ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Descendant War - สมรภูมิปิตุฆาต

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 5 : สงครามกลางเมืองปะทุ

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.ย. 61


    คนของเอลิซ่าเตรียมพร้อมสำหรับการป้องกันคฤหาสน์ ในขณะที่นอร์ดิกไปปลุกไซโซและเคจาที่กำลังนอนขี้เซาอยู่

    นอร์ดิก : ตื่นเร็วครับพี่ เราต้องไปจากที่นี่แล้ว

    ไซโซ : จะรีบไปไหน ที่นี่กำลังน่านอนอยู่พอดีเลยนะ

    นอร์ดิก : มีกลุ่มกบฏมาล้อมที่นี่ครับ พวกเราต้องหนีแล้ว

    เคจา : ห่ะ จริงเหรอ แล้วทำไมมันถึงจะมาเล่นงานพวกเราหล่ะ

    อาบาตู : นั้นสิครับคุณหนู พวกมันไม่น่าเกี่ยวกับเรา

    นอร์ดิก : ผผมสังหรณ์ใจว่าเนโรอาจจะส่งคนมาตามล่าผม แล้วไปเป่าหูคนแถวนี้ครับ

    เคจา : ไม่ได้การหล่ะ ต้องรีบไปจากที่นี่เลย ไซโซ นายไปเตรียมรถม้านะ

    ไซโซ : แล้วเสบียงกับอาวุธของเราหล่ะ ไม่เอาไปด้วยเหรอ

    อาบาตู : กระผมเอาเก็บไว้บนรถม้าแล้วขอรับ รีบไปกันดีกว่าครับ

    พวกเขารีบเตรียมของที่จำเป็นขึ้นรถม้า เพื่อที่จะหนีออกไปจากที่นี่ ในตอนนั้นเอง เอลิซ่าก็ทำคนของเธอไปป้องกันกลุ่มกบฏพวกนั้นไว้ ตอนนี้พวกของเมเทอร์กับเฟรยอาก็ไปห้ามศึกด้วย

    ส่งตัวมันมาให้เราเดี๋ยวนี้นะเฟ้ย

    เมเทอร์ : พวกแกพูดเรื่องอะไรวะ ถ้าไม่อยากตายก็ออกไปจากที่นี่ซะ

    เลออน : พวกแกกล้ามากที่มาแหยมที่นี่นะเฟ้ย จะเอาอะไรกันวะ

    ส่งตัวไอ้เด็กคนนั้นมาให้เรา เราจะเอาตัวมันไปให้ท่านเนโร

    เฟรยอา : เด็กคนไหนของแก ที่นี่ไม่มีเด็กอะไรทั้งนั้นเฟ้ย

    แมทธิว : ใช่ ออกไปจากที่นี่ดีกว่า จะได้ไม่ต้องมีใครตาย

    ท่านนายพลเนโรยอมจ่ายเงินให้พวกเรา แลกกับตัวไอ้เด็กนั้น

    เอเทอร์ : ห่ะ นี่พวกแก ไอ้คนทรยศแผ่นดิน พวกแกทำแบบนี้ได้ไง

    เอลิซ่า : ฉันไม่ยอมให้แกได้ตัวเขาไปหรอก ไอ้คนหนักแผ่นดิน ยอมขายได้แม้บ้านเกิดตัวเองเพื่อเศษเงิน

    ถ้าแกไม่ส่งตัวมันมา เราจะบุกเข้าไปนะเว้ย

    มาร์ธิว : ถ้าพวกแกแน่จริงก็เข้ามาสิ เข้ามาพร้อมกันให้หมดเลย

    แต่ระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายกำลังเผชิญหน้ากัน อยู่ดีๆรถม้าของนอร์ดิกก็พุ่งเข้าไปชนกลุ่มของกบฏจนแตกกระเจิงไปคนละทาง ทำเอาพวกมันหัวเสียไปข้าง และในตอนนั้นเอง นอร์ดิกก็โผล่หัวออกมาจากรถม้า

    นอร์ดิก : ถ้าพวกแกอยากได้ตัวฉัน ก็ตามมาจับฉันสิ จะไปยุ่งกับพวกเขาทำไม

    เอ้ย มันอยู่นั้น พวกเรา จับมันแต่ในตอนนั้นเอง มีคนโยนระเบิดมาจากหอคอยแถวนั้น ทำเอาพวกมันแตกกระเจิง นั้นคือฝีมือของโอลลี่นั้นเอง แต่พวกมันก็ไม่ยอมลดละ ขี่ม้าตามนอร์ดิกไป

    โอลลี่ : ดื้อด้านจริงๆไอ้พวกนี้

    เอลิซ่า : พวกเรา ฆ่ามันให้หมด อย่าให้มันจับตัวเขาได้

    จากนั้นก็เกิดการตะลุมบอน คนของเอลิซ่ายิงปะทะกับกลุ่มกบฏ ในขณะที่รถม้าของนอร์ดิกก็กำลังหนีจากพวกมัน

     

    ที่ค่ายของนายพลเนโร แถบชายแดนมอร็อค นายพลเนโรได้แต่นั่งดื่มฉลองกับชัยชนะของตัวเอง ที่มีเหนือกองทัพมอร็อค นายพลเนโรดื่มจนเมายับ คูเปอร์ถึงกับต้องคอยหามเขาออกไปนอนที่เต้นท์

    คูเปอร์ : ท่านครับ ท่านเมามากแล้วนะครับผม

    เนโร : ปล่อยฉัน ฉันยังไม่เมา ยังสบายๆ

    คูเปอร์ : เฮ้อ ท่านนายพล เมาทีไรเป็นแบบนี้ทุกที

    และในตอนนั้นเอง เป็นโซรอนที่บัญชาการแทนนายพลเนโรไปชั่วคราว โซรอนได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจากนายพลเรือท่านหนึ่งแห่งราชนาวีสหรัฐ เนื้อความมีอยู่ว่า ขอบคุณสำหรับทาสที่ส่งมาให้เราและในตอนนั้นเอง มีทหารนายหนึ่งเข้ามารายงานข่าวกับโซรอน

    ท่านครับ มีข่าวจากแนวชายแดนครับ ทหารของเราโดนกลุ่มโจรโจมตีครับ

    โซรอน : แค่พวกโจรกระจอกน่า ส่งทหารไปตามล่ามันสิ

    จะให้ส่งไปกี่นายดีครับ

    โซรอน : ส่งไปเท่าไหร่ก็ได้ ค้นมันให้หมดทั่วป่าเลย แค่นี้หล่ะ // จากนั้นเอง โซรอนก็กลับไปยังเต้นท์ของเขา โดยที่มีผู้หญิงคนหนึ่งใช้ผ้าปิดหน้าปกปิดไว้ โซรอนรู้เลยว่าเป็นใครจึงไปทำการปลดผ้าออกทันที

    ซึ่งผู้หญิงคนนั้นก็คือ วิเวียนนั้นเอง ใช่แล้ว ทั้งคู่แอบเป็นชู้กันตั้งแต่เจอกันใหม่ๆ เนื่องจากนายพลเนโรเป็นหมันและเริ่มจะหมดสมรรถภาพ โซรอนจึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับเธอ

    โซรอน : คุณตัวหอมจังเลยนะ

    วิเวียน : แหม่ จริงๆเลยนะคุณเนี่ย ถ้ามีใครรู้ว่าฉันมาฉันตายแน่

    โซรอน : ก็ไม่แน่นะ อีกไม่นานหลายคนก็จะรู้เองหล่ะ // โซรอนปิดเต้นท์จากนั้นก็ดับไฟเต้นท์ของเขา

     

    ที่ชายแดนป่าของมอร็อค สามทหารเสือที่ต้องทำงานร่วมกัน สกาย อาร์มเมอร์และเอ็ดเวิร์ด พวกเขาสามคนต้องลาดตระเวนที่ชายแดนเพื่อเคลียร์ความเรียบร้อย ระหว่างนั้นเอง ทั้งสามคนก็คุยกันเกี่ยวกับเรื่องของพวกเขาเอง

    สกาย : นี่ อาร์มเมอร์ นายมาจากรูดิว ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้หล่ะ

    อาร์มเมอร์ : ทำไงได้หล่ะ ฉันมันแค่ทหารที่แพ้ศึก แล้วนายหล่ะ

    สกาย : ฉันอยู่ที่โซราบอลมาตั้งแต่เกิดแล้ว แล้วนายหล่ะเอ็ดเวิร์ด

    เอ็ดเวิร์ด : ฉันเหรอ ฉันมาจากเกาะวอลล์พีหน่ะ รู้จักหรือเปล่า

    อาร์มเมอร์ : ห่ะ จริงเหรอ เผ่าไหนหล่ะ ดูท่าทางนายไม่น่าจะเป็นชนพื้นเมืองนะ

    เอ็ดเวิร์ด : แม่ฉันพาฉันไปอยู่ที่นั่นตั้งแต่เด็กๆหน่ะ

    สกาย : โห ไปซะไกลเลย แต่ท่าทางนายคงจะสุขสบายที่นั่นนะ // แต่ในขณะนั้นเอง พวกเขาก็ถูกลอบยิงโดยโจรป่า พวกมันยิงธนูและปืนไฟกระหน่ำใส่กองพลของพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังหาที่หลบกันได้แล้วเตรียมตอบโต้พวกมัน

    สกาย : มีใครเห็นพวกมันบ้างไหม // อาร์มเมอร์เล็งปืนใส่ไปยังบนต้นไม้ จากนั้นก็ส่องเข้าไปหนึ่งนัด

    อาร์มเมอร์ : พวกนายอยากแสดงฝีมือบ้างหรือเปล่าหล่ะ // สกายยิงบ้างคราวนี้จัดการพวกที่อยู่บนต้นไม้ไปสองศพ ทำให้พวกมันตกลงมาจากต้นไม้

    สกาย : เจ๋งไปเลยนี่หว่า นายจะเอายังไงต่อเอ็ดเวิร์ด // เอ็ดเวิร์ดวิ่งเข้าไปในป่า จากนั้นก็ค่อยๆเก็บพวกมันทีละตัว สกายกับอาร์เมอร์ก็ช่วยยิงประสานกันได้เป็นอย่างดี ทำให้พวกมันตายไปเรื่อยๆ และเริ่มจะถอนกำลังหนีเข้าป่าไป

    เอ็ดเวิร์ด : รีบถอยกลับดีกว่า ถ้าตามมันไปมันอาจจะเล่นงานเราก็ได้

    อาร์มเมอร์ : เห็นด้วย ตอนนี้เรารีบกลับฐานของพวกเราดีกว่า

    สกาย : อย่าลืมให้ทีมแพทย์พาทหารที่บาดเจ็บของเรากลับไปด้วยหล่ะ

    และที่แคว้นบาส์ก ตอนนั้นเองนายพลนอร์ทกำลังเตรียมระดมทัพส่วนหนึ่งที่เกณฑ์มาจากโซราบอล บาส์กและรูดิว ได้ราว 1 แสนนาย เตรียมข้ามพรมแดนบาส์กไปยังฟิลล์บอน เขาเตรียมสัมภาระสำหรับการเดินทางบนทะเลทหารไปด้วย

    สการ์เล็ต : พ่อคะ ตอนนี้ทหารของเราราวแสนนายเตรียมพร้อมแล้วค่ะ

    นอร์ท : ดีมาก พรุ่งนี้ตอนเช้าเดินทัพเข้าฟิลล์บอนทันที

    สการ์เล็ต : ว่าแต่ ท่านพ่อจะไปฟิลล์บอนทำไมเหรอคะ มีแต่ทะเลทรายทั้งนั้น

    นอร์ท : ลูกไม่รู้อะไรเลยสินะ // นายพลนอร์ทหยิบหลอดๆหนึ่งที่เขาพกมาให้สการ์เล็ตดู

    นอร์ท : เห็นสิ่งที่อยู่ในมือพ่อมั้ย อีกไม่นานมันจะเป็นสิ่งล้ำค่าในยุคใหม่

    สการ์เล็ต : น้ำมันเหรอคะ

    นอร์ท : ใช่แล้ว น้ำมันที่พ่อถือ ต่อไปมันจะเป็นสิ่งล้ำค่า เตรียมทหารบุกเข้าไปได้เลย

    กองทัพของนอร์ทเตรียมพร้อมเดินทัพเข้าสู่ฟิลล์บอนทันทีเพื่อทรัพยากรอันล้ำค่า

     

    กลับมายังแคว้นรูดิว ค่ายในป่าชายแดนมอร็อคและรูดิว อราชเพิ่งจะกลับไปยังที่พักของเขา ในตอนนั้นเองเขาเอาดอกไม้ไปวางไว้บนหลุมศพของพ่อเขาด้วย ซึ่งพ่อของเขาเคยเป็นทหารเอกแห่งรูดิว แต่เมื่อถูกรุกราน เขาก็ต้องหนีเข้าป่าเพื่อทำการต่อต้าน ระหว่างที่กำลังทำความเคารพศพ หัวหน้าค่ายก็เดินตามเข้ามาทันที

    ว่าไงอราช มาเยี่ยมพ่อของนายสินะ

    อราช : พ่อผมเขาไปสบายดีแล้ว แต่ยังไงท่านก็ยังอยู่ในใจผม

    ฉันก็คิดถึงวันที่ฉันร่วมรบกับพ่อนายเลยนะ

    อราช : ถ้าผมเกิดทันผมอาจจะได้เห็นก็ได้นะ

    นี่ ฉันไม่ได้ขี้โม้หรือเก่งแต่ปากนะเฟ้ย

    อราช : ว่าแต่ หัวหน้ามีอะไรถึงมาคุยกับผมงั้นเหรอ

    ก็ไม่มีอะไรมาก พวกโซราบอลตามตื้อไม่เลิก ตอนนี้มันกำลังระดมกำลังกวาดล้างทั่วป่าเลย

    อราช : เราน่าจะพอหนีไปที่มอร็อค ไปรวมตัวกับกลุ่มสมาคมลับได้นะครับ

    ฉันเห็นด้วย แต่โซราบอลวางกำลังไว้แน่นหนา คงไม่ง่ายถ้าจะหนี

    อราช : ผมมีทางหนีอยู่ครับ ล่องไปตามแม่น้ำ ไม่กี่ชั่วโมงครับ

    งั้นก็ต้องรีบหน่อย อย่าให้โดยล้อมเลย ไม่งั้นก็รอวันตายแน่

    อราช : ถ้างั้นรีบไปลำเลียงผู้หญิง เด็กและคนแก่ไปก่อนดีกว่าครับ

    งั้นรีบกันดีกว่า อย่าเสียเวลาเลย

    หัวหน้าค่ายรีบไปประกาศข่าวให้กับชาวค่ายเพื่อลำเลียงคนข้ามป่า ล่องลงแม่น้ำเพื่อเดินทางไปยังมอร็อคต่อไป

     

    และในป่าแห่งหนึ่ง ฐานบัญชาการชั่วคราวของกองทัพมอร็อค ในตอนนั้นเองฟีนด์นำกำลังพลกลับไปตั้งรับที่แนวหลังใหม่ ในตอนนั้นเอง ฟีนด์กับผู้บัญชาการทหารของมอร็อคก็มาประชุมกันถึงกองทัพโซราบอลที่กำลังบุกเข้ามา
    ฟีนด์
    : ท่านครับ ตอนนี้โซราบอลโจมตีเต็มที่ พยายามจะเข้ามาในเขตเมืองครับ

    ผมรู้ เนโรมาคราวนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ

    ฟีนด์ : ทหารของเราตายเป็นราวๆห้าร้อยนาย แต่พวกมันตายแค่ไม่กี่ร้อยเองครับ

    ถ้างั้น เราคงไม่มีทางเลือก นอกจากทำสงครามกองโจรกับพวกมัน

    ฟีนด์ : ท่านครับ ผมได้ยินว่ากองโจรของรูดิวกำลังจะมาสมทบกับเราครับ

    ผมเข้าใจ แต่ต้องระวังตัวให้มาก ทหารโซราบอลคุมพื้นที่เต็มไปหมดเลย

    ฟีนด์ : ผมรู้ว่าพวกเขาจะมาทางไหน ผมจะไปรับพวกเขาเองครับ

    ฝากด้วยนะ ตอนนี้ทหารของเราเป็นรองพวกโซราบอลอยู่มากโข แถมอาวุธยังล้าสมัยอีกต่างหาก

    ฟีนด์ : ไม่ต้องห่วงครับ ตอนนี้เราพยายามยึดอาวุธของพวกมันเท่าที่จะทำได้แล้วครับ

    แต่ในขณะเดียวกัน มีทหารเดินเท้ารายหนึ่งวิ่งเข้ามารายงานสถานการณ์กับนายพลของมอร็อค

    ขอรายงานครับท่าน ตอนนี้ทหารโซราบอลกำลังรุกคืบเข้ามายังแนวป่าของเราครับ

    ฟีนด์ : คงไม่มีเวลาแล้วหล่ะครับท่าน ผมจะจัดการเองครับ

    ยังไงก็ฝากด้วยหล่ะ

     

    ที่แคว้นริงก้า ในตอนนั้นเองก็เกิดการก่อกบฏไปทั่วแคว้น ที่เมืองซอร์ม เมืองหลวงของริงก้า พวกเขาระดมกำลังพลได้ราวห้าหมื่นนาย เตรียมพร้อมรับมือกลุ่มกบฏที่จะบุกเข้ามาในเมืองทุกเมื่อ ผู้อพยพจากที่อื่นก็อพยพเข้ามาทุกวัน เนื่องจากภัยสงคราม

    เซเลนส์ : ท่านครับ มีผู้อพยพเพิ่มมาอีกหลายร้อยเลยครับผม

    อาร์เธอร์ : รับพวกเขาเข้ามา ตรวจค้นตัว และให้อาหารพวกเขา

    เนม่า : นี่ริงก้าเกิดสงครามแล้วใช่หรือเปล่าเนี่ย

    อาร์เธอร์ : ก็น่าจะเป็นแบบนั้นครับ ตอนนี้กลุ่มกบฏ มีราวสิบๆกลุ่มแล้ว

    เซเลนส์ : แต่มีแค่สี่กลุ่มที่แข็งแกร่งเองนะครับ คือกลุ่มของโนรอฟ กลุ่มของจาซิล กลุ่มของโมจีนและลัตวอส

    เนม่า : พวกเขาแต่ละคนเคยเป็นทหารของพ่อฉัน พอถึงเวลาพวกมันก็คิดจะชิงอำนาจสินะ

    อาร์เธอร์ : เซเลนส์ นายคิดว่าทหารของนายจะพอยันพวกมันได้หรือเปล่า

    เซเลนส์ : พวกสี่นายพลนั่นผมพอจะรับมือไหวครับ

    เนม่า : แต่นี่ เราจะมีอาหารพอจะรับชาวบ้านพวกนี้หรือเปล่า

    อาร์เธอร์ : นายพลเตเวียสรู้อยู่แล้ว จึงสะสมเสบียงเตรียมไว้แล้วหล่ะ

    เซเลนส์ : ผมต้องกลับไปที่แนวหน้าแล้ว ไม่รู้ว่าพวกมันจะบุกเข้ามาเมื่อไหร่

    อาร์เธอร์ : ยังไงก็ระวังตัวด้วยนะ ไม่รู้ว่าพวกมันจะเมื่อไหร่

    จากนั้นเอง เซเลนส์ก็ควบม้าออกไปยังแนวหน้าเพื่อเสริมกำลังรับมือกลุ่มกบฏที่กำลังจะมาถึงเมือง

    กลับมายังคฤหาสน์ของมาร์ธ่า ในตอนนั้นเอง  เธอได้รับจดหมายลับจากอาบาตูส่งผ่านมาทางนกพิราบที่เธอเลี้ยงไว้ ในตอนนั้นเอง นกพิราบก็บินมาเกาะที่ระเบียงชั้นสองของบ้านเธอ เธอตับนกตัวนั้นมาแลล้วก็เอาจดหมายที่สอดใส่อยู่ที่เท้าของนกตัวนั้นทันที

    ซาร่า : แม่คะ มีข้อความอะไรส่งมาอย่างงั้นเหรอคะ

    มาร์ธ่า : ข่าวจากอาบาตูหน่ะ ตอนนี้เขากำลังพานอร์ดิกไปถึงเดลล์แล้ว

    ซิลเวียร์ : แล้วตอนนี้นอร์ดิกเป็นยังไงบ้างคะ

    มาร์ธ่า : เขาปลอดภัยดี แต่มีคนบางกลุ่มกำลังตามล่าเขาหล่ะ

    ซาร่า : เนโรแน่ๆ นี่กะจะฆ่าแกงกันให้ตายเลยหรือไง

    มาร์ธ่า : แต่ตอนนี้ยังไงก็ต้องใจเย็นไว้ก่อนนะ นอร์ดิกเขาไม่เป็นไรง่ายๆหรอก

    ซาร่า : หวังว่าถ้าเขาไปถึงริงก้า เขาคงจะปลอดภัยนะ

    ซิลเวียร์ : งั้นหนูขอตัวซักครู่นะคะ // ซิลเวียร์ปลีกตัวออกไปยังห้องของเธอ จากนั้นก็หยิบกระดาษกับปากกาของเธอมาเขียนจดหมายอะไรบางอย่าง และในตอนนั้นเอง เธอก็เอากลับไปให้มาร์ธ่า

    ซิลเวียร์ : คุณท่านคะ ถ้าจะส่งจดหมาย ฉันฝากข้อความนี้ถึงเขาด้วยนะคะ

    มาร์ธ่า : ได้สิ เดี๋ยวฉันจะส่งนกอีกตัวหนึ่งไปหาเขาเดี๋ยวนี้หล่ะ

     

    และที่สถานทูตเยอรมันในแคว้นเดลล์ ทหารเยอรมันได้ทำการตรึ่งกำลังไว้ที่สถานทูต ป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นบุกเข้ามา แอนตาร์กติกก็เป็นอีกคนหนึ่งซึ่งกำลังมองดูเหตุการณ์ด้านนอกจากหอคอย ซึ่งบ้านเมืองในขณะนั้นกำลังวุ่นวาย หลายก๊กหลายฝ่ายต่างฆ่ากันเพื่อแย่งชิงอำนาจ ระหว่างที่แอนตาร์กติกกำลังสังเกตการณ์ ก็มีทหารนายหนึ่งปีนขึ้นมาเพื่อรายงานสถานการณ์กับเธอทันที

    ท่านครับ ตอนนี้กลุ่มกบฏกับรัฐบาลกำลังปะทะกันแล้วครับ

    แอนตาร์กติก : ตอนนี้อพยพชาวเยอรมันออกมาได้หรือยัง

    ออกมาได้หมดแล้วครับ พวกเขามาหลบกันในสถานทูตอยู่

    แอนตาร์กติก : ว่าแต่ ตรงนั้นเป็นสถานทูตรัสเซียใช่หรือเปล่าหน่ะ

    ใช่ครับ มีอะไรเหรอครับ

    แอนตาร์กติก : รู้สึกว่าที่นั่นกำลังปะทะกับพวกมันอยู่นะ

    แล้วเราจะทำยังไงต่อดีหล่ะครับ

    แอนตาร์กติก : นี่ไม่ใช่สงครามของพวกเรา อย่าเพิ่งทำอะไรจนกว่าจะได้รับคำสั่ง

    ครับท่าน

    และที่สถานทูตรัสเซีย ในตอนนั้นพวกเขากำลังปะทะกับกลุ่มกบฏกลุ่มหนึ่งซึ่งมีชาวรัสเซียคนหนึ่งเป็นแกนนำ พวกมันพยายามบุกเข้ามาในสถานทูต แต่โทมารอฟนำกำลังป้องกันที่นั่นอย่างแข็งขัน ทำให้พวกมันบุกเข้ามาได้ยาก

    ท่านครับ พวกมันบุกเข้ามาเยอะมากเลย เอายังไงดีครับ

    โทมารอฟ : เราจะสกัดพวกมันไว้ก่อน จนกว่ากองเรือของเราจะรับตัวคนรัสเซียออกไปหมด

    ท่านครับ ทำไมพวกมันถึงต้องมาโจมตีเราด้วย

    โทมารอฟ : ก็เพราะพวกมันมีคนหนุนหลังอยู่ยังไงหล่ะ

    พวกมันตัวหนึ่งบุกเข้ามา แต่โทมารอฟใช้ปืนพกยิงมันจนร่วง

    โทมารอฟ : กำลังเสริมของเราอยู่ที่ไหนหล่ะเนี่ย

    อีก 2 นาทีถึงจะมาถึงครับ

    พวกมันบุกเข้ามาราวกับสายน้ำหลาก ทหารรัสเซียต้านไว้สุดกำลัง จนกระทั่งเป็นผล กองเรือรัสเซียและกำลังเสริมอีกนับร้อยก็กรูกันเข้ามายิงต่อสู้พวกมัน จากนั้นก็ผลักดันพวกมันจนออกไปจากเขตสถานทูตได้

    ท่านครับ พวกมันถอยกลับออกไปแล้วครับ

    โทมารอฟ : เยี่ยมมาก ตรวจสอบความเสียหายแล้วก็รักษาคนเจ็บด้วย

    ว่าแต่ ไอ้คนรัสเซียที่ที่ว่า มันเป็นใครเหรอครับ

    โทมารอฟ : มันคือ อเล็กซ์สกี้ ซามาเอฟ ไอ้จอมกบฏที่เรารู้จักกันดียังไงหล่ะ

    ห่ะ ผมนึกว่ามันจะติดคุกอยู่มอสโควซะอีก

    โทมารอฟ : ได้ยินว่ามันมากบดานอยู่ดินแดนนี้ ฉันต้องตามล่ามันให้ได้

     

    กลับมายังฟิลล์บอน ในขณะที่โคน่ากับลูกทีมกำลังค้นคว้าและวิจัยน้ำมันอยู่นั้น ซิกนัสก็นำข่าวที่เขาได้มาบอกกับโคน่าทันที

    ซิกนัส : แย่แล้วทุกคน ฟิลล์บอนกำลังแย่

    โคลิมบ่า : เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ ทำไมต้องใจร้อนขนาดนั้นด้วยหล่ะ

    ซิกนัส : พวกโซราบอลประกาศสงครามกับเราแล้ว ตอนนี้ทหารของนายพลนอร์ทกำลังข้ามพรมแดนมาที่นี่

    โคน่า : แย่หล่ะ ทำไมพวกมันถึงอยากจะมาที่นี่หล่ะ ทั้งๆที่ชัยภูมิย่ำแย่จะตาย

    อาเรีย : ฉันเข้าใจแล้วหล่ะ ข่าวการเจอน้ำมันของที่นี่ยังไงหล่ะ นายพลนอร์ทคงมองการณ์ไกลถึงได้มาที่นี่

    คาเนส : ถ้างั้นตอนนี้เรารีบเก็บของแล้วย้ายที่อยู่กันไปดีกว่า

    โคน่า : ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ทะเลทหารแห่งนี้จะฆ่าพวกเขาเอง

    และในขณะเดียวกัน เสียงปืนใหญ่ของโซราบอลก็ดังขึ้นมาเรื่อยๆ ทำเอาพวกคณะนักวิจัยตกใจกลัวกันมาก

    คาเนส : แบบนี้ไม่ดีแล้ว เราต้องทำอะไรซักอย่างหล่ะ

    ซิกนัส : ผมจะทำกำลังพลออกไปสกัดพวกมันเองครับ

    อาเรีย : เดี๋ยวก่อนสิ ที่ฉันได้ข่าวมา นายพลนอร์ทมีทหารหลายแสน แถมปืนใหญ่ตั้งพันกระบอกเลยนะ

    โคลิมบ่า : ไม่ต้องห่วงหรอกครับ พวกมันไม่มีรถไฟ คงจะมาถึงที่นี่ไม่ได้หรอก

    คาเนส : เออใช่ เรื่องทางรถไฟเนี่ย ฉันต้องรีบไปเจรจาเรื่องนี้ที่สถานทูตหน่อยหล่ะ

    โคน่า : ยังไงก็ระวังตัวด้วยนะคะพี่ พวกโซราบอลมากันเต็มไปหมดเลย

    จากนั้นเอง คาเนสก็นั่งรถม้าของเขาเพื่อเดินทางไปยังแคว้นเดลล์ ส่วนซิกนัสก็นำกำลังพลของเขาออกไปสกัดทัพของโซราบอลที่กำลังจะมาถึง

    และที่แคว้นริงก้า ในขณะนั้นนิโคลัสและเอ็นกำลังเตรียมจะขายอาวุธให้กลุ่มกบฏของแต่ละแคว้น ซึ่งหลายเจ้าเสนอเงินมากมายเพื่ออาวุธเหล่านั้น ทำเอานิโคลัสและเอ็นนั่งนับทรัพย์กันอย่างไม่หวาดไม่ไหว

    นิโคลัส : เฮ้ย เอ็น ดูเงินพวกนี้สิ คิดถูกจริงๆด้วยที่เอาอาวุธเลหลังมาขาย

    เอ็น : นั่นดิ แบบนี้กำไรงามแน่นอน ว่าแต่ นายจะไม่ขายให้กับผู้พันอาร์เธอร์งั้นเหรอ

    นิโคลัส : ทางนั้นคงกำลังเตรียมเงินกันอยู่ เพราะที่เราจะขายให้เขาคือปืนใหญ่ยังไงหล่ะ

    เอ็น : แล้วไอ้พวกนั้นหล่ะ มันจะยอมให้เราขายเหรอ

    นิโคลัส : ใครสนหล่ะ พวกแม่งไม่มีเงินซื้อเองนี่หว่า

    เอ็น : เดี๋ยวฉันจะไปเสนอราคาให้พวกมันต่อก็แล้วกัน // จากนั้นเอง เอ็นก็ไปเสนอประมูลขายปืนของเขาต่อกับพวกกบฏ

    เอ็น : เอาหล่ะ มาถึงชุดต่อไป ปืน Springfield Model 1861 ของดีจากอเมริกา พร้อมชุดกระสุนชั้นดี มีใครเสนอเท่าไหร่

    ฉันให้ 4 ล้านต่อ 4 หมื่นกระบอก

    ฉันให้ 5 ล้านเลย

    นิโคลัส : เอาหล่ะ ผมยังมีของสมนาคุณให้ทุกท่าน คือระเบิดมือแบบใหม่จากเยอรมัน สำหรับทหารราบ อานุภาพร้ายแรงมาก

    เยี่ยม ผมให้ 2 ล้านต่อ 100000 ลูกเลย

    เอ็น : ใจเย็นๆ ครับทุกท่าน เรายังมีอีกหลายแสนกระบอกจะขายให้พวกท่าน

    การประมูลเป็นไปอย่างดุเดือด พวกเขาต่างอยากจะได้อาวุธเพื่อเตรียมทำสงคราม ส่วนนิโคลัสกับเอ็นก็นั่งนับเงินจากบรรดากลุ่มกบฏกันไป

     

    กลับมายังแคว้นเดลล์ ซึ่งในตอนนั้นกำลังวุ่นวายสุดขีด กลุ่มกบฏฆ่าฟันแย่งชิงทุกอย่างที่ขวางหน้า ในตอนนั้นอาร์เทมิสก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ต้องชิงอำนาจจากพวกกบฏคืนมาเหมือนกัน เธอนำกำลังกวาดล้างกลุ่มกบฏอย่างต่อเนื่องโดยมีพันธมิตรของเธอหนุนหลัง แต่พวกมันก็ถูกปราบไม่หมดซะที อาร์เทมิสจึงต้องวางแผนใหม่เพื่อทำการกวาดล้างกลุ่มกบฎเหล่านั้น

    อาร์เทมิส : นี่ก็นานมากแล้วนะ ทำไมพวกกบฏถึงยังไม่หมดซะที

     พวกมันได้รับการสนับสนุนอาวุธจากโซราบอล แถมยังมีหลายกลุ่ม เวลาแค่นี้คงไม่พอหรอกครับ

    อาร์เทมิส : ฉันสงสัยนะว่าทำไมพวกมันถึงได้รวมตัวกันเร็วจัง

    ระหว่างที่กำลังพูดคุยกัน จู่ๆก็มีทหารนายหนึ่งโผล่เข้ามารายงานสถานการณ์ให้พวกเขาฟัง

    ขอรายงานครับ ขณะนี้กลุ่มกบฎเคลื่อนตัวมาประชิดกำแพงเมืองแล้วครับ

    อาร์เทมิส : ทำไมพวกมันถึงได้มาเร็วขนาดนี้ ส่งทหารไปยันที่กำแพงไว้ก่อน

    ผมว่า เรารีบหนีไปที่ริงก้าก่อนดีกว่านะครับ

    อาร์เทมิส : ฉันไม่ยอมหนีโดยที่ยังไม่ได้สู้หรอกนะ จัดเตรียมกองทัพ ฉันจะออกนำทัพเอง

    อาร์เทมิสนำกองทัพของเธอออกไปที่หน้ากำแพงเมือง ซึ่งในตอนนั้นพวกมันก็เตรียมปืนใหญ่ไว้ที่หน้ากำแพง จากนั้นก็เตรียมยิงต่อสู้กับพวกมัน

    อาร์เทมิส : ยิงเข้าไป อย่าให้มันบุกเข้ามาได้

    ปืนใหญ่ของอาร์เทมิสยิงสกัดกลุ่มกบฏ ทำให้พวกมันเริ่มระส่ำระส่าย เมื่อจวนตัว พวกมันเลยจำเป็นต้องถอยทัพไป เพราะปืนใหญ่ของพวกมันยิงผ่ากำแพงเมืองไม่ได้ เมื่อพวกมันถอยกลับไป ฝ่ายของอาร์เทมิสก็เริ่มจัดการความเสียหายทันที

    ท่านครับ ทหารของเราตายไปสามร้อย ชาวบ้านบาดเจ็บอีกนับพันเลยครับ

    พวกมันเอาปืนใหญ่มาด้วย งานนี้เราคงต้านได้อีกไม่นาน

    อาร์เทมิส : เห็นเราคงต้องเตรียมหนีไปที่ริงก้าซะแล้วหล่ะ

     

    และที่ทะเลแห่งหนึ่ง แถบน่านน้ำแคว้นบาส์ก โรสพาเมดและแพทออกหาปลาด้วยกัน เพื่อที่จะเอาไปขายเป็นเสบียงของทหาร การจับปลาเป็นไปอย่างสนุกสนาน เพราะเมดและแพทก็เคยหาปลามาก่อน

    โรส : แหม่ พวกเธอ เก่งจังเลยนะเนี่ย

    เมด : ฉันเคยหาปลามาก่อนหน่ะ ตอนอยู่เกาะของฉัน

    แพท : นี่ ว่าแต่ วันๆหนึ่งเธอหาปลาได้เยอะหรือเปล่า

    โรส : ก็พอได้ประทังชีวิต และพอขายได้หล่ะ

    แพท : ว้าว ถ้าได้เงินมาก็แบ่งพวกเราด้วยหล่ะ

    เมด : นี่ เธอจับให้ได้ซักตัวก่อนดีกว่าน่า

    ระหว่างที่พวกเธอกำลังจับปลากัน อยู่ดีๆเรือรบของอเมริกาก็เคลื่อนผ่านพวกเธอ ทำเอาพวกเธอตกใจหมด

    โรส : นี่มันอะไรกันเนี่ย ทำไมเรือรบมาโผล่แถวนี้ได้

    แพท : ได้ยินว่าอเมริกาช่วยเหลือโซราบอลในการรุกรานดินแดนอื่นๆหน่ะ

    เมด : พวกมันนี่หล่ะ ที่จับพวกเราไปขายเป็นทาสพวกมันหน่ะ

    โรส : งั้นเราพอแค่นี้ก่อนดีกว่า กลับฝั่งกันเถอะ

    ในตอนนั้นเอง ทหารเรืออเมริกันบางคนก็ตะโกนและผิวปากใส่เธอ

    ว้าว น้องสาว ไปนั่งเรือกับพี่มั้ยจ๊ะ

    แพท : วอนซะแล้วไอ้บ้านี่ // แพทจะหยิบปืนของเธอออกมา แต่เมดห้ามเอาไว้ก่อน

    เมด : ใจเย็น ถ้าเราทำอะไรรุนแรงตอนนี้ จะทำให้คนอื่นเดือดร้อนนะ

    โรส : ใจเย็นๆนะ เรารีบกลับฝั่งไปขายปลากันต่อดีกว่า

     

    กลับมายังเมืองโมโรวิน หลังจากที่มีการปะทะกันเมื่อคืน กลุ่มของเอลิซ่าก็วางกำลังป้องกันคฤหาสน์ของเธออย่างแน่นหนาเป็นสองเท่า ทำให้กลุ่มอื่นไม่กล้าบุกเข้ามาถิ่นของเธอ และในตอนนั้นเอง เอลิซ่าก็พยายามสั่งคนให้ตามหาตัวนอร์ดิกอย่างเร่งด่วน

    เอลิซ่า : นี่ สั่งให้พวกเราทุกคนนะ ตามไปทุกที่ที่รถม้าของเขาไป แล้วอย่าทำอะไรเขาเด็ดขาด

    เฟรย์อา : ว่าแต่ ทำไมเธอถึงสั่งคนต้องตามหาตัวเขาไปทั่วเลยหล่ะ

    เมเทอร์ : ใช่ หวังว่าเธอคงจะไม่ส่งตัวเขาไปหานายพลเนโรหรอกนะ

    เอลิซ่า : ไม่มีทาง ฉันยอมตายดีกว่าให้มันได้ตัวเขาไป

    เลออน : นี่เจ๊ ว่าแต่ทำไมต้องประคบประหงมเขาขนาดนั้นหน่ะ

    แมทธิว : ท่าทาง เจ๊จะชอบเขาสินะครับ แหะๆๆๆ

    เอลิซ่า : นี่ ทำเป็นรู้ดีนะ ถ้าฉันจะชอบเขาแล้วมันแปลกตรงไหน

    มาร์ธิว : ป่านนี้เขาคงกำลังโดนตามล่าอยู่ที่ไหนซักแห่งหล่ะ

    เอเทอร์ : แต่เขาโดนนายพลเนโรตามล่า พวกเราอาจจะเดือดร้อนนะ

    โอลลี่ : ใครสนหล่ะ เราก็เป็นศัตรูนายพลเนโรอยู่แล้วนี่หน่า

    เมเทอร์ : ฉันได้ยินว่าเขาจะไปที่แคว้นริงก้านี่หน่า

    เฟรย์อา : แต่ที่นั่นต้องผ่านแคว้นเดลล์นะ ตอนนี้กำลังวุ่นวายกันใหญ่เลย

    เอลิซ่า : ฉันไม่ยอมหรอก ติดต่อสายของเราที่อยู่ริงก้า ตามหาตัวเขาให้ได้ ฉันว่าฉันอยากจะไปริงก้าอยู่พอดีเลย

     

    และที่ชายแดนแคว้นมอร็อค นอร์ดิกควบรถม้าของเขาหนีมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงชายแดนแคว้นเดลล์ ทำเอาพวกเขาโล่งใจไประดับหนึ่ง พวกเขาเตรียมพร้อมดูแผนที่เพื่อจะเดินทางต่อไป

    ไซโซ : เออนี่ เส้นทางนี้น่าจะเข้าใกล้ริงก้าที่สุดแล้วนะ

    เคจา : แต่ว่า ทางนี้มีแต่ป่ารกทั้งนั้นเลยนะ อย่าเสี่ยงเลยดีกว่า

    นอร์ดิก : ผมว่า พยายามอย่าไปเส้นทางหลักดีที่สุดครับ ป่านนี้คนของเนโรคงตามล่าหัวผมอยู่หล่ะ

    ไซโซ : เห็นมั้ยหล่ะ แล้วอีกอย่าง นอนในป่าเราก็ทำมาแล้วนี่หน่า

    เคจา : ก็ได้ งั้นอาบาตู คุณพอจะแกะรอยเข้าป่าไปได้หรือเปล่า

    อาบาตู : ได้ครับ ผมจะนำทางไปเองครับ

    แต่ระหว่างที่เขากำลังคุยกัน ก็เกิดมีเสียงปืนดังขึ้น ในตอนนั้นเอง มีกลุ่มชายฉกรรจ์ขี่ม้าสองกลุ่มกำลังยิงปะทะกัน ทำเอาพวกนอร์ดิกต้องหาที่หลบแถวนั้น จากนั้นก็หยิบปืนขึ้นมาเผื่อจะป้องกันตัว  

    ======================================================================

    พวกเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ สงครามกลางเมืองร้อนระอุขึ้นทุกขณะ พวกเขาจะหนีไปถึงริงก้าได้หรือไม่ ติดตามชมต่อตอนหน้าจ้า
    ขอคนละเม้นท์ด้วยนะครัช

     

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×