คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 6 : เด็ดชีพท่านผู้นำ
เวลาตี 3.45
นาที ในคืนนี้เป็นคืนนี้เด็กวัยรุ่นหลายคนกำลังเมาเต็มที่กับปาร์ตี้ของพวกเขา
เด็กๆนอนหลับริมสนามหญ้าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งด้านหลังห้องน้ำ
นนท์และลินน์รีดก็บังเอิญตื่นขึ้นมาพร้อมกัน โดยที่ทั้งคู่จับมือกันไปด้วย ทั้งคู่รีบผละออกมาในทันทีเนื่องจากตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“นี่มันอะไรกันเนี่ย” ลินน์รีดถามนนท์อย่างตกใจ
“สงสัยเราคงเมาด้วยกันทั้งคู่หน่ะ” นนท์ตอบไป
“นี่ฉันเมาเหรอ ไม่น่าใช่นะ” ลินน์รีดรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ
จากนั้นก็บ้วนปากล้างหน้าไปหนึ่งที แล้วก็ออกมาหานนท์ในทันที
“นี่ นายทำอะไรฉันหรือเปล่าเมื่อคืน”
“ผมจะทำอะไรได้ ผมก็หลับเหมือนคุณนี่หล่ะ”
“เออใช่ อลาวดี้เป็นยังไงบ้างเนี่ย”
“อ้าว เป็นห่วงแฟนคุณอย่างงั้นเหรอ”
“เขาไม่ใช่แฟนฉันหรอก หมอนั่นเราเจอกันมาซักพักได้
เขาเหมือนหนีอะไรมาซักอย่างหน่ะ ได้ยินว่ามีคนตามตัวเขาด้วย”
“ใครอย่างงั้นเหรอ” นนท์ถามอย่างสงสัย
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน
เอาเป็นว่าเดี๋ยวค่อยเจอกันนะ”
ลินน์รีดเดินออกไปจากที่นั่น ปล่อยให้นนท์งงๆไปซักพัก
จากนั้นเขาก็เดินตามออกไป
ลินน์รีดเดินไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาเจอกับอลาวดี้และดันเต้ที่นอนเมาหลับอยู่หน้างาน
ลินน์รีดปลุกทั้งคู่ในทันที
“เฮ้ย พวกนาย จะนอนกันตรงนี้จริงๆเหรอ”
“รีด เธอหายไปไหนมาเนี่ย ไปหลับที่ไหนมา” อลาวดี้ถามไป
“ก็แถวๆนี้แหละ รีบกลับหอพวกนายดีกว่า” ลินน์รีดพูดขึ้น
“เอ้า ว่าแต่นายนนท์เนี่ยหายไปไหนแล้วหล่ะ” ดันเต้ถามไป
“เขาก็กลับไปแล้วแหละ นายจะทำไมหล่ะ” ลินน์รีดถามไป
“ก็เห็นช่วงนี้เธอตัวติดกับหมอนั่นนี่หน่า” ดันเต้พูดขึ้น
“นี่ ถ้านายเมานักก็ไปนอนก่อนไป” ลินน์รีดพูดขึ้น
“แหม่ พูดนิดหน่อยนี่ไม่ได้เลยนะเนี่ย” อลาวดี้พูดเสริม
“นี่ๆๆ อย่าทำเป็นรู้ดีน่า รีบไปนอนเถอะ” ลินน์รีดพูดขึ้น จากนั้นทั้งคู่ก็แบกสังขารกันไปที่หอพักของพวกเขา
“เอ้ยนี่ พรุ่งนี้หยุดนี่หว่า ไปเที่ยวกันเปล่า” อลาวดี้พูดขึ้น
“หยุดตั้งสามวันนี่หว่า แบบนี้ไปเที่ยวยาวๆเลยนี่” ดันเต้พูดขึ้น
“นี่ เรามีงานต้องทำกันนะ พวกนายไม่รู้เหรอ” ลินน์รีดพูดขึ้น
“อ้อๆ ว่าแต่คุณย่าออลเรียสเป็นยังไงบ้างเนี่ย” ดันเต้ถามไป
“นั่นดิ หวังว่าคุณย่าจะหนีไปได้นะ” อลาวดี้พูดขึ้น
“ไม่ต้องห่วง ป่านนี้พวกเราพาหนีไปไหนแล้วหล่ะ” ลินน์รีดตอบไป
“ว่าแต่ งานของเรานี่จะเอายังไงต่อหล่ะ” อลาวดี้ถามลินน์รีด
“รอเบื้องบนมีคำสั่งลงมาก่อนก็แล้วกัน” ลินน์รีดตอบไป
“ก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้พักด้วย” ดันเต้พูดขึ้นและช่วยแบกอลาวดี้กลับไปยังห้องพักของเขา
ทางด้านของนนท์
เขารีบวิ่งไปยังหอพักหญิงเพื่อไปดูซานะ
ซึ่งในตอนนั้นเองหอพักก็เปิดให้เนื่องจากว่าเด็กหญิงต้องกลับมาจากปาร์ตี้ดึกๆดื่นๆ
นนท์วิ่งไปแล้วเจอกับยามคนหนึ่งกำลังเฝ้าอยู่ ยามหญิงคนนั้นเดินมาหานนท์ในทันทีเมื่อเขามาด้านหน้าหอพักหญิง
“นี่เธอ ห้ามเข้าหอพักหญิงนะ”
“อ่า ผมอยากรู้ว่า
ผู้หญิงที่ชื่อซานะอยู่หรือเปล่าครับ”
“อ้อ คุณซานะเหรอ เธอหลับไปแล้วหล่ะที่ห้อง”
“อ่า แล้วผู้ชายอ้วนๆที่มากับเธอหล่ะครับ”
“อ้อ เขามาส่งแล้วหล่ะ
แล้วก็นอนอยู่ตรงนั้นยังไงหล่ะ” ยามหญิงคนนั้นชี้ไปยังฟรองเกอร์ที่กำลังนอนไม่ได้สติอยู่ด้านหน้า
นนท์ไปตบหน้าเขาจนเขาตื่นมาอย่างตกใจในทันที
“เอ้ย เอ้ย อะไรกันวะเนี่ย”
“ฟรองเกอร์ นี่ฉันเองเว้ย” นนท์ตอบกลับไป
“อ้าว นนท์เหรอ ฉันมาส่งซานะเขาหน่ะ
แต่ยามพาเธอเข้าห้องไปแล้ว”
“เออ ฉันรู้ ยังไงก็ขอบใจมากก็แล้วกัน”
“เออๆ แล้วนายหายไปไหนของนายกันหล่ะ” ฟรองเกอร์ถามนนท์ไป
“อ้อ ฉันก็หลับแถวๆนั้นไปหน่ะ”
“เออ ฉันว่ากลับขึ้นห้องกันดีกว่าหว่ะ”
“เอาดิ กำลังรอนายอยู่พอดีเลยเนี่ย”
นนท์แบกฟรองเกอร์ขึ้นมา
พวกเขาพากันกลับไปยังหอพักชาย จากนั้นพวกเขาก็กดลิฟท์ไปที่ชั้น 15
หลังจากนั้นก็เปิดประตูห้องเข้าไปในทันที
ฟรองเกอร์เมื่อได้เข้าห้องก็รีบบึ้งไปที่เตียงในทันที
“เฮ้ยนนท์ ฉันนอนก่อนนะ ฝันดีนะพวก”
ฟรองเกอร์ล้มตัวลงบนชั้นล่างของเตียง
ส่วนนนท์ก็แบกสังขารขึ้นไปนอนต่อ เนื่องจากว่าเขาเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว
ณ
ซอยลับแห่งหนึ่ง
โซลกำลังซุกหัวนอนอยู่ในห้องลับห้องหนึ่งซึ่งเขากำลังหลบหนีจากการตามล่าของตำรวจ
ใจขณะที่เขากำลังนอนหลับ จู่ๆก็มีคนเดินมาแถวนั้น
โซลตื่นขึ้นมาในทันทีเนื่องจากว่าได้ยินเสียง
เขาเตรียมมีดพกของเขาเพื่อเล่นงานคนที่บุกเข้ามา โซลเห็นตัวชายคนนั้นจึงกระชากตัวเขาเข้ามาด้านในทันที
“เฮ้ย โซล นั่นนายใช่หรือเปล่า”
“ใช่ แกมันทรยศ”
“ไม่ใช่นะ ฉันกำลังจะเอาเงินมาให้นาย
แล้วกำลังจะพานายหนีหน่ะ”
“มีใครตามคุณมาหรือเปล่า” โซลถามไป
“ไม่มี ฉันมาคนเดียว
ฉันรู้ว่านายกำลังโดนตามตัวอยู่”
“งานของคุณเกือบทำผมตายหน่ะ
แล้วตำรวจพวกนั้นมาได้ยังไงกัน”
“ผมก็ไม่รู้ ตำรวจท้องถิ่นไม่เกี่ยวกับผมนี่”
“งั้นเหรอ
ถ้างั้นพวกคุณต้องไปส่งผมที่เขตเป็นกลางแล้วหล่ะ”
“แน่นอน เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง
รับรองว่าเรื่องเงียบแน่ๆ”
เขาพยายามพูดกับโซล
“แล้วคุณยามาดะว่ายังไงหล่ะ”
“เชาบอกให้นายหนีไปซักพักก่อนหน่ะ”
“แล้วงานนี้จะเอายังไงต่อหล่ะ” โซลถามไป
“ฉันจะพานายไปส่งเอง ตามฉันไปขึ้นรถสิ”
ชายคนนั้นนำทางโซลออกไปยังรถคันหนึ่งที่จอดรออยู่ด้านนอก
เขาเปิดประตูหลังให้โซลขึ้น จากนั้นเขาก็รีบขับรถออกจากแคลิฟอร์เนียในทันที
เช้าวันต่อมา
07.00 ที่ศูนย์บัญชาการหน่วย SS มิชิแกน
หลังจากที่แองเจลล่าพักผ่อนเสร็จ
เธอก็เตรียมเดินเข้าไปยังศูนย์บัญชาการที่นายพลสติฟท์กำลังรอเธออยู่
แองเจลล่าเข้าไปในห้องทันทีหลังจากที่เธอมาถึงศูนย์บัญชาการ
“สวัสดีแองเจลล่า อยากเจอคุณอยู่พอดีเลย” นายพลสติฟท์พูดขึ้น
“ค่ะท่าน ดิฉันก็อยากเจอท่านพอดีค่ะ”
“อืม ตอนนี้งานของเราต้องเร่งรีบมากขึ้น
ตอนนี้ทางเบอร์ลินก็ขอให้ผมส่งรายงานเกี่ยวกับกลุ่มกบฏทุกเช้าเลย
เมื่อเช้าพวกเขาก็ส่งมาทีหนึ่ง ผมไม่รู้จะตอบเขายังไงดีเนี่ย”
“ฉันว่า ดิฉันมีวิธีแก้ปัญหาแล้วหล่ะ”
“หือ จริงเหรอ คุณจะทำยังไงหล่ะ”
“เราจะปิดพรมแดนค่ะ”
“เราเคยลองแล้ว พวกมันเล็ดลอดมาได้อยู่ดี”
“ไม่ค่ะ ดิฉันบอกว่าเราจะควรจะสร้างกำแพงค่ะ”
“กำแพงงั้นเหรอ” นายพลสติฟท์ถามอย่างตกใจ
“ใช่ค่ะ ที่พวกมันเข้าออกที่นี่ได้อย่างง่ายดาย
เพราะชายแดนของเราไม่มีการป้องกันที่ดีพอ ทำให้พวกมันเข้าออกได้อย่างง่ายดาย
เราจะทำกำแพงเป็นแนวยาวเพื่อป้องกันพวกมัน
จากนั้นเราก็ค่อยๆปล่อยให้พวกนั้นโดนตัดขาดจากโลกภายนอกค่ะ”
“แล้วเรื่องงบประมาณหล่ะ แรงงานของเราด้วย”
“เรื่องนี้ดิฉันคงต้องหวังเพิ่งท่านค่ะ
ถ้างานนี้ท่านช่วย งานคงสำเร็จค่ะ”
“อืม ผมจะพิจารณาก็แล้วกัน งานนี้คงต้องฝากคุณช่วยดำเนินการแล้วหล่ะ”
“ยินดีค่ะท่าน”
“เออนี่ แล้วอีกอย่างนะ
อย่าพยายามพูดเรื่องนี้ให้ใครฟัง ผมสงสัยว่าจะมีหนอนบ่อนไส้ในหน่วยของเรา
พยายามพูดกับคนที่ไว้ใจได้อ่ะนะ”
“รับทราบค่ะท่าน”
แองเจลล่าทำความเคารพนายพลสติฟท์
จากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องไปในทันที
และอีกด้านหนึ่ง
ที่มั่นของกลุ่มต่อต้านในเขตชายแดนมิชิแกน
ไวเวิร์นกำลังวางแผนที่จะโจมตีขบวนรถทหารที่ลาดตระเวนแถวชายแดน
โดยที่ในตอนนั้นโบซอลและเจนนี่ก็มาประชุมด้วย
พวกเขาเรียกคนของเขาทุกนมาคุยกันถึงแผนการในครั้งนี้
“นี่ทุกคน
ฉันได้ข่าวว่างานนี้เย็นนี้หน่วยลาดตระเวนจะพกอาวุธดีมาด้วย อย่างปืนไรเฟิล STG รุ่นใหม่และระเบิดอีกหลายชนิดเลยหล่ะ
อาวุธของพวกเขามากพอที่จะให้คนของเราทุกคนเลยด้วย”
“แต่ไวเวิร์น ถ้าพวกมันมีเยอะขนาดนั้น
คนของเราจะไม่พอนะ” โบซอลค้านไป
“ใช่ๆ ไม่รู้ว่าพวกนั้นจะดักเล่นงานอะไรเราด้วยหน่ะสิ” เจนนี่พูดขึ้น
“เราจะใช้แผนให้พวกมันเข้ามายังเขตนี้
ซึ่งเราทำกับดักเอาไว้หมดแล้ว เมื่อพวกมันเข้ามา
รถหุ้มเกราะของมันจะติดล่ม จากนั้นเราก็จะนำกำลังโอบล้อมพวกมัน
แล้วเล่นงานพวกมันให้หมดเลย” ไวเวิร์นพูดแล้วชี้ลงบนแผนที่ของเขาไปด้วย
“แต่ไวเวิร์น
งานนี้เราต้องทำให้เร็วและเสียหายน้อยที่สุดนะ
คนของเราก็ตายไปมากจากการโจมตีครั้งที่แล้วด้วย” โบซอลพูดกับเขา
“เพราะแบบนี้ฉันถึงต้องเพิ่งนายยังไงหล่ะ
ให้โอบล้อมด้านหลังพวกมัน”
ไวเวิร์นพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้นก็คงต้องเล่นแบบสายฟ้าแลบหล่ะค่ะ” เจนนี่พูดขึ้น
“สายข่าวของเราแน่นอนหรือเปล่าเนี่ย” โบซอลถามไป
“แน่นอน เขาไว้ใจได้ ฉันรับรอง” ไวเวิร์นพูดขึ้น
“แล้วแผนการถอนกำลังของเราหล่ะคะ” เจนนี่ถามไป
“เราจะใช้คนของเราแบกอาวุธเข้ามาในเขตของเราเหมือนเดิม” ไวเวิร์นพูดขึ้น
“งั้นเหรอ ก็ดีนะ งั้นก็จัดการตามนี้ก็แล้วกัน” เจนนี่พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง
มีลูกน้องของไวเวิร์นคนหนึ่งวิ่งมาหาเขาพร้อมกับกระซิบข้างหูเขา
“มีอะไรหรือเปล่าพวก” โบซอลถามไวเวิร์น
“มีข่าวว่าฮิตเลอร์กำลังเดินทางเข้าเมืองแล้ว” ไวเวิร์นพูดขึ้น
“ฉันว่า ป่านนี้คนของพ่อฉันคงไปดักรอแล้วหล่ะ” เจนนี่พูดกับโบซอล
“งานนี้ถ้าฮิตเลอร์ตาย ได้วุ่นวายกันใหญ่แน่ๆ” ไวเวิร์นพูดขึ้น
“แล้วจะรู้ได้ไงว่าไม่เหลวเหมือนเคย” โบซอลพูดอย่างเซงๆ
“เอาน่า ฉันเชื่อว่างานนี้พวกเขาทำได้แน่” เจนนี่พูดขึ้น
“ฮิตเลอร์รอดตายมาได้หลายครั้ง
ไม่รู้ว่ามีอะไรดีนะ แต่ช่างมันเถอะ เรามาสนใจเรื่องที่เราจะทำกันก่อนดีกว่า”
หลังจากที่พวกเขาได้มอบหมายภารกิจกันเสร็จ
พวกเขาก็แยกย้ายกันไปเตรียมอาวุธยุทธปัจจัยอื่นๆ
เพื่อใช้สำหรับจู่โจมขบวนลาดตระเวนของพวก SS ที่กำลังใกล้เข้ามา
ณ เบลารุสเซีย
เวลา 09.00 พวกของเรซนอร์ฟได้ข่าวว่าขบวนของฮิตเลอร์กำลังเดินทางมายังถนนที่พวกเขาดักอยู่
บนถนนกรุงมินส์มีแต่ประชาชนที่มาคอยต้อนรับและดูฮิตเลอร์ที่กำลังยืนโบกมืออยู่ในรถโฟล์คที่มีกำลังคุ้มกันอย่างแน่นหนา
โดยหน่วย SS พร้อมอาวุธเต็มอัตราศึก
เอลซาร์วินด์กำลังสังเกตการณ์อย่างใจเย็น จากนั้นเขาก็รายงานกับเรซนอร์ฟในทันที
“ท่านผู้นำอยู่ในรถคันกลางครับ
คนอื่นๆอยู่ด้านหลังขบวน พวก SS อารักขาเต็มอัตราศึกเลยครับ” เอลซาร์วินด์รายงานเรซนอร์ฟไป
“โอเค เรามีโอกาสแค่นัดเดียวเท่านั้น ห้ามพลาด
เมื่อพวกเขาจัดการเสร็จ รีบหนีไปตามแผนในทันที เข้าใจแล้วนะ ไปได้”
เรซนอร์ฟสั่งลูกน้องของเขาทุกคน
จากนั้นพวกเขาก็ไปประจำการยังจุดต่างๆ เพื่อไล่เก็บลูกน้องของฮิตเลอร์ที่ติดตามเขา
“งานนี้ประชาชนมากันเยอะมากเลยนะ” ฮิตเลอร์พูดกับบอร์มัน ลูกน้องของเขา
“นั่นสิครับ พวกเขารักท่านผู้นำนะครับ” บอร์มันตอบไป แต่เมื่อขบวนรถของฮิตเลอร์มาถึงจุดลงมือ
เรซนอร์ฟก็เล็งปืนไปยังฮิตเลอร์ในทันที แต่จู่ๆ ทหาร SS คนหนึ่งที่ถือกล้องส่องทางไกลก็ส่องมาเจอเรซนอร์ฟพอดี
เขาจึงเป่านกหวีดเป็นสัญญาณเตือน
“ปรี๊ด!!”
เรซนอร์ฟตกใจจนทำปืนลั่นใส่
แต่กระสุนก็ถูกร่างของฮิตเลอร์เข้าอย่างจังๆ
เรซนอร์ฟที่เป็นคนยิงเองก็ยังตกใจเหมือนกัน
“กระสุนโดนร่างของฮิตเลอร์จังๆ
งานดีมากครับหัวหน้า” เอลซาร์วินด์ตอบเรซนอร์ฟไปทางวอ
“ผม.. แต่ช่างเถอะ รีบหนีกันเถอะ”
พวกเขารีบเก็บอาวุธและหนีลงทางหนีไฟ
แต่ข้างนอกจู่ๆก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นมา ทำเอาทหาร SS ที่อารักขาฮิตเลอร์ตายไปมากมาย ทำเอาเรซนอร์ฟถึงกับตกใจมาก
“โห นี่หัวหน้ามีระเบิดเล่นงานพวกมันด้วยงั้นเหรอ” เอลซาร์วินด์ถามเรซนอร์ฟ
“เปล่านะ
ผมว่าไม่ใช่มีแค่พวกเราที่จะเก็บฮิตเลอร์เหมือนกัน แต่ช่างมันเถอะ
เราไปจากที่นี่กันเถอะ”
พวกเขารีบลงจากตึก
โดยยิงปะทะกับทหาร SS ไปด้วย พวกมันพยายามจะปิดล้อมตึก แต่เรซนอร์ฟและเอลซาร์วินด์ก็ยิงฝ่าพวกมันออกไปได้
“แล้วนี่ดาโกวิชรออยู่ที่ไหนหล่ะเนี่ย” เรซนอร์ฟถามไป
“คงอยู่ทางนั้นหน่ะครับ”
เอลซาร์วินด์พาเรซนอร์ฟไปยังรถของดาโกวิชที่จอดรออยู่
โดยที่ดาโกวิชสตาร์ทรถรอพวกเขาอยู่แล้ว
“รีบขึ้นมาเลยครับหัวหน้า”
ทั้งคู่ขึ้นรถจิ๊บของดาโกวิชไป
จากนั้นพวกเขาก็ขับออกไปจากพื้นที่ แต่รถหุ้มเกราะและรถไล่ล่าของหน่วย SS ก็ไล่ตามพวกเขาอย่างหวุดหวิด
ดาโกวิชขับรถหนีไปซ้ายทีขวาที โดยที่รถของพวก SS ยังตามจี้พวกเขาไม่หยุด
“เอลซาร์วินด์ ใช้ระเบิดสกัดมันสิ”
เอลซาร์วินด์หยิบระเบิดไดนาไมท์ลูกใหญ่ขึ้นมาจากรถแล้วจุดไฟ
จากนั้นเขาก็โยนมันออกไปที่ถนน
“ตู้ม!!”
ระเบิดลูกนั้นทำลายรถไล่ล่าของพวก
SS แต่จู่ๆเฮลิคอปเตอร์ของพวกนาซีก็พยายามไล่ตามพวกเขาอยู่
แต่เมื่อพวกเขามาถึงริมแม่น้ำ จู่ๆก็มีจรวดลูกหนึ่งยิงใส่เฮลิคอปเตอร์จนตกลงพื้น
เสียงระเบิดดังไปทั่ว
“คุณมิคาอิลส่งผมมาครับ เชิญทางนี้ครับ”
ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นไต๋กงเรือพูดขึ้น
จากนั้นพวกเขาทั้งสามคนก็รีบไปขึ้นเรือแล้วออกเดินทางในทันที
กลับยังโรงแรมที่พักของมิคาอิล
ในระหว่างที่เขากำลังดื่มกาแฟในตอนเช้า จู่ๆก็มีคนมาเคาะประตูที่หน้าห้องของเขา มิคาอิลเปิดห้องรับชายคนนั้นในทันที
จากนั้นชายคนนั้นก็เดินเข้ามาในห้องทันที
“คุณมิคาอิลครับ มีข่าวด่วนครับ”
“มีอะไรหล่ะ ว่ามาสิ” มิคาอิลรอฟังข่าวอย่างใจเย็น
“มีการลอบสังหารฮิตเลอร์ที่เบลารุสครับ”
“จริงเหรอ ผลเป็นยังไงบ้างหล่ะ”
“ฮิตเลอร์ถูกยิงเข้าที่กลางอกจังๆเลยครับ”
“ไม่รู้ว่างานนี้จะรอดหรือเปล่านะ” มิคาอิลถามอย่างกังวล
“แต่ปืนที่ใช้ยิงเป็นรุ่น PTRS รุ่นใหม่เลยนะครับ ผมว่าไม่ตายก็พิการหล่ะ” ชายคนนั้นบอกมิคาอิล
“แต่ท่านผู้นำก็รอดมาได้ทุกครั้งเลยนี่หน่า” มิคาอิลพูดขึ้น
“นั่นสิครับ แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้
โลกได้วุ่นวายแน่ๆครับ”
“ฉันรู้ แต่งานนี้ใครจะรับมือได้หล่ะ”
“ผมว่า
งานนี้ญี่ปุ่นคงเตรียมโจมตีเยอรมันไว้แล้วหล่ะครับ”
“นั่นสิ ถ้าเกิดสงครามที่นี่คงเละเป็นจุลแน่ๆ”
“แล้วกองกำลังของเราจะรับมือได้อย่างงั้นเหรอครับ” ลูกน้องของมิคาอิลถามไป
“พอมีวิธีอยู่ ให้พวกมันรบกันให้ตาย
แล้วเราจะจัดการอีกทีนึง”
“วิธีเข้าท่านะครับผม”
“โอเค ตอนนี้ก็รอฟังข่าวเพิ่มเติมดีกว่า
ว่าท่านผู้นำตายหรือยัง”
“ได้ครับ”
กลับมายังโอเอซิสแห่งหนึ่ง
แหล่งกบดานของออร์ลินด้า เธอกำลังรอฟังข่าวการลอบสังหารฮิตเลอร์ในเบลารุสเซีย
ซึ่งรอข่าวจากลูกน้องของเธอที่แฝงตัวอยู่ที่นั่น บาโธรี่ได้รับสัญญาณอะไรบางอย่าง
เธอจึงรีบกลั่นกรองข้อมูลเป็นรหัสมอสออกมา
จากนั้นเธอก็ใช้แปลข้อความออกมาเป็นภาษาอังกฤษ แล้วเอาไปให้กับออร์ลินด้าในทันที
“คุณออร์ลินด้าคะ มีข่าวจากเบลารุสแล้วค่ะ”
“อ่า ว่ายังไงบ้างหล่ะ”
“ค่ะ ฮิตเลอร์ถูกยิงเข้ากลางหน้าอก อาการสาหัส อีกไม่นานคงจะออกข่าวค่ะ”
“จริงเหรอ แล้วมีอะไรต่ออีกมั้ยหล่ะ”
“พวกเราทำการวางระเบิดรอบขบวน ทหาร SS ตายไปกว่า 20 คน
รวมถึงมาร์ติน บอร์มัน โจเซฟ เกิบเบลล์ และคนในรัฐบาลนาซีด้วยค่ะ
ได้ยินว่าฮิมม์เลอร์ถูกระเบิดตายคาที่ด้วยค่ะ”
“ห่ะ นี่ระดับสูงตายเยอะขนาดนี้เลยเหรอ”
“นี่คือรายงานจากคนของเราที่แฝงตัวอยู่ที่นั่นค่ะ”
“ถ้าเป็นเรื่องจริง ใครจะมาขึ้นรับตำแหน่งแทนหล่ะ”
“ฉันก็ไม่ทราบค่ะ อาจจะรอมเมลก็ได้นะคะ”
“ท่านรอมเมลเหรอ ฉันว่าไม่น่าจะใช่นะ”
“แล้วคุณออร์ลินด้าคิดว่าจะเป็นใครคะ” บาโธรี่ถามไป
“ฉันก็กำลังรอดูอยู่เหมือนกัน”
“แบบนี้ทางญี่ปุ่นคงเตรียมทำสงครามกับพวกมันแน่ๆเลยค่ะ” บาโธรี่ออกความเห็น
“ตอนนี้กองทัพนาซีกำลังแข็งแกร่งอยู่
อาจจะไม่มีการปะทะกันตรงๆก็ได้”
“อ้อค่ะ แล้วเราจะเอายังไงต่อดีหล่ะคะ”
“ส่งกำลังของเราไปช่วยทางเขตชายแดน
เติมเชื้อไฟสงครามให้เร็วขึ้นสิ”
“ได้ค่ะ ตอนนี้เราพยายามติดต่อกับกลุ่มต่อต้านในพื้นที่อยู่ค่ะ”
“อืม ยังไงก็บอกคนของเราให้เตรียมพร้อมก็แล้วกัน”
“ได้ค่ะ”
บาโธรี่เดินออกจากห้องไป
จากนั้นเธอก็ไปติดตามช่าวจากเบลารุสเซียเพิ่มเติมเพื่อประเมินสถานการณ์ขึ้นในทันที
ณ
บริษัทอาคะสึกิ คอปเปอร์เรชั่น อาคะสึกิกำลังตรวจเอกสารงานของเธออยู่ในห้อง
จู่ๆก็มีโทรศัพท์ลับสายหนึ่งโทรเข้ามาหาเธอ
ประจวบกับเลขาของเธอเข้ามาในห้องของเธอในทันที อาคะสึกิรับสายโทรศัพท์ในทันที
“ฮัลโหล”
“ห่ะ จริงเหรอ
ยังไงก็ติดตามสถานการณ์ให้ฉันด้วยก็แล้วกัน”
อาคะสึกิพูดแค่นั้นจากนั้นก็วางสายไป
ทำเอาเลขาถึงกับสงสัย
“คุณอาคะสึกิคะ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“อ่า มีข่าวลือมาหน่ะ”
“เรื่องอะไรงั้นเหรอคะ”
“เรื่องการลอบสังหารท่านผู้นำฮิตเลอร์หน่ะ”
“จริงเหรอคะ แต่สุดท้ายก็คงล้มเหลวตามเคยหน่ะค่ะ”
“ก็ว่างั้น รอดูข่าวต่อไปก่อนดีกว่า” อาคะสึกิพูดขึ้น
“ว่าแต่ คุณอาคะสึกิคะ
รบกวนดูเอกสารตัวนี้ให้หน่อยค่ะ”
อาคะสึกิรับเอกสารมา
จากนั้นเธอก็ตรวจสอบในทันที
“นี่ยอดสั่งซื้อเยอะขนาดนี้เลยงั้นเหรอ”
“ใช่ค่ะ มีการติดต่อมาจากหลายที่ด้วยค่ะ
ท่าทางกำไรไตรมาสนี้จะดีขึ้นนะคะ”
“สงสัยมันคงใกล้จะเกิดขึ้นแล้วสินะ” อาคะสึกิเอามือเท้าคางตัวเองเอาไว้แล้วคิดไปมา
“เรื่องอะไรเหรอคะ” เลขาของเธอถามอย่างแปลกใจ
“ช่างมันเถอะ” อาคะสึกิเซ็นเอกสารตัวนั้นในทันที
จากนั้นก็ให้เลขาไปจัดการงานที่เหลือของเธอต่อ
กลับมาทะเลชายฝั่งแห่งหนึ่งในเขตอเมริกากลาง
หลังจากที่นาโอมิเคลื่อนกองเรือของเธอไปยังเม็กซิโกเพื่อปราบกลุ่มกบฏ
เธอส่องกล้องเพื่อตรวจสอบเส้นทางในการเดินทาง แต่ในระหว่างนั้นเอง จู่ๆก็มีสัญญาณเตือนดังมาจากเรืออีกลำหนึ่ง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย” นาโอมิถามลูกน้องของเธอไป
“มีเรือไม่ทราบสัญชาติลอยลำเข้ามาใกล้เราครับ” ทหารของเธอตอบไป
“งั้นเหรอ ติดต่อเรือลำนั้น
ถามพวกเขาไม่ติดต่อกลับมา ให้จมเรือได้เลย”
นาโอมิรีบไปยังห้องวิทยุ
ซึ่งในตอนนั้นเองลูกน้องของเธอกำลังพูดเป็นภาษาอังกฤษกับเรือลำนั้น
“นี่คือข้อความจากกองเรือราชนาวีญี่ปุ่น
เราจะจมเรือของพวกคุณ หากคุณไม่ตอบกลับมา”
เรือลำหนึ่งยังคงหยุดนิ่ง
แต่จู่ๆก็มีปืนใหญ่กระบอกหนึ่งของเรือลำนั้นยิงใส่กองเรือของนาโอมิ
แล้วพยายามจะหันหัวเรือหนีออกไปอีก นาโอมิจึงตัดสินใจจมเรือลำนั้นในทันที
“นำเรือดำน้ำไปล้อมมันเอาไว้ อย่าให้มันหนีไปได้”
เรือดำน้ำของนาโอมิแล่นตามมันไป
พวกเขาบีบเรือลำนั้นไม่ให้หลบหลีกไปทางซ้ายหรือขวาได้
และปืนของเรือลำอื่นๆก็เตรียมยิงไปยังเรือไม่ทราบสัญชาติลำนั้นแล้ว
“ระดมยิงได้เลย”
ปืนทุกกระบอกยิงใส่เรือสินค้าลำนั้น
ลูกปืนโดนเข้าที่ข้างกราบเรือและด้านในเรือ แต่เรือลำนั้นยังคงแล่นต่อไปได้
แล้วเรือลำนั้นกำลังจะหนีไปยังน่านน้ำสากล
“รีบจมมันก่อนที่มันจะหนีไปได้”
เรือดำน้ำลำหนึ่งหันหัวไปยังเรือลำนั้น
จากนั้นก็ยิงตอร์ปิโดใส่ทางด้านกราบขวาของเรือ ตอร์ปิโดลูกนั้นโดยเข้าอย่างจัง ทำให้เกิดช่องโหว่ในเรือ
และเรือลำนั้นก็ค่อยๆจมลงสู่ก้นมหาสมุทรอย่างช้าๆ
“เราจมเรือศัตรูได้เรียบร้อยแล้วครับ”
“มีใครบาดเจ็บหรือเปล่า
แล้วมีใครรอดชีวิตหรือเปล่า” นาโอมิถามไป
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ
จะให้ผมส่งเรือกู้ชีพไปตรวจสอบหรือเปล่าครับ”
“ส่งไป ถ้าเจอใครรอด จับมาให้ฉัน ฉันจะสอบสวนเอง”
นาโอมิส่งเรือกู้ชีพไปตามหาผู้รอดชีวิตที่ซากเรือลำนั้น
แต่ก็ไม่พบความเคลื่อนไหวใดๆเลย ซักพักเรือกู้ชีพก็ส่งสัญญาณกลับมา
“คุณนาโอมิครับ ไม่มีสัญญาณผู้รอดชีวิตครับ”
“งั้นเหรอ ถ้าอย่างงั้นกลับมา
พวกมันต้องการอะไรกันแน่นะ”
กลับมายังสวิสเซอร์แลนด์
เช้าวันต่อมาที่มาเรียน่าต้องมาทำงานแต่เช้า
เมื่อเธอขับรถเข้ามาในตึกที่ทำงานของเธอ จู่ๆก็มีพนักงานลูกน้องของเธอวิ่งตามหาเธอ
เมื่อมาเรียน่าลงจากรถ เธอรีบวิ่งไปหามาเรียน่าในทันที
“คุณมาเรียน่าคะ เกิดเรื่องแล้วค่ะ”
“เกิดเรื่องในห้องทดลองงั้นเหรอ”
“ไม่ใช่ค่ะ คุณพ่อของคุณค่ะ”
“ห่ะ มีอะไร เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
“มีการลอบสังหารท่านผู้นำ
คุณพ่อคุณโดนระเบิดลูกหลงไปด้วยหน่ะค่ะ”
“ห่ะ คุณพ่อเป็นยังไงบ้าง บอกฉันมานะ”
“พ่อคุณไม่เป็นไรค่ะ แต่กำลังรอสายคุณค่ะ”
มาเรียน่าวิ่งตามลูกน้องของเธอไปยังห้องโทรศัพท์ในทันทีเพื่อถามอาการพ่อของเธอ
“มาเรียน่า นี่พ่อเองนะ”
“พ่อคะ ไม่เป็นไรนะคะ”
“ไม่เป็นไรลูก แค่เจ็บนิดหน่อย
แต่ท่านบอร์มันและฮิมม์เลอร์เสียชีวิตแล้วหล่ะ”
“แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ
ท่านผู้นำเป็นยังไงบ้างคะ”
“ตอนนี้หมอดูอาการอยู่ แต่โดนแบบนั้นพ่อว่า…”
“ช่างมันเถอะค่ะพ่อ พ่อปลอดภัยก็ดีแล้วค่ะ
แล้วหนูจะกลับไปเยี่ยมนะคะ”
ณ
อพาร์ทเม้นท์ชั่วคราวแห่งหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย หลังจากที่กลุ่มต่อต้านพาคุณย่าออลเรียสหนีออกมาจากบ้านพักชั่วคราวได้
พวกเขาได้เก็บตัวเงียบจากพวกญี่ปุ่นที่กำลังออกตามล่าพวกเขา และในขณะเดียวกัน นี่ก็ใกล้จะเย็นแล้ว
พวกเขารีบหาเสบียงอาหารเพิ่มเติมเพื่อประทังชีวิต และจู่ๆ
ดันเต้ก็วิ่งมาบอกกับทุกคนที่อยู่ในกลุ่มให้มาดูโทรทัศน์ที่ด้านบน
“คุณย่า ทุกคน รีบมาดูนี่เร็วครับ”
“หือ มีอะไรอย่างงั้นเหรอ” ออลเรียสถึงกับตกใจ และเมื่อพวกเขาเห็นข่าวจากทีวีช่องหนึ่ง
“สวัสดีครับ ขณะนี้เรารายงานสดจากเบลารุสเซีย
เมื่อครู่ได้มีกลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวนพยายามก่อวินาศกรรมที่กรุงมินส์ ในขณะที่ท่านผู้นำของเรากำลังไปพบปะกับประชาชนชาวมินส์
แต่ท่านผู้นำก็ถูกยิงเข้าที่กลางอก ขณะนี้เรากำลังไล่ล่ากลุ่มมือสังหารอย่างไม่ลดละ…”
“ไม่รู้ว่าท่านผู้นำจะม่องเท่งหรือเปล่านะเนี่ย” ดันเต้พูดขึ้น
“มันเกิดขึ้นจนได้สินะ” ออลเรียสพูดขึ้นอย่างใจเย็น
“ห่ะ นี่คุณย่าหมายความว่า??”
“ใช่แล้วหล่ะ รีบไปบอกลินน์รีดกับอลาวดี้เขาดีกว่า”
และที่มหาวิทยาลัย
ในตอนนั้นเองนนท์กำลังนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนของเขาอยู่
จู่ๆฟรองเกอร์ก็รีบวิ่งมาหานนท์ในทันที
“เฮ้ยนนท์ รีบลงมาข้างล่างเร็ว”
“มีอะไรงั้นเหรอ”
“มาดูข่าวนี้สิ”
ฟรองเกอร์รีบพานนท์ลงมาชั้นล่างสุด
ซึ่งเป็นห้องรวมใช้สำหรับดูทีวี ซึ่งในข่าวก็กำลังพูดถึงเรื่องการลอบสังหารท่านผู้นำอยู่
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย”
“มีการลอบสังหารฮิตเลอร์หน่ะสิพวก”
นนท์พยายามนั่งฟังอยู่ซักพัก
จู่ๆก็มีข่าวแทรกเข้ามาอีกหนึ่งข่าว นักข่าวได้ฟังถึงกับอึ้งและทำอะไรไม่ถูก
ได้แต่พูดออกไป
“ท่านผู้ชมครับ ในขณะนี้ได้มีการยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่า
ท่านผู้นำฮิตเลอร์ ได้เสียชีวิตลงแล้วครับ”
คนที่ฟังข่าวอยู่ถึงกับพูดอะไรไม่ถูก
บางคนที่มาจากเยอรมันถึงกับร้องไห้ออกมา บรรยากาศในห้องนั้นดูราวกับว่ามันไม่มีชีวิตชีวาเอาเสียเลย
=================================================================================
ท่านผู้นำฮิตเลอร์ถูกลอบสังหารแล้ว ว่าแต่ใครจะมาเป็นผู้นำแทนเขา เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ
อยากลองถามดูหน่อยนะ พวกคุณคิดว่าถ้าเกิดฮิตเลอร์ตายแล้ว ใครจะขึ้นมาแทนเขาครับ
ความคิดเห็น