คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 2 : คลับเมดูซ่า
เคนนี่ชักปืนออกมาแล้วยิงใส่พวกชุดขาวที่บุกเข้ามา แต่พวกมันก็ใช้เวทย์มนต์กันไว้ได้ และโจมตีเคนนี่กลับ แต่เคนนี่ก้ชักมีดทองแดงของเขามากันพลังของมันเอาไว้
“แพ้ทองแดงสินะ??” เคนนี่พูดขึ้น ในขณะที่ไปจื่อก็เอาพัดของเขาออกมา แล้วปัดป้องดาบของมันที่กวัดแกว่งใส่เขา
“ฝีมือดีนี่” ไปจื่อพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะหลบและกระโดดเตะมันกลับไป ส่วนซิลเวสเตอร์เองก็พยายามปล่อยคลื่นพลังจิตใส่มันคนหนึ่งเพื่อควบคุมร่างกายของมัน แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นอะไรมาก ทำเอาวอลเองต้องเดินไปต่อยมันจนกระเด็น
“ตุ๊บ!!”
“ขอบใจพวก” ซิลเวสเตอร์พูดขึ้น
“คนพวกนี้ไม่ธรรมดาเลยนะครับ” วอลตอบ ทางด้านของเคนนี่ เคนนี่เองเข้าดวลมีดกับมัน แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะค่อนข้างสูสี
“พวกมึงเป็นใครกันวะ??” เคนนี่ถามในขณะที่กำลังยื้อมีดกับมัน
“เรามาเพื่อกำจัดผู้ใช้เวทย์..” มันพูดยังไม่ทันจบ หญิงสาวคนนั้นก็กระโดดถีบเข้าที่หน้าของมันจนกระเด็นออกไป
“เฮ้อ เข้ามาเลย!!” ผู้หญิงคนนั้นรีบตั้งการ์ด มันคนหนึ่งใช้ดาบแทงเธอจากด้านหลัง แต่เธอหลบได้ แล้วกลับหลังเตะใส่มันไปจนกระเด็น
“จระเข้ฟาดหางเหรอ??” เคนนี่พูดกับเธอ ในตอนนั้นเธอรีบหันหน้าไปมองเคนนี่ ก่อนที่มันจะลุกขึ้นมา เคนนี่รีบยิงปืนของเขาออกมาเป็นลูกไฟฟ้า และช็อตมันจนตัวของมันถึงกับนอนดิ้นลงกับพื้น
“รู้ด้วยเหรอว่ามันคืออะไร??” ผู้หญิงคนนั้นถามเขา
“ฉันรู้จักมวยไทยหน่ะ” เคนนี่ตอบไป ทางด้านของไปจื่อ ตัวของเขาหยิบกระดาษออกมาหนึ่งแผ่น จากนั้นก็เสกมนต์ให้มันแผ่นใหญ่ขึ้น แล้วปล่อยให้กระดาษนั้นมัดตัวของมันคนหนึ่งเอาไว้
“เฮ้ย ปล่อยกูนะเว้ย!!” ชายชุดขาวที่โดนกระดาษของไปจื่อมัดไว้ตะโกนออกมา
“เฮ้อ จงปล่อยให้จิตใจของเจ้าสงบหน่อยเถิด” ไปจื่อตอบกลับ และวอลเองก็จับอีกสองคนที่เหลือขังเอาไว้ในกระจกแผ่นหนึ่ง พวกมันพยายามจะทุบกระจกเพื่อหนีออกไป
“กระจกนี่คงขังไว้เขาได้ไม่นานครับ” วอลพูดขึ้น และในตอนนั้น ซิลเวสเตอร์ก็ใช้พลังจิตของเขากับพวกมันสองคนที่ยังไม่โดนขังไว้ในกระจก จนพวกมันถึงกับสลบไป
“โอเค คงจะหลับไปซักพักนะ” ซิลเวสเตอร์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาที่เหลือก็กลับมาหาเคนนี่ที่กำลังคุยกับหญิงสาวปริศนา
“รีบไปจากที่นี่กันเถอะ” วอลพูดขึ้น
“ขอบใจพวกนายมากนะที่ช่วย ฉันเวโรนิก้า เวโรนิก้า อี ยินดีที่ได้รู้จัก” เวโรนิก้าบอกกับทุกคนไป
“ช่างเถอะ ตอนนี้เราต้องไปจากที่นี่ก่อน” ซิลเวสเตอร์พูดขึ้น
“เฮ้ ไปที่ค่ายมวยฉันก่อนสิ ไปหลบที่นั่นได้” เวโรนิก้าตอบ
“อืม ตอนนี้เราคงไม่มีทางเลือกสินะ” ไปจื่อพูดไป
“โอเค งั้นเราไปกันก่อนดีกว่า” เคนนี่บอกกับทุกคน จากนั้นพวกเขาทุกคนก็รีบออกไปจากพื้นที่ตรงนั้น ก่อนที่จะมีใครตามพวกเขามา
พวกเขาเดินมาตามถนนเรื่อยๆ ท่ามกลางค่ำคืนที่แสงไฟสลัว ในระหว่างนั้นพวกเขาก็พูดคุยกันไปด้วย
“เออนี่ แล้วทำไมพวกมันถึงต้องมาตามล่าเธอหล่ะ??” เคนนี่ถามเวโรนิก้า
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันตามฉันมา” เวโรนิก้าตอบไป
“เฮ้ วอล นายบอกว่ามันเป็นพวกผ้าคลุมขาว มันเป็นพวกอะไรกัน??” ซิลเวสเตอร์ถามเขาไป
“จอมเวทย์ผ้าคลุมขาว พวกเขาทำงานร่วมกับกลุ่ม Magic Hunt และสภาจอมเวทย์ พวกเขมีภารกิจ ที่จะต้องตามล่าและจับกุมผู้คนที่ใช้เวทย์มนต์ทุกคน ผมเองก็เคยถูกพวกนั้นตามล่า” วอลพูดต่อ
“จะว่าไป พวกเขาก็เหมือนกับสายฟ้าในฤดูหนาว มีอยู่จริง แต่น้อยคนที่จะเห็น” ไปจื่อพูดต่อ
“เอาเถอะ ถึงยังไงก็ดีแล้วหล่ะที่พวกเราปลอดภัย” เคนนี่บอกกับทุกคนไป
“เออ ว่าแต่ พวกนายชื่ออะไรกันบ้างหล่ะ??” เวโรนิก้าถามทุกคนไป
“ฉันเคนนี่”
“ฉันซิลเวสเตอร์”
“ข้าไปจื่อ”
“กระผมวอลครับ” ทั้งสี่คนตอบเวโรนิก้า
“อืม ว่าแต่นาย เคนนี่ นายรู้เรื่องมวยไทยด้วยเหรอ เคยเรียนเหรอ??” เวโรนิก้าถามเคนนี่
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ฉันเป็นคนไทยหน่ะ แล้วเธอไม่ใช่เหรอ??” เคนนี่ถามกลับ
“ฉันเหรอ ฉันเองก็ไม่แน่ใจ แต่พ่อเลี้ยงฉันที่เป็นคนไทยเลี้ยงแนมาหน่ะ” เวโรนิก้าตอบ และไม่นานนัก พวกเขาก็เดินทางมาถึงซอยแห่งหนึ่ง ซึ่งด้านหน้ามีตึกหลังหนึ่ง ซึ่งดูภายนอกเหมือนจะเป็นฟิตเนส เวโรนิก้ารีบไปเคาะประตูตึกในทันที
“เฮ้ นี่ฉันเอง เปิดประตูหน่อย” เวโรนิก้าพูดขึ้น และไม่นานนัก ประตูก็เปิดออก
“เข้ามาสิ” เวโรนิก้ารีบบอกกับคนอื่นๆ จากนั้นเธอก็นำคนอื่นๆเข้าไปในทันที โดยที่คนเปิดประตูก็แปลกใจเล็กน้อย
“เฮ้ พวกนี้ใครเนี่ย??”
“เพื่อนใหม่ฉันเอง พ่ออยู่ไหน??” เวโรนิก้าถามไป แล้วพวกเขาก็เจอกับชายเอเชียผิวคล้ำคนหนึ่งที่เดินลงมาจากชั้นสอง
“เฮ้ พ่อคะ” เวโรนิก้าพูดทักทาย เคนนี่เองก็ยกมือไหว้เขาในทันที เขาเองก็ยกมือไหว้ตอบ
“เป็นคนไทยเหรอพ่อหนุ่ม??” พ่อของเวโรนิก้าถามเคนนี่
“ครับ พ่อแม่ผมเป็นคนไทย มาทำงานที่นี่หลายปีแล้ว” เคนนี่ตอบ
“พ่อ พวกเขากำลังโดนตามล่า ให้พวกเขาอยู่ที่นี่ก่อนนะคะ” เวโรนิก้าพูดกับพ่อของเธอ
“อ้อๆ ที่ชั้นสามมีห้องว่างอยู่ ไปอยู่ที่นั่นก่อนก็ได้นะ” พ่อของเวโรนิก้าบอกไป ก่อนที่เขาจะเดินกลับขึ้นไปที่ชั้นสองต่อ และเด็กคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเวโรนิก้าด้วย
“พี่ ไปเจอพวกพี่เขาที่ไหนเนี่ย??”
“ไม่ต้องรู้หรอกน่า เอานี่ไป” เวโรนิก้าพูดขึ้นและหยิบเอาเงินที่เธอได้มาจากการชกมวยใต้ดินเอาให้กับเด็กคนนั้น เด็กคนนั้นรีบรับมาในทันที
“มาทางนี้สิ” เวโรนิก้าบอกกับหนุ่มๆทั้งสี่ ก่อนที่เธอจะพาพวกเขาขึ้นไปที่ชั้นสามตามที่พ่อของเธอบอก ข้างในจะมีห้องนอนห้องหนึ่ง ข้างในจะเป็นเตียง 2 ชั้น 2 เตียงอยู่ในห้อง พร้อมกับพวกตู้เสื้อผ้า และห้องในน้ำนั้น
“ห้องนี้เป็นห้องของพวกนักมวยที่เก็บตัวหน่ะ แต่ช่วงนี้ยังไม่มีนักมวย พวกนายอยู่ที่นี่ไปก่อนแล้วกันนะ” เวโรนิก้าพูดขึ้น ก่อนที่พวกของเคนนี่จะพากันเข้ามาข้างในอย่างรวดเร็ว
“ผมขอนอนเตียงล่างนะครับ” วอลพูดขึ้น
“ขอบใจมากนะ แล้วเธอจะไปไหนหรือเปล่า??” เคนนี่ถามไป
“ฉันก็จะกลับไปนอนหน่ะสิ พวกนายก็นอนได้แล้ว พรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากัน” เวโรนิก้าบอกกับทุกคน ก่อนที่ตัวของเธอจะเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ เสื้อพวกนี้พวกนายน่าจะพอใส่กันได้นะ” ซิลเวสเตอร์ที่ค้นตู้เสื้อผ้าดูก็พูดขึ้น
“มีผ้าเช็ดตัวด้วย คงจักพออยู่ได้” ไปจื่อพูดเสริม
“พวกนายจะอาบน้ำกันก่อนหรือเปล่า??” เคนนี่ถามทุกคนไป
“กระผมไม่มีเหงื่อ คงไม่ต้องอาบน้ำครับ” วอลตอบไป
“เอาเถอะ งั้นฉันอาบก่อนแล้วกัน” เคนนี่พูดขึ้น ก่อนที่ตัวของเขาจหยิบเอาเสื้อผ้าส่วนหนึ่งและผ้าเช็ดตัวเอาเข้าห้องน้ำไปในทันที
“ต่อไปตานายแล้วกัน” ซิลเวสเตอร์บอกกับไปจื่อ
“หากใจเราสะอาด กายของเราก็จะสะอาดไปด้วย” ไปจื่อพูดขึ้น ในขณะที่ซิลเวสเตอร์ได้แต่กุมขมับไป
เช้าวันต่อมา กลุ่มของเคนนี่ตอนนี้ก็ตื่นขึ้นมาหลังจากที่พระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า พวกเขาได้ยินเสียงประตูดังขึ้น วอลที่อยู่เตียงล่างได้ลุกขึ้นและเดินไปเปิดประตูในทันที
“อ้าว คุณเวโรนิก้า”
“โทษที รบกวนหรือเปล่า ปกติฉันชอบมาปลุกพวกนักมวยเวลานี้หน่ะ พวกนายอยากลองซ้อมมือหรือเปล่า อาหารเช้าอยู่ข้างล่างนะ” เวโรนิก้าพูดขึ้น ทุกคนในกลุ่มของเคนนี่ได้ยินที่เวโรนิก้าพูด พวกเขาเลยรีบกุลีกุจอทำธุระส่วนตัว ก่อนที่จะลงไปที่ด้านล่าง ซึ่งมีอาหารเป็นหม้อใหญ่ตั้งรอพวกเขาอยู่แล้ว พวกเขารีบไปตักอาหารมากิน พวกเขากินอยู่ไม่นาน พวกเขาก็สังเกตเห็นว่าตอนนี้เริ่มมีคนมาฝึกมวยไทยที่ค่ายกันแล้ว เคนนี่ลองเดินไปดู ในขณะที่คนอื่นๆก็ตามไปด้วย
“ชอบเหรอพวก??” ซิลเวสเตอร์ถามเคนนี่
“ฉันเคยเรียนตอนที่พ่อยังอยู่หน่ะ แต่พอเข้ากรมตำรวจ ก็ไม่ค่อยได้ฝึกแล้ว ฝึกแต่มวยธรรมดา” เคนนี่บอกไป
“มวยของพวกนั้นดูเข้มแข็ง ดุดันจริงๆ” ไปจื่อพูดขึ้น และในตอนนั้น เวโรนิก้าที่เห็นพวกเขาอยู่ด้วยกันก็เดินเข้ามา
“ว่าไง สนใจเหรอ??” เวโรนิก้าถามไป
“ฉันเคยฝึกอยู่หน่ะ เลยคิดถึงมัน” เคนนี่ตอบ
“อยากลองฝึกใหม่หรือเปล่าหล่ะ สตีเว่น??” เวโรนิก้าพูดขึ้นและตะโกนเรียกนักมวยคนหนึ่งในค่าย เวโรนิก้ามองหน้าเคนนี่ราวกับจะท้าเขา เคนนี่ไม่มีทางเลือกเลยเดินขึ้นเวทีมวย เขาถอดเสื้อออกมา จากนั้นก็เปลี่ยนกางเกงเป็นกางเกงมวยไทย และพรรคพวกของเขาก็ใส่นวมให้กับเขา
“เฮ้ย ถอดใจตอนนี้ยังทันนะ” เวโรนิก้าพูดขึ้น แต่เคนนี่ก็ไม่ยอมลงจากเวที จากนั้นเขาก็เข้าชกกับนักมวยของค่ายในทันที
“ชก!!”
นักมวยของค่ายจ้วงหมัดใส่เคนนี่ แต่เคนนี่ก็ป้องกันและหลบได้ ก่อนที่เขาจะถีบกลับไป
“ตุ๊บ!!”
นักมวยของค่ายไม่ยอมรามือ เข้าโจมตีเคนนี่อีกรอบ แต่เคนนี่เองก็ใช้วิชาปัดป้องตามที่เขาได้เรียนมาใช้กับนักมวยคนนั้น เคนนี่ย่อเข่าลงและปัดป้องอาวุธของนักมวยไปมาได้ พ่อของเวโรนิก้าคนนั้นที่เห็นก็พูดขึ้น
“มวยไชยาเหรอ??”
“อะไรกันพ่อ??” เวโรนิก้าถามพ่อของเธอ
“มันเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งของมวยไทยหน่ะ ขั้นสูงเลย” พ่อของเวโรนิก้าพูดขึ้น นักมวยของค่ายพุ่งเข้ามาจะเล่นงานเคนนี่อีกรอบ แต่คราวนี้เคนนี่หลบได้และจับเขาเหวี่ยงลงกับพื้นในทันที และเมื่อนักมวยพยายามจะฝืนลุกขึ้นมาอีกรอบ คราวนี้เคนนี่ก็เข่าลอยปิดฉาก
“ตุ๊บ!!”
นักมวยคนั้นกระเด็นลงกับพื้น กรรมการรีบไปนับเลข แต่นักมวยคนนั้นก็ลุกไม่ไหว
“9..10!!”
เคนนี่เป็นฝ่ายชนะไป จากนั้นเขาก็ไปช่วยนักมวยที่แพ้ให้ลุกขึ้นมา
“คุณเก่งมากเลย” นักมวยคนนั้นพูดกับเคนนี่
“นายก็เหมือนกัน ฉันเชื่อว่านายต้องเป็นนักมวยที่เก่งมากๆ ถ้านายฝึกเยอะๆ” เคนนี่ตอบ ก่อนที่ไม่นานนัก เขาจะเดินกลับไปหาคนอื่นๆอย่างรวดเร็ว
“เก่งใช้ได้เลยนี่นาย” เวโรนิก้าพูดขึ้น
“ใช่ครับ ผมไม่เคยเห็นมวยของคุณมาก่อนเลย” วอลพูดเสริม
“เฮ้ย สอนพวกเราด้วยสิ” ซิลเวสเตอร์บอกกับเคนนี่ด้วย
“ไปให้พ่อเวโรนิกสอนให้สิ เขาน่าจะรู้นะ” เคนนี่บอกกับทุกคนไป
“อืม เราคงอยู่ที่นี่กันซักพักเลย” ไปจื่อพูดต่อ
ณ สำนักงาน CIA จีโอที่ทำงานแฝงตัวสืบความลับและหาข้อมูลต่างๆ เพื่อส่งกลับไปยังหน่วยผ้าคลุมขาวของเธอ ในขณะที่ตัวของเธอกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะคอมและนั่งทำงาน โทรศัพท์ของเธอก็ขึ้นเตือน
“ข้อความใหม่”
“จีโอ คุยได้หรือเปล่า??” จีโอที่รู้ว่าใครส่งข้อความมาหาเธอก็ตอบกลับไป
“ได้ค่ะท่าน”
“อืม เราเจอตัวของพวกปีศาจพวกนั้นแล้ว แต่พวกมันก็เล่นงานหน่วยเยเกอร์ของเราซะยับ”
“ค่ะ พวกนั้นไม่ใช่ปีศาจธรรมดา พวกนั้นเคยเป็นถึงผู้กล้าแห่งกินแดนเวทย์” จีโอตอบไป
“ตอนนี้สภาจอมเวทย์กำลังหาทางจัดการพวกมันอยู่ คงต้องจัดการพวกมันไปทีละตัว”
“ตอนนี้พวกมันคงต้องอยู่ด้วยกันแน่นอนค่ะ” จีโอบอกไป
“ถ้าพวกมันอยู่ด้วยกัน เราทำอะไรลำบากแน่ แล้วอีกอย่าง พวกเราที่ถูกส่งไปล่าตัวผู้ใช้เวทย์ โดนกลุ่มผู้ใช้เวทย์ปริศนาเล่นงานกลับมา ได้ยินว่าไอ้พวกนี้ไม่ธรรมดาเลย เราเจอคนของเราอยู่ในสภาพที่จำอะไรไม่ได้สองคน ส่วนที่เหลือก็โดนขังไว้ในกระจกหน่ะ ยังไงฉันฝากเธอตามสืบเรื่องนี้ที”
“รับทราบค่ะ” จีโอตอบไป ก่อนที่หญิงสาวอีกคนจะเดินมาที่โต๊ะของเธอเพื่อคุยด้วย จีโอเองต้องรีบวางโทรศัพท์ของเธอก่อน
กลับมายังที่มั่นของหน่วย Magic Hunt ในตอนนี้โยมิเองก็กำลังตามข่าวการตามล่ากลุ่มผู้ใช้เวทย์ และไม่นานนัก สมาชิกกลุ่ม Magic Hunt คนหนึ่งก็ได้คาบข่าวมารายงานโยมิ
“ขออนุญาตครับ ตอนนี้เราเจอแหล่งกบดานใหม่ของพวก Izzy แล้วครับ”
“เฮ้อ ขอให้จริง คราวที่พวกเราไปก็เจอแต่พวกลูกกระจ๊อก” อันจิพูดขึ้น
“เอาน่าอันจิ สายของเราไม่น่าพลาดหรอก” โยมิตอบ ในขณะที่อันจิก็พึมพัมๆไม่รู้ภาษาต่อ
“เออ เอาที่สบายใจ ว่าแต่เราต้องไปตอนไหนครับ??” เอเตียนถามไป
“เร็วๆนี้แหละ ต้องรีบหน่อยแล้ว พวกนี้มันกำลังขยายเครือข่ายของมัน ไปเรียกหน่วย 14 กับ 15 มาด้วย” โยมิพูดขึ้น
“รับทราบค่ะ” ไอจังพูดจบก็เดินออกไปในทันที
“เฮ้ย อันจิ คราวนี้อย่าพลาดอีกหล่ะ” เอเตียนบอกกับอันจิ
“บลาๆๆ พีๆพูๆ” อันจิตอบกลับไม่เป็นภาษาอีกแล้ว เอเตียนได้แต่ส่ายหน้า และไม่นานนัก ไอจังก็กลับมาพร้อมกับกองกำลังติดอาวุธอีกสองกลุ่มเดินเข้ามาหาโยมิด้วย
“ท่านครับ เรียกพวกเราเหรอครับ??”
“ใช่ เราจะบุกถล่มที่มั่นของพวก Izzy ในวันนี้เลย” โยมิตอบ
“คราวนี้เอาให้เนียน อย่าให้พวกมันหนีรอดไปได้ ไม่งั้นฉันจะตีหัวพวกนายด้วย” เอเตียนบอกกับทุกคน
“เมื่อก่อนเห็นไม่เคยพูดเลยนี่เนอะ พูพีๆ” อันจิพูดแซวเขาไป
“ก็ดีแล้วหล่ะค่ะ แบบนี้ดีกว่าเยอะเลย” ไอจังตอบไป
“แล้ว เราจะมีแผนยังไงหล่ะครับ??” ชายคนหนึ่งในกลุ่มถามไป
“เราจะปิดทางเข้าออกของพวกมันทุกทาง อย่าลืมใช้ยันต์เพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันวาร์ปหนีด้วยหล่ะ” โยมิตอบไป
“แต่ว่า พวกเราอาจจะใช้เวทย์มนต์ไม่ได้ด้วยนะครับ??” สมาชิกกลุ่มคนหนึ่งพูดขึ้น
“ใช้แทคติกที่เราฝึกกันล่าสุดดูพอจะได้หรือเปล่า??” โยมิถามกลับไป
“ตอนนี้กระสุนทองแดงเราก็มีไม่มากแล้วด้วย” เอเตียนพูดขึ้น
“ไม่ต้องห่วง ให้ฉันเข้าไปในดงพวกมันให้ได้สิ ฉันจะจัดการพวกมันเอง” อันจิพูดต่อ
“ใจเย็นสิคะ พวกมันอาจจะไม่ได้จัดการได้ง่ายขนาดนั้น” ไอจังพูดต่อ
“ใช่ครับ ตอนที่เอเตียนกับอันจิไปลุยคราวที่แล้ว พวกมันรู้ตัวก่อนแล้วหนีออกไปง่ายๆเลย” สมาชิกในกลุ่มคนหนึ่งพูดเสริม
“แปลว่าอาจจะมีข่าวรั่วแน่นอน” โยมิพูดขึ้น
“อย่าให้ฉันรู้แล้วกัน” เอเตียนพูดขึ้นพร้อมกำประแจทองแดงในมือไว้แน่น
“พึมพำๆๆๆๆ” อันจิเองยังคงพึมพำไม่เป็นภาษาของเขาต่อ
“แล้วเราจะไปตอนไหนหล่ะคะ??” ไอจังถามไป
“เย็นนี้เลย เราจะล้อมปราบพวกมัน” โยมิตอบ และในขณะเดียวกันนั้นเอง สมาชิกกลุ่มอีกคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาโยมิอย่างรวดเร็ว
“ขออนุญาตครับ ตอนนี้พวกโยวไคมันโจมตีพวกเราอีกแล้วครับ!!”
“ห่ะ พวกมันอีกแล้วเหรอ คราวนี้ที่ไหนหล่ะ??” โยมิถามไป
“พวกของเฉาเหวิน พวกมันฆ่าพวกของเฉาเหวินตายเกลี้ยงเลยครับ” สมาชิกกลุ่มตอบไป
“บ้าเอ้ย ถ้ามันจัดการคนอย่างเฉาเหวินได้ พวกเราอาจจะต้องระวังตัวกันหน่อย” เอเตียนพูดขึ้น แต่ดูเหมือนอันจิจะไม่กังวลอะไรมากนัก และยังพึมพำของเชาไปเรื่อย
“หรือว่า เราจะให้กลุ่มอื่นจัดการดีคะ??” ไอจังถามไป
“ถ้าให้พวกโกเทย์จัดการ ก็อาจจะมีสูสีก็ได้ ถ้าเกินกำลังพวกนั้น เราคงต้องไปช่วยอีกที ตอนนี้เราทำสิ่งที่เราทำได้ก่อนแล้วกัน” โยมิบอกกับทุกคนไป
ณ ลานกว้างแห่งหนึ่ง บริเวณชานเมืองที่ไหนซักแห่ง ที่ดูจะร้างผู้คน
“พรึ่บ!!”
อาคุมะใช้ธงมะตอยที่ติดไฟของเขาซัดใส่ชายในชุดรัดรูปถือดาบคนหนึ่งจนกระเด็น และมันคนหนึ่งกำลังจะแทงข้างหลังอาคุมะ แต่อาคุมะกระโดดตีลังกากลับหลัง แล้วใช้ธงตีหัวมัน
“ตุ๊บ!!”
“สนุกดีกับไอ้พวกนี้หว่ะ” อาคุมะพูดขึ้น ในขณะที่เรียวก็ใช้ดาบของเขาฟาดฟันกับศัตรู และเมื่อศัตรูของเขาใช้ดาบกับเขา ดาบของพวกมันจะหัก งอ แล้วก็บิ่น ทำเอาเรียวเฮสามารถสู้อย่างง่ายดาย
“รีบๆจัดการพวกมันเถอะ” เรียวเฮพูดขึ้นและฟังอีกดาบเข้าที่ด้านหลังของพวกมัน
“เฮ้ๆ รีบๆจัดการกันหน่อยสิ” วาซิริสต์พูดขึ้น มันคนหนึ่งจะใช้ดาบแทงเข้าที่เขา แต่เขาหลบได้และใช้เข็มฉีดยาปักเข้าที่ลำคอของมัน
“มาช่วยกันสู้บ้างสิ!!” หู่ลงตะโกนใส่เขาและใช้ง้าวไฟของเธอฟาดเข้าที่ดาบของมันจนดาบแตก
“เพล้ง!!”
“ฮ่าๆๆๆ แค่นี้สบายมาก!!” วาจจิน่าพูดขึ้น ในขณะที่ถือก็ใข้ปืนพกคู่ของเธอยิงลำแสงปริซึมใส่พวกมัน มันคนหนึ่งจะใช้ดาบฟันเข้าที่หลังของวาจจิน่า แต่จู่ๆมันก็หยุด แล้วมันก็หันหลังกลับไป
“เฮ้ย อะไรกันวะเนี่ย??” มันพูดขึ้น แล้วจู่ๆมันก็เดินเข้าไปและฟาดฟันใส่พรรคพวกของมันแทน คนที่ทำก็ไม่ใช่ใคร นั่นคือเลโอนาร์ดที่มีพลังเวทย์เส้นดาย
“สู้กันเองซะ” เลโอนาร์ดพูดขึ้น
“ฮ่าๆๆๆ โคตรสนุกเลย!!” โซเร็นพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ต่อยมันคนหนึ่งจนกระเด็นออก และมันคนนั้นที่โดนเขาต่อย ร่างของเขาก็ค่อยๆสลายกลายเป็นผุยผง แต่ในระหว่างที่การปะทะระหว่างสองฝ่ายกำลังดุเดือด ในตอนนั้นพวกมันก็ถอยออกมา ก่อนที่ไม่นานนัก พวกมันสองคนจะเดินถือถุงอะไรบางอย่างออกมา จากนั้นก็ปามันออกไปใส่กลุ่มโกเทย์
“ตู้ม!!”
ถุงนั่นระเบิดออกกลางอากาศ แต่สิ่งที่อยู่ในถุงนั้นก็ค่อยๆลอยใส่กลุ่มโกเทย์อาคุมะที่ได้กลิ่นในตอนนั้นก็รีบถอยออกมา
“ชิบหาย ผงทองแดง รีบหนีเร็ว!!” อาคุมะตะโกนออกมา ก่อนที่คนอื่นๆจะรีบถอยออกมา แต่พวกมันก็ยังไม่รามือ พวกมันถือปืนไรเฟิลและยิงถล่มใส่พวกเขา
“เราต้องหนีให้พ้นละอองทองแดง!!” หู่ลงพูดขึ้น
“เวรเอ้ย เอานี่ไปกิน!!” วาจจิน่าพยายามยิงสวนพวกมัน แต่ลำแสงปริซึมของเธอที่ยิงออกมาก็ไม่โดนพวกมันเลย พวกส่วนก็สลายหายไปเนื่องจากว่าปริซึมของเธอเป็นพลังเวทย์ พอโดนทองแดงก็สลายไป
“รีบวาร์ปหนีเถอะ” เรียวเฮพูดขึ้น ในขณะที่โซเร็นก็พยายามใช้วาร์ปเพื่อเคลื่อนย้าย
“บ้าเอ้ย ยังไปไม่ได้” โซเร็นพูดขึ้น
“ต้องหนีให้พ้นระยะผงทองแดงก่อน” เลโอนาร์ดพูดขึ้น
“ไม่บอกก็รู้” วาซิริสต์ตอบ และไม่นานนัก อาคุมะก็สามารถใช้พลังวาร์ปของเขาได้
“ทุกคน รีบวาร์ปหนีก่อน!!” อาคุมะพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก ทุกคนจะรีบเปิดประตูวาร์ป และรีบหนีเข้าไป ไม่นานนัก ทุกคนก็กลับมารวมตัวกัน ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโกดังร้าง พวกโกทย์รวมตัวเพื่อคุยกันในทันที
“รู้แล้วว่าทำไมช่วงนี้พวก Magic Hunt โดนเล่นงานง่ายจัง” วาซีริสต์พูดขึ้น
“วันหลังเราก็ใส่หน้ากากกันแก๊สซะสิ” เรียวเฮพูดขึ้น
“จริงด้วย แต่คงต้องแจ้งเรื่องนี้ไปที่สภาเวทย์มนต์ด้วย” วาจจิน่าพูดต่อ
“ก็คงต้องรอดูว่าพวกนั้นจะเอายังไงต่อ” หู่ลงพูดขึ้น
“เอาเถอะ ถึงยังไงเราก็ต้องลุย” โซเร็นพูดขึ้น
“เอาเถอะ รายงานพวกสภาจอมเวทย์ก่อนค่อยว่ากัน” เลโอนาร์ดบอกกับทุกคนไป
กลับมายังคาสิโนของแองเจลโล่ในเวกัส ในวันนี้ตัวของเขาเองก็กำลังรอใครบางคนอยู่ที่ด้านหลังคาสิโน โดยมีคนของเขามากมายกำลังยืนรอด้วย และไม่นานนัก ประตูโรงรถด้านหลังก็เปิดออก และรถบรรทุกคันหนึ่งก็ขับเข้ามาที่ลานจอดรถด้านหลัง คนของเขาก็รีบไปดูและพารถบรรทุกเข้ามา และเมื่อรถบรรทุกจอดเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวคนหนึ่งก็ลงจากรถ นั่นคือวาเรนน่านั่นเอง เธอเดินเข้าไปหาแองเจลโล่แล้วกอดเขาในทันที
“คิดถึงจังเลย”
“อืม ยังดีนะที่เธอปลอดภัย” แองเจลโล่ตอบเธอ
“แน่นอน ให้พวกมันมาสิ ฉันจะเป่าให้” เวเรนน่าพูดต่อและกลับออกมา
“แล้วช่วงนี้มีใครมาป่วนเธอบ้างหรือเปล่า??” แองเจลโล่ถามไป
“ไม่มีหรอก ลองให้พวกมันมาสิ” เวเรนน่าตอบ และไม่นานนัก คนของแองเจลโล่ก็ช่วยกันเปิดด้านหลังรถบรรทุก จากนั้นก็เดินเข้าไปและยกกล่องใบหนึ่งออกมา
“นี่ ฉันเก็บไว้ให้นายโดยเฉพาะเลย” วาเรนน่าพูดขึ้น
“อืม ไหน ขอดูหน่อยสิ” แองเจลโล่พูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก ลูกน้องของแองเจลโล่ก็รีบเปิดกล่องในทันที และเมื่อเปิดออกมา แองเจลโล่ก็พบกับปืนพก Glock รุ่นใหม่ เขาหยิบมันขึ้นมาดูในทันที
“Glock 29 ฉันเตรียมแม็กกาซีน 15 นัดให้” เวเรนน่าพูดขึ้น ก่อนที่ตัวของแองเจลโล่จะลองเล็งปืนไปทางที่ไม่มีคนในทันที
“อยากลองยิงหรือเปล่าหล่ะ??” เวเรนน่าถามไป จากนั้นเธอก็หยิบเอาแม็กกาซีน 15 นัดให้ ตัวของแองเจลโล่ก็รีบใส่กระสุน ก่อนที่เขาจะลองเล็งเป้าและยิง
“ปังๆๆๆๆๆ!!”
“โห เยี่ยมเลย” แองเจลโล่พูดขึ้น
“ใช่ ยังมีอุปกรณ์เสริมอื่นอีกนะ” เวเรนน่าพูดขึ้น
“ดี เดี๋ยวฉันเซ็นเช็คให้นะ” แองเจลโล่พูดขึ้น
“อ้าวนี่ เยเรน่าไม่อยู่เหรอ??” เวเรนน่าถามไป
“เธอคงไปทวงหนี้อยู่หน่ะ เอางี้ ไปหาไรกินก่อนดีกว่า” แองเจลโล่พูดขึ้น
“ได้เลย กำลังหิวพอดี” เวเรนน่าบอกไป ก่อนที่แองเจลโล่ก็พาเวเรนน่าเข้าไปในคาสิโน และเดินไปยังบริเวณห้องอาหาร ซึ่งดูเหมือนว่าตอนนี้ยังมีคนไม่มาก แองเจลโล่พาเวเรนน่าไปที่ห้องอาหารส่วนตัว ซึ่งตอนนี้กำลังเตรียมพร้อมเอาไว้ให้ พวกเขาทั้งคู่นั่งลงที่เก้าอี้ในทันที
“เฮ้อ คิดถึงสมัยก่อนเลยนะ เราเล่นพวกมันจะราบเลย” เวเรนน่าพูดขึ้น
“ใช่ ไม่รู้ว่าพวกมันหนีไปไหนแล้ว” แองเจลโล่บอกไป
“ช่างมันเถอะ ฉันไม่สนหรอก ให้มันไปจากเวกัสก็พอ” เวเรนน่าพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน พนักงานของคาสิโนคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาพวกเขาทั้งคู่
“จะสั่งอะไรหรือเปล่าคะหัวหน้า??”
“ก็เหมือนเดิมหน่ะ” แองเจลโล่ตอบไป
“อืม เพิ่มชีสเยอะๆหล่ะ” เวเรนน่าพูดเสริม
“ค่ะ ตอนนี้เรามีเครื่องดื่มใหม่แนะนำด้วยนะคะ เดี๋ยวเราจะเอามาให้ดื่มค่ะ” พนักงานพูดขึ้น ก่อนที่พนักงานจะเดินออกไป
“มีของใหม่มาตลอดเลยนะ” เวเรนน่าพูดขึ้น
“แน่นอน คนเรามันต้องมีการพัฒนาสิ” แองเจลโล่ตอบ ในขณะที่พวกเขาทั้งคู่ก็นั่งรออาหารไป
อีกด้านหนึ่งของเวกัส พื้นที่ที่ผู้คนต่างเดินไปเดินมาเพื่อท่องเที่ยว และในตรอกแห่งหนึ่ง มันเป็นตรอกเล็กๆ ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับพวกคนไร้บ้าน ในตอนนั้นคนไร้บ้านคนหนึ่งกำลังเมาและถือขวดเหล้าเดินไปมาในซอย เขายกเหล้าดื่มอีกที แต่คราวนี้กลับพบว่าเหล้าหมด ทำเอาเขาถึงกับโยนขวดทิ้งด้วยความโมโห
“เพล้ง!!”
“เฮ้ย หงุดหงิดอะไรขนาดนั้นวะ??” เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งตะโกนออกมา ชายขี้เมารีบหันไปที่ต้นทางเสียงในทันที
“เฮ้ย อะไรวะ??”
“อะไร อยากได้เงินกินเหล้าอีกหรือเปล่าหล่ะ??”
“ห่ะ เยเรน่าเหรอ??” ชายคนนั้นถามไป และเขาก็มองไปทางเธอ ที่ตอนนี้กำลังยืนชูแบงค์ดอลลาห์อยู่
“ว่าไงหล่ะ??” เยเรน่าถามเขาไป
“เออๆๆ อยากรู้อะไรหล่ะ??”
“ข่าวช่วงที่ผ่านมา เรื่องการเก็บพวก Magic Hunt หน่ะ” เยเรน่าตอบไป
“อันนี้ฉันก็ไม่รู้อะไรมากหรอก รู้แต่ว่าช่วงนี้มีมือปืนหน้าใหม่ รับงานกำจัดพวก Magic Hunt ไม่เลือกหน้าเลย ตอนนี้ที่ฉันรู้มีประมาณ 6 คนได้”
“งั้นเหรอ มีใครบ้างหล่ะ??” เยเรน่าถามไป
“คนแรกที่ฉันรู้คือลูเตอร์ บาจิ คนที่สองคือเอ็ดการ์ จอห์นสัน คนที่สามคือโทรุ เรเน คนที่สี่คือซาการ์ จีน สี่คนนี้ถามพวกที่อยู่ที่บาร์ใครก็รู้จัก ได้ยินว่าทำงานให้รัฐบาลด้วย”
“แล้วอีกสองคนหล่ะ??” เยเรน่าถามต่อ
“สองคนนี้หน้าใหม่มาแรง ดูเหมือนจะทำงานอิสระด้วย คนแรกเป็นผู้หญิง ได้ยินว่าชื่อมารี ส่วนคนที่สอง ชื่อดีค่อน ได้ยินว่ามันมีกองกำลังเป็นของตัวเองด้วย”
“เออ โอเค ถ้าแกโกหกฉันนะ ฉันจะตามมาเอาคืนทุกดอลเลย” เยเรน่าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็วางเงินลงที่พื้น ชายคนนั้นรีบหยิบมันขึ้นมาในทันที
“ข่าวฉันเคยพลาดที่ไหนหล่ะ โว้ะ” ชายคนนั้นพูดอย่างเซงๆ ก่อนที่เขาจะเดินออกไป แต่ยังไม่ทันจะเดินไปไหน เขาเพิ่งจะรู้ตัวว่าซารีน่าหมูของเยเรน่ากำลังจะเยี่ยวรดเขา
“ไม่เอาน่าซารีน่า ไปทำที่อื่น” เยเรน่ารีบบอกหมูของเธอพลางหัวเราะเล็กน้อย
ณ ตึกหลังหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย หลังจากที่คามิลล่าจัดการกับพวกตำรวจแล้ว ตัวของเธอต้องหาที่กบดานชั่วคราวเพื่อหลบหนีการตามล่า ตัวของเธอซ่อนตัวอยู่ในห้องมืดทึบห้องหนึ่ง เนื่องจากว่าเธอเป็นแวมไพร์ ถึงแม้ว่าตัวของเธอตอนนี้จะพอโดนแสงแดดได้บ้าง แต่พลังของเธอก็จะอ่อนแรงลง ในระหว่างที่เธอกำลังหลบซ่อนตัวอยู่นั้น เธอก็กำลังเปิดคอมและดูอะไรบางอย่างไปด้วย
“สถานีตำรวจ..”
“รายชื่อตำรวจ..”
“จ่าเอ็มเมอร์..”
“มันนี่เอง” คามิลล่าพูดขึ้น ก่อนที่ตัวของเธอจะเก็บข้อมูลในคอม
“ติ๊ก!!”
“โอเค ฉันจะไปตามล่าแกคืนนี้แหละ” คามิลล่าพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก เธอจะเดินเข้าไปในห้องๆหนึ่ง มันเป็นห้องเก็บอาวุธของเธอ ที่เต็มไปด้วยดาวกระจาย ดาบ มีดสั้น รวมถึงปืน
“คงต้องพกของไปเยอะหน่อย มันชอบไปเที่ยวที่ย่านบันเทิง” คามิลล่าพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนักเธอจะปิดประตูห้อง และกลับมานอนบนเตียงที่ถูกดัดแปลงเอาไว้ให้เหมือนกับโลงศพของแวมไพร์
ณ อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งในย่านแคลิฟอร์เนีย หลังจากที่มารีทำงานตามที่ได้รับว่าจ้างของเธอเรียบร้อยแล้ว ตัวของเธอก็เดินกลับเข้ามาที่อพาร์ทเม้นท์ จากนั้นก็ไปที่เคาน์เตอร์รับแขกอย่างรวดเร็ว
“อ้าว มารี ว่าไงหล่ะ??” พนักงานต้อนรับสาวคนหนึ่งถามไป มารีไม่พูดอะไรและยื่นบัตรกระดาษแผ่นหนึ่งให้ พนักงานต้อนรับรับหยิบมาดู ก่อนที่พนักงานต้อนรับจะหยิบซองกระดาษซองหนึ่งให้กับเธอ มารีรีบหยิบมันมา แต่ไม่นานนัก พนักงานต้อนรับก็พูดขึ้น
“มีงานให้ด้วย จะรับหรือเปล่า??”
“ใครกันหล่ะ??” มารีถามกลับไป ก่อนที่พนักงานต้อนรับจะหยิบเอารูปของชายอ้วนคนหนึ่งให้กับเธอได้ดู
“หมอนี่ชื่อจีบุงอา เป็นนายหน้าชาวเกาหลีหน่ะ ตอนนี้มันกำลังอาศัยอยู่ในแคลิฟอร์เนียนี่หล่ะ ได้ยินว่าชื่อโรงแรม Mariposa หน่ะ”
“อ้อ ไปแป๊ปเดียวเอง” มารีพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก เธอจะหยิบบุหรี่ขึ้นมา และจุดไฟแช็กสูบ แต่ดูเหมือนว่าไฟแช็กของเธอจะไม่ติด
“แม่งเอ้ย” มารีสบถออกมา ก่อนที่ไม่นานนัก พนักงานต้อนรับก็หยิบเอาไฟแช็กให้กับเธอ แล้วก็จุดให้
“เอานี่ ไฟแช็คใหม่” พนักงานต้อนรับพูดขึ้น ก่อนที่มารีจะเอาบุหรี่มาสูบอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะพ่นควันออกมาปึดใหญ่
“ท่าทางจะเครียดจริงๆนะเนี่ย” พนักงานต้อนรับพูดขึ้น
“ก็ไม่มีอะไรหรอก ช่างเถอะ ขอบใจสำหรับไฟแช็กนะ” มารีพูดขึ้น ก่อนที่เธอจะกดลิฟต์ในทันที และลิฟต์ก็มารอเธอ เธอขึ้นลิฟต์และกดปุ่มชั้น 5 ในทันที
“ติ๊ง!!”
มารีใช้เวลาไม่นานก็มาถึงชั้น 5 จากนั้นเธอก็เดินออกมาจากลิฟต์ และเข้าห้อง 512 ในทันที และเมื่อเธอเข้ามาในห้อง เธอก็กลับมานั่งกอดเข่าอยู่คนเดียวบนโซฟาของเธอ
“มารี หนีไป!!”
“แม่!!”
มารีตะโกนออกมา และรู้สึกตัวอีกที เธอก็ตื่นขึ้นมาบนโซฟา ดูเหมือนว่าเธอจะฝันร้ายอีกแล้ว
“บ้าเอ้ย” มารีพูดขึ้น ก่อนที่เธอจะมองไปบนโต๊ะหน้าทีวี พร้อมกับคว้าเอาบุหรี่ของเธอมาสูบ แต่เมื่อเธอเอาออกมา ก็พบว่ามันเหลือแค่มวนเดียว แต่เธอก็ยังสูบมันอยู่ดี
ณ อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นอพาร์ทเม้นท์ที่อยู่ไม่ห่างจากย่านคนไร้บ้านเท่าไหร่นัก ชายหนุ่มชุดฮู้ดแดงคนหนึ่งก็เดินเข้ามาด้านในอพาร์ทเม้นท์ ชายคนนั้นก็คือดีค่อนนั่นเอง และเมื่อเขาเดินเข้าไป พบกับชายสองคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ชั้นล่าง พวกเขาก็ทักทายดีค่อนในทันที
“ลูกพี่ กลับมาแล้วเหรอพี่??”
“เออ ถ้าฉันยังไม่กลับมา พวกแกไม่เห็นฉันหรอก แล้วนี่พวกตำรวจมาป้วนเปี้ยนแถวนี้หรือเปล่า??” ดีค่อนถามไป
“ไม่มีพี่ ถึงมีเราก็จ่ายตังค์พวกมันแล้ว”
“เออ แล้วที่นี่เป็นยังไงบ้าง??” ดีค่อนถามต่อ
“ก็ปกติดีพี่” ลูกน้องของเขาตอบ และในขณะเดียวกัน ชายคนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาในอพาร์ทเม้นท์ และเมื่อชายคนนั้นเจอกับดีค่อน ชายคนนั้นก็รีบมาคุยกับดีค่อนในทันที
“ลูกพี่ แย่แล้วพี่!!”
“อะไรอีกหล่ะวะ??” ดีค่อนถามอย่างสงสัย
“ไอ้ดันเต้มันโดนใครก็ไม่รู้จับไปพี่!!”
“เฮ้ย จริงเหรอวะ แม่งเอ้ย ไปสืบให้ได้ว่าฝีมือใคร ไม่รู้ว่ามันจะคายอะไรออกไปบ้าง” ดีค่อนพูดออกมาด้วยอาการโมโห
กลับมายังบ้านและรังของมิไร ในตอนนี้ตัวของเขากำลังนั่งสมาธิอยู่ที่หน้าองค์พระของญี่ปุ่น แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังทำไปได้ไม่เท่าไหร่ ลูกน้องของเขาคนหนึ่งก็รีบเดินเข้ามาหาเขา เขาคำนับให้มิไร
“ขออภัยครับ!!” มิไรได้ยินดังนั้นก็เปิดตาของเขาออกมา
“ว่าไงหล่ะ??” มิไรถามไป
“พวกเราถูกโจมตีอีกแล้วครับ”
“งั้นเหรอ คราวนี้พวกไหนกันหล่ะ??” มิไรถามอย่างแปลกใจ
“พวกมันเป็นพวกโกเทย์ครับ” ลูกน้องของมิไรตอบ ในตอนนั้นเองมิไรก็ดูจะตกใจเล็กน้อย
“เจอกับพวกมันเลยเหรอ??” มิไรถามไป
“ครับ ดูเหมือนว่าพวกมันทั้งทีมเลยครับ”
“แล้วพวกเรามีใครเป็นอะไรหรือเปล่า??” มิไรถามไป
“ไม่มีครับ เราใช้วิธีลูกระเบิดผงทองแดงครับ”
“แค่นั้นทำอะไรพวกมันไม่ได้หรอก ไปเรียกพวกเรามาคุยหน่อยสิ” มิไรพูดขึ้น ก่อนที่ลูกน้องของเขาจะรีบเดินออกไปในทันที มิไรเองก็รีบหยิบดาบของเขา และเดินตามลูกน้องของเขาออกไปบ้าง และไม่นานนัก เหล่าบรรดาขุนพลของเขาก็รีบเดินเข้ามาหาเขา
“นายครับ”
“ได้ยินเรื่องพวกโกเทย์แล้วใช่หรือเปล่า??” มิไรถามไป
“ครับ ยังดีที่คนของเรายังรอดมาได้ครับ แต่บางส่วนก็เจ็บหนักเลยครับ”
“อืม ยังดีที่พวกเขาไม่ตาย แต่ดูเหมือนว่าพวกมันจะเริ่มตามกวาดล้างกลุ่มผู้ใช้เวทย์อย่างหนักกันแล้วสิ” มิไรพูดขึ้นพลางกอดดาบของเขา
“ต้องเป็นความคิดของพวกผู้เฒ่าสารพัดพิษสภาจอมเวทย์แน่นอนครับ” คนสนิทของมิไรพูดขึ้น
“ฉันรู้ แต่ตอนนี้ ฝีมือฉันคนเดียว ยังเทียบกับพวกมันไม่ได้หรอก” มิไรตอบไป
“งั้นเราคงต้องดูดเอาพลังของพวกมันมามากขึ้นสินะครับ??”
“อืม ก็คงต้องเป็นอย่างงั้น ฉันจะไม่ยอมให้พวกมันเป็นฝ่ายล่าเราฝ่ายเดียวหรอก ตอนนี้เราต้องเลี่ยงการปะทะกับพวกโกเทย์ไปก่อน ถ้าไม่จำเป็น” มิไรบอกกับทุกคนไป
กลับมายังไนต์คลับของซอกฮุน ในวันนี้ตัวของเขาเองกำลังนั่งพักผ่อนบนเก้าอี้ของเขาตามปกติ แต่ในขณะเดียวกัน ลูกน้องของเขาคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว
“นายครับ เจอตัวไอ้จาฮุนแล้วครับ”
“ห่ะ จริงเหรอ เอามันมาให้ฉัน!!” ซอกฮุนตะโกนออกมา จากนั้นลูกน้องของเขาก็เดินออกไปด้านนอก และไม่นานนัก ลูกน้องของเขาก็ลากเอาชายคนหนึ่งเข้ามาหาซอกฮุนอย่างรวดเร็ว ชายคนนั้นเมื่อเจอกับซอกฮุนก็ดูจะลนลานมากๆ
“นายครับ ผมขอโทษครับนาย!!” ชายคนนั้นพูดขึ้นอย่างลนลานและหวาดกลัว
“ไอ้ระยำเลี้ยงไม่เชื่อง แล้วเป็นไงหล่ะ นายใหม่มึงปกป้องมึงได้มั้ย??” ซอกฮุนตะโกนออกมา
“ผมขอโทษครับ พวกมันบังคับผมครับ” ชายคนนั้นพูดต่อ แต่ซอกฮุนก็หยิบเอาไม้เท้าทองคำของเขาที่อยู่ข้างเก้าอี้ จากนั้นก็เอามันมาฟาดกับชายคนนั้น
“ตุ๊บ!!”
“เฮ้อ มึงคิดว่ากูไม่รู้เหรอ ไอ้โลภมากแบบมึงเนี่ย อย่ามาพูดแบบนี้กับกู!!” ซอกฮุนตะโกนออกมาแล้วตีเข้าที่หัวกบาลของชายคนนั้น จนชายคนนั้นถึงกับสลบเหมือดลงไป
“เอามันไปโยนลงทะเลซะ!!” ซอกฮุนตะโกนออกมา ก่อนที่ลูกน้องของเขาจะลากตัวชายคนนั้นออกไปในทันที
“ไปเอาโทรศัพท์มาให้ฉันด้วย!!” ซอกฮุนตะโกนออกมา
ณ บ้านพักแห่งหนึ่งในย่านนิวยอร์ก เป็นบ้านหลังเล็กๆ ชานเมือง แต่บ้านหลังนี้เป็นที่อยู่ของเฟท หมอดูปริศนาคนหนึ่ง ซึ่งในตอนนี้ เขากำลังนั่งดูดวงให้กับชายใส่สูทคนหนึ่งในบ้าน
“เป็นยังไงบ้างครับ??” ชายใส่สูทคนนั้นถามเฟทอย่างตื่นเต้น
“ดูเหมือนว่าลูกค้าคุณจะไว้ใจไม่ได้นะ” เฟทพูดขึ้น
“เฮ้อ ผมกะแล้ว แล้วนี่ผมต้องทำยังไงครับ??” ชายใส่สูทถามต่อ
“อีก 3 วันค่อยทำสัญญาแล้วกัน” เฟทตอบกลับไป
“อ้อ โอเคครับ” ชายใส่สูทคนนั้นพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก ชายคนนั้นจะหยิบเอาเงินดอลลาห์ปึกหนึ่งออกมา แล้ววางไว้ที่ด้านหน้าของเฟท
“นี่ค่าดูครับ” ชายใส่สูทคนนั้นพูดขึ้น แต่ยังไม่ทันที่ชายคนนั้นจะเดินออกไป ในตอนนั้นฟทก็พูดขึ้น
“วันนี้รีบกลับบ้านหล่ะ เอาจริงๆ คุณควรจะอยู่บ้าน จนถึงพรุ่งนี้เช้า” ชายคนนั้นเมื่อได้ยินก็พยักหน้า จากนั้นก็ออกจากบ้านของเฟทในทันที เฟทที่กำลังจะหยิบเงิน ในตอนนั้นเขาก็ถึงกับหยุดนิ่ง และทำท่าเหมือนกับเห็นอะไรบางอย่าง
“อะไรกันเนี่ย??”
“สงครามใหม่ของพวกจอมเวทย์งั้นเหรอ??”
“บ้าเอ้ย คงต้องหาที่อยู่ใหม่แล้วสิ” เฟทพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก เขาจะรีบเก็บเงินของเขา และเดินเข้าไปในห้องนอน ซึ่งด้านในมีกระเป๋าอยู่ใบหนึ่ง เขารีบไปเปิดกระเป๋านั้นออกมา แล้วก็พบว่าด้านในมีเงินจำนวนหนึ่ง เขารีบเอาเงินที่เพิ่งได้มาจากการดูดวงใส่เข้าไป ก่อนที่ไม่นานนัก เขาจะล้วงอะไรบางอย่างเอาใต้เตียง จนเขาล้วงออกมาได้ มันเป็นระเบิด C4 ลูกหนึ่ง ตัวของเขาตั้งเวลาเอาไว้ 2 ชั่วโมง จากนั้นก็หย่อนมันเอาไว้ที่ใต้เตียง ก่อนที่ไม่นานนัก เขาก็ร่ายคาถาอะไรบางอย่าง จากนั้นก็เสกวงกลมสำหรับวาร์ปออกมา
“แว้บ!!”
“คงต้องไปจากที่นี่แล้วหล่ะ แต่จะไปไหนดีหล่ะนะ??” เฟทพูดขึ้น และไม่นานนัก เขาก็เดินเข้าไปในวงกลมทันที ก่อนที่วงกลมจะปิดลง และไม่นานนัก เฟทก็เดินทางมายังทางระบายน้ำแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก ซึ่งดูไม่น่าจะใช้อยู่อาศัยได้เท่าไหร่ เนื่องจากมันเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นและอะไรหลายอย่างที่กวนใจ
“หวังว่าพวกมันจะมาทันระเบิดนะ” เฟทพูดขึ้น
ณ ที่ไหนซักแห่งในนิวยอร์ก หลังจากที่กลุ่มเทพปีศาจได้หลบหนีจากการตามล่าของเหล่าสภาจอมเวทย์ได้สำเร็จ พวกเขาก็มารวมตัวกันในพื้นที่ท่อระบายน้ำแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นพื้นที่ที่พวกเขาจะหลบพ้นจากสายตาของกองกำลังผ้าคลุมขาวได้
“ข้าไม่ชอบที่นี่เลย” บาร์บาทอสพูดขึ้น
“ใครชอบกันบ้างเล่า??” อาร์เทมิสถามกลับไป
“เอาเถิด แต่มันก็น่าจะช่วยปกป้องเราได้” มอลอซพูดขึ้น
“คอยดูเถอะ ไอ้พวกนั้น ข้าจะแก้แค้นพวกมัน” ยิเมียร์พูดขึ้น
“ไม่ต้องห่วง เจ้าได้แก้แค้นแน่ๆ ไม่ต้องห่วง” ไรจินตอบ
“ว่าแต่ เราจะเอาอย่างไรต่อเล่า??” บาร์บาทอสถามทุกคนไป
“ตอนนี้เราเจอตัวไอ้เกจินหรือยังหล่ะ??” อาร์เทมิสถามไป
“ตอนนี้คนของข้ายังไม่รายงานอะไรกลับมาเลย” ยิเมียร์ตอบ และในตอนนั้นเอง มอลอซก็รู้สึกอะไรได้บางอย่าง เธอหลับตาซักพักและลืมตาขึ้นมา
“มีอะไรเหรอ??” ไรจินถามไป
“เจอตัวไอ้เกจินมันแล้ว” มอลอซพูดขึ้น
“จริงเหรอ มันอยู่ที่ไหนกันหล่ะ??” ยิเมียร์ถามอย่างตื่นเต้น
“มีข่าวว่ามันตอนนี้กบดานอยู่ในบอสตัน แต่ถ้ามันมีประชุม มันก็โผล่ออกมา” มอลอซตอบไป
“ดี งั้นเรารีบไปฆ่ามันเลย” บาร์บาทอสพูดขึ้น
“เดี๋ยวสิ มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก” อาร์เทมิสพูดปราม
“ใช่ เราต้องดูว่าที่นั่นมีอะไรรอเราอยู่บ้าง” ไรจินพูดต่อ
“ถ้าอย่างงั้น ข้าจะให้สายของข้าไปดูเอง” ยิเมียร์พูดขึ้น
“ได้สิ ยังไงก็จัดการด้วยแล้วกัน” มอลอซตอบไป
“เออ ว่าแต่ เรารู้ที่กบดานมันง่ายเกินไปหรือเปล่า แค่ถามดูนะ??” อาร์เทมิสถามขึ้น ทำเอาพวกเขาทุกคนถึงกับหยุดนิ่งไปเลย เพราะสิ่งที่อาร์เทมิสพูดนั้นน่าคิด
“นั่นสิ ไอ้พวกผู้เฒ่าพวกนี้มันสารพัดพิษจะตาย” บาร์บาทอสพูดเสริม
“แต่ก็ยังดีกว่าเราไม่ทำอะไรเลยนะ” ไรจินพูดขึ้น
“เอาเถอะ ถึงอย่างไร พวกเราก็ต้องลงมือ” ยิเมียร์ตอบไป
“เตรียมตัวให้พร้อมแล้วกัน เราต้องตรวจสอบให้ทั่ว ดูว่าพวกมันจะเตรียมเล่นงานเราหรือเปล่า” มอลอซพูดขึ้น
“เฮ้อ ก็ดี ได้สู้แต่กับไอ้พวกชุดขาว ไม่เห็นจะสนุกเลย” บาร์บาทอสพูดขึ้น
“ใจเย็น พวกมันก็มีดีเหมือนกัน” อาร์เทมิสตอบไป
“เอาเถอะ ตอนนี้เรามีกองกำลังอยู่เท่าไหร่หล่ะ??” มอลอซถามไป
“ไม่ต้องห่วง มีพอจะทำงานนี้แน่นอน” บาร์บาทอสตอบ
“โอเค งานนี้เราคงต้องทำเร็วออกเร็ว ก่อนที่กองกำลังของพวกมันจะมาช่วยเหลือมัน” มอลอซพูดขึ้น
“ได้เลย ถ้าฉันเจอไอ้เกจิน ฉันไม่ปล่อยมันแน่” ยิเมียร์พูดขึ้น
“ใช่ แต่เราต้องทำลายเวทย์มนต์มันก่อน แล้วจะจัดการมัน” อาร์เทมิสพูดขึ้น
“ได้เลย ฉันรู้วิธีจัดการ” ไรจินพูดต่อ และไม่นานนัก มอลอซเองก็หลับตาลงทั้งสองข้าง ก่อนที่ตัวของเธอจะพูดขึ้นมา
“เอาหล่ะ เรามาวางแผนกันดีกว่า เท่าที่ฉันรู้ ที่ที่มันอยู่จะเป็นบ้านในหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งรอบบ้านของมันจะมีพวกผ้าคลุมขาวแฝงตัวอยู่ เราต้องจัดการพวกมันแบบเงียบๆ และเมื่อพวกมันที่อยู่โดบรอบตายกันหมด ตอนนั้นแหละ ไอ้เกจินมันเสร็จเรา” มอลอซบอกกับทุกคน และไม่ห่างจากพวกปีศาจพวกนั้น สายตาของเอล ซาดิน ผู้ใช้เวทย์ปริศนา ดูเหมือนว่าเขากำลังจ้องมองดูกลุ่มเทพปีศาจพวกนั้นอย่างตาไม่กะพริบ
“พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่นะ??” เอลพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก ตัวของเขาก็รีบใช้พลังเวทย์เพื่อบังตากลุ่มเทพปีศาจพวกนั้น เพราะดูเหมือนว่าพวกนั้นจะเริ่มระแคะระคายแล้ว
“บ้าเอ้ย ยังไม่ใช่ตอนนี้สิ” ซาดินพูดต่อ ก่อนที่ตัวของเขา จะค่อยๆเฟดตัวเองหายไปจากพื้นที่นั้นอย่างไร้ร่องรอย
กลับมายังคฤหาสน์ของโครวี่ ในตอนนี้ตัวของเขาอยู่ในห้องทำงานเพื่อดำเนินการกิจการการหาพื้นที่ที่มีแร่ออซเจนิส เพื่อใช้ในการทำอาวุธชนิดใหม่ๆ และในขณะเดียวกัน ประตูวาร์ปก็โผล่ออกมาอีกครั้ง ในคราวนี้ก็เป็นยูจีนอีกแล้ว โดยที่เขามาพร้อมกับแชมเปญในมือหนึ่งขวด
“คุณโครวี่ นี่แชมเปญของคุณ”
“โอเค วางไว้เลย แล้วมาช่วยฉันดูอะไรหน่อยสิ” โครวี่พูดขึ้น ยูจีนวางขวดแชมเปญไว้ที่โต๊ะในห้องทำงานโครวี่ จากนั้นก็เดินไปหาโครวี่อย่างรวดเร็ว
“นายว่าเราจะซื้อพื้นที่ตรงไหนดี เอเชียใต้ หรืออเมริกาใต้??” โครวี่ถามไป
“อืม จะว่าไป ตอนนี้ที่เอเชียใต้ ถึงแม้ว่าจะมีแร่น้อยกว่าที่อเมริกาใต้ แต่ยังไม่มีใครไปจับจองมาก เราจึงไม่น่าจะมีปัญหากับใคร” ยูจีนพูดขึ้น
“อืม แบบนี้ก็ดี..” โครวี่ยังพูดไม่ทันจบ ในตอนนั้นเลขาของเขาก็รีบวิ่งมาหาเขาอย่างรวดเร็ว
“นายคะ แย่แล้วค่ะ มีคนบุกมาที่นี่ค่ะ!!”
“อะไรกัน พวกมันรู้แล้วเหรอว่าเราอยู่ที่นี่ ผมว่าเราไปจากที่นี่ดีกว่าครับ” ยูจีนพูดขึ้น
“ไม่ ฉันจะทำให้พวกมันเห็น ว่าใคร ยิ่งใหญ่ที่สุดที่นี่” โครวี่พูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก เขาจะลุกขึ้นและเดินออกไปที่นอกบ้านในทันที ซึ่งด้านนอกในตอนนี้ ลูกน้องของเขาต้องรีบถอยกลับเข้ามา เนื่องจากว่ากลุ่มชุดขาวนั้นมีฝีมือมาก
“บ้าเอ้ย มันส่งพวกเยเกอร์มา” ยูจีนพูดขึ้น
“เฮ้อ น่าสนุกดีนี่” โครวี่พูดขึ้น ก่อนที้เขาจะวิ่งออกไปเผชิญหน้ากับพวกมัน
“พวกเรา นั่นเป้าหมายของเรา!!” พวกเยเกอร์พูดขึ้น ก่อนที่พวกมันจะพุ่งเข้าไปและใช้ดาบลำแสงเตรียมจะฟันร่างของโครวี่ แต่ในตอนนั้น ดาบลำแสงชองพวกเขาก็เกิดสลายแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
“เฮ้ย อะไรวะเนี่ย??” พวกชุดขาวคนหนึ่งถามไป ก่อนที่โครวี่จะต่อยมันคนหนึ่งจนกระเด็น
“ตุ๊บ!!”
ตัวของมันกระเด็นออกไป และไม่นานนัก ใบหน้าที่โดนต่อยของชายชุดขาวคนนั้นก็เกิดค่อยๆสลายกลายเป็นผุยผงไป ทำเอาชายคนนั้นถึงกับแทบจะเป็นบ้า
“เฮ้อ กลับไปบอกนายพวกมึงด้วย วันหลังส่งหน่วยที่เก่งกว่านี้มาหากู!!” โครวี่ตะโกนออกมา ก่อนที่เขาจะไล่ต่อยพวกมัน จนพวกมันต้องถอยกลับไป
“พวกเรา ใช้ดาบทองแดง!!” พวกเยเกอร์พูดขึ้น แต่ยังไม่ทันที่พวกนั้นจะได้ชักดาบ จู่ๆก็มีวงกลมอะไรบางอย่างขึ้นมาอยู่ด้านหลังพวกชุดขาวนั้น ก่อนที่จะมีมือปริศนาจะดึงคนพวกนั้นเข้าไปในวงกลม
“เฮ้ย อะไรวะ ปล่อยกู!!”
พวกนั้นพยายามขัดขืนแต่ไม่เป็นผล และไม่นานนัก เมื่อพวกมันเข้าไปในวงกลมเรียบร้อยแล้ว วงกลมนั้นก็โดนปิดไปในทันที
“เฮ้อ ส่งพวกมันไปที่ไหนหล่ะ??” โครวี่ถามยูจีนไป เหมือนกับว่าเขารู้ว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของยูจีน
“น่าจะขั้วโลกใต้เลยครับ” ยูจีนตอบไป
“เยี่ยม ตรวจสอบความเสียหายด้วย เสียเวลาชิบหาย” โครวี่พูดกับเลขาของเธอ ก่อนที่เขาจะเดินกลับเข้าไปในบ้านของเขาเพื่อทำงานต่อ โดยที่ยูจีนเองก็เดินตามไปด้วย
“คุณโครวี่ พวกมันคงไม่หยุดแค่นี้แน่ และที่มันส่งพวกเยเกอร์มา พวกมันคงกะจะเอาจริงแล้วหล่ะ” ยูจีนพูดขึ้น
“แล้วยังไงหล่ะ ฉันไม่กลัวพวกมันหรอก ให้พวกมันมาเลย สงสัยฉันคงต้องตุนกระสุนทองแดงหน่อยแล้วหล่ะ” โครวี่พูดขึ้น จากนั้นเขาก็นั่งที่โต๊ะทำงานของเขาต่อ
“ฉันจะซื้อพื้นที่ที่เอเชียใต้เลย เดี๋ยวต้องหาเลขาจัดหานายหน้าหน่อย” โครวี่พูดขึ้น
“ถ้างั้นผมขอตัวนะ” ยูจีนบอกกับโครวี่
ณ บ้านพักหลังหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย บ้านพักธรรมดาในย่านชนชั้นกลางของสหรัฐ บ้านพักของโสนและมอล ที่พวกเขาทั้งคู่ตัดสินใจว่าจะใช้หลบภัยการตามล่าของทางการ ที่ตามล่าผู้ใช้เวทย์ ในวันนั้นตัวของโสนกำลังทำอาหารให้กับมอล ส่วนตัวของมอลเองก็กำลังนั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร และกำลังนั่งตรวจสอบปืนพก Glock บนโต๊ะอาหารของเขา ไม่นานนัก โสนก็เอาอาหารมาวางไว้ที่โต๊ะในทันที
“โห เล่นปืนเลยเหรอ??” โสนถามอย่างแปลกใจ
“ใส่ กระสุนทองแดง น่าจะพอช่วยได้ เดี๋ยววางๆผมจะหาให้คุณอีกกระบอก” มอลตอบไป
“ฉันไม่ค่อยอยากใช้ปืนเท่าไหร่หรอก” โสนพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะรินน้ำใส่แก้วให้มอล
“ยังไงวันนึงเราก็ต้องเจอ” มอลพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะรีบเก็บปืนใส่กล่อง จากนั้นก็เอากล่องนั้นวางไว้ข้างๆตัวเขา
“ตั้งแต่เหตุการณ์ที่สนามบิน เราก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อน” มอลพูดขึ้น
“เฮ้อ ไม่รู้พวกมันจะจงเกลียดจงชังอะไรพวกเรานักหนานะ??” โสนพูดขึ้น ก่อนกันนั้นก็ตักข้าวให้กับมอล
“พวกนั้นคงต้องการกำจัดทุกคนที่จะเป็นภัยกับพวกมันหน่ะ” มอลตอบไป
“เฮ้อ ช่างมันเถอะ เรากินกันก่อนดีกว่า” โสนพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะเคลื่อนจานอาหารจานหนึ่งให้กับมอล
“กินสิ เห็นบอกว่าอยากกินมานานแล้วนี่” โสนบอกกับมอลไป มอลเองก็รีบตักอาหารไว้ในจานข้าว ก่อนที่จะทานมันพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ
ณ อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย หลังจากที่ตัวของโรเบิร์ตจัดการกับกลุ่มชุดคลุมขาวที่ตามล่าเขาได้สำเร็จ ในวันนี้ตัวของเขาเองก็มีงานชิ้นหนึ่งต้องทำ เขาเปิดคอมพิวเตอร์และล็อคอินระบบเข้ากับเว็บไซต์ของสำนักงานตำรวจ และเข้าถึงข้อมูล
“ไหน ขอดูแกหน่อยสิ” โรเบิร์ตพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก เขาจะเจอกับข้อมูลของตำรวจคนหนึ่งเข้า เขาเป็นตำรวจยศจ่าคนหนึ่ง ชื่อเอ็มเมอร์
“อ้อ ต้องเริ่มจากมันก่อนสินะ” โรเบิร์ตพูดขึ้น เขาลองหาข้อมูลกับคนอื่นๆที่เชื่อมโยงกัน ทำให้เขาได้เจอกับประวัติของตำรวจอีกประมาณ 3 คนที่มีส่วนเอี่ยวกับเรื่องนี้
“อืม เก็บไว้หน่อยดีกว่า” โรเบิร์ตพูดขึ้น แต่สิ่งที่เขาเจออีก ก็คือประวัติของตำรวจที่เคยถูกให้ออกจากราชการ จนกระทั่ง เขาก็สะดุดใจกับตำรวจคนหนึ่ง
“เคนนี่ จิน..”
“ข้อหา มีนอกมีในกับผู้ต้องหาผู้ใช้เวทย์..”
“เป็นคนเดียวที่รอดจากการจับกุม..”
“เอ๊ะ เพิ่งออกจากราชการไม่ถึงเดือนเองนี่หว่า” โรเบิร์ตพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะรีบเก็บข้อมูลของเคนนี่เผื่อว่ามันจะเป้นประโยชน์ และในตอนนั้นเอง
“ก๊อกๆๆ”
โรเบิร์ตเองรีบชักปืนลูกโม่ออกมา ก่อนที่เขาจะค่อยๆย่องไปที่หน้าประตู จากนั้นก็เดินไปส่องที่รูมองหน้าประตู ก็พบว่าเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง โรเบิร์ตรีบเปิดประตูในทันที
“พี่ครับ นี่ของครับ” เด็กหนุ่มคนนั้นพูดขึ้น แล้วก็ยื่นซองอะไรบางอย่างให้โรเบิร์ต โรเบิร์ตเองรีบหยิบมา จากนั้นก็ปิดประตู เขาใช้มีดพกของเขาเปิดซองออกมา และไม่นานนัก ข้างในเขาก็พบว่ามีกระดาษสองสามแผ่น เขาหยิบออกมาดู พบว่ามันเป็นรูปของชายคนหนึ่ง ซึ่งเหมือนกับว่าโดนแอบถ่าย โรเบิร์ตเห็นชายคนนั้นก็ถึงกับโมโหมาก
“กูเจอมึงแล้ว ไอ้ระยำ” โรเบิร์ตพูดออกมาอย่างโกรธแค้น ก่อนที่เขาจะเอากระดาษสามแผ่นนั้นติดไว้กับกระดานไวท์บอร์ดในห้อง ราวกับว่าเขาคิดจะเก็บชายคนนั้น
“คงต้องไปคุยกับไอ้จ่าเอ็มเมอร์หน่อยหล่ะ” โรเบิร์ตพูดขึ้น
กลับมายังค่ายมวยของเวโรนิก้า หลังจากที่กลุ่มของเคนนี่อยู่และฝึกฝนวิชามวยที่นั่น จนตกเย็น ในวันนี้ตัวของเคนนี่เองก็กำลังนั่งคุยกับพรรคพวกของเขาอยู่ในห้องพัก แต่ในขณะเดียวกัน เวโรนิก้าก็เดินเข้ามาในห้อง เนื่องจากว่าประตูไม่ได้ล็อค ทุกคนมองเวโรนิก้าเป็นตาเดียว
“เฮ้ จะไปไหนกันเหรอ??”
“เออ เธอเข้ามาได้ไงอ่ะ??” เคนนี่ถามอย่างตกใจ
“ก็พวกนายไม่ได้ล็อคประตูนี่หว่า จะออกไปไหนกันเหรอ เห็นคุยกัน??” เวโรนิก้าถามกลับ พวกของเคนนี่หันมองหน้ากันซักพัก จากนั้นก็พูดขึ้น
“เราจะไปที่คลับเมดูซ่า เธอรู้จักหรือเปล่า??” เคนนี่ถามไป
“รู้สิ พวกนายอยากไปเที่ยวกันเหรอ โคตรหรูเลยนะที่นั่น??”
“เปล่าหรอก พวกเรามีงานต้องทำ เราต้องไปจับคนเค้นความลับหน่ะ” ซิลเวสเตอร์ตอบไป
“โห เล่นแรงนะเนี่ย แล้วมันหน่ะใครหล่ะ??” เวโรนิก้าถามไป
“เขาชื่อว่าจ่าเอ็มเมอร์ เราสืบเรื่องของเขามานาน เขามีส่วนในการทุจริตและความวุ่นวายที่กำลังเกิดในตอนนี้ครับ” วอลตอบกลับ
“ใช่แล้วหล่ะ สหายข้าอยากจะคุยกับเขานิดหน่อย เขาเองก็เคยร่วมงานกับตำรวจผู้นั้น” ไปจื่อพูดเสริม
“เฮ้ แต่คนอย่างจ่าเอ็มเมอร์ไม่ใช่คนที่จะลูบคมง่ายๆนะ พวกนายเอาจริงเหรอ??” เวโรนิก้าถามไป
“ไม่ต้องห่วง ฉันรู้จักมันดี ถึงยังไงฉันได้เจอมันแน่ เธอจะไปด้วยหรือเปล่าหล่ะ??” เคนนี่ถามไป และมีเหรอที่เวโรนิก้าจะปฏิเสธ
================================================================
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมกันเน้อ
ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ
https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย
ให้ของขวัญเป็นกำลังใจกันได้ครัช ไหว้หล่ะ
ความคิดเห็น