คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 5 : สงครามกลางเมืองปะทุ
คนของเอลิซ่าเตรียมพร้อมสำหรับการป้องกันคฤหาสน์
ในขณะที่นอร์ดิกไปปลุกไซโซและเคจาที่กำลังนอนขี้เซาอยู่
นอร์ดิก : ตื่นเร็วครับพี่
เราต้องไปจากที่นี่แล้ว
ไซโซ : จะรีบไปไหน
ที่นี่กำลังน่านอนอยู่พอดีเลยนะ
นอร์ดิก : มีกลุ่มกบฏมาล้อมที่นี่ครับ
พวกเราต้องหนีแล้ว
เคจา : ห่ะ
จริงเหรอ แล้วทำไมมันถึงจะมาเล่นงานพวกเราหล่ะ
อาบาตู : นั้นสิครับคุณหนู
พวกมันไม่น่าเกี่ยวกับเรา
นอร์ดิก : ผผมสังหรณ์ใจว่าเนโรอาจจะส่งคนมาตามล่าผม
แล้วไปเป่าหูคนแถวนี้ครับ
เคจา : ไม่ได้การหล่ะ
ต้องรีบไปจากที่นี่เลย ไซโซ นายไปเตรียมรถม้านะ
ไซโซ : แล้วเสบียงกับอาวุธของเราหล่ะ
ไม่เอาไปด้วยเหรอ
อาบาตู : กระผมเอาเก็บไว้บนรถม้าแล้วขอรับ
รีบไปกันดีกว่าครับ
พวกเขารีบเตรียมของที่จำเป็นขึ้นรถม้า
เพื่อที่จะหนีออกไปจากที่นี่ ในตอนนั้นเอง
เอลิซ่าก็ทำคนของเธอไปป้องกันกลุ่มกบฏพวกนั้นไว้ ตอนนี้พวกของเมเทอร์กับเฟรยอาก็ไปห้ามศึกด้วย
“ส่งตัวมันมาให้เราเดี๋ยวนี้นะเฟ้ย”
เมเทอร์ : พวกแกพูดเรื่องอะไรวะ
ถ้าไม่อยากตายก็ออกไปจากที่นี่ซะ
เลออน : พวกแกกล้ามากที่มาแหยมที่นี่นะเฟ้ย
จะเอาอะไรกันวะ
“ส่งตัวไอ้เด็กคนนั้นมาให้เรา
เราจะเอาตัวมันไปให้ท่านเนโร”
เฟรยอา : เด็กคนไหนของแก
ที่นี่ไม่มีเด็กอะไรทั้งนั้นเฟ้ย
แมทธิว : ใช่
ออกไปจากที่นี่ดีกว่า จะได้ไม่ต้องมีใครตาย
“ท่านนายพลเนโรยอมจ่ายเงินให้พวกเรา
แลกกับตัวไอ้เด็กนั้น”
เอเทอร์ : ห่ะ
นี่พวกแก ไอ้คนทรยศแผ่นดิน พวกแกทำแบบนี้ได้ไง
เอลิซ่า : ฉันไม่ยอมให้แกได้ตัวเขาไปหรอก
ไอ้คนหนักแผ่นดิน ยอมขายได้แม้บ้านเกิดตัวเองเพื่อเศษเงิน
“ถ้าแกไม่ส่งตัวมันมา เราจะบุกเข้าไปนะเว้ย”
มาร์ธิว : ถ้าพวกแกแน่จริงก็เข้ามาสิ
เข้ามาพร้อมกันให้หมดเลย
แต่ระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายกำลังเผชิญหน้ากัน
อยู่ดีๆรถม้าของนอร์ดิกก็พุ่งเข้าไปชนกลุ่มของกบฏจนแตกกระเจิงไปคนละทาง
ทำเอาพวกมันหัวเสียไปข้าง และในตอนนั้นเอง นอร์ดิกก็โผล่หัวออกมาจากรถม้า
นอร์ดิก : ถ้าพวกแกอยากได้ตัวฉัน
ก็ตามมาจับฉันสิ จะไปยุ่งกับพวกเขาทำไม
“เอ้ย มันอยู่นั้น พวกเรา จับมัน” แต่ในตอนนั้นเอง มีคนโยนระเบิดมาจากหอคอยแถวนั้น
ทำเอาพวกมันแตกกระเจิง นั้นคือฝีมือของโอลลี่นั้นเอง แต่พวกมันก็ไม่ยอมลดละ
ขี่ม้าตามนอร์ดิกไป
โอลลี่ : ดื้อด้านจริงๆไอ้พวกนี้
เอลิซ่า : พวกเรา
ฆ่ามันให้หมด อย่าให้มันจับตัวเขาได้
จากนั้นก็เกิดการตะลุมบอน คนของเอลิซ่ายิงปะทะกับกลุ่มกบฏ
ในขณะที่รถม้าของนอร์ดิกก็กำลังหนีจากพวกมัน
ที่ค่ายของนายพลเนโร แถบชายแดนมอร็อค
นายพลเนโรได้แต่นั่งดื่มฉลองกับชัยชนะของตัวเอง ที่มีเหนือกองทัพมอร็อค
นายพลเนโรดื่มจนเมายับ คูเปอร์ถึงกับต้องคอยหามเขาออกไปนอนที่เต้นท์
คูเปอร์ : ท่านครับ
ท่านเมามากแล้วนะครับผม
เนโร : ปล่อยฉัน
ฉันยังไม่เมา ยังสบายๆ
คูเปอร์ : เฮ้อ
ท่านนายพล เมาทีไรเป็นแบบนี้ทุกที
และในตอนนั้นเอง
เป็นโซรอนที่บัญชาการแทนนายพลเนโรไปชั่วคราว
โซรอนได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจากนายพลเรือท่านหนึ่งแห่งราชนาวีสหรัฐ
เนื้อความมีอยู่ว่า “ขอบคุณสำหรับทาสที่ส่งมาให้เรา” และในตอนนั้นเอง มีทหารนายหนึ่งเข้ามารายงานข่าวกับโซรอน
“ท่านครับ มีข่าวจากแนวชายแดนครับ
ทหารของเราโดนกลุ่มโจรโจมตีครับ”
โซรอน : แค่พวกโจรกระจอกน่า
ส่งทหารไปตามล่ามันสิ
“จะให้ส่งไปกี่นายดีครับ”
โซรอน : ส่งไปเท่าไหร่ก็ได้
ค้นมันให้หมดทั่วป่าเลย แค่นี้หล่ะ // จากนั้นเอง
โซรอนก็กลับไปยังเต้นท์ของเขา โดยที่มีผู้หญิงคนหนึ่งใช้ผ้าปิดหน้าปกปิดไว้
โซรอนรู้เลยว่าเป็นใครจึงไปทำการปลดผ้าออกทันที
ซึ่งผู้หญิงคนนั้นก็คือ วิเวียนนั้นเอง ใช่แล้ว
ทั้งคู่แอบเป็นชู้กันตั้งแต่เจอกันใหม่ๆ
เนื่องจากนายพลเนโรเป็นหมันและเริ่มจะหมดสมรรถภาพ โซรอนจึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับเธอ
โซรอน : คุณตัวหอมจังเลยนะ
วิเวียน : แหม่
จริงๆเลยนะคุณเนี่ย ถ้ามีใครรู้ว่าฉันมาฉันตายแน่
โซรอน : ก็ไม่แน่นะ
อีกไม่นานหลายคนก็จะรู้เองหล่ะ // โซรอนปิดเต้นท์จากนั้นก็ดับไฟเต้นท์ของเขา
ที่ชายแดนป่าของมอร็อค
สามทหารเสือที่ต้องทำงานร่วมกัน สกาย อาร์มเมอร์และเอ็ดเวิร์ด
พวกเขาสามคนต้องลาดตระเวนที่ชายแดนเพื่อเคลียร์ความเรียบร้อย ระหว่างนั้นเอง
ทั้งสามคนก็คุยกันเกี่ยวกับเรื่องของพวกเขาเอง
สกาย : นี่
อาร์มเมอร์ นายมาจากรูดิว ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้หล่ะ
อาร์มเมอร์ : ทำไงได้หล่ะ
ฉันมันแค่ทหารที่แพ้ศึก แล้วนายหล่ะ
สกาย : ฉันอยู่ที่โซราบอลมาตั้งแต่เกิดแล้ว
แล้วนายหล่ะเอ็ดเวิร์ด
เอ็ดเวิร์ด : ฉันเหรอ
ฉันมาจากเกาะวอลล์พีหน่ะ รู้จักหรือเปล่า
อาร์มเมอร์ : ห่ะ
จริงเหรอ เผ่าไหนหล่ะ ดูท่าทางนายไม่น่าจะเป็นชนพื้นเมืองนะ
เอ็ดเวิร์ด : แม่ฉันพาฉันไปอยู่ที่นั่นตั้งแต่เด็กๆหน่ะ
สกาย : โห
ไปซะไกลเลย แต่ท่าทางนายคงจะสุขสบายที่นั่นนะ // แต่ในขณะนั้นเอง
พวกเขาก็ถูกลอบยิงโดยโจรป่า พวกมันยิงธนูและปืนไฟกระหน่ำใส่กองพลของพวกเขา
แต่พวกเขาก็ยังหาที่หลบกันได้แล้วเตรียมตอบโต้พวกมัน
สกาย : มีใครเห็นพวกมันบ้างไหม
// อาร์มเมอร์เล็งปืนใส่ไปยังบนต้นไม้
จากนั้นก็ส่องเข้าไปหนึ่งนัด
อาร์มเมอร์ : พวกนายอยากแสดงฝีมือบ้างหรือเปล่าหล่ะ
// สกายยิงบ้างคราวนี้จัดการพวกที่อยู่บนต้นไม้ไปสองศพ
ทำให้พวกมันตกลงมาจากต้นไม้
สกาย : เจ๋งไปเลยนี่หว่า
นายจะเอายังไงต่อเอ็ดเวิร์ด // เอ็ดเวิร์ดวิ่งเข้าไปในป่า
จากนั้นก็ค่อยๆเก็บพวกมันทีละตัว
สกายกับอาร์เมอร์ก็ช่วยยิงประสานกันได้เป็นอย่างดี ทำให้พวกมันตายไปเรื่อยๆ และเริ่มจะถอนกำลังหนีเข้าป่าไป
เอ็ดเวิร์ด : รีบถอยกลับดีกว่า
ถ้าตามมันไปมันอาจจะเล่นงานเราก็ได้
อาร์มเมอร์ : เห็นด้วย
ตอนนี้เรารีบกลับฐานของพวกเราดีกว่า
สกาย : อย่าลืมให้ทีมแพทย์พาทหารที่บาดเจ็บของเรากลับไปด้วยหล่ะ
และที่แคว้นบาส์ก
ตอนนั้นเองนายพลนอร์ทกำลังเตรียมระดมทัพส่วนหนึ่งที่เกณฑ์มาจากโซราบอล
บาส์กและรูดิว ได้ราว 1 แสนนาย เตรียมข้ามพรมแดนบาส์กไปยังฟิลล์บอน
เขาเตรียมสัมภาระสำหรับการเดินทางบนทะเลทหารไปด้วย
สการ์เล็ต :
พ่อคะ ตอนนี้ทหารของเราราวแสนนายเตรียมพร้อมแล้วค่ะ
นอร์ท : ดีมาก
พรุ่งนี้ตอนเช้าเดินทัพเข้าฟิลล์บอนทันที
สการ์เล็ต : ว่าแต่
ท่านพ่อจะไปฟิลล์บอนทำไมเหรอคะ มีแต่ทะเลทรายทั้งนั้น
นอร์ท : ลูกไม่รู้อะไรเลยสินะ
// นายพลนอร์ทหยิบหลอดๆหนึ่งที่เขาพกมาให้สการ์เล็ตดู
นอร์ท : เห็นสิ่งที่อยู่ในมือพ่อมั้ย
อีกไม่นานมันจะเป็นสิ่งล้ำค่าในยุคใหม่
สการ์เล็ต : น้ำมันเหรอคะ
นอร์ท : ใช่แล้ว
น้ำมันที่พ่อถือ ต่อไปมันจะเป็นสิ่งล้ำค่า เตรียมทหารบุกเข้าไปได้เลย
กองทัพของนอร์ทเตรียมพร้อมเดินทัพเข้าสู่ฟิลล์บอนทันทีเพื่อทรัพยากรอันล้ำค่า
กลับมายังแคว้นรูดิว
ค่ายในป่าชายแดนมอร็อคและรูดิว อราชเพิ่งจะกลับไปยังที่พักของเขา
ในตอนนั้นเองเขาเอาดอกไม้ไปวางไว้บนหลุมศพของพ่อเขาด้วย
ซึ่งพ่อของเขาเคยเป็นทหารเอกแห่งรูดิว แต่เมื่อถูกรุกราน
เขาก็ต้องหนีเข้าป่าเพื่อทำการต่อต้าน ระหว่างที่กำลังทำความเคารพศพ
หัวหน้าค่ายก็เดินตามเข้ามาทันที
“ว่าไงอราช มาเยี่ยมพ่อของนายสินะ”
อราช : พ่อผมเขาไปสบายดีแล้ว
แต่ยังไงท่านก็ยังอยู่ในใจผม
“ฉันก็คิดถึงวันที่ฉันร่วมรบกับพ่อนายเลยนะ”
อราช : ถ้าผมเกิดทันผมอาจจะได้เห็นก็ได้นะ
“นี่ ฉันไม่ได้ขี้โม้หรือเก่งแต่ปากนะเฟ้ย”
อราช : ว่าแต่
หัวหน้ามีอะไรถึงมาคุยกับผมงั้นเหรอ
“ก็ไม่มีอะไรมาก พวกโซราบอลตามตื้อไม่เลิก
ตอนนี้มันกำลังระดมกำลังกวาดล้างทั่วป่าเลย”
อราช : เราน่าจะพอหนีไปที่มอร็อค
ไปรวมตัวกับกลุ่มสมาคมลับได้นะครับ
“ฉันเห็นด้วย แต่โซราบอลวางกำลังไว้แน่นหนา
คงไม่ง่ายถ้าจะหนี”
อราช : ผมมีทางหนีอยู่ครับ
ล่องไปตามแม่น้ำ ไม่กี่ชั่วโมงครับ
“งั้นก็ต้องรีบหน่อย อย่าให้โดยล้อมเลย
ไม่งั้นก็รอวันตายแน่”
อราช : ถ้างั้นรีบไปลำเลียงผู้หญิง
เด็กและคนแก่ไปก่อนดีกว่าครับ
“งั้นรีบกันดีกว่า อย่าเสียเวลาเลย”
หัวหน้าค่ายรีบไปประกาศข่าวให้กับชาวค่ายเพื่อลำเลียงคนข้ามป่า
ล่องลงแม่น้ำเพื่อเดินทางไปยังมอร็อคต่อไป
และในป่าแห่งหนึ่ง
ฐานบัญชาการชั่วคราวของกองทัพมอร็อค
ในตอนนั้นเองฟีนด์นำกำลังพลกลับไปตั้งรับที่แนวหลังใหม่ ในตอนนั้นเอง
ฟีนด์กับผู้บัญชาการทหารของมอร็อคก็มาประชุมกันถึงกองทัพโซราบอลที่กำลังบุกเข้ามา
ฟีนด์ : ท่านครับ ตอนนี้โซราบอลโจมตีเต็มที่
พยายามจะเข้ามาในเขตเมืองครับ
“ผมรู้ เนโรมาคราวนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ”
ฟีนด์ : ทหารของเราตายเป็นราวๆห้าร้อยนาย
แต่พวกมันตายแค่ไม่กี่ร้อยเองครับ
“ถ้างั้น เราคงไม่มีทางเลือก
นอกจากทำสงครามกองโจรกับพวกมัน”
ฟีนด์ : ท่านครับ
ผมได้ยินว่ากองโจรของรูดิวกำลังจะมาสมทบกับเราครับ
“ผมเข้าใจ แต่ต้องระวังตัวให้มาก
ทหารโซราบอลคุมพื้นที่เต็มไปหมดเลย”
ฟีนด์ : ผมรู้ว่าพวกเขาจะมาทางไหน
ผมจะไปรับพวกเขาเองครับ
“ฝากด้วยนะ ตอนนี้ทหารของเราเป็นรองพวกโซราบอลอยู่มากโข
แถมอาวุธยังล้าสมัยอีกต่างหาก”
ฟีนด์ : ไม่ต้องห่วงครับ
ตอนนี้เราพยายามยึดอาวุธของพวกมันเท่าที่จะทำได้แล้วครับ
แต่ในขณะเดียวกัน
มีทหารเดินเท้ารายหนึ่งวิ่งเข้ามารายงานสถานการณ์กับนายพลของมอร็อค
“ขอรายงานครับท่าน ตอนนี้ทหารโซราบอลกำลังรุกคืบเข้ามายังแนวป่าของเราครับ”
ฟีนด์ : คงไม่มีเวลาแล้วหล่ะครับท่าน
ผมจะจัดการเองครับ
“ยังไงก็ฝากด้วยหล่ะ”
ที่แคว้นริงก้า ในตอนนั้นเองก็เกิดการก่อกบฏไปทั่วแคว้น
ที่เมืองซอร์ม เมืองหลวงของริงก้า พวกเขาระดมกำลังพลได้ราวห้าหมื่นนาย
เตรียมพร้อมรับมือกลุ่มกบฏที่จะบุกเข้ามาในเมืองทุกเมื่อ
ผู้อพยพจากที่อื่นก็อพยพเข้ามาทุกวัน เนื่องจากภัยสงคราม
เซเลนส์ : ท่านครับ
มีผู้อพยพเพิ่มมาอีกหลายร้อยเลยครับผม
อาร์เธอร์ : รับพวกเขาเข้ามา
ตรวจค้นตัว และให้อาหารพวกเขา
เนม่า : นี่ริงก้าเกิดสงครามแล้วใช่หรือเปล่าเนี่ย
อาร์เธอร์ : ก็น่าจะเป็นแบบนั้นครับ
ตอนนี้กลุ่มกบฏ มีราวสิบๆกลุ่มแล้ว
เซเลนส์ : แต่มีแค่สี่กลุ่มที่แข็งแกร่งเองนะครับ
คือกลุ่มของโนรอฟ กลุ่มของจาซิล กลุ่มของโมจีนและลัตวอส
เนม่า : พวกเขาแต่ละคนเคยเป็นทหารของพ่อฉัน
พอถึงเวลาพวกมันก็คิดจะชิงอำนาจสินะ
อาร์เธอร์ : เซเลนส์
นายคิดว่าทหารของนายจะพอยันพวกมันได้หรือเปล่า
เซเลนส์ : พวกสี่นายพลนั่นผมพอจะรับมือไหวครับ
เนม่า : แต่นี่
เราจะมีอาหารพอจะรับชาวบ้านพวกนี้หรือเปล่า
อาร์เธอร์ : นายพลเตเวียสรู้อยู่แล้ว
จึงสะสมเสบียงเตรียมไว้แล้วหล่ะ
เซเลนส์ : ผมต้องกลับไปที่แนวหน้าแล้ว
ไม่รู้ว่าพวกมันจะบุกเข้ามาเมื่อไหร่
อาร์เธอร์ : ยังไงก็ระวังตัวด้วยนะ
ไม่รู้ว่าพวกมันจะเมื่อไหร่
จากนั้นเอง เซเลนส์ก็ควบม้าออกไปยังแนวหน้าเพื่อเสริมกำลังรับมือกลุ่มกบฏที่กำลังจะมาถึงเมือง
กลับมายังคฤหาสน์ของมาร์ธ่า ในตอนนั้นเอง เธอได้รับจดหมายลับจากอาบาตูส่งผ่านมาทางนกพิราบที่เธอเลี้ยงไว้
ในตอนนั้นเอง นกพิราบก็บินมาเกาะที่ระเบียงชั้นสองของบ้านเธอ
เธอตับนกตัวนั้นมาแลล้วก็เอาจดหมายที่สอดใส่อยู่ที่เท้าของนกตัวนั้นทันที
ซาร่า : แม่คะ
มีข้อความอะไรส่งมาอย่างงั้นเหรอคะ
มาร์ธ่า : ข่าวจากอาบาตูหน่ะ
ตอนนี้เขากำลังพานอร์ดิกไปถึงเดลล์แล้ว
ซิลเวียร์ : แล้วตอนนี้นอร์ดิกเป็นยังไงบ้างคะ
มาร์ธ่า : เขาปลอดภัยดี
แต่มีคนบางกลุ่มกำลังตามล่าเขาหล่ะ
ซาร่า : เนโรแน่ๆ
นี่กะจะฆ่าแกงกันให้ตายเลยหรือไง
มาร์ธ่า : แต่ตอนนี้ยังไงก็ต้องใจเย็นไว้ก่อนนะ
นอร์ดิกเขาไม่เป็นไรง่ายๆหรอก
ซาร่า : หวังว่าถ้าเขาไปถึงริงก้า
เขาคงจะปลอดภัยนะ
ซิลเวียร์ : งั้นหนูขอตัวซักครู่นะคะ
// ซิลเวียร์ปลีกตัวออกไปยังห้องของเธอ
จากนั้นก็หยิบกระดาษกับปากกาของเธอมาเขียนจดหมายอะไรบางอย่าง และในตอนนั้นเอง
เธอก็เอากลับไปให้มาร์ธ่า
ซิลเวียร์ : คุณท่านคะ
ถ้าจะส่งจดหมาย ฉันฝากข้อความนี้ถึงเขาด้วยนะคะ
มาร์ธ่า : ได้สิ
เดี๋ยวฉันจะส่งนกอีกตัวหนึ่งไปหาเขาเดี๋ยวนี้หล่ะ
และที่สถานทูตเยอรมันในแคว้นเดลล์
ทหารเยอรมันได้ทำการตรึ่งกำลังไว้ที่สถานทูต ป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นบุกเข้ามา
แอนตาร์กติกก็เป็นอีกคนหนึ่งซึ่งกำลังมองดูเหตุการณ์ด้านนอกจากหอคอย
ซึ่งบ้านเมืองในขณะนั้นกำลังวุ่นวาย หลายก๊กหลายฝ่ายต่างฆ่ากันเพื่อแย่งชิงอำนาจ
ระหว่างที่แอนตาร์กติกกำลังสังเกตการณ์
ก็มีทหารนายหนึ่งปีนขึ้นมาเพื่อรายงานสถานการณ์กับเธอทันที
“ท่านครับ ตอนนี้กลุ่มกบฏกับรัฐบาลกำลังปะทะกันแล้วครับ”
แอนตาร์กติก : ตอนนี้อพยพชาวเยอรมันออกมาได้หรือยัง
“ออกมาได้หมดแล้วครับ พวกเขามาหลบกันในสถานทูตอยู่”
แอนตาร์กติก : ว่าแต่
ตรงนั้นเป็นสถานทูตรัสเซียใช่หรือเปล่าหน่ะ
“ใช่ครับ มีอะไรเหรอครับ”
แอนตาร์กติก : รู้สึกว่าที่นั่นกำลังปะทะกับพวกมันอยู่นะ
“แล้วเราจะทำยังไงต่อดีหล่ะครับ”
แอนตาร์กติก : นี่ไม่ใช่สงครามของพวกเรา
อย่าเพิ่งทำอะไรจนกว่าจะได้รับคำสั่ง
“ครับท่าน”
และที่สถานทูตรัสเซีย
ในตอนนั้นพวกเขากำลังปะทะกับกลุ่มกบฏกลุ่มหนึ่งซึ่งมีชาวรัสเซียคนหนึ่งเป็นแกนนำ พวกมันพยายามบุกเข้ามาในสถานทูต
แต่โทมารอฟนำกำลังป้องกันที่นั่นอย่างแข็งขัน ทำให้พวกมันบุกเข้ามาได้ยาก
“ท่านครับ พวกมันบุกเข้ามาเยอะมากเลย
เอายังไงดีครับ”
โทมารอฟ : เราจะสกัดพวกมันไว้ก่อน
จนกว่ากองเรือของเราจะรับตัวคนรัสเซียออกไปหมด
“ท่านครับ ทำไมพวกมันถึงต้องมาโจมตีเราด้วย”
โทมารอฟ : ก็เพราะพวกมันมีคนหนุนหลังอยู่ยังไงหล่ะ
พวกมันตัวหนึ่งบุกเข้ามา
แต่โทมารอฟใช้ปืนพกยิงมันจนร่วง
โทมารอฟ : กำลังเสริมของเราอยู่ที่ไหนหล่ะเนี่ย
“อีก 2 นาทีถึงจะมาถึงครับ”
พวกมันบุกเข้ามาราวกับสายน้ำหลาก
ทหารรัสเซียต้านไว้สุดกำลัง จนกระทั่งเป็นผล
กองเรือรัสเซียและกำลังเสริมอีกนับร้อยก็กรูกันเข้ามายิงต่อสู้พวกมัน
จากนั้นก็ผลักดันพวกมันจนออกไปจากเขตสถานทูตได้
“ท่านครับ พวกมันถอยกลับออกไปแล้วครับ”
โทมารอฟ : เยี่ยมมาก
ตรวจสอบความเสียหายแล้วก็รักษาคนเจ็บด้วย
“ว่าแต่ ไอ้คนรัสเซียที่ที่ว่า มันเป็นใครเหรอครับ”
โทมารอฟ : มันคือ
อเล็กซ์สกี้ ซามาเอฟ ไอ้จอมกบฏที่เรารู้จักกันดียังไงหล่ะ
“ห่ะ ผมนึกว่ามันจะติดคุกอยู่มอสโควซะอีก”
โทมารอฟ : ได้ยินว่ามันมากบดานอยู่ดินแดนนี้
ฉันต้องตามล่ามันให้ได้
กลับมายังฟิลล์บอน ในขณะที่โคน่ากับลูกทีมกำลังค้นคว้าและวิจัยน้ำมันอยู่นั้น
ซิกนัสก็นำข่าวที่เขาได้มาบอกกับโคน่าทันที
ซิกนัส : แย่แล้วทุกคน
ฟิลล์บอนกำลังแย่
โคลิมบ่า : เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ
ทำไมต้องใจร้อนขนาดนั้นด้วยหล่ะ
ซิกนัส : พวกโซราบอลประกาศสงครามกับเราแล้ว
ตอนนี้ทหารของนายพลนอร์ทกำลังข้ามพรมแดนมาที่นี่
โคน่า : แย่หล่ะ
ทำไมพวกมันถึงอยากจะมาที่นี่หล่ะ ทั้งๆที่ชัยภูมิย่ำแย่จะตาย
อาเรีย : ฉันเข้าใจแล้วหล่ะ
ข่าวการเจอน้ำมันของที่นี่ยังไงหล่ะ นายพลนอร์ทคงมองการณ์ไกลถึงได้มาที่นี่
คาเนส : ถ้างั้นตอนนี้เรารีบเก็บของแล้วย้ายที่อยู่กันไปดีกว่า
โคน่า : ไม่จำเป็นหรอกค่ะ
ทะเลทหารแห่งนี้จะฆ่าพวกเขาเอง
และในขณะเดียวกัน
เสียงปืนใหญ่ของโซราบอลก็ดังขึ้นมาเรื่อยๆ ทำเอาพวกคณะนักวิจัยตกใจกลัวกันมาก
คาเนส : แบบนี้ไม่ดีแล้ว
เราต้องทำอะไรซักอย่างหล่ะ
ซิกนัส : ผมจะทำกำลังพลออกไปสกัดพวกมันเองครับ
อาเรีย : เดี๋ยวก่อนสิ
ที่ฉันได้ข่าวมา นายพลนอร์ทมีทหารหลายแสน แถมปืนใหญ่ตั้งพันกระบอกเลยนะ
โคลิมบ่า : ไม่ต้องห่วงหรอกครับ
พวกมันไม่มีรถไฟ คงจะมาถึงที่นี่ไม่ได้หรอก
คาเนส : เออใช่
เรื่องทางรถไฟเนี่ย ฉันต้องรีบไปเจรจาเรื่องนี้ที่สถานทูตหน่อยหล่ะ
โคน่า : ยังไงก็ระวังตัวด้วยนะคะพี่
พวกโซราบอลมากันเต็มไปหมดเลย
จากนั้นเอง
คาเนสก็นั่งรถม้าของเขาเพื่อเดินทางไปยังแคว้นเดลล์
ส่วนซิกนัสก็นำกำลังพลของเขาออกไปสกัดทัพของโซราบอลที่กำลังจะมาถึง
และที่แคว้นริงก้า
ในขณะนั้นนิโคลัสและเอ็นกำลังเตรียมจะขายอาวุธให้กลุ่มกบฏของแต่ละแคว้น ซึ่งหลายเจ้าเสนอเงินมากมายเพื่ออาวุธเหล่านั้น
ทำเอานิโคลัสและเอ็นนั่งนับทรัพย์กันอย่างไม่หวาดไม่ไหว
นิโคลัส : เฮ้ย
เอ็น ดูเงินพวกนี้สิ คิดถูกจริงๆด้วยที่เอาอาวุธเลหลังมาขาย
เอ็น : นั่นดิ
แบบนี้กำไรงามแน่นอน ว่าแต่ นายจะไม่ขายให้กับผู้พันอาร์เธอร์งั้นเหรอ
นิโคลัส : ทางนั้นคงกำลังเตรียมเงินกันอยู่
เพราะที่เราจะขายให้เขาคือปืนใหญ่ยังไงหล่ะ
เอ็น : แล้วไอ้พวกนั้นหล่ะ
มันจะยอมให้เราขายเหรอ
นิโคลัส : ใครสนหล่ะ
พวกแม่งไม่มีเงินซื้อเองนี่หว่า
เอ็น : เดี๋ยวฉันจะไปเสนอราคาให้พวกมันต่อก็แล้วกัน
// จากนั้นเอง เอ็นก็ไปเสนอประมูลขายปืนของเขาต่อกับพวกกบฏ
เอ็น : เอาหล่ะ
มาถึงชุดต่อไป ปืน
Springfield Model 1861 ของดีจากอเมริกา พร้อมชุดกระสุนชั้นดี
มีใครเสนอเท่าไหร่
“ฉันให้ 4 ล้านต่อ
4 หมื่นกระบอก”
“ฉันให้ 5 ล้านเลย”
นิโคลัส : เอาหล่ะ
ผมยังมีของสมนาคุณให้ทุกท่าน คือระเบิดมือแบบใหม่จากเยอรมัน สำหรับทหารราบ
อานุภาพร้ายแรงมาก
“เยี่ยม ผมให้ 2 ล้านต่อ 100000
ลูกเลย”
เอ็น : ใจเย็นๆ
ครับทุกท่าน เรายังมีอีกหลายแสนกระบอกจะขายให้พวกท่าน
การประมูลเป็นไปอย่างดุเดือด
พวกเขาต่างอยากจะได้อาวุธเพื่อเตรียมทำสงคราม
ส่วนนิโคลัสกับเอ็นก็นั่งนับเงินจากบรรดากลุ่มกบฏกันไป
กลับมายังแคว้นเดลล์
ซึ่งในตอนนั้นกำลังวุ่นวายสุดขีด กลุ่มกบฏฆ่าฟันแย่งชิงทุกอย่างที่ขวางหน้า
ในตอนนั้นอาร์เทมิสก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ต้องชิงอำนาจจากพวกกบฏคืนมาเหมือนกัน
เธอนำกำลังกวาดล้างกลุ่มกบฏอย่างต่อเนื่องโดยมีพันธมิตรของเธอหนุนหลัง แต่พวกมันก็ถูกปราบไม่หมดซะที
อาร์เทมิสจึงต้องวางแผนใหม่เพื่อทำการกวาดล้างกลุ่มกบฎเหล่านั้น
อาร์เทมิส : นี่ก็นานมากแล้วนะ
ทำไมพวกกบฏถึงยังไม่หมดซะที
“พวกมันได้รับการสนับสนุนอาวุธจากโซราบอล
แถมยังมีหลายกลุ่ม เวลาแค่นี้คงไม่พอหรอกครับ”
อาร์เทมิส : ฉันสงสัยนะว่าทำไมพวกมันถึงได้รวมตัวกันเร็วจัง
ระหว่างที่กำลังพูดคุยกัน
จู่ๆก็มีทหารนายหนึ่งโผล่เข้ามารายงานสถานการณ์ให้พวกเขาฟัง
“ขอรายงานครับ ขณะนี้กลุ่มกบฎเคลื่อนตัวมาประชิดกำแพงเมืองแล้วครับ”
อาร์เทมิส : ทำไมพวกมันถึงได้มาเร็วขนาดนี้
ส่งทหารไปยันที่กำแพงไว้ก่อน
“ผมว่า เรารีบหนีไปที่ริงก้าก่อนดีกว่านะครับ”
อาร์เทมิส : ฉันไม่ยอมหนีโดยที่ยังไม่ได้สู้หรอกนะ
จัดเตรียมกองทัพ ฉันจะออกนำทัพเอง
อาร์เทมิสนำกองทัพของเธอออกไปที่หน้ากำแพงเมือง
ซึ่งในตอนนั้นพวกมันก็เตรียมปืนใหญ่ไว้ที่หน้ากำแพง จากนั้นก็เตรียมยิงต่อสู้กับพวกมัน
อาร์เทมิส : ยิงเข้าไป
อย่าให้มันบุกเข้ามาได้
ปืนใหญ่ของอาร์เทมิสยิงสกัดกลุ่มกบฏ
ทำให้พวกมันเริ่มระส่ำระส่าย เมื่อจวนตัว พวกมันเลยจำเป็นต้องถอยทัพไป
เพราะปืนใหญ่ของพวกมันยิงผ่ากำแพงเมืองไม่ได้ เมื่อพวกมันถอยกลับไป
ฝ่ายของอาร์เทมิสก็เริ่มจัดการความเสียหายทันที
“ท่านครับ ทหารของเราตายไปสามร้อย
ชาวบ้านบาดเจ็บอีกนับพันเลยครับ”
“พวกมันเอาปืนใหญ่มาด้วย
งานนี้เราคงต้านได้อีกไม่นาน”
อาร์เทมิส : เห็นเราคงต้องเตรียมหนีไปที่ริงก้าซะแล้วหล่ะ
และที่ทะเลแห่งหนึ่ง แถบน่านน้ำแคว้นบาส์ก
โรสพาเมดและแพทออกหาปลาด้วยกัน เพื่อที่จะเอาไปขายเป็นเสบียงของทหาร
การจับปลาเป็นไปอย่างสนุกสนาน เพราะเมดและแพทก็เคยหาปลามาก่อน
โรส : แหม่
พวกเธอ เก่งจังเลยนะเนี่ย
เมด : ฉันเคยหาปลามาก่อนหน่ะ
ตอนอยู่เกาะของฉัน
แพท : นี่
ว่าแต่ วันๆหนึ่งเธอหาปลาได้เยอะหรือเปล่า
โรส : ก็พอได้ประทังชีวิต
และพอขายได้หล่ะ
แพท : ว้าว
ถ้าได้เงินมาก็แบ่งพวกเราด้วยหล่ะ
เมด : นี่
เธอจับให้ได้ซักตัวก่อนดีกว่าน่า
ระหว่างที่พวกเธอกำลังจับปลากัน
อยู่ดีๆเรือรบของอเมริกาก็เคลื่อนผ่านพวกเธอ ทำเอาพวกเธอตกใจหมด
โรส : นี่มันอะไรกันเนี่ย
ทำไมเรือรบมาโผล่แถวนี้ได้
แพท : ได้ยินว่าอเมริกาช่วยเหลือโซราบอลในการรุกรานดินแดนอื่นๆหน่ะ
เมด : พวกมันนี่หล่ะ
ที่จับพวกเราไปขายเป็นทาสพวกมันหน่ะ
โรส : งั้นเราพอแค่นี้ก่อนดีกว่า
กลับฝั่งกันเถอะ
ในตอนนั้นเอง
ทหารเรืออเมริกันบางคนก็ตะโกนและผิวปากใส่เธอ
“ว้าว น้องสาว ไปนั่งเรือกับพี่มั้ยจ๊ะ”
แพท : วอนซะแล้วไอ้บ้านี่
// แพทจะหยิบปืนของเธอออกมา แต่เมดห้ามเอาไว้ก่อน
เมด : ใจเย็น
ถ้าเราทำอะไรรุนแรงตอนนี้ จะทำให้คนอื่นเดือดร้อนนะ
โรส : ใจเย็นๆนะ
เรารีบกลับฝั่งไปขายปลากันต่อดีกว่า
กลับมายังเมืองโมโรวิน
หลังจากที่มีการปะทะกันเมื่อคืน กลุ่มของเอลิซ่าก็วางกำลังป้องกันคฤหาสน์ของเธออย่างแน่นหนาเป็นสองเท่า
ทำให้กลุ่มอื่นไม่กล้าบุกเข้ามาถิ่นของเธอ และในตอนนั้นเอง
เอลิซ่าก็พยายามสั่งคนให้ตามหาตัวนอร์ดิกอย่างเร่งด่วน
เอลิซ่า : นี่
สั่งให้พวกเราทุกคนนะ ตามไปทุกที่ที่รถม้าของเขาไป แล้วอย่าทำอะไรเขาเด็ดขาด
เฟรย์อา : ว่าแต่
ทำไมเธอถึงสั่งคนต้องตามหาตัวเขาไปทั่วเลยหล่ะ
เมเทอร์ : ใช่
หวังว่าเธอคงจะไม่ส่งตัวเขาไปหานายพลเนโรหรอกนะ
เอลิซ่า : ไม่มีทาง
ฉันยอมตายดีกว่าให้มันได้ตัวเขาไป
เลออน : นี่เจ๊
ว่าแต่ทำไมต้องประคบประหงมเขาขนาดนั้นหน่ะ
แมทธิว : ท่าทาง
เจ๊จะชอบเขาสินะครับ แหะๆๆๆ
เอลิซ่า : นี่
ทำเป็นรู้ดีนะ ถ้าฉันจะชอบเขาแล้วมันแปลกตรงไหน
มาร์ธิว : ป่านนี้เขาคงกำลังโดนตามล่าอยู่ที่ไหนซักแห่งหล่ะ
เอเทอร์ : แต่เขาโดนนายพลเนโรตามล่า
พวกเราอาจจะเดือดร้อนนะ
โอลลี่ : ใครสนหล่ะ
เราก็เป็นศัตรูนายพลเนโรอยู่แล้วนี่หน่า
เมเทอร์ : ฉันได้ยินว่าเขาจะไปที่แคว้นริงก้านี่หน่า
เฟรย์อา : แต่ที่นั่นต้องผ่านแคว้นเดลล์นะ
ตอนนี้กำลังวุ่นวายกันใหญ่เลย
เอลิซ่า : ฉันไม่ยอมหรอก
ติดต่อสายของเราที่อยู่ริงก้า ตามหาตัวเขาให้ได้
ฉันว่าฉันอยากจะไปริงก้าอยู่พอดีเลย
และที่ชายแดนแคว้นมอร็อค
นอร์ดิกควบรถม้าของเขาหนีมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงชายแดนแคว้นเดลล์
ทำเอาพวกเขาโล่งใจไประดับหนึ่ง พวกเขาเตรียมพร้อมดูแผนที่เพื่อจะเดินทางต่อไป
ไซโซ : เออนี่
เส้นทางนี้น่าจะเข้าใกล้ริงก้าที่สุดแล้วนะ
เคจา : แต่ว่า
ทางนี้มีแต่ป่ารกทั้งนั้นเลยนะ อย่าเสี่ยงเลยดีกว่า
นอร์ดิก : ผมว่า
พยายามอย่าไปเส้นทางหลักดีที่สุดครับ ป่านนี้คนของเนโรคงตามล่าหัวผมอยู่หล่ะ
ไซโซ : เห็นมั้ยหล่ะ
แล้วอีกอย่าง นอนในป่าเราก็ทำมาแล้วนี่หน่า
เคจา : ก็ได้
งั้นอาบาตู คุณพอจะแกะรอยเข้าป่าไปได้หรือเปล่า
อาบาตู : ได้ครับ
ผมจะนำทางไปเองครับ
แต่ระหว่างที่เขากำลังคุยกัน ก็เกิดมีเสียงปืนดังขึ้น
ในตอนนั้นเอง มีกลุ่มชายฉกรรจ์ขี่ม้าสองกลุ่มกำลังยิงปะทะกัน
ทำเอาพวกนอร์ดิกต้องหาที่หลบแถวนั้น จากนั้นก็หยิบปืนขึ้นมาเผื่อจะป้องกันตัว
======================================================================
พวกเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ สงครามกลางเมืองร้อนระอุขึ้นทุกขณะ พวกเขาจะหนีไปถึงริงก้าได้หรือไม่ ติดตามชมต่อตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วยนะครัช
ความคิดเห็น