ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My War - สงครามที่ไม่ได้เลือก

    ลำดับตอนที่ #7 : EP 4 : วันแห่งโกลาหล

    • อัปเดตล่าสุด 8 ธ.ค. 61


    ยูจีนถอดเสื้อแจ๊คเก็ตของเธอไปชุบน้ำแถวนั้น จากนั้นก็นำมาเช็ดตัวให้กับซิลเวีย จากนั้นก็คอยเช็ดตัวเธอและเฝ้าเธออยู่ไม่ห่าง ระหว่างนั้นเอง โทนี่ก็เอาอาหารของมิสซึมาให้กับทั้งคู่ จะได้มีแรงต่อ

    โทนี่ : กินหน่อยนะพี่ เอาให้พี่ซิลเวียเขาด้วยหล่ะ

    ยูจีน : ฉันยังไม่หิวหน่ะ รอซิลเวียเขาตื่นมาก่อนดีกว่า

    โทนี่ : พี่ว่า พี่ซิลเวียเป็นอะไรไปครับ

    ยูจีน : ก็คงจะเป็นไข้นั่นแหละ อากาศที่นี่ก็ค่อนข้างหนาวด้วยนี่

    โทนี่ : งั้นพี่ก็ดูแลพี่ซิลเวียเขาด้วยแล้วกันนะ // โทนี่พูดจากนั้นก็เดินจากไป เขาเดินกลับไปยังห้องโถง ซึ่งในตอนนั้นเองเขาก็พบว่าคนอื่นๆกำลังรอเขาอยู่

    นอร์รีน : ซิลเวียเขาเป็นยังไงบ้างหล่ะตอนนี้

    โทนี่ : ยังไม่ได้สติเลยครับ

    มิเชล : แบบนี้ก็แย่หน่ะสิ เราต้องการยาด่วนเลยนะ             

    ระหว่างนั้นเอง พวกเขาก็ทานอาหารที่มิสซึทำด้วย เมื่อทุกคนทานเขาก็เอ่ยปากชมมิสซึในทันที เนื่องจากรสชาติถูกใจพวกเขามาก

    อลิซ : อร่อยมากเลย มิสซึ นายทำได้ยังไงหล่ะเนี่ย

    มิสซึ : ความจริงต้องให้พ่อฉันทำให้หน่ะ อร่อยกว่านี้อีกนะ

    ไลฟ์ : ถ้าได้กินแบบนี้ทุกมื้อก็น่าจะดีนะเนี่ย

    เอสเทอร์ : ว่าแต่ ซีโร่ ที่พวกนายออกไปหาของเนี่ย เจออะไรที่ใช้ได้บ้างหล่ะ

    ซีโร่ : ก็ไม่มีอะไรเท่าไหร่นะครับ มีแค่วัสดุ อาหารกับยารักษาแผลหน่ะครับ

    บารีร่า : เธอดูท่าทางจะเหนื่อยนะ เดี๋ยวไปพักก่อนก็ได้นะ

    ตะวัน : ผมขอบคุณทุกคนอีกครั้งนะครับที่ช่วยผมไว้

    นอร์รีน : ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ไม่เป็นไร

    ในขณะนั้นเอง มีเสียงเคาะประตูมาจากด้านนอก ตะวันเตรียมปืนพกของเขาเพื่อป้องกันตัว พวกเขาทุกคนหยุดกินจากนั้นก็ไปดูที่หน้าประตูว่ามีอะไรเกิดขึ้น ในตอนนั้นก็พบว่า มีชายคนหนึ่งแบกเป้ใบใหญ่มาเคาะหน้าประตูพวกเขา

    สวัสดีครับทุกคน ผมมาร์ค ผมมีอะไรดีๆมาแลกเปลี่ยนกับพวกคุณครับ

    เสียงของเขาทำเอาได้ยินไปทั่วทั้งตึก ในตอนนั้นเอง ยูจีนก็วิ่งลงมาจากตึกเพื่อที่จะมาดูว่าใครเอาของมาแลก ซึ่งไม่แน่ว่าอาจจะมียาสำหรับซิลเวียก็ได้

    ยูจีน : นายบอกมาแลกของงั้นเหรอ นายมียาแก้ไขหรือเปล่า

    มาร์ค : มีแน่นอน ว่าแต่พวกนายจะมีอย่างอื่นแลกอีกหรือเปล่า

    นอร์รีน : เราต้องการวัสดุเพิ่มเติมหน่ะครับ แล้วก็น้ำสะอาดหน่ะครับ ความจริงเราขาดหลายอย่างเลยหน่ะ

    มาร์ค : ถ้างั้น เรามาดูกันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง

    พวกเขาแลกเปลี่ยนสิ่งของระหว่างกัน โดยที่พวกของนอร์รีนนำของมีค่าแทบจะทุกอย่างมาแลกเปลี่ยน มาร์คก็นำของใช้ที่จำเป็นมาแลกให้บางส่วน เหลือแต่ยาที่ซิลเวียต้องการ

    ยูจีน : แล้วไหนยาที่ฉันขอหล่ะ

    ไลฟ์ : นั่นสิ ไม่เห็นนายจะให้ยามาเลย

    มาร์ค : แบบว่า ของมันไม่คุ้มพอที่จะมาแลกหน่ะ

    ยูจีน : แต่ของที่ฉันให้ไปมันมีค่ามากนะ แล้วเราก็ตกลงกันแล้วนี่

    เอสเทอร์ : อย่าบอกนะ ว่านายจะเบี้ยวพวกเราเนี่ยห่ะ

    มาร์ค : แบบว่า ถ้าเป็นแบบนี้ก็ได้แค่เม็ดเดียวอ่ะนะ

    ยูจีน : อะไรนะ ไอ้ระยำ // ยูจีนโกรธจัดจะต่อยหน้านายมาร์ค ทำเอาคนอื่นๆต้องมาห้ามกันยกใหญ่

    ตะวัน : ทำแบบนี้มันเกินไปนะครับ นี่มันเอาเปรียบกันชัดๆ

    มิเชล : ใช่ ทำแบบนี้มันหน้าเลือดชัดๆเลยนะ

    มาร์ค : อะไรกัน ผมเป็นพ่อค้าไม่ใช่นักบุญซะหน่อย แล้วถ้าทำแบบนี้อีก ผมจะไม่มาแลกของที่นี่อีกแล้ว

    ในตอนนั้นเอง นอร์รีนปลดนาฬิกาข้อมือของเขาออกมา จากนั้นก็ยื่นให้กับมาร์ค

    นอร์รีน : นี่นาฬิกาโรเล็กซ์ แพงมาก ผมขอแลกกับยานั่นทั้งหมด // มาร์คหยิบนาฬิกานั้นขึ้นมาดู ดูซ้ายทีขวาที จากนั้นก็ให้ยามาทั้งกระปุก ยูจีนรีบหยิบเอามาในทันที

    อลิซ : ที่นี่คุณคงจะพอใจแล้วนะคะ

    มาร์ค : เยี่ยม ยินดีที่ได้ทำธุรกิจด้วย โชคดีนะ

    มาร์คเดินออกไปพร้อมกับทรัพย์สินที่แลกมาได้ ส่วนพวกของนอร์รีนในตอนนั้นก็แทบอยากจะยำตีนนายมาร์คคนนั้นให้ตาย ยูจีนหลังจากที่ได้ยามาก็รีบวิ่งไปหาซิลเวียทันที

    มิสซึ : ขอให้ไอ้บ้านั่นออกไปโดยยิงตายซะ

    โทนี่ : ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยพี่ผมหน่ะ

    นอร์รีน : ไม่เป็นไรหรอกครับ สำหรับผมมันก็แค่ของนอกกายหน่ะ

    ซีโร่ : ถ้าไม่มีอะไรผมขอไปนอนก่อนนะครับ

    บารีร่า : เดี๋ยว รอฉันด้วยสิ // บารีร่ารีบตามซีโร่ไป ในขณะที่คนอื่นๆก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของแต่ละคนทันที

     

    และอีกด้านหนึ่งของเมือง หน่วยดอว์นซอร์ดก็เตรียมออกจากที่พักเพื่อทำภารกิจจัดการกลุ่มกบฏในตึกแห่งหนึ่ง ซึ่งพวกเขได้รับคำสั่งให้กวาดล้างไม่ให้เหลือซาก ในตอนนั้นเองพวกเขาก็ทวนคำสั่งและแผนการในทันทีเมื่อพวกเขาทำธุระส่วนตัวกันเสร็จแล้ว

    อเล็กซานเดอร์ : เอาหล่ะทุกคน นี่คือแผนผังของตึกที่เราต้องบุกเข้าไปนะ ดูเผินๆอาจจะไม่มีอะไร แต่พวกกบฏมันอยู่ทุกที่ คุ้มกันอย่างหนาแน่น

    คาสเตอร์ : เรื่องนั้นผมไม่กลัวหรอก ก็แค่ฆ่ามันให้หมด แล้วอย่าตายซะเองแค่นั้นหล่ะ

    ซิสเวสเตอร์ : อย่าเพิ่งได้ใจไป เราต้องทำงานให้เป็นทีม ฉันแบ่งหน้าที่ไว้แล้ว อีริค นายซุ่มยิงอยู่ด้านนอกเผื่อใครคิดจะหนี

    อีริค : ได้เลยครับ รับรองว่าไม่มีใครผ่านผมมาได้แน่ๆ

    อเล็กซานเดอร์ : เควิน นายอยู่ด้านนอก คอยจัดการกับการสื่อสารของพวกมัน แล้วคอยเป็นกำลังเสริมตอนฉันเรียกด้วย

    เควิน : แต่ว่า การสื่อสารของพวกมันจะดีแค่ไหนเชียวครับ

    อเล็กซ่า : อย่าประมาทพวกมันสิ งานนี้ไม่ได้มีแค่พวกชาวบ้านธรรมดานะ

    ซิลเวสเตอร์ : ใช่แล้ว ยังมีทหารรับจ้างอีก เข้าใจนะ

    คาสเตอร์ : แล้วหน้าที่ของผมให้ทำอะไรหล่ะครับท่าน

    อเล็กซานเดอร์ : นายบุกเข้าไปกับฉัน

    อีริค : รีบไปกันเถอะ ฉันรีบอยากไปนอนต่อ เมื่อคืนยังไม่เต็มที่เลยเนี่ย

    เควิน : เฮ้อ วันๆเอาแต่นอนนะเนี่ยนาย ไม่ไหวจริงๆ

    อเล็กซ่า : อย่ามัวแต่พูดมากเลย รีบทำงานของเราดีกว่า

    พวกเขารีบเตรียมของ ก่อนที่จะทำภารกิจของเขาต่อไป

     

    อีกด้านหนึ่งของเมือง เขตที่ 15 หลังจากที่อนูวาตื่นขึ้นมา หลังจากที่เธอทำภารกิจส่วนตัวของเธอเรียบร้อยแล้ว เธอก็เตรียมออกเดินทางเพื่อติดต่อกลุ่มกบฏในพื้นที่ทันที แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ออกเดินทาง ก็มีเสียงยิงปืนปะทะกันอย่างสนั่นหวั่นไหว เธอหาที่หลบแล้วชักปืนพกของเธอขึ้นมา เธอลองแอบมองไปด้านนอก ก็พบว่ากลุ่มกบฏกำลังถูกกองกำลังทหารบดขยี้อย่างหนัก โดยที่กลุ่มกบฏกลุ่มนี้มีแค่ปืนประจำกายธรรมดา ส่วนฝ่ายทหารมีทั้งรถถังและรถหุ้มเกราะ พวกกบฏถูกตีจนแตกกระเจิง แต่ในระหว่างนั้นเอง ชายคนหนึ่งท่าทางบาดเจ็บก็เข้ามาหลบในห้องของอนูวา เมื่อเธอเจอเขาเธอก็ไปดูอาการของเขาทันที

    อนูวา : นี่นาย นายอยู่ในกลุ่มกบฏใช่หรือเปล่า

    นี่เธอ เธอไม่ใช่พวกทหารงั้นเหรอ

    อนูวา : ฉันเป็นสายลับหน่ะ นายพอจะรู้จักใครในกลุ่มอีกหรือเปล่า

    ตอนนี้พวกเรากำลังแย่ หัวหน้าของเราก็ย้ายไปอยู่ในตัวเมือง ส่วนพวกผมก็โดนพวกมันเล่นงานจนแย่

    อนูวา : ไม่ต้องห่วงนะ เอ้านี่ดื่มน้ำซะก่อน // อนูวาให้น้ำดื่มกับชายคนนั้น ในขณะเดียวกันก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้พวกเขา พวกเขาทั้งคู่ดูตกใจกันมากที่ได้ยินเสียงนั้น

    ท่าทางพวกทหารจะมา คุณรีบหนีไป ผมจะสกัดพวกมัน ส่งเรื่องนี้ไปให้โลกภายนอกได้รู้ด้วยนะครับ

    อนูวารีบออกจากห้อง ในขณะที่ทหารก็บุกเข้ามา ชายคนนั้นยิงสกัดพวกมันจนนาทีสุดท้าย จากนั้นพวกมันก็ยิงเขาตายคาที่ ส่วนอนูวาก็แอบออกไปทางหลังตึก ในตอนนั้นเอง

    อย่าขยับนะเว้ยทหารคนหนึ่งเอาปืนจ่อหัวของอนูวา แต่เธอเอาแขนไปปัดจากนั้นก็หักคอเขาจนตายคาที่

    รู้จักฉันน้อยไปซะแล้ว

    อนูวาเช็คของที่จำเป็นของทหาร จากนั้นก็หยิบไปบางส่วน แล้วออกเดินทางต่อไป

     

    ในขณะที่เขต 15 กำลังรบกันดุเดือด ในเขตที่เร็นอยู่ กลุ่มทหารก็เริ่มจะขอคืนพื้นที่บางส่วน ในตอนนั้นเองเร็นถือปืนกลมองดูเหตุการณ์อยู่ริมหน้าต่าง ซึ่งเหตารณ์นั้นคือกกลุ่มกบฏกำลังยิงปะทะกับกลุ่มทหาร ทั้งสองฝ่ายยึดพื้นที่ของตนเอาไว้อย่างไม่ลดละ แต่กลุ่มกบฏก็ค่อนข้างเสียเปรียบเนื่องจากกำลังที่น้อยกว่า เร็นพยายามฝ่าออกไปด้านนอก ยิงกับกลุ่มทหารเพื่อที่จะกลับเข้าไปในเมือง แต่กลุ่มทหารก็ยิงกดเอาไว้ทำเอากลุ่มกบฏต้องล่าถอย เร็นยิงสู้ไม่ไหวต้องหลบเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง ในตอนนั้นเอง เขาเจอชายคนหนึ่งสะกิดเขา

    นาย มีกระสุนให้ฉันหรือเปล่า

    เร็น : ของฉันแทบจะไม่เหลือแล้ว นายนี่พูดอะไรบ้าๆ

    นายมาจากไหนงั้นเหรอ ดูจากสำเนียงไม่ใช่คนพื้นที่แน่ๆ

    เร็น : ฉันมาจากอังกฤษ นายรู้ดีจังนะ

    ฉันก็คนอังกฤษเหมือนกันหว่ะ

    เร็น : เหรอ แล้วนายเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่วะ

    ฉันเอ็ดเวิร์ด นายรู้แค่นั้นก็พอ ว่าแต่นายมาทำอะไรที่นี่หล่ะ

    เร็น : ไม่ใช่ธุระอะไรของนายซะหน่อยนี่หว่า

    เอ็ดเวิร์ด : ช่างเหอะ รีบออกไปจากที่นี่ก่อนดีกว่าหว่ะ

    เร็น : เออ แต่ถ้าไม่ได้กระสุนเพิ่ม เราตายกันหมดแน่

    เอ็ดเวิร์ด : นายเห็นตึกตรงนั้นหรือเปล่า // เอ็ดเวิร์ดชี้ไปยังตึกสูงแห่งหนึ่ง

    เอ็ดเวิร์ด : ที่นั่นเราจะปลอดภัย กลุ่มกบฏไปรวมตัวกันที่นั่น

    เร็น : นายแน่ใจได้ยังไง

    เอ็ดเวิร์ด : เชื่อฉันเถอะ ฉันรู้พื้นที่แถบนี้มากกว่านาย นายจะไปด้วยหรือเปล่า

    ทั้งคู่รีบวิ่งฝ่ากระสุนออกไปยังตึกเป้าหมาย ในขณะที่กลุ่มกบฏกำลังถูกบดขยี้จากทุกทาง

     

    และที่เขตชุมชนแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ห่างจากจุดปะทะเท่าไหร่ พวกของเทเรซ่าหลังจากที่หนีมาได้ พวกเธอมาไปหลบอยู่ข้างถนน ในขณะที่เดม่อนกำลังจูนคลื่นสัญญาณอยู่ข้างถนน ไม่นานซักพักสัญญาณก็มาในทันที

    เดม่อน : นี่เดม่อนเรียกหัวหน้า เดม่อนเรียกหัวหน้า เปลี่ยน

    นี่หัวหน้าพูด สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง เปลี่ยน

    เทเรซ่า : แพททริคตายแล้ว ตอนนี้ทหารกำลังคืนพื้นที่รอบนอกเมืองค่ะ

    ผมเข้าใจหล่ะ ตอนนี้หน่วยเรากำลังย้ายที่อยู่ไปในเมืองหน่ะ

    ลูลู่ : ตอนนี้จะให้เราทำยังไงต่อคะหัวหน้า

    พวกคุณรีบกลับมาให้ได้ อย่าโดนจับได้หล่ะ หัวหน้าเลิกกันจากนั้นสัญญาณก็ดับไป

    เทเรซ่า : ดูท่าเราต้องรีบหน่อยแล้วหล่ะ

    เดม่อน : ตอนนี้เราคงต้องใช้เส้นทางของเขต 12 เพราะทางอื่นมีการปะทะกันหนักเลย

    ลูลู่ : ฉันพอรู้ทาง งั้นฉันจะนำทางไปเอง

    พวกเขารีบออกเดินทางก่อนที่กลุ่มทหารจะบุกเข้ามาถึงตัวพวกเขา

     

    อีกด้านหนึ่งของเมือง เอจิกับหมาของเขาเดินเท้าต่อไปตามถนนเพื่อที่จะหาที่พักของเขา ในตอนนั้นเองเขามานั่งพักที่สวนของอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะปลอดภัยดี เขากับฮาจิก็นั่งอยู่ด้วยกัน เอจิหยิบอาหารกระป๋องขึ้นมาจากนั้นก็แบ่งให้ฮาจิกินด้วย

    เอจิ : อร่อยหรือเปล่า กินให้เยอะๆนะ

    ฮาจิกินอย่างเอร็ดอร่อย โดยที่เขาก็นั่งกินกับมันไปด้วย บรรยากาศรอบข้างค่อนข้างดี ถ้าไม่ติดว่ามีสงครามนะ

    แต่ในระหว่างที่พวกเขากำลังนั่งอยู่ด้วยกัน พวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ พวกเขาหาที่ซ่อนกับฮาจิแถวนั้นจากนั้นก็ดูว่าเดินมาแถวนั้น เขาพบว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์นับสิบถืออาวุธเดินตามหาคนอยู่ แต่เอจิก็ยังอยู่แถวนั้นโดยที่เฝ้าดูอยู่ห่างๆ

    ไอ้บ้านั่นมันไปไหนแล้ววะ

    นั่นดิ แม่งหนีไปเร็วชิบหายมันพูดพลางหยิบบุหรี่มาดูด

    อย่าดูดเยอะดิวะ ยิ่งเปลืองๆอยู่ ตอนนี้ต้องตามหามันกับหมามันให้ได้เลย

    เอจิฟังแล้วนึกในใจว่าพวกมันต้องมาตามล่าเขาแน่ๆ ในตอนนั้นเองเขาเลือกที่จะเข้าไปแอบในอพาร์ทเม้นท์ โดยที่เขาย่องเข้าไปด้านในอย่างเงียบๆ ส่วนฮาจิก็คอยตามหลังเขาไป แต่ในระหว่างที่กำลังเดินไป พวกมันคนหนึ่งเกิดสงสัยขึ้นมาว่าเอจิจะอยู่ในอพาร์ทเม้นท์หรือเปล่า

    เฮ้ย มันอยู่ในอพาร์ทเม้นท์หรือเปล่าวะ

    ทำไมมึงคิดแบบนั้นหล่ะ

    เออ ลองดูหน่อยดีกว่านะเว้ย

    เอจิหยิบปืนขึ้นมาเตรียมจะบวกกับพวกมัน พวกมันเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆโดยที่แทบจะหายใจรดต้นคอกับเขาแล้ว แต่ทว่า

    ปังๆๆๆๆ

    มีเสียงปืนดังมาแต่ไกล ทำเอาพวกมันต้องถอยออกไปก่อนเพราะกลัวว่าจะมีใครมาปล้นพวกเขาหรือเปล่า เอจิถึงขั้นถอนหายใจเฮือกใหญ่

    เราปลอดภัยแล้วนะเขาพูดพลางลูบหัวฮาจิอย่างเบามือ

    และอีกด้านหนึ่งของเมือง อลันกับนกคู่ใจของเขาก็เดินทางหนีกลุ่มทหารต่อ โดยที่เขาพยายามเดินเข้าไปในตัวเมืองเรื่อยๆเพื่อติดต่อกับกลุ่มกบฏที่ยังปักหลักสู้อยู่  ในตอนนั้นเอง อลันปล่อยนกของตัวเองให้ออกสำรวจรอบๆด้านของเขาเผื่อว่าจะมีอะไรที่เป็นประโยชน์ให้เขาได้ ในขณะนั้นอลันเห็นอพาร์ทเม้นท์หลังหนึ่ง เขาไม่รอช้ารีบเข้าไปซ่อนตัวในนั้น จากนั้นก็เก็บตัวเงียบเอาไว้ ไม่ให้ทหารตามตัวเขาเจอ

    มันหายไปไหนอีกแล้ววะ

    นั่นดิ แม่งไวอย่างกับลิงเลยไอ้กบฏพวกนี้

    พวกมันเดินทัพผ่านไป ปล่อยให้อลันถอนหายใจเฮือกใหญ่ แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง ก็มีเสียงๆหนึ่งมาใกล้ประตูห้องของเขา จากนั้นมันก็เปิดประตูมาหาอลัน อลันเตรียมปืนพร้อมเพื่อใช้ในการป้องกันตัว ไม่ว่าใครผ่านมาเขาจะยิงให้หมดเลย

     

    อีกฝากหนึ่งของเมือง ซึ่งกำลังทหารหน่วยหนึ่งกำลังไล่บดขยี้กลุ่มกบฏอย่างไม่รามือ กลุ่มกบฏเข้าไปยันทหารไว้ในลานจอดรถแห่งหนึ่ง พวกเขาตั้งปืนกลหนักจากนั้นก็ยิงกดกลุ่มทหารเอาไว้ไม่ให้พวกนั้นเข้ามา ในระหว่างที่สถานการณ์กำลังย่ำแย่ ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาหัวหน้าของเขา ซึ่งดูท่าทางเขากำลังต้องการให้ชายคนนั้นช่วยพอดี

    สตอร์ม คุณมาพอดีเลยนะหัวหน้าของเขาได้พูดขึ้น

    สตอร์ม : ครับหัวหน้า มีอะไรหรือเปล่า

    คุณต้องรีบติดต่อกับกลุ่มต่อต้านที่เหลือในเมือง ตอนนี้เราคงต้านพวกมันไม่ได้อีกแล้ว

    สตอร์ม : แต่ท่านครับ ผมจะไม่ยอมหนีไปไหนแน่ๆ

    ในระหว่างที่พูดคุยกันนั้นเอง กองทัพได้ใช้เฮลิคอปเตอร์จู่โจมยิงใส่ปืนกลเหล่านั้นจนย่อยยับ ส่วนกลุ่มกบฏก็ถูกตีจนแตกกระเจิง

    ไม่มีเวลาแล้ว คุณต้องทำงานนี้ ถ้าอยากให้งานเราสำเร็จ

    สตอร์ม : แล้วท่านหล่ะครับ ไม่ไปเหรอครับ

    ไม่ต้องห่วง ผมจะช่วยพาคนอื่นหนีเอง

    สตอร์ม : แล้วเจอกันใหม่นะครับท่าน

    สตอร์มบอกกับหัวหน้าของเขา ก่อนที่จะรีบร้อนออกไปจากลานจอดรถนั้น โดยที่กลุ่มกบฏก็ถูกทำลายจนย่อยยับ คนที่เหลือก็หนีตายกันอลหม่าน สตอร์มตั้งใจว่าจะกลับมาแก้แค้นให้กับพวกเขาทุกคนให้ได้

     

    อีกด้านหนึ่งของเมือง ซึ่งไม่ห่างจากเขตชานเมืองมากนัก ในตอนนั้นเองอันนาขับรถมาจอดที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง เพื่อทำการตรวจเช็คสภาพรถของเธอก่อนที่จะขับรถออกตามหาลูกของเธอ เธอเปิดกระโปรงรถเพื่อเช็คอาการว่าพอจะไปต่อได้หรือเปล่า ในขณะนั้นเอง มีชายกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอ จากนั้นก็จับทั้งมือทั้งแขนของเธอเอาไว้

    พวกคุณจะทำอะไรฉัน

    ก็แค่หาอะไรสนุกๆทำหน่ะ

    พวกมันพยายามจะอุ้มเธอเข้าไปด้านใน เธอพยายามขัดขืนสุดชีวิต แต่พวกมันก็มีแรงมากกว่า อันนาเผลอคว้าของแถวนั้นฟาดหัวมัน มันต่อยท้องอันนาจนเธอทำอะไรไม่ได้

    ขอหน่อยนะจ๊ะ พี่อดมานานแล้ว

    ในขณะที่พวกมันกำลังจะถอดเสื้อเธอ ในตอนนั้นเองก็มีเสียงปืนดังขึ้นมา พวกมันตกใจกันยกใหญ่ จากนั้นไม่นานก็มีกลุ่มทหารกลุ่มหนึ่งเข้ามาไล่ยิงพวกมันจนแตกกระเจิง และมีทหารคนหนึ่งเดินเข้ามาหาอันนาที่กำลังตกใจ

    คุณผู้หญิงครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ

    ดิฉันไม่เป็นไรค่ะ พวกคุณมาทำอะไรที่นี่คะ

    อ้อ ผู้กองสั่งให้ผมตามมาดูคุณหน่ะครับ ตอนนี้พวกกบฎมันทำอะไรคุณไม่ได้แล้วครับระหว่างนั้นเอง ทหารคนหนึ่งจับตัวเชลยมาได้หนึ่งคน เอามาส่งให้จ่าเพื่อทำการลงโทษ

    ท่านครับ จับตัวมันได้คนหนึ่งครับ

    ดีมาก เอามันไปขังไว้ก่อน เออนี่คุณอันนาครับ เราเช็ครถให้คุณแล้ว รถคุณแบตร้อนมากเราเลยเติมน้ำให้ครับ

    ขอบคุณมากๆนะคะ ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ

    อันนารีบขึ้นรถออกไปจากจุดเกิดเหตุ ครั้งนี้เธอรอดมาได้ แต่ไม่รู้ว่าครั้งต่อไปจะโชคดีแบบนี้หรือเปล่า

     

    กลับมายังอพาร์ทเม้นท์ของนอร์รีน ในระหว่างที่ทุกคนกำลังทำงานของตัวเอง ตะวันก็เดินสำรวจรอบๆอาคาร แต่ในระหว่างนั้นเอง เขาก็ได้ยินกุกกักมาจากด้านใน เขาจึงหยิบปืนพกของเขาออกมา จากนั้นก็จับกลอนประตูแล้วเปิดเข้าไป

    พลัก!!”

    ตะวันเห็นชายคนหนึ่งกำลังถือปืนอาก้าจ่อเขาอยู่ จากนั้นทั้งคู่ก็เล็งปืนใส่กันโดยที่ไม่มีใครยอมใครกันเลย

    วางปืนลงเดี๋ยวนี้

    แกนั้นแหละวางก่อนสิ

    ตะวันอาศัยจังหวะที่มันเผลอจับกระบอกปืนของมัน มันก็เตะปืนของตะวันทิ้ง จากนั้นทั้งคู่ก็ตะลุมบอนกันยกใหญ่ แต่ระหว่างที่สู้กัน ก็มีหมาตัวหนึ่งมาเห่าใส่ทั้งคู่ ทุกอย่างดูจะชุลมุนไปหมด แต่ในขณะเดียวกันไลฟ์กับเอสเทอร์ก็วิ่งเข้ามาดูในห้องว่าเกิดอะไรขึ้น

    พี่อลัน

    ไลฟ์ตะโกนเรียกชื่อเขา จากนั้นเธอก็รีบวิ่งไปกอดเขาในทันที

    ไลฟ์ นึกว่าเธอตายไปแล้วนะเนี่ย

    ตะวัน : อะไรเนี่ย นี่รู้จักกันงั้นเหรอ

    เอสเทอร์ : ดูท่าจะเป็นอย่างงั้น ว่าแต่หมาตัวนี้ของใครเนี่ย

    และในขณะเดียวกัน ชายเจ้าของหมาก็เดินออกมาชักปืนใส่ทุกคน ก่อนที่ทุกคนจะยกมือขึ้น

    อย่าทำอะไรหมาของฉันนะเฟ้ย

    ตะวัน : หมานาย แล้วนายเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่เนี่ย

    เอจิ : ฉันเอจิ ฉันหนีมาจากด้านนอกหน่ะ

    ไลฟ์ : นี่ สรุปว่าเราเจอแต่คนรู้จักใช่หรือเปล่าเนี่ย

    อลัน : เดี๋ยวนะ พี่ไม่รู้จักไอ้หมอนี่เลยนะ

    เอจิ : ไม่มีใครรู้จักฉันหรอก ฉันแค่บังเอิญหาที่หลบหน่ะ

    เอสเทอร์ : ว่าแต่นี่ จะเอายังไงต่อหล่ะ

    เอจิ : ถ้าไม่รังเกียจ ฉันขออยู่ที่นี่ชั่วคราวไปก่อนนะ ฉันไม่เป็นตัวถ่วงหรอก

    ไลฟ์ : นี่นายเอาจริงเหรอ ก็แล้วแต่นายนะ

    ตะวัน : ผมว่านะ เราควรจะซ่อมแซมรอบๆตึกนี้ซะที แบบนี้สบายโจรเลยนะ

    อลัน : เห็นด้วย แต่นายมีของที่จะซ่อมแล้วงั้นเหรอ

    ไลฟ์ : ไม่ต้องห่วงพี่ เพื่อนหนูพี่วิธีหน่ะ ตอนนี้เรากลับเข้าไปด้านในกันดีกว่านะคะ

     

    อีกด้านหนึ่งของบ้าน อลิซซึ่งได้วิทยุที่พังแล้วจากซีโร่มา เธอไม่รอช้ารีบซ่อมแซมมันในทันที แต่ว่าชิ้นส่วนอะไหล่ของเธอต้องใช้อย่างจำกัดเนื่องจากอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์นั้นหายาก ในระหว่างที่อลิซกำลังนั่งซ่อมอยู่ มิสซึก็เดินเข้ามาเอาน้ำให้เธอดื่ม

    มิสซึ : เอ้านี่ ดื่มหน่อยนะ ว่าแต่เธอทำอะไรอยู่หน่ะ

    อลิซ : ฉันซ่อมวิทยุอยู่หน่ะ นายอยากมาร่วมด้วยหรือเปล่าหล่ะ

    มิสซึเดินเข้าไปนั่งบ้างๆอลิซ จากนั้นอลิซก็สอนให้มิสซึรู้จักชิ้นส่วนวิทยุ แล้วก็ค่อยๆประกอบเขาดู มิสซึลองทำดูบ้างแต่ก็ไม่ดีเท่ากับอลิซเท่าไหร่

    อลิซ : นี่นาย ตั้งใจหน่อยสิ

    อลิซจับมือมิสซึให้ต่อชิ้นส่วนตามที่เธอบอก จนกระทั่งมิสซึหยุดนิ่งแล้วจ้องหน้าเธออยู่นานมาก

    อลิซ : นี่นาย ฟังฉันอยู่หรือเปล่าเนี่ย

    มิสซึ : เอิ่ม ไม่มีอะไรหรอก // เขาพยายามปล่อยมือที่กุมอลิซไว้ด้วย จากนั้นทั้งคู่ก็ช่วยกันซ่อมวิทยุต่อไป

     

    และอีกห้องหนึ่ง ซีโร่ที่กำลังนอนหลับอยู่สบาย บารีร่าก็เดินเข้ามาในห้องของเขา แต่เสียงเปิดประตูทำเอาซีโร่ตื่นพอดี

    บารีร่า : ขอโทษนะซีโร่ ฉันปลุกเธอหรือเปล่า

    ซีโร่ : ไม่หรอก ฉันนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่หน่ะ

    บารีร่า : เอ้า ทำไมเหรอ??

    ซีโร่ : คือไม่มีหมอนดีๆหน่ะ นอนไม่ค่อยได้เลยเนี่ย // จากนั้นบารีร่าก็ไปนั่งใกล้ๆกับซีโร่

    บารีร่า : เธอนอนตักฉันก็ได้นะ

    ซีโร่ : ห่ะ เอาจริงเหรอ มันจะไม่รบกวนเธอเหรอ

    บารีร่า : ไม่เป็นไรหรอก ฉันทำเธอตื่นเองนี่หน่า

    ซีโร่ค่อนข้างเกรงๆจากนั้นก็นอนหนุนตักของบารีร่า จากนั้นไม่นานเขาก็หลับปุ๋ยเลย

     

    ที่ห้องของซิลเวีย หลังจากที่ยูจีนให้ยากับซิลเวียเรียบร้อยแล้ว เธอก็นอนอยู่ข้างๆกับซิลเวียไม่ยอมไปไหน และในขณะเดียวกันโทนี่ก็เดินเข้ามาดูอาการของพวกเขาในห้องด้วยความเป็นห่วง

    ยูจีน : เอ้านี่ โทนี่ ยังไม่นอนอีกเหรอ

    โทนี่ : ว่าจะนอนอยู่หน่ะพี่ แต่ว่าผมนอนไม่ค่อยหลับ

    ยูจีน : นายมานอนที่ห้องพี่ก็ได้นะถ้าอยากนอน

    โทนี่ : แล้วพี่หล่ะ ยังไม่นอนอีกเหรอครับเนี่ย

    ยูจีน : พี่ต้องดูพี่ซิลเวียเขาด้วยหน่ะ เพิ่งจะได้กินยาไปเอง

    โทนี่ : ครับพี่ ถ้างั้นผมนอนด้วยก็แล้วกันนะ ฝันดีครับพี่ // โทนี่ไม่พูดอะไรไปนอนที่ด้านหนึ่งของห้อง ปล่อยให้ยูจีนคอยอยู่ดูแลซิลเวียไป

     

    และที่ห้องของนอร์รีน ในตอนนั้นเองนอร์รีนกำลังจัดแจงของเพื่อเตรียมใช้งาน ในขณะเดียวกันมิเชลก็เดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับน้ำดื่มที่อยู่ในมือของเธอ

    มิเชล : นอร์รีน ดื่มน้ำนี่หน่อยสิ เห็นเธอทำงานมาเยอะแล้ว

    นอร์รีน : ขอบใจมากนะ // นอร์รีนคว้าแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม

    มิเชล : ที่เธอทำในวันนี้กล้าหาญมากเลยนะ

    นอร์รีน : ก็แค่นาฬิกาหน่ะครับ ผมหาซื้อใหม่ได้

    มิเชล : เมื่อไหร่จะผ่านพ้นเรื่องร้ายๆนี้ไปซะทีนะ

    นอร์รีน : นั่นสิ ว่าแต่ เธอไปคุยกับคุณตะวันหรือยัง เรื่องข้อมูลที่เธอจะให้เขาดูหน่ะ

    มิเชล : เขาไม่มีที่ส่งข้อมูลหน่ะสิ แต่ป่านนี้ทาง UN คงกำลังตามหาตัวเขาอยู่หน่ะ

    นอร์รีน : ก็หวังว่ามันจะจบลงซะทีนึงนะ

    พวกเขาทั้งคู่ก็อยู่ด้วยกันสองต่อสอง รอจนกว่าเวลาจะผ่านพ้นเลยไป พวกเขาหวังว่าสงครามบ้าๆนี่มันจะจบลงโดยเร็วซะที แต่มันจะเมื่อไหร่กันหล่ะ

    ===============================================================

    เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามชมต่อตอนหน้าจ้า ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ
    ส่วนเรื่อง Descendent ตอนนี้กำลังปั่น ช่วงนี้ยุ่งจ้า กำลังจะสอบ กทม.กับศาลยุติธรรมแล้ว

    ติดตามกันเรื่อยๆเน้อ

     

                              

                                                 

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×