ไรจินพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงหรอก ถึงยังไงเราก็จัดการได้อยู่แล้ว ไปได้” มอลอซบอกกับลูกน้องของเธอ ก่อนที่ลูกน้องของเธอจะรีบวาร์ปออกไป

    “เออ ว่าแต่ พวกนายว่าท่านซาดินจะทำอะไรต่อ??” ยิเมียร์ถามไป

    “ท่านซาดินนั้นปกป้องมนุษย์ ก็คงตามนั้น” ไรจินพูดต่อ

    “แต่ว่า ดูเหมือนว่าเขาเองก็กำลังต่อสู้กับสภาจอมเวทย์ด้วยนะ” บาร์บาทอสพูดขึ้น

    “อืม ตอนนี้เราก็ยังไม่รู้ แต่ถึงยังไง เราอย่าไปขวางทางท่านดีกว่า” อาร์เทมิสบอกไป

    “นั่นสิ ตอนนี้เราเตรียมตัวให้พร้อม รับมือกับพวกเยเกอร์ แล้วตามล่าไอ้ผู้เฒ่าซาร์ลาซาด้วย” มอลอซพูดขึ้น ก่อนที่ในตอนนั้น พวกเขาจะรู้สึกได้ถึงพลังเวทย์อะไรบางอย่างที่อยู่ใกล้พวกเขา

    “อะไรกันวะเนี่ย??” มอลอซสบถออกมา

    “หรือว่า พวกมันรู้แล้วว่าเราอยู่ที่นี่??” ยีเมียร์ถามไป

    “ยังหรอก ไม่ใช่พวกมันแน่ๆ พลังแบบนี้” อาร์เทมิสพูดปราม

    “เราออกไปดูมันมั้ย??” บาร์บาทอสถามไป

    “เย็นไว้ เราไปจากที่นี่กันดีกว่า” ไรจินพูดขึ้น

    “จริงด้วย เราไปเตรียมกำลังของพวกเรากันเถอะ” มอลอซบอกกับคนอื่นๆไป

     

    และอีกด้านหนึ่งของนิวยอร์ก ย่านชานเมือง ซึ่งเป็นพื้นที่รกร้าง แต่ความรกร้างนั้นก็อยู่ไม่นาน เนื่องจากว่าตอนนี้ เหล่าสัตว์ร้ายมากมาย กำลังรุมชายคนหนึ่ง ที่กำลังถือโล่และหอกเพื่อรับมือกับพวกมัน ซึ่งชายคนนั้นคือเอล ซาดินนั่นเอง 

    “โฮก!!”

    พวกมันกระโจนใส่ซาดิน แต่ซาดินก็ใช้โล่กระแทกใส่มันจนกระเด็นออกไป จากนั้นก็ใช้หอกแทงมันเข้าที่ร่าง

    “โฮก!!”

    “บ้าเอ้ย รีบๆหมดซะที” ซาดินพูดขึ้น ก่อนที่จะโรมรันกับพวกมันอย่างดุเดือด มันอีกสองตัวพุ่งชนเข้าใส่ซาดิน แต่ซาดินกระโดดหลบได้

    “ย้าก!!”

    “ฉึก!!”

    ซาดินใช้หอกแทงที่ด้านหลังของมัน จนร่างของมันก็ค่อยๆหมดแรง มันอีกตัวก็กระโจนใส่ซาดินบ้าง แต่ซาดินใช้โล่กันเอาไว้ได้ จากนั้นก็กระแทกโล่ใส่มันจนกระเด็น

    “ตุ๊บ!!”

    “โฮก!!” มันยังไม่ยอมแพ้และกระโดดใส่ซาดิน แต่ในตอนนั้น เขาก็โปรยพลังอะไรบางอย่างออกมา ใส่สัตว์ร้ายตัวนั้น

    “พรึ่บ!!”

    เถ้าถ่านพวกนั้นปกคลุมร่างของสัตว์ร้ายตัวนั้น สัตว์ร้ายขยับเพื่อดิ้นหลุดจากเถ้านั้น แต่ก็ไม่ได้ผล สัตว์ร้ายตัวนั้นค่อยๆหมดแรง ก่อนที่มันจะค่อยๆล้มลงกับพื้น

    “ตุ๊บ!!”

    ซาดินเดินเข้าไปที่ร่างของสัตว์ร้ายตัวนั้น ที่ตอนนี้กำลังนอนเจ็บปางตาย จากนั้นก็เล็งหอกไปที่คอของสัตว์ร้ายตัวนั้น

    “อโหสิให้ด้วยนะ”

    “ฉึก!!”

    เขาแทงหอกเข้าที่คอของสัตว์ร้ายตัวนั้น ก่อนที่มันจะแน่นิ่งไปอย่างสงบ

    “หวังว่าจะหมดแล้วนะ พวกแกไม่น่าจะออกมาจากดินแดนเวทย์เลย” ซาดินพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะรู้สึกได้ถึงกับอะไรบางอย่าง ทำให้เขาต้องรีบวาร์ปหนีออกไป

     

    ณ พื้นที่ภูเขาแห่งหนึ่ง ในย่านที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของโครวี่ ในตอนนี้โครวี่และคนของเขาก็มารวมตัวกันบริเวณพื้นที่บนหน้าผาเขาแห่งหนึ่ง และที่บนโต๊ะ ก็มีปืนไรเฟิลกระบอกหนึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะ และยูจีนเองก็ยืนอยู่ไม่ห่างด้วย ตอนนี้ดูเหมือนว่าโครวี่กำลังจะทำการทดสอบอาวุธใหม่ ด้วยกระสุนที่ทำจากแร่ออซเจนิสธาตุไฟ 

    “บรรจุกระสุน” โครวี่พูดขึ้น ก่อนที่ลูกน้องของเขาจะรีบใส่กระสุนปืนไรเฟิล จากนั้นก็ยื่นมันให้กับโครวี่อย่างรวดเร็ว

    “นี่ครับนาย”

    “อืม อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นยังไง” โครวี่พูดขึ้น

    “นายครับ ให้ผมยิงให้มั้ยครับ??” ลูกน้องของโครวี่คนหนึ่งถามไป

    “เฮ้ย เรื่องนี้ฉันจัดการเอง” โครวี่พูดขึ้น ก่อนที่ตัวของเขาจะเล็งปืนไปยังภูเขาลูกหนึ่ง โดยที่ยูจีนก็ดูอยู่ไม่ไกล

    “ปัง!!”

    “พรึ่บ!!”

    กระสุนนัดนั้นโดนเป้าหมาย เปลวไฟจากกระสุนกระทบโดนต้นไม้ หลังจากนั้นไฟก็ลุกไหม้ไปทั้งป่า

    “เยี่ยมเลย!!” โครวี่พูดอย่างสะใจ

    “ดูเหมือนว่ามันจะได้ผลกว่าที่คิดนะครับ” ยูจีนพูดขึ้น

    “นั่นสิ อยากรู้เหมือนกันว่าธาตุอื่นจะเป็นยังไงบ้าง ตอนนี้มีออซเจนิสชนิดไหนบ้างหล่ะ??” โครวี่ถามยูจีนไป

    “ตอนนี้เท่าที่เรารู้ มีดิน น้ำ ลม ไฟ สายฟ้า น้ำแข็ง แล้วก็โลหะครับ” ยูจีนตอบ

    “อืม ถ้าเป็นเหล็ก ฉันจะเอามาทำเสื้อเกราะหน่อย” โครวี่พูดขึ้น และในขณะเดียว ลูกน้องอีกคนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาหาโครวี่อย่างรวดเร็ว

    “นายครับ ขออนุญาตครับ”

    “มีอะไรเหรอ??” โครวี่ถามไป

    “ตอนนี้นายหน้าคู่แข่งธุรกิจเราโดนเก็บแล้วครับ”

    “จริงเหรอ ฝีมือใครกันหล่ะ??” โครวี่ถามไป

    “ฝีมือเชง หุ้นส่วนของเราครับ”

    “อืม แบบนี้ก็ดี อย่างน้อยก็ตัดคู่แข่ง” โครวี่บอกไป

    “แต่ว่า ผมได้ยินว่ามาว่าไอ้คนที่โดนเก็บ เป็นคนของซอกฮุน เจ้าของคลับใหญ่ในเขตซานฟรานครับ” 

    “ฉันไม่สนหรอกว่ามันจะเป็นใคร ตอนนี้มันรู้หรือยังว่าเป็นเรา??” โครวี่ถามไป

    “น่าจะยังครับ” ลูกน้องของเขาตอบ

    “ผมว่า ผมน่าจะเคยรู้เรื่องของมันนะ” ยูจีนพูดขึ้น

    “เหรอ แล้วมันเป็นใครกันหล่ะ??” โครวี่ถามไป

    “ซอกฮุน ได้ยินว่ามันเป็นผู้ใช้พลังเวทย์มนต์ พลังที่ควบคุมทองคำหน่ะครับ”

    “เฮ้ย น่าสนใจ แปลว่ามันต้องรวย” โครวี่พูดขึ้น จากนั้นโครวี่ก็วางปืนเอาไว้ที่โต๊ะต่อ 

    “จะเลิกแล้วเหรอครับ??” ยูจีนถามไป

    “อืม กะว่าจะพักหน่อย” โครวี่ตอบ ก่อนที่ตัวของโครวี่จะวางปืน แล้วเดินกลับไปที่รถ โดยที่ยูจีนเองก็เดินตามไปด้วย

    “แล้วจะไม่วาร์ปกลับไปเหรอครับ??” ยูจีนถามไป

    “ฉันอยากใช้รถให้คุ้มหน่อยหน่ะ นายเองก็หัดเดินทางด้วยวิธีอื่นบ้างสิ” โครวี่พูดขึ้น ก่อนที่เขาจะขึ้นมาบนรถยนต์ของเขา ซึ่งตอนนี้มีแชมเปญอยู่ขวดหนึ่งแช่เอาไว้ในถังแช่เย็น จากนั้นก็หยิบมันขึ้นมาพร้อมแก้วแล้วรินดื่มในทันที

    “นี่ ยูจีน หาให้ฉันแบบนี้อีกขวดสิ” โครวี่บอกกับยูจีน

    “ถ้าผมเจอผมจะหยิบมาให้นะ”

    “อืม มันต้องแบบนี้” โครวี่พูดอย่างสะใจ

     

    กลับมายังบ้านพักของโสนและมอล ในวันนี้พวกเขาก็ยังคงอยู่บ้านตามปกติ เนื่องจากว่าสถานการณ์ตอนนี้มันไม่ปลอดภัยสำหรับพวกผู้ใช้เวทย์ โดยที่ตัวของโสนก็ไลฟ์สดคุยกับแฟนคลับไปด้วย

    “สวัสดีทุกคน..” 

    การไลฟ์เป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยที่ตัวของมอลเองก็นั่งทำงานอยู่แถวนั้น และไม่นานนัก ตัวของมอลก็ทำงานเสร็จเรียบร้อย ก่อนที่ตัวของเขาจะเดินไปที่ด้านหลังโสน

    “เออ รอเดี๋ยวนะ” โสนบอกกับทุกคน จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นไปหามอล

    “มีอะไรเหรอ??”

    “ผมต้องไปส่งของนิดหน่อยหน่ะ” มอลตอบ

    “อ้าว คุณจะไปเองเลยเหรอ??”

    “ใช่ งานนี้ค่อนข้างสำคัญหน่ะ เลยไม่อยากพลาด” มอลตอบ

    “งั้นเดี๋ยวไปขับรถให้นะ” โสนบอกกับมอล

    “อืม ได้สิ ไปกันเย็นหน่อยนะ” มอลพูดขึ้น

    “โอเค” โสนพูดขึ้นและหอมแก้มมอลไปหนึ่งที ก่อนที่เขาจะกลับไปนั่งไลฟ์สดกับแฟนคลับต่อ

    “เอาหล่ะทุกคน กลับมาต่อ..”

     

    ณ ศูนย์บัญชาการแห่งหนึ่งในดีซี กองกำลังทหารมากมายกำลังเดินตรวจตราพื้นที่อย่างแข็งขัน บางพื้นที่ก็มีการจับผู้ใช้เวทย์มาทำการประหารชีวิต พวกเขาเอากลุ่มผู้ใช้เวทย์ที่ถูกฝังทองแดงเอาไว้ในร่างกายมาตรึงกางเขนเอาไว้ ก่อนที่ไม่นานนัก พลปืนไฟจะเดินเข้ามาเรียงหน้ากระดาน แล้วฉีดไฟเข้าใส่กลุ่มผู้ใช้เวทย์ที่ถูกจับมัด

    “อ๊าค!!”

    พวกเขาทำแบบนี้ย้ำๆซ้ำๆ ทหารโดยรอบก็ไม่ได้เอะใจอะไร ราวกับว่ามันเกิดขึ้นทุกวัน และในขณะเดียวกัน เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งก็บินลงจอดที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์แถวนั้น ก่อนที่ไม่นานนัก นายทหารคนหนึ่งจะลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ ก่อนที่ชายใส่สูทคนหนึ่งจะเดินมารับนายทหารคนนั้น

    “ท่านนายพลครับ ท่านประธานาธิบดีต้องการพบครับ”

    “อืม พาฉันไปพบท่านเลย” นายทหารคนนั้นตอบ ก่อนที่พวกเขาจะพากันเดินไปยังทำเนียบขาว นายพลคนนั้นมองเห็นเหล่าผู้ใช้เวทย์ถูกจับมาประหารทุกวัน ก็เกิดรู้สึกแปลกใจ

    “ไม่หมดซักทีไอ้พวกนี้” นายพลพูดขึ้น

    “ครับ และดูเหมือนว่าจะมีมากขึ้นทุกวันด้วยครับ” ชายใส่สูทตอบกลับ

    “ช่างเถอะ อีกไม่นานพวกมันก็จะหมดแล้ว” นายพลคนนั้นพูดขึ้น ก่อนที่พวกเขาจะเดินเท้ากันต่อ

     

    ตกเย็น หลังจากที่พวกของเคนนี่พากันเลี้ยงฉลอง พวกเขาก็กลับออกมาจากร้าน เพื่อเตรียมกลับไปที่ค่ายมวยของพวกเขา ในขณะที่พวกเขากำลังจะขึ้นรถ ในตอนนั้น พวกเขาก็เห็นรถสองคัน กำลังขับไล่กันมา ก่อนที่มันจะเบียดรถอีกคันหนึ่งเข้าไปในซอยเล็กๆซอยหนึ่ง

    “โคร้ม!!”

    กลุ่มของเคนนี่ตกใจกันมาก ตัวเองเคนนี่เองก็ชักปืนออกมาในทันที

    “เคนนี่ เอาจริงเหรอ??” เวโรนิก้าถามเขา

    “โทษที นิสัยตำรวจมันไม่เปลี่ยนหน่ะ” เคนนี่ตอบ ก่อนที่ไม่นานนัก ชายใส่โม่งคลุมหัวประมาณ 4 คนจะลงจากรถ ก่อนที่พวกนั้นจะเตรียมกระหน่ำยิงใส่รถที่เสียหลักชนข้างทาง

    “ปัง!!”

    เคนนี่ยิงกระสุนปืนเวทย์ใส่พวกมัน กระสุนพุ่งแหวกอากาศออกไปและทะลุร่างของพวกมันทุกคนในนัดเดียว ราวกับว่ากระสุนของเขาบินได้

    “ไปเร็ว” เคนนี่พูดขึ้น ก่อนที่เขาจะรีบลงจากรถ ไปดูรถที่เสียหลักคันนั้น คนอื่นๆก็ตามเคนนี่ไปด้วย เคนนี่รีบมองเข้าไปในกระจก จากนั้นก็เปิดประตูรถ และพบว่าประตูเปิดได้ โดยที่ชายสองคนกำลังนั่งเจ็บอยู่ในรถ

    “คุณ เป็นอะไรหรือเปล่า??” เคนนี่ถามไป แต่ไม่นานนัก รถตู้อีกสองคันก็ขับเข้ามาหาพวกเขา ก่อนที่มันจะจอด และคนบนรถตู้ก็ลงมาจากรถ และระดมยิงใส่พวกเขา

    “ปังๆๆๆๆๆๆ!!”

    กลุ่มของเคนนี่หลบกันได้ทัน วอลเสกกระจกขนาดหนาพิเศษออกมาและป้องกันกระสุนเอาไว้ 

    “รีบเอาพวกเขาออกมาเร็ว!!” เคนนี่พูดขึ้น ก่อนที่ซิลเวสเตอร์และไปจื่อจะช่วยชายสองคนนั้นลงจากรถ และช่วยประคองพวกเขาที่กำลังบาดเจ็บเอาไว้

    “รีบไปจากที่นี่เร็ว!!” เคนนี่บอกกับทุกคน

    ================================================================

    เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมกันเน้อ

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย 

    ให้ของขวัญเป็นกำลังใจกันได้ครัช ไหว้หล่ะ 

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×