คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 5 : พายุที่เริ่มก่อตัว
คิมพานนท์ไปเช็คร่างกายในห้องฉุกเฉิน
โดยที่มีหมอคนอื่นๆมาคอยตรวจร่างกายไปด้วย ซึ่งในตอนนั้นเอง
เมื่อหมอคิมตรวจสอบร่างกายของนนท์แล้ว ก็พบว่าไม่มีอะไรผิดปกติเลย
หมอคิมพยายามตรวจสอบอย่างละเอียดแต่ก็ไม่พบอาการผิดปกติเลย
ที่หน้าห้อง
ซานะและฟรองเกอร์ถึงกับใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ในระหว่างที่พวกเขากำลังรออยู่
ลินน์รีดและอลาวดี้ก็เดินมาที่หน้าห้อง
ซานะเห็นทั้งคู่จึงเข้าไปต่อว่าอย่างหนักเลยทันที
“นี่ พวกเธอทำอะไรกับนนท์เขา ห่ะ”
“เราไม่ได้ทำนะ เขาเป็นแบบนี้เองนี่” ลินน์รีดพูดขึ้น
“แต่เท่าที่ดู อาการของนนท์ไม่เคยหนักขนาดนี้เลยนะ” ซานะพูดต่อ
“อ่า ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น” อลาวดี้พูดขึ้น
“ว่าแต่ พวกนายรู้จักกับนนท์เขาได้ยังไงหล่ะ” ฟรองเกอร์ถามทั้งคู่
“อ้อ คือเราเพิ่งจะเจอกันไม่นานหน่ะ” ลินน์รีดตอบไป
“ไม่รู้หล่ะ ถ้านนท์เป็นอะไรไป
ฉันเอาเรื่องพวกเธอแน่” ซานะตะโกนใส่พวกเขาทั้งคู่
“ใจเย็นๆก่อนนะซานะ” ฟรองเกอร์พยายามปรามซานะไว้
“นี่ ฉันก็เป็นห่วงเขาเหมือนกันนะ” ลินน์รีดพูดออกมา แต่หลังจากนั้นไม่นาน หมอคิมก็เดินออกมาหาทุกคนที่อยู่ด้านหน้า
ซานะรีบเดินไปหาหมอคิมในทันที
“หมอคะ นนท์เขาเป็นไงบ้างคะ”
“แปลกมาก ไม่มีอาการผิดปกติอะไรเลย
แถมตอนนี้นนท์ก็ฟื้นแล้วด้วย”
“หะ จริงเหรอครับ มันแปลกๆนะ” อลาวดี้พูดขึ้น
“ตอนนี้เขาไม่มีอะไรแล้วหล่ะ
เย็นนี้คงออกจากโรงบาลได้ ไปเยี่ยมเขาหน่อยก็ได้นะ” ซานะแลพฟรองเกอร์ไม่รอช้ารีบไปหานนท์ในห้องในทันที
ส่วนหมอคิมก็เดินไปคุยกับลินน์รีดแล้วอลาวดี้
“เออนี่ พวกเธอมาคุยกับฉันหน่อยนะ”
ในห้องพักของนนท์
หลังจากที่นนท์ฟื้นขึ้นมาจากอาการปวดหัว คราวนี้เขาถึงกับทำอะไรไม่ถูก
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาอยู่ที่โรงพยาบาลได้อย่างไร เขาเข้าห้องน้ำไปล้างหน้า
จากนั้นก็กลับออกมาเปลี่ยนชุดในทันที ระหว่างนั้นเอง ซานะและฟรองเกอร์ก็เข้ามาในห้องทันทีเพื่อสอบถามอาการของนนท์
“นนท์คุง ปลอดภัยแล้วนะ”
“ก็โอเคแล้วหล่ะ แล้วฉันมาอยู่นี่ได้ยังไงเนี่ย” นนท์ถามอย่างสงสัย
“เธอปวดหัวมากแล้วหมดสติไปหน่ะสิ” ซานะพูดขึ้น
“ใช่ๆ แล้วลินน์รีดทำอะไรนายหรือเปล่า” ฟรองเกอร์ถามนนท์ไป
“อ้อ ไม่มีอะไรหรอก
เธอแค่มีอะไรจะถามฉันนิดหน่อยหน่ะ” นนท์พูดขึ้น
“พวกนั้นไม่ได้ทำร้ายอะไรเธอนะ” ซานะถามนนท์ต่อ
“อ้อ ไม่ได้ทำอะไรหรอกครับคุณซานะ” นนท์พูดย้ำอีกครั้ง
“เออใช่ คืนนี้นายจะไปปาร์ตี้เปิดตัวเด็กปีหนึ่งมั้ยอ่ะ” ฟรองเกอร์ถามนนท์ไป
“อืม น่าสนนะ อยากไปเหมือนกัน”
“เออใช่ ฉันเตรียมชุดสำหรับนายไว้แล้วหล่ะนนท์” ซานะพูดขึ้น
“อ้อ แล้วงานมันเริ่มกี่โมงหล่ะ” นนท์ถามฟรองเกอร์ไป
“ประมาณหนึ่งทุ่มหน่ะจ้ะ เดี๋ยวฉันพากลับไปเอง” ซานะพูดกับนนท์
“เออนี่ ฉันหิวจังเลยอ่ะ ไปหาไรกินก่อนมั้ย” ฟรองเกอร์ถามเขาไป
“เออใช่ ตั้งแต่เที่ยงยังไม่ได้กินอะไรเลย
ไปหาอะไรกินกันเถอะ” ซานะพูดขึ้น
“โอเค ไปหาไรกินกันดีกว่า”
พวกของนนท์พากันออกไปจากโรงพยาบาล
และทางด้านของหมอคิม เขาพาลินน์รีดและอลาวดี้ไปคุยกันในห้องลับ
ซึ่งพวกเขารู้จักกันมาซักพักนึงแล้ว และหมอคิมได้เป็นผู้ให้ข้อมูลบางส่วนกับกลุ่มกบฏด้วย
“นี่หมอ หมอรู้จักกับเขาด้วยเหรอ” ลินน์รีดถามไป
“อ้อ เขาเป็นคนไข้พิเศษหน่ะ ท่านรัฐมนตรีฝากมา
มีอะไรงั้นเหรอ” คิมถามกลับไป
“คือว่า
คุณย่าออลเรียสบอกว่าเขาจะช่วยกู้สถานการณ์ให้เราหน่ะ” อลาวดี้พูดขึ้น
“แล้วหมอเชื่อเรื่องนี้หรือเปล่าหล่ะ” ลินน์รีดถามไป
“อ้อ หมอก็สงสัยอยู่นะ เขาบอกมีอาการปวดหัว
แต่ว่าไม่มีอะไรผิดปกติในร่างกายเขาเลย แล้วนี่ทำไมอาการเขาถึงกำเริบหล่ะ” คิมถามไป
“คือตอนที่คุณย่าออลเรียสจับมือเขา
เขาก็อาการกำเริบเลยหล่ะ แล้วเขาพูดอะไรบางอย่างออกมาด้วย” อลาวดี้พูดไป
“เขาพูดว่ารังอินทรีหน่ะ มันคืออะไรเหรอหมอ” ลินน์รีดถามไป
“รังอินทรี เดี๋ยวฉันไปขอหาข้อมูลหน่อยนะ” หมอคิมพูดขึ้น
“ว่าแต่ สถานการณ์ของเราเป็นยังไงบ้างหล่ะ” ลินน์รีดถามไป
“ดาร์เรียสโดนเก็บแล้ว
ได้ยินว่าพวกเคมเปนไตเก็บเขาหน่ะ” หมอคิมพูดขึ้น
“ถ้างั้นต่อไปนี้เราคงต้องระวังตัวกันหน่อยแล้วหล่ะ” อลาวดี้พูดขึ้น
“โอเคหมอ ถ้างั้นเจอกันใหม่นะคะ” ลินน์รีดพาอลาวดี้กลับไปขึ้นรถต่อ
จากนั้นทั้งคู่ก็ขับรถออกไปจากโรงพยาบาล
ณ
โรงแรมหรูแห่งหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย ชายหนุ่มรูปร่างสูง ผิวขาว
ตาสีฟ้าเปิดประตูเข้าไปในห้องพักของเขา โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าโซลกำลังตามเขามา
โซลค่อยๆสะเดาะกุญแจแล้วเข้าไปในห้อง
โดยที่ชายเยอรมันคนนั้นกำลังจะถอดเสื้อเตรียมอาบน้ำ จู่ๆโซลก็ไปสะกิดด้านหลังเขา
“เฮ้ย แกเป็นใครวะ”
ชายคนนั้นพยายามจะต่อยโซลแต่ก็โดนโซลต่อยกลับไป
เขาล้มลงกับพื้น และพยายามจะเอื้อมไปหยิบปืน แต่โซลเตะปืนทิ้งแล้วจับชายคนนั้นลากคอขึ้นมาในทันที
“เฮ้ย ใครส่งแกมาวะ”
“ไม่ใช่กงการอะไรของแก” โซลพูดจากนั้นก็ชักมีดของเขาออกมา
“แกจะเอาเท่าไหร่ ฉันให้หมดเลย” ชายคนนั้นพยายามอ้อนวอนโซล
“แกไม่มีสิ่งที่ฉันต้องการหรอก”
“แกเป็นพวกญี่ปุ่นใช่ไหม
คิดเหรอว่าพวกนั้นจะปล่อยให้แกรอดหน่ะ”
“แกอยากพูดอะไรก็พูดเถอะหว่ะ” โซลพูดขึ้นอย่างดูแคลน
“พวกมันก็ต้องเก็บแกเหมือนกัน
คิดว่าแกจะรอดงั้นเหรอ พวกนั้นแค่ต้องการชนวนสงคราม แล้วให้แกเป็นแพะยังไงหล่ะ
นี่ก็จะโง่ให้พวกมันหลอกใช้งั้นเหรอ”
“ก็เอาเถอะหว่ะ” โซลเชือดคอหมอนั้นทิ้ง จากนั้นก็เตรียมจะลากศพชายคนนั้นออกไป
จู่ๆก็มีตำรวจบุกเข้ามาด้านในทันที แล้วเล็งปืนไปที่เขา
“หยุด นี่ตำรวจ วางอาวุธลงเดี๋ยวนี้”
โซลยกมือขึ้น
ในขณะที่ตำรวจกำลังจะไปจับเขา ก็ก็จับปืนของตำรวจแล้วยิงใส่พวกนั้นทั้งสามคน จากนั้นเขาก็รีบหาทางลงจากตึกในทันทีเพื่อหนีจากตำรวจที่ตามฆ่าเขา ในตอนนั้นเขาพยายามจะติดต่อหน่วยของเขา
แต่ก็ติดต่อไม่ได้
“อะไรกันวะเนี่ย”
เขาวิ่งไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งเขาก็ขโมยรถแถวนั้นเพื่อหลบหนีตำรวจที่กำลังตามล่าตัวเขา
กลับมายังชายแดนเขตอิสระ
พรมแดนมิชิแกน แองเจลล่าขับรถตรวจสอบเขตพรมแดนของเธอไป
โดยที่เธอวาดรูปแผนผังเกี่ยวกับกำแพงของเธอเพิ่มเติมด้วย และมาถึงจุดหนึ่ง
เธอก็หยุดรถแล้วมองดูแผนผังที่เธอวาดขึ้นในทันที
“เอาหล่ะ เราจะสร้างกำแพงยาวตามแนว
และมีรั้วลวดหนามรอบด้าน และให้ตั้งหอคอยตรวจการห่างกัน 100 เมตรไปเรื่อยๆ
ป้องกันการข้ามพรมแดนหน่ะ”
“แต่ว่า
ทำแบบนั้นอาจจะต้องใช้เงินและคนเยอะมากเลยนะครับ” ทหารของเธอออกความเห็น
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะลองขอนายพลสติฟท์เอง”
“คุณคิดว่าจะใช้เวลากี่วันหล่ะครับ”
“อืม ถ้ามีคนมากพอ น่าจะใช้เวลา 1 เดือนได้หน่ะ”
“ครับ แต่พวกมันอาจจะดักโจมตีเราก็ได้นะครับ”
“ไม่หรอก
เราจะให้กองทัพส่งกำลังมาอารักขารอบๆนี้เอง”
แต่ในระหว่างที่แองเจลล่ากำลังคุยกับทหารของเธออยู่
จู่ๆก็มีโทรศัพท์ดังเข้ามา เธอรับโทรศัพท์ในทันที
“สวัสดี”
“คุณแองเจลล่าคะ
ท่านนายพลสติฟท์อยากจะคุยกับคุณค่ะ ฉันจะต่อสายให้นะคะ” หลังจากที่มีการต่อสาย
การสนทนาก็เริ่มขึ้นในทันที
“สวัสดี งานเป็นยังไงบ้าง”
“ค่ะ ฉันกำลังเอาแผนการไปเสนอท่านค่ะ”
“อ้อ ถ้าคุณกลับมา มาผมกับผมด้วย”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”
“มันเป็นความลับราชการหน่ะ”
“ค่ะท่าน แล้วยังไงต่อหล่ะคะ”
“ก็ไม่มีอะไรแล้วหล่ะ กลับมาแล้วบอกผมด้วย
แล้วถ้าเป็นไปได้ อย่าบอกใครหล่ะ”
“ได้ค่ะท่าน” หลังจากนั้นสายก็ถูกตัดไป
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ทหารของเธอสอบถามเธอไป
“ไม่มีอะไรหรอก ท่านนายพลอยากเจอฉันหน่ะ”
“ทำไมหล่ะครับ”
“เขาไม่บอก นี่ก็เย็นแล้ว
ฉันว่าเรากลับฐานกันดีกว่า”
“ครับผม”
แองเจลล่าบอกให้ลูกน้องของเธอขับรถออกไป
โดยที่เธอไม่รู้ตัวว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองมาที่เธอ
ซึ่งนั่นก็คือไวเวิร์นนั่นเอง เขามองตาไม่กระพริบ จนโบซอลถึงกับต้องสะกิดเขา
“เฮ้ยพวก ตาไม่กระพริบเลยนะเว้ย” โบซอลพูดขึ้นจนไวเวิร์นต้องเก็บกล้องไป
“อ้อ ไม่มีอะไรหรอก นั่นเหรอคนใหม่ที่จะมาหน่ะ” ไวเวิร์นพูดขึ้น
“น่าจะใช่นะ ว่าแต่เธอมาทำอะไรแถวนี้หล่ะ” เจนนี่ถามอย่างสงสัย
“คิดว่าพวกมันน่าจะมาสอดแนมพวกเรานะ” ไวเวิร์นพูดขึ้น
“ทำไมต้องมาตรวจที่ชายแดนด้วยหล่ะ
นึกว่ามันจะส่งทหารบุกเข้ามาซะอีก” โบซอลถามไป
“พวกมันข้ามชายแดนมาไม่ได้ไง แต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทางนั้นจะทำอะไร” ไวเวิร์นพูดขึ้น
“ถ้างั้นเราลองส่งคนไปสืบดีมั้ยหล่ะ” เจนนี่ถามไป
“ได้เลย เดี๋ยวให้คนของเราไปสืบมาแล้วกัน” ไวเวิร์นพูดขึ้น
“ว่าแต่ ถ้าพวกมันข้ามชายแดนมา เราจะทำยังไงหล่ะ” โบซอลถามไป
“ก็ให้คนของเราตรึงกำลังให้พร้อมแล้วกัน” ไวเวิร์นพูดขึ้น
“แต่ว่ากำลังคนและอาวุธของเรายังเป็นรองพวกมันอยู่นะ” เจนนี่พูดขึ้น
“ก็สู้แบบกองโจรกับมัน พวกมันต้านไม่ไหวหรอก” ไวเวิร์นพูดขึ้น
“ถ้างั้นก็ตามนั้น
เดี๋ยวฉันจะไปบอกคนของเราแล้วกัน” โบซอลพูดขึ้นจากนั้นเขาก็หยิบปืนเดินออกไป
“ดูเหมือนเขาจะรีบไปหน่อยนะ” เจนนี่พูดกับไวเวิร์นไป
“หมอนั่นก็เป็นแบบนี้หล่ะ” ไวเวิร์นพูดขึ้น จากนั้นเขาก็เก็บอาวุธแล้วเดินตามโบซอลไป
กลับมายังกรุงมินส์
เบลารุสเซีย เวลา 18.36 นาที ในขณะที่เรซนอร์ฟและเอลซาร์วินด์กำลังพักผ่อนอยู่
จู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงขบวนรถกำลังเคลื่อนที่ตามถนน
เรซนอร์ฟตื่นขึ้นแล้วก็ปลุกเอลซาร์วินด์ในทันที
“เอลซาร์วินด์ รีบตื่นเร็ว”
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ได้ยินเสียงรถหรือเปล่า ไปดูข้างนอกกันเถอะ”
“ได้ครับผม”
เอลซาร์วินด์รีบหยิบปืน
Mosin ชนิดพิเศษไปในทันที พวกเขาทั้งคู่ก็พบกับรถหุ้มเกราะสามคันแบะรถบรรทุกทหารกำลังเดินไปเดินมาแถวถนน
พวกเขาตรวจสอบถนนอย่างแข็งขันเพื่อป้องกันความปลอดภัยให้กับท่านผู้นำฮิตเลอร์ที่กำลังจะเดินทางมาที่นี่
“หัวหน้าครับ ดูเหมือนพวกมันจะมาสำรวจแถวนี้นะครับ”
“แน่นอน รีบไปปลุกดาโกวิชเร็ว”
เอลซาร์วินด์ไปปลุกดาโกวิชที่กำลังนอนพักอยู่
“เฮ้ยเอล ปลุกฉันมีอะไรเหรอวะ”
“พวกเยอรมันมาหน่ะแถวนี้หน่ะ ไปดูเร็ว” ดาโกวิชรีบหยิบปืนไปหาเรซนอร์ฟในทันที
“อ่า คุณเรซนอร์ฟครับ พวกมันมีเยอะแค่ไหนครับ”
“ก็เท่าที่นายเห็นนี่หล่ะ” ดาโกวิชใช้กล้องส่องตรวจดูพวกเยอรมันที่กำลังเดินทัพ
“โห แล้วพวกมันจะมาค้นตามตึกหรือเปล่าเนี่ยครับ”
“ตอนนี้ก็เก็บตัวกันไปก่อน
แล้วเตรียมทางหนีให้พร้อมก็แล้วกัน ส่วนเอลซาร์วินด์ นายไปเตือนพวกเรา
บอกให้ซ่อนตัวกันให้ดีๆ อย่าให้พวกมันจับพวกเราได้”
“ครับผม” เอลซาร์วินด์รีบไปเตือนพรรคพวกคนอื่นๆที่อยู่ประจำตามตึกต่างๆ
แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆก็มีทหารเยอรมันเดินผ่านเขา เขารีบไปหลบหลังถังขยะ
พวกมันสองคนสงสัยว่ามีอะไรอยู่ด้านหลัง
พวกนั้นจะเข้าไปเดินสำรวจดูว่ามีใครอยู่ด้านใน
“เฮ้ย อะไรอยู่ข้างหลังนั่นเหรอวะ”
“ไม่รู้ดิ เสียงหนูหรือเปล่าวะ”
พวกมันสองคนค่อยๆเดินเข้าไปดู
พร้อมกับเล็งปืนไปที่ถังขยะ เอลซาร์วินด์ชักมีดออกมาเตรียมเข้าปะทะ
แต่จู่ๆก็มีเสียงตะโกนออกมา
“เฮ้ยพวก อย่ามัวแต่เดินเล่นได้มั้ย
มีงานต้องทำนะเว้ย”
พวกมันสองคนได้ยินเสียงก็ลดอาวุธ
จากนั้นก็วิ่งตามเสียงไป เอลซาร์วินด์โล่งใจมากที่พวกมันไม่เจอเขา
และที่โรงแรมท่าเรือเขตชายแดนรัสเซีย
มิคาอิลกำลังพักผ่อนในห้องของเขาอย่างสบายอารมณ์
แต่จู่ๆก็มีคนมาเคาะประตูหน้าห้องของมิคาอิล
มิคาอิลถึงกับงัวเงียแล้วมาเปิดประตูในทันที
“เฮ้ย เรียกฉันมีอะไรงั้นเหรอ”
“อ้อ มีอาวุธล็อตใหม่มาส่งครับ
ให้ผมเอาไปไว้ในเรือมั้ยครับ”
“เอาไปไว้ในเรือก่อนแล้วกัน เออนี่
แล้วอาวุธที่เราขโมยมาได้หล่ะตอนนี้อยู่ที่ไหน” มิคาอิลถามลูกน้องของเขาไป
“อ้อ ตอนนี้เราเอาไปซ่อนที่ปลอดภัยแล้วครับ”
“ดี ตอนนี้ก็เก็บตัวเงียบๆไปก่อนแล้วกัน”
“อ้อครับ
แล้วก็มีจดหมายฉบับหนึ่งมาหาหัวหน้าด้วยครับ”
“จดหมาย จากใครอย่างงั้นเหรอ”
“คุณนีน่าครับ”
“นี่น่างั้นเหรอ เอามาให้ฉันทีสิ” มิคาอิลรับจดหมายฉบับนั้นมา
จากนั้นก็กลับเข้าไปในห้องทันที แล้วก็เปิดจดหมายฉบับนั้นอ่านในทันที
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ คุณพ่อสบายดีนะคะ
ที่อเมริกาตอนนี้กำลังวุ่นวายเลยค่ะ พวกเกสตาโปบุกเข้ามาในป่าเพื่อจัดการพวกเราทุกวัน
เพื่อนของหนูโบซอลเขาพาหนูไปสังเกตการณ์พวกมันมาด้วย เออนี่คุณพ่อ
คุณพ่อได้ข่าวเกี่ยวกับแผนการในการลอบสังหารท่านผู้นำหรือเปล่าคะ
ตอนนี้ที่อเมริกากำลังลือกันใหญ่เกี่ยวกับเรื่องนี้
แล้วพวกเรายังรู้ด้วยว่าถ้าเกิดท่านผู้นำตาย โลกนี้ได้ปั่นป่วนแน่ๆ
แต่พวกหนูทำใจไว้แล้วค่ะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดล่ะค่ะ หนูคิดถึงพ่อนะคะ
หนูจะหาทางกลับไปให้ได้ รักพ่อนะคะ”
มิคาอิลเก็บจดหมายฉบับนั้น
จากนั้นเขาก็พักผ่อนในห้องของเขาต่อ
กลับมายังโอเอซิส
แหล่งกบดานของออร์ลินด้า บาโธรี่เดินเข้าไปในห้องของออร์ลินด้าที่กำลังรอเธออยู่
ออร์ลินด้ารีบถามบาโธรี่ในทันทีเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“บาโธรี่ เป็นยังไงบ้าง”
“เราเล่นงานพวกมันหมดแล้วค่ะ”
“พวกมันเป็นใครกันหล่ะ”
“ดูจากรอยสักของพวกมันแล้ว น่าจะเป็นพวก SS ค่ะ”
“ไม่จบไม่สิ้นซะทีไอ้พวกนี้” ออร์ลินด้าทุบโต๊ะดังปัง
“แล้วแบบนี้จะเอายังไงต่อดีคะ”
“ถ้ามันแรงมาเราก็ต้องแรงไป
ติดต่อคนของเราที่แฝงตัวในเบอร์ลินเดี๋ยวนี้ เอ๊ะ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว
ส่งคนของเราไปที่เบลารุสเดี๋ยวนี้”
“ทำไมเหรอคะ” บาโธรี่ถามอย่างแปลกใจ
“ก็ส่งคนไปลอบฆ่าฮิตเลอร์หน่ะสิ”
“แต่ว่า ที่นั่นก็มีกลุ่มคนกำลังเตรียมการอยู่
ถ้าเราส่งไปตอนนี้ อาจจะมีการเข้าใจผิด แล้วปะทะกับคนในพื้นที่ก็ได้นะคะ” บาโธรี่พยายามแย้งไป
“ไม่ต้องห่วง บอกไปว่างานนี้เอาให้เงียบที่สุด”
“ก็ได้ค่ะ แต่ถ้าพวกนั้นรู้
พวกเขาอาจจะส่งคนมาเก็บเราต่อก็ได้นะคะ”
“ไม่ต้องห่วง พวกมันไม่มีวันรู้หรอก” ออร์ลินด้าพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้น ฉันจะรีบไปจัดการก็แล้วกันนะคะ” บาโธรี่พูดขึ้นแล้วก็เดินออกจากห้องไปในทันที
กลับมายังบริษัทอาคะสึกิ คอปเปอร์เรชั่น แคลิฟอร์เนีย หลังจากที่อาคะสึกิดูดวงกับไพ่ของเธอ เธอก็เรียกเลขาของเธอมาคุยกันในทันที เลขาของเธอเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วเดินมาหาอาคะสึกิ
“คุณอาคะสึกิ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไปเรียกแอนดรูวมาพบฉันหน่อยสิ”
“แต่คุณบอกให้ฉันซ่อนตัวเขานี่คะ”
“พามาอย่าให้ใครรู้ก็แล้วกัน”
เลขาของเธอเดินออกจากห้องไป
และจากนั้นก็กลับมาพร้อมกับชายคนหนึ่งในชุดค่อนข้างจรจัด เดินดุ่มๆเข้ามาในห้องของเธอในทันที
“เรียกผมมีอะไรงั้นเหรอ”
“มีข่าวอะไรเกี่ยวกับฮิตเลอร์หรือเปล่า
นายได้ข่าวมั้ย”
“เท่าที่อ่านข่าว เขากำลังจะไปเบลารุสนี่หน่า”
“แล้วเรื่องแบบว่า
แผนการลอบสังหารอะไรอย่างนี้หล่ะ”
“มันก็มีเรื่อยๆหล่ะครับ แล้วสำเร็จมั้ยหล่ะ
ว่าแต่เรียกผมมาทำไมครับ”
“ช่างมันเถอะ ไปเถอะไป”
แอนดรูวเดินออกจากห้องไปอย่างงงๆ
ส่วนอาคะสึกิก็นั่งทบทวนเรื่องที่ตัวเองเจอมาในการทำนายของเธอ
กลับมายังฮาวาย หลังจากที่นาโอมิเขียนรายงานเสร็จเรียบร้อย ในตอนนั้นเองเธอก็เรียกลูกน้องของเธอมาหา เพื่ออัพเดทคำสั่งใหม่จากทางโตเกียว เมื่อลูกน้องของเธอมาถึง เธอก็เริ่มการสนทนาในทันที
“คุณนาโอมิครับ”
“คุณไปเรียกทหารของเราให้ระดมพลด่วนเลย”
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“พรุ่งนี้เช้าเราต้องเตรียมออกเดินทางแล้ว ว่าแต่เสบียงและน้ำมันของเราเป็นยังไงบ้าง”
“ครับ ผมเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้วครับ”
“ดีมาก ไปเรียกทหารของเรามาเลย”
ลูกน้องของเธอไปเรียกทหารเรือในสังกัดของเธอมาเข้าแถวและรวมตัวกัน
เพื่อจัดการภารกิจที่ได้รับจากทางโตเกียว เมื่อทหารของเธอทุกคนมาเข้าแถว
เธอก็เริ่มการออกคำสั่งในทันที
“พี่น้องทุกคน วันพรุ่งนี้
เราจะออกเดินทางไปเม็กซิโก กวาดล้างกลุ่มกบฏให้สิ้นซาก
ทางโตเกียวมีคำสั่งให้เราจัดการภารกิจนี้ใน 3 เดือน เราจะไปรวมกับกองเรือที่ 5
และกองพันที่ 81 เพื่อกวาดล้างพวกมัน องค์พระจักรพรรดิอวยพรพวกเราทุกคน
ให้กำจัดศัตรูให้สิ้นซาก แด่องค์จักรพรรดิ บันไซ”
“บันไซ”
ทหารทุกคนชูมือขึ้น
จากนั้นพวกเขาก็ขึ้นเรือกันทั้งหมด
ส่วนตัวของนาโอมิก็ไปที่ห้องบัญชาการของเธอบนเรือรบ
โดยที่เธอเรียกทหารคนหนึ่งมาเพื่อให้ทำธุระอะไรบางอย่าง
“นี่ ถ้านายอยู่ที่นี่
พรุ่งนี้เช้าฉันฝากส่งจดหมายนี้ให้ด้วยนะ”
ทหารคนนั้นรับจดหมายมา
จากนั้นก็เดินออกไปในทันที
กลับมายังศูนย์วิจัยคอมพิวเตอร์
ZEUS สาขาสวิสเซอร์แลนด์
หลังจากที่เธอเริ่มเดินสายการผลิตเรียบร้อยแล้ว
เธอก็ขับรถกลับไปพักผ่อนที่บ้านพักของเธอในละแวกนั้น
เธอขับรถโฟล์คสวาเก้นคันเงาของเธอไปตามถนนมืดๆ โดยที่ในตอนนั้นเอง
เธอขับรถไปยังด้านๆหนึ่ง ซึ่งทหารเยอรมันโบกให้เธอจอดรถในทันที
“ขอดูบัตรประจำตัวหน่อยครับ” ทหารคนหนึ่งพูดขึ้น
มาเรียน่าก็ยื่นบัตรประจำตัวของเธอให้กับทหารคนนั้นดู
“คุณมาเรียน่า เลิกงานดึกจังเลยครับ”
“อ้อ นิดหน่อยค่ะ ช่วงนี้ฉันกำลังยุ่ง
ว่าแต่พวกคุณมาตั้งด่านแถวนี้แล้วเหรอ”
“อ้อ ช่วงนี้เราตรวจตรากันเข้มหน่อยครับ”
“อืม นี่ พวกนายพอรู้ข่าวของพ่อฉันหรือเปล่า”
“แน่นอนครับ ตอนนี้ท่านอยู่เบลารุสเซียแล้วนี่ครับ”
“อ้อ ถ้าคุณได้ข่าวยังไงกรุณาบอกฉันหน่อยนะคะ”
“ยินดีครับ แล้วอีกอย่าง
ช่วงนี้ถ้าเจออะไรอย่าจอดรถเด็ดขาดนะครับ”
“ได้ค่ะ ฉันจะระวัง”
“เอาหล่ะพวกเรา เปิดทางได้”
เขาสั่งให้เปิดด่าน
จากนั้นรถของมาเรียน่าก็ค่อยๆขับรถออกจากตัวด่านไป
กลับมายังวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย
เวลา 19.40 ปาร์ตี้น้องใหม่ของทางมหาวิทยาลัย ซึ่งมีการจัดขึ้นทุกปี
นักศึกษาส่วนใหญ่แต่งตัวกันอย่างจัดหนักจัดเต็มเพื่อเปิดตัวให้คนอื่นในงานได้เชยชม
เสียงเพลงที่ดังในงานผนวกกับอาหารดีๆในปาร์ตี้ทำให้ผู้ร่วมงานมีความสุข
เด็กๆเอเชียส่วนใหญ่จะใส่ชุดกิโมโนซึ่งเป็นชุดที่หรูที่สุดในงาน
โดยที่ในตอนนั้นเองนนท์ ซานะและฟรองเกอร์ก็ได้ใส่ชุดกิโมโนเพื่อร่วมงานด้วย
“เฮ้ยพวก ขอบใจมากนะที่ให้ยืมชุดหน่ะ” ฟรองเกอร์พูดกับนนท์
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันมีตั้งเยอะอยู่แล้วนี่” นนท์พูดขึ้น
“นี่ๆ ไปกินอะไรตรงนั้นกันเถอะ”
ซานะพาทั้งสองคนไปยังลานซูชิซึ่งทำกันสดๆใหม่ๆ
เด็กๆหลายคนไปยืนออเพื่อรับซูชิทาน แต่ซานะเป็นแขกพิเศษ
พ่อครัวทำเตรียมไว้ให้ก่อนแล้ว พวกเขาเลยไปนั่งที่โต๊ะเพื่อรับประทานกันในทันที
“นี่ๆ ซูชิที่นี่เป็นยังไงบ้างหล่ะ” ซานะถามนนท์ไป
“ฉันว่าถามคนนั้นดีกว่านะ” นนท์ชี้ไปยังฟรองเกอร์ที่นั่งทานแบบไม่สนโลก
และอีกด้านหนึ่ง ลินน์รีดและพรรคพวกก็มาร่วมงานด้วย
โดยพวกเขาไม่ได้ทำตัวเด่นอะไรมากนัก
เธอกำลังรอข่าวจากสายของเธอที่แฝงตัวเข้ามาด้วย ลินน์รีดยื่นอยู่ที่ริมประตู
เมื่อสายข่าวของเธอมาถึง เธอกับอลาวดี้ก็พาสายของเธอไปอีกด้านหนึ่งในทันที
“เออนี่ เป็นยังไงบ้าง” ลินน์รีดถามในทันที
“ตอนนี้มีผู้กองคนใหม่มาประจำการ
ไม่รู้ว่าจะมีแผนอะไรหรือเปล่า”
“งั้นเหรอ พอรู้ประวัติหรือเปล่าหล่ะ” อลาวดี้ถามอีก
“ก็ยังไม่รู้แน่หน่ะ
รู้แต่ว่าส่งตรงมาจากเบอ์ลินเลยนี่”
“อืม
แล้วนายได้ข่าวเกี่ยวกับแผนการลอบสังหารฮิตเลอร์หรือเปล่าหล่ะ” ลินน์รีดถามอีกครั้ง
“มันก็มีเรื่อยๆนี่หว่า แล้วยังไงหล่ะ”
“เออ ช่างมันเถอะ
เอาเป็นว่ารีบไปจากที่นี่เถอะนายหน่ะ”
ลินน์รีดและอลาวดี้รีบพาชายคนนั้นออกจากงานไป
โดยที่ตำรวจญี่ปุ่นในตอนนั้นก็กำลังควานหาเขาอยู่ ลินน์รีดพาชายคนนั้นออกจากงานไป
จากนั้นเธอก็ไปหาที่หลบพร้อมกับอลาวดี้
“เราจะไปที่ไหนดีเนี่ย”
“ห่ะ นั่นใช่นนท์หรือเปล่า ไปหาเขาหน่อยสิ”
ลินน์รีดและอลาวดี้รีบวิ่งหนีตำรวจไปนั่งที่โต๊ะนนท์
พวกเขานั่งทันที ทำเอาพวกนนท์ตกใจมาก
“อ้าว พวกเธอ มากันด้วยเหรอเนี่ย” ซานะพูดขึ้น
“ใช่ อยู่นิ่งหน่อย ทำตัวปกตินะ” ลินน์รีดพูดขึ้นจากนั้นตำรวจก็วิ่งผ่านโต๊ะพวกเขาไป
“นี่พวกนายก่อเรื่องอะไรอีกหรือเปล่าเนี่ย” ฟรองเกอร์พูดขึ้น
“ไม่มีอะไรหรอก
ตำรวจพวกนี้จับคนไม่เลือกอยู่แล้วนี่” อลาวดี้พูดขึ้น
“ว่าแต่ กินอะไรมาหรือยังเนี่ย กินอะไรหน่อยมั้ย” นนท์ถามลินน์รีดไป
“อ้อ เอาสิ” นนท์สั่งซูชิมาเพิ่มให้ลินน์รีดและอลาวดี้
พวกเขานั่งทานไปเรื่อยๆจนหมด และในขณะเดียวกันก็มีงานเต้นรำด้วย
พวกเขารีบไปที่ลานเต้นกันในทันที จากนั้นพวกเขาก็เต้นกันอย่างสนุกสนาน
งานเลี้ยงดำเนินไปอย่างสนุกสนาน โดยที่พวกเขาดื่มไวน์กันไปด้วย
โดยเฉพาะซานะที่ชอบดื่มไวน์อยู่แล้ว
เธอดื่มจนเมาจนฟรองเกอร์ต้องพาไปนั่งที่โต๊ะแถวนั้น
“เฮ้ย ซานะเป็นอะไรมากมั้ยอ่ะ” นนท์ถามฟรองเกอร์ไป
“เดี๋ยวฉันดูตรงนี้เอง นายไม่ต้องห่วงหรอก” ฟรองเกอร์คอยดูอาการของซานะ
ส่วนนนท์ในตอนนั้นก็จะเดินไปล้างหน้าในห้องน้ำ
แต่ในตอนนั้นเองเขาก็เจอลินน์รีดกำลังเดินเข้าห้องน้ำเหมือนกัน
โดยที่ลินน์รีดก็ดื่มไปได้หน่อย
พวกเขาทั้งคู่เจอกันหน้าห้องน้ำโดยที่ไม่มีใครอยู่ด้วย
“อ้าว นาย เข้าห้องน้ำงั้นเหรอ”
“ใช่ ดูเหมือนเธอจะเมามากนะเนี่ย”
“ไม่ แค่นี้สบายๆอยู่แล้วหล่ะ”
ลินน์รีดพูดขึ้นแต่ก็เริ่มประคองตัวไม่ไหว
เธอล้มลงในอ้อมกอดนนท์ นนท์ถึงกับปวดหัวจึงพาลินน์รีดไปนอนอยู่มุมลับใกล้ห้องน้ำ
นนท์วางตัวลินน์รีดลง แต่เขาก็เริ่มจะประคองตัวไม่ไหวเหมือนกัน
“ลินน์รีด”
นนท์ถึงกับไปนอนซบกันลินน์รีด
พวกเขาทั้งคู่หลับกันอย่างไม่ได้สติด้วยกัน โดยที่ไม่มีใครเห็น
แม้แต่คนที่เดินไปเดินมาเพื่อเข้าห้องน้ำแถวนั้น
===================================================================================
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ
https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลผมด้วยเน้อ
ความคิดเห็น