ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Mask Land - สมรภูมิแยกแผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #8 : สงครามเกาหลี

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ย. 60


    เช้าวันต่อมา จอมยุทธ์ขับรถบึ้งไปยังบ้านของหมูป่า ซึ่งเขาถามจากคนแถวๆนั้น พอขับรถมาถึง ก็เจอบอดี้การ์ดมาเฝ้าอยู่หน้าบ้านของเธอเต็มไปหมด แต่เขาก็เข้าใจนะ หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นกับหมูป่า เธอก็แทบไม่อยากออกจากบ้านเลย

    จอมยุทธ์ลงจากรถจะไปที่หน้าบ้าน แต่บอดี้การ์ดของเธอห้ามไว้

    บอดี้การ์ด : มาทำอะไร

    จอมยุทธ์ : ผมเอาของมาคืนหมูป่าหน่ะ ไม่รู้ว่านี่ใช่ของเธอหรือเปล่า

    บอดี้การ์ด : รอเดี๋ยวนะ  // บอดี้การ์ดวิ่งเข้าไปในบ้านหลังนั้น ในระหว่างที่หมูป่ากำลังทานอาหารกับครอบครัวของเธอ

    บอดี้การ์ด : ท่านครับ มีคนเอาของมาคืนคุณหนูครับ

    ใครมากันหล่ะชายในหน้ากากคล้ายหุ่นยนต์ถามไป

    บอดี้การ์ด : ไม่ทราบครับ เขาเหมือนจะรู้จักคุณหนูนะครับ

    หมูป่าวิ่งออกไปดูที่หน้าต่างมองไปทางหน้าบ้าน พอเห็นจอมยุทธ์ หมูป่าวิ่งกลับไปสั่งบอดี้การ์ด

    หมูป่า : นี่ เชิญเขาเขามาเลยนะ แล้วก็แม่บ้าน เตรียมชุดจานสำหรับหนึ่งคนด้วย // จากนั้นบอดี้การ์ดก็วิ่งเข้าไปเชิญจอมยุทธ์ให้เข้ามาในบ้าน จอมยุทธ์ดูท่าเกร็งๆหลังจากที่เข้ามา แต่สุดท้ายก็เดินมาถึงห้องทานอาหารที่หมูป่าและครอบครัวกำลังนั่งทานอาหารกันอยู่

    หมูป่า : คุณยุทธ์ สวัสดีค่ะ

    จอมยุทธ์ : ครับ คุณยังเจ็บตรงไหนอยู่มั้ยครับ

    หมูป่า : ตอนนี้ฉันไม่เป็นไรแล้วค่ะ คุณยุทธ์ มากินด้วยกันสิคะ // จากนั้นจอมยุทธ์ดูท่าเกรงๆแล้วไปนั่งที่ๆแม่บ้านเตรียมไว้ ระหว่างนั้นโดรนและเจ้าหญิงซึ่งเป็นพ่อแม่ของหมูป่าก็คุยกับจอมยุทธ์

    โดรน : ผมได้ยินเรื่องของคุณแล้วนะ ผมขอบคุณมากที่คุณช่วยลูกสาวผมไว้

    จอมยุทธ์ : ครับ ผมว่ามันดูบังเอิญมากกว่า

    เจ้าหญิง : แต่ถึง 3 ครั้งนี่แม่ว่าไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญแล้วนะ ว่ามั้ย หมูป่า

    หมูป่า : แม่ก็ แต่คุณยุทธ์เขาเก่งจริงๆนะแม่

    จอมยุทธ์ : อ้อครับ ที่ผมมาวันนี้ก็จะเอาสร้อยมาคืนคุณหมูป่านี่แหละครับ

    โดรน : ไหนๆก็ไหนๆหล่ะ อยู่กินอะไรกับพวกเราก่อนสิ

    จอมยุทธ์ปฏิเสธไม่ได้เลยอยู่ทานอาหารกับครอบครัวของหมูป่า แล้วก็พูดคุยเรื่องทั่วไปกันอย่างสนุกสนาน จากนั้นพอถึงเวลา จอมยุทธ์ก็ขอตัวกลับไปก่อน หมูป่าเลยจะขอมาส่ง

    จอมยุทธ์ : นี่สร้อยคุณหรือเปล่าครับหมูป่า

    หมูป่า : อ้อ ใช่ค่ะ แต่คุณเก็บไว้เถอะ ฉันให้คุณ

    จอมยุทธ์ : ครับ คุณหมูป่าครับ อีกไม่กี่วันผมต้องไปเกาหลีนะครับ

    หมูป่า : ว้าว ไปเที่ยวเหรอคะ ฉันไปด้วยคนสิ

    จอมยุทธ์ : อ้อ เปล่าครับ ที่นั่นมีสงครามอยู่ ท่านผบ.ส่งผมไปคุมสถานการณ์หน่ะครับ

    หมูป่า : งั้นเหรอคะ งั้นฉันขอให้คุณปลอดภัยกลับมานะ ฉันจะรอคุณนะ // จอมยุทธ์พยักหน้าก่อนที่จะขับรถกลับออกมา ปล่อยให้หมูป่ามองข้างหลังไปพักนึงจึงกลับเข้ามาในบ้าน

    เจ้าหญิง : แม่ว่าจอมยุทธ์คนนี้ดูสง่างามดีนะลูก

    หมูป่า : แม่ก็…. // หมูป่าอมยิ้มจากนั้นก็วิ่งเข้าห้องไป

    ณ ร้านฟินิกซ์แลนด์ ช่วงเที่ยง เงา โซ่ตวง แมงมุมแม่ม่ายดำ ผ้าฝ้ายก็มานั่งกินข้าวเที่ยงกันที่ร้านนี้

    เงา : นี่พวกนาย หัวหน้าหายไปไหนหล่ะ พอรู้มั้ย

    โซ่ตวง : ไม่รู้สิ บอกจะไปทำธุระตั้งแต่เช้าแหละ ตอนนี้ยังไม่เห็นเลย

    ผ้าฝ้าย : เอาน่า แล้วนี่พวกนาย เห็นเสื้อที่ฉันส่งไปให้หรือยังหล่ะ

    เงา : เห็นแล้วๆ ขอบคุณมากๆเลยนะ

    แมงมุมแม่ม่ายดำ : แหะๆ พวกนายพอรู้อะไรเกี่ยวกับเกาหลีอะไรนี่มั้ย

    ผ้าฝ้าย : ฉันเคยได้ยินว่ามันอยู่แถวๆญี่ปุ่นนี่

    โซ่ตวง : อืมๆ ที่นั่นเห็นว่ากำลังรบกันเดือดเลยหล่ะ เขาจึงขอให้เราส่งกำลังไปช่วยหน่ะ

    แมงมุมแม่ม่ายดำ : นี่ผ้าฝ้าย ฉันไม่อยู่เธอต้องระวังตัวด้วยนะ

    ผ้าฝ้าย : ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่เป็นไรอยู่แล้ว

    เงา : นี่ แม่ม่ายดำ ฉันถามอะไรเธอหน่อยสิ อยากถามมานานแล้ว เห็นหน้าเธอดูลูกครึ่งอ่ะ อยากรู้ว่าเธอมาจากไหนพอรู้มั้ย

    แมงมุมแม่ม่ายดำ : อืม เรื่องมันยาวนะ จริงๆแล้วฉันเป็นชาวไซบีเรียน ตอนหมู่บ้านฉันโดนถล่มหน่ะ ฉันกลายเป็นคนเร่ร่อน มาที่มอสโคว ลักเล็กขโมยน้อยจนโดนจับได้โดยผู้พัน Mask Land คนหนึ่ง เขาขอเลี้ยงดูฉันแลกกับการที่ไม่จับฉันส่งตำรวจ จากนั้นเขาพาฉันมาที่นี่ เลี้ยงดู ฝึกฝนให้ฉันเป็นหน่วยรบชั้นดีเลยหล่ะ

    โซ่ตวง : ผู้พันคนนั้นเขาเป็นใครหล่ะ

    แมงมุมแม่ม่ายดำ : หน้ากากเขาคล้ายๆสิงโตหน่ะ ฉันพอรู้แค่นี้แหละ

    เงา : อ้อ ผู้พันสิงโตนี่หน่า

    แมงมุมแม่ม่ายดำ : เธอรู้จักด้วยเหรอ

    เงา : วีรบุรุษแห่งสงครามโลกครั้งที่ 2 ใครบ้างจะไม่รู้หล่ะ แต่เสียดาย เขาเสียชีวิตตอนสู้กับพวกญี่ปุ่น กองเรือของพวกมันมีเยอะกว่า อาวุธดีกว่า แต่ผู้พันสู้สุดใจจนยันพวกมันไว้ได้ แต่เสียดายนะ ทุกวันนี้ยังไม่พบศพแกเลย

    ระหว่างที่ทุกคนเศร้าใจ โซ่ตวงเห็นเงาแวบๆอยู่ข้างร้าน โซ่ตวงสงสัย เลยว่าจะเดินออกไปดู ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะจากนั้นโซ่ตวงก็เดินออกไปข้างร้านแทน ระหว่างนั้นโซ่ตวงก็สังเกตมองด้านข้าง ก็เห็นราชินีเจ้าเก่ามายืนอยู่ข้างร้านทำตาใสๆใส่โซ่ตวง

    โซ่ตวง : นี่ นึกว่าเธอโดนจับไปแล้วซะอีก

    ราชินี : แหม่ ก็ฉันเก่งขนาดนี้ ไม่มีใครจับฉันได้หรอก

    โซ่ตวง : แล้วเธอมาแถวนี้มีอะไร

    ราชินี : ฉัน อยากให้นายช่วยอะไรฉันหน่อยอ่ะ

    โซ่ตวง : เรื่องอะไรหล่ะ

    ราชินี : เรื่องพี่ชายฉันหน่ะ ที่โดนจับไป อยากให้นายช่วยพี่ฉันหน่อยสิ

    โซ่ตวง : นี่ พี่เธอทำซะขนาดนั้น เธอยังจะหวังอะไรอีกเหรอ

    ราชินี : โธ่ๆๆๆๆ คนใจดีๆๆๆ ช่วยหน่อยเถอะนะๆๆ

    โซ่ตวง : นี่ ฉันไม่มีอำนาจสั่งการอะไรหรอก ต้องถามหัวหน้าฉันก่อนหน่ะ อีกอย่างพวกเรา..

    ราชินี : ต้องอะไร

    โซ่ตวง : ฉันจะไปเกาหลีหน่ะ ที่นั่นมีสงคราม

    ราชินี : นี่ นายต้องรอดกลับมาช่วยพี่ฉันให้ได้นะ

    โซ่ตวง : นี่แม่คุณ ไม่คิดจะห่วงฉันบ้างเลยเหรอ

    ราชินี : ไม่รู้หล่ะ ยังไงนายต้องรอดกลับมาช่วยพี่ฉันให้ได้ // จากนั้นเธอก็แลบลิ้นใส่โซ่ตวงทีนึง จากนั้นก็รีบหนีไป ปล่อยให้โซ่ตวงยืนงงอยู่ตรงนั้น แต่ระหว่างนั้น ราชินีก็น้ำตาไหลโดยที่ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน

    ระหว่างนั้น จอมยุทธ์ก็มาถึงร้านพอดี ส่วนโซ่ตวงก็เข้ามาในร้านพร้อมกัน ระหว่างนั้น แฮมเตอร์เอาอาหารออกมาเสิร์ฟให้พวกเขา จากนั้นก็รินไวน์ให้กับทุกคน แต่กับเงากลับรินให้เยอะเป็นพิเศษ จนโซ่ตวงแอบมอง แต่ก็ไม่เอะใจ จากนั้นก็พูดขึ้นกลางร้าน

    แฮมเตอร์ : เอาหล่ะทุกคน ฉลองก่อนที่จะไปกันนะ ยังไงก็ขอให้ทุกคนโชคดีและปลอดภัยกลับมานะทุกคน // จากนั้นทุกคนก็ดื่มไวน์ที่ถืออยู่ในมือ แล้วฉลองด้วยอาหารเลิศรสที่แฮมเตอร์ทำมาให้เป็นพิเศษเพื่อพวกเขา

    สหรัฐอเมริกา 20 : 00

    เป็นเวลาตอนค่ำ เนสซีเขียนจดหมายหลายฉบับมากถึงผ้าฝ้าย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่เขาทำไม่เคยเบื่อเลย ระหว่างนั้นกระดาษกับความมืดก็เข้ามาดูว่าเนสซีทำอะไรอยู่

    กระดาษ : ทำไรอยู่อ่ะ เขียนหาแม่อยู่เหรอ

    เนสซี : หาผู้หญิงหว่ะ

    ความมืด : แน่ะๆๆ มีแฟนแล้วเหรอ ก็ดีนะ อาชีพแบบเราๆหาความสุขใส่ตัวก่อนตายได้ก็ดี

    กระดาษ : นี่ๆ นั่นมันอาชีพนาย ไม่ใช่ฉันนี่ ฉันแค่ตกกระไดพลอยโจนมาเจอนายนี่หล่ะ

    เนสซี : ไม่รู้ว่าเธอจะอ่านหรือเปล่านะ แต่ยังไงก็ต้องลองหน่ะ

    ระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่นั้น ก็มีเสียงคนปีนรั้วบ้านเข้ามา กระดาษกับความมืดสั่งให้เนสซีไปหลบ จากนั้นพวกเขาสองคนก็ไปดับไฟทั้งหมดในบ้าน จากนั้นก็เตรียมปืนออกมาสู้กับโจรที่บุกเข้ามา

    กระดาษ : นายดูหน้าบ้าน ฉันจะดูหลังบ้านให้เอง

    ความมืด : โอเค เราต้องเงียบและไวนะ

    จากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็ประทับปืนเตรียมยิง จากนั้นพวกมันก็สะเดาะกุญแจบ้านเข้ามา พวกเขาสองคนจึงยิงสกัดพวกมัน พวกมันไมรู้ว่าโดนดักรอเลยตายกันไปหลายคน แต่พวกมันก็มาเยอะขึ้นเรื่อยๆ กระดาษกับความมืดต้องหลบขึ้นไปที่ชั้นสอง จากนั้นเนสซีก็ถือปืนออกมาช่วย

    กระดาษ : นี่นาย ออกมาแบบนี้เดี๋ยวก็ตายห่าหรอก

    เนสซี  : เอาน่า ฉันแจ้งตำรวจไปแล้ว เดี๋ยวพวกเขาจะมาแล้วหล่ะ

    ความมืด : ใช้ปืนเป็นนะ ยังไงก็คอยยิงช่วยก็แล้วกัน ระวังหลังฉันด้วย

    เนสซีพยักหน้า ระหว่างนั้นพวกมันก็บุกขึ้นมาเรื่อยๆ ความมืดและกระดาษยิงพวกมันจากทุกทาง กระสุนของเขาก็เริ่มหมดเรื่อยๆ พวกเขาเปลี่ยนแผนใหม่

    ความมืด : นี่ทุกคน ประหยัดกระสุนไว้นะ ยิงเมื่อแน่ใจว่าโดนเท่านั้น

    กระดาษ : แล้วมั่นใจตลอดแหละ นายหล่ะเนสซี

    เนสซี : กลัวที่ไหนหล่ะ ลุยเลยดีกว่า

    จากนั้นพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นยิงทีละนัด ยิงตอนที่พวกมันบุกขึ้นมา แต่ระหว่างนั้นกระสุนของพวกเขาก็หมด พวกเขาเตรียมจะสู้มือเปล่ากับพวกมัน

    แต่ทันใดนั้น ตำรวจก็มาทันเวลาพอดี พวกนั้นเลยถอนตัวออกจากบ้านไป ตำรวจด้านนอกก็ตามจับพวกที่บุกเข้ามา จากนั้นพวกเขาทั้งสามเลยไปคุยกับตำรวจข้างล่าง เพื่อให้ตำรวจเคลียร์ความเสียหายแล้วตามสืบหาว่ามันเป้นพวกไหนกันแน่

    กลับมายัง Mask Land ทุเรียนและจิงโจ้พร้อมทหารส่วนตัวไปเยี่ยมโพนี่ถึงที่บ้าน แต่โพนี่ก็อยู่บ้านคนเดียว พวกเขากดกริ่งหน้าบ้าน โพนี่เห็นว่าเป็นจิงโจ้กับทุเรียนเลยวิ่งไปเปิดประตูบ้านให้

    โพนี่ : อ้าว ทุเรียน จิงโจ้เองเหรอ

    ทุเรียน : อืมๆ เธอเป็นไงบ้างอ่ะ บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าหล่ะ

    โพนี่ : ไม่เป็นไรแล้วจ้ะ โชคดีมีคนมาช่วยเราไว้

    จิงโจ้ : งั้นเราคงต้องขอบคุณเขาหน่อยแล้วหล่ะ

    ทุเรียน : แต่พี่รู้เหรอว่าเขาเป็นใครหน่ะ

    โพนี่ : ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันหน่ะ แต่เอ๊ะ ฉันว่าหมูป่าเพื่อนฉันน่าจะรู้นะ

    ทุเรียน : ก็ดีนี่

    โพนี่ : นี่พวกนาย มาเหนื่อยๆแบบนี้มาพักที่บ้านเราก่อนก็ได้

    จากนั้นโพนี่ก็พาจิงโจ้กับทุเรียนไปพักข้างในบ้าน โดยที่ทหารของเขาเฝ้าอยู่ที่ประตูหน้า

    โพนี่ซึ่งกำลังทำขนมอยู่นั้น หลังจากที่ทำเสร็จก็เอามาให้ทุเรียนและจิงโจ้ได้กิน

    ทุเรียน : อร่อยเหมือนเดิมเลยนะโพนี่

    จิงโจ้ : นั่นสิๆ ทำเยอะๆอีกได้เปล่านี่

    โพนี่ : แหม่พวกนาย กินกันไม่เคยพอเลยนะ

    ทุเรียน : ก็มันอร่อยจริงๆนี่ เหมือนคนทำ อุ๊บส์..

    จิงโจ้ : อะไรของแกวะทุเรียน

    ทุเรียน : เปล่าๆ ไม่มีไรเลยพี่ // จากนั้นทุเรียนก็ก้มหน้าก้มตากินต่อในขณะที่ทั้งสองคนนั้นเกาหัวสงสัยอยู่

    2 อาทิตย์ต่อมา ณ อินชอน ประเทศเกาหลีใต้ หลังจากที่พวกของจอมยุทธ์มาถึงเกาหลี พวกเขาก็มีทหารขับรถจิ๊บมารับไปยังค่ายที่ทหาร Mask Land ประจำการอยู่ พวกเขามองข้างทางก็เห็นแต่สภาพที่ไม่ค่อยจะน่าดูซักเท่าไหร่ ทั้งหลุมระเบิด ไฟไหม้ แล้วก็ซากรถถังอีกมากมาย เห็นได้ว่าที่นี่รบกันอย่างดุเดือดจริงๆ

    หลังจากที่มาถึง เขายังเกอร์ ซึ่งหมาป่าดำกำลังซ่อมแซมค่ายอยู่ เมื่อหมาป่าดำเห็นคนมาเธอก็ไปต้อนรับพวกเขา

    หมาป่าดำ : สวัสดีค่ะ พวกคุณคงจะมาจาก Mask Land สินะ

    พวกเขาต่างนึกในใจ ผู้หญิงคนนี้เหรอที่เป็นหัวหน้าค่ายหน่ะแต่ก็ไม่เอะใจอะไรมาก

    จอมยุทธ์ : ผมพันโทจอมยุทธ์ ต่อไปจะเป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยนี้ แล้วนี่ผู้กองเงา หมวดโซ่ตวง และหมวดแมงมุมแม่ม่ายดำ ผู้ช่วยของผมเอง

    หมาป่าดำ : ดิฉัน จ่าสิบเอกหมาป่าดำ รายงานตัวค่ะ

    จอมยุทธ์ : ตามสบายครับ ที่นี่เป็นไงมั้งหล่ะครับเนี่ย

    หมาป่าดำ : ก็อย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ // จากนั้นหมาป่าดำก็พาไปสำรวจยังรอบๆค่ายแห่งนั้น

    ที่นี่โดนปืนใหญ่ถล่มทุกวัน เราต้องขุดหลุมเพลาะป้องกันลึกลงไปเรื่อยๆ แต่พวกมันก็ยังพยายามบุกมาชิงที่นี่ตลอดค่ะ

    เงา : แล้วทำไมภูเขานี่สำคัญมากเลยหล่ะ

    หมาป่าดำ : หุบเขานี้เชื่อมต่อกับทางเสบียงของกองกำลังสหประชาชาติค่ะ ถ้าพวกมันยึดที่นี่ไปได้ พวกมันจะตัดกำลังเสบียงของเขา

    โซ่ตวง : พอรู้มั้ยว่าพวกมันมีเยอะแค่ไหน

    หมาป่าดำ : ลำพังทหารเกาหลีเหนือก็ไม่เยอะหรอกค่ะ แต่ทหารจีนนี่สิน่ากลัวกว่า  ที่กำลังจะโจมตีเขาลูกนี้ มีราวๆ 80000 คนได้

    โซ่ตวง : 80000 คนเนี่ยนะ แล้วเธอต้องต้านพวกมันขนาดนี้เนี่ยนะ

    หมาป่าดำ : ก็จริงๆแล้วเราผลัดกันยึดเขาลูกที่อยู่ข้างหน้าหน่ะ ซึ่งมันเพิ่งยึดไปได้เมื่อวานนี่เอง

    แมงมุมแม่ม่ายดำ : ท่านค่ะ 80000 คนนี่กระสุนเราจะพอสู้เหรอคะ

    จอมยุทธ์ : เราคงไม่มีทางเลือกอะไรมากหรอกนะ ตอนนี้เราต้องเสริมแนวป้องกันนี้ให้มากที่สุด ต้องเอาปืนกลมาเพิ่ม แล้วก็ปืนต่อสู้อากาศยานอีก

    เงา : ผมว่าปืนต่อสู้อากาศยานไม่จำเป็นหรอกครับ

    โซ่ตวง : เอ้า ทำไมนายคิดแบบนั้นหน่ะ

    เงา : ก็ไม่เห็นจะมีกำลังทางอากาศของพวกมันนี่ อีกอย่าง ถ้ามันยึดเขาลูกนี้ไปแล้วเอาปืนต่อสู้อากาศยานไปได้ เท่ากับเราจะไม่มีกำลังอากาศจากสหรัฐมาหนุนเลยนะ

    จอมยุทธ์ : ถ้าแบบนั้น เราต้องเริ่มลงมือกันแล้วหล่ะ

    ======================================================================

    สงครามครั้งใหม่ในต่างแดนของพวกเขาจะผ่านไปได้ด้วยดีหรือไม่ ติดตามชมตอนหน้าจ้า

    ขอคนะเม้นท์ด้วยฮับ!!

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×