ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Steel Dynasty - จักรวรรดิเหล็กยึดอำนาจ

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 5 : จู่โจม!!

    • อัปเดตล่าสุด 11 ม.ค. 63


    ทหารของนายพลไคตงฟงนับร้อยบุกเข้ามาเพื่อจับตัวผู้บุกรุกที่บุกเข้ามาในพื้นที่ของพวกเขา พวกนั้นใช้ปืนยาวในการโจมตี แต่ในตอนนั้นเองเสี่ยวเว่ยก็พังกล่องๆหนึ่ง ซึ่งด้านในกล่องมีปืนกลMG08 อยู่กระบอกหนึ่ง เสี่ยวเว่ยรีบแบกมาแล้วตั้งไว้แถวนั้นแล้วยิงสกัดทหารของนายพลไคตงฟงในทันที

    “โห ปืนไฟนี่ช่างร้ายกาจยิ่งนัก!!”จินฮัวพูดขึ้น

    “อย่ามัวแต่ตะลึงสิ รีบขนของขึ้นรถม้าเร็ว”

    เสี่ยวเว่ยพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็พยายามขนอาวุธบางส่วนขึ้นรถม้า โดยที่เกอโย่วและเฟิงเทียนเป็นคนที่คัดเลือกอาวุธพวกนั้น ในขณะที่โฮจินและหวังเจ่ยก็ช่วยยิงธนูสกัดพวกนั้นเอาไว้ด้วย

    “แย่หล่ะ กระสุนหมด ยิงคุ้มกันที!!” เสี่ยวเว่ยพูดขึ้น จากนั้นโฮจินและหวังเจ่ยก็ใช้พลังลมปราณยิงธนูนับร้อยดอกใส่ทหารของนายพลไคตงฟงจนพวกนั้นตายไปมากมาย

    “เฮ้อ ปืนไฟพวกแกมีดีแค่นี้เองเหรอ??”โฮจินพูดขึ้น

    “ระวังด้วยหล่ะ อย่าให้มันเข้าถึงตัวพวกเราได้” หวังเจ่ยพูดขึ้น

    “นี่เราขนมาพอหรือยังหล่ะเนี่ย??”โหลวฟางพูดขึ้นในขณะที่แบกกล่องอาวุธขึ้นรถม้า

    “เอามาอีกหน่อยท่านพี่ แล้วอาวุธปืนยาวของพวกมันก็ไม่ต้องเอามาเยอะหล่ะ!!”เกอโย่วพูดขึ้น

    “นี่ พี่เฟิงเทียน พี่จะเอาของพวกนี้ไปด้วยจริงๆเหรอ??”หลันฮวาถามไปในขณะที่เธอแบกกล่องกระสุนปืนครกมาด้วย

    “เอามาสิ ปืนครกรุ่นนี้ใช้งานได้ดีนักแล!!”เฟิงเทียนพูดขึ้น

    “พวกมันบุกมาขนาดนี้ ข้าจะไปสกัดพวกมันไว้ก่อน!!” ซื่อหงพูดขึ้น ในขณะที่เขาใช้ลมปราณพุ่งตัวเองเข้าหาข้าศึก จากนั้นเขาก็ซัดพวกมันด้วยเพลงมวยของเขา โดยที่เจาจวินก็กระโดดมาช่วยเขาด้วย

    “ซื่อหง เจ้าคนเดียวเอาไม่อยู่หรอก!!” เจาจวินพูดขึ้นจากนั้นก็ใช้โซ่รัดคอพวกมัน การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด จนกระทั่งเสี่ยวเว่ยใส่กระสุนจนเสร็จ

    “พวกเจ้า หลบเร็ว!!”

    เสี่ยวเว่ยบอกกับซื่อหงและเจาจวินจากนั้นก็ยิงสกัดพวกนั้นอย่างต่อเนื่อง

    “เราต้องไปจากที่นี่แล้ว เร็ว!!”จงซานพูดขึ้น

    “นั่นสิ ถ้าเจ้าอยู่ที่นี่เจ้าจะตายเอานะ” ซิ่วอิงพูดกับเสี่ยเว่ย

    “โอเค รีบไปจากที่นี่เร็วครับ!!”

    เสี่ยวเว่ยพูดขึ้นจากนั้นพวกเขาก็ไปขึ้นรถม้า จากนั้นพวกเขาก็ควบมันออกไปด้านนอก ในขณะที่ทหารของนายพลไคตงฟงพยายามจะยิงสกัด แต่สองหนุ่มนักธนูยิงสกัดพวกมันเอาไว้

    “พวกมันล้อมเราหมดแล้ว ฝ่ามันออกไปให้ได้!!”ฟานจงพูดขึ้น จากนั้นเองเสี่ยวหลงก็เป่าปากให้สัญญาณ จากนั้นเสือของเขาที่รออยู่ด้านนอกก็บุกเข้ามากัดกินทหารของนายพลไคตงฟงอย่างหิวกระหาย ทำเอาพวกนั้นถึงกับตกใจมาก

    “ฉลาดดีนี่หน่าเจ้าเนี่ย!!”มู่เฉินพูดขึ้น

    “รีบกลับมาหาข้าเร็ว!!”เสี่ยวหลงตะโกนบอกเสือตัวนั้น แต่ในขณะเดียวกัน ทหารของนายพลไคตงฟงคนหนึ่งก็ดันยิงปืนใส่ฟางจงเข้าที่กลางหลัง ทำเอาตัวเขาถึงกับตกรถม้า

    “ฟานจง ไม่นะ!!”

    ซื่อหงพูดขึ้นจากนั้นก็กระโดดลงไปช่วยเขา ในขณะที่เสี่ยวเว่ยก็พยายามจะช่วยยิงสกัดไว้ แต่ทหารของนายพลไคตงฟงนั้นมีมากมายเหลือเกิน ในตอนนั้นเองพวกเขาช่วยกันแบกร่างของฟานจงไปหลบที่ด้านหลังกระสอบทหารแถวนั้น แต่ทหารของนายพลไคตงฟงในตอนนั้นก็บุกเข้ามาเพื่อโอบล้อมพวกเขา และในขณะเดียวกัน นายพลไคตงฟงที่เพิ่งจะนอนกับเหมยฉีอย่างสบายอารมณ์ก็ถือปืนลุกขึ้นมาแล้วมาดูในสิ่งที่เกิดขึ้นในทันที

    “นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ใครมากวนใจข้า??”นายพลไคตงฟงถามอย่างสงสัย

    “รายงานครับท่าน พวกจอมยุทธ์บุกเข้ามาครับ!!” ทหารนายหนึ่งรายงานเขาไป

    “พวกจอมยุทธ์งั้นเหรอ ข้าอยากเห็นกับตาจริงๆ ว่าไหมชิงหยาง??”

    “นั่นสิพี่ ข้าอยากรู้ว่าพวกมันเก่งอย่างที่ร่ำลือหรือเปล่า” ชิงหยางพูดขึ้นจากนั้นเขาก็หยิบปืนกลMedsenของเขาขึ้นมาแล้วยิงไปยังกระสอบทรายที่พวกนั้นหลบอยู่

    “ท่านพี่ อย่ายิงเล่นแบบนั้นสิ ข้าหนวกหูจะตายอยู่แล้ว” ไคจินพูดขึ้น

    “ไคจินจ๊ะ ถ้าเจ้าไม่ชอบน้าจะพาเข้าไปนอนด้านในก็ได้นะ” เหมยฉีพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายมาจากด้านนอกอีกครั้ง ในตอนนั้นเองทหารของเขาก็ตะโกนเพื่อเตือนภัยพวกเขา

    “ข้าศึกบุก พวกจอมยุทธ์บุก!!”

    ในขณะเดียวกันนั้นเอง ลูกดอกธนูนับสิบก็ยิงใส่ทหารของนายพลไคตงฟง พวกเขาต้องรีบหาที่หลบกันให้วุ่นก่อนที่จะโดนลูกหลงไป

    “ฮุ่ยชิง จื่อวี่ เจียงเหวิน ไปสกัดพวกมันไว้ ทางนี้ข้าจัดการเอง!!”

    นายพลไคตงฟงสั่งพวกเขาทั้งสามคนไป จากนั้นพวกเขาก็สั่งให้ทหารไปตั้งแนวรับไว้ จากนั้นทหารก็ยิงตอบโต้ไปอย่างดุเดือด จนกระทั่งพวกนั้นก็ปาระเบิดควันใส่แนวรับ จากนั้นก็ค่อยๆบุกเข้ามาปะทะกับทหารของไคตงฟงในทันที

    “ทหาร ตั้งแนวรับไว้ อย่าให้พวกมันบุกมาได้” เจียงเหวินพูดขึ้น จากนั้นเขาก็พยายามยิงฝ่าหมอกควันที่ลอยคุ้ง และในตอนนั้นเองก็มีมีดบินลอยเข้ามาใส่เจียงเหวิน แต่เจียงเหวินหลบได้และยิงสวนจอมยุทธ์คนหนึ่งล้มลงไป

    “ทุกคน พวกมันไม่มีปืน ไม่ต้องกลัวมัน!!”จื่อวี่พูดขึ้น จากนั้นเธอก็ชักปืนพกไล่ยิงจอมยุทธ์พวกนั้นอย่างสนุกมือและอีกด้านหนึ่ง ฮุ่ยชิงเห็นชายร่างกำยำคนหนึ่งกำลังจับทหารของนายพลไคตงฟงทุ่มและฟาดทวนใส่พวกเขา เธอจึงใช้ระเบิดมือของเธอขว้างไปที่ชายคนนั้นในทันที

    “ตู้ม!!”

    ระเบิดลูกนั้นทำเอาชายคนนั้นถึงกับนอนชักดิ้นชักงอ ร่างกระจายไปคนละทิศละทาง

    “สู่สุขคติเถอะพวกแก!!”

    และในระหว่างที่มีการปะทะกันด้านหน้า พวกของเสี่ยวเว่ยก็พยายามจะช่วยฟานจงที่กำลังเสียเลือดอย่างหนัก ซิ่วอิงพยายามจะใช้พลังลมปราณรักษาเขาแต่ก็ดูเหมือนจะไม่ทันแล้ว

    “จินฮัว หลันฮวา รีบควบรถม้ากลับไป เราจะสกัดพวกมันเอง!!”โฮจินพูดกับเธอสองคน

    “ระวังตัวด้วยนะคะท่านพี่!!”จินฮัวพูดขึ้นจากนั้นเธอก็ไปขึ้นรถม้า ก่อนที่เธอจะไปเธอพยายามจะยิงธนูใส่นายพลไคตงฟง แต่นายพลไคตงฟงจับลูกธนูของเธอเอาไว้แล้วหักมันทิ้งอย่างง่ายดาย

    “ปะ..เป็นไปไม่ได้!!”จินฮัวคิดในใจ แต่เธอก็ต้องตั้งสติแล้วหนีไป ในตอนนั้นเองไคซุยริวเห็นหน้าเธอแล้วจึงหลงรักเธอขึ้นมาในทันที

    “ทหาร ส่งทหารม้าตามมันไป จับผู้หญิงคนนั้นเป็นๆหล่ะ” ซุยริวสั่งทหารของเขา จากนั้นทหารม้าของเขาก็ไล่ตามเธอไป แต่หวังเจ่ยกับโฮจินพยายามยิงสกัดพวกนั้นไว้

    “ฟานจง ทำใจดีๆไว้นะ!!”จงซานพูดขึ้นในขณะที่กอดร่างของฟานจิงไว้

    “พี่ ผมคงไม่รอดแล้ว ทิ้งผมไว้ที่นี่เถอะ!!”ฟานจิงพูดขึ้น

    “ใจเย็นๆนะ ตอนนี้พี่ซิ่วอิงกำลังช่วยนายอยู่” เกอโย่วพูดขึ้น

    “พวกมันยิงไม่หยุดเลย ทำยังไงดีหล่ะ??”ลี่หยวนพูดขึ้นในขณะที่พวกมันกำลังยิงกดพวกเขา แต่ในตอนนั้นเอง โหลงฟางก็หยิบกระสอบทหารอันหนึ่งของพวกมัน จากนั้นก็ขว้างไปยังพวกมันจนพวกมันกระเด็นไปคนละทาง

    “นี่ เจ้านั่นมันนายพลไคตงฟงหรือเปล่า??”เจาจวินพูดจากนั้นก็ชี้ไป

    “ใช่ มันนั่นแหละ!!”เสี่ยวเว่ยพูดขึ้น จากนั้นเธอก็กระโดดขึ้น จากนั้นเธอก็หยิบมีดบินสิบเล่มของเธอขึ้นมา ซึ่งนั่นคือวิชาสิบมีดสังหาร เธอขว้างมันออกไป มีดบินเหล่านั้นบินออกไปสังหารทหารของนายพลไคตงฟงตายไปนับสิบ จากนั้นมันก็เตรียมพุ่งเข้าหานายพลไคตงฟง แต่ในตอนนั้นเอง นายพลไคตงฟงก็ชักดาบของเขาออกมา จากนั้นก็ฟันมีดบินพวกนั้นไป จนมีดบินพวกนั้นถึงกับตกพื้นไปทั้งหมด

    “ปะ..เป็นไปไม่ได้!!”ต้าเฟิงเทียนพูดขึ้น

    “สิบมีดบินสังหาร ทำไมถึง..” ซิ่วอิงพูดอย่างสงสัย แต่ในขณะเดียวกัน มู่เฉินก็ซัดฝ่ามือลมปราณของเขาใส่ทหารไคตงฟงที่เข้ามาใกล้พวกเขา ลมปราณพวกนั้นกลายเป็นหมอกควันที่แทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย

    “ทุกคน!! รีบไปจากที่นี่ดีกว่า”

    มู่เฉินพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบหนีออกไปด้านนอก แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์อะไรบางอย่างที่กำลังไล่ตามพวกเขามาด้านหลัง

    “เสียงรถถัง ทุกคนรีบหนีเร็ว!!”

    เสียงรถถัง Renaultคันหนึ่ง เสี่ยวเว่ยได้ยินเสียงจึงรู้ว่ามันเป็นอะไร พวกเขาจึงรีบบอกให้ทุกคนรีบหนีออกไป รถถังRenault ไล่ตามและไล่ยิงพวกเขาอย่างไม่ปรานี

    “บ้าเอ้ย ไอ้บ้านั่นมันอะไรกันวะ??” เสี่ยวหลงถามอย่างแปลกใจ ในขณะที่รถถังคันนั้นยังคงไล่ตามพวกเขาไป แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง

    “ฟิ้ว!!”

    ชายสองคนที่ใช้ลมปราณเหาะมาหาพวกของเสี่ยวเว่ย พวกเขารวมพลังปราณความมืดและเพลิงรวมกัน จากนั้นก็ยิงมันผ่านกระบี่นั้นยิงใส่รถถังในทันที

    “ตู้ม!!”

    เสียงระเบิดของรถถังดังไปทั่ว พลขับรถถังรีบหนีออกมาเนื่องจากไฟลุกท่วมไปทั่วรถถัง และในขณะเดียวกันนั้นเอง ชายสองคนนั้นก็รีบไปหาพวกของเสี่ยวเว่ยในทันที

    “เป็นยังไงบ้างทุกคน??”

    “พี่หวังเหว่ย พี่หลานหยู พี่มาที่นี่ได้ยังไงกัน??”ซิ่วอิงถามอย่างแปลกใจ

    “ข้าตามรอยพวกเจ้ามา นี่พวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้ากำลังทำอะไรอยู่??”หลานหยูถามไป

    “เรามาสอดแนมพวกมันหน่ะครับ!!”เสี่ยวเว่ยพูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ฟานจิงก็สิ้นลมลงไปคาอ้อมอกของซื่อหง ทำเอาทุกคนในตอนนั้นถึงกับเสียใจกันอย่างมาก

    “เฮ้อ!!ฟานจิง เจ้าจะต้องไม่ตายเปล่าแน่ๆ” หวังเหว่ยพูดจากนั้นเขาก็ใช้มือของเขาปิดตาให้กับฟานจิง

    “รีบพาเขากลับไปกันดีกว่า!!”หลานหยูพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบหนีเข้าไปในป่าทันทีเพื่อหนีจากการตามล่าของทหารนายพลคตงฟง

     

    และอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ทหารของเจียงเหวินจัดการเด็ดหัวเหล่ากบฏจอมยุทธ์ที่บุกเข้ามาจนเหี้ยน ที่เหลือก็มีแต่เพียงซากศพของเหล่าผู้พลีชีพที่นอนเรียงรายกัน หลังจากนั้นไม่นาน นายพลไคตงฟงก็มาตรวจสอบความเสียหายแถวนั้นด้วยตัวเองในทันที

    “คนของเราเป็นยังไงบ้าง??”

    “ตาย 68 บาดเจ็บ 30 ครับท่าน”เจียงเหวินพูดขึ้น

    “ฉันเห็นจอมยุทธ์หญิงคนหนึ่ง มันโดดเด่นมาก สืบมาให้ฉันว่ามันเป็นใคร”เหมยฉีพูดขึ้น

    “ได้ค่ะ เรื่องนี้ฉันจัดการเอง”จื่อวี่พูดขึ้น

    “ท่านพ่อ แล้วศพพวกมันนี่จะเอายังไงครับ??”ซุยริวถามไป

    “เอาใส่เครื่องยิง แล้วยิงเข้าไปในเขตพวกมัน ประกาศให้รู้กันทั่วว่าพวกเรามาแล้ว!!”

    “แต่ว่า แบบนั้นไม่จะไม่โหดเกินไปเหรอท่านพ่อ??”ไคจินพูดขึ้น

    “ไม่ได้เกี่ยวกับนายเลย ไปนอนเถอะไป!!”ชิงหยางพูดขึ้นจากนั้นไคจินก็เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงเข้าเต้นท์ของเขาไป

    “ดูเหมือนว่าพวกจอมยุทธ์เริ่มจะไหวตัวแล้ว เราต้องดำเนินการอย่างรัดกุม”ฮุ่ยชิงพูดขึ้น

    “แน่นอน เตรียมเคลื่อนทหารเข้าประชิดชายแดนได้เลย ในอีก 2 วัน พรุ่งนี้ฉันจะเข้าเมือง ยังไงก็จัดการตรงนี้ด้วยหล่ะ!!”นายพลไคตงฟงพูดขึ้นจากนั้นก็ควงเหมยฉีกลับเข้าเต้นท์ของเขาไป

     

    กลับมายังเขตชายแดนของเว่ยตง ซึ่งเปรียบได้กับปากประตูทางเข้าดินแดนของพวกเขา ซึ่งอิงฮวาและศิษย์คนอื่นๆก็กำลังรอข่าวอย่างใจจดใจจ่ออยู่ที่นั่น

    “นี่ พวกเขาควรจะกลับมาได้แล้วนะ!!”อิงฮวาพูดขึ้น

    “ใจเย็นๆสิ พวกเขาไม่เป็นอะไรหรอก”กวนเทียนพูดขึ้น

    “แต่อาวุธของพวกมันร้ายกาจมาก ข้าว่าพวกเขาอาจจะทำลำบากอยู่ก็ได้ ข้าจะไปช่วยพวกเขาเอง!!”ฮุยจินพูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันนั้นเองเฟยอวี่ก็ห้ามเอาไว้ก่อน

    “ใจเย็น ถ้าเราทำแบบนั้นเราอาจจะตายกันหมดก็ได้”

    “นั่นสิ ข้าว่างานนี้อาจจะไม่ง่ายก็ได้”จางหลงพูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน จู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงรถม้าดังมาแต่ไกล ซึ่งดังเข้ามาทางพวกเขาเรื่อยๆ

    “ข้าว่าข้าได้ยินเสียงรถม้านะ”จูไค๋พูดขึ้น จากนั้นรถม้าคันนั้นก็ค่อยๆมาใกล้ๆพวกเขามากขึ้น เมื่อรถม้ามาถึง พวกเขาก็ถึงกับตกใจในทันที

    “นั่นหลันฮวานี่ จินฮัวด้วย!!”อิงฮวาชี้ไปยังรถม้าด้านนั้น ในขณะที่มีทหารนายพลไคตงฟงขี่ม้าตามเธอมาสองสามคน และมันพยายามจะยิงรถม้าให้หยุด แต่ในตอนนั้นเอง เฟยอวี่ก็ยิงธนูใส่มันพร้อมกันสามดอก ทำเอาพวกมันตกจากม้าตายในทันที จากนั้นฮุยจินก็หยุดรถม้าคันนั้นเอาไว้ก่อน เพื่อไม่ให้เตลิดไปมากว่านี้

    “กลับมาจนได้นะพวกเธอเนี่ย”ฮุยจินพูดขึ้น

    “ท่านพี่ ตอนนี้พวกเรากำลังแย่ พวกเขาสั่งให้พวกข้าเอาของพวกนี้หนีมาก่อน”จินฮัวพูดขึ้น

    “หือ ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนกันหล่ะ??”เฟยอวี่ถามอย่างสงสัย

    “ตอนนี้พวกเขากำลังหนีมา ไม่รู้จะหนีทันหรือเปล่านะ” หลันฮวาตอบไป

    “ตอนนี้คงต้องรอดูหน่ะค่ะ ว่าเหตุการณ์จะเป็นยังไง” กวนเทียนพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน จู่ๆก็มีรถม้าอีกคันหนึ่งเดินทางมาหาพวกเขา ซึ่งเมื่อรถม้าจอด คนในรถม้าก็ลงมาในทันที

    “อ่ะ คุณย่าเหออัน คุณนายจิงวู่มาทำอะไรเหรอคะ??”อิงฮวาถามไป

    “อ้อ ย่าเป็นห่วงเลยพาคนมาช่วยหน่ะจ้ะ”ย่าเหออันพูดขึ้น

    “เออนี่ ว่าแต่พวกเขายังไม่มาอีกเหรอ??”จิงวู่ถามไป

    “ยังเลยค่ะ คุณย่าคะ พวกเรามีอะไรจะบอกค่ะ”หลันฮวาพูดขึ้น

    “มีอะไรงั้นเหรอ ว่ามาสิ!!”

    “คุณย่าคะ ฟานจิงตายแล้วค่ะ!!”จินฮัวพูดขึ้น จนย่าเหออันถึงกับเข่าทรุดลงไปกับพื้นในทันที

    “ไม่จริง บอกสิว่ามันไม่จริง!!”จิงวู่พูดอย่างเกรี้ยวกราด แต่เหออันบอกให้เธอนิ่งไว้

    “ใจเย็นน่า เขาไปดีแล้ว อย่าพูดอะไรอีกเลย”ย่าเหออันพูดขึ้น

    “นายพลไคตงฟงต้องชดใช้แน่นอน ไม่ต้องห่วงครับ”ฝางหลินที่ตามมาด้วยก็พูดขึ้น

    “ถ้างั้น ขอให้เขาเอาศพฟานจิงมาให้ฉัน ฉันจะให้เขาได้ไปพบกับเง็กเซียนท่านเอง”เหออันพูดขึ้น

     

    และในช่วงใกล้รุ่ง หลังจากที่โทมารอฟหนีจากกลุ่มสุนัขปีศาจที่ตามล่าเขา เขาก็ขี่ม้ามาเรื่อยๆโดยไม่มีหยุดเนื่องจากว่ากลัวภัยจากป่าที่กำลังจะเข้ามาถึงตัวเขา แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง

    “พลั๊ก!!”

    จู่ๆก็มีอะไรลอยมาเข้าที่หน้าโทมารอฟ ทำเอาโทมารอฟตกจากม้าแล้วสลบไปในทันที

    “โอ๊ย อะไรวะเนี่ย??”โทมารอฟตื่นขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นเขาก็พบว่าตัวเขาเองอยู่ในห้องขังห้องหนึ่ง โดยที่ปรมาจารย์เจ๋ออี้และบรรดาศิษย์ของเขาที่รายล้อมอยู่มากมาย ทำเอาโทมารอฟถึงกับตกใจมาก

    “นี่ผมอยู่ที่ไหนเนี่ย??”โทมารอฟพูดเป็นภาษาจีนออกมา

    “ข้าต้องถามว่าเจ้าเป็นใครไอ้ฝรั่ง??”อึ๋งฉงพูดขึ้น

    “ตอนนี้เจ้าอยู่ที่สำนักของพวกข้า เจ้าบอกมาดีกว่าว่าเจ้าเป็นใคร??”นายหญิงหลี่ปิงพูดขึ้น

    “ข้าชื่อโทมารอฟ ข้าเป็นชาวรัสเซีย มีคนตามล่าข้าอยู่หน่ะ”

    “อืม พวกไหนตามล่าเจ้ากันอยู่หล่ะ??”เจ๋ออี้ถามไป

    “ข้าก็ไม่รู้ พวกมันเป็นพวกมีวรยุทธ์เหมือนพวกคุณ พวกมันส่วนใหญ่ใช้ขวานเป็นอาวุธกันหน่ะ”

    “ใช้ขวานงั้นเหรอ ในเขตนี้ไม่มีสำนักไหนใช้ขวานกันเลยนะ ถ้าเช่นนั้นก็อาจจะเป็นพวกต่างถิ่น แล้วเจ้ามาจากเมืองไหนกันหล่ะ??”เจ๋ออี้ถามไป

    “คือ ตอนนี้ข้ากำลังสืบสวนคดีหนึ่ง ซึ่งมีคนบุกมาทำลายชุมชนของข้า ข้าต้องสืบให้ได้ว่าใครเป็นตัวการ”

    “เจ้าอย่ามาปดพวกเราหน่อยเลย!!”อึ๋งฉงพูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันเจ๋ออี้ก็ห้ามเขาเอาไว้ก่อน

    “ใจเย็นสิ เรายังไม่รู้เลยว่าเขาพูดจริงหรือเปล่า เอาเป็นว่าเจ้าอยู่ที่นี่ไปก่อนก็แล้วกัน พวกเจ้าเฝ้าเขาให้ดีหล่ะ”

    เจ๋ออี้พูดขึ้น จากนั้นศิษย์สำนักกระบี่ก็พากันเฝ้าโทมารอฟที่นอนอยู่ในห้องขังไว้อย่างหนาแน่น โดยที่โทมารอฟก็ล้มตัวลงนอนไปเพราะความเหนื่อย

     

    และที่เขตหนึ่งในแม่น้ำเหลือง ชายแดนเว่ยตง ในระหว่างที่ทหารของนายพลจางกำลังนอนพักผ่อน ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ได้ยินเสียงปืนดังมาใกล้พวกเขา ทำเอาทหารของนายพลจางถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมาในทันที และในขณะเดียวกันนายพลจางก็เรียกเที่ยผิงมาคุยในทันที โดยที่ชิโนบุก็ตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย

    “เที่ยผิง นี่มันอะไรกัน เกิดอะไรขึ้น??”นายพลจางถามไป

    “ผมก็ไม่ทราบครับ ไม่รู้ว่ามีอะไรหรือเปล่า” เที่ยผิงพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ได้ยินเสียงคนตะโกนมาแต่ไกล

    “ข้าศึกบุก!!”

    “ท่านพ่อ เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ??”ชิโนบุถามไป

    “ข้าศึกบุกหน่ะ เจ้าไปหลบด้านในก่อนนะลีลี่”นายพลจางเรียกเธอด้วยชื่อจีนของเธอ

    “ไม่ ท่านพ่อ ข้ารบเป็นเหมือนกัน”

    “ข้าจะคุ้มกันคุณหนูเองครับ”เที่ยผิงพูดขึ้น

    “ก็ได้ ถ้าเช่นนั้นก็ส่งคนไปเสริมให้พวกเราถ้าไม่ไหวให้ถอยกลับมาที่เรือเลย”

    นายพลจางพูดขึ้น จากนั้นเที่ยผิงก็คว้าปืนกลMP18ของเขาแล้วบุกไปยิงข้าศึกที่บุกเข้ามา ซึ่งข้าศึกพวกนั้นขี่ม้าและใส่ชุดทหารโบราณ บงส่วนก็มีปืนมาด้วย พวกเขาช่วยกันยิงสกัดพวกนั้นเพื่อไม่ให้บุกเข้ามาด้านใน

    “ศัตรูไม่มีปืน พวกเราสู้มัน!!”

    เที่ยผิงพูดขึ้นจากนั้นก็ค่อยๆยิงปืนกลใส่พวกมัน แต่พวกมันก็ขี่ม้าไล่ฆ่าทหารของนายพลจาง บางส่วนก็เผาที่พักของพวกเขา ทำเอาทุกอย่างโกลาหลไปหมด ชิโนบุชักปืนพกยิงใส่พวกมัน แต่มันคนหนึ่งกำลังจะขี่ม้ามาฟันเธอ

    “คุณหนู!!”

    เที่ยผิงรีบวิ่งไปขว้างมันเอาไว้ ทำให้มันฟันโดนเข้าที่แขนเขา แต่เที่ยผิงยังประคองตัวแล้วยิงมันได้ด้วยปืนพกของเขาจนมันตกจากม้า

    “เที่ยผิง เป็นอะไรหรือเปล่า??”ชิโนบุพยายามประคองตัวเขาเอาไว้ และในขณะเดียวกัน กำลังเสริมของนายพลจางก็มาช่วยพวกเขา จากนั้นพวกเขาก็เริ่มการขับไล่พวกมันออกไปจากพื้นที่

    “ทำใจดีๆไว้นะ!!”ชิโนบุพูดขึ้น จากนั้นก็ค่อยๆพาเขาไปยังเต้นท์พยาบาลเพื่อรักษาเขา ทางด้านของนายพลจาง เขารีบสำรวจความเสียหายในทันที

    “พวกมันเป็นใครถึงมาโจมตีฉันเนี่ย??”นายพลจางถามอย่างสงสัย

    “น่าจะเป็นกลุ่มโจรแถวนี้ครับ แต่พวกมันไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลย”

    “รักษาทหารที่ชาดเจ็บ ส่งคนไปตรวจดูว่าพวกมันเป็นใคร!!”นายพลจางพูดขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด

     

    และอีกด้านหนึ่งของป่า ซึ่งทาร์เมอเลนกำลังวางแผนการอะไรบางอย่างร่วมกับเซย์ริวเพื่อตอบโต้กองทัพของพวกขุนศึกที่โจมตีพวกเขา ในขณะที่พวกเขาทั้งคู่กำลังนั่งคุยกัน จู่ๆทหารม้ามองโกลของเขาก็ขี่ม้ากลับมาที่ค่ายในป่าเว่ยตง แล้วรีบลงจากม้ามารายงานกับเขาในทันที

    “ท่านทาร์เมอเลนครับ พวกมันไหวตัวทันจึงสกัดพวกเราไว้ได้ครับ!!”

    “แสดงว่าพวกมันมีอาวุธที่ดีกว่าเราแน่ๆ”เซย์ริวออกความเห็นไป

    “อืม แล้วพวกเราเป็นยังไงกันบ้างหล่ะ??”ทาร์เมอเลนถามไป

    “คนของเราตายหมดทั้ง 35 คนครับ”

    “ไม่เป็นไร เราแค่ก่อกวนพวกมันไปก่อน พวกเรามีเป็นพัน แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก”ทาร์เมอเลนพูดขึ้น

    “แต่ว่า ถ้าเราไม่มีอาวุธที่ดีพอ เราจะสู้พวกมันได้เหรอ??”เซย์ริวออกความเห็นไป

    “เราจะโจมตีแบบกองโจร ทำทุกอย่างให้พวกมันลำบาก จนอยู่ไม่ได้ไปเอง”ทาร์เมอเลนพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นก็แล้วแต่นายเลยแล้วกัน”เซย์ริวพูดขึ้น

    “ส่งคนของเราไปจัดการก่อกวนพวกมัน วางยา วางเพลิง ตัดกำลังเสบียงพวกมัน อย่าให้พวกมันได้ตั้งตัว ว่าแต่ทัพใหญ่ของพวกมันอยู่ที่ไหนกันหล่ะ??”ทาร์เมอเลนถามไป

    “อยู่ทางใต้ของเว่ยตง พวกเขากำลังเคลื่อนพลมาประชิดชายแดนแล้วครับ”

    “ดี ให้พวกมันปะทะกับพวกเว่ยตงไปก่อน แล้วเราค่อยเล่นงานพวกมันซ้ำก็แล้วกัน”ทาร์เมอเลนพูดขึ้น

     

    กลับมายังเมืองหลัวจิง ช่วงเช้ามืดที่จื่อหลินและฮุ้ยซิ่วต้องมาเตรียมร้านของพวกเธอก่อนที่จะเปิดร้าน ซึ่งในขณะที่เธอกำลังเช็คเสบียงที่จะใช้ทำอาหาร จู่ๆมีคนเอาข้อความมาบอกกับฮุ้ยซิ่วที่กำลังยกผักเข้าไปด้านใน ฮุ้ยซิ่วได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้าไปในทันที

    “ฮุ้ยซิ่ว มีอะไรหรือเปล่า??”จื่อหลินถามอย่างสงสัย

    “ตอนนี้นายพลไคตงฟงกำลังจะเคลื่อนพลเข้าสู่ชายแดนเว่ยตงแล้ว”ฮุ้ยซิ่วพูดขึ้น

    “จริงเหรอ หวังว่าพวกจอมยุทธ์คงกำลังเตรียมตัวอยู่นะ”จื่อหลินพูดขึ้น

    “ฉันอยากกลับไปช่วยพวกเขาเหมือนกัน”

    “เธอก็ระวังไว้หน่อยแล้วกัน ตอนนี้พวกมันคงกำลังกวาดล้างอย่างหนักเลยหล่ะ”

    “ฉันรู้ แต่ฉันไม่ยอมให้พวกมันทำอะไรบ้านฉันหรอก”ฮุ้ยซิ่วพูดขึ้น

    “เดี๋ยวพวกเขาก็แก้ปัญหาได้เองหล่ะนะ เราไปเก็บของกันดีกว่า!!”

    จื่อหลินแบกแป้งเข้าไปในร้านของเธอ ในขณะเดียวกันเสี่ยวเอ้อก็เดินมาหาเธอในทันที

    “เจ๊จื่อหลิน ซาลาเปาทอดกับปาท่องโก๋กำลังจะหมดแล้ว”

    “นายก็ทำใหม่สิ ฉันสอนนายทำแล้วนะ”จื่อหลินตอบไป

    “เออ เจ๊จื่อหลิน นายพลไคตงฟงขอจองร้านของเราตอนเย็นหน่ะ!!”

    “หือ นายพลไคตงฟงอย่างงั้นเหรอ??” ฮุ้ยซิ่วพูดขึ้น

    “ถ้างั้นนายเตรียมชั้นบนสุดของร้านเอาไว้เลยแล้วกัน”

    “ได้ครับเจ๊!!”เสี่ยวเอ้อได้ยินดังนั้นจึงรีบเดินกลับไปหลังร้านในทันที

     

    กลับมายังตึกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นแหล่งกบดานของฟู่เถา เขารับคำสั่งของนายพลไคตงฟงเพื่อกำจัดเป้าหมายตามที่เขาสั่ง โดยที่เขามีหน้าที่เก็บกวาดงานที่เหลือไปด้วยเพิ่มเติม ในระหว่างที่ฟู่เถากำลังตื่นนอนขึ้นมา จู่ๆลูกน้องของเขาก็มารายงานอะไรบางอย่างกับเขาในทันที

    “ท่านครับ มีรายงานครับ!!”

    “เฮ้อ!!ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญหล่ะก็น่าดู”

    “ท่านนายพลไคตงฟงจะเดินทางมาที่เมือง พวกเขาจะมาที่ภัตตาคาร เราต้องเอาคนไปคุ้มกันเขาครับ”

    “บอกท่านนายพล ฉันจะส่งคนไปเอง!!”ฟู่เถาพูดขึ้น

    “อ่า ท่านครับ เขาให้เราจัดการหาคนงานเพื่อสร้างที่พักของนายพลไคตงฟงที่เขตนี้ด้วยครับ”

    “งั้นเหรอ??เดี๋ยวฉันจัดการอีกทีก็แล้วกัน นายไปจัดการตามนั้น”

    ลูกน้องของฟู่เถาก้มหัวให้จากนั้นเขาก็เดินออกไปจากห้องในทันที

     

    กลับมายังเขตกบดานของกลุ่มรัสเซียขาว หลังจากที่พวกเขาได้อาวุธบางส่วนจากนายพลไคตงฟงเรียบร้อย ในตอนนี้กองกำลังของพวกเขาก็เข้มแข็งยิ่งขึ้น อนาสตาเซียตื่นเช้าขึ้นมาโดยที่มีชายคนหนึ่งขี่ม้ามาส่งสาสน์ให้กับกาการิน องค์รักษ์ของอนาสตาเซียในทันที

    “มีสาสน์จากท่านไคชิงหยาง ท่านต้องการทูลเชิญองค์หญิงไปงานเลี้ยงด้วยกัน”เมื่อเขาพูดเสร็จ เขาก็รีบหันม้าออกไปแล้วควบกลับไปในทันที จากนั้นกาการินก็รีบไปหาอนาสตาเซียที่กำลังอยู่กับหลื่ออวี้ด้านในเต้นท์ของเธอ

    “องค์หญิง!!ท่านนายพลไคชิงหยางมูลเชิญองค์หญิงไปที่งานเลี้ยงของพวกเขาพะยะค่ะ”กาการินพูดกับองค์หญิงไป

    “งั้นเหรอ คุณป้าหลื่อวี้ ป้าคิดว่ายังไงคะ??”อนาสตาเซียถามไป

    “เขาไม่มีเจตนาร้ายกับองค์หญิง องค์หญิงจะว่าอย่างไรหล่ะ”
    “เขานัดข้าตอนไหนงั้นเหรอ??”

    “เย็นนี้ 1 ทุ่มพะยะค่ะ”กาการินตอบไป

    “ถ้าเช่นนั้น เราจะไปพบกับเขา ท่านกาการิน จัดคนคุ้มกันด้วย”

    “พะยะค่ะ!!”กาการินตอบไป จากนั้นตัวเขาก็รีบไปเกณฑ์กำลังคนในทันที

    “คุณป้า คุณป้าว่าดวงของข้าจะเป้นอย่างไรบ้างหล่ะ??”อนาสตาเซียถามไป

    “ดาวประจำตัวขององค์หญิงกำลังเปล่าแสง แต่เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับหัวใจขององค์หญิงด้วย ว่าองค์หญิงจะตกลงปลงใจกับเขาหรือเปล่า”หลื่อวี้ตอบไป

    “ข้าคงยังไม่ตกลงปลงใจกับเขาตอนนี้หรอก แต่ข้าคิดถึงครอบครัวของข้า”อนาสตาเซียพูดขึ้น

    “องค์หญิงพลัดพรากกับครอบครัวมานาน โศกนาฏกรรมใหญ่ที่มันทำให้พวกท่านต้องพรากจากกัน”หลื่อวี้พูดขึ้น

    “ข้าไม่รู้ว่าข้าควรจะทำอย่างไรต่อไปแล้วท่านป้า”อนาสตาเซียพูดด้วยอารมณ์เศร้าสร้อย

     

    และในช่วงเช้า ที่ค่ายของนายพลไคตงฟง ไคชิงหยางเตรียมความพร้อมในการเจอกับองค์หญิงอนาสตาเซียรอบที่สาม เขาถึงกับแต่งตัวอย่างดีเพื่อเป็นที่ดูดีสำหรับคนทั่วไป โดยที่ครอบครัวของพวกเขาก็คอยมาดูว่าเขาดำเนินการไปถึงไหนแล้ว

    “แหม่ หล่อมากเลยนะจ๊ะชิงหยาง!!” เหมยฉีพูดขึ้น

    “ต้องนิดนึงครับ ข้าจะได้เจอนางอีก คราวนี้ข้าต้องให้นางมาอยู่กับข้าให้ได้”ชิงหยางพูดขึ้น

    “ถึงขนาดต้องเอาอาวุธของข้าไปให้นางงั้นเหรอ ฮ่าๆๆ เจ้าจะสนับสนุนนางจริงเหรอ??”นายพลไคตงฟงถามไป

    “แต่ว่าที่ชิงหยางทำก็เป็นการดีนะครับ ในตอนนี้ทางราชวงศ์เก่า อังกฤษและอเมริกากำลังให้เงินสนับสนุนกลุ่มของนาง และถ้าเราออกตัวว่าเราช่วยเหลือนาง เราอาจจะได้เงินช่วยเหลือเพิ่มเติมก็ได้นะท่านพ่อ”

    “พี่ใหญ่พูดถูก ข้าคิดมาดีแล้วท่านพ่อ!!” ชิงหยางพูดเสริม

    “แล้วใครจะติดต่อกับพวกเขางั้นเหรอ??”ไคตงฟงถามไป

    “ก็ให้ตัวองค์หญิงติดต่อเองสิคะท่าน”เหมยฉีตอบไป

    “ดีมาก ถ้าอย่างงั้นก็ไปจัดการตามนั้นก็แล้วกันว่าแต่ไคจินไปไหนของเขานะ??”ไคตงฟงถามไปและในขณะเดียวกัน จื่อวี่และเจียงเหวินก็เดินเข้ามารายงานนายพลไคตงฟงในทันที

    “ท่านนายพลคะ ตอนนี้ฮุ้ยชิงกำลังเคลื่อนทัพไปใกล้เว่ยตงแล้วค่ะ!!”จื่อวี่รายงานไป

    “ดีมาก ว่าแต่ พวกเจ้าเตรียมคนคุ้มกันเราหรือยัง??”

    “เตรียมพร้อมแล้วครับท่าน เราได้ติดต่อกับฟู่เถาแล้วด้วย”เจียงเหวินพูดขึ้น

    “ท่านคะ มีรายงานมาจากนายพลจาง พวกเขาโดนซุ่มโจมตีค่ะ”จื่อวี่พูดขึ้น

    “ให้เราส่งกำลังเสริมไปให้พวกเขาดีหรือเปล่าครับ??”เจียงเหวินพูดขึ้น

    “เออ ส่งไปตามที่เห็นสมควรแล้วกัน ว่าแต่ พวกเจ้าเห็นไคจินหรือเปล่าหล่ะ??”นายพลไคถามพวกเขาไป

    “ข้าเห็นนายน้อยกำลังเลี้ยงหมาป่าอยู่แถวนั้นหน่ะครับ”เจียงเหวินพูดขึ้น

    “เอาเป็นว่า ข้าจะไปดำเนินการด่วนเลยนะคะ”จื่อวี่วันทยหัตถ์นายพลไคจากนั้นก็เดินออกไปทันที

     

    และที่ด้านนอก ไคจินซึ่งแบกเอาเนื้อมาถังใหญ่เดินมาริมชายป่า จากนั้นเขาก็ผิวปากเรียกอะไรบางอย่าง จากนั้นหมาป่าฝูงหนึ่งก็ออกมาหาเขาในทันที จากนั้นพวกนั้นก็เข้ามาใกล้ๆกับเขา

    “เอ้า ฉันเตรียมมาให้พวกแกเยอะเลยนะ!!”ไคจินพูดจากนั้นก็ป้อนเนื้อให้หมาป่าเหล่านั้น หมาป่าพวกนั้นดีใจและเล่นด้วยกับไคจินอย่างสนุกสนาน

    “นี่ๆ อย่าเลียกันแบบนี้สิ มันจั๊กจี้นะ!!”ไคจินพูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ขบวนของฮุ้ยชิงก็เคลื่อนผ่านเขาไป ในตอนนั้นเองไคจิงก็รีบวิ่งไปหาน้าฮุ้ยชิงในทันทีก่อนที่เธอจะไป ฮุ้ยชิงเห็นเขาจึงสั่งให้หยุดขบวนรถก่อนในทันที

    “น้าฮุ้ยชิงครับ น้าจะไปไหนครับ??”

    “ไคจินเหรอ น้าได้รับคำสั่งให้ไปชายแดนเว่ยตงหน่ะ”

    “เหรอครับ แล้วพ่อไม่ตามน้าไปเหรอครับ”ไคจินถามอย่างสงสัย

    “เฮ้อ พ่อเราคงไปทีหลังนั่นหล่ะ ยังไงเราอยู่ที่นี่ก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะ”

    “แต่ว่า พ่อน่าจะส่งคนไปสอดแนมก่อนนะครับ เราไม่รู้ว่าพวกนั้นมีกำลังคนเยอะแค่ไหน”

    “นั่นสินะ เอาเป็นว่าโชคดีนะไคจินหลานรัก!!”ฮุ้ยชิงกอดไคจินไว้ จากนั้นเธอก็ออกเดินทางไปแนวหน้าในทันที

     

    กลับมายังชายแดนเว่ยตง ซึ่งกลุ่มของอิงฮวาก็รอเพื่อนๆของเธออย่างใจจดใจจ่อ และในไม่กี่อึดใจ พวกเขาก็พากันลากสังขารกลับมาได้สำเร็จ ซึ่งพวกเขาดูจะเหนื่อยกันทั้งคืนสำหรับภารกิจนี้ โดยที่ซื่อหงก็แบกศพของศพของฟานจิงกลับมาด้วย เมื่อคุณย่าเหออันเห็นจึงร้องไห้ออกมาในทันที จิงหวู่ก็ร้องไห้ออกมาเหมือนกันเนื่องจากว่าลูกชายของเธอตายไปทั้งคน

    “ข้าเสียใจ ท่านแม่ ท่านย่า ข้าช่วยเขาไม่ได้!!”ซื่อหงพูดขึ้น

    “ข้ารู้พวกเจ้าทำดีที่สุดแล้วหล่ะ”ย่าเหออันพูดขึ้น

    “หลับให้สบายนะ ฟานจิงลูกแม่!!”จิงวู่เดินไปหาเขาและลูบหัวเขา

    “ข้าไม่ยอม งานนี้พวกมันต้องชดใช้”จงซานพูดขึ้น

    “พี่หลานหยู พี่ไปช่วยพวกเขาด้วยเหรอ??” กวนเทียนถามไป

    “ใช่ พวกเราก็เกือบไม่รอดเหมือนกัน”หลานหยูพูดขึ้น

    “พี่หวังเหว่ย พี่ซิ่วอิง พวกพี่เป็นยังไงกันบ้างหล่ะ??”อิงฮวาพูดขึ้น

    “เกือบไม่รอดหน่ะ แต่ฆ่าก็ฆ่าพวกมันได้เหมือนกัน”ซิ่วอิงพูดขึ้น

    “แล้วที่นี่เป็นยังไงบ้าง มีใครบุกมาหรือเปล่า??”หวังเหว่ยถามไป

    “มีพวกมันสองสามคนตามจินฮัวมา แต่ฆ่าสังหารมันไปแล้วหล่ะ” เฟยอวี่พูดขึ้น

    “ยังดีที่พวกเจ้าปลอดภัยนะจินฮัว”โฮจินพูดขึ้น

    “นั่นสิ แต่พวกมันก็แข็งแกร่งยิ่งนัก ข้าเพิ่งจะประจักษ์ก็วันนี้หล่ะ”หวังเจ่ยพูดขึ้น

    “ไม่เป็นไรหรอกท่านพี่ วันหน้ายังสู้ได้อยู่นะ”จินฮัวพูดขึ้น

    “ฟานจิงต้องมาตายเพราะข้า ข้าจะแก้แค้นให้เขาเอง”โหลวฟางพูดขึ้น

    “แต่อาวุธที่เราได้มาก็ใช่ว่าจะสู้กับพวกมันได้นะ”เกอโย่วพูดขึ้น

    “แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลยไม่ใช่เหรอ??”ลี่หยวนพูดขึ้น

    “ป่านนีไม่รู้พี่หงฝูคงจะเตรียมคำด่าอะไรรอเราอยู่เนี่ย”เฟิงเทียนพูดขึ้นอย่างกังวล

    “พี่หงฝูน่าจะเข้าใจพวกเรานะ”หลันฮวาพูดแย้งไป

    “ข้าแปลกใจยิ่งนัก ทำไมไอ้ขุนศึกนั่นถึงทำแบบนั้นได้ มันมีวรยุทธ์งั้นเหรอ??”เจาจวินพูดขึ้นอย่างแปลกใจ

    “หือ มันมีวรยุทธ์ด้วยเช่นนั้นเหรอ??”ฮุยจินถามไป

    “ถึงขนาดทำลายมีดบินของแม่นางได้ ข้าว่าเขาต้องไม่ธรรมดานะ” มู่เฉินพูดขึ้น

    “แต่ว่า นายพลไคตงฟงเขาเกลียดวรยุทธ์เข้าไส้เลยนะ แล้วเขาจะมีวรยุทธ์ได้ยังไง??”เสี่ยวเว่ยถามอย่างแปลกใจ

    “ข้าว่า เขาต้องมีความลับอะไรซ่อนเพิ่มเติมก็ได้”เสี่ยวหลงออกความเห็นไป แต่ในขณะเดียวกัน จู่ๆก็มีอะไรบางอย่างลอยมาใส่พวกเขา พวกเขาตกใจมากจึงถอยกลับมาก่อน แต่ดูเหมือนว่ามันไม่ใช่ลูกปืนใหญ่หรือของอันตรายอะไร แต่นั่นคือซากศพของบรรดาศิษย์แต่ละสำนักที่ถูกฆ่าเมื่อคืน พวกเขาเห็นดังนั้นจึงแปลกใจโกรธแค้นเป็นอย่างมาก

    “นั่นใช่แฮเตี๋ยนหรือเปล่า??”จูไค๋ชี้ไปที่ร่างของชายคนหนึ่งซึ่งร่างพรุนไปด้วยกระสุนมากมายหลายชนิด รวมถึงแผลจากดาบปลายปืนด้วย

    “ใช่ ทั้งหมดนี่คือพวกเราที่ออกไปลุยคืนนี้นี่หว่า”จางหลงพูดขึ้นพลางกำกระบี่แน่น

    “รีบพาพวกเขากลับไปดีกว่า แจ้งข่าวให้แต่ละสำนักมาเก็บศพศิษย์ของพวกเขาด้วย”เสี่ยวเว่ยพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบเดินทางกลับไปยังสำนักของพวกเขาในทันทีเพื่อพาศพของฟานจิงไปทำพิธีให้

    ===============================================================เเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า
    ขอคนละคอมเม้นท์ด้วยเน้อ
    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลผมด้วย!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×