NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Life Before The World End - ก่อนโลกบรรลัยขอใส่ไม่ยั้ง [ปิดรับสมัครตัวละคร]

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 3 : สู่พัทยา

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ย. 67


    กลุ่มของจินตอนนี้กำลังอิ่มหน่ำสำราญกับอาหารทะเลมากมายที่อยู่ตรงหน้า เนื่องจากว่าพวกเขาได้เงินจากแก๊งโจรปล้นธนาคารที่พวกเขาจัดการกันได้ 

    “กุ้งนี่อร่อยมากเลยนะคะพี่” ชิดจันทร์สะกิดบอกสการ์เล็ต

    “อืม กินเยอะๆเลย” สการ์เล็ตตอบกลับ

    “ว่าแต่ เราจะไปพักกันที่ไหนหล่ะครับ??” จินถามคนในกลุ่มไป

    “เอาเถอะจ้ะ พวกเรามีที่ไว้อยู่แล้ว เธอต้องชอบแน่ๆ” ครูหนาบอกกับจิน

    “เฮ้ โอ้ กินก่อนก็ได้นี่พวก??” มายด์สะกิดโอ้

    “ฉันไม่อยากให้ขาดตอนเว้ย” โอ้ตอบกลับ

    “เป็นไงบ้างซิกส์ กินได้นะ??” ไอรีนหันไปถามเขา

    “ได้” ซิกส์ตอบสั้นๆ ในขณะที่เขาใช้มีดพกของเขาแกะปูตัวหนึ่ง

    “เฮ้ มีส้อมใช้ก็ใช้ไปเถอะหลานชาย” ลุงบุญช่วยบอกกับซิกส์

    “ตอนนี้กระสุนของเราเหลือแค่ไหนหล่ะ??” เคนตะถามขึ้นมา

    “ไม่ต้องห่วงหรอก พอไปถึงที่โรงแรมแน่ๆ” อิชมาเอลพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน ตัวของโอ้ก็พบข้อมูลอะไรบางอย่าง

    “โอเค ทุกคน ฉันลองตรวจสอบข้อมูลประวัติของไอ้พวกนี้ เชื่อได้ว่าไอ้พวกนี้ มันมีส่วนรู้จักกับไอ้คอปเปอร์ ลูกเศรษฐีที่พวกนายก็น่าจะรู้จัก” โอ้พูดขึ้น

    “ไอ้คอปเปอร์ อ้อ ไอ้ลูกเศรษฐีเหลือเดนที่เป็นข่าวเหรอ??” จินถามไป

    “เหรอ บ้านมันก็รวย มันจะทำงี้ทำไม??” มายด์ถามขึ้นมา

    “ก็อย่างที่พวกนายบอก พวกมันอาจจะทำเอาสนุกก็ได้” เคนตะพูดต่อ

    “เคยเห็นหน้ามันในข่าวนะคะ หล่อนะ แต่ชายแท้มากๆ” ชิดจันทร์พูดขึ้น

    “ผู้ชายแล้วมันทำไมหล่ะ??” ซิกส์บ่นขึ้นมา ทำเอาชิดจันทร์ถึงกับกลัวขึ้น

    “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่คำด่าพวกผู้ชายเลวๆหน่ะ ไม่มีอะไร” สการ์เล็ตอธิบายกับซิกส์ ซิกส์พยักหน้าแล้วก็กินต่อ

    “แล้วนี่ ถ้าพวกมันรู้ว่าเราจัดการพวกมันหล่ะครับ??” จินถามไป

    “ไม่หรอก พวกมันไม่ฉลาดขนาดนั้นหรอก” ไอรีนพูดปราม

    “แต่ฉันได้ยินว่า พี่ชายเขาเป็นตำรวจกองปราบด้วยนี่ ผู้กองโซ่นี่??” ครูหนาถามไป

    “เฮ้อ ตำรวจเลวตามเคย ป่านนี้พี่ชายมันคงจะตามหาว่าใครทำคนของน้องชายสุดที่รัก” อิชมาเอลพูดต่อ

    “ตอนนี้พวกเราคงต้องเก็บตัวเงียบๆแล้วหล่ะ” ลุงบุญช่วยพูดขึ้น

    “เอาจริงๆ ผมอยากซัดหน้ามันตั้งนานแล้ว” จินพูดขึ้น ในระหว่างที่พวกเขากำลังกินอยู่นั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากข้างนอก จินมองออกไปก็พบว่า มีชายคนหนึ่งกำลังลวนลามเด็กเสิร์ฟ 

    “ปล่อยฉันนะ!!”

    “อะไรกัน ขอจับนิดๆหน่อยๆเอง!!” 

    “จิน ใจเย็นๆนะ” สการ์เล็ตรีบสะกิดจิน แต่เหมือนว่าตัวของจินจะไม่ค่อยสนใจ แต่ในตอนนั้น มันก็ยกระดับโดยการตบหน้าสาวเสิร์ฟคนนั้น จากนั้นก็ชักปืนออกมา 

    “กริ๊ด!!”

    “อะไร มึงอยากโดนใช้มั้ย??” ชายคนนั้นเอาปืนจ่อสาวเสิร์ฟคนนั้น ตัวของจินไม่ทนแล้ว เขาหยิบขวดแก้วบนโต๊ะออกมา จากนั้นก็ปาใส่หน้าของมัน

    “โพล้ะ!!” ตัวของมันโดนขวดปาใส่จนหัวแตก มันอีกคนรีบชักปืนออกมา แต่ซิกส์ก็ลุกขึ้นและใช้มีดที่เขาถือปาใส่มือของมัน

    “ฉึก!!”

    “อ๊าค!!”

    ตัวของจินเดินไปหาผู้ชายคนนั้น จากนั้นก็หยิบขวดแก้วบนโต๊ะของมันขึ้นมา แล้วตีไปที่หัวของมันอีกรอบ และเมื่อมันล้มลงกับพื้น จินก็ไปคร่อมตัวมันในทันที

    “มึงขอโทษเขาเดี๋ยวนี้!!”

    “มึงเสือกเห้อะไรวะ??” มันตะโกนถามจิน เพื่อนของมันจะมาช่วยมัน แต่ซิกส์ก็เดินเข้าไปต่อยหน้ามันจนร่วง และเขาก็เหยียบที่หน้าของมันต่อ

    “ว่าไง หรือมึงอยากหน้าแหก??” จินถามมันไป 

    “ขอโทษ!!” ชายคนนั้นพูดอย่างไม่เต็มใจ แต่จินก็ต่อยมันซ้ำอีกรอบ

    “เฮ้ย มึงพูดดีๆไม่เป็นเหรอวะ??” จินถามกลับไป

    “ขอโทษครับ” ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง จากนั้นจินก็ลุกขึ้นมา แล้วหยิบปืนของมันมาในทันที

    “มึงไปเลยนะ” จินพูดขึ้น มันลุกขึ้นมาแล้วรีบวิ่งหนี ส่วนเพื่อนมัน ซิกส์ก็เอามีดกรีดเข้าที่หน้าของมันอีกที ก่อนที่จะลุกขึ้นและปล่อยให้มันวิ่งหนีไป

    “ขอบคุณมากนะคะ” เด็กเสิร์ฟคนนั้นพูดกับจิน

    “ไม่ต้องแจ้งตำรวจนะครับ เดี๋ยววุ่นวายกันหมด” จินบอกกับเด็กเสิร์ฟ จากนั้นตัวของเขาก็เดินกลับไปที่โต๊ะพร้อมกับซิกส์ ในตอนนั้นทุกคนมองจินเป็นตาเดียว

    “ผมแค่อยากได้ปืนมันหน่ะ” จินพูดขึ้นแล้ววางปืนไว้บนโต๊ะอาหารให้ทุกคนได้ดู

    “นี่ เอาอีกแล้วเหรอนายหน่ะ??” ชิดจันทร์ถามขึ้นมา

    “เอาเถอะ ฉันคงหยุดนายไม่ได้แล้ว” สการ์เล็ตพูดกับจิน

    “พี่นี่แม่เหล็กดูดส้นตีนจริงๆเลยพี่ชาย” มายด์พูดขึ้น

    “ฉันต้องทำ ไม่งั้นเธอคงตายไปแล้ว” จินตอบ

    “แต่มันก็อาจจะทำให้พวกเราตายด้วยนะพี่” โอ้พูดกับจิน

    “ป่านนี้พวกมันคงกำลังเรียกตำรวจมาแล้วหล่ะ” เคนตะพูดขึ้น

    “แต่กว่าตำรวจจะมาก็นานอยู่” ลุงบุญช่วยพูด

    “เอาเถอะ เรารีบกินและรีบไปดีกว่า” อิชมาเอลพูดขึ้น

    “ยังดีนะที่นายไม่ได้ยิงคนตายหน่ะ” ไอรีนพูดกับจีน

    “เสียดายไม่ได้ฆ่ามัน” ซิกส์พูดขึ้น

    “โห ยังจะห่วงเรื่องนั้นอีกเหรอ” ครูหนาถามซิกส์กลับไป กลุ่มของจินเองนั่งต่อกันอีกซักพัก ก่อนที่พวกเขาจะเรียกพนักงานให้มาคิดเงินในทันที

    “เออ ทั้งหมด 5700 ค่ะ” พนักงานคิดเงินบอกกับจิน ตัวของจินหยิบเอาเงินของเขาออกมาแล้วจ่ายไปในทันที 6000

    “ไม่ต้องทอนนะครับ” จินบอกกับพนักงานคิดเงิน พนักงานคิดเงินก็เดินออกไปในทันที

    “เราไปกันเถอะ เดี๋ยวตำรวจคงมาแล้ว” สการ์เล็ตพูดต่อ จากนั้นพวกเขาทุกคนก็ลุกขึ้น และกลับไปที่รถอย่างรวดเร็ว

    บนถนนเส้นหนึ่ง ซึ่งจะพาพวกเขาเข้าสู่พัทยา กลุ่มของจินก็ยังคงนั่งอยู่บนรถและรอเลาจะถึงที่พัก ไม่นานนัก มายด์ก็วอบอกกับทุกคนในทันที

    “เฮ้ ทุกคน เข้าพัทยาแล้วนะ!!”

    คำพูดของมายด์เรียกความสนใจของทุกคนได้ ตัวของจินเองก็มองดูบรรยากาศรอบๆในทันที ซึ่งตอนนี้ผู้คนมากมายต่างพากันมาเที่ยว ตัวของจินแอบจะตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะตัวของเขาไม่ได้มาเที่ยวอะไรแบบนี้นานมากแล้ว

    “ดูเหมือนนายจะไม่ได้มาเที่ยวนานแล้วนะ” สการ์เล็ตพูดกับจิน

    “ใช่แล้วหล่ะ ตั้งแต่มากับเพื่อนคราวนั้น ก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย” จินตอบ

    “อ้าว ทำไมหล่ะ เพื่อนไม่คบเหรอ??” ชิดจันทร์ถามไป

    “นี่ ทุกคนก็ต้องมีงานมีการทำ มีชีวิตเป็นของตัวเองเหมือนกันนะ” จินตอบชิดจันทร์แบบเจ็บๆ

    “โอโห เจ็บจิ๊ดมั้ยแม่สาวน้อย??” เคนตะถามแซวชิดจันทร์

    “เอาเถอะ หวังว่าที่นี่จะ..” ไอรีนยังไม่ทันจะพูดจบ ในตอนนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้นมาแต่ไกล

    “ปังๆๆๆ!!”

    “เฮ้ นั่นเสียงปืนนี่??” ครูหนาพูดขึ้น

    “โห มาถึงนี่ก็ยังเจออะไรแบบนี้อีกเหรอเนี่ย??” ลุงบุญช่วยถามขึ้น

    “ดูเหมือนว่ามันจะเริ่มเร็วกว่าที่คิดครับ” โอ้พูดขึ้น

    “เฮ้อ จิน ตอนนี้นายอยู่เฉยๆไปก่อนนะ” อิชมาเอลบอกกับจิน

    “จะลองดูครับ” จินตอบ

    “แล้วนี่คนยังมาเที่ยวอีกเหรอ??” ซิกส์ถามขึ้น

    “ไม่มีอะไรหยุดคนไทยได้อยู่แล้วนี่นะ” จินตอบ จากนั้นตัวของเขาก็เก็บหูฟังของเขาไปในทันที

    “ไม่ฟังเพลงแล้วเหรอ??” สการ์เล็ตถามไป

    “อ้อ ใกล้จะถึงแล้วนี่” จินตอบ 

    “ก็หวังว่าตำรวจแถวนี้จะทำงานกันหน่อยนะครับ” จินพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ตัวของโอ้ก็ได้ข่าวอะไรบางอย่าง เขารีบบอกกับทุกคนในทันที

    “เฮ้ ทุกคน ฉันว่ามันเริ่มเข้าเค้าแล้วหล่ะ ผู้กองโซ่ ที่มันเป็นพี่ชายไอ้คอปเปอร์ ตอนนี้มันกำลังจะมาพัทยาหน่ะ” โอ้พูดขึ้น

    “อะไรนะ นี่มันมาตามล่าพวกเราเหรอคะ??” ชิดจันทร์ถามอย่างกลัวๆ

    “ไม่หรอก ฉันว่ามันต้องเป็นเรื่องอื่น” สการ์เล็ตตอบ

    “แล้วพวกนั้นมาทำอะไรกันหล่ะครับ??” จินถามไป แต่ในตอนนั้นตัวของโอ้ก็ยังคงพยายามหาข้อมูลอยู่

    “ว่าแต่ ไม่มีใครรู้อะไรเกี่ยวกับมันเลยเหรอ??” มายด์ที่ขี่มอเตอร์ไซค์อยู่ข้างนอกก็วิทยุถามคนในรถ

    “ปกติ มันจะเคลื่อนไหวกับคดียาเสพติดเท่านั้นนี่” เคนตะพูดขึ้น

    “เป็นไปได้ว่า มันอาจจะมากวาดล้างเครือข่ายยาเสพติดที่นี่นะ” ครูหนาพูดขึ้น

    “มาจัดการศัตรูพ่อตัวเองสินะ” ลุงบุญช่วยพูดขึ้น

    “แล้วไงหล่ะ ให้มันมาสิ” ซิกส์พูดขึ้น

    “ใจเย็น มันเป็นถึงตำรวจกองปราบเลยนะ” ไอรีนพูดขึ้น

    “ก็แค่ไอ้ตำรวจเลวๆหน่ะครับ” จินพูดขึ้น

    “เป็นตำรวจเลวๆที่อาจจะลากคอพวกเราเข้าตารางได้หน่ะสิ” อิชามาเอลพูดปรามจิน

    “ตอนนี้พวกเราคงต้องเก็บตัวกันก่อนหล่ะ” สการ์เล็ตพูดขึ้น

    “อ่าๆ อันนี้เข้าใจ” จินตอบ 

    “เฮ้ มายด์ ขี่รถดูลาดเลาให้เราหน่อย” สการ์เล็ตคุยกับมายด์ผ่านวิทยุสื่อสาร

    “เออ อีกไกลหรือเปล่าครับกว่าจะถึง??” จินถามไป

    “ไม่ไกลหรอก” สการ์เล็ตตอบ ในขณะที่เสียงปืนก็ยังคงดังขึ้น แต่ไม่ต่อเนื่องนักเท่าไหร่

    “จะอะไรกันนักหนาวะเนี่ย??” จินสบถออกมาเล็กน้อย

    “สงสัยพวกมันจะเริ่มออกมาอาละวาดแล้วหล่ะ” สการ์เล็ตตอบ

    “แบบนี้พวกเราคงอยู่ได้แต่ในโรงแรมสินะคะ” ชิดจันทร์พูดขึ้น 

    “เฮ้ มีอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า โอ้??” เคนตะถามโอ้ไป

    “รู้สึกว่าไอ้คอปเปอร์มันจะมาที่พัทยาด้วยหน่ะ” โอ้ตอบ

    “โห โลกมันกลมจริงๆเลยนะ” ครูหนาพูดขึ้น

    “แต่ถึงยังไง พวกมันคงไม่รู้หรอกว่าพวกเราเป็นคนทำ” ลุงบุญช่วยพูดขึ้น

    “ตอนนี้เราต้องไปถึงโรงแรมให้ได้ก่อน” ไอรีนพูดขึ้น

    “แล้วนี่ โทรบอกคุณจันหือยังหล่ะ??” อิชมาเอลถามไป

    “ฉันติดต่อไปแล้วหล่ะ” สการ์เล็ตตอบ และไม่นานนัก ตัวของมายด์ก็ติดต่อเข้ามา

    “โอเค จะถึงแล้วทุกคน ถนนเคลียร์!!”

    “โอเค เรากำลังไป” สการ์เล็ตตอบ

     

    ณ พัทยา รถตู้ที่มุกโดยสารมาตอนนี้ก็เดินทางมาถึงพัทยาเรียบร้อยแล้ว รถตู้จอดบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อชื่อดัง มุกเองเดินลงจากรถในทันที จากนั้นก็มองไปทางนั้นทางนี้เพื่อชมบรรยากาศ

    “อากาศดีจริงๆ แต่คนเยอะไปหน่อยแหะ” มุกบ่นขึ้นมา แต่ในตอนนั้นเอง

    “ปังๆๆ!!”

    เสียงปืนดังมาจากด้านหลังของเธอ เธอรีบไปหลบหลังถังขยะแถวนั้น ไม่นานนัก เธอก็พบกับกลุ่มโจรกลุ่มหนึ่ง ที่บุกเข้าไปและปล้นร้านสะดวกซื้อ ก่อนที่พวกนั้นจะรีบวิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว

    “บ้าเอ้ย อะไรกันเนี่ย??” มุกสบถออกมา แล้วเธอก็สังเกตเห็นว่าพนักงานร้านคนหนึ่งลากสังขารตัวเองออกมาจากร้าน ในสภาพที่เลือดท่วมตัว มุกรีบวิ่งเข้าไปหาพนักงานคนนั้นในทันที

    “เป็นอะไรหรือเปล่า อดทนไว้นะ” มุกบอกกับพนักงานคนนั้น ก่อนที่จะช่วยเช็คแผลให้กับพนักงาน และเมื่อเธอตรวจดูแล้ว ก็พบว่ามีแผลโดนยิงเข้าที่หน้าท้องของเขา

    “เอานี่กดแผลไว้นะคะ” มุกพูดขึ้นและรีบเอาผ้าซับเลือดออกมา จากนั้นก็ปิดแผลของชายคนนั้นเอาไว้ เพื่อไม่ให้เลือดไหลจนหมดตัว

    “ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลหน่อย!!” มุกตะโกนออกมา ในขณะที่ชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นก็พากันเข้ามาดูสถานการณ์ ในขณะเดียวกัน มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งได้ขี่ผ่านมาพอดี ซึ่งนั่นก็คือโฮมและน้องสาวของเขา ตัวของโฮมเห็นเหตุการณ์หน้าร้านสะดวกซื้อ เขารีบขี่รถเข้าไปดูในทันที แล้วก็พบว่ามีคนถูกยิง และมุกก็กำลังช่วยปฐมพยาบาลเขาอยู่

    “พี่คะ มีคนโดนยิงนี่คะ” เทียนพูดขึ้น

    “โรงพยาบาลก็อยู่แค่นี้เอง แต่ไม่เห็นรถพยาบาลเลย” โฮมพูดขึ้น ในตอนนั้นทุกที่เห็นโฮมก็พูดกับโฮม

    “นี่นาย ช่วยพาเขาไปโรงพยาบาลที ถ้ายังอยู่อย่างงี้เขาไม่รอดแน่”

    “งั้นช่วยกันยกขึ้นมาเลยครับ เทียน อยู่ที่นี่ก่อน พี่ฝากกระเป๋าเราด้วยนะ” โฮมตอบกลับและพูดกับเทียน เทียนรีบลงจากรถ จากนั้นเธอก็เอากระเป๋าของตัวเองและของโฮมมาด้วย ชาวบ้านช่วยกันแบกร่างของชายคนนั้นขึ้นมอเตอร์ไซค์ของโฮมในทันที 

    “คุณอยู่กับน้องสาวผมหน่อยนะ” โฮมบอกกับมุก มุกเองพยักหน้าตอบรับ ก่อนที่เขาจะรีบบิดรถไปที่โรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว

    “แว๊น!!”

    โฮใช้เวลาไม่นานก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาลจนได้ เขาขี่รถมาที่หน้าห้องฉุกเฉิน พยาบาลที่เห็นตอนนั้นก็รีบวิ่งมารับตัวชายคนนั้นในทันที และบุรุษพยาบาลก็รีบเข็นเตียงมาหาเขา

    “เขาเป็นอะไรมาคะ??” พยาบาลถามโฮม

    “น่าจะโดนยิงครับ แล้วนี่รถพยาบาลไปไหนหมดครับ??” โฮมถามพยาบาลไป

    “มีการปล้นกันที่ห้างค่ะ มีข่าวมาว่าเจ็บตายกันหลายคน รถพยาบาลพากันไปที่นั่น ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นนะคะเนี่ย” พยาบาลตอบ โฮมเองที่พอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ไม่กล้าพูดอะไร เขาได้แต่นิ่งไปเลย

    “เออ คุณเป็นญาติเขาหรือเปล่าคะ??” พยาบาลถามโฮมต่อ

    “อ้อ เปล่าครับ ผมแค่มาส่งเขา ผมขอตัวนะครับ” โฮมพูดต่อ ก่อนที่เขาจะรีบใส่หมวกกันน็อค จากนั้นก็ขี่มอเตอร์ไซค์ออกจากโรงพยาบาลในทันที 

    “นี่มันหนักกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย” โฮมนึกในใจไป ในขณะที่เขาขี่รถเพื่อกลับไปหาน้องสาวเขาที่กำลังรอเขาอยู่

     

    หลังจากที่ตัวของชิริวทานอาหารและทำธุระอะไรของเขาเสร็จแล้ว เขาเองก็เดินออกมาจากร้าน และเดินไปตามถนนเรื่อยๆ เพื่อหาอะไรทำ ในระหว่างที่กำลังเดินอยู่นั้น เขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินสวนเขามา พวกเขาทั้งคู่มองตาประสานกัน จากนั้นฝ่ายหญิงก็พูดขึ้น

    “คุณคะ มาเที่ยวกับฉันเถอะค่ะ..”

    ตัวของชิริวเองแปลกใจเล็กน้อย ตัวของเขาได้แต่ยิ้มแห้งๆตอบ แต่ก็ยังไม่ไปไหน

    “ครั้งแรกที่พัทยาหรือเปล่าคะ??” หญิงสาวคนนั้นถามชิริวเป็นภาษาอังกฤษ

    “ก็ใช่ครับ” ชิริวตอบ

    “อ้อ ฉันจะพาคุณเที่ยว ดีมั้ยคะ??”

    “เออ ที่ไหนครับ??” ชิริวถามกลับไป

    “ก็มีหลายที่เลยค่ะ ฉันคิดแค่ 1500 ค่ะ” หญิงสาวคนนั้นพูดขึ้น ตัวของชิริวเองก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว เขาควักเอากระเป๋าตังค์ออกมา จากนั้นก็หยิบเอาแบงก์พัน 2 ใบยื่นให้กับหญิงสาวคนนั้น หญิงสาวคนนั้นรีบรับเงินมาอย่างรวดเร็ว

    “ขอบคุณค่ะ ว่าแต่คุณมาจากไหนคะ??”

    “ญี่ปุ่นครับ” ชิริวตอบ

    “อุ๊ย คนนิจิวะค่ะ!!” หญิงสาวคนนั้นพูดขึ้น ตัวของชิริวทำได้แค่ยิ้มแห้งๆ แต่เขาก็ยังไปเดินเที่ยวกับเธอ

     

    ณ ร้านอาหารร้านหนึ่งในกรุงเทพ หลังจากที่น้ำฝนทำงานของเธอไปตามปกติจนเสร็จแล้ว เธอก็ขับรถไปที่ลานจอดรถที่อยู่ด้านหลังร้านอาหาร ไม่นานนักเมื่อเธอจอดรถแล้ว เธอก็ลงจากรถในทันที และพนักงานของร้านอาหารก็เดินเข้ามาต้อนรับเธอในทันที

    “สวัสดีค่ะ มากี่คนคะ??”

    “คนเดียวค่ะ” น้ำฝนตอบกลับ

    “เชิญด้านในค่ะ” พนักงานตอบ ก่อนที่ไม่นานนักพนักงานจะพาน้ำฝนเข้าไปในร้าน และพาไปนั่งที่โต๊ะตัวหนึ่ง และเมื่อน้ำฝนได้นั่งโต๊ะแล้ว พนักงานก็เอาเมนูมาให้เธอ

    “รับอะไรดีคะ??” 

    “เอาราดหน้าจานนึงค่ะ” น้ำฝนตอบ ในขณะที่น้ำฝนตอบไป ในตอนนั้นชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารก็ลุกขึ้น จากนั้นก็ชักปืนออกมาเล็งใส่คนในร้าน

    “เฮ้ย พวกมึง มีเงินกันเท่าไหร่ ส่งมาให้หมด!!”

    เมื่อชายคนนั้นตะโกนออกมา ทำเอาคนในร้านอาหารถึงกับแตกตื่นกันไปคนละทาง น้ำฝนเองหาที่หลบและชักปืนพกของเธอออกมาเพื่อป้องกันตัว แต่จู่ๆ พนักงานในร้านอาหารก็ขว้างของใส่หัวของชายคนนั้นจนเขาร่วงลงกับพื้น

    “บ้าเอ้ย จะได้กินมั้ยเนี่ย??” น้ำฝนสบถออกมา ก่อนที่พวกพนักงานจะพากันมารุมล้อมชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว และช่วยกันจับตัวไว้เพื่อส่งตำรวจ 

     

    ณ ร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งในพัทยา อดาเลนเดินทางมานั่งทานอาหารและเสพบรรยากาศริมทะเล เสียงคลื่นกระทบฝั่งและลมทะเลที่พัดเข้ามา ทำให้เธอผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ในระหว่างที่เธอกำลังนั่งจิบน้ำมะนาวอยู่นั้น ต้มยำทะเลก็มาเสิร์ฟให้เธอถึงโต๊ะ

    “ต้มยำทะเลหม้อไฟค่ะ” พนักงานเสิร์ฟพูดขึ้นและเสิร์ฟอาหารให้เธอ

    “ขอบคุณค่ะ” อดาเลนตอบ และในตอนนั้นเอง เสียงไซเรนตำรวจก็ดังมาแต่ไกล ทำเอาแขกในร้านอาหารตกใจกันมาก อดาเลนเองก็แปลกใจเหมือนกัน

    “เออ มันเกิดอะไรขึ้นคะ??” อดาเลนถามพนักงานเสิร์ฟ

    “เห็นคนที่บอกกันว่ามีการปล้นกันค่ะ” พนักงานเสิร์ฟตอบ ก่อนที่ไม่นานนัก ข่าวโทรทัศน์ก็จะปรากฎขึ้นมาแทรกรายการปกติ

    “ข่าวด่วนค่ะ ขณะนี้มีการปล้นกันในห้างสรรพสินค้า กลุ่มโจรปิดหน้านับสิบคนพร้อมอาวุธบุกเข้าปล้นอย่างอุกอาจ และมีการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งในขณะนี้ทางตำรวจได้ควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว แต่มีรายงานมาเพิ่มเติมว่า ที่จังหวัดอื่นๆ ก็กำลังเจอปัญหาแบบเดียวกัน..”

    “คนพวกนี้มันเป็นบ้าอะไรกันหมดคะเนี่ย??” พนักงานเสิร์ฟสบถออกมา แต่อดาเลนเลือกจะเงียบ เนื่องจากเธอรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

     

    กลับมายังโบสถ์ของกองกำลังกางเขนดำ เวลานี้เป็นเวลาที่ใกล้จะเย็นแล้ว ที่บริเวณพื้นที่ลานกว้างของโบสถ์ ซึ่งกลุ่มกางเขนดำใช้ทำพิธีในการตรึงกางเขนและเผาพวกนอกรีตทั้งเป็น ตัวของคาลลาฮานเองนั่งสวดมนต์อยู่ที่ห้องตามปกติ ในขณะที่บรรดาคนของเขาก็ทำการตรึงกางเขนคนไว้

    “อ๊าค!!”

    เสียงร้องโหยหวยของคนที่ถูกตะปูตอกมือเพื่อตรึงกางเขนไว้ดังขึ้นไปทั่วโบสถ์ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ตัวของคาลลาฮานเสียสมาธิในการสวดมนต์แต่อย่างใด หลังจากที่เขาสวดมนต์เสร็จ เขาก็เดินออกมานอกห้องของเขาในทันที ซึ่งตอนนี้ลูกน้องของเขาก็เพิ่งจะมาถึงหน้าห้องเขา

    “พร้อมแล้วสินะ??” คาลลาฮานถามลูกน้องของเขา

    “พร้อมแล้วครับ”

    “ดี ไปเลย” คาลลาฮานตอบ ก่อนที่ลูกน้องของเขาจะพาเขาลงไปด้านล่าง ไปยังพื้นที่ลานกว้างของโบสถ์ เพื่อดูการเผาพวกนอกรีตทั้งเป็น และเมื่อคาลลาฮานมาถึง เขาก็พบกับกลุ่มคนที่กำลังถูกตรึงกางเขนเอาไว้อย่างน่าเวทนา

    “อืม มีแค่นี้นะ??” คาลลาฮานถามลูกน้องของเขา

    “ใช่ครับท่าน”

    “ปล่อยกู!!” ชายคนหนึ่งที่ถูกตรึงกางเขนเอาไว้ตะโกนออกมา แต่ดูเหมือนว่าคาลลาฮานเองจะไม่แยแส จากนั้นไม่นานนัก ตัวของเขาก็เดินไปที่โพเดี้ยมที่ถูกตั้งเอาไว้ 

    “เฮ้!!” เหล่าบาทหลวงที่มารวมตัวกันก็พากันเฮขึ้นหลังจากที่ตัวของคาลลาฮานมาอยู่ตรงหน้าโพเดี้ยม และเมื่อทุกอย่างพร้อม คาลลาฮานก็พูดขึ้นในทันที

    “พวกท่านทั้งหลาย ในนามของพระผู้เป็นเจ้า ในวันนี้ เราได้มาเป็นสักขีพยาน ในการกำจัดพวกนอกรีตในวันนี้!!” คาลลาฮานพูดขึ้นมา

    “ไอ้พวกระยำเอ้ย!!” เสียงของชายคนหนึ่งที่โดนตรึงกางเขนตะโกนออกมา แต่คาลลาฮานก็ยังไม่สนใจ และพูดต่อ

    “พระผู้เป็นเจ้าผู้ซึ่งมาไถ่บาปให้มวลมนุษย์ ต้องเผชิญกับมนุษย์สวะ ที่ไม่มีหาย เพราะฉะนั้น เราต้องจัดการกับพวกนั้นด้วยไฟล้างบาปให้พวกมัน” คาลลาฮานพูดต่อ ท่ามกลางเสียงเฮที่ดังขึ้นของเหล่าบาทหลวง

    “ไอ้พวกเชี้ยเอ้ย พวกมึงมันบ้าไปแล้ว!!” ชายคนเดิมตะโกนต่อ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสนใจอีกแล้ว

    “บัดนี้ก็ได้เวลาอันสมควรแล้ว เรา จะเริ่มการล้างบาปอันโสมมให้พวกมัน!!” คาลลาฮานตะโกนออกมา ก่อนที่เสียงเฮจะดังขึ้น จากนั้นไม่นานนัก บาทหลวงที่เตรียมคบเพลิงเอาไว้แล้ว พวกนั้นก็เดินมาใกล้กับไม้กางเขน แล้วก็เริ่มจุดไฟไม้กางเขนทีละอัน

    “พรึ่บ!!”

    “อ๊าค!!”

    เสียงร้องโหยหวนของคนที่โดนเผาทั้งเป็นดังขึ้นท่ามกลางเสียงเฮของเหล่าบาทหลวงที่มองดู ตัวของคาลลาฮานเองก็ยืนดูอยู่ราวกับว่าดูโชว์ยังไงอย่างงั้น

    “ไอ้พวกระยำ อย่านะเว้ย!!”

    “ปล่อยพวกเราไปเถอะ!!”

    เสียงของคนที่กำลังจะโดนเผาดังขึ้น แต่ก็ไม่สามารถหยุดบาทหลวงชุดดำที่จะทำการจุดไฟไม่ได้เลย พวกนั้นยังคงจุดไฟเพื่อเผาร่างของคนที่ถูกตรึงกางเขนอย่างน่าเวทนา

    “อ๊าค!!”

     

    ณ ชายแดนไทย เมียนมาร์ ด่านเข้าแดนแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนนี้มีทั้งชาวไทยและพม่า เดินทางเข้าออกด่านกันมากมาย คิวชูและกองกำลังของเธอพร้อมกับพาสปอร์ตที่ได้ปลอมขึ้นอย่างแนบเนียนก็เดินเข้ามาที่ขุดผ่านแดน เจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้ทำการตรวจพาสปอร์ตของคิวชู จากนั้นก็ถามเธอ

    “คุณเป็นคนจีนเหรอครับ??”

    “ฉันเป็นคนอเมริกันที่ไปทำงานที่จีน มีความสัมพันธ์ดีกับจีน จนได้พาสปอร์ตมาค่ะ” คิวชูตอบ 

    “สาเหตุที่จะเข้าประเทศไทยหล่ะครับ??” 

    “อ้อ มาทำธุรกิจค่ะ” คิวชูตอบ

    “ไม่ทราบว่าทำธุระอะไรครับ??”

    “ดิฉันเป็นหุ้นส่วนกับมูลนิธิ AFW ที่ดำเนินการในไทยค่ะ แล้วยังมีธุรกิจเงินทุนข้ามชาติด้วยค่ะ” คิวชูตอบ ก่อนที่เธอจะยื่นเอกสารส่วนหนึ่งให้กับเจ้าหน้าที่ ตัวของเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบเอกสารซักพัก และพบว่าด้านในมีเงินดอลลาห์อยู่ปึกหนึ่งในกล่องด้วย เจ้าหน้าที่แอบหยิบออกมาเก็บไว้ จากนั้นก็ปั๊มพาสปอร์ตให้กับคิวชูในทันที

    “เชิญครับ”

    คิวชูผ่านด่านตรวจได้อย่างไม่ยากเย็น หลังจากที่เธอผ่านด่านออกมาได้ ก็มีรถคันหนึ่งขับมาจอดรอเธออยู่ที่หน้าด่านตรวจพอดี คนขับรีบลงมาต้อนรับคิวชู

    “ขอต้อนรับสู่ประเทศไทยครับ สนใจเที่ยวสามเหลี่ยมทองคำมั้ยครับ??”

    “ก็ดี ฉันอยากไปเยี่ยมคนอยู่พอดี” คิวชูตอบ จากนั้นเธอก็เดินขึ้นรถในทันที คนขับรีบขึ้นรถและขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว

    “ที่ฝั่งพม่าเป็นยังไงบ้างครับ??” คนขับถามคิวชูไป

    “ก็หนักอยู่ เกือบจะไม่รอดแล้ว” คิวชูตอบ ในขณะที่รถก็ขับไปตามถนนเรื่อยๆ

     

    กลับมายังคฤหาสน์ของลี่หยาง ในตอนนี้ตัวของเธอได้โทรศัพท์หาใครบางคน หลังจากที่ประชุมแผนการขั้นต่อไปในการทำลายเครือข่ายยาเสพติดเดิมในประเทศไทย 

    “ฮัลโหล ท่าเรือของนายที่ไหหลำพร้อมหรือเปล่า??” ลี่หยางถามคนที่อยู่ปลายสาย

    “พร้อมอยู่แล้ว แล้วเธอจะขนถ่ายสินค้ายังไงหล่ะ??” 

    “ท่าเรือในกัมพูชา ฉันมีโกดังเก็บของอยู่ที่นั่น นายส่งเรือไปพักท่าที่กัมพูชา ถึงตอนนั้นเขาจะโหลดของเอง” ลี่หยางตอบ และในขณะเดียวกัน ลูกน้องของลี่หยางก็เดินมาหาเธอ

    “เออ เดี๋ยวฉันติดต่อกลับไป” ลี่หยางพูดจบก็วางสายไปในทันที

    “มีอะไรเหรอ??” ลี่หยางถามลูกน้องของเธอ

    “คุณคิวชูจะเดินทางลงมาหาเราที่นี่ครับ หลังจากที่เธอไปเยี่ยมพรรคพวกที่เชียงรายครับ ตอนนี้คุณคิวชูน่าจะข้ามแดนมาได้แล้วครับ” 

    “อ้อ งั้นเหรอ ถ้าอย่างงั้นก็เตรียมการต้อนรับเธอหน่อย บอกพวกเราด้วย” ลี่หยางตอบ

    “แต่ผมได้ยินมาว่า ช่วงนี้ทางการกำลังเตรียมรับมือผู้ก่อความไม่สงบในประเทศนะครับ”

    “เอาน่า พวกมันไม่มายุ่งอะไรกับเราหรอก ถ้าเราจ่ายมัน” ลี่หยางตอบ

    “ครับ เข้าใจครับ”

    “โอเค นายออกไปก่อนแล้วกัน” ลี่หยางบอกกับลูกน้องของเธอ ลูกน้องของเธอรีบเดินออกไปในทันที ส่วนตัวของเธอก็กลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานของเธอต่อ

     

    ณ ห้องอาหารในโรงแรม ที่ที่ไม้และ สส.ติวัฒน์มานัดพบกัน ตัวของไม้และโรสมานั่งทานอาหารที่ห้องอาหารสุดหรูแห่งหนึ่ง ซึ่งมีอาหารนานาชาติมากมายพร้อมให้บริการ ตัวของไม้และโรสเลือกห้องอาหาร VIP ห้องหนึ่ง โดยที่อาหารมากมายก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะของพวกเขา รวมถึงมีดนตรีเพราะๆเล่นให้ฟังด้วย

    “อืม อาหารโรงแรมนี้ไม่เลวเลยนะคะ” โรสพูดขึ้น

    “แน่นอนครับ สำหรับคุณต้องพิเศษอยู่แล้ว” ไม้ตอบ

    “แหม่ คุณพูดแบบนี้ฉันเขินนะคะ” โรสพูดขึ้น

    “คุณชอบผมก็ดีใจแล้วครับ” ไม้ตอบ และในขณะเดียวกันนั้นเอง ลูกน้องของไม้คนหนึ่งก็เดินมาที่โต๊ะอาหารของไม้อย่างรวดเร็ว

    “นายครับ ผมว่าเราต้องไปจากที่นี่แล้วครับ”

    “เกิดอะไรขึ้นหล่ะวะ??” ไม้ถามลูกน้องของเขาไป

    “ดูเหมือนว่าข้างนอกมีความวุ่นวาย อาจจะกระทบกับโรงแรมนี่ด้วยครับ ตอนนี้เด็กของโรงแรมเตรียมปิดโรงแรมแล้วครับ” ลูกน้องของเขาตอบ

    “โห หนักขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย??” โรสถามไป

    “ไปบอกพวกเราให้เตรียมพร้อม เตรียมทางหนีไว้ด้วย ใครมีปัญหากับเรายิงมันทิ้งได้เลย” ไม้สั่งลูกน้องของเขา จากนั้นลูกน้องของเขาก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

    “แต่ฉันว่าเราน่าจะต้องรีบหน่อยนะคะที่รัก” โรสพูดขึ้น

    “เอาน่า คนของเรารับมือได้อยู่แล้ว ตอนนี้ผมห่วงแค่ว่า เจ้าคอปเปอร์มันจะไปก่อเรื่องอะไรอีก” ไม้พูดต่อ

    “แหม่ คุณมองลูกในแง่ดีหน่อยก็ได้นะคะ” โรสพูดปราม

    “ผมก็อยากนะ แต่มันคิดไม่ได้จริงๆ” ไม้ตอบ ในขณะที่กำลังตัดชิ้นเนื้อเข้าปาก

    “แต่ว่า เรื่องแผนการของเรา พวกราชการจะร่วมมือกับเราเหรอคะ??” โรสถามไป

    “ถึงพวกมันจะไม่ร่วมมือ แต่สถานการณ์วุ่นวายขนาดนี้ พวกมันคงไม่มีเวลามาเล่นงานเราอยู่แล้ว แล้วเราที่มีทุกอย่างพร้อมแล้ว เราจะกลัวอะไรหล่ะ??” ไม้ถามไป ในตอนนั้นเองโรสก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วก็ตักอาหารเข้าปาก 

    “เฮ้อ ไม่รู้จะอะไรกันนักกันหนานะคะ” โรสพูดขึ้น

    “เอาน่าคุณ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป” ไม้พูดตอบ หลังจากมื้ออาหารผ่านไปซักพัก พวกเขาก็พากันออกจากโรงแรมไปในทันที โดยที่ลูกน้องของเขากำลังรออยู่

    “นายครับ เชิญทางนี้ครับ” ลูกน้องของไม้พูดขึ้น จากนั้นก็รีบพาเจ้านายของเขาออกไปในทันที พวกเขาพากันไปยังด้านหลังโรงแรม ซึ่งเป็นลานจอดรถ 

    “ตอนนี้ข้างนอกเป็นยังไงบ้าง??” ไม้ถามไป

    “ก็วุ่นวายอยู่ แต่เราต้องรีบไปแล้วครับ” ลูกน้องของไม้ตอบ

    “อืม เตรียมอาวุธให้พร้อมแล้วกัน” ไม้พูดขึ้น และไม่นานนัก พวกเขาก็เดินกันมาจนถึงรถจนได้ ลูกน้องของไม้รีบพาไม้ขึ้นรถอย่างรวดเร็ว ส่วนลูกน้องของไม้เองก็รีบไปขึ้นรถเพื่อนำขบวน จากนั้นไม่นานนัก รถของไม้ก็ขับออกไปจากโรงแรมในทันที

    “คุณคะ ฉันว่าเราโทรหาลูกเราหน่อยก็ดีนะคะ” โรสพูดขึ้น

    “โอเค แต่อย่าหวังอะไรมากนะ” ไม้พูดขึ้น ก่อนที่เขาจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรหาลูกชายคนเล็กของเขา

     

    ณ ถนนเส้นหนึ่งบริเวณบางนา รถของผู้กองโซ่และลูกน้องของเขาก็ขับมาเรื่อยๆ เพื่อไปยังธนาคารที่ถูกปล้น โดยที่ลูกน้องของผู้กองโซ่เองก็รีบบึ้งรถอย่างรวดเร็ว

    “จะถึงยังเนี่ย??” ผู้กองโซ่ถามลูกน้องของเขา

    “ใกล้แล้วครับผู้กอง” คนขับตอบ และในไม่กี่อึดใจ พวกเขาก็พบกับสภาพพื้นที่หน้าธนาคารที่มีแต่ศพเรียงนอนกันมากมาย รถของผู้กองโซ่ก็รีบจอดในทันที

    “เชี้ยไรเนี่ย??” ผู้กองโซ่สบถออกมา จากนั้นเขาก็รีบลงจากรถในทันที แล้วเดินไปดูในพื้นที่ ซึ่งชาวบ้านและคนในธนาคารก็พากันออกมาดู ผู้กองโซ่รีบเดินไปหาพนักงานธนาคารคนหนึ่งในทันที

    “สวัสดีครับ ผมเป็นตำรวจกองปราบ มันเกิดอะไรขึ้นครับ??” 

    “คุณตำรวจ ผมไม่รู้ มันเกิดขึ้นเร็วมาก” พนักงานธนาคารคนหนึ่งตอบ

    “พอจะเล่าให้ฟังได้หรือเปล่าครับ ใจเย็น ตั้งสติครับ??” ผู้กองโซ่ถามย้ำอีกรอบ

    “ผมก็ไม่รู้ มีโจรบุกเข้ามาปล้นธนาคาร มันแทบจะยิงทุกคนทิ้ง แล้วพอพวกมันออกจากธนาคารไป ผมก็ได้ยินเสียงปืนดังจากหน้าธนาคาร แต่ผมไม่กล้าออกไปดู พอเสียงปืนเงียบ ผมออกไปดู พวกมันก็นอนตายกันหมดแล้ว และถุงเงินที่พวกมันปล้นไป ก็มาอยู่ที่หน้าธนาคารครับ” พนักงานธนาคารตอบ

    “เฮ้อ จ่า ตรวจสอบพื้นที่ ติดต่อสน.บางนาด้วยให้ส่งตำรวจมา” ผู้กองโซ่สั่งลูกน้องของเขา ส่วนตัวของเขาเองก็เดินไปโทรศัพท์ที่ไหนซักแห่ง จากนั้นเขาก็โทรหาใครบางคน

    “ตู๊ด!!”

    “ฮัลโหล คอปเปอร์ แกฟังอยู่หรือเปล่า??”

    “อะไรพี่ เมื่อกี้ผมก็เพิ่งคุยกับพ่อไป??”

    “ที่บางนา ฉันรู้ว่าเป็นฝีมือพวกแก ใช่หรือเปล่า??” ผู้กองโซ่ถามไป

    “อะไรพี่ อย่างผมเนี่ยนะจะปล้นธนาคาร??”

    “ก็ไอ้พวกที่มาปล้นตายห่ากันหมด” ผู้กองโซ่ตอบ

    “ก็นั่นสิพี่ ไม่รู้ว่าฝีมือใคร”

    “อ้าว แบบนี้แปลว่าแกรู้หน่ะสิ แกจริงๆด้วย??” ผู้กองโซ่ถามไป

    “บ้าเอ้ย พี่ไม่ต้องห่วง ไอ้พวกที่ผมส่งไป ผมให้มันเผ่นไปแล้ว” คอปเปอร์ตอบ

    “โธ่ไอ้บ้าเอ้ย ไม่รู้เหรอว่าตำรวจนครบาลทำงานจริงจังแค่ไหน ถ้ามันจับพวกแกได้ซักคน แกจบเห่แน่” ผู้กองโซ่พูดขึ้น

    “แล้วพี่จะช่วยผมยังไงหล่ะ??”

    “บ้าเอ้ย งั้นมึงอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร แล้วก็ห้ามก่อเรื่องหล่ะ” ผู้กองโซ่ตอบ ก่อนที่ในตอนนั้น จ่าคนหนึ่งก็รีบเดินมาหาผู้กองโซ่ในทันที

    “ผู้กองครับ เราตรวจสอบพื้นที่แล้ว พบกระเป๋าตังค์ของพวกมันตกอยู่บนพื้น แต่ว่าข้างในโดนเอาตังค์ไปหมดเลยครับ” 

    “เอาตังค์ จากไอ้โจรพวกนี้เนี่ยนะ??” ผู้กองโซ่ถามไป และในขณะเดียวกัน จ่าอีกคนก็รีบวิ่งเข้ามาหาโซ่อย่างรวดเร็ว

    “ผู้กองครับ ภาพจากกล้องวงจรปิดมืดหมดเลยครับ”

    “หือ โดนลบไปงั้นเหรอ??” ผู้กองโซ่ถามไป

    “ไม่ครบ ตัวไฟล์ยังอยู่ แต่ภาพตอนเกิดเหตุหายหมดเลยครับ”

    “อะไรกันวะเนี่ยไอ้พวกนี้” ผู้กองโซ่สบถออกมา

     

    ช่วงเที่ยง ทางด้านของแฮปปี้ ในวันนี้ตัวของเธอก็เดินไปที่โรงแรมอื่นเพื่อทำการแสดงต่อ ในระหว่างนั้นเธอก็แสดงมายากลให้กับพวกเด็กๆได้ดูฟรีโดยไม่คิดเงิน แต่ในระหว่างที่เธอกำลังหยิบผ้าขึ้นมานั้น 

    “ฟิ้ว!!”

    “พรึ่บ!!”

    วัตถุปริศนาพุ่งเข้าใส่แฮปปี้ แฮปปี้เองก็ใช้ผ้าของเธอรับมันเอาไว้ทัน ปรากฏว่ามันคือมีดนั่นเอง ซึ่งกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเธอ

    “เฮ้ย เอามีดกูมา!!”

    “อ้อ มีดเธอเหรอ ขว้างให้แม่นกว่านี้นะ” แฮปปี้พูดขึ้นและปากลับเกือบโดนเท้าของวัยรุ่นพวกนั้น

    “เฮ้ย มีเรื่องเหรอ??” วัยรุ่นกลุ่มนั้นตะโกนออกมา แต่แฮปปี้ก็สะบัดผ้าออกไปใส่วัยรุ่นพวกนั้น มีดทุกเล่มปาออกไปปักอยู่ตรงหน้าวัยรุ่นพวกนั้น

    “ไอ้ห่าเอ้ย!!” วัยรุ่นคนหนึ่งตะโกนออกมา ก่อนที่จะชักปืนออกมาเพื่อยิงใส่แฮปปี้ แต่แฮปปี้ก็ปามีดใส่ข้อมือของมัน จนปืนของมันตกพื้น

    “ตุ๊บ!!”

    “กลับบ้านไปกรอกน้ำเถอะไป” แฮปปี้ตอบกลับวัยรุ่นพวกนั้น ก่อนที่เธอจะเก็บข้าวของ แล้วเดินออกไปในทันที ปล่อยให้พวกวัยรุ่นกลุ่มนั้นยืนงงกันต่อไป 

     

    กลับมาที่อเล็กซ์ ตัวของอเล็กซ์เดินเข้าไปในร้านของชำร้านหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะขายอุปกรณ์เครื่องเขียนและขนมเล็กๆน้อยๆ ตัวของอเล็กซ์เดินไปที่เคาน์เตอร์ร้าน ซึ่งผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งรออยู่

    “รับอะไรดี..”

    “อืม มาแล้ว” อเล็กซ์ตอบกลับผู้หญิงคนนั้น

    “งานเรียบร้อยแล้วนะ??”

    “เรียบร้อย” อเล็กซ์ตอบ จากนั้นหญิงสาวคนนั้นก็เดินเข้าไปในร้าน ไม่นานนัก เธอก็เดินกลับออกมาพร้อมกับซองเอกสารซองหนึ่ง 

    “เอานี่” หญิงสาวคนนั้นพูดขึ้น อเล็กซ์รีบหยิบเงินมา เขาเปิดห่อดูเงินเสร็จก็เก็บเงินเข้ากระเป๋าของเขา

    “นี่ มีงานใหม่ด้วย จะรับมั้ย??” หญิงสาวคนนั้นถามไป

    “ใครหล่ะ??” อเล็กซ์ถามกลับ หญิงสาวคนนั้นรีบยื่นรูปของผู้หญิงวัยทองคนหนึ่งให้กับอเล็กซ์ได้ดู

    “งานนี้เงินดีนะ เธอเป็นเจ้าแม่หน่ะ”

    “เป็นใครก็ช่างเถอะครับ” อเล็กซ์พูดขึ้น ก่อนที่ตัวของเขาจะเก็บรูปไป

    “งานนี้ขอเงียบๆนะ”

    “ได้เลยครับ” อเล็กซ์ตอบ ก่อนที่ตัวของเขาจะเดินออกจากร้านไป เขาเดินไปเรื่อยๆ ก็พบว่ามีรถตำรวจคันหนึ่งกำลังเปิดไซเรนและขับผ่านเขาไป

    “หวอๆๆๆๆๆ!!”

    “สงสัยจะรู้แล้ว” อเล็กซ์คิดในใจ จากนั้นตัวของเขาก็เดินเนียนผ่านฝูงชนไปเรื่อย ๆ จนมาหยุดตรงไฟแดงถนน พลางยืนคิดอะไรของเขาไปเรื่อย

     

    ณ ถนนเส้นตะวันออก แถวบางนา กลุ่มของรินขับรถไปเรื่อยๆ เพื่อเข้าไปยังพัทยา แต่ในระหว่างที่พวกเธอกำลังจะผ่านย่านชุมชน ในตอนนั้นพวกเธอก็เห็นรถมูลนิธิขับผ่านพวกเธอและเข้าไปยังเขตธนาคารแห่งหนึ่ง 

    “ทีน จอดข้างหน้า” รินพูดขึ้น ทีนขับไปอีกหน่อย ซึ่งเป็นจุดที่ไม่ห่างจากธนาคารมากนัก หลังจากที่ทีนจอดรถ รินเองก็หันไปมองพื้นที่ธนาคารในทันที

    “มันอะไรกันวะเนี่ย??” ทีนสบถออกมา

    “ไม่รู้สิ แต่มันน่าจะเละน่าดู” เอมพูดเสริม

    “นั่นสิ” รินพูดห้วนๆ ก่อนที่พวกเธอจะเห็นพื้นที่บริเวณธนาคารที่เต็มไปด้วยศพ ที่ตอนนี้เจ้าหน้าที่มูลนิธิยังเอาร่างออกไปไม่หมดเลย

    “ไปถามตำรวจมั้ย??” ทีนถามไป

    “ไม่เกี่ยวกับเราเลย” เอมตอบ

    “งั้นเรา..” รินยังพูดไม่ทันจบ ในตอนนั้นตำรวจคนหนึ่งก็มาเคาะกระจกรถของพวกเธอ รินเปิดกระจกรับในทันที

    “รบกวนออกจากพื้นที่หน่อยครับ” ตำรวจคนนั้นพูดขึ้น

    “มันเกิดอะไรขึ้นคะคุณตำรวจ??” รินถามกลับไป

    “มีการปล้นธนาคารกันหน่ะ แต่โจรปล้นธนาคารโดนยิงตายกันเกลี้ยงเลย แต่เงินธนาคารไม่โดนปล้นไปเลย รบกวนขยับรถหน่อยครับ” ตำรวจตอบ รินพยักหน้า จากนั้นก็สะกิดให้ทีนขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว

    “โจรปล้นธนาคาร โดนยิงงั้นเหรอ??” ทีนถามอย่างสงสัย

    “หรือว่าพวกมันจะหักหลังกันเอง และเชิดเงินหนี??” เอมถามไป

    “ไม่น่านะ ตำรวจบอกว่าเงินธนาคารไม่โดนขโมยไป แปลว่าไม่น่าจะใช่พวกเดียวกัน” รินตอบ

    “แล้วพวกมันจะไม่เอาเงินเลยเนี่ยนะ บ้าบอ??” ทีนถามขึ้น

    “หรือว่ามันอยากทำตัวเป็นฮีโร่หล่ะนะ??” เอมถามเสริม

    “สมัยนี้แล้วยังมีใครอยากเป็นฮีโร่อีกเหรอ??” รินพูดแย้งขึ้น ก่อนที่พวกเธอจะค่อยๆขับรถออกไปยังทางหลวงสายตะวันออกต่อ

    “นี่ก็เข้าบ่ายแล้วนะ รถยังจะติดอีก” ทีนพูดขึ้น

    “วันหยุดอ่ะนะ” เอมตอบ

    “เอม จองโรงแรมไว้ยังอ่ะ??” รินถามไป ในตอนนั้นเอมก็เอาโทรศัพท์ของเธอขึ้นมา จากนั้นก็ลองหาโรงแรมที่เธอต้องการจองในทันที

    “เอาห้องใหญ่ๆหน่อยนะ” ทีนพูดขึ้น

    “โห มีแต่แพงๆ จะเอามั้ยอ่ะ??” เอมถามไป

    “เอาน่า เรามีเงินอยู่แล้วนี่” รินพูดขึ้น ในตอนนั้นเอมก็ยังหาอีกรอบ ไม่นานนัก เธอก็พูดขึ้น

    “นี่ คืนละประมาณ 6000 สู้มั้ย??” เอมถามขึ้น

    “นึกว่าจะแพงกว่านี้ซะอีก” ทีนพูดต่อ

    “โอเค จองเลย” รินพูดขึ้น

    “จัดไป” เอมตอบกลับ จากนั้นตัวของเธอก็กดจองในทันที

    “อยากไปถึงเร็วๆจังแหะ” รินพูดขึ้นมา

     

    ในตอนนี้ กลุ่มของจินขับรถมาจอดที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ดูภายนอกก็เป็นเหมือนกับโรงแรมธรรมดาๆ ไม่ได้หรูหราอะไรมากมายนัก ขบวนรถของจินขับเข้าไปด้านในลานจอดรถของโรงแรม และเมื่อพวกเขาจอดรถกันเรียบร้อยแล้ว กลุ่มของจินก็ลงจากรถในทันที

    “ที่นี่เหรอครับ??” จินถามขึ้น

    “ใช่แล้วหล่ะ ที่นี่แหละ” สการ์เล็ตตอบ

    “นี่ อย่ามองแต่ข้างนอก ต้องไปดูในห้องด้วย” ชิดจันทร์บอกกับจิน

    “อืม นี่มันก็ดีกว่าที่ผมคิดอีก ผมคิดว่าจะจะต้องหาโรงแรมนอนเองอีก” จินตอบ และในขณะเดียวกัน พนักงานโรงแรมคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหากลุ่มของจิน

    “คุณจันเตรียมกุญแจไว้ให้แล้วค่ะ” พนักงานโรงแรมพูดขึ้น จากนั้นเธอก็แจกจ่ายกุญแจให้กับทุกคนในทันที 

    “ชั้น 4 เหรอ??” จินถามไป

    “เฮ้ย ชั้น 4 หน่ะดีมากเลยนะพี่ ติดกับฟิตเนส สระว่ายน้ำด้วยนะพี่” โอ้บอกกับจิน

    “นายคงไม่ได้ไปฟิตเนสหรอกพวก” มายด์แซวโอ้

    “เออนี่ เอาไว้ 4 โมงเย็น มาเจอกันที่ห้องรับรอง 2 ชั้น 2 หน่อยนะ” อิชมาเอลพูดขึ้น

    “โอเคครับ” จินตอบ

    “หวังว่าคุณจันจะเตรียมของให้พวกเราแล้วนะ” ไอรีนพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงหรอก คุณจันเตรียมพร้อมเสมอ” ครูหนาตอบ

    “แต่อีกไม่นาน ไอ้พวกระยำนั่นจะต้องออกอาละวาดแน่ๆ” ลุงบุญช่วยพูดขึ้น

    “เราถึงต้องมาที่นี่ไงครับ” เคนตะตอบ จินเองก็แปลกใจเล็กน้อย 

    “เอาน่า เดี๋ยวไปถึงห้องประชุมก็รู้เอง” สการ์เล็ตบอกกับจิน 

    “โอเคครับ” จินพูดขึ้น และไม่นานนัก ทุกคนก็เดินไปยังลิฟต์ที่จะพาทุกคนขึ้นไปยังห้องพัก พวกเขาขึ้นลิฟต์และกดลิฟต์ไปที่ชั้น 4 และเมื่อพวกเขามาถึง พวกเขาก็แยกย้ายกันไปเก็บของเข้าห้องในทันที

    “407” จินมองกุญแจของเขา ในตอนนั้นเขาก็เห็นซิกส์เดินตามเขาด้วย

    “เฮ้ อยู่ห้องไหนหล่ะ??” จินถามซิกส์ไป ซิกส์ยื่นกุญแจให้จินดู พบว่าเป็นห้อง 408 นั่นเอง

    “อ้อ ห้องข้างๆเลย” จินพูดขึ้น ไม่นานนัก พวกเขาก็เดินทางมาถึงห้องจนได้ จินรีบไขกุญแจเข้าไปในทันที แต่ก่อนเข้าห้องเขาก็หันมาคุยกับซิกส์

    “มีอะไรก็มาเรียกได้นะ” จินพูด ซิกส์เองพยักหน้าตอบและทำสีหน้านิ่ง จากนั้นจินก็ปิดประตูห้องในทันที เขาวางกระเป๋าไว้บนเตียง ซึ่งในขณะเดียวกัน โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขาพบว่าพ่อแม่ของเขาโทรหาเขา เขารีบรับสายในทันที

    “ฮัลโหลครับพ่อ??”

    “ครับ ผมมากับเพื่อนครับพ่อ”

    “พ่อกับแม่สบายดีนะครับ??”

    “ครับ ผมก็สบายดีครับ”

    “อ่า พ่อครับ ช่วงนี้พ่อกับแม่ ไปไหนมาไหนระวังหน่อยนะครับ ช่วงนี้มันอันตราย”

    “ผมไม่เป็นไรครับพ่อ เอาไว้เจอกันนะครับ” จินพูดจบก็วางสายไป ตัวของเขาแอบกังวลเล็กน้อย ถ้าเกิดโลกมันแตกอย่างคำทำนายจริงๆ เขาจะได้มีโอกาสกลับไปเจอพ่อกับแม่เขาหรือเปล่า แต่เขาก็ยังคงทำใจให้เข้มแข็งไว้

    ==================================================================

    เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมกันเน้อ 

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย 

    ให้ของขวัญเป็นกำลังใจกันได้ครัช ไหว้หล่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×