ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Reborn Hero - เกิดอีกที ครั้งนี้ต้องลุย

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 6 : ตอบโต้

    • อัปเดตล่าสุด 24 ต.ค. 64


    ช่วงเที่ยง ตัวของนาวินก็ยังคงนั่งอยู่ในห้องนอนของเขาเพื่อพักผ่อน และในระหว่างนั้น ตัวของเขาก็หยิบเอาโทรศัพท์ของเขาออกมา แล้วโทรคุยกับคนที่บ้านของเขาอย่างรวดเร็ว และเมื่อปลายสายรับสาย การสนทนาก็เริ่มต้นขึ้น

    “ฮัลโหล คุณวินครับ ปลอดภัยดีนะครับ??”

    “ผมปลอดภัยดี เสริม ที่บ้านเป็นยังไงบ้างครับ??” 

    “ยังปกติดีอยู่ครับ ยังไม่มีผู้บุกรุกครับ”

    “โทรศัพท์อาจจะถูกดักฟัง เวลารับสาย ควรจะพรางสัญญาณก่อนนะครับผม” 

    “รับทราบครับคุณวิน แล้วคุณจะกลับบ้านเมื่อไหร่ครับ??”

    “ไม่ต้องห่วง ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย แล้วผมจะกลับไป” แต่ในตอนนั้น นาวินยังไม่ทันจะพุดจบ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

    “ก๊อกๆๆๆ!!”

    “คุณเสริม แค่นี้ก่อนนะ ฝากจัดการที่เหลือด้วยนะครับ” นาวินพูดขึ้น จากนั้นก็วางสายไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็รีบไปเปิดประตูรับคนในทันที 

    “คุณวินคะ ว่างหรือเปล่าคะ พวกเขาเรียกคุณค่ะ??” หญิงสาวเจ้าของเสียงก็คือเวียนนั่นเอง

    “อ้อ ว่างครับ” นาวินพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็เดินตามเวียนออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว และเมื่อพวกเขาเดินมาถึงไม่นาน ก็พบว่าคนอื่นๆกำลังรอเขาอยู่แล้ว 

    “อ้าว ทุกคน มีอะไรหรือเปล่าครับ??” นาวินถามไป

    “อ้อ ภาภินเขาไปได้ข้อมูลอะไรบางอย่างหน่ะ แล้วดูเหมือนอากิระจะร้อนใจมากเลย” ดันเต้พูดขึ้น

    “ใช่ หมอนี่ไม่หลับไม่นอนเลย อดทนจริงๆ” นายลืมพูดแซวไป

    “อ้อ คืออย่างงี้นะพี่ ตอนนี้เราดักฟังการสื่อสารของ สส.สุรสิงห์ รวมถึงพวก UNASO คนอื่นๆ ที่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะตามล่าทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้เกิดใหม่ และพวกมันจะใช้เทคโนโลยีขั้นสูงมาตามล่าพวกเราด้วยครับ” ภาภินพูดขึ้น

    “ใช่ แล้วดูเหมือนว่าไอ้ลูก สส. คนนั้นมันกำลังจะตามล่าเพื่อนฉัน ฉันต้องไปเตือนเขา” อากิระพูดขึ้นพลางชักอาวุธของเขาออกมา

    “โห นี่นายก็มีเพื่อนด้วยงั้นเหรอ??” โลร็องต์พูดขึ้น ทำเอาอากิระเกือบจะเข้าไปปะทะกับโลร็องต์ด้วยความโมโห ทำเอาคนอื่นๆต้องรีบมาแยกไว้ก่อน

    “ใจเย็น ขอโทษแทนไอ้หมอนี่ด้วย มันปากไม่ค่อยมีหูรูดหน่ะ” ลูโดวิกพูดขึ้นพลางแยกโลร็องต์ออกไป

    “แต่ว่า เราต้องช่วยเหลือคนที่ตกอยู่ในอันตรายสิ ไม่ว่าจะยังไง” ฮารุพูดขึ้น

    “เฮ้อ ถึงมันจะเสี่ยง แต่ก็น่าลุ้น อย่างน้อยก็เป็นการขัดขวางแผนการของพวกมันได้” ลุ้นพูดขึ้น

    “อากิระ นี่นายจะยอมเสี่ยงจริงๆเหรอ??” โจไซอาห์ถามไป แต่อากิระได้แต่พยักหน้าอย่างแน่วแน่

    “ถ้าเป็นหนู หนูก็จะช่วยพี่อากิระค่ะ!!” ลาลินพูดขึ้น

    “อืม ดูเหมือนว่าไอ้ลูก สส. คนนั้นมันจะเป็นปัญหาสินะ แล้วภาภินก็บอกว่า มันอยู่ที่โรงพยาบาล มีคนของพ่อมันเฝ้าไว้ด้วย” อินเนสซ่าพูดขึ้น

    “ฉันขอแบ่งกำลังไปติดต่อกับกลุ่มอื่นก็แล้วกันนะ เพราะช่วยเหลือกันไว้ น่าจะดีกว่าแยกตัวกันหน่ะ” ลันโทสพูดขึ้น

    “อืม แล้วคุณจะเอายังไงหล่ะครับ คุณวิน??” ซีโร่หันไปถามเขา

    “อากิระ นายคิดดีแล้วนะ??” นาวินหันไปถามเขา แต่อากิระหันมามองหน้าเขาแล้วพยักหน้าด้วยสายตาที่ดูเศร้า

    “ถ้าแบบนั้น แรงมาก็ต้องแรงไป ไม่มีทางเลือก เราจะไปเล่นงานไอ้ลูก สส. นั่น เพื่อที่จะส่งข้อความไปถึงพวกมัน” นาวินพูดขึ้น

    “ผมรู้ว่าไอ้พวกที่เฝ้าไอ้ไอ้แสนมันเป็นใครกันบ้าง แล้วต้องทำยังไงกับพวกมัน” อากิระพูดกับนาวิน

    “ถ้าอย่างงั้น เราจะแบ่งคนไป ส่วนหนึ่งอยู่ที่นี่ ส่วนหนึ่งไปกับฉัน อีกส่วนไปกับคุณลันโทส” นาวินพูดขึ้น

    “เอ้ย ฉันไปกับซีโร่แค่สองคนก็ได้ ไม่ต้องเอาไปกันเยอะหรอก แค่เจรจาเฉยๆ” ลันโทสพูดขึ้น

    “นั่นสิครับ ผมเห็นด้วย ฝ่ายของคุณสุชัยที่เราเพิ่งไปช่วย เขาอยากเจรจากับเรา เราอย่าให้เขาระแวงเลยดีกว่า” ซีโร่พูดเสริม

    “หนูขอไปกับพี่อากิระค่ะ” ลาลินพูดขึ้น

    “ไงพวก อายเด็กมันมั้ยหล่ะ ฉันไปกับนายด้วยแล้วกัน” ลูโดวิกสะกิดโลร็องต์แล้วพูดขึ้น

    “เฮ้อ มีพี่ก็ต้องมีผมสิ” โลร็องต์พูดขึ้น

    “งั้นคุณวินไปไหนฉันก็ไปด้วยค่ะ” เวียนพูดขึ้น

    “เราสองคนขออยู่ที่นี่นะ ต้องมีใครซักคนคุ้มกันภาภิน แล้วอีกอย่าง ถ้าเราสองคนแปลงร่าง มันจะดูโฉ่งฉางเกินไป” โจไซอาห์พูดขึ้น

    “จริงด้วย ยังไงก็ขอให้ปลอดภัยกลับมานะ” อินเนสซ่าพูดเสริม

    “ถ้าอย่างงั้นก็ดูแลตัวเองดีๆนะคะ” ฮารุบอกกับทั้งคู่ไป

    “ผมไปด้วยก็แล้วกัน ส่วนนายอยู่ที่นี่แหละพวก” นายลุ้นพูดและหันไปบอกกับนายลืม

    “อืม ว่าแต่พวกนายจะไปไหนกันเหรอ??” นายลืมถามไป

    “อืม ให้เขาอยู่ที่นี่แหละดีแล้ว” ดันเต้พูดขึ้น

    “ถ้ามีอะไรอัพเดท ผมจะมาบอกนะครับ ได้ยินมาว่าจะมีการเปลี่ยนกะกันช่วงเย็น และช่วงนั้นพวกที่เฝ้าคงจะเหนื่อยสุดๆ เราคงจะลุยในตอนนั้นได้ครับ” ภาภินพูดขึ้น

    “อืม ถ้าอย่างงั้น ภาภิน นายตามข่าวไปเรื่อยๆ มีอะไรก็บอกกับฉันได้เลยนะ” นาวินบอกกับภาภินไป จากนั้นไม่นานทุกคนก็แยกย้ายกันไปเตรียมอุปกรณ์อย่างรวดเร็ว ดันเต้เลือกอุปกรณ์เก็บเสียงที่สามารถใช้กับอาวุธของพวกเขา ในขณะเดียวกัน ทุกคนสังเกตได้ว่าอากิระนั้นเตรียมของชนิดจัดเต็ม ทำเอานาวินและคนอื่นๆถึงกับไปดูเขาอย่างรวดเร็ว

    “โห อากิระ เต็มสูบเลยนะเนี่ย” นาวินพูดขึ้น

    “ใช่ ไอ้บ้านั่นมันต้องตายด้วยมือฉันคนเดียว และถ้ามันแตะต้องเพื่อนฉัน รับรองว่ามันไม่ตายดีแน่” อากิระพูดขึ้น

    “ท่าทางจะสนิทกับเพื่อนคนนี้มากเลยนะเนี่ย” ฮารุพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นอากิระถึงกับเงียบไป ราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง

    “ว่าแต่ แผนของเราจะเอายังไงต่อหล่ะ??” โลร็องต์ถามอย่างสงสัย

    “ก็คงจะลอบเล่นงานพวกมัน แล้วจัดการสั่งสอนไอ้ลูก สส. นั่นหล่ะมั้ง??” ลูโดวิกถามไป

    “แต่ว่า ที่นั่นอาจจะมีพวกมันรอเราอยู่ก็ได้นะคะ” ลาลินพูดขึ้น

    “นั่นสิ แล้วเราจะจัดการพวกมันทั้งหมดแบบเงียบๆได้ยังไงหล่ะ??” เวียนถามไป

    “พวกของไอ้สุรสิงห์ส่วนใหญ่ก็แค่พวกกุ๊ย พวกนี้บางส่วนมันยิงปืนไม่เก่งด้วยซ้ำ ส่วนพวกตำรวจ คงจะไปจัดการผู้เกิดใหม่คนอื่นหมดแล้ว” อากิระพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง นายลุ้นก็จั่วไพ่ของเขาอย่างรวดเร็วและดูว่าได้ไพ่อะไร

    “GIFT!!”

    “ของขวัญงั้นเหรอ ไม่เคยเจอใบนี้เลยแหะ??” ลุ้นถามไป

    “ไม่แน่นะ มันอาจจะเป็นลางดีก็ได้” ฮารุพูดขึ้น

    “แปลว่าเราจะโชคดีอย่างงั้นสิ เยี่ยมไปเลย!!” โลร็องต์พูดขึ้น

    “อย่าเพิ่งดีใจไป มันอาจจะมีนัยยะอื่นก็ได้” ลูโดวิกพูดขึ้น

    “แต่ว่าไพ่ของฉันมันไม่เคยมิอะไรพลาดนะ” ลุ้นพูดขึ้น

    “เอาเถอะ อย่าเพิ่งไปหวังอะไรมากเลย พึ่งตัวเองก่อนดีกว่า” เวียนพูดเตือนทุกคนไป

    “หนูจะเตรียมระเบิดยาสลบไป เผื่อจะได้ไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ” ลาลินพูดขึ้น

    “ไม่ต้องหรอก งานนี้เราจะฆ่าพวกมันให้เหี้ยน ถ้าใครมันกล้ามาขวาง” อากิระพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นนาวินก็มาแตะไหล่เขาไว้

    “เฮ้ย งานนี้ฉันขอแบบเงียบๆนะ” นาวินพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็ใส่กระสุนไปในปืนของเขาอย่างรวดเร็ว

     

    และที่ด้านนอก โซนที่ภาภินกำลังขุดหาข้อมูลของกองกำลัง UNASO ที่เดินทางมาเมืองไทย ตัวของเขาพยายามใช้ยากระตุ้นที่ดันเต้ให้เพื่อไม่ให้เขาหลับ ตัวของเขาใช้เวลาไม่นาน ก็ได้ข้อมูลมาเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเขาก็มาคุยกับดันเต้ที่รออยู่อย่างรวดเร็ว

    “คุณดันเต้ มีข้อมูลยืนยันมาแล้ว คนที่มาคือคริสเตียลจริงๆ แต่คนที่คุยโทรศัพท์กับเขา ดูเหมือนว่าเธอจะใหญ่กว่าคริสเตียลมาก ทางนั้นบอกว่า จะส่งอาวุธชนิดใหม่เพื่อมาจัดการเราด้วย” ภาภินพูดขึ้น

    “เออนี่ แล้วรู้หรือเปล่าว่าไอ้คนที่ใหญ่กว่าเป็นใคร??” โจไซอาห์ถามไป

    “ฉันว่าฉันน่าจะรู้ว่าเธอเป็นใคร The Green” ดันเต้พูดขึ้น

    “สีเขียว ผมชอบสีเขียวนะ” นายลืมพูดขึ้น 

    “อะไรของนายเนี่ย ว่าแต่ The Green เธอคืออใครกันคะ??” อินเนสซ่าถามไป

    “เท่าที่ผมได้ข้อมูลมา เธออยู่เบื้องหลังองค์กร UNASO ทุกอย่าง แต่พักหลังเธอเก็บตัวเงียบมาก แทบจะไม่มีใครเจอเธอได้เลย” ดันเต้พูดขึ้น

    “อืม แล้วผมพยายามแกะรอยคนที่ใหญ่กว่าคนนั้นแล้ว แต่ตามไปไม่ได้เลยครับ” ภาภินพูดขึ้น

    “อะไรกัน อย่างนายเนี่ยนะทำไม่ได้??” นายลืมถามไป

    “โธ่ ไอ้น้องเอ้ย ถ้าไม่ได้พูดแล้วน้ำลายมันจะบูดหรือไงจ๊ะ??” อินเนสซ่าตะโกนบอกกับนายลืมไป

    “ดูเหมือนว่างานนี้เราจะเจองานช้างซะแล้วหล่ะ” โจไซอาห์พูดขึ้น

     

    และที่ด้านนอก ลันโทสและซีโร่ก็รีบไปขึ้นโดรนซึ่งดันเต้เตรียมเอาไว้ให้ พร้อมกับหุ่นดรอยด์ส่วนหนึ่งเพื่อเดินทางไปหาคุณสุชัยที่เชิญพวกเขา ลันโทสและซีโร่ก็ไปขึ้นโดรนอย่างรวดเร็ว

    “เอาหล่ะ ท้องฟ้าเคลียร์นะ??” ลันโทสถามไป

    “ครับผม ท้องฟ้าสะอาดครับวันนี้” หุ่นดรอยด์ที่บังคับเครื่องพูดขึ้น

    “หวังว่าพวกมันจะไม่มาดักรอเราก่อนนะ” ซีโร่พูดขึ้น

    “ไม่หรอก ถึงยังไงเราก็มีอาวุธรับมืออยู่แล้ว” ลันโทสพูดขึ้น 

    “แล้วพวกเขาจะยอมร่วมมือกันเหรอครับ??” ซีโร่ถามไป

    “ก็แน่นอน ถ้าพวกนั้นไม่ร่วมมือกันก็ตาย แค่นั้น เรารีบไปกันเถอะ” ลันโทสพูดขึ้น

    “รับทราบครับ เตรียมพร้อมออกเดินทาง!!”

    โดรนของลันโทสค่อยๆออกจากดาดฟ้าของตึกอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็บินขึ้นฟ้าไปอย่างรวดเร็ว

     

    กลับมายังแหล่งกบดานของฮาเวิร์ดและหน่วย UNASO หลังจากที่พวกเขาพ่ายแพ้ยับเยินจากการต่อสู้กับกลุ่มของนาวิน พวกเขาเลยต้องกลับมาเพื่อวางแผนการรบกันใหม่ แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะเริ่มวางแผนการ ในตอนนั้น ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องบัญชาการ ฮาเวิร์ดและคนที่รู้ก็รีบเดินไปต้อนรับเขาอย่างรวดเร็ว

    “คุณคริสเตียล ไม่น่าเชื่อว่าคุณจะมาเร็วขนาดนี้” ฮาเวิร์ดพูดกับเขา

    “โอโห นี่พวกคุณแพ้กันเร็วขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย พอจะมีใครรายงานสถานการณ์ให้ผมฟังได้หรือเปล่าครับ??” คริสเตียลถามไป

    “ค่ะท่าน ตอนนี้พวกกลุ่มผู้เกิดใหม่ซึ่งเราคาดว่าจะเข้มแข็งกว่าทุกที่บนโลก กำลังมารวมตัวกันที่กรุงเทพค่ะ” เวอร์รีนพูดขึ้น

    “ว่าแต่ ได้ยินว่ามีคนที่ไม่ใช่หน่วยของ UNASO มาด้วยนี่ ใครที่ไม่ใช่ กรุณาแสดงตัว และรายงานตัวกับผมด้วยครับ” คริสเตียลพูดขึ้น จากนั้นคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกหน่วย UNASO อยู่แล้ว ก็เดินออกมารายงานตัวกับคริสเตียลอย่างรวดเร็ว

    “ผมเป็นตำรวจ จ่าสิบเอกครับ เรียกผมจ่าชัยก็ได้ครับ!!” จ่าชัยพูดขึ้น

    “ผมเป็นพลเรือน ชื่อแสงจันทร์ครับ เรียกโร่ว์ก็ได้ครับ!!”

    “ดินฉันก็เป็นพลเรือนค่ะ ชื่อกาลีน่าค่ะ!!” 

    “ผมยูริ อดีตหน่วยซีลครับผม”

    “เฮ้อ ผมเป็นผู้เกิดใหม่ ชื่อวูฟ จะทำไมครับ??” วูฟพูดอย่างไม่แยแส

    “พวกเขาเป็นมนุษย์ที่มีความเชื่อว่า จะฆ่าไอ้คนพวกนี้ได้ครับท่าน” รูกี้พูดไป

    “ไม่ต้องพูด ผมรู้ ยังไงก็ยินดีต้อนรับก็แล้วกันนะ ต่อไปนี้ผมจะคุมปฏิบัติการเอง พวกคุณมีอะไรจะค้านหรือเปล่า??” คริสเตียลถามไป

    “สำหรับคุณ ฉันไม่มีอะไรคัดค้านอยู่แล้วค่ะท่าน” รูกิพูดขึ้น

    “แต่ผมขอถามหน่อย คุณเป็นใครมาจากไหนกันแน่ครับ??” แสงจันทร์ถามไปด้วยความซื่อ

    “คุณกล้าถามผมก็กล้าตอบ ผมคริสเตียล เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ UNASO ภายใต้สังกัดสหประชาชาติ ผมคุมปฏิบัติการปราบไอ้พวกผู้ก่อการร้ายประเภทนี้ทั่วโลก หากมันไม่ถูกควบคุม โลกนี้ก็คงไม่สงบสุขหรอก ใช่หรือเปล่า??” คริสเตียลถามไป

    “แน่นอนครับท่าน เป็นอย่างงั้นอยู่แล้วครับ” ฮาเวิร์ดพูดขึ้น

    “เอาหล่ะ พอจะรายงานผมได้หรือเปล่าว่าเมื่อคืนพวกคุณเจอกับอะไรมา??” คริสเตียลถามไป

    “เราเจอผู้เกิดใหม่ที่มีพลังระดับสูงมากมาย และดูเหมือนว่าคนพวกนี้สามารถดึงพลังออกมาใช้ได้ไม่จำกัดค่ะ” เวอร์รีนรายงานไป

    “และดูเหมือนว่าคนพวกนี้กำลังรวมตัวกันเพื่อต่อต้านเราค่ะ” รูกิพูดขึ้น

    “เอาหล่ะ ผมอยากรู้ข้อมูลของผู้เกิดใหม่ที่คาดว่าน่าจะเป็นตัวอันตรายทั้งหมดหน่ะ” คริสเตียลพูดขึ้น

    “ครับ กระผมจะรีบทำรายงานส่งครับ” รูกี้พูดขึ้น

    “เราจะเริ่มตามล่าพวกมันเลย ตอนนี้ทางองค์กรได้ส่งของมาช่วย แล้วตอนนี้ มีรายงานมาว่าผู้นำของ SNLA เดินทางมาเมืองไทยแบบเงียบๆด้วย” คริสเตียลพูดขึ้น

    “แล้วไอ้องค์กรพวกนี้มันเป็นพวกไหนกันหล่ะ??” วูฟถามพลางเกาหัวแบบงงๆ

    “นี่พวกคุณยังไม่บอกให้เขารู้อีกเหรอ มันเป็นองค์กรก่อการร้ายยังไงหล่ะ” คริสเตียลพูดขึ้น

    “อ้อ เหมือนว่าฉันเคยอ่านข่าวเจอนะคะ” กาลีน่าพูดขึ้น

    “อืม แล้วทำไมมันถึงต้องมาเมืองไทยหล่ะครับ??” ยูริถามไป

    “ผมคิดว่า เพราะที่เมืองไทยมีผู้เกิดใหม่ที่มีฝีมือที่สุดในโลก พวกมันเลยมาหาแนวร่วมหน่ะ” คริสเตียลพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นเราคงต้องสู้กับมันให้ถึงที่สุดสิครับ” จ่าชัยพูดขึ้น

    “แน่นอน พวกคุณพักผ่อนกันก่อนก็แล้วกัน รอผมอ่านรายงานจากพวกคุณก่อน แล้วผมจะประเมินสถานการณ์อีกทีว่าจะเอายังไง ตามสบายเลยนะ” คริสเตียลพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก้เดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้พวกของฮาเวิร์ดได้พักผ่อนกันก่อน

    “โธ่ ทำเป็นเท่” วูฟพูดนินทาเขาไป

    “นี่ อย่านินทาเขาดีกว่า เขานี่ของจริง” เวอร์รีนพูดขึ้น

    “ใช่ แล้วถ้าเขามา แสดงว่าทางองค์กรเอาจริงแล้ว” รูกิพูดเสริม แต่วูฟก็ทำได้แค่เบะปากไป

    “ไม่น่าเชื่อว่ามีผู้ก่อการร้ายเข้ามาในประเทศเราด้วย” จ่าชัยพูดขึ้น

    “นั่นสิครับ แบบนี้ท่าจะยอมไม่ได้แล้วหล่ะครับ” แสงจันทร์พูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น ก็อยู่ให้จบก็แล้วกันไอ้น้องชาย” ฮาเวิร์ดบอกเขาไป

    “คอยดูเถอะ ฉันจะกลับไปแก้แค้นไอ้บ้าพวกนั้น” รูกี้พูดขึ้น

    “นายได้ทำแน่ แต่รักษาตัวให้หายก่อนเถอะ” ยูริบอกไป

    “เออนี่วูฟ ว่าแต่ ทำไมนายต้องกินเจ้าหน้าที่ของเราหลังจากที่จบเรื่องหล่ะ??” กาลีน่าหันไปถามวูฟ

    “ไม่มีอะไร ฉันก็แค่ต้องกิน หลังจากที่ใช้พลังไปมาก ไอ้พวกนั้นก็แค่พวกเหลือเดน ไปสนใจทำไม??” วูฟพูดขึ้น

    “เฮ้อ แต่นายก็สู้กับพวกมันได้ยอมเยี่ยมนี่” ฮาเวิร์ดพูดขึ้น

    “เอาหล่ะ งานนี้เราจะเอายังไงกันต่อดีหล่ะ??” ยูริถามไป

    “คงต้องรอให้คุณคริสเตียลวางแผน แต่ไม่ต้องห่วง พวกนั้นไม่รอดหรอก” รูกิพูดขึ้น

    “ดูพวกคุณจะมั่นใจเขามากเลยนะครับ” แสงจันทร์พูดขึ้น 

    “นี่ ไอ้น้อง ไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า ทำตามคำสั่งไป แล้วทุกอย่างจะเรียบร้อย” เวอร์รีนพูดขึ้น

    “เย็นไว้ก่อนน่า ก็พวกเราแทบไม่รู้เรื่องอะไรนี่หว่า” จ่าชัยพูดขึ้น

    “บางที ถ้าไม่รู้เรื่องก็เงียบไปดีกว่า” รูกี้พูดขึ้น ทำเอาแสงจันทร์หันหน้าไปมองเขา

    “เออๆๆๆ ช่างมันเถอะ มาคิดกันดีกว่าว่าจะเอายังไงกันต่อ พวกนายนี่ไม่ไหวจริงๆ” กาลีน่าพูดขึ้น จากนั้นทุกคนที่อยู่ในห้องก็พูดอะไรไม่ออกกันเลย 

    และด้านในห้องของคริสเตียล ตัวของเขารีบไปนั่งที่โต๊ะทำงานของเขาเพื่อตรวจสอบเอกสารรายงานที่ฮาเวิร์ดวางไว้ ตัวของเขารีบอ่านเอกสารอย่างละเอียดและพยายามสรุปมันออกมาให้ได้เร็วที่สุด และในตอนนั้นตัวของเขาก็เจอกับประวัติของชายคนหนึ่ง ซึ่งดูหน้าสนใจมาก

    “อืม คุ้นๆนะนายคนนี้??” คริสเตียลพูดขึ้นพลางเจอชื่อ “อากิระ” อยู่บนเอกสาร จากนั้นตัวของเขาก็มันวางแยกเอาไว้ จากนั้นก็ดูเอกสารอื่นต่ออย่างรวดเร็ว จนเขาไปเจอกับเอกสารของชายอีกคนหนึ่งเข้า

    “ดันเต้ ในที่สุดผมก็เจอคุณ” คริสเตียลพูดขึ้น จากนั้นก็วางเอกสารแยกไว้รวมกับเอกสารของอากิระ และเมื่อเขาดูไปเรื่อยๆ เขาก็พบกับเอกสารตัวหนึ่ง ซึ่งฮาเวิร์ดตีไว้ที่หน้าแฟ้มว่า “เป้าหมายอันตราย” ตัวของคริสเตียลก็เกิดสนใจขึ้นมา จากนั้นก็อ่านเอกสารอย่างรวดเร็ว

    “นาวิน...”

    “พลัง ความเป็นอมตะ...”

    “อืม ความเป็นอมตะงั้นเหรอ น่าสนใจดีนี่” คริสเตียลพูดขึ้น จากนั้นก็วางแฟ้มของนาวินไปรวมไว้กับดันเต้และอากิระ

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในกรุงเทพ ซึ่งจะพาพวกเขาไปยังชานเมือง ตัวของเบลได้พาแก้วไปหาความช่วยเหลือเพิ่มเติม รวมถึงเกเบรียลก็เดินทางมากับพวกเขาด้วย แต่ในระหว่างที่พวกเขาเดินผ่านโกดังร้างแห่งหนึ่งเพื่อหลบหลีกจากกลุ่มตำรวจ ในตอนนั้น จู่ๆก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งถือมีดและอาวุธอื่นๆมารุมล้อมพวกเขาไว้ ทำเอาเบลถึงกับถอนหายใจไป

    “อะไรกันวะ จะไม่ให้อยู่แบบสงบเลยหรือไง??” เบลถามในขณะที่หยิบขวานออกมาด้วย

    “คงไม่ได้สงบหรอกถ้ายังอยู่ที่นี่ คุณแก้ว คุณมีพลังอะไรบ้าง??” เกเบรียลถามในขณะที่ชักดาบของเขาออกมา และไม่นาน ตัวของแก้วก็ค่อยๆหลับตาไป จากนั้นก็ลืมตาขึ้นมาอีกทีพร้อมกับแววตาที่เปลี่ยนไปแบบชัดเจน

    “นี่หล่ะ พลังของฉัน!!” แก้วพูดขึ้นพลางกำหมัดไป และไม่นานนัก พวกมันก็บุกเข้ามารุมเล่นงานทั้งสามคน เบลถือขวานค่อยๆฟาดใส่พวกมันไปทีละคน พวกมันพยายามทำร้ายเบล แต่เบลก็ยันกับมันไว้ได้อย่างดุเดือด

    “นี่เธอ อยู่หลังฉันไว้!!” เบลตะโกนออกมา

    “ฝันเถอะ ฉันไม่ยอมอยู่เฉยๆหรอก” แก้วพูดขึ้นจากนั้นก็ต่อยหน้าของชายคนหนึ่ง จากนั้นก็คว้าเอาดาบของมันมาไล่ฟันมันด้วย มันจะฟันแก้วคืนแต่เกเบรียลก็เอาแขนมารับไว้ จากนั้นก็ถีบมันออกไป

    “นี่ อยู่หลังพวกเราไว้สิ!!” เกเบรียลพูดขึ้น จากนั้นก็ฟันดาบใส่พวกมันจนร่างแยก และในขณะเดียวกันนั้น โดรนลำหนึ่งก็บินตรงเข้ามาแล้วสาดปืนกลใส่พวกเขา เกเบรียลใช้ร่างกายบังกระสุนให้กับแก้ว ส่วนเบลก็ปาขวานไปโดนใบพัดของโดรนจนมันตกลงพื้น

    “ตู้ม!!”

    การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด จนกระทั่งเบลและคนอื่นๆฆ่าพวกมันตายจนหมด ซากศพกองพะเนินไปทั่วโกดัง พร้อมกับกลิ่นคาวเลือดเต็มไปทั่วพื้นที่ ตัวของเกเบรียลรีบกินซากศพของพวกนั้นอย่างรวดเร็วหลังจากที่ใช้พลังไปมาก ตัวของแก้วก็เกิดเป็นลมขึ้นมา พร้อมกับเบลที่นอนเจ็บแผลของเขาในขณะที่กำลังฟื้นฟูร่างกาย

    “บ้าเอ้ย นี่คุณแก้ว..” เบลพูดและพยายามปลุกแก้วไป แต่ดูเหมือนว่าแก้วกำลังนอนไม่รู้เรื่องอะไรเลย ตัวของเกเบรียลที่กินศพของพวกมันจนหมด ก็รีบมาหาทุกคนอย่างรวดเร็ว ตัวของเขาเห็นแก้วจึงไปดูอาการของเธอ จากนั้นก็พูดขึ้น

    “สงสัยคงแค่เป็นลมไปหน่ะ” เกเบรียลพูดขึ้น

    “แล้วจะเอายังไงต่อหล่ะ??” เบลถามไป

    “ฉันพาไปเอง นายตามมาก็แล้วกัน” เกเบรียลพูดขึ้น จากนั้นก็รีบแบกแก้วขึ้นหลังของเขาอย่างรวดเร็ว ส่วนเบลก็พยายามลากสังขารของเขาออกไปจากพื้นที่นั้นอย่างรวดเร็ว

     

    กลับมายังบ้านของอีสครินน่า ตัวของพัตติยาในตอนนี้ก็ยังกบดานอยู่ที่บ้านของอีสครินน่า เพราะในตอนนี้การตามล่าผู้เกิดใหม่เข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนั้นพัตติยาจะเปิดโทรศัพท์เพื่อเล่นโซเชียลตามปกติ แต่ในตอนนั้น อีสครินน่ารีบหยิบโทรศัพท์ของเธอมาในทันที จากนั้นก็ปิดเครื่องไป

    “ตอนนี้เธอน่าจะเก็บตัวซักพัก ไม่ควรเปิดเผยตัวตนนะ” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “โธ่ ฉันใช้แอคหลุมเล่นอยู่แล้ว ฉันแค่อยากรู้ข่าวคราวว่ามีอะไรคืบหน้าบ้าง” พัตติยาพูดอย่างเซงๆ

    “ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่สื่อและไอ้พวกนั้นพยายามหาตัวเธออยู่ ป่านนี้พวกมันคงไปค้นบ้านของเธอแล้วหล่ะ” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “ดีนะที่ฉันมีหลายบ้าน ไม่อย่างงั้น..” ในตอนนั้นพัตติยายังไม่ทันจะพูดจบ ตัวของลูอิสก็เดินเข้ามาในบ้านของเธออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มาทักทายกับอีสครินน่า

    “คุณอีสครินน่า มีข่าวมาครับผม” 

    “ข่าวอะไรอย่างงั้นเหรอ ว่ามาเลย??” อีสครินน่าถามไป

    “ตอนนี้มีข่าวว่าคริสเตียลกำลังเตรียมกองกำลังเพื่อเข้าโจมตีกลุ่มผู้เกิดใหม่ แต่กลุ่มผู้เกิดใหม่ก็เริ่มรวมตัวกันแล้ว และเบ็ตตี้ หัวหน้ากองกำลังหลักก็เริ่มปรากฏตัวแล้วครับ”

    “โห นี่แสดงว่าพวกมันกำลังจะเริ่มทำสงครามสินะ” พัตติยาพูดขึ้น

    “อืม แล้วคนที่เรากำลังตามหา ตอนนี้อยู่ที่ไหนหล่ะ??” อีสครินน่าถามลูอีสไป

    “เรากำลังตามสืบทุกกลุ่มอยู่ครับ แต่ในตอนนี้ เขาไม่ได้กลับบ้านของเขานานแล้ว เราเลยไม่เจอเขาที่นั่นครับ” ลูอีสพูดขึ้น

    “เอาเถอะ ยังไงก็ตามหาเขาต่อไปก็แล้วกัน” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “นี่ คนที่เธอตามหาเป็นใคร ให้ฉันช่วยตามหาดีมั้ย??” พัตติยาถามไป

    “ยังไม่ต้องหรอก เธออยู่ที่นี่ไปดีแล้ว ถ้าเธอออกไป รับรองว่าพวกมันจับตัวเธอแน่” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “อืม ก็ได้ หวังว่าจะเจอกับเขาเร็วๆนะ” พัตติยาพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง ยังไงเราก็ต้องได้เจอเขาแน่ ตัวของเขาปกปิดตัวเองไว้ดีมาก ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันหาเขาไม่เจอเลย” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “และสงครามกับพวกรัฐบาลนี่จะเอายังไงต่อหล่ะ??” พัตติยาถามไป

    “รัฐบาลไม่มีผลอะไรกับเราหรอก แต่พวก UNASO หน่ะสิ ตอนนี้คริสเตียลก็โผล่ออกมาแล้ว แล้วนี่เธอจะออกมาอีกหรือเปล่า??” อีสครินน่าถามไป

    “ผมว่าถ้าเธอออกมา งานนี้กรุงเทพได้ไม่เหลือซากแน่ครับ” ลูอีสพูดขึ้น

    “เอาเถอะ ฉันอยากให้เรื่องนี้มันจบเร็วๆจังเลย” พัตติยาพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็เดินขึ้นไปที่ห้องพักของเธอซึ่งอีสครินน่าเตรียมเอาไว้ให้เพื่อพักผ่อนต่อ

     

    กลับมายังห้องพักของมิกิใจกลางกรุงเทพ ตัวของมิกิเองก็ยังคงจัดการเพจ Facebook ของเธอ โดยเธอได้เผยแพร่เรื่องขององค์กรลับซึ่งออกตามล่าผู้เกิดใหม่ แต่เธอเขียนไปว่า

    “องค์กรลับซึ่งมีข่าวฉาวว่าทำปฏิบัติการนอกกฎหมายทั่วโลกเดินทางมาประเทศไทย เพื่อจุดประสงค์อะไร...”

    ตัวของเธอลงข่าวเกี่ยวกับองค์กร UNASO เรื่อยๆ เพื่อเป็นการตอบโต้สิ่งที่เกิดขึ้น และในขณะเดียวกัน เธอก็เปิดทีวีในห้องของเธอไปดู เพื่อดูว่าทีวีไทยได้ออกข่าวอะไรหรือเปล่า

    “อืม ไหนดูสิ??”

    ตัวของเธอเปิดทีวีไปยังช่องต่างๆเรื่อยๆ แต่ก็ไม่มีช่องไหนที่ยอมออกข่าวที่เธอเขียนไป ทำเอาตัวของเธอรู้แล้วว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น

    “เฮ้อ ที่นี่ประเทศไทย” มิกิพูดขึ้น จากนั้นไม่นานนัก เธอก็รีบค้นหาข้อมูลอะไรบางอย่างในคอมพิวเตอร์ของเธออย่างรวดเร็ว เธอหาในโฟลเดอร์นั้นทีโฟลเดอร์นี้ที และไม่นานนัก เธอก็เจอคลิปวีดีโอคลิปหนึ่งในโฟลเดอร์ของเธอ จากนั้นเธอก็อัพโหลดวีดีโอลงในเพจของเธอในทันที

    “มาดูกันสิว่าพวกแกจะทำยังไง”

    “อัพโหลด 100%”

    “องค์กรลับอุ้มสังหารคนในประเทศไทยแบบผิดกฎหมาย”

    และเมื่อตัวของเธออัพโหลดคลิปไป คลิปนั้นก็เริ่มได้รับความสนใจ จนได้รับยอดไลค์และแชร์เพิ่มขึ้นมากมาย ทำเอามิกิถึงกับยิ้มมุมปาก

    “มาดูกันว่าพวกแกจะเอายังไงต่อ”

     

    ณ สถานีรถไฟฟ้า BTS สยาม ตัวของไคเดินทางไปหาที่พักใหม่หลังจากที่ถูกตามล่า ในตอนนั้นเธอเดินเข้าไปยังสยามพารากอนเพื่อเดินช็อปปิ้งเสื้อผ้าใหม่ เธอเดินเข้าไปหลายๆร้าน และได้เสื้อผ้าใหม่มามากมาย และไม่นานนักเธอก็เดินออกมายังลานกว้างซึ่งเป็นสถานที่สำหรับจัดงานอีเว้นท์ ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีดอกไม้มากมายวางเรียบรายกันราวกับว่ามันถูกจัดเพื่อไว้อาลัยใคร และมีป้ายส่วนใหญ่ที่เขียนว่า “ ปลอดภัยกลับมา” ตัวของไคสัมผัสได้ถึงอะไรแปลกๆ ตัวของเธอเลยไปถามคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้นอย่างรวดเร็ว

    “ที่นี่มีอะไรกันเหรอคะ??”

    “อ้อ คือว่าพัตติยา ไอดอลสาวของเราถูกลอบทำร้าย ตัวของเธอหนีไปได้แต่ก็หายตัวไป พวกแฟนคลับเลยทำแบบนี้กันหน่ะค่ะ”

    “งั้นเหรอคะ แล้วทำไมต้องทำแบบนั้นด้วย??” ไคถามไป

    “ดิฉันก็ไม่ทราบค่ะ” หญิงสาวคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นก็เดินจากเธอไปอย่างรวดเร็ว

    “เสียดายแหะ ที่เรามองย้อนอดีตไม่ได้” ไคพูดกับตัวเอง และไม่นานนัก จู่ๆ ก็มีตำรวจกลุ่มหนึ่งเดินทางมาดูพื้นที่ตรงนั้นด้วย ไคเห็นดังนั้นจึงพยายามเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอก็เดินไปเรื่อยๆ เพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว แต่ในตอนนั้น จู่ๆก็มีข่าวทีวีโผล่ขึ้นมาจากสถานี BTS แถวนั้น 

    “หลังจากการหายตัวไปของไอดอลสาวพัตติยา ขณะนี้ ทางตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามตามหาเต็มที่ และตำรวจยังได้ตามหาคนที่พาเธอไปด้วย นี่คือภาพจากกล้องวงจรปิดจากที่เกิดเหตุ...”

    ตัวของไคลองสังเกตรูปใบนั้น พบว่ามันเป็นชายร่างกำยำคนหนึ่งใส่ชุดหนังดูน่าเกรงขาม ทำเอาเธอถึงกับคุ้นเคยว่าชายคนนี้เป็นใคร

    “คุณเกเบรียลหรือเปล่านะ??”

    “ในขณะนี้ ทางตำรวจกำลังตามหาชายต้องสงสัยคนนั้นพร้อมกับตัวของคุณพัตติยา ซึ่งคาดว่าพวกเขากำลังกบดานใน...” 

    “อืม อย่างงั้นเหรอ” ตัวของไคพูดกับตัวเอง จากนั้นเธอก็รีบไปซื้อตั๋วรถไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รีบไปขึ้นรถไฟฟ้าขบวนถัดไปที่มาเทียบชานชาลา

     

    ณ ย่านเยาวราช กรุงเทพมหานคร สถานที่ท่องเที่ยวซึ่งใครหลายๆคนอยากจะเดินทางมาเพื่อสัมผัสบรรยากาศรวมถึงหาอะไรกินกัน แต่ในตอนนั้น ตัวของเซนและคิฮาระก็ได้เดินทางมายังร้านทองแห่งหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าเป็นที่ต้องสงสัยว่าจะให้เป้าหมายของเขากบดาน พวกเขาทั้งคู่ยืนดื่มกาแฟแถวนั้น จากนั้นก็พูดคุยกันต่อ

    “ดูสิ ต้องเป็นที่นี่แน่ๆ ลุยมันเลยมั้ย??” คิฮาระถามไป

    “พูดอะไรบ้าๆ ไปตอนนี้ก็ไม่รอดหน่ะสิ” เซนพูดขึ้น

    “อ้าว ทำไมกัน เกิดกลัวขึ้นมาหรือไง??” คิฮาระถามไป

    “ก็ข้างหน้ากล้องวงจรปิดเต็มไปหมด เราโดนตามล่าแน่ถ้าไปโผล่แม้แต่นิดเดียว” เซนพูดขึ้น

    “จริงด้วย แล้วนายจะเอายังไงต่อหล่ะ??” คิฮาระถามไป

    “คงต้องหาที่ซุ่มแถวๆนี้ แล้วคืนนี้เราจะจัดการมัน” เซนพูดขึ้น

    “อ้าว ทำไมต้องเป็นตอนกลางคืนด้วยหล่ะ??” คิฮาระถามไป

    “เธอคงยังไม่รู้พลังของฉัน พลังของฉันก็คือ ถ้าอยู่ในเงา จะไม่มีใครหาฉันเจอได้” เซนพูดขึ้นพลางหันหลังแล้วเดินเข้าไปในตึกหลังนั้นอย่างรวดเร็ว โดยที่คิฮาระก็ได้ตามไปด้วย

    “เฮ้อ พลังของนายดีกว่าของฉันอีก” คิฮาระพูดขึ้น

    “ทำไม ของเธอมันแย่มากเหรอไง??” เซนถามไป

    “ฉันต้องกินสัตว์แบบเป็นๆ เพื่อที่จะได้ใช้ความสามารถของสัตว์พวกนั้นได้ ไร้ประโยชน์สิ้นดี” คิฮาระพูดขึ้น

    “โห เอาเถอะ ว่าแต่เธอไปไงมาไงถึงมาอยู่ที่นี่หล่ะ??” เซนถามไป

    “ฉันก็ไม่แน่ใจ ภาพสุดท้ายที่ฉันเห็นคือความโกลาหล แล้วฉันก็หนีออกมา ทุกวันนี้ฉันก็ยังพยายามหาคำตอบอยู่ แล้วของนายหล่ะ อย่ามาหลอกถามฉันคนเดียวสิ??” คิฮาระพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นดูเหมือนว่าเซนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นความเศร้าอย่างเห็นได้ชัด ทำเอาคิฮาระถึงกับรู้สึกได้

    “เอาเถอะ นายไม่อยากตอบก็แล้วแต่นะ” 

    “อืม คืนนี้เราต้องเฝ้าจับตาดูพวกมันทั้งคืน จนกว่าแสงไฟจะน้อยลง” เซนพูดขึ้น

    “ฉันว่ายิงกล้องวงจรปิดก็ได้หล่ะมั้ง??” คิฮาระถามไป

    “ทำแบบนั้นพวกมันได้แตกรังแน่ เอาหล่ะ เธอไปพักผ่อนก่อนเถิด เดี๋ยวฉันจะเตรียมอาวุธของฉันก่อนก็แล้วกัน” เซนบอกกับคิฮาระไป จากนั้นตัวของเขาก็เดินไปที่มุมห้องอย่างรวดเร็วเพื่อเตรียมอาวุธของเขา

     

    ทางด้านของเสี่ยวหลง พวกเขาขับรถไปเรื่อยๆ จนในตอนนี้พวกเขาเดินทางมาถึงเขตลำลูกกาแล้ว พวกเขาทั้งคู่ขับรถวนกันไปมาแต่ก็หาไม่เจอซักที ทำให้พวกเขามาจอดรถที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง เพื่อมาหาอะไรกิน พวกเขาเดินไปนั่งที่ร้านอาหารร้านหนึ่ง แล้วก็สั่งอาหารเพื่อนั่งกินกันด้วยความหิว

    “เฮ้อ หิวจริงๆ ขับรถวนกันมานานแล้วนะเนี่ย” อัญชันบ่นไป

    “เอาน่า มันคงจะมีเบาะแสอะไรบ้างหล่ะ” เสี่ยวหลงพูดขึ้น

    “อืม เอาเถอะ ไม่รู้ว่าหมอนั่นคิดอะไรกันอยู่นะ” อัญชันพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ตัวของเธอก็เหลือบไปเห็นชายสองคนซึ่งกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทานอาหารตัวหนึ่ง ซึ่งพวกเขาเหลือบมองทั้งคู่เป็นบางจังหวะ แบบที่ไม่ให้เสี่ยวหลงและเธอได้รู้ตัว อัญชันสะกิดเสี่ยวหลงอย่างรวดเร็ว 

    “เสี่ยวหลง มีคนตามเรามา ด้านหลัง” ตัวของเธอพูดกับเขาโดยใช้เสียงเบา เสี่ยวหลงนิ่งไปและไม่แสดงอาการอะไร จากนั้นก็พูดกับอัญชัน

    “อัญชัน ตามฉันมา” เสี่ยวหลงพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปทางห้องน้ำโดยที่อัญชันถามไปด้วย ชายสองคนเห็นดังนั้นเลยเดินตามไปอย่างรวดเร็ว พวกมันทั้งคู่ตามเสี่ยวหลงไปในห้องน้ำ แต่ในตอนนั้นเอง

    “ตุ๊บ!!”

    เสี่ยวหลงเตะตัดเข้าลำตัวของชายคนนั้น จากนั้นก็กระโดดเตะชายอีกคนจนกระเด็น จากนั้นก็ลากพวกมันทั้งสองคนมารวมกันในทันที จากนั้นเสี่ยวหลงก็ถามมันไป

    “พวกมึงตามกูมาทำไม ใครส่งพวกมึงมา??” เสี่ยวหลงถามไป

    “ทำไมกูต้องบอกวะ??” ชายคนนั้นถามไป แต่เสี่ยวหลงก็ถีบหน้ามันจนเลือดกำเดาไหลออกมา

    “พวกนายบอกมาเถอะน่า” อัญชันพูดขึ้น

    “ก็ได้ๆ มีคนจ้างกูให้ตามดูพวกมึงหน่ะ” ชายคนนั้นพูดขึ้น

    “ใครจ้างพวกมึงมาวะ??” เสี่ยวหลงถามไป

    “ผมได้ยินว่าชื่อไอ้โจ้ มันเป็นคนจ่ายเงินเรา ผมแอบได้ยินมันคุยกับคนที่ใหญ่กว่ามันครับ” มันพูดขึ้น ทำเอาเสี่ยวหลงถึงบางอ้อไปเลย

    “ว่าแต่ ไอ้คนที่ใหญ่กว่ามันเป็นใครกัน??” อัญชันถามไป 

    “ผมไม่รู้ มันไม่บอกชื่อครับ” ชายคนที่เลือดกำเดาออกพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง เสี่ยวหลงก็หยิบเอาเงินจำนวนหนึ่งออกมา จากนั้นก็โยนไปให้พวกมันในทันที

    “กลับไปบอกไอ้โจ้ด้วย ถ้าคราวหน้ามีอีก กูไม่ยอมแน่!!” เสี่ยวหลงพูดขึ้น ชายสองคนนั้นรีบหยิบเงินแล้ววิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็คุยกับอัญชันต่อในทันที

    “รู้แล้วว่าฝีมือใคร ไอ้แสนแน่ๆ” เสี่ยวหลงพูดขึ้น

    “ห่ะ นี่นายรู้ด้วยเหรอ??” อัญชันถามไป

    “ไอ้ธันวามันเคยไปกินเหล้ากับไอ้บ้านี่ มันเคยแนะนำให้ฉันรู้จัก ฉันว่าต้องไม่ผิดตัวแน่ๆ” เสี่ยวหลงพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง อัญชันก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่งดังเข้ามา อัญชันรีบรับสายในทันที

    “ฮัลโหล”

    “ห่ะ จริงเหรอ ได้ๆๆๆ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้” อัญชันพูดขึ้นแล้ววางสายโทรศัพท์ไป

    “มีอะไรเหรออัญชัน??” เสี่ยวหลงถามไป

    “มีคนส่งข้อความไปขู่พนักงานที่ร้าน มันบอกว่า ถ้ายังไม่เลิกยุ่งกับอากิระ มันจะพังร้านฉันหน่ะ” อัญชันพูดขึ้น

    “อะไรกัน ไอ้ระยำเอ้ย มึงจะเอาแบบนี้ใช่ไหมไอ้แสน!!” เสี่ยวหลงพูดขึ้น

    “ฉันต้องกลับร้านแล้วหล่ะ ไม่รู้ว่าที่ร้านจะเป็นยังไงบ้าง” อัญชันพูดขึ้น

    “ได้ๆ ถ้างั้นฉันไปส่งเธอเอง” เสี่ยวหลงพูดขึ้น จากนั้นทั้งคู่ก็รีบกลับไปที่รถอย่างรวดเร็ว จากนั้นตัวของเสี่ยวหลงก็โทรศัพท์หาใครคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว

    “ฮัลโหล ป๊า อั๊วมีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อยครับ”

     

    ณ สนามบินสุวรรณภูมิ เครื่องบินของลีน่าแลนด์ดิ้งลงบนรันเวย์อย่างรวดเร็ว เครื่องลงจอดอย่างนุ่มนวล และเมื่อมันจอดสนิท รถบันไดก็มารับเธออย่างรวดเร็ว และเมื่อประตูเครื่องบินเปิด ตัวของลีน่าก็ลงมาจากเครื่อง เดินลงบันไดมาอย่างรวดเร็ว และไม่นานนัก เธอก็ควักเอาโทรศัพท์ออกมา แล้วยกมันเพื่อถ่ายรูปเซลฟี่อย่างรวดเร็ว

    “แชะ!!”

    หลังจากที่ถ่ายรูปออกมา จากนั้นเธอก็รีบส่งมันไปให้แชทหนึ่งอย่างรวดเร็ว

    “ส่งรูปแล้ว!!”

    “Hello Bangkok!!”

    “ถึงกรุงเทพแล้วค่ะที่รัก” ลีน่าส่งข้อความไป และไม่นาน อีกฝ่ายหนึ่งก็ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว 

    “อืม ดีแล้วหล่ะ ฉันให้เดวิดจัดการเรื่องส่งตัวเธอไปหาหน่วย UNASO แล้วหล่ะ” 

    “ค่ะที่รัก ฉันว่าจะหาผัดไทกินหน่อย แล้วค่อยไปที่นั่น” 

    “อืม ฉันเองก็อยากลองต้มยำกุ้งเหมือนกัน”

    “อ้อ ถ้าอย่างงั้นฉันจะหาร้านอร่อยๆให้ที่รักนะคะ”

    “จะว่าไป ฉันมีงานหนึ่งให้เธอทำ”

    “งานอะไรเหรอคะ บัญชามาเลยค่ะ??”

    “เธอยังจำด็อกเตอร์ดันเต้ได้หรือเปล่า??”

    “อ้อ ที่รักอยากได้ของสิ่งนั้นสินะคะ”

    “ฉันอยากให้เธอแฝงตัวเข้าไปในนั้น ทำยังไงก็ได้ เพื่อไปเอาของนั่นมาให้ได้”

    “แน่นอนค่ะที่รัก แล้วมีอะไรจะฝากถึงด็อกเตอร์ดันเต้หรือเปล่าคะ??”

    “ไม่ต้องหรอก ฝากบอกแค่ว่าฉันกลับมาแล้ว และห้ามแตะต้องเขา”

    “อ้าว ทำไมหล่ะคะที่รัก??”

    “ยังไม่ถึงเวลา เอาไว้ฉันไปเมืองไทยก่อนค่อยว่ากัน”

    “ค่ะ ว่าไงว่าตามกันค่ะที่รัก”

    “แล้วอีกเรื่อง ตอนฉันไปเมืองไทย หาต้มยำกุ้งร้านอร่อยๆให้ฉันกินที”

    “รับทราบค่ะที่รัก xoxo”

     

    กลับมายังถ้ำของวิบัติ ในวันนั้นตัวของวิบัติก็ได้นั่งสมาธิเพื่อติดต่อกับเหล่าวิญญาณซึ่งเขาส่งไปทำงานให้ เขานั่งสมาธิอยู่ซักพัก ตัวของเขาก็ลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พูดขึ้น

    “ไอ้พวกนั้น มันจะไปบุกถ้ำเสือเลยเหรอ??”

    “นายท่านขอรับ พวกมันเป็นใครหรือขอรับ??” วิญญาณตนหนึ่งถามไป

    “พวกที่เรากำลังจับตามองอยู่ ซึ่งพวกนั้นน่าจะเป็นกำลังสำคัญให้เรา” วิบัติพูดขึ้น

    “แล้วนายท่านจักทำเยี่ยงไรต่อขอรับ??”

    “เห็นทีข้าคงต้องลุยด้วยตัวเองแล้วหล่ะ” วิบัติพูดขึ้น

    “ท่านจักเดินทางไปพระนครหรือขอรับ??”

    “ไม่หรอก ข้าจักทำพิธีคุมวิญญาณทหารที่ข้าไว้ใจ และไปติดต่อกับพวกเขา พวกเจ้าอย่าช้าที พวกเจ้าต้องไปคุมพื้นที่ถ้ำของข้าให้ดี ห้ามมิให้ผู้ใดมารบกวนข้าเด็ดขาด!!” วิบัติออกคำสั่งไป

    “รับทราบขอรับ”

    “ว่าแต่ พวกเจ้าไปแจ้งเตือนกลุ่มอื่นๆหรือยัง??” วิบัติถามไป

    “เรียบร้อยขอรับ พวกเขารู้จนสิ้นแล้วว่าเกิดอันใดขึ้น”

    “ดีมาก คืนนี้ข้าจักทำพิธี พวกเจ้าห้ามมิให้ผู้ใดรบกวนข้าเด็ดข้า!!” วิบัติพูดย้ำไป เหล่าวิญญาณพวกนั้นก็รีบไปจัดการทุกอย่างตามที่วิบัติบอกอย่างรวดเร็ว เพราะพวกเขารู้ว่าในครั้งนี้วิบัติจะเอาจริงแล้ว

     

    กลับมายังฐานทัพของหน่วย UNASO ซึ่งในตอนนี้คริสเตียลได้เป็นหัวหน้าหน่วยเต็มตัวแล้ว และเมื่อตัวของเขาได้อ่านแฟ้มทั้งหมดที่ฮาเวิร์ดส่งมา ตัวของเขาก็รีบเรียกประชุมทุกคนในทันที และได้พูดคุยกับทุกคนไป

    “เอาหล่ะ ผมได้ตรวจสอบรายงานทั้งหมดที่ฮาเวิร์ดส่งมาแล้ว ผู้เกิดใหม่ที่นี่เป็นตัวอันตรายจริงๆ แต่ไม่เป็นไร วันนี้ที่ผมอยากจะบอกพวกคุณก็คือ จะมีสุภาพสตรีท่านหนึ่งมาร่วมงานกับเรา เอาหล่ะ เชิญคุณลีน่าครับ” คริสเตียลพูดขึ้น จากนั้นไม่นานนัก หญิงสาวคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องนั้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่คนอื่นๆก็ถึงกับแปลกใจเล็กน้อย

    “สวัสดีค่ะทุกคน ดิฉันลีน่า ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะคะ!!”

    “สวัสดีครับ คุณอยู่หน่วยไหนเหรอครับ??” ฮาเวิร์ดถามไป 

    “อ้อ ฉันเป็นทหารรับจ้างที่มีความเชี่ยวชาญในการตามล่าผู้เกิดใหม่หน่ะ เอาหล่ะ ดิฉันอยากจะให้ทุกคนแนะนำตัวเองกันหน่อยค่ะ” ลีน่าพูดขึ้น และไม่นานนัก ทุกคนก็แนะนำตัวทุกคนให้กับลีน่าอย่างรวดเร็ว จากนั้นลีน่าก็พูดขึ้น

    “เอาหล่ะ คุณคริสเตียล ดิฉันได้อ่านรายงานทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหล่ะ ดูแล้ว เราควรจะไปจัดการกับ 4 กลุ่มใหญ่ซะก่อน” ลีน่าพูดขึ้น

    “อืม แต่ผมว่า เราควรจะตามล่าเป้าหมายหลักที่ผมเลือกน่าจะดีกว่านะครับ” คริสเตียลพูดขึ้น

    “ดิฉันเห็นด้วยค่ะ เราควรจะจัดการด็อกเตอร์ดันเต้ซะก่อน” เวอร์รีนพูดขึ้น 

    “เราควรจะจัดการพวกที่เข้มแข็งน้อยที่สุดก่อน ส่วนพวกนั้น เราควรจะรอโอกาสทีหลังดีกว่า” ลีน่าพูดขึ้น

    “อ้อครับ เรามีกองกำลังซึ่งเตรียมพร้อมจู่โจมแล้วครับ” คริสเตียลพูดขึ้น

    “แต่ฉันมีรายงานอีกตัวหนึ่ง มันมีความเป็นไปได้ที่เบ็ตตี้จะปรากฏตัวค่ะ” รูกิพูดขึ้น

    “คุณหมายถึงหัวหน้ากองกำลังใต้ดินอย่างงั้นเหรอ แล้วคุณเจอเธอหรือยังหล่ะคะ??” ลีน่าถามไป แต่ก็ไม่มีใครตอบลีน่าเลย

    “แล้ว คุณมีแผนจะทำยังไงต่อหล่ะคะ??” กาลีน่าถามไป

    “ก็อย่างที่ฉันบอก เราจะจัดการมือไม้ของพวกมันไปก่อน และเมื่อมันหมดตัวช่วยแล้ว เราก็ค่อยเตรียมจัดการพวกที่เหลือเลย” ลีน่าพูดขึ้น

    “เฮ้อ แผนนี้จะได้ผลเหรอ แทนที่จะเล่นงานพวกไอ้ดันเต้ก่อน” วูฟพูดขึ้นพลางกอดอกไป และในตอนนั้น ลีน่าก็แอบหยิบเอาปากกาด้ามหนึ่งปาใส่หัวของวูฟอย่างรวดเร็ว

    “จะเอาอีกมั้ยจ๊ะ??” ลีน่าถามไป ในตอนนั้นวูฟแทบจะพุ่งเข้าใส่ลีน่า แต่จ่าชัยและแสงจันทร์ก็ห้ามเอาไว้ก่อน

    “นี่ อย่าเสียมารยาทสิครับ!!” คริสเตียลเอ็ดวูฟไป 

    “นี่ แล้วรูปหล่อคิดว่ายังไงหล่ะ??” ลีน่าหันไปถามแสงจันทร์ ในตอนนั้นแสงจันทร์ก็ตอบไป

    “ก็ คุณว่ายังไงผมก็ว่าอย่างงั้นครับ” แสงจันทร์พูดขึ้น

    “ครับผม พวกเราก็ได้แต่รับคำสั่งอยู่แล้วครับ” จ่าชัยพูดขึ้น

    “อืม น่ารักมากๆเลยค่ะ เอาหล่ะ ขอให้ทุกคนเตรียมตัวกันไว้นะคะ เริ่มจากคืนนี้เลย ดิฉันเชื่อมือคุณนะคะ คุณคริสเตียล” ลีน่าพูดขึ้น

    “อ้าว แล้วท่านจะไปไหนครับ??” รูกี้ถามไป

    “คืนนี้ผมจะไปจัดการกับกลุ่มผู้เกิดใหม่ที่จับคนเรียกค่าไถ่หน่ะ เอาหล่ะ พวกคุณอยู่ที่นี่ รอฟังคำสั่งคุณลีน่าดีกว่า ยังไงก้โชคดีนะ” คริสเตียลพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็รีบเดินออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็วเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการจู่โจมในคืนนี้

    “แล้วคุณจะให้พวกเราทำอะไรครับ??” ยูริถามลีน่าไป

    “คืนนี้พวกคุณพักผ่อนกันก่อน เพราะฉันได้ยินวีรกรรมของคุณแล้ว พวกคุณทุ่มเทกันมาก เอาไว้ถ้ามีอะไรอัพเดท ฉันจะบอกพวกคุณเอง ฉันขอตัวนะคะ” ลีน่าพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็เดินออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว พร้อมกับถือเอกสารอะไรบางอย่างในห้องออกไปด้วย

    “ฉันไม่ไว้ใจแม่นี่เลย” กาลีน่าพูดขึ้น

    “เหมือนเราทุกคนนั่นแหละ” ฮาเวิร์ดพูดขึ้น

    “มึงไม่น่าห้ามกูเลย ไอ้หน้าอ่อนเอ้ย!!” วูฟตะโกนด่าแสงจันทร์ไป

    “ดีแล้วที่เขาห้ามนาย ไม่งั้นนายตายไปแล้วไอ้บ้าเอ้ย” จ่าชัยด่าวูฟไป

    “แล้วทำไม ดูคุณคริสเตียลจะเชื่อฟังเธอมากเลยหล่ะ??” แสงจันทร์ถามไป

    “เรื่องนี้ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน เธอมาจากไหนกันแน่??” เวอร์รีนถามไป

    “ไม่แน่ เธออาจจะเป็นสายจากที่ไหนก็ได้” รูกิพูดขึ้น

    “อืม ดูจากความคิดความอ่านเธอแล้ว ยังมีอีกหลายเรื่องที่เราไม่รู้ ฉันต้องสืบให้ได้” รูกี้พูดขึ้น

    “ได้เลย ถ้าอย่างงั้นฉันจะช่วยสืบด้วย” ยูริพูดขึ้น

     

    ณ โรงพยาบาลเอกชนสุดหรูแห่งหนึ่งย่านใจกลางกรุงเทพมหานคร หลังจากตะวันล่วงลับขอบฟ้าไปเรียบร้อยแล้ว แทบไม่มีผู้คนเหลืออยู่บริเวณโรงพยาบาลแล้ว แต่ก็ยังมีกลุ่มคนใส่สูทเดินไปเดินมารอบโรงพยาบาลราวกับกำลังเฝ้าอะไรบางอย่าง และในขณะเดียวกัน ที่ด้านหลังโรงพยาบาล รถบรรทุกคันหนึ่งก็ได้ขับเข้ามาด้านหลัง ซึ่งมีบุรุษพยาบาลมารอรับอยู่ และชายใส่สูทคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเขา จากนั้นก็พูดขึ้น

    “เฮ้ย นี่มันรถอะไรกัน??” ชายใส่สูทคนนั้นถามไป

    “ก็แค่มาส่งอุปกรณ์แพทย์หน่ะพี่ หลบหน่อย คนจะทำงาน!!” บุรุษพยาบาลคนนั้นพูดขึ้น ทำเอาชายใส่สูทเดินออกไปด้านนอก และเมื่อประตูด้านหลังรถบรรทุกได้เปิดออก บุรุษพยาบาลก็รีบเข้าไปในรถบรรทุก จากนั้นก็รีบไปเอาของที่อยู่บนรถอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อพวกเขาขนของไปซักพัก กลุ่มของนาวินที่แฝงตัวอยู่ในรถบรรทุกก็ออกมาอย่างรวดเร็ว และบุรุษพยาบาลคนหนึ่งที่มาพบพวกเขาก็รีบพาพวกเขาเดินเข้าไปยังห้องๆหนึ่ง ผ่านบุรุษพยาบาลคนอื่นรวมถึงพวกบอดี้การ์ดอย่างรวดเร็ว และเมื่อพวกเขามารวมตัวกันในห้องๆหนึ่ง บุรุษพยาบาลก็รีบเดินออกไปนอกห้อง จากนั้นตัวของเวียนก็มานั่งพักอย่างรวดเร็ว 

    “ไม่เป็นไรนะคะพี่เวียน??” ลาลินถามเวียนไป

    “พี่ไม่เป็นไรจ้ะ แค่นี้สบายอยู่แล้ว” เวียนพูดขึ้น จากนั้นเธอก็ดูเก็จค่าพลังจิตของเธอ ซึ่งสูงไปถึงราว 55 เปอร์เซ็นต์แล้ว ทำให้เธอต้องนั่งพักก่อน

    “โชคดีที่คุณเวียนใช้พลังจิตควบคุมมันได้ ว่าแต่เราจะเอายังไงต่อหล่ะ??” ฮารุถามไป

    “จะเอายังไงหล่ะ ก็ไปที่ห้องมันแล้วฆ่ามันสิ” อากิระพูดขึ้น

    “เย็นไว้ก่อนสิอากิระ เรามาแค่ส่งข้อความถึงมัน อย่าให้มันตายเร็วนักสิ!!” ลูโดวิกพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ตัวของลุ้นก็หลับตาแล้วทำสมาธิอะไรบางอย่าง จากนั้นเขาก็จั่วไพ่ของเขาออกมาอย่างรวดเร็ว

    “ALIVE!!”

    “ไพ่นี้บอกว่า คืนนี้จะต้องไม่มีคนตายเด็ดขาดครับ” ลุ้นพูดขึ้น

    “ห่ะ จะไม่มีคนตายงั้นเหรอ บ้าแล้ว??” โลร็องต์ถามไป

    “อาจจะเป็นไปได้ ปืนส่วนใหญ่ที่เราใช้เป็นปืนยาสลบนี่นะ เอาหล่ะ เราต้องรู้ให้ได้ว่าพวกมันอยู่ที่ชั้นไหน” นาวินพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นรอเดี๋ยวนะพี่!!” โลร็องต์พูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็ใช้พลังวิ่งไปที่ไหนซักแห่ง โดยที่ลูโดวิกก็วิ่งตามไปติดๆ ทำเอาพวกของนาวินถึงกับแปลกใจเล็กน้อย แต่ผ่านไปประมาณ 10 นาที พวกเขาก็เริ่มจะหวั่นใจเล็กน้อย

    “เอ๊ะ พี่เขาจะกลับมามั้ยคะ??” ลาลินถามไป และไม่นานนัก ทั้งคู่ก็รีบกลับมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกเขาก็ยืนหายใจโดยใส่เครื่องช่วยหายใจก่อน 

    “โอเค พวกมันอยู่ชั้น 24 ลิฟต์ใช้ได้ตัวเดียว และต้องใช้คีย์การ์ดนี้ด้วย” ลูโดวิกพูดขึ้น จากนั้นก็เอาคีย์การ์ดออกมาให้กับนาวินอย่างรวดเร็ว

    “แหม่ เฉียบขาดจริงๆพวกนายเนี่ย ไปจิ๊กมันมาเลย” ฮารุพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงจากวิทยุสื่อสารออกมาจากวิทยุของนาวิน นาวินก็รีบรับสายในทันที

    “พี่นาวิน ผมภาภิน ตอนนี้พวกตำรวจไปทำงานที่อื่นกันหมด บริเวณนั้นมีแต่บอดี้การ์ดของนายสิงห์ ส่วนโดรนอยู่ห่างจากโรงพยาบาล 10 นาทีครับ พี่สามารถเรียกให้มารับได้ครับ!!”

    “ดี ถ้ามีอะไรคืบหน้าก็บอกฉันแล้วกัน ไว้ฉันจะเรียกโดรนให้มารับ” นาวินพูดขึ้น

    “โอเค ที่เหลือก็แค่ลุยสินะ” ฮารุพูดขึ้น

    “ฉันอยากจะเห็นสภาพไอ้แสนตอนนี้มานานแล้ว” อากิระพูดขึ้นพลางกำหมัดไป และในตอนนั้น เวียนที่รู้สึกดีขึ้นก็ลุกขึ้นมาในทันที

    “ฉันพร้อมแล้วค่ะคุณวิน” เวียนบอกกับนาวินไป

    “ถ้าอย่างงั้นก็ลุยกันเลยครับ”

    ===================================================================

    พวกเขาบุกเข้าไปหาลูกนักการเมืองตัวต้นเหตุแล้ว แต่เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย

    https://ko-fi.com/shinobinon ถูกใจนิยาย อยากเลี้ยงกาแฟผม จัดเลย

    paypal.me/shinobinon paypal ของข้าพเจ้าเน้อ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×