คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 4 : ลอบเข้าค่าย
หลังจากที่กองพลของฮุ่ยชิงยิงปืนใหญ่เข้าสู่เขตชายแดนของเว่ยตง ลูกปืนใหญ่นับร้อยก็สร้างความเสียหายแก่พื้นที่นั้นอย่างหนักหน่วงและต่อเนื่อง เสียงปืนที่ดังสนั่นหวั่นไหวทำให้สัตว์ป่าน้อยใหญ่ในดินแดนเว่ยตงตื่นตระหนกตกใจ ในขณะที่กลุ่มของเวี่ยวเว่ยก็ยังคงควบม้าอย่างเร่งรีบเพื่อกลับไปยังสำนักของพวกเขา
“ตายหล่ะ นี่อีกนานหรือเปล่ากว่าจะถึง??”เสี่ยวเว่ยถามอย่างสงสัย
“ตามมาเถอะน่า เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก” ซิ่วอิงพูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ที่ด้านบนฟากฟ้า บรรดาหมู่นกที่มีขนาดใหญ่กว่านกทั่วไป ซึ่งดูจะใหญ่กว่ามนุษย์ด้วยซ้ำ นกเหล่านั้นบินเข้ามาใกล้พวกเขาจนแทบจะหายใจรดต้นคอ เสี่ยวเว่ยเห็นนกพวกนั้นจึงตกใจเป็นอย่างมาก
“โอโห้ นกพวกนี้มันอะไรกันเนี่ย??” เสี่ยวเว่ยพูดอย่างแปลกใจ
“นกยักษ์หน่ะ มันอาศัยอยู่แถวนี้ มันคงตกใจเสียงปืนใหญ่หน่ะ” หวังเหว่ยพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบขี่ม้าต่อไปยังสำนักของพวกเขา และในไม่กี่อึดใจ พวกเขาก็กลับมายังสำนักกระบี่มารของพวกเขา โดยที่บรรดาลูกศิษย์ในสำนักต่างก็พากันคุ้มกันสำนักของพวกเขาอย่างแข็งขัน เมื่อกลุ่มของเสี่ยวเว่ยกลับมา อิงฮวาก็รีบไปต้อนรับพวกเขาในทันที
“พี่หวังเหว่ย พี่ซิ่วอิง กลับมาแล้วเหรอคะ??”
“อิงฮวา ที่นี่ปลอดภัยหรือเปล่า??” ซิ่วอิงถามกลับไปในทันที
“ปลอดภัยดีค่ะ หนูกำลังรอพวกพี่ๆกลับมาเลยนะคะ” อิงฮวาพูดขึ้น
“ท่านพี่หวัง เสียงนั่นมันเสียงฟ้าผ่างั้นหรือ??”จางหลงถามเขาอย่างสงสัย
“นั่นสิท่านพี่ มันดุดันและทรงพลังมากๆ” จูไค๋พูดเสริม
“ไม่ใช่หรอก นั่นก็แค่ปืนใหญ่หน่ะ คิดว่านะ” หวังเหว่ยดันพูดออกมา
“แปลกนะท่านพี่ ถ้าเช่นนั้น ข้าขอกำลังคนไปซัก 20 คน ข้าจะไปทำลายปืนใหญ่พวกนั้นให้เหี้ยน!!”หมิงซ่านพูดขึ้น
“ไม่ เจ้าสู้พวกเขาไม่ได้หรอก!!” ซิ่วอิงพูดขึ้น
“ใช่ ไม่รู้ว่าพวกมันจะเตรียมอาวุธอะไรดักรอเราหรือเปล่า รอดูสถานการณ์ไปก่อนดีกว่า” เสี่ยวเว่ยพูดขึ้น ในขณะเดียวกัน เจ้าสำนักเจ๋ออี้ก็ค่อยๆเดินมาดูด้านนอก โดยที่นายหญิงหลี่ปิงก็แบกอึ๋งฉงออกมาด้วยความเป็นห่วง
“นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย ข้าหนวกหูจะตายอยู่แล้ว บ้าเอ้ย!!”อึ๋งฉงตะโกนอย่างโมโห
“แค่ปืนใหญ่หน่ะพี่อึ๋งฉง!!”อิงฮวาตอบไป
“บ้าเอ้ย!! ก็ส่งคนไปเล่นงานพวกมันสิ ไม่งั้นข้าไม่ได้นอนพอดี”
“ไม่ได้หรอกท่าน พวกนั้นอาจจะรอเล่นงานเราอยู่ก็ได้” เสี่ยวเว่ยแย้งไป
“นี่ เจ้ากล้าว่าอึ๋งฉงอย่างงั้นเหรอ??” นายหญิงหลี่ปิงตะโกนถามเสี่ยวเว่ยไป
“อย่า หลี่ปิง เขาพูดถูก ไม่ต้องห่วงหรอก พวกมันทำลายที่นี่ไม่ได้หรอก” เจ้าสำนักพูดขึ้น ในขณะที่ปืนใหญ่ดำเนินการยิงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเช้ามืดของวันต่อมา กลุ่มจอมยุทธ์แต่ละสำนักก็รีบส่งคนไปตรวจสอบพื้นที่ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น บรรดาจอมยุทธ์น้อยใหญ่ต่างใช้ลมปราณเหินเวหาของพวกเขาเพื่อออกเดินทางไปยังเขตชายแดนที่ถูกโจมตี แต่เมื่อพวกเขามาเจอกับเขตชายแดนที่ถูกโจมตี สิ่งที่พวกเขาพบทุกอย่างก็เหลือแต่เถ้าถ่าน ต้นไม้นานาพรรณถูกระเบิดจนแหลกไม่มีชิ้นดี รวมถึงปืนที่ที่เป็นหลุมปืนใหญ่ขนาดใหญ่ ทำเอาพวกเขาถึงกับตะลึงกับสิ่งที่เห็นในตอนนี้
“บ้าเอ้ย นี่มันทำถึงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย??”เจ้าจิงเชียงพูดอย่างโกรธแค้น
“นั่นสิ ข้าไม่ยอมอีกต่อไปแล้ว ใครจะเอาด้วยกับข้าบ้าง??”หม่าซื่อเฉินพูดขึ้นเพื่อปลุกระดมบรรดาลูกศิษย์ของพวกเขา
“โหดร้ายมากๆเลยแบบนี้ ใจร้ายมากๆเลย” เจ้าซวงจี๋พูดขึ้น
“ท่านพี่หม่า ข้าว่าท่านควรจะใจเย็นลงก่อนนะ” ข่งจีต้าพูดขึ้น
“นั่นสิท่านพี่ พวกมันทำลายล้างได้ขนาดนี้ พวกมันอาจจะฆ่าพวกเราก็ได้” หม่าเหมยอี๋พูดปรามเขาไป
“แล้วพวกเจ้าจะปล่อยให้มันทำลายที่นี่อย่างงั้นเหรอ??” ต้าหมิงเจ้าพูดขึ้น
“นั่นสิ พวกเขาอาจจะบุกเข้ามาเว่ยตงเมื่อไหร่ก็ได้นะ” ต้าเหรินเฉินภรรยาเขาพูดเสริม
“แต่เราต้องรู้ก่อนว่าพวกมันมีอาวุธอะไรอีกหรือเปล่า” หนีเอี๋ยนพูดขึ้น
“ใช่แล้วหล่ะ พวกมันมีอาวุธทรงประสิทธิภาพ เราอาจจะสู้ไม่ได้ง่ายๆ” ข่งลู่พูดขึ้น
“ข้าว่า งานนี้เราอาจจะไม่พ้นพินาศแล้วหล่ะ” จูเหลียงซานพูดขึ้น
“นั่นสิคะท่านพี่ ข้าชักหวั่นใจเหลือเกิน” จูบูเจ้าพูดเสริม
“ข้าว่าเราอย่าเพิ่งคิดอะไรไปไกลเลย ซื่อหง เจ้านำลูกศิษย์ของเราหาคนที่รอดชีวิตดีกว่านะ” ย่าเหออันพูดขึ้น
“รับทราบท่านย่า!!”ซื่อหงนำกำลังคนของพวกเขาไปตรวจสอบความเสียหาย ส่วนศิษย์คนอื่นๆก็รีบส่งคนไปช่วยดูพื้นที่ในทันที โดยที่ชาวบ้านผู้อพยพบางส่วนก็มาช่วยเหลือพวกเขาในการจัดการพื้นที่ด้วย รอบด้านมีแต่ร่างสัตว์ป่าที่กำลังบาดเจ็บมากมายรวมถึงชาวบ้านที่หาของป่าบางส่วนก็โดนสะเก็ดปืนใหญ่ด้วย ในระหว่างที่พวกเขากำลังตรวจสอบพื้นที่กันอยู่นั่นเอง ผู้เฒ่าหนานจ๋ายก็ลากสังขารตัวเองมายังกลุ่มของเหล่าจอมยุทธ์พวกนั้น โดยที่ตัวเขาเองก็บาดเจ็บอย่างหนัก เสี่ยวเว่ยได้เห็นเขาจึงรีบวิ่งไปดูอาการของเขาในทันทีด้วยความเป็นห่วง
“ท่านผู้เฒ่า ทำใจดีๆไว้นะ!!”เสี่ยวเว่ยแบกเขาเอาไว้ โดยที่ซิ่วอิงและหวังเหว่ยมาช่วยดูอาการของเขาอย่างเร่งด่วน ซิ่วอิงพยายามรวบรวมลมปราณของเธอเพื่อช่วยเหลือเขา แต่บาดแผลของผู้เฒ่าหนานจ๋ายก็สาหัสยิ่งนัก
“ข้าคงอยู่ได้อีกไม่นาน อาวุธของพวกมันร้ายกาจมาก พวกเจ้าต้องระวังตัวให้จงดี!!”
“ท่านผู้เฒ่า ทำใจดีๆไว้ก่อนนะ ข้ากำลังช่วยท่านอยู่” ซิ่วอิงพยายามจะช่วยเขาอย่างสุดชีวิต แต่สุดท้ายผู้เฒ่าหนานจ๋ายก็สิ้นใจลงในอ้อมอกของเสี่ยวเว่ย
“ท่านผู้เฒ่า!!”
“หลับให้สบายนะท่านหนานจ๋าย”หวังเหว่ยพูดขึ้นจากนั้นก็ใช้มือปิดไปที่ดวงตาของเขา จากนั้นเสี่ยวเว่ยก็ค่อยๆวางร่างของเขาลงบนพื้นแถวนั้น
“บ้าเอ้ย ข้าไม่ยอมอีกต่อไปแล้ว ใครจะไปลุยกับข้า ยกมือขึ้นมาเลย!!”ศิษย์สำนักตระกูลหนีคนหนึ่งพูดขึ้น ในขณะที่คนอื่นๆบางส่วนก็เอาด้วยกับเขาเนื่องจากโกรธแค้นกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“แฮเตี๋ยน นี่เจ้าคิดจะทำอะไรหน่ะ” หลันฮวาถามไป
“ข้าจะไปสู้กับพวกมัน ข้าไม่ยอมให้พวกมันทำอยู่ฝ่ายเดียวหรอก ท่านอาจารย์ แล้วข้าจะกลับมา!!”แฮเตี๋ยนคารวะหนีเอี๋ยนอาจารย์ของเขาก่อนที่จะนำลูกศิษย์สำนักอื่นๆรวม 30 กว่าคนเดินทางไปต่อสู้กับข้าศึกพวกนั้น
“พวกมันต้องตั้งค่ายไว้แถวนี้แล้ว ถึงได้โจมตีเขตชายแดนเราได้” ต้าเฟิงเทียนพูดขึ้น
“ข้าเห็นด้วย ที่ตั้งปืนใหญ่ของพวกมันต้องอยู่ไม่ห่างจากค่ายใหญ่ของพวกมัน ไม่แน่ถ้าเราแอบไปเงียบๆ เราน่าจะทำลายปืนใหญ่ของพวกมันได้” หม่าเกอโย่วพูดขึ้น
“แล้วเจ้าจะเอายังไงต่อ ข้าพร้อมจะสู้อยู่แล้ว!!” หนีเจาจวินพูดขึ้น
“แต่ปืนไฟของพวกมันมีประสิทธิภาพมาก เราอาจจะสู้ลำบากหน่อยหน่ะ” จงซานพูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง จอมยุทธ์หนุ่มที่แอบซ่อนตัวอยู่ในป่าก็เผยตัวออกมาเพื่อพบเจอกับบรรดาจอมยุทธ์ของแต่ละสำนัก
“สวัสดีทุกท่าน!!ทุกท่านคงจะรู้แล้วนะว่าเกิดอะไรขึ้น” เสี่ยวหลงออกจากป่าพร้อมกับเสือคู่ใจของเขาแล้วพูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง ข่งจินฮัวเห็นชายคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มด้วย
“พี่เฟยอวี่!!”
จินฮัววิ่งเข้าไปกอดเขาในทันที เฟยอวี่กอดเขากลับไป โดยที่โฮจินและหวังเจ่ยก็เดินไปหาเฟยอวี่ด้วย
“ท่านพี่ใหญ่กลับมาแล้ว!!”หวังเจ่ยพูดขึ้น
“หวังเจ่ย โฮจิน พวกเจ้าสบายดีนะ??” เฟยอวี่ถามไป
“ข้าสบายดี ดีแล้วที่ท่านพี่กลับมา ก็อย่างที่รู้ พวกเรากำลังเจอศึกหนักหน่ะ” โฮจินพูดขึ้น
“ข้าอยากเจอท่านพ่อท่านแม่หน่อย พาข้าไปเจอท่านที!!”
“ตามข้ามาเลยท่านพี่ ข้าคิดถึงท่านพี่มากๆเลยนะ!!” จินฮัวพูดขึ้น จากนั้นก็พาเฟยอวี่ไปคารวะข่งลู่ซึ่งเป็นพ่อของเขา
“เฟยอวี่ เจ้ากลับบ้านแล้ว!!”
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าคิดถึงพวกท่านยิ่งนัก ข้าต้องขอโทษที่เพิ่งจะกลับมาในยามนี้”เฟยอวี่พูดขึ้น
“เจ้ากลับมาก็ดีแล้วหล่ะ”ข่งจีต้าพูดขึ้น
“ข้าเคยประมือกับศัตรูที่ถล่มที่นี่มาแล้ว พวกเขาแข็งแกร่งยิ่งนัก ท่านพ่อ พวกท่านรีบรวมพลเถิด” เฟยอวี่พูดขึ้น
“ข้าเข้าใจ ที่เหลือคงต้องฝากพวกเจ้าแล้วหล่ะ” ข่งลู่พูดขึ้นพลางกอดลูกชายคนโตของเขาไว้ และอีกด้านหนึ่ง จอมยุทธ์หน้าใหม่ที่เพิ่งจะมาก็สนทนากับเหล่าจอมยุทธ์ในพื้นที่ทันที
“พวกเจ้าเป็นใครมาจากไหนกันงั้นเหรอ??”จินกวนเทียนถามไป
“คารวะจอมยุทธ์ทุกท่าน ข้ามู่เฉิน สำนักวรยุทธ์แดนใต้ ที่ข้ามาก็เพื่อท่องไปในยุทธภพและประลองฝีมือหน่ะ!!”มู่เฉินพูดขึ้น
“ส่วนข้าฝางหลิน ข้าหนีมาจากกองทัพของพวกมัน ข้ารู้ว่าพวกที่ถล่มที่นี่มันเป็นใคร” ฝางหลินพูดอย่างตกใจ
“จริงเหรอ เจ้ารู้จริงๆเหรอพวกมันเป็นใคร??”หม่าโหลวฟางถามไป
“ยิ่งกว่ารู้อีก มันคือกองทัพขุนศึกไคตงฟงยังไงหล่ะ เออลืมบอกไป ข้าชื่อเสี่ยวหลง ข้าฝึกวิชาในเขตนี้มานานแล้วหล่ะ!!”เสี่ยวหลงพูดขึ้น
“ไคตงฟง เจ้าพูดเหมือนกับเสี่ยวเว่ยเลยแหะ” หม่าลี่หยวนพูดขึ้น
“ถ้าที่เจ้าพูดเป็นความจริง ที่นี่คงกำลังถูกรุกรานแล้วหล่ะ!!”ต้าหงฝูพูดขึ้น
“นั่นสินะคะ เราต้องทำอะไรซักอย่างแล้วหล่ะ!!”ลี่หยวนพูดซ้ำอีก
“เราต้องตอบโต้พวกมันอย่างมีแผนการ ไม่เช่นนนั้นเราอาจจะตายหันหมดก็ได้” ฮุยจินพูดขึ้น
“ข้าพร้อมจะสู้กับพวกมัน ไม่ว่าจะยังไง” หนีเจาจวินพูดขึ้น
“แน่นอน พวกเจ้าเอายังไงข้าก็เอาด้วยอยู่แล้ว” จูจงซานพูดขึ้น
“พวกเราพร้อม แต่คนอื่นจะพร้อมกับเราด้วยหรือเปล่าหล่ะ” จูฟานจิงพูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง เสี่ยวเว่ยก็พูดขึ้นมาในทันที
“ข้ามีความคิดดีๆหล่ะ ใครที่อยากจะรู้ก็ตามข้ามา” เสี่ยวเว่ยพูดขึ้น ในขณะที่คนอื่นๆก็สงสัยจึงตามเขาไป แต่มีคนหนึ่งที่ไม่ตามเขา ซึ่งนั่นก็คือหวังเหว่ย เพราะในตอนนั้นเองหวังเหว่ยสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างในป่า เขารีบชักกระบี่ออกมาแล้วพุ่งเข้าไปในป่า จนกระทั่งเขาเจอกับชายคนหนึ่งซึ่งใช้ลมปราณของเขาหยุดดาบเขาไว้ แต่หวังเหว่ยก็หยุดกระบี่ของเขาแล้วปัดลมปราณของอีกฝ่ายทิ้งไป
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ หวังเหว่ย!!”
“หลานหยู นั่นเจ้าใช่หรือเปล่า” หวังเหว่ยตอบไป
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ หวังเหว่ย เจ้าสบายดีนะ??”
“ข้าไม่เป็นไรหรอก คิดว่าจะไม่ได้เจอเจ้าอีกแล้ว!!”หวังเหว่ยพูดขึ้น
“ไม่หรอก ข้าต้องกลับมาเพราะเรื่องนี้แหละ” หลานหยูพูดขึ้น
“แล้วเจ้าคิดอะไรของเจ้าอยู่งั้นเหรอ??”หวังเหว่ยถามอย่างสงสัย
“ข้าไม่บอกเจ้าหรอก แค่ตอนนี้ ค่อยเจอกันนะ” หลานหยูพูดขึ้น จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในป่าลึก ปล่อยให้หวังเหว่ยยืนมองตาปริบๆอยู่ด้านหลัง
และอีกด้านหนึ่งของป่า เสี่ยวเว่ยพาเหล่าจอมยุทธ์คนอื่นๆที่พร้อมจะสู้เพื่อตอบโต้ทหารของนายพลไคตงฟงที่อยู่ในพื้นที่ จอมยุทธ์คนอื่นๆต่างก็อยากมาฟังความคิดของเขาว่าเป็นอย่างไร
“นี่ ท่านเสี่ยวเว่ย ท่านบอกว่าท่านมีแผนนี่ แผนอะไรเช่นนั้นเหรอ??”หม่าลี่หยวนยิงคำถามใส่เขาไปก่อน
“ผมว่า พวกของนายพลไคตงฟงมันต้องอยู่ห่างจากที่นี่ไม่เท่าไหร่นัก เพราะปืนใหญ่ส่วนใหญ่ยิงได้ไม่ไกลขนาดนี้ กองพันปืนใหญ่ของพวกมันคงจะอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ เราน่าจะไปสืบจากค่ายของพวกมันได้”
“เห็นด้วยนะ เราควรจะไปสืบพวกมันอย่างลับๆก่อน แล้วค่อยหาทางโจมตีทีหลัง” หม่าเกอหยวนพูดขึ้น
“ว่าแต่ พวกเราจะรู้ได้ยังไงว่าค่ายของพวกมันอยู่ที่ไหน??”กวนเทียนถามอย่างสงสัย
“เสือของข้าแกะรอยพวกมันได้ แล้วเราค่อยตามรอยไปไงหล่ะ” เสี่ยวเว่ยพูดขึ้น
“ว่าแต่ ถ้าเราไปถึงแล้วยังไงต่อหล่ะ” จูซื่อหงถามไป
“เมื่อไปถึง เราจะค่อยๆทำลายอาวุธพวกนั้น รวมถึงระเบิดค่ายของพวกมันได้ถ้าโชคดี” เสี่ยวเว่ยพูดขึ้น
“เยี่ยมเลย ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปกับเจ้าด้วย”โหลวฟางพูดขึ้น
“ข้าว่า เราน่าจะขโมยอาวุธพวกมันมาด้วยนะ มันช่วยเราได้” เกอโย่วพูดขึ้น
“นั่นสิ ถ้าเราได้อาวุธพวกมันมา เราอาจจะรบกองโจรกับพวกมันได้นะ” เฟิงเทียนพูดขึ้น
“แต่ว่า งานนี้เราต้องไปแบบเงียบๆ เราน่าจะใช้อาวุธอะไรที่ไม่มีเสียงนะ” จูจงซานพูดไป
“ถ้าเช่นนั้นข้าไปด้วย ข้าอยากจะรู้เหมือนกันว่าพวกมันจะแน่ซักแค่ไหน” ข่งโฮจินพูดขึ้น
“ข้าก็จะไปด้วย ข้าจะไปเด็ดหัวพวกมันเอง” ข่งหวังเจ่ยพูดเสริม
“ถ้างั้นข้าจะไปด้วย ไม่แน่ข้าอาจจะฆ่าเจ้าไคตงฟงก็ได้” หนีเจาจวินพูดขึ้น
“ข้าจะอยู่คุ้มกันที่นี่ เจ้าระวังตัวด้วยหล่ะ ข้ารู้ว่าเจ้าทำได้” ฮุยชิงพูดขึ้น
“ถึงข้าจะทำอะไรไม่ได้มาก แต่ข้าจะช่วยพวกท่านด้วย” ต้าหลันฮวาพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้นเจ้าก็ระวังตัวด้วยนะ” ต้าหงฝูตอบไป
“เอาหล่ะความจริงข้าอยากประลองกับพวกท่าน แต่ข้าขอลุยที่นี่ก่อนก็แล้วกัน ข้าเอาด้วยกับพวกท่าน” มู่เฉินพูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ซิ่วอิงก็เดินเข้ามาหาเสี่ยวเว่ยอย่างเร่งรีบ
“เสี่ยวเว่ย นี่เจ้าคิดจะทำอะไร??”ซิ่วอิงถามอย่างสงสัย
“ข้าจะไปสำรวจพวกมัน ไม่ต้องห่วงหรอก ข้าเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว” เสี่ยวเว่ยตอบไป
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปกับพวกเจ้าด้วยก็แล้วกัน” ซิ่วอิงพูดขึ้นโดยที่เธอก็มองหน้าเสี่ยวเว่ยไปด้วย
ช่วงเวลาเที่ยงวัน กลับมายังค่ายปืนใหญ่ของฮุ่ยชิง หลังจากที่พวกเธอได้จัดการยิงปืนใหญ่ถล่มพื้นที่ของชายแดนเว่ยตงได้อย่างราบคาบ หลังจากนั้นไม่นานนักข่าวการโจมตีก็ไปถึงนายพลไคตงฟง ซึ่งเขาก็กำลังเคลื่อนทัพเข้ามายังค่ายปืนใหญ่ของเธอ และไม่นานนัก ขบวนกองทัพนับแสนของนายพลไคตงฟงก็เข้าสู่พื้นที่ของฮุ่ยชิง ซึ่งฮุ่ยชิงก็ยกขบวนไปรอต้อนรับเขาอยู่แล้ว หลังจากที่นายพลไคตงฟงมาถึง ฮุ่ยชิงก็เดินไปต้อนรับเขาในทันที
“ตงฟง นึกไม่ถึงเลยว่าท่านจะมาเร็วขนาดนี้!!”
“แน่นอน ข้าได้ยินข่าวทั้งหมดแล้ว เจ้าทำได้ดีมาก” นายพลไคตงฟงพูดขึ้น
“ท่านนายพลคะ ข้าส่งอีกาของข้าไปสำรวจแล้ว ตอนนี้ยังไม่พบความเสียหายค่ะ” จื่อวี่รายงานไป
“ช่างมันเถอะ เราแค่จัดการให้พวกมันแตกตื่น แล้วก็เดี๋ยวจะมีเครื่องบินรบล็อตใหม่ของเราส่งมา ยังไงก็ไปคุมการขนส่งด้วยหล่ะ”
“รับทราบค่ะท่าน!!”จื่อวี่รับคำสั่งไป
“ท่านพ่อ แบบนี้เราก็บุกเข้าเว่ยตงได้แล้วสินะครับ” ซุยริวพูดขึ้น
“แต่ว่าท่านพ่อ ข้าจะขออะไรท่านซักหน่อยได้หรือเปล่า??”ชิงหยางถามนายพลไคตงฟงไป
“อืม เจ้าจะขออะไรอย่างงั้นเหรอ??”
“มีเจ้าหญิงตกยากกำลังขอความช่วยเหลือ ข้าถูกใจนางยิ่งนัก ข้าอยากให้ท่านพ่อช่วยสนับสนุนอาวุธและเงินทุนกับนาง ข้าจะได้นางมาเป็นมเหสีข้า!!” ชิงหยางพูดขึ้น
“อืม เจ้าน่าจะเชิญตัวเขามาพบกับพ่อหน่อยนะ” นายพลไคตงฟงพูดขึ้น
“เจ้านี่นะ ไปนอนกับคนโน่นคนนี้แล้วมาโมเมว่ารู้จักความรัก ไม่ไหวจริงๆ ฮ่าๆๆๆๆ!!”ไคซุยริวแอบแซวเขา ในขณะที่ไคจินก็เริ่มไอค่อกแคกอีกแล้ว
“ไคจินลูก!!เจ้ายังไม่หายอีกเหรอ??”
“ไม่มีอะไรท่านพ่อ ข้าแค่แพ้อากาศนิดหน่อยหน่ะ”
“ไม่ไหวเลยน่า เหมยฉี เจ้าหายาให้ลูกข้ากินด้วยหล่ะ ตอนนี้ข้าขอไปดูแผนการรบก่อนหล่ะ”
“ได้ค่ะท่านนายพล ไคจินจ๋า!! ตามน้ามาสิจ๊ะ”เหมยชิงพาไคจินเข้าไปในเต้นท์ของเธอ จากนั้นก็ให้เขานอนลงบนเตียงที่พักของเธอ โดยที่เธอก็เอายาผงละลายน้ำให้เขาดื่ม
“ยานี่จะช่วยให้เจ้าไม่แพ้อากาศที่นี่นะจ๊ะ!!”
“แต่น้าเหมยชิงครับ ข้าไม่ได้ป่วยขนาดนั้น”
“อย่าดื้อกับหมอสิจ๊ะ ดื่มซะสิ!!”เหมยชิงให้ไคจินดื่มยาในถ้วยจนหมด จากนั้นไคจินก็เริ่มง่วงซึม
“น้าเหมยฉี ข้าง่วงนอนจังเลย!!”
“หลับให้สบายเถอะนะไคจิน เดี๋ยวน้าจะดูแลเอง” เมื่อไคจินหลับลง จากนั้นเหมยฉีเธอก็ค่อยๆถอดเสื้อของไคจินออกในทันทีอย่างใจเย็น
“ให้น้าช่วยเธอดีกว่านะจ๊ะ วันนี้ไม่มีใครมารบกวนด้วย!!”
และอีกด้านหนึ่ง ในตอนนั้นเองชิงหยางและซุยริวก็เดินไปตรวจสอบอาวุธล็อตใหม่ที่พวกเขาเพิ่งจะซื้อมาได้ ในที่นี้มีทั้งปืนยาว ปืนกล ปืนใหญ่มากมาย รวมไปถึงรถถังบางส่วน ซึ่งพวกเขาตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อดูว่าอาวุธเหล่านี้จะช่วยให้พวกเขาได้รับชัยชนะหรือเปล่า
“ดูอาวุธพวกนี้สิ มันจะทำให้เรายึดไปทั่วภูมิภาคได้เลยนะเนี่ย!!”ซุยริวพูดขึ้น
“ถ้าไม่รังเกียจ ข้าอยากจะสนับสนุนอาวุธพวกนี้ให้เจ้าหญิงคนนั้นหน่อย” ชิงหยางพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ค่อยๆใช้ผ้าคลุมของเขาปิดทั่วร่างกาย เนื่องจากว่าชิงหยางเป็นโรคแพ้แสงแดดตั้งแต่ยังเด็ก
“ได้ยินว่าที่เว่ยตงมียาที่ทำให้เจ้าหายจากโรคนี้ด้วย”
“ข้ารู้ ข้าถึงได้เตรียมจะจัดการพวกมันยังไงหล่ะ”
ในระหว่างที่พวกเขาทั้งคู่กำลังคุยกันอยู่ เจียงเหวินที่ได้ถูกเรียกมาโดยชิงหยางก็เดินมาหาชิงหยางในทันที
“คุณเจียงเหวิน ข่าวที่ผมให้สืบเป็นยังไงบ้าง??”
“ครับ คนของเราสืบมาว่า มีกองกำลังต่างชาติอยู่ที่เขตซ่านซีจริงๆครับ”
“ชาวต่างชาติ พวกนั้นเป็นใครงั้นเหรอ??” ซุยริวถามอย่างสงสัย
“ต้องเป็นเธอแน่ๆ ส่งเงิน เสบียงและอาวุธให้พวกเขาตามที่ฉันบอก ที่เหลือฉันจะจัดการเอง”
“อ่า.. ได้ครับ!!”เจียงเหวินรับคำสั่ง จากนั้นเขาก็เตรียมการส่งอาวุธไปช่วยเหลือกองกำลังต่างชาติตามที่นายน้อยชิงหยางสั่งในทันที
กลับมายังชายฝั่งของแม่น้ำเหลือง กองทัพของนายพลจางพร้อมเที่ยผิงลูกน้องของเขาก็ตั้งค่ายกันเพื่อลำเลียงในแถบนั้นขึ้นเรือ พวกเขาสั่งให้ทหารของพวกเขาเสาะหาเขตเรือน้ำลึกเพื่อใช้ในการซ่อมแซมเรือของพวกเขาไปด้วยในตัว แต่จนแล้วจนรอดพวกเขาก็ยังไม่พบโซนน้ำลึกที่พวกเขาต้องการเลย
“เที่ยผิง ตอนนี้ได้เรื่องยังไงบ้างหล่ะ??”นายพลจางถามเขาไป
“เรากำลังให้คนเสาะหาอยู่ครับผม ว่าแต่ ท่านนายพลถืออะไรในมืออยู่เหรอครับ??”เที่ยผิงถามเขากลับไป
“อ้อ จดหมายจากเมียฉันเอง ในเว่ยตงหน่ะ”
“ท่านนายพลมีสายอยู่ในเว่ยตงเหรอครับ??”
“ไม่หรอก เมียฉันไม่ใช่สาย เออนี่ ให้ลูกน้องส่งตั๋วเงินนี่ให้เธอด้วย” นายพลจางยื่นตั๋วเงินฉบับหนึ่งให้เที่ยผิงไป
“ได้ครับท่าน ผมจะจัดการเองครับ!!”
“ตอนนี้เรือของเราต้องรีบซ่อมแซมด่วนเลย ไม่งั้นอาจจะปฏิบัติภารกิจไม่ได้หน่ะ”
“อย่าห่วงเลยครับท่าน ผมจะรีบเสาะหาให้แน่นอน ขอตัวนะครับ”
เที่ยผิงวันทยหัตถ์แล้วเดินออกไป แต่จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายมาจากอีกด้านหนึ่ง เที่ยผิงรีบวิ่งไปดูเหตุการณ์ในทันที จากนั้นเขาก็เห็นทหารของเขากำลังพยายามบังคับให้หญิงสาวที่ถือปืนคนหนึ่งลงจากม้า ทหารของเขารีบวิ่งมารายงานเขาในทันที
“ผู้กองครับ!!ยัยนี่มีปืนด้วยครับ ทำยังไงดีครับ??”
เที่ยผิงเห็นหน้าหญิงสาวที่ขาวผ่องและสะสวย เที่ยผิงจึงแอบยิ้มไป จากนั้นเขาก็สั่งให้ทหารลดปืนลงให้หมด ส่วนตัวเขาเองก็ค่อยๆเดินเข้าไปหาหญิงสาวคนนั้นในทันที
“สวัสดีครับคุณผู้หญิง คุณหลงทางอย่างงั้นเหรอ??”
“ฉันแค่อยากรู้ว่าฉันอยู่ที่ไหน ฉันไม่อยากฆ่าใครนะ!!”ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้น
“อ้อ!!ที่นี่เป็นค่ายของท่านนายพลจางหน่ะครับ” หญิงสาวคนนั้นได้ยินชื่อนายพลจางจึงแปลกใจ จากนั้นเธอก็พูดขึ้นต่อว่า
“คุณพาฉันไปหานายพลจางได้หรือเปล่า??”
เที่ยผิงได้ยินดังนั้นจึงจับอานม้าของผู้หญิงคนนั้นแล้วให้ผู้หญิงคนนั้นลงจากม้า จากนั้นเขาก็นำทางเธอไปหานายพลจางในทันที โดยที่นายพลจางกำลังยืนตรวจสอบกองทัพของเขาแถวนั้น
“ท่านนายพลครับ มีผู้หญิงมาพบท่านนายพลครับ!!”
หญิงสาวคนนั้นค่อยๆเดินเข้ามาหานายพลจาง จากนั้นเธอก็เอาสร้อยเส้นหนึ่งออกมาด้วย
“พ่อคะ แม่อยากมาเจอกับพ่อนะคะ แม่คิดถึงพ่อตลอดเวลา หนูชื่อคาโต้ ชิโนบุ ในที่สุดหนูก็ได้เจอพ่อซักที!!”เธอพูดพลางน้ำตาไหลไปด้วย
“นี่ เธอเป็นลูกของซายะนะอย่างงั้นเหรอ??”นายพลจางพูดขึ้น จากนั้นเขาก็หยิบสร้อยเส้นนั้นมาดู เขาเห็นดังนั้นจึงร้องไห้ออกมาด้วย เที่ยผิงเห็นดังนั้นจึงเดินไปที่อื่นต่อ
“พ่อสบายดีก็ดีแล้วค่ะ สร้อยเส้นนั้นหนูให้พ่อนะคะ ในนั้นมีกระดูกของแม่อยู่ อีกไม่นานหนูคงกลับญี่ปุ่นแล้วหล่ะ!!”
“ชิโนบุ อย่าเพิ่งกลับสิลูก พ่อขออยู่กับลูกก่อน พ่อคิดถึงลูกนะ!!”ชิโนบุได้ยินดังนั้นจึงยิ้มออกมาแล้ววิ่งไปกอดพ่อของเธอในทันที
“เที่ยผิง หาที่พักให้ลูกสาวฉันหน่อย ดูแลเธอให้ดีหล่ะ”
“ได้ครับท่าน!!เชิญทางนี้ครับคุณหนู”
เที่ยผิงไปชิโนบุไปยังเต้นท์ที่พักชั่วคราวของทหาร โดยที่ตัวเขาเองต้องคอยดูแลชิโนบุไปด้วยระหว่างที่เธออยู่ที่นี่
กลับมายังเขตป่าในเขตเว่ยตง หลังจากที่โทมารอฟหนีจากการตามล่าได้ เขาก็ขี่ม้ามาเรื่อยๆจากนั้นก็มาจอดม้าไว้ ณ หนองน้ำแห่งหนึ่ง จากนั้นตัวเขาเองก็รีบไปตักน้ำจากในหนองน้ำนั้นดื่ม เมื่อเขาดื่มไปคำแรก เขาก็รู้สึกว่าน้ำจากหนองน้ำนี้มีรสชาติที่หอมหวานมาก เขาจึงตักมาดื่มราวกับว่าเขาจะดื่มมันให้หมดบ่อ ซึ่งเขาอาจจะหิวน้ำก็ได้ แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง เขาก็เจอปลาตัวหนึ่งแหวกว่ายน้ำมาแถวๆนั้น โทมารอฟเกิดหิวเขาจึงหยิบมีดที่เขาพกมาด้วยแทงไปที่ตัวปลาที่กำลังว่ายอยู่ จากนั้นเขาก็เอามันขึ้นมา
“ขอโทษทีนะ อโหสิให้ฉันด้วย!!”
โทมารอฟหยิบปลาขึ้นมา จากนั้นเขาก็ก่อกองไฟแถวนั้น จากนั้นก็เอาปลาไปย่างไฟ ปลาที่ถูกย่างส่งกลิ่นหอมยั่วยวนใจ เมื่อปลาย่างได้ที่ เขาก็ค่อยๆแกะมันกินทีละหน่อยในทันที
“อร่อยดีแหะ ปลาที่นี่อร่อยมากเลย”
โทมารอฟกินมันไปเรื่อยๆจนหมดตัว แต่ในขณะเดียวกันนั้น เขาก็สังเกตได้ถึงอะไรผิดปกติในป่า ม้าของเขาเกิดตกใจขึ้นมา และจู่ๆ หมาตัวหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะมีลายเสือก็โผล่ออกมาสองตัวแล้วเข้ามาใกล้ตัวเขา เขาเห็นดังนั้นจึงชักปืนออกมาจะยิงหมาสองตัว แต่จู่ๆก็ปรากฏร่างของหมาอีกสิบโผล่ออกมาให้เขาเห็น เขาเห็นดังนั้นจึงยิ้มแห้งๆไป
“ซวยหล่ะตู!!”
ม้าของเขาในตอนนั้นเกิดตกใจแล้วหนีจนเชือกขาด ทำเอาโทมารอฟต้องวิ่งตามม้าของเขาในทันที ในขณะที่หมาประหลาดนับสิบตัววิ่งไล่ตามเขา โทมารอฟวิ่งไปจนกระทั่งจับเชือกอานม้าได้ จากนั้นเขาก็ดึงมาแล้วกระโดดขึ้นม้าในทันที จากนั้นก็ควบม้าหนีมันอย่างไม่คิดชีวิต
กลับมายังเมืองหลัวจิง โรงเตี๊ยมของจื่อหลิน หลังจากที่เธอได้เงินก้อนโตจากนายพลไคตงฟง เธอจึงเนรมิตร้านใหม่ของเธอในทันทีให้ใหญ่ยิ่งขึ้น และเพิ่มคนครัวมากยิ่งขึ้น เนื่องจากต้องรองรับทหารของนายพลไคตงฟงที่มากินมาดื่มกันที่นี่เรื่อยๆ แต่บางครั้งพวกเขาก็เกือบจะมีเรื่องกับกลุ่มจอมยุทธ์จากเว่ยตงที่มากินที่นี่ ซึ่งจื่อหลินก็ได้สั่งสอนพวกเขาทั้งสองฝ่ายไปโดยการที่แบ่งเขตให้ทั้งสองฝ่าย พวกเขาจะได้ไม่ต้องเจอหน้ากัน
“เป็นยังไงหล่ะ ถ้ายังอยากจะมีเรื่องกันอีก ฉันจะไปฟ้องท่านนายพล!!”จื่อหลินพูดขึ้นพลางสะบัดหน้าหนี แล้วก็เดินเข้าไปในครัวของเธอต่อในทันที โดยที่ฮุ้ยซิ่วที่กำลังนั่งผสมยาขายอยู่ก็ทักเธอในทันที
“อ้าว จื่อหลิน เป็นยังไงบ้าง??”
“ลูกค้าเยอะขึ้นมากเลย แบบนี้เรารวยกันแน่ๆ”
“แต่ว่า ถ้าพวกจอมยุทธ์รู้เข้าจะไม่เป็นไรเหรอ??”ฮุ้ยซิ่วถามอย่างสงสัย
“ไม่หรอก พวกนั้นรู้กิตติศัพท์และนิสัยของฉัน ไม่ต้องห่วงไป!! ว่าแต่ นี่เธอทำยาอะไรอยู่งั้นเหรอ??”
“ยาลูกกลอนแบบน้ำหน่ะ ฉันทำสูตรพิเศษ รักษาอาการปวดทุกอย่างได้ดีนักแล” ฮุ้ยซิ่วพูดขึ้น
“ดีๆ ถ้าเราเปิดร้านขายยาไปด้วยจะดีมากเลยเน้อ!!”จื่อหลินพูดขึ้น จากนั้นเธอก็เอาเงินบางส่วนไปเก็บไว้ในคลังใต้ดินของเธอ ซึ่งเต็มไปด้วยทองคำ และธนบัตรมากมายที่อยู่ด้านล่าง จื่อหลินเก็บเงินของเธอใส่หีบจากนั้นก็กลับขึ้นมาในทันที
และที่ชั้นสองของร้าน ซึ่งฟู่เถาและสมาชิกนักฆ่าของเขากำลังนั่งทานอาหารกลางวันของพวกเขาอย่างใจเย็นท่ามกลางเสียงเพลงจากพิณที่บรรเลงดังออกมา และในขณะเดียวกัน ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามารายงานอะไรบางอย่างกับเขาในทันที
“ท่านฟู่เถาครับ มีรายงานมาครับ!!”
“มีอะไร ว่ามาสิ??”ฟู่เถาพูดขึ้นในขณะที่นั่งคีบเต้าหู้ผัดของเขาอยู่
“เราจัดการทำลายหลักฐานของพวกมันเรียบร้อยครับ แต่พวกมันหนีไปได้คนหนึ่งครับ”
“งั้นเหรอ ส่งคนไปตามล่าพวกมันสิ!!” ฟู่เถาพูดขึ้น
“มันอาจจะเข้าไปในเขตเว่ยตงก็ได้นะครับ”
“ฉันไม่สน ส่งคนไปตามล่ามันให้ได้ ก่อนที่จะบรรลัยกันหมด!!”ฟู่เถาพูดขึ้นจากนั้นก็วางตะเกียบเสียงดัง ลูกน้องของเขาได้ยินดังนั้นจึงรีบระดมกำลังออกตามล่าโทมารอฟในทันที
ตกเย็น ณ ป่าแห่งหนึ่งในเขตซ่านซี ซึ่งกาการินพาอนาสตาเซีย และหลื่อวี้ เดินทางไปยังเขตของกองกำลังรัสเซียขาวซึ่งพวกเขาได้พากำลังคนหนีออกมาได้บางส่วนหลังจากที่กลุ่มคอมมิวนิสต์ได้ยึดประเทศ ซึ่งในตอนนั้นเองพวกเขาก็ดูคล้ายกับว่ากำลังขาดเสบียง ในตอนนั้นเอง กาการินก็พาอนาสตาเซียลงมาจากรถแล้วพาเธอมาแสดงตัวให้ทหารคนอื่นๆเห็นในทันที ทหารที่ได้เห็นในตอนนั้นต่างๆก็ยืนขึ้นทุกคน
“ถวายความเคารพ องค์หญิงอนาสตาเซีย!!”
ทหารเหล่านั้นพากันถวายคำนับแด่องค์หญิง ซึ่งในตอนนั้นเองอนาสตาเซียก็บอกให้พวกเขาลุกขึ้นในทันที
“ดูเหมือนพวกคุณทุกคนจะหิวนะคะ”
“พะยะค่ะองค์หญิง ในยามนี้พวกเราขัดสนเสบียงกับอาวุธ แต่ทหาร 1000 นายพร้อมจะสละชีวิตเพื่อพระองค์พะยะค่ะ” นายทหารคนหนึ่งพูดขึ้น ในตอนนั้นเองหลื่อวี้เห็นท่าไม่ดีจึงหยิบพิณคู่ใจของเธอแล้วค่อยๆเดินไปยังริมน้ำแถวนั้น
“อ่า ท่านหญิง แม่น้ำนั่นไม่มีปลาซักตัวเลยนะ!!”กาการินพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเองหลื่อวี้ก็ค่อยๆบรรเลงเพลงของเธอ เสียงดนตรีบรรเลงที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำเอาทุกสิ่งรอบด้านเหมือนกับว่าจะหยุดลง และในตอนนั้นเอง เหล่าปลาฝูงใหญ่ก็ค่อยๆว่ายน้ำทวนกระแสน้ำมาทางเสียงพิณของเธอ ทำเอาเหล่าทหารรัสเซียในตอนนั้นถึงกับอึ้งเลยทีเดียว
“รีบมาจับเร็วสิ รออะไรหล่ะ!!”
หลื่อวี้พูดขึ้น จากนั้นบรรดาทหารรัสเซียก็พากันลากอวนที่เขาทำเองจัดการจับปลาที่อยู่ในแม่น้ำทั้งหมด จากนั้นพวกเขาก็รีบไปจับจองเอาปลาไปย่างไฟเพื่อเอามาเป็นอาหารเย็นของพวกเขาในทันที
“โห น่าทึ้งจริงๆเลยนะคะคุณป้า!!”
“นี่คือวิชาที่ข้าฝึกมาจากเว่ยตงหน่ะ” หลื่อวี้พูดขึ้น ในขณะที่พวกเขากำลังนั่งทานอาหารกัน จู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงขบวนคาราวานกำลังเดินทางมาใกล้พวกเขา ทหารรัสเซียเหล่านั้นเตรียมอาวุธเพื่อต่อสู้ในทันที
“ทหาร คุ้มกันองค์หญิง!!”
พวกเขาเล็งปืนไปยังขบวนคาราวานที่เดินทางมายังพวกเขา แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง คาราวานเหล่านั้นก็มาพร้อมกับธงขาว จากนั้นขบวนเกวียนก็มาจอดที่หน้าของเหล่าทหารรัสเซียพวกนั้น ซึ่งด้านในขบวนรถมีทั้งปืนยาว ปืนกล และปืนครกบางส่วน รวมถึงเสบียงและเชื้อเพลิงมากมาย จากนั้นไม่นาน ชายคนหนึ่งในขบวนก็เดินทางไปหาพวกเขา จากนั้นพวกเขาก็พูดขึ้นในทันที
“ท่านนายพลไคชิงหยาง ต้องการสานความสัมพันธ์กับพวกท่าน ท่านนายพลกรุณามอบของขวัญให้พวกท่าน เพราะท่านรู้ว่าพวกคุณกำลังสู้รบอยู่ ของขวัญเล็กๆน้อยๆนี้สำหรับพวกท่าน ถ้าองค์หญิงต้องการเพิ่ม สามารถไปคุยกับท่านนายพลได้โดยตรงทันที”
หลังจากที่พูดจบ ขบวนคาราวานของพวกเขาก็ออกเดินทางออกจากพื้นที่ กาการินสั่งให้ทหารรัสเซียตรวจสอบอาวุธเหล่านั้น พบว่าเป็นอาวุธที่ค่อนข้างทันสมัยพอสมควร
“ท่านครับ อาวุธพวกนี้ทันสมัยมากครับ นายพลจีนคนนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ” ผู้กองคนหนึ่งพูดขึ้น
“นี่หล่ะ ความมั่งคั่งขององค์หญิง มาถึงท่านแล้ว!!”หลื่อวี้พูดกับอนาสตาเซียไป
“ข้าชักไม่มั่นใจแล้วว่าจะทไอย่างไรต่อไป ท่านนายพลกรุณาข้าอย่างนี้” อนาสตาเซียพูดขึ้น
ตกดึก ณ ค่ายแห่งหนึ่งของนายพลไคตงฟง ห่างจากชายแดนเว่ยตง 5 กิโลเมตร ซึ่งเสี่ยวหลงแกะรอยทหารของนายพลไคตงฟงที่ถอยทัพกลับมา โดยที่จินฮัวก็ปีนขึ้นต้นไม้แล้วมองไปยังรอบๆค่ายของพวกเขา เธอก็พบว่าพวกมันเตรียมขนอาวุธโดยเฉพาะปืนใหญ่เพื่อเตรียมการโจมตีเว่ยตงในระลอกถัดไป
“โห พวกมันมีเป็นร้อย แถมอาวุธที่ข้าไม่รู้จักด้วย!!”
“ไหน ผมขอไปดูหน่อยได้หรือเปล่าครับ??”เสี่ยวเว่ยพูดขึ้นจากนั้นก็ปีนขึ้นไม้ไปสังเกตการณ์ จากนั้นเขาก็ใช้กล้องส่องของเขามองไปด้านในค่าย
“มียามอยู่ 100 กว่าคน อาวุธปืนยาว ปืนกลมือ รังปืนกลใหญ่ และปืนใหญ่อีกหลายกระบอกเลย!!”
“แล้วเราจะเข้าไปยังไงกันหล่ะเนี่ย” เจาจวินถามอย่างสงสัย
“ด้านนั้น การคุ้มกันน้อยที่สุด ดูเหมือนพวกเขากำลังเปลี่ยนเวรยามนะ ปกติทหารนายพลไคใช้เวลาไม่เกิน 3 นาทีในการเปลี่ยนยาม เราต้องรีบหน่อยหล่ะ!!”
เสี่ยวเว่ยลงจากต้นไม้ จากนั้นพวกเขาก็ค่อยๆย่องเข้าไปใกล้ด่านตรวจด้านหนึ่ง ซึ่งพวกเขากำลังจะเปลี่ยนกะในการเฝ้าเวร
“ฟิ๊ว!!”
“ฉึก!!”
จินฮัว หวังเจ่ยและโฮจินยิงธนูใส่ทหารของพวกนั้นอย่างรวดเร็ว ทำเอายามเก่าและยามใหม่ถูกเก็บอย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกเขาก็ออกจากป่าแล้วค่อยๆเดินไปที่ด่านในทันที
“ทุกคน รีบเอาศพพวกมันไปซ่อนเร็ว!!” หวังเจ่ยพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ลากศพของทหารนายพลไคตงฟงออกมาด้านนอก จากนั้นพวกเขาก็ค่อยๆไปหาหลบในเต้นท์ทหารแถวนั้น โดยที่เสี่ยวเว่ยลากศพมันมาคนหนึ่งจากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นพวกเขาไป
“นี่นายจะทำอะไรหน่ะเสี่ยวเว่ย??”ลี่หยวนถามอย่างสงสัย
“ก็จะทำให้การพรางตัวแนบเนียนขึ้นไงหล่ะ ผมรู้เทคนิคของพวกเขาดี”
หลังจากที่เสี่ยวเว่ยใส่ชุดทหารเรียบร้อย จากนั้นเขาก็บอกให้ทุกคนรออยู่ในเต้นท์ จากนั้นตัวเขาก็เดินออกไปด้านนอกค่ายอีกด้านหนึ่งในทันที
“หมอนั่นจะทำอะไรของมันกันนะ??”โหลวฟางถามอย่างสงสัย
“เอาน่า ฉันว่าเขาอาจจะแผนก็ได้นะพี่บึก!!”มู่เฉินแซวโหลวฟางไป
“รอดูไปก่อนว่าเขาจะทำอะไรนะ??”หวังเจ่ยพูดขึ้น ในขณะเดียวกัน เสี่ยวหลงก็หลอกล่อให้ทหารกลุ่มนั้นเดินไปทางอื่น ส่วนตัวเขาก็ให้สัญญาณเพื่อนๆของเขาให้เข้าไปยังโกดังใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งพวกเขาก็รีบเข้าไปโดยไม่ให้ใครจับได้ ซึ่งเมื่อพวกเขาเข้ามาถึงโกดังด้านใน พวกเขาก็ถึงกับตกตะลึงเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าด้านในโกดังมีอาวุธมากมาย ทั้งปืนยาว ปืนกล ปืนครกและยุทธปกรณ์อื่นๆที่พวกเขาพบด้านใน ในตอนนั้นเองหม่าเกอโย่วเห็นก็ตาลุกวาวแล้วเดินเข้าไปดูอาวุธพวกนั้นในทันที
“โห!!อาวุธพวกนี้ใช้ยึดเว่ยตงได้ทั้งหมดเลยนะ”
“เฮ้ย เจ้าพูดเกินจริงเกินไปหรือเปล่าเนี่ย??”ข่งโฮจินพูดขึ้น
“ไม่หรอก อาวุธพวกนี้สามารถทำลายเว่ยตงได้ทั้งหมดเลย” ต้าเฟิงเทียนพูดเสริม
“ถ้าอย่างงั้นเราต้องทำลายอาวุธพวกนี้ไม่ให้เหลือสินะ” หลันฮวาพูดขึ้น
“แต่ถ้าเราเอามันกลับไปด้วย ไม่แน่มันอาจจะช่วยอะไรได้บ้างนะ” ข่งจินฮัวพูดขึ้น
“แล้วเราจะเอาพวกนี้กลับไปยังไงหล่ะ??”จูซื่อหงพูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน จูจงซานก็ไปเจอกับรถม้าสองคันที่อยู่ด้านนอก จากนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่า
“เราก็ขนอาวุธพวกนั้นขึ้นรถม้าพวกนั้นสิ” จูจงซานพูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน จู่ๆก็มีทหารยามคนหนึ่งเผลอเดินเข้ามาด้านใน ทหารยามเห็นพวกของเสี่ยวเว่ยก็ตกใจมาก ทหารยามพยายามจะหนีออกไปเตือนภัย แต่เจาจวินขว้างมีดบินใส่เขาไปก่อนจนเกิดเสียงดังเอะอะด้านใน และยามอีกสองคนก็เดินเข้ามาดู เมื่อเขาเจอเพื่อนของเขาถูกฆ่าเขาก็ยิงปืนใส่พวกของเสี่ยวเว่ยในทันที
“ปัง!!”
“พวกมันรู้ตัวแล้ว ไม่มีทางเลือก ต้องหนีแล้วหล่ะ” เสี่ยวเว่ยพูดขึ้น แต่ในขณะที่ด้านนอกก็มีเสียงดังขึ้นมาเหมือนกัน
“ข้าศึกบุก!!”
“ทุกคน รีบขนอาวุธขึ้นรถม้า แล้วไปจากที่นี่เร็ว!!”ซิ่วอิงพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบขนอาวุธไปในทันที
=============================================================
เสี่ยวเว่ยและพรรคพวกของเขาถูกจับได้ว่าบุกรุกเข้ามาแล้ว พวกเขาจะหนีรอดออกมาจากค่ายทหารของนายพลไคตงฟงได้หรือไม่ อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ
https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลผมด้วย!!
ความคิดเห็น