NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Magic Bullet - กระสุนเวทย์พิชิตโลก (ปิดรับสมัครตัวละคร)

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 3 : ตามสืบ

    • อัปเดตล่าสุด 29 มิ.ย. 67


    เวโรนิก้าขับรถพากลุ่มของเคนนี่เดินทางมาถึงย่านสถานบันเทิง ซึ่งค่ำมืดแบบนี้ มันดูมีชีวิตชีวาไม่แพ้ที่ไหนๆ ผู้คนเดินเที่ยวกันไปมา และไม่นานนัก พวกเขาก็ขับรถมาถึงคลับเมดูซ่า ซึ่งที่นี่ดูเหมือนจะคึกคักพอสมควร เวโรนิก้าขับรถไปจอดที่ลานจอดรถด้านหลังคลับ ก่อนที่เธอจะพูดขึ้น

    “โอเค ว่าแต่ พวกนายมีแผนยังไงต่อ??” เธอพูดได้ไม่นาน จู่ๆก็มีรถคันหนึ่งขับมาจอดเทียบกับรถของเวโรนิก้า ตัวของเคนนี่เองบอกให้ทุกคนหยุดในทันที

    “นั่นไงรถมัน” เคนนี่พูดขึ้น และไม่นานนัก ชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็ลงจากรถมาอย่างรวดเร็ว โดยที่มันก็ใส่ชุดฮู้ดปกปิดตัวเองเอาไว้ แล้วมันก็เดินเข้าไปในคลับทันที

    “ทุกคน ตามมันเข้าไป อย่าเผยพิรุจหล่ะ” เคนนี่พูดขึ้น ก่อนที่พวกเขาทุกคนจะลงจากรถ ก่อนที่จะเดินเข้าไปในคลับทันที ตอนที่กลุ่มของเคนนี่เดินเข้าไป ก็ไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไหร่นัก เพราะทุกคนกำลังวุ่นอยู่กับการดื่ม ฟังเพลงและเต้น ในขณะที่เคนนี่ที่ปลอมตัวด้วยการใส่หมวก เขาก็พบว่าจ่าเอ็มเมอร์คนนั้นกำลังยืนคุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะพาเขาเข้าไปด้านหลังคลับ

    “เออ ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าไปห้องนั้นนะครับ” วอลพูดขึ้น

    “รู้น่าพวก ไม่ได้ตาบอด แต่เด็กของผับเต็มไปหมดเลย??” ซิลเวสเตอร์พูดขึ้น

    “บางครา เราน่าจักพอติดสินบนพวกนั้นได้” ไปจื่อพูดขึ้น ในตอนนั้นเองซิลเวสเตอร์ก็เดินเข้าไปหายามที่ประตู ก่อนที่เขาจะเอามือลูบที่หัวของมัน มันเองตกใจและพยายามจะขัดขืน แต่ก็ไม่ทันแล้ว ตัวของมันพยักหน้าอยู่สองสามที จากนั้นซิลเวสเตอร์ก็กวักมือเรียกทุกคนเข้ามา 

    “แอ๊ด!!”

    พวกเขาเปิดประตูเข้าไป แล้วเดินไปตามทางเรื่อยๆ พบว่าข้างในมีห้องเต้นส่วนตัว สำหรับแขก VIP โดยเฉพาะ พวกเขาเดินหาห้องที่จ่าเอ็มเมอร์อยู่ โดยที่ไปจื่อเองก็ใช้เวทย์มนต์พับนกกระดาษออกมา จากนั้นก็ปล่อยให้มันสำรวจ ไม่นานนัก นกกระดาษก็บินกลับมาที่มือของไปจื่อ

    “ห้องนั้น” ไปจื่อพูดขึ้นและชี้ไปทางห้อง 6 ไม่นานนัก พวกเขาก็ลองส่องเข้าไปในห้องนั้น แล้วพวกเขาก็พบว่าตัวของจ่าเอ็มเมอร์กำลังนั่งคุยอยู่กับผู้หญิง แต่พวกเขาได้ยินเสียงไม่ค่อยถนัด เนื่องจากว่าเสียงเพลงในห้องเองก็ดังกลบ

    “วอล ในห้องมีโต๊ะกระจก ฟังหน่อยพวกมันคุยอะไรกัน??” เคนนี่พูดกับวอล ก่อนที่วอลเองจะหยุดนิ่งไป และไม่นานนักเขาก็พูดขึ้น

    “เขาพูดถึง ผู้กำกับคนหนึ่ง ที่ตอนนี้กำลังต้องการข่าวเกี่ยวกับร้านขายไวน์ที่ชื่อ เลเนสัน ครับ” 

    “ผู้กำกับ ไอ้เซนทอร์แน่ๆ” เคนนี่พูดขึ้น แต่ในตอนนั้น ดูเหมือนจ่าเอ็มเมอร์จะชักปืนออกมา ราวกับว่าเขานั้นรู้ตัวแล้ว

    “บ้าเอ้ย ไปทางนี้ก่อนเร็ว” เวโรนิก้าพูดขึ้น ก่อนที่ตัวของเธอจะพาเคนนี่และคนอื่นๆขึ้นไปที่ชั้นสองในทันที ส่วนจ่าเอ็มเมอร์ที่ถือปืนก็เดินตามกลุ่มของเคนนี่ไป

    “เฮ้ย มึงเป็นใครวะ??” จ่าเอ็มเมอร์ตะโกนถาม จากนั้นเขาก็วิ่งขึ้นไปที่ชั้นสอง เดินเข้าไปในห้องๆหนึ่ง ซึ่งในห้องนั้นเป็นห้องเก็บเหล้าและเบียร์

    “เฮ้ย กูถามว่ามึงเป็น..” จ่าเอ็มเมอร์ยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆ มีดปริศนาก็ปักเข้าที่ท้องของเขา ก่อนที่ไม่นานนัก มือปักมีดก็เผยร่างให้เขาเห็น เธอคือหญิงสาวแวมไพร์ชุดแดงที่ชื่อคามิลล่านั่นเอง

    “จ่าเอ็มเมอร์ วันนี้แกไม่รอดแน่”

    “เดี๋ยว แกเป็นใครวะ??” จ่าเอ็มเมอร์ถามไป ก่อนที่ไม่นานนัก กลุ่มของเคนนี่จะโผล่ออกมา แล้วเอาปืนเล็งใส่เธอ

    “หยุด ทำอะไรหน่ะ??” เคนนี่ตะโกนออกมา จ่าเอ็มเมอร์ที่เห็นเคนนี่ก็พูดขึ้น 

    “เฮ้ย ไอ้เด็กใหม่ ช่วยกูด้วย!!” 

    “มาตามล่ามันเหมือนกันสินะ แต่ไอ้นี่มันของฉัน” คามิลล่าตอบ 

    “เดี๋ยว แม่นาง มันทำอะไรให้แม่นางขุ่นเคืองงั้นหรือ??” ไปจื่อถามเธอไป

    “ไม่ต้องรู้หรอก รู้แค่ว่ามันต้องรับผิดชอบในสิ่งที่มันทำกับพ่อแม่ฉัน” คามิลล่าตอบ แต่ในระหว่างที่กำลังคุยกัน จู่ๆ ไฟของคลับก็ดับลง

    “พรึ่บ!!”

    “อะไรวะ??” จ่าเอ็มเมอร์สบถออกมา ก่อนที่ไม่นานนัก จะมีเสียงดังมาจากด้านนอก

    “นี่ตำรวจ ขอให้ทุกคนออกมาจากคลับ เราจะทำการตรวจค้น..”

    “เฮ้ย ช่วยด้วย เจ้าหน้าที่อยู่..” เอ็มเมอร์รีบตตะโกนออกมา แต่ในตอนนั้นคามิลล่าก็ต่อยหน้าเขาจนสลบ 

    “ตุ๊บ!!”

    “บ้าเอ้ย รีบไปจากที่..” คามิลล่ายังพูดไม่ทันจบ ผู้หญิงที่อยู่กับจ่าเอ็มเมอร์ก็เดินมาเห็น แล้วก็ตะโกนออกมา

    “กริ๊ด!!”

    “บ้าเอ้ย รีบไปเร็ว!!” เคนนี่ตะโกนออกมา ก่อนที่พวกเขาจะทิ้งศพของเอ็มเมอร์ลงกับพื้น ก่อนที่คามิลล่าจะวิ่งออกไปอีกทาง ส่วนกลุ่มของเคนนี่ก็รีบวิ่งหนีออกไปที่ด้านหลัง แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ไปไหนต่อ ในตอนนั้นพวกตำรวจก็ออกมาเจอกับพวกเขาข้างนอกพอดี 

    “หลบเร็ว!!” เคนนี่ตะโกนออกมา ก่อนที่เขาจะชักปืนแล้วยิงใส่กลุ่มตำรวจพวกนั้น พวกตำรวจรีบวิ่งไปหลบคนละทาง ไปจื่อเองก็รีบเอากระดาษออกมาแล้วปล่อยไปเป็นนกกระดาษมากมาย พุ่งเข้าไปสกัดพวกตำรวจเอาไว้

    “เราต้องรีบไปแล้ว!!” ไปจื่อตะโกนออกมา

    “รีบไปเอารถเลย” ซิลเวสเตอร์พูดขึ้น เวโรนิก้าก็รีบไปขึ้นรถในทันที แต่ในตอนนั้น ไปจื่อสังเกตเห็นว่าด้านบนตอนนี้ เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งกำลังบินวนเหนือหัวของคามิลล่า ที่กำลังจะหนี 

    “เครื่องยิงลูกระเบิด!!” ตำรวจบนฮอพูดขึ้น ก่อนที่มันจะหยิบเอาเครื่องยิงลูกระเบิดออกมา แล้วยิงใส่คามิลล่า

    “ตู้ม!!”

    คามิลล่าโดนแรงระเบิดจนเซลงมา ไปจื่อเห็นท่าไม่ดีเลยโยนกระดาษออกไป และกระดาษนั้นก็ขยายตัวออก และไปรับคามิลล่าเอาไว้ ส่วนเฮลิคอปเตอร์ ตัวของวอลเองก็ยื่นนิ่งและทำอะไรบางอย่าง มือปริศนาพุ่งทะลุออกมาจากกระจกหน้าเฮลิคอปเตอร์ และจับคอของนักบินหัก ทำเอาเฮลิคอปเตอร์ไม่มีคนขับ และค่อยๆร่วงลงมา

    “ตู้ม!!”

    “รีบไปจากที่นี่เถอะ!!” ซิลเวสเตอร์ตะโกนออกมา และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆ พวกเขาก็เห็นชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามา ก่อนที่จะใช้ปืนกลสาดใส่ตำรวจที่ขวางทางพวกเขา ชายคนนั้นก็คือโรเบิร์ตนั่นเอง

    “ปังๆๆๆๆๆๆ!!”

    “โว้ เย้ ตายห่าซะให้หมด!!” โรเบิร์ตตะโกนออกมา ก่อนที่ไม่นานนัก โรเบิร์ตคนนั้นจะมองหน้าของเคนนี่ แล้วก็พูดขึ้น

    “คุณเคนนี่ใช่หรือเปล่า ผมโรเบิร์ต ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณหน่อย”

    “ไปคุยที่อื่นแล้วกัน” เคนนี่ตอบกลับไป และไปจื่อเองก็เอาตัวของคามิลล่ามา จากนั้นก็ประคองเธอเอาไว้ ก่อนที่ไม่นานนัก เวโรนิก้าจะสตาร์ทรถได้

    “ทุกคน ขึ้นรถ!!” เธอตะโกนออกมา ก่อนที่เธอจะรีบถอยรถ ทุกคนรีบขึ้นรถกันอย่างทุลักทุเล เวโรนิก้ากับเคนนี่นั่งหน้า ส่วนที่เหลือก็นั่งเบียดกันข้างหลังไปก่อน ก่อนที่เวโรนิก้าจะรีบขับออกไปในทันที

    “เกาะไว้นะ!!” เวโรนิก้าพูดขึ้นและพุ่งฝ่าตำรวจออกไป ในขณะที่พวกตำรวจยังคงงงๆกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขารีบขับรถออกไปนอกเมืองก่อนอย่างรวดเร็ว

    “ทุกคนปลอดภัยนะ??” เคนนี่ตะโกนถามคนด้านหลัง

    “ปลอดภัยทุกคนครับ” วอลตอบไป ในขณะเดียวกัน คามิลล่าที่ตอนนี้กำลังนั่งตักของไปจื่ออยู่ เธอก็ตกใจมาก

    “อะไรกันวะเนี่ย??” คามิลล่าถามอย่างตกใจ

    “เย็นไว้แม่นาง ข้าช่วยท่านไว้” ไปจื่อตอบ

    “พวกมันตามมาหรือเปล่า??” เวโรนิก้าถามไป

    “ไม่น่าจะตามมานะ พวกมันคงจะดักเราที่ทางออกนอกเมือง” ซิลเวสเตอร์ตอบ

    “เฮ้ย นาย โรเบิร์ตหน่ะ นายอยากพูดอะไรกับฉัน??” เคนนี่ถามโรเบิร์ต สมาชิกใหม่ในรถ

    “อ้อ คุณเพิ่งจะโดนไล่ออกจากตำรวจ โดยผู้กำกับเซนทอร์ใช่หรือเปล่า??” เคนนี่ที่ได้ยินก็แปลกใจ

    “เฮ้ย แกรู้เรื่องของฉันด้วยเหรอ??” เคนนี่ถามอย่างสงสัย

    “แน่นอนครับ ผมก็ต้องทำการบ้านมา เราสองคนมีศัตรูคนเดียวกัน” โรเบิร์ตตอบ ก่อนที่ไม่นานนัก เวโรนิก้าจะตะโกนออกมา

    “ทุกคน เกาะไว้!!” เวโรนิก้าตะโกนออกมาแล้วขับออกไปอีกเส้นทางหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นเส้นทางลับที่ไม่ค่อยมีใครใช้สัญจรกัน

    “บ้าเอ้ย พวกตำรวจจะรู้ตัวพวกเราหรือเปล่าเนี่ย??” ซิลเวสเตอร์ถามอย่างสงสัย

    “ผมพรางทะเบียนรถเอาไว้แล้วครับ” วอลตอบ

    “นี่ ปล่อยฉัน ฉันจะลง” คามิลล่าพูดขึ้น

    “เย็นไว้แม่หญิง พวกตำรวจอยู่กันเต็มเมืองเลยนะ แถมท่านยังเจ็บอยู่เลย” ไปจื่อพูดปรามเธอ

    “ถ้าเราออกจากเมืองได้ เราก็ปลอดภัย” โรเบิร์ตพูดต่อ

    “เวโรนิก้า ฉันขอโทษนะที่ทำเธอเดือดร้อน” เคนนี่บอกกับเวโรนิก้า

    “เอ้ย ไม่ต้องห่วงหรอก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันหนีตำรวจด้วย” เวโรนิก้าตอบ ก่อนที่ไม่นานนัก ตัวของเธอจะขับรถออกมาตามทางเรื่อยๆ ไม่นานนัก เธอก็รีบขับกลับไปที่ค่ายมวยของเธอในทันที

    “โอเค โรเบิร์ต นายเป็นใครกันแน่??” เคนนี่ถามโรเบิร์ต

    “ผมเป็นมนุษย์ไซบอร์ก นักวิทยาศาสตร์ช่วยชุบชีวิตใหม่ให้ผม แต่ไอ้พวกผ้าคลุมขาวก็ยังมาตามล่าผม พวกมันฆ่าหมดเลย” โรเบิร์ตพูดขึ้น

    “ไอ้พวกเดรัจฉานนั่นเหรอ สมควรตายซะ” คามิลล่าพูดขึ้น

    “แล้ว แม่นางเป็นผู้ใดมาจากไหนกระนั้นหรือ??” ไปจื่อถามคามิลล่า

    “ฉันคามิลล่า ฉันเป็นแวมไพร์ ฉันตามมาสืบเรื่องของไอ้จ่าเอ็มเมอร์ มันเป็นคนยิงพ่อแม่ฉัน ฉันตามหามันมานานหลายปี” คามิลล่าพูดขึ้น

    “โห แวมไพร์เหรอ อย่ากินเลือดพวกเราเลย” ซิลเวสเตอร์พูดอย่างลนลาน

    “เออ ถ้าเธออยากจะดื่ม เธอคงดื่มไปนานแล้วครับ” วอลตอบไป

    “แล้วนี่ เราจะเอายังไงต่อหล่ะครับ??” โรเบิร์ตถามไป

    “ไปถึงบ้านฉันก่อนแล้วค่อยว่ากัน” เวโรนิก้าตอบ ก่อนที่เธอจะขับรถไปเรื่อยๆ ไม่นานนัก เธอก็ขับรถเข้าไปในซอยๆหนึ่ง จากนั้นเธอก็ขับรถเข้าไปที่โรงจอดรถหลังตึกหนึ่ง 

    “โอเค ลงรถ เดี๋ยวฉันให้เพื่อนฉันทำสีรถใหม่” เวโรนิก้าพูดขึ้น ก่อนที่เธอจะลงจากรถ ทุกคนเองก็ลงจากรถตามเวโรนิก้า ก่อนที่จะพากันออกนอกโรงรถในทันที

    “ค่ายฉันอยู่ไม่ไกล ตามมาแล้วกัน” เวโรนิก้าพูดขึ้น ก่อนที่ทุกคนจะรีบเดินตามเวโรนิก้าไป พวกเขาเดินกันมาไม่นาน ก็มาถึงค่ายมวยจนได้ เวโรนิก้ารีบเคาะประตูเป็นสัญญาณให้คนข้างในเปิดประตู

    “ก๊อกๆๆ”

    “มาแล้วเหรอเจ๊??” เสียงข้างในตะโกนออกมา

    “เออ รีบเปิดประตูหน่อย” เวโรนิก้าตอบ จากนั้นประตูก็เปิดออก กลุ่มของเธอก็เข้ามาในค่ายทันที เด็กเปิดประตูค่ายเห็นกลุ่มของเวโรนิก้าก็ตกใจกันมาก

    “เฮ้ยพี่ พาใครมาอีกเนี่ย??” 

    “ไม่ต้องรู้หรอก โทรหาสิงห์ด้วย บอกให้จัดการรถให้ฉันหน่อย” เวโรนิก้าพูดขึ้น ก่อนที่เธอจะพาทุกคนเข้าไปในห้องออกกำลังกายห้องหนึ่ง ก่อนที่พวกเขาจะมาสุมหัวคุยกันต่อ

    “โอเค แล้ว ทีนี้เอายังไงต่อหล่ะ??” เวโรนิก้าถามทุกคน

    “เราอาจจะต้องกบดานกันซักพัก ไม่รู้ว่าไอ้จ่าเอ็มเมอร์มันตายหรือยัง แต่มันก็ไม่ใช่ตัวการใหญ่ที่สุดหรอก” เคนนี่ตอบ

    “เออ ว่าแต่ เรื่องร้านไวน์ที่ชื่อเลเนสันเนี่ย มันยังไงหล่ะ??” ซิลเวสเตอร์ถามไป 

    “ห่ะ ว่าไงนะ มันพูดอะไรบ้างหล่ะ??” คามิลล่าถามไป

    “มันบอกว่าร้านขายไวน์ที่ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ครับ” วอลพูดขึ้น

    “เราคงต้องไปสืบที่นั่นแล้วหล่ะ” ไปจื่อตอบ

    “ก็ดีนะครับ เหมือนอย่างที่ผมคิดไว้เลย คุณไม่ได้โดนไล่ออกเพราะทำผิด แต่คุณอาจจะไปรู้เรื่องอะไรบางอย่างของไอ้ผู้กำกับคนนั้นก็ได้” โรเบิร์ตพูดขึ้น 

    “เฮ้ ว่าแต่ นายรู้อะไรอีกเกี่ยวกับไอ้ผู้กำกับนั่นหน่ะ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นวันนั้น??” คามิลล่าถามเคนนี่ไป

    “วันนั้นเราต้องนำกำลังไปจัดการกับกลุ่มผู้ใช้เวทย์ แต่เราโดนซ้อนแผน คนในหน่วยของผมตายหมด แต่มีตาแก่ที่ไหนไม่รู้ช่วยผมเอาไว้หน่ะ” เคนนี่ตอบ

    “เขาต้องเป็นผู้ใช้เวทย์แน่นอน” ไปจื่อพูดต่อ

    “เราคงต้องไปสืบความลับจากผู้กำกับเซนทอร์สินะครับ??” วอลพูดขึ้น

    “ปัญหาคือเราเดินไปถามมันตรงๆไม่ได้หน่ะสิ” ซิลเวสเตอร์พูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงหรอก เราค่อยๆสืบไปก็น่าจะได้แล้ว” โรเบิร์ตพูดต่อ

    “แต่เราก็ต้องหลบหนีการตามล่าของพวกตำรวจด้วย” เวโรนิก้าพูดขึ้น

    “พวกตำรวจมันไม่น่ากลัวเท่าพวก Magic Hunt หรอก” คามิลล่าบอกไป

    “เอางี้ ตอนนี้พวกเราอยู่ที่นี่กันไปก่อน รอดูสถานการณ์ แล้วค่อยลงมืออีกทีแล้วกัน” เวโรนิก้าบอกไป

    “เดี๋ยว จะให้ฉันอยู่ที่นี่เหรอ??” คามิลล่าถามไป

    “ไม่ต้องห่วง ฉันมีห้องให้ แต่เธอเป็นแวมไพร์นี่ เดี๋ยวติดฉนวนกันแสงให้” เวโรนิก้าบอกไป

    “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ฉันไม่ได้โดนแสงแดดไม่ได้ แต่จะอ่อนแรงเฉยๆ” คามิลล่าตอบ

    “แม่นางอยู่ที่นี่ก่อนเถิด ข้าเป็นห่วงแม่นาง” ไปจื่อบอกกับคามิลล่าไป

    “โอเค ถ้าอย่างงั้นเอาเป็นว่า เรากบดานอยู่ที่นี่กันก่อนแล้วกันนะ” ซิลเวสเตอร์พูดขึ้น

    “ว่าไงว่าตามกันเลยพวก” โรเบิร์ตตอบ

    “เอาไว้ผมจะลองช่วยหาข่าวดูอีกแรงนะครับ” วอลพูดเสริม

    “โอเค ถ้าพวกนายช่วยฉันสืบเรื่องของพวกมันเพิ่ม ฉันก็จะช่วยพวกนายด้วย” คามิลล่าพูดขึ้น

    “อืม ถ้าอย่างงั้นฉันไปหาห้องให้แล้วกัน” เวโรนิก้าพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานัก เด็กของค่ายมวยก็เดินเข้ามาในห้องยิมที่พวกเขาอยู่กัน

    “เฮ้พี่ ผมโทรบอกพี่สิงห์แล้ว พี่เขาจะจัดการให้ พวกพี่หนีตำรวจกันมาใช่มั้ย??”

    “เออ ไม่ต้องรู้หรอก” เวโรนิก้าตอบไป

    “งั้นพวกเราแยกย้ายกันไปพักก่อนดีกว่านะ” เคนนี่บอกกับทุกคน ก่อนที่ไม่นานนัก ทุกคนจะแยกย้ายกันออกไปพักผ่อนกันก่อนหลังจากที่ออกไปลุยกันมานาน

    “เฮ้ โรเบิร์ต นายมาจากไหน นายเคยทำอะไรมาก่อนหล่ะ??” ซิลเวสเตอร์ถามโรเบิร์ตไป

    “อ้อ ครอบครัวฉันเป็นชาวไร่หน่ะ แต่วันหนึ่ง พวกชุดขาวก็บุกเข้ามา จัดการกับทุกคนที่เจอ พ่อแม่ฉันโดนลูกหลงจนตายไปด้วย หลังเหตุการณ์ มีนักวิทยาศาสตร์พ่อบุญธรรมฉันช่วยไว้ ดัดแปลงฉันให้เป็นไซบอร์ก แล้วเอาฉันไปเลี้ยง แต่ไอ้พวกชุดขาวยังจะตามมาฆ่าพ่อเลี้ยงฉันอีก ฉันเลยตามล่าพวกมันมาตลอด” โรเบิร์ตพูดขึ้น

    “แรงอาฆาต มักส่งผลสะท้อน ต่อผู้คิดแก้แค้น” ไปจื่อพูดขึ้นมา

    “เอาเถอะ ถึงยังไง พวกมันก็ตามมาฆ่าเราอยู่ดี” โรเบิร์ตตอบไป

     

    ณ สำนักงานซึ่งเป็นแหล่งกบดานของสภาจอมเวทย์ จีโอวาร์ปเข้ามาที่ล็อบบี้ ก่อนที่ชายชุดขาวอีก 2 คนจะเดินเข้ามาหาเธอเพื่อต้อนรับเธอ

    “คุณเอ็นวากำลังรออยู่เลยครับ”

    “อืม งั้นฉันจะไป” จีโอพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก พรมวิเศษก็ลงมารับเธอ และพาเข้าไปในห้องๆหนึ่ง ด้านในห้อง มีชายชุดขาว 4 คนกำลังยืนคุยกันอยู่

    “อ้าว จีโอ มาพอดีเลย” ชายชุดขาวที่มีเครื่องประดับเต็มยศคนหนึ่งพูดขึ้น

    “ท่านเอ็นวา คุยอะไรกันอยู่เหรอคะ??” จีโอถามขึ้น

    “ตอนนี้พวกเรากำลังโดนโจมตีจากหลายที่เลย ไหนจะพวกทางการของโลกมนุษย์ที่เริ่มระแคะระคายเรื่องของเรา ตอนนี้เราต้องรีบปราบปรามเลย ว่าแต่ เรื่องที่ให้ไปสืบเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” 

    “เรากำลังตามสืบอยู่ แต่ดูเหมือนว่าพวกมันจะหนีไปได้ แต่จากที่เราสันนิษฐาน ผู้ใช้เวทย์ในกลุ่มของมัน น่าจะเป็นผู้ใช้เวทย์ ที่หนีจากการตามล่าของเรามานานค่ะ” จีโอตอบไป

    “แปลว่า พวกมันกำลังหาพวกเพิ่มสินะ” เอ็นวาพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ชุดขาวอีกคนก็เดินเข้ามาในห้องด้วย

    “โอเค จีโอ เอาเป็นว่าเธอไปสืบมาก่อนแล้วกัน ถ้ามันเป็นอย่างที่เธอว่า แล้วรวมตัวกันเป็นอีกก๊ก งานเราหนักขึ้นแน่ ไปจัดการเถอะ” เขาบอกกับจีโอ จีโอเองก็รีบเดินออกจากห้องในทันที

     

    ณ สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ซึ่งโดยปกติจะต้องมีคนเข้าไปเที่ยว แต่ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าข้างในจะเกิดความวุ่นวาย

    “กริ๊ด!!”

    เหล่าบรรดานักเที่ยวทั้งชายและหญิงพากันหนีออกมาด้วยอาการตื่นกลัว ราวกับว่าด้านในกำลังเกิดเรื่อง แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ที่ด้านในตอนนี้ กำลังมีการต่อสู้เกิดขึ้น

    “ตุ๊บ!!”

    เอเตียนใช้ท่อแป๊ปของเขาฟาดหน้าของชายคนหนึ่งจนร่วง มันอีกคนยิงเวทย์มนต์จากมือของเขาใส่เอเตียน แต่เอเตียนก็ใช้ปืนกระสุนของแดงของเขายิงแหวกเวทย์มนต์ของมัน และโดนเข้าที่มือของมัน

    “ตุ๊บ!!”

    มันคนหนึ่งจะฟันเอเตียนข้างหลัง แต่เอเตียนเองก็ใช้ท่อของเขากันเอาไว้ได้ และอันจิก็กระโดดเข้ามาช่วยฟันมันจนมันกระเด็นออกไป

    “ฉับ!!”

    อันจิวิ่งเข้าไล่ฟันพวกมันที่เหลืออย่างดุเดือด พวกมันพยายามจะใช้บาเรียในการป้องกัน แต่ดาบของอันจิก็ผ่าบาเรียของมันได้ ทำเอาพวกมันตายกันไปมาก

    “ตุ๊บ!!”

    ในระหว่างที่การปะทะเป็นไปอย่างดุเดือด ฝีเท้าของหญิงสาวสองคนก็เดินเข้ามาในคลับแห่งนั้น ซึ่งเธอก็คือโยมิกับไอจังนั่นเอง พวกมันบุกเข้ามาจะเล่นงานยูมิ ยูมิใช้ดาบใหญ่ของเธอแกว่งใส่พวกมันจนกระเด็น

    “อ๊าค!!”

    และพอพวกมันกระเด็นออกไป ยูมิเองก็ใช้พลังสายฟ้าของเธอ ยิงมันออกไป และสายฟ้าของเธอก็กระทบชิ่งไปโดนพวกมันทุกคน

    “ย้าก!!” มันคนหนึ่งจะใช้ดาบวิ่งเข้าใส่ไอจัง แต่ไอจังใช้เข็มฉีดยาฉีดเข้าที่แขนมัน จากนั้นก็ผลักมันออกไป ตัวของมันถึงกับต้องเอามือมากุมหัวใจตัวเองเอาไว้ ราวกับว่าเขากำลังหัวใจวาย

    “มีใครอยากจะสู้อีกมั้ย??” โยมิตะโกนออกมา แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้สถานการณ์กำลังจะสงบลงแล้ว เนื่องจากว่าศัตรูของโยมิในคลับตอนนี้จะเดี้ยงกันหมด

    “ดูเหมือนจะจบแล้วนะคะ” ไอจังพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาหาโยมิ

    “ขออนุญาตครับ ตอนนี้ตัวหัวหน้ามันหนีไปได้ครับ!!”

    “เฮ้ย ได้ไงกัน ทำไมมันหนีไปได้วะ??” เอเตียนถามอย่างหงุดหงิด

    “เราไปค้นห้องทำงานมัน แม่บ้านบอกว่ามันไม่มาทำงานวันนี้ครับ” 

    “พึมพำๆๆๆๆๆๆ” อันจิสบถออกมาโดยพูดไม่รู้เรื่องอีกตามเคย

    “เป็นไปได้ยังไงคะเนี่ย??” ไอจังถามอย่างสงสัย

    “หรือว่าใครทำข่าวรั่ว??” โยมิถามอย่างสงสัย

    “เป็นไปได้ครับ” อันจิพูดเสริม

    “ไม่แปลก คงต้องหาตัวมันแล้วหล่ะ” เอเตียนตอบ และในขณะเดียวกัน คนของโยมิคนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาหาโยมิอย่างหน้าตาตื่น

    “พวกตำรวจกำลังมาครับ!!”

    “บ้าเอ้ย งั้นพวกเรารีบไปก่อน” โยมิพูดขึ้น ก่อนที่เธอจะเปิดประตูวาร์ป จากนั้นก็ให้ทุกคนรีบวิ่งเข้าประตูวาร์ปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่พวกเขาจะวาร์ปกลับมายังฐานที่มั่นของพวกเขา

    “พวกเรามากันครบหรือยัง??” โยมิถามไป

    “หมดแล้วครับ เราเอาคนเจ็บแยกไปไว้อีกที่ครับ” คนของโยมิตอบไป

    “อืม เดี๋ยวฉันจะไปจัดการเอง” ไอจังบอกไป

    “ไอ้หัวหน้าของมันเสือกหนีไปได้ ระยำเอ้ย” เอเตียนสบถออกมา 

    “บลาๆๆพึมพำๆๆ ดุจริงพ่อเลือดพิเศษ” อันจิพูดขึ้น

    “ตอนนี้เราต้องรู้ให้ได้ ว่ามันหนีไปที่ไหน” โยมิพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน คนของโยมิอีกคนก็รีบวิ่งมาหาเธอ

    “ขออนุญาตครับ!!”

    “มีอะไรหล่ะ??”

    “สายของเราบอกมาแล้วครับว่าหัวหน้าแก๊ง Izzy อยู่ที่ไหน”

    “ข่าวลวงหรือเปล่าคะ??” ไอจังถามไป

    “ผมว่าเชื่อได้ครับ สายคนนี้เราทำงานกันมานาน ข่าวไม่เคยพลาดครับ” เจ้าหน้าที่ตอบไป

    “มันอยู่ที่ไหนหล่ะ??” โยมิถามต่อ

    “ได้ยินว่ามันอยู่กับพวก Wolf ครับ”

    “พวก Wolf พวกหมาป่าเหรอ??” อันจิถามขึ้น

    “แก๊งมนุษย์หมาป่าหน่ะ พวกนี้มันออกอาละวาดตอนกลางคืน” โยมิตอบ

    “ดูเหมือนจะเข้าเค้า ช่วงนี้พวกเขาเห็นหมาป่าออกอาละวาดในเมืองบ่อยๆ” เอเตียนพูดขึ้น

    “เราจะไปจัดการพวกมันเลย คืนนี้ ถ้าพวกมันออกอาละวาดนะ” โยมิพูดขึ้น

    “เออ ผมว่า เราให้หน่วยอื่นจัดการก็ได้นะครับ” เจ้าหน้าที่คนเดิมพูดขึ้น

    “ฉันจะไม่ปล่อยให้ไอ้บ้านั่นหลุดมือไปอีกแล้ว ไปเตรียมคนให้พร้อมแล้วกัน แล้วนี่ มีข่าวอะไรเพิ่มหรือเปล่า??” โยมิถามกลับไป

    “ช่วงนี้มีข่าวว่าสมาชิกกองกำลังผ้าคลุมขาวโดนเก็บไปเรื่อยๆ โดยมือสังหารปริศนา รวมถึงกลุ่มผู้ใช้เวทย์กลุ่มต่างๆครับ” เจ้าหน้าที่ตอบ

    “แบบนี้ทางสภาเวทย์มนต์ไม่พอใจแน่ๆค่ะ” ไอจังพูดต่อ

    “ก็คงจะเป็นอย่างงั้น พวกนายไปทำอย่างอื่นกันก่อนเถอะ คืนนี้เราต้องลุยต่อ” โยมิพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนักคนอื่นๆจะแยกย้ายกันออกไป เหลือแค่โยมิกับเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง

    “คราวนี้อย่าให้ข่าวรั่วหล่ะ ไม่งั้นฉันไม่เอามันไว้แน่” โยมิบอกกับเจ้าหน้าที่คนนั้นไป

     

    กลับมายังฐานที่มั่นของกลุ่มโกเทย์ หลังจากที่พวกเขาต้องถอยกลับมาจากการโดนโจมตีกลับ พวกเขาก็กลับมาวางแผนกันใหม่ โชคยังดีที่พวกเขาไม่ได้สูดผงทองแดงเข้าไป ทำให้พลังเวทย์ของพวกเขายังคงอยู่ 

    “บ้าเอ้ย ไอ้ระยำพวกนั้น มันเล่นขนาดนี้เลยเหรอ??” โซเร็นถามอย่างโกรธแค้น

    “ไม่น่าเชื่อ พวกโยวไคมันจะได้ขนาดนี้” เลโอนาร์ดพูดเสริม

    “แล้วนี่ เราจะเอายังไงกันต่อหล่ะ??” วาจจิน่าถามอย่างสงสัย

    “ถ้าพวกมันทำได้ขนาดนี้ มันต้องมีอะไรที่ซ่อนอยู่อีกแน่ๆ” หู่ลงพูดขึ้น

    “ฉันจะทำหน้ากากกันแก๊ส ชนิดที่กรองทองแดงได้” วาซิริสต์พูดขึ้นอย่างมึนๆ ในตอนนั้นเองเรียวเฮที่เห็นหน้าของอาคุมะก็พูดขึ้น

    “หัวหน้า ไม่เห็นเครียดอะไรขนาดนี้มาก่อนเลย??” 

    “ไอ้มิไรนั่น ฉันอยากจะเห็นหน้ามันซะแล้ว” อาคุมะพูดขึ้น

    “นั่นสิ ฉันว่าหมอนั่นต้องมีดีแน่ๆ” วาจจิน่าพูดขึ้น

    “นี่ขนาดลูกน้องของมัน ยังมีของดีขนาดนี้” เลโอนาร์ดพูดขึ้น

    “ก็สืบไปเลยสิ ว่าพวกมันอยู่ที่ไหน??” โซเร็นพูดขึ้น

    “น่าจะยาก พวกนี้มันกบดานอย่างดี พวกเราบุกเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้หรอก” วาซิริสต์ตอบ

    “ฉันเห็นด้วย ตอนนี้เราคงต้องตัดกำลังพวกมันไปก่อน” หู่ลงพูดเสริม

    “ก็สืบที่อยู่ของกองกำลังพวกมันก่อนสิ” เรียวเฮพูดขึ้น

    “อืม ก็ไปลองคิดมาแล้วกัน” อาคุมะพูดขึ้น ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน จู่ๆก็มีนกตัวหนึ่งบินเข้ามาหาพวกเขา และเกาะอยู่ที่ธงมะตอยของอาคุมะ

    “ตอนนี้พวกเรามีเรื่องอีกแล้วครับ” นกตัวนั้นพูดขึ้น

    “เฮ้ย เรื่องอะไรของมึงอีกวะ??” โซเร็นถามอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์

    “ตอนนี้พวกเราเจอรังของโครวี่แล้วครับ” นกตัวนั้นตอบ ในตอนนั้นทุกคนก็ตกใจกันมาก

    “เดี๋ยว มันยังไม่ตายเหรอ??” วาจจิน่าถามอย่างสงสัย

    “ถ้าเป็นอย่างงั้น แปลว่ามันก็คงยังไม่ตายนั่นแหละ” เลโอนาร์ดตอบ

    “เดี๋ยวสิ ตอนนั้นพวกผ้าคลุมขาวยกกำลังไปล้อมพวกมันเลยนะ ได้ยินว่าทางนั้นยืนยันว่าตายแล้วด้วย??” หู่ลงถามขึ้น

    “แต่จะว่าไป ศพที่ได้ มันเป็นศพที่โดนเผาจนเกรียมไม่มีเหลือนี่??” วาซิริสต์พูดเสริม

    “แปลว่า นั่นอาจจะเป็นศพของใครก็ได้สิวะ” เรียวเฮพูดแบบเรียบๆ ท่าทางเบื่อหน่ายเต็มทน

    “นั่นหล่ะที่เราต้องระวัง ถ้ามันเคลื่อนไหวอีกเมื่อไหร่ พวกเราเหนื่อยแน่” อาคุมะพูดขึ้น

    “แปลว่า ที่มันหายไป มันก็ต้องไปสะสมกำลังแน่ๆ” วาซิริสต์พูดขึ้น

    “จะว่าไป พวกผ้าคลุมขาวตายเพราะมันไปหลายคนด้วย ตอนแรกที่คิดว่าฆ่ามันได้ พวกเรานี่แทบจะเลี้ยงฉลองกันเลย” หู่ลงพูดขึ้น

    “งั้นก็คงต้องลองกับมันอีกซักตั้งแล้วหล่ะ” วาจจิน่าพูดขึ้น

    “นี่ ใจเย็น ขนาดพวก Magic Hunt ทั้งหมดยังแทบรากเลือดกับมันเลยนะ” เลโอนาร์ดพูดขึ้น

    “หรือว่า เราจะลองไปลุยกับมันดีหล่ะครับ??” โซเร็นถามอาคุมะไป

    “เฮ้ย ไปตายชัดๆเลย” เรียวเฮพูดขึ้น

    “ตอนนี้อย่าเพิ่งไปพูดถึงมันเลย ทำในสิ่งที่เราทำได้ก่อน” อาคุมะบอกไป

    “ถ้าอย่างงั้น อย่าลืมไปประชุมนะครับ” นกตัวนั้นพูดขึ้น ก่อนที่นกตัวนั้นจะบินออกไป 

    “ฉันยังจำวันนั้นได้อยู่เลย ตอนที่ฉันเจอกับมันครั้งแรก” อาคุมะพูดขึ้น ก่อนที่ตัวของเขาจะลูบไปที่แขนของเขา ซึ่งเหมือนว่าจะเป็นแผล แต่มันเป็นแผลแบบแตกร้าว ราวกับกระจกที่ถูกต่อย

     

    กลับมายังคาสิโนของแองเจลโล่ ในวันนี้ผู้คนก็ยังคงเช้าบ่อนรวมถึงมาพักที่โรงแรมหรูของเขากันอย่างเนืองแน่น ในตอนนั้น เยเรน่าก็เดินเข้าไปในคาสิโน ผ่านผู้คนที่เดินเข้ามาเพื่อเช็คอินเข้าโรงแรมและเข้าบ่อน

    “คุณเยเรน่า” เจ้าหน้าที่โรงแรมพากันทักทายเธอ เธอก็พยักหน้าตอบกลับ ก่อนที่ไม่นานนัก เธอจะกดลิฟต์ตัวหนึ่ง แล้วก็ใช้คีย์การ์ดลิฟต์ของเธอ ขึ้นไปบนชั้นเพนเฮ้าส์ และเมื่อขึ้นมาแล้ว เธอก็พบกับบอดี้การ์ดสองคนกำลังยืนอยู่หน้าห้องของแองเจลโล่

    “คุณแองเจลดล่กำลังมีแขกอยู่ครับ” เจ้าหน้าที่ตอบ

    “อืม ก็แล้วแต่” เยเรน่าตอบ แต่ในขณะเดียวกัน แองเจลโล่ก็ใส่ชุดคลุมของเขาและเดินออกมาจากห้องในทันที

    “อ้าว มาแล้วเหรอ??”

    “ไม่ได้อยากรบกวนเวลาวู้ฮู้หรอกนะคะ” เยเรน่าพูดขึ้น

    “เปล่าซะหน่อย เข้ามาก่อนสิ” แองเจลโล่พูดอย่างตะกุกตะกัก และเมื่อเขาพาเยเรน่าเข้ามา เธอก็พบกับเวเรนน่าที่กำลังนอนใส่ชุดคลุมอยู่บนเตียงอยู่พอดี

    “อ้าว เยเรน่า” เวเรนน่าพูดทักทายเธอ

    “รบกวนเวลาหรือเปล่าคะเนี่ย??” เยเรน่าถาม ในขณะที่ซารีน่าเองก็ไปนอนอยู่ที่ปลายเตียงของแองเจลโล่ด้วย

    “เออ ว่าแต่ เป็นยังไงบ้างหล่ะ??” แองเจลโล่ถามเยเรน่า

    “เราได้รายชื่อของมือปืนที่กำลังดังอยู่ในตอนนี้ และน่าจะกำลังรับงานตามล่ากลุ่ม Magic Hunt ด้วยค่ะ” เยเรน่าพูดขึ้น เวเรนน่าที่อยู่บนเตียงก็แปลกใจ

    “เหรอ มีใครบ้างหล่ะ เผื่อฉันรู้จักมัน??” เวเรนน่าถามไป

    “คนแรกที่ฉันรู้คือลูเตอร์ บาจิ คนที่สองคือเอ็ดการ์ จอห์นสัน คนที่สามคือโทรุ เรเน คนที่สี่คือซาการ์ จีน สี่คนนี้ ส่วนอีกสองคน ได้ยินว่าชื่อมารีกับดีค่อนนี่หล่ะค่ะ” เยเรน่าตอบ

    “สี่คนแรกฉันรู้จักดีนะ แต่อีกสองคน ดูท่านจะเป็นหน้าใหม่” เวเรนน่าตอบ

    “อืม แล้วคิดว่าคนไหนที่มีโอกาสจะมาเล่นงานเราบ้างหล่ะ??” แองเจลโล่ถามไป

    “ลูเตอร์กับซาการ์ฉันคุยกับมันได้ แต่เอ็ดการ์กับโทรุนี่น่าจะยาก ไอ้สองคนนี้ ใครมีตังค์ให้มัน มันก็ทำงานให้ได้” เวเรนน่าตอบไป

    “อ้าว แล้วหน้าใหม่สองคนหล่ะคะ??” เยเรน่าถามไป

    “ตอนนี้เรายังไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับพวกมันสองคน ตอนนี้จับตาดูไปก่อน รอให้พวกมันจัดการกับคนของเราก่อน ค่อยว่ากันอีกที” แองเจลโล่พูดขึ้น

    “ฉันจะโทรหาเพื่อนฉัน ให้คุยกับลูเตอร์กับซาการ์เอง” เวเรนน่าพูดขึ้น

    “อืม ก็ตามนั้นเลย” แองเจลโล่ตอบ และในขณะเดียวกัน โทรศัพท์ของเยเรน่าก็ดังขึ้น เธอรีบรับในทันที

    “ฮัลโหล??”

    “เฮ้ย จริงเหรอ??”

    “โอเคๆ” เยเรน่าพูดจบก็วางสายไป

    “เกิดอะไรขึ้นเหรอ??” เวเรนน่าถามไป

    “มีข่าวมาว่าบุงอา นายหน้าชาวเกาหลี โดนเก็บคาโรงแรมเลยค่ะ” เยเรน่าพูดขึ้น 

    “เหรอ มันเป็นใครกันหล่ะ??” แองเจลโล่ถามไป

    “ฉันเคยได้ยินข่าวจากโลกใต้ดิน มีข่าวมาว่าตอนนี้เขากำลังกว้านซื้อเหมืองทองแดงทั่วโลกเลย” เวเรนน่าตอบ

    “แปลว่า น่าจะเป็นเรื่องขัดผลประโยชน์กัน” แองเจลโล่พูดขึ้น

    “แล้วจะมีใครที่กว้านซื้อมันอีกหล่ะ??” เยเรน่าถามไป

    “ช่างมันเถอะ ตอนนี้พวกเรามีใครโดนเล่นงานไปแล้วบ้างหล่ะ??” แองเจลโล่ถามไป

    “ตอนนี้ยังไม่มีค่ะ” เยเรน่าตอบ

    “อืม แสดงว่าพวกเรายังไม่ใช่เป้าหมายหลัก” เวเรนน่าตอบ

    “แต่ก็คงจะอีกไม่นานแน่ค่ะ” เยเรน่าพูดต่อ

    “เอาเถอะ ถ้าพวกมันอยากจะเล่นกับฉันก็ลองดู” แองเจลโล่พูดขึ้น ก่อนที่เขาจะรินวิสกี้ให้กับเยเรน่า

    “เอานี่ ดื่มก่อนสิ” แองเจลโล่พูดขึ้น จากนั้นเยเรน่าก็หยิบเอามาดื่มในทันที

    “เฮ้อ แล้วช่วงนี้ทางคุณโยมิติดต่อมาบ้างมั้ยอ่ะ??” เวเรนน่าถามไป

    “ตอนนี้ยังไม่ติดต่อมาเลย ตั้งแต่ได้ข่าวว่าจะไปลุยกับพวก Izzy หน่ะ” เยเรน่าตอบ

    “อ้อ ไอ้พวกนั้นมันขี้ผงจะตาย” เวเรนน่าพูดขึ้น

    “แต่ว่า ถ้ามันไปร่วมมือกับกลุ่มอื่น มันก็อาจจะเข้มแข็งขึ้นก็ได้” แองเจลโล่พูดปราม

    “ถ้าฉันเจอพวกมัน ฉันจะยิงให้” เวเรนน่าพูดขึ้น

    “พวกมันคงไม่มาหากินในเวกัสไปอีกนานค่ะ” เยเรน่าตอบ ก่อนที่ไม่นานนัก เธอจะเรียกซารีน่าที่กำลังนอนอยู่บนเตียง และมันก็รีบลงจากเตียงไปหาเธอในทันที

    “อ้าว ไปแล้วเหรอ??” แองเจลโล่ถามเยเรน่า

    “ค่ะ ไม่รบกวนแล้วค่ะ ฝันดีค่ะ” เยเรน่าพูดจบก็เดินออกจากห้องไป

     

    กลับมายังโรงแรมหรูในย่านแคลิฟอร์เนีย หลังจากที่ตัวของมารีด้ทำงานของเธอจนเสร็จเรียบร้อย เธอก็ได้อาศัยจังหวะในการหายตัวและหนีไป แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ไปไหนต่อ จู่ๆ ตำรวจกลุ่มหนึ่งก็บุกเข้ามาในพื้นที่โรงแรม ซึ่งตอนนี้ตัวของเธอก็แอบอยู่ที่พุ่มไม้รอบๆโรงแรม

    “พวกเรา ค้นให้ทั่ว เตรียมกระสุนทองแดงด้วย ได้เจอผู้ใช้เวทย์แน่ๆ!!” ตำรวจยศจ่าคนหนึ่งตะโกนออกมา ก่อนที่ตำรวจคนอื่นๆจะรีบค้นโดยรอบโรงแรม

    “ระยำเอ้ย” มารีที่กำลังหายตัวอยู่ก็ชักปืนลูกโม่ออกมา ก่อนที่เธอจะค่อยๆเดินย่องออกมา เนื่องจากเธอไม่อยากให้ตำรวจจับความเคลื่อนไหวของเธอได้

    “มันต้องหายตัวอยู่แน่ๆ ยิงผงทองแดงให้ทั่วเลย!!” จ่าคนเดิมตะโกน ก่อนที่พวกตำรวจจะเอาเครื่องยิงลูกระเบิดออกมา พร้อมกับใส่หน้ากากกรองอากาศ ก่อนที่เขาจะยิงเครื่องยิงลูกระเบิดออกมา

    “ตู้ม!!”

    “ฟรี้!!”

    ผงทองแดงพวกนั้นกระจายไปทั่ว มารีเองรู้สึกได้ เธอรีบเอามือปิดปากแล้ววิ่งออกไปในทันที

    “ตุ๊บๆๆๆ!!”

    “เฮ้ย เสียงอะไรวะ??” ตำรวจคนหนึ่งตะโกนออกมา ก่อนที่เขาจะหันไปยังต้นทางเสียง แล้วก็ชักปืนออกมาในทันที

    “หยุดนะเว้ย!!”

    “ปัง!!”

    ตำรวจคนนั้นทำปืนลั่นใส่พื้น ซึ่งกระสุนนั้นเฉียดขาของมารีไปหน่อย แต่เธอก็ยังคงวิ่งออกมาได้ ตำรวจคนอื่นๆรีบวิ่งตามไปดูในทันที

    “เฮ้ย อะไรกันวะ??”

    “สงสัยมันน่าจะหายตัวหนีไปหว่ะ”

    “บ้าเอ้ย ถ้างั้นมันก็ต้องออกมาแล้วสิ..” พวกนั้นกำลังคุยกัน ในขณะที่มารีเองก็หนีออกจากพื้นที่ของโรงแรมได้อย่างหวุดหวิด แต่ในตอนนั้น ร่างกายของเธอก็ค่อยๆกลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่ได้หายตัวอีกแล้ว เธอแอบดูที่แขนของเธอ แล้วก็พบว่ามีผงทองแดงติดอยู่เล็กน้อย

    “เวรเอ้ย เกือบไปแล้ว” มารีสบถออกมา

     

    กลับมายังอพาร์ทเม้นท์ของดีค่อน ในตอนนี้กองกำลังของเขากำลังปะทะกับกองกำลังปริศนา ที่กำลังบุกเข้ามาในตึก พวกนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นผู้ใช้เวทย์ทั่วไป การปะทะเป็นไปอย่างดุเดือด

    “เข้ามาเลยไอ้พวกนี้!!” ดีค่อนพูดขึ้นและสาดกระสุนใส่พวกมันที่บุกเข้ามา

    “ลูกพี่ มันมาไม่หยุดเลย!!” ลูกน้องของดีค่อนพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง” ดีค่อนพูดต่อ ก่อนที่เขาจะหยิบเอาเครื่องยิงลูกระเบิดออกมา จากนั้นก็ยิงใส่แนวของพวกมัน

    “ตู้ม!!”

    ระเบิดของควันแตกออกเป็นควัน แบบที่เขาเคยใช้ พวกมันรีบหนีออกไป แต่บางคนก็ไม่รอดแล้วสูดมันเข้าไป จนตอนนี้ร่างของมันก็ค่อยๆกลายเป็นผีดิบ คำรามออกมา

    “เฮ้ย อะไรวะเนี่ย??” พวกนั้นตกใจกันมาก แล้วก็โดนพวกผีดิบเข้าเล่นงานอย่างดุเดือด

    “เฮ้!!” บรรดาลูกน้องของดีค่อนพากันตะโกนออกมา ท่ามกลางพวกศัตรูที่ตอนนี้เริ่มแตกหนีกันไปคนละทางแล้ว

    “โอเค เล่นพอแล้ว” ดีค่อนพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะทำอะไรบางอย่าง ก่อนที่ผีดิบพวกนั้นจะนอนนิ่งไม่ไหวติงกันทุกตัว แต่ตอนนั้นพวกศัตรูก็หนีกันไปหมดแล้ว

    “อยากเล่นกับใครไม่เล่นไอ้พวกนี้ พวกเรา พวกที่เหลือที่ยังไม่ตาย ฆ่าให้หมด” ดีค่อนพูดขึ้น

    “ได้เลยพี่” ลูกน้องของเขารับคำสั่ง

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในเทกซัส ท่ามกลางเขตถนนซึ่งรายล้อมไปด้วยทะเลทราย 

    “ฉึก!!”

    เสียงแทงดาบเข้าร่างของมนุษย์ดังขึ้นต่อเนื่อง การปะทะกันระหว่างสองฝ่ายเป็นไปอย่างดุเดือด ฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายโยวไค ส่วนอีกฝ่ายเป็นกลุ่มผ้าคลุมขาว ซึ่งที่นี่ มิไรก็ได้มามีส่วนร่วมในการปะทะครั้งนี้ด้วย

    “เกร้ง!!”

    มิไรกำลังฟาดดาบกับชายชุดขาวคนหนึ่ง มันเงื้อดาบจะฟันอีกรอบ แต่คราวนี้มิไรก็ใช้ดาบของเขาฟันสวนไปก่อน จนดาบของมันแตก

    “เคร้ง!!”

    “เฮ้ย อะไรวะเนี่ย??” ชายชุดขาวสบถออกมาอย่างตกใจ

    “ดาบทองแดงของมึง สู้โลหะของกูไม่ได้หรอก” มิไรพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะตัดหัวของชายคนนั้นทิ้ง

    “ฉับ!!”

    และเมื่อหัวของชายชุดขาวคนนั้นหลุดออก ชายชุดขาวคนอื่นก็เริ่มจะลังเลไม่อยากจะสู้ต่อแล้ว ส่วนมิไรเองก็ถือดาบและชูขึ้นมา

    “มีใครอยากจะสู้อีกมั้ย??” มิไรตะโกนออกมา กลุ่มชายชุดขาวพวกนั้นกังวลเล็กน้อย แต่พวกนั้นก็ยังคงจับดาบสู้ต่อ

    “เฮ้อ” มิไรสบถออกมา ก่อนที่เขาจะบุกเข้าไปและฟาดดาบกับพวกชุดขาว มันคนหนึ่งจะใช้มีดแทงข้างหลังมิไร แต่เมื่อแทงเข้าร่าง กลับพบว่ามีดเล่มนั้นบิดงอ ราวกับว่าร่างกายของมิไรเป็นเหล็ก

    “เฮ้ย วันหลังใช้มีดทองแดงนะเว้ย” มิไรพูดขึ้นและถีบมันออกไป ก่อนที่จะฟันเข้าที่ร่างของมันจนแน่นิ่ง

    “ฉึก!!”

    “บ้าเอ้ย พวกเรา ถอย!!” ชายชุดขาวคนหนึ่งตะโกนออกมา ก่อนที่พวกเขาจะใช้วิธีเปิดวาร์ปเพื่อหลบหนี แต่คนของมิไรก็เดินเข้ามาพร้อมกับปืนยาว จากนั้นก็ยิงใส่พวกมัน

    “ปังๆๆๆๆๆๆๆ!!”

    “ไม่มีใครหนีจากฉันได้” มิไรพูดขึ้น ในขณะที่คนของเขาก็ยิงปืนกระสุนทองแดงใส่พวกชุดขาวอย่างดุเดือด พวกชุดขาวเหลือแทบไม่รอดกลับไปเลย

     

    กลับมายังคลับของซอกฮุน ในวันนี้ตัวของเขาได้เข้ามาอยู่ในสตูดิโอส่วนตัวของเขา มันมีเอาไว้สำหรับถ่ายวีดีโอสำหรับผู้ใหญ่แบบผิดกฎหมาย ที่นี่พวกเขาจับหญิงสาวมาขังเอาไว้ เพื่อเอาไปถ่ายคลิปเพื่อหาเงิน เสียงร้องเจ็บปวดของเหล่าหญิงสาวพวกนั้นอย่างน่าเวทนา ซอกฮุนเดินดูไปเรื่อยๆ ในตอนนั้น ลูกน้องของเขาคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว

    “เออ นายครับ บุงอาตายแล้วครับ”

    “เฮ้ย เป็นไปได้ไงวะ มันตายได้ยังไง??” ซอกฮุนถามออกมาเสียงดัง

    “มันโดนเก็บที่โรงแรมที่มันพักครับ ได้ยินว่ามือปืนที่เก็บมันมืออาชีพมากครับ” ลูกน้องของเขาตอบไป

    “แม่งเอ้ย บุงอามันเป็นนายหน้าที่ดีที่สุดของเราด้วย” ซอกฮุนพูดขึ้น

    “ให้ผมไปสืบมั้ยครับว่าใครเก็บมัน??”

    “เออ มึงก็ต้องทำแบบนั้นอยู่แล้ว!!” ซอกฮุนตะโกนออกมา

    “ครับ แต่ผมว่า เรารีบหาคนมาแทนบุงอาเถอะครับ”

    “จะไปหาที่ไหนหล่ะ แกจะหาได้เหรอ??” ซอกฮุนถามไป

    “พอจะหาได้อยู่ครับ” ลูกน้องของเขาตอบ ในขณะที่ซอกฮุนเห็นกลุ่มชายกลุ่มหนึ่งกำลังรุมข่มขืนหญิงสาวคนหนึ่ง เขารีบพุ่งเข้าไปในทันทีและผลักพวกนั้นออก

    “ไอ้ห่าเอ้ย ไม่ได้เรื่อง มันต้องแบบนี้!!” ซอกฮุนตะโกนด่าคนพวกนั้น และข่มขืนหญิงสาวผู้น่าสงสารคนนั้นแทน

     

    กลับมายังเขตท่อระบายน้ำแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก ในตอนนี้ตัวของเฟทเองได้เดินออกมาจากเขตนั้น หลังจากที่หนีออกมาจากบ้านหลังเดิมที่มีคนพยายามจะบุกไปจับตัวเขา เขาเดินไปตามถนนเรื่อยๆ เพื่อหาที่อยู่ใหม่ชั่วคราว เขาเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเจออพาร์ทเม้นท์เก่าๆหลังหนึ่ง เขาลองเดินเข้าไปในทันที

    “สวัสดีครับ” เฟทพูดทักทายกับพนักงานร้าน แต่ในตอนนั้น เขาก็เห็นป้ายว่า

    “ห้ามผู้ใช้เวทย์เข้าพัก” 

    ตัวของเฟทอึ้งไปเล็กน้อย แต่ในตอนนั้น พนักงานคนหนึ่งก็พูดขึ้นมา

    “อย่าไปสนใจป้ายนั่นเลยค่ะ ทำทำไมไม่รู้ ลูกค้าก็ไม่ค่อยเข้าอยู่แล้ว มากี่คนคะ??” พนักงานคนนั้นถามไป

    “คนเดียวครับ” เฟทตอบ

    “คืนละ 16 เหรียญค่ะ” พนักงานตอบ ในตอนนั้นเองเฟทก็หยิบเอาเงิน 100 เหรียญวางไว้ให้กับพนักงานในทันที

    “ผมอาจจะอยู่ซักพักครับ”

    “อ้อค่ะ” พนักงานรีบหยิบเงินมา ก่อนที่จะเอากุญแจห้องชั้น 3 ให้กับเขา

    “นี่ค่ะห้องคุณ” พนักงานพูดขึ้น 

    “ครับ ขอบคุณครับ หลังจากนี้ชีวิตคุณจะมีเรื่องดีเข้ามานะ” เฟทพูดขึ้น จากนั้นก็หยิบกุญแจมา พนักงานสาวคนนั้นแปลกใจเล็กน้อย

    “เอ๊ะนี่ ทำไมคุณพูดแบบนั้นหล่ะ??”

    “อ้อ ผมเป็นหมอดูหน่ะ” เฟทตอบไป

    “จริงเหรอคะ คุณช่วยดูดวงฉันหน่อยได้หรือเปล่าคะ??” พนักงานสาวคนนั้นถามไป

    “เหรอ เอาเรื่องไหนหล่ะครับ??” เฟทถามไป

    “อืม เรื่องเจ้านายฉันนี่หล่ะค่ะ ตอนนี้เขากำลังนอนโรงบาลอยู่หน่ะ” พนักงานตอบ ก่อนที่เฟทจะหยิบเอาสร้อยของเขาออกมา จากนั้นก็มองสร้อยเส้นนั้น ไม่นานนักก็พูดขึ้น

    “อาการหนักอยู่นะ ถ้าเขาโชคดีก็หายใน 5 วัน แต่ถ้าโชคร้ายก็คงเป็นเดือน” เฟทตอบ ก่อนที่เขาจะเก็บสร้อยไป

    “โห ก็ขอให้เป็นอย่างหลังนะคะ จะได้เลิกออกกฎอะไรบ้าๆซะที” พนักงานสาวตอบ ก่อนที่ตัวของเฟทเองจะเดินขึ้นไปที่ชั้น 3 แบบเงียบๆ

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในบอสตัน บ้านพักของสภาจอมเวทย์นามว่าเกจิน ซึ่งเขาเป็นชายแก่คนหนึ่ง ที่ตอนนี้กำลังนัวเนียอีหนูคนหนึ่งอยู่ในบ้านอย่างสบายใจ แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าที่ด้านนอกกำลังเกิดอะไรขึ้น

    “เปรี้ยง!!”

    สายฟ้าเส้นหนึ่งพุ่งเข้ามาใส่ชายชุดขาวที่กำลังยืนอยู่หน้าบ้านของเกจิน แต่ดูเหมือนว่าเกจินจะยังไม่รู้ แต่สุดท้าย เขาก็รู้ตัว เนื่องจากว่าพื้นดินเริ่มสั่นคลอน

    “เฮ้ย อะไรวะเนี่ย??” เกจินพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นและรีบไปสวมชุด แต่ยังไม่ทันไร จู่ๆ ลมปริศนาก็พัดมาและเอาชั้นสองของบ้านไปทั้งหมด เกจินเองตกใจมาก

    “ผู้ใช้เวทย์เหรอ??” เกจินถามไป จากนั้นเขาก็หยิบเอาไม้เท้าของเขามาเตรียมต่อสู้ แต่ยังไม่ทันไร จู่ๆ ก้อนน้ำแข็งมากมายก็พุ่งเข้าใส่เกจิน เกจินเองรีบใช้บาเรียป้องกันเอาไว้

    “เฮ้ย พวกเอ็งเป็นใครกันวะ??” เกจินตะโกนออกมา ก่อนที่เขาจะร่ายมนต์ แต่จู่ๆ แส้ปริศนาก็ฟาดเข้าที่แขนของเกจิน ก่อนที่แส้นั้นจะกลายเป็นแส้ไฟ เกจินร้อนมากถึงกับต้องปล่อยไม้เท้า และไม่นานนัก หญิงสาวที่ถือแส้เพลิงก็เดินเข้ามาและหยิบเอาไม้เท้านั้นไปในทันที

    “มอลอซ แก!!”

    “ขอบใจที่ยังจำฉันได้ เกจิน” มอลอซตอบ ก่อนที่ไม่นานนัก เหล่าเทพปีศาจคนอื่นๆก็พากันปรากฏตัวออกมาอยู่ต่อหน้าของเกจิน

    “นี่ พวกแกร่วมมือกันหมดเลยเหรอวะ??”

    “ก็โดนขังไว้ด้วยกัน จะไม่ให้ร่วมมือกันยังไงหล่ะ??” ยิเมียร์ถามกลับ เกจินพยายามจะใช้เวทย์มนต์ขัดขืน แต่ยิเมียร์ก็ปล่อยน้ำแข็งออกมาแล้วล็อคขาของเกจินเอาไว้ ทำเอาเกจินขยับไม่ได้เลย

    “เฮ้อ ยังเจ้าเล่ห์เหมือนเดิมเลยนะแกเนี่ย ไม่ระวังตัวเลย” บาร์บาทอสพูดขึ้น

    “พวกแก คิดจะทำอะไรวะ??” เกจินถามไป

    “ก็ไม่มีอะไร แค่อยากจะล้างแค้นไอ้คนที่มันขังพวกเราหน่ะ” อาร์เทมิสตอบ

    “ใช่ และวันนี้แหละ พวกเราจะ..” ไรจินยังพูดไม่ทันจบ ในตอนนั้นพวกเขาทุกคนก็สัมผัสได้ถึงพลังอะไรบางอย่างที่เข้ามาใกล้พวกเขา มอลอซเองรีบปล่อยพลังไฟใส่ แต่เป้าหมายปริศนาก็ใช้โล่ปัดทิ้งได้อย่างง่ายดาย

    “ในที่สุดก็เผยตัวแล้วสินะ ท่านซาดิน??” มอลอซพูดขึ้น และชายคนนั้นก็คือเอล ซาดินนั่นเอง

    “ท่านซาดิน ช่วยข้าด้วย!!” เกจินพยายามตะโกนออกมา

    “หุบปาก!!” ซาดินซัดพลังหมัดเข้าที่หน้าของเกจินจนร่วงลงกับพื้น เอาทำเกจินแทบจะทุรนทุราย 

    “ถ้าจะให้ดี จับมันมัดไว้ดีกว่า” ซาดินพูดขึ้น ในตอนนั้นอาร์เทมิสก็ใช้พลังเสกเถาวัลย์มัดตัวของเกจินเอาไว้ ทำให้เกจินไม่สามารถไปไหนได้

    “อยู่เฉยๆซะไอ้แก่” ไรจินพูดขึ้น

    “ว่าแต่ ท่านซาดิน ท่านตามพวกเรามางั้นหรือ??” ยิเมียร์ถามอย่างสงสัย

    “ใช่ ฉันอยากจะรู้ว่าพวกแกกำลังทำอะไรกันอยู่ ถึงได้รีบมาเล่นงานไอ้เกจิน??” ซาดินถามไป

    “ถ้าให้พูดตรงๆ ตอนนี้พวกเรากำลังตอบโต้พวกสภาจอมเวทย์ ที่พยายามจะกวาดล้างพวกเราหน่ะ” บาร์บาทอสตอบ

    “อืม จะว่าไป ช่วงนี้กำลังวุ่นวายเลย พวกชุดขาวเองก็กำลังออกอาละวาดหนัก ดูเหมือนพวกมันเองก็เล็งตัวฉันด้วย” ซาดินพูดขึ้น

    “ก็ไม่น่าแปลกใจนะท่าน” อาร์เทมิสตอบ

    “ท่านซาดิน ข้าว่า เรามาร่วมมือกันปกป้องตัวเองจากพวกมันดีกว่า” มอลอซพูดขึ้น

    “ฉันยังไม่อยากร่วมมือกับใครทั้งนั้น ฉันมีภารกิจของฉัน” ซาดินตอบไป

    “ยังละทิ้งหน้าที่ในการปกป้องผู้คนมิได้สินะท่าน??” ยิเมียร์ถามไป

    “นี่ สำรวมหน่อยสิ” ไรจินพูดปรามเขา

    “กะแล้วว่าท่านต้องตอบแบบนี้” บาร์บาทอสพูดเสริม

    “เอาเถอะ ฉันไม่สนหรอกว่าพวกเจ้าจะทำอะไร แต่อย่าสร้างความเดือดร้อนก็แล้วกัน” ซาดินตอบ

    “ว่าแต่ ท่านจะเอายังไงกับมันต่อหล่ะ??” อาร์เทมิสถามในขณะที่ชี้ไปยังเกจินที่ยังโดนจับมัด

    “พวกเจ้าทำแทนได้อยู่แล้วนี่ แต่รีบไปจากที่นี่ดีกว่า พวกมันคงไม่หยุดแค่นี้แน่” ซาดินพูดขึ้น 

    “ได้เลยท่าน เราคงได้เจอกันอีกแน่” มอลอซพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก ซาดินจะค่อยๆหายตัวไปอย่างรวดเร็ว

    “ท่านซาดิน ช่วยข้าด้วยเถิด อย่าเพิ่งไป!!” เกจินตะโกนออกมา

    “เฮ้อ เขาไม่ช่วยคนเลวๆอย่าแกหรอก!!” มอลอซตอบและเหยียบไปที่หลังของเกจินอีกรอบ

    “แล้วนี่จะเอายังไงกับมันต่อหล่ะ??” ไรจินถามไป

    “ก็แยกมันเป็นชิ้นๆ โชว์ให้พวกที่เหลือดูสิ” ยิเมียร์พูดขึ้น

    “จริงด้วย เราต้องทำให้พวกมันเห็น” บาร์บาทอสพูดเสริม

    “อืม จริงด้วย ถ้าอย่างงั้นคงต้องจัดการมันเลย” มอลอซพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก เธอก็ใช้ไฟเผาร่างของเกจิน

    “อ๊าค!!”

    ร่างของเกจินถูกเผาแทบจะเป็นจุล เกจินตอนนี้ดิ้นทุรนทุราย ก่อนที่ไม่นานนัก ร่างของเขาตอนนี้ก็แทบจะกลายเป็นเถ้าถ่าน

     

    กลับมายังคฤหาสน์ของโครวี่ หลังจากที่กองกำลังของเขาได้จัดการกับพวกชุดคลุมขาวที่พยายามจะบุกมาจับกุมเขาเรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้ตัวของเขาก็กลับมานั่งที่ห้องรับแขก เลี้ยงฉลองกับลูกน้องอย่างเต็มที่ ในระหว่างที่โครวี่กำลังนั่งดื่มอยู่นั้น ยูจีนก็เดินทางกลับมาที่คฤหาสน์ของเขาต่อ

    “เฮ้ ยูจีน ดื่มหน่อยสิ!!” โครวี่พูดขึ้น

    “ไม่ดีกว่าครับ ผมต้องไปขายของที่อื่นต่อนิดหน่อย”

    “เฮ้ย วันนี้ก็พักงานซักวันสิ” โครวี่พูดต่อ

    “งานนี้ค่อนข้างสำคัญจริงๆครับ” ยูจีนพูดขึ้น แต่เขาก็เดินเข้าไปหยิบแก้วเหล้ามาแก้วหนึ่ง แล้วรินแชมเปญใส่แก้ว

    “เฮ้ย ใครเขาดื่มแชมเปญใส่แก้วนั้นกันหล่ะ??” โครวี่ถามไป แต่ยูจีนเองก็หยิบมันมาดื่ม 

    “ผมมีเรื่องต้องแจ้งคุณนิดหน่อย” ยูจีนพูดขึ้น

    “อืม ว่าไงหล่ะ??” โครวี่ถามไป

    “ตอนนี้พวกสภาเวทย์มันเริ่มจะเคลื่อนไหวนักขึ้นแล้ว รวมถึงรัฐบาลด้วย พวกเราเองคงต้องเก็บตัวเงียบซักระยะครับ” ยูจีนพูดขึ้น

    “เหรอ ไปได้ข่าวจากไหนหล่ะ??” โครวี่ถามไป

    “ผมมีสายที่เชื่อถือได้ ว่าแต่ คุณยังจำไอ้อาคุมะได้หรือเปล่า??” ยูจีนถามโครวี่ไป

    “อาคุมะ อ้อ ไอ้กร๊วกนั่นที่ฉันเกือบจะได้ฆ่ามัน ฉันจำได้” โครวี่พูดขึ้น

    “ครับ ผมได้ข่าวว่าแก๊งของพวกมันกำลังจะตามล่าหัวคุณครับ”

    “เฮ้อ ถ้ามันอยากตายจริงๆก็มา ฉันแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนแล้ว” โครวี่พูดต่อ

    “แต่ว่า พรรคพวกของใหม่ที่มาใหม่คราวนี้ไม่ใช่ธรรมดาๆเลยนะครับ” ยูจีนพูดขึ้น

    “ฉันไม่สนหรอก ลูกน้องของมันก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่” โครวี่พูดขึ้น

    “ครับ แต่ยังไงผมก็อยากให้คุณระวังไว้ด้วย” ยูจีนบอก และในขณะเดียวกัน เลขาของโครวี่ก็เดินเข้ามาในห้อง และเดินเข้ามาหาโครวี่

    “ขออนุญาตค่ะ”

    “มีอะไรหล่ะ??” โครวี่ถามไป

    “เราเก็บนายหน้าที่คิดจะมาซื้อเหมืองทองแดงตัดหน้าเราแล้วค่ะ”

    “อืม ดี ทำได้ดี” โครวี่พูดขึ้น

    “ค่ะ แต่ดิฉันเชื่อว่าเราอาจจะทำให้พรรคพวกของมันตามล่าเราแน่นอนค่ะ” 

    “ฉันไม่สน ถ้าพวกมันจะมา ก็ให้มันมา” โครวี่ตอบ ก่อนที่เลขาจะเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

    “อยากรู้เหมือนกันว่ามันทำงานให้ใคร” ยูจีนพูดขึ้น

    “ฉันฝากนายไปสืบหน่อยแล้วกัน” โครวี่บอกกับยูจีน

    “อืม เดี๋ยวผมจะลองสืบให้” ยูจีนรับคำไป

    “โอเค แล้วนี่ มีข่าวจากไอ้พวกชุดขาวนั่นหรือเปล่า??” โครวี่ถามยูจีนอย่างสงสัย

    “ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเพิ่มเติมครับ” 

    “อืม เร่งเสริมกำลังคนให้มากขึ้นก็แล้วกัน เอากระสุนทองแดงมาให้เยอะๆด้วยหล่ะ” โครวี่พูดขึ้น 

    “ครับ ส่วนเรื่องเหมืองออซเจนิส เรงดำเนินการเลย ฉันว่าฉันอยากจะได้กระสุนธาตุที่ยิงออกไปแล้วออกมาเป็นพลังหน่ะ” โครวี่พูดขึ้น

    “แร่ออซเจนิสเพลิงทำได้ครับ” ยูจีนพูดขึ้น ก่อนที่ตัวของเขาจะหยิบเอากระสุนปืนนัดหนึ่งออกมา แล้ววางไว้ที่โต๊ะห้องรับแขกของโครวี่

    “น่าสนใจแหะ” โครวี่พูดขึ้น ก่อนที่โครวี่จะรีบหยิบกระสุนที่ยูจีนให้มาเก็บเอาไว้

     

    กลับมายังบ้านพักของโสนและมอล ในตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ก็อยู่ด้วยกันไปตามปกติ เนื่องจากว่าโสนเป็นผู้ใช้เวทย์ และช่วงนี้ทางการกำลังตามล่าตัวผู้ใช้เวทย์ ในระหว่างที่โสนกำลังนอนอยู่บนเตียง มอลเองก็เดินเข้ามาหาโสนในห้อง

    “เฮ้ เป็นยังไงบ้าง??” 

    “มีอะไรเหรอมอล??” โสนถามเขาไป

    “ช่วงนี้มีจดหมายมาหาเธอหน่ะ ถามว่าเธอช่วงนี้หายไปไหน” มอลพูดขึ้น

    “อ้อ ฉันบอกกับคนที่เกี่ยวข้องไปแล้วหล่ะ ว่าช่วงนี้ฉันกำลังหมดแพสชั่นหน่ะ” โสนตอบ

    “อืม ช่วงนี้ถ้าจะไปไหนก็ระวังแล้วกัน” มอลพูดขึ้น แต่เขายังไม่ทันที่จะนอนลงบนเตียงร่วมกับโสน ออดหน้าบ้านก็ถูกกดจากใครบางคน มอลเองหยุดนิ่งแล้วรีบค้นลิ้นชักในทันที เพื่อเตรียมป้องกันตัว

    “อยู่นี่หล่ะ” มอลพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะค่อยๆย่องไปที่หน้าบ้าน จากนั้นก้เอาตัวแนบชิดกับกำแพงที่ติดประตู จากนั้นเขาก็พูดขึ้นมา

    “นั่นใครหน่ะ??”

    “ผมเองครับ!!” เสียงของชายคนหนึ่งตอบกลับมา จากนั้นมอลก็เปิดประตูให้ชายคนนั้นในทันที

    “ว่าไงโจเอล??”

    “ช่วงนี้หัวหน้าไม่ไปทำงานเลยครับ ผมว่าจะเอาเอกสารให้หัวหน้าดูหน่อย” ชายคนนั้นตอบมอล ก่อนที่เขาจะส่งเอกสารให้กับมอล

    “นี่ ช่วงนี้ฉันอาจจะ WFH ซักพัก มีอะไรก็ส่งทางเมล์แล้วกัน ขอบใจ” มอลพูดจบก็ปิดประตูบ้าน ก่อนที่เขาจะเอาเอกสารออกมาอ่านทันที

    “โอเค” มอลอ่านและพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะเดินกลับเข้าไปหาโสนที่กำลังนอนรออยู่บนเตียง

    “มีอะไรหรือเปล่า??” โสนถามอย่างสงสัย

    “ไม่มีอะไรหรอก ลูกน้องมาส่งงานหน่ะ” มอลตอบในขณะที่วางเอกสารเอาไว้บนโต๊ะทำงานของเขา

    “เฮ้อ ตกใจหมดเลย”

    “ไม่ต้องห่วง ผมไม่ปล่อยให้คุณเป็นอะไรหรอก” มอลตอบโสนไป

    “สัญญาแล้วนะ??” โสนพูดขึ้นถามมอล

    “อืม ไม่รู้ว่าเราจะอยู่ที่นี่ได้นานแค่ไหนนะ” มอลตอบเขา ก่อนที่เขาจะขึ้นเตียงร่วมกับโสนไปด้วย

     

    กลับมายังค่ายมวยของเวโรนิก้า หลังจากที่พวกเขาพักผ่อนกันเรียบร้อยแล้ว ในเช้าวันต่อมา พวกเขาก็ตื่นขึ้นมาโดยใช้เวลาไล่เลี่ยกัน และไม่นานนัก เวโรนิก้าก็เดินเข้ามาพร้อมกับคามิลล่า พร้อมกับกาแฟผสมโกโก้เอามาให้กับทุกคน

    “เฮ้ เอามาให้ดื่มกันนะ” เวโรนิก้าพูดขึ้น

    “อืม ขอบใจมาก เดี๋ยวพวกเราขออาบน้ำหน่อย” เคนนี่ตอบกลับไป

    “ว่าแต่ วันนี้พวกนายจะเอายังไงต่อหล่ะ??” คามิลล่าถามทุกคนไป

    “กะว่าจะสืบเรื่องร้านเลเนสันกันหน่ะ ใช่หรือเปล่า??” ซิลเวสเตอร์ถามทุกคนไป

    “ใช่ ถ้าสิ่งที่ไอ้จ่าเอ็มเมอร์พูดเป็นความจริง เราอาจจะเจออะไรที่นั่นก็ได้” เคนนี่บอกกับทุกคน

    “ผมว่า มันอาจจะไม่ง่ายขนาดนั้นก็ได้ครับ” วอลพูดขึ้น

    “แน่นอน ไอ้บ้าในนั้นมันคงไม่บอกเราดีๆหรอก” โรเบิร์ตพูดขึ้นพลางกอดอกไปด้วย

    “ยังไงก็ต้องลองดู ตอนนี้พวกเราต้องร่วมมือกันแล้วหล่ะ” เคนนี่บอกกับทุกคน

    “อ่าๆ จะอะไรก็ช่างเถอะ ตอนนี้หาอะไรใส่ท้องก่อนแล้วกัน” เวโรนิก้าบอกกับทุกคน

    ================================================================

    เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมกันเน้อ

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย 

    ให้ของขวัญเป็นกำลังใจกันได้ครัช ไหว้หล่ะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×