NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Warden - นรกส่งมาฆ่า [ปิดรับสมัครตัวละคร]

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 2 : เพื่อนร่วมงานที่คุ้นเคย

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.พ. 67


    ณ ถนนเส้นหนึ่งในย่านซานฟราน รถของโฮเชนขับมาเรื่อยๆ ตามถนน โดยที่ตัวของเขามีเป้าหมายอยู่ในใจอยู่แล้ว

    “นี่ลุง จะพาผมไปไหนเนี่ย แล้วลุงรู้ได้ไงว่าผมมาที่นี่??” จินถามเขาไป

    “มีคอนโดอยู่ เราจะไปกบดานที่นั่นก่อน อีกอย่างตอนเนี่ย ทุกคนรู้กันหมดแล้วว่านายมา มีแต่คนจับตานายอยู่ แค่ลุงมารับนาย ก็โคตรเสี่ยงพอแล้ว นายไม่ได้ลบข้อมูลตัวตนแบบฉันนี่” โฮเชนตอบกลับไป

    “อ่า นึกว่าผมจะต้องหาเช่าโรงแรมเองแล้วซะอีก นี่ผมต้องขอบคุณลุงมั้ยเนี่ย แล้วนี่ ลุงไปทำไรมา ทำไมอู้ฟู่จัง??” จินถามเขาไป

    “ไม่มีอะไรหรอก สปอนเซอร์ดีหว่ะ ว่าแต่เอ็งเถอะ มาทำไรที่นี่วะ??” โฮเชนถามไป

    “ถ้าให้พูดย่อๆ ผมกำลังตามล่าเครือข่ายตัดต่อและส่งคลิปโป๊ของพวกดารา คนดัง พวกไอดอล ที่เอาไปขายทั่วโลก และผมได้ข้อมูลมาว่ามันเกี่ยวข้องกับไอ้เดวิด ลูกชายประธานาธิบดีคนก่อนหน่ะ” จินตอบไป ในตอนนั้นเองโฮเชนก็ถึงกับนิ่งไป

    “อะไรลุง จะไม่ช่วยก็ได้นะ แต่อย่ามาขวางผมก็พอ” จินพูดต่อ

    “เปล่า แต่ลุงว่าเอ็งต้องมีเส้นสายกับแบ็คอัพที่ดีโคตรๆเลยหว่ะ ถ้าจะจัดการกับมันได้ ลุงได้ข่าวมาว่าตอนนี้ไอ้เดวิด มันเป็นลูกบุญธรรมของอิไลด้วย” โฮเชนตอบไป

    “อิไล อ้อ ผู้อำนวยการสูงสุด Warden สินะ ผมเคยปฏิเสธเขาไปทีนึง เรื่องไปอยู่ในสังกัดเขา” จินตอบไป

    “เออ ถึงบอกไง ถ้าเอ็งจะเล่นงานไอ้เดวิด ลุงว่าเอ็งต้องจัดการพวกที่อยู่รายล้อมมันก่อนดีกว่า” โฮเชนตอบไป พวกเขาเดินทางมาเรื่อยๆ จนมาถึงโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโรงแรมหรูไม่กี่แห่งที่อยู่ในเขตนั้น โฮเชนขับรถเข้าไปในโรงแรม จอดรถเอาไว้แถวนั้น ก่อนที่จะพาจินออกจากรถ และขึ้นลิฟต์ในทันที และเมื่อมาถึงชั้น 15 พวกเขาก็เจอกับเส้นทางที่เชื่อมต่อไปยังห้องหลายห้อง แต่บริเวณนั้นดูเงียบมาก โฮเชนหยิบเอากุญแจดอกนึงให้จินไป

    “ของเอ็งห้องนี้ อย่าทำรกหล่ะ โจนาธานเขาจะด่าเอา”

    “ใครวะลุง??” จินถามกลับไป

    “ก็ หุ้นส่วนหน่ะ เก็บของเสร็จแล้วมาที่ห้องลุงหน่อยนะ” โฮเชนพูดขึ้น จินเองมองเลขที่อยู่บนกุญแจของเขา จากนั้นเขาก็เดินไปที่หน้าห้องและไขกุญแจ เมื่อเปิดเข้ามา จินพบว่าในห้องพักของเขานั้นหรูหรามาก แต่จินก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก เขาโยนกระเป๋าลงบนเตียง แล้วก็ออกมาจากห้องเพื่อไปห้องโฮเชน โฮเชนเองเปิดประตูรับจินเข้ามาข้างใน ก่อนที่ตัวของจินจะไปนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งในห้อง

    “มีอะไรจะคุยกับผมหรือเปล่าลุง??” จินถามเขาไป

    “อยากแนะนำให้รู้จักหุ้นส่วนลุงหน่อยหน่ะ ตอนนี้พวกนั้นพร้อมแล้ว” โฮเชนพูดขึ้น ก่อนที่ตัวของเขาจะเปิดคอมขึ้นมา แล้วก็เริ่มประชุมสายเพื่อพูดคุย โดยที่ทุกคนที่เกี่ยวข้องก็มากันพร้อมแล้ว

    “สวัสดีทุกคน” โฮเชนเป็นคนเริ่มทักทายทุกคน

    “คุณโฮเชน ที่แคลิฟอร์เนียเป็นยังไงบ้างคะ??” ชิเอลทักทายขึ้นมาก่อน

    “ก็โอเค ลุงพาคนมาให้รู้จักหน่ะ หมอนี่จิน Warden อีกคน” โฮเชนพูดขึ้น

    “อ้อ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” ไมเคิลพูดขึ้นมาเพื่อทักทายกับจิน

    “เสียงคุ้นๆแหะ ไมเคิลเหรอ นี่นายก็ร่วมงานกับตาลุงนี่เหรอ??” จินถามไป

    “ใช่ เขาทำงานกับฉันเอง สวัสดี ฉันโจนาธาน ปาร์ค ฉันเป็นประธานบริษัท J&P หน่ะ” โจนาธานพูดขึ้นมา

    “J&P โห นี่คุณคือประธาน J&P จริงๆเหรอ??” จินถามไปบ้าง

    “ไอ้หนุ่ม ตาแก่คนนี้ชื่อเจสัน ได้ยินว่านายเป็น Warden ด้วย นายมาทำอะไรที่นี่หล่ะ??” เจสันถามไป 

    “ผมมาเพื่อตามกวาดล้างเครือข่ายของไอ้เดวิด ลูกประธานาธิบดีคนก่อนหน่ะครับ” จินตอบไป ในตอนนั้นเจสันถึงกับนิ่งไปเลย แล้วพูดขึ้นมา

    “เฮ้ย นี่ มาถึงก็จะเล่นใหญ่เลยเหรอ??” เจสันถามอย่างแปลกใจ

    “แต่ไอ้เดวิดตอนนี้มันก็เป็นลูกบุญธรรมของอิไล แถมยังมีเอี่ยวกับงานทุจริตอีกเป็นหางว่าวเลย ตั้งแต่ยุคพ่อมันแล้ว เราน่าจะร่วมมือกันได้” โฮเชนตอบไป

    “เฮ้ย จิน นายพอจะมีข้อมูลที่นายมีหรือเปล่า??” ไมเคิลถามไป ตัวของจินตอนนั้นก็เอาโทรศัพท์ของเขายื่นให้โฮเชน โฮเชนเองรีบเชื่อมต่อมันกับคอม จากนั้นก็โอนถ่ายข้อมูลที่มีให้กับไมเคิลในทันที

    “ไมเคิลเป็นสายในองค์กร Warden หน่ะ” โฮเชนตอบจิน และไม่นานนัก ไมเคิลเองก็ได้ข้อมูลมาเรียบร้อยแล้ว

    “แล้วนี่ คุณโฮเชนจะกลับมาเมื่อไหร่คะ??” ชิเอลถามเขาไป

    “น่าจะพรุ่งนี้หล่ะ ลุงจะให้จินไปตั้งหลักที่ฝั่งตะวันออกก่อน” โฮเชนพูดขึ้น ตอนนั้นเองจินก็หันหน้าไปมองโฮเชน

    “ไม่ต้องห่วง เชื่อหัวลุงสิ” โฮเชนพูดขึ้นและตบท้องของจินไป

    “อืม ยังไงก็รีบกลับมาแล้วกัน ฉันอยากทำความรู้จักกับเพื่อนลุงหน่อย” โจนาธานบอกไป

    “แล้วนี่ พวกคุณอยู่ที่ไหนกันเหรอ??” จินถามทุกคนไปบ้าง

    “พวกเราอยู่ฝั่งตะวันออก รู้แค่นั้นหล่ะ” โจนาธานตอบไป และในตอนนั้นเอง ไมเคิลก็พูดแทรกขึ้นมา

    “เฮ้ย จิน นายมีปัญหาแล้วหว่ะ ฉันลองเช็คข่าวในองค์กร มีคนส่งคนไปเล่นงานนายแล้วหว่ะ ตอนนี้ฉันกำลังหาข้อมูลอยู่ว่าใครทำ” ไมเคิลพูดขึ้น แต่ตอนนั้นดูเหมือนจินจะไม่ค่อยยินดียินร้ายเท่าไหร่

    “เออ ฉันว่าเราน่าจะต้องรีบไปแล้วหล่ะ นายยังพอไหวหรือเปล่า??” โฮเชนถามจินไป

    “ผมได้หมดอ่ะตอนนี้” จินตอบไป ก่อนที่ไม่นานนัก โทรศัพท์ของโรงแรมจะดังขึ้น โฮเชนรีบวิ่งไปรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว

    “ตอนนี้มีกลุ่มคนกำลังบุกค้นทุกห้องในโรงแรมค่ะ คุณลูกค้าระวังตัวด้วยนะคะ ตอนนี้ตำรวจกำลังมาค่ะ” ในตอนนั้นแม่บ้านพูดจบก็วางสายไป

    “ทุกคน แค่นี้ก่อนนะ” โฮเชนพูดจบก็ตัดการสนทนาทั้งหมดไป จากนั้นตัวของเขาก็รีบเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าตู้หนึ่ง จากนั้นเขาก็หยิบปืนพก 1911 กระบอกหนึ่งออกมา แล้วโยนให้จิน

    “หมับ!!” 

    “ของเดิมผมนี่หว่า” จินพูดขึ้น

    “เออ ปรับแต่งแล้ว กระสุนเจาะเกราะพิเศษ” โฮเชนพูดจากนั้นก็หยิบเอากระสุนให้กับจินอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้นก็เอาเสื้อกั๊กสนามตัวหนึ่งให้กับจินด้วย จินเองรีบสวมมันอย่างรวดเร็ว ส่วนตัวของโฮเชนก็หยิบเอาปืนพก SIG รุ่นปรับแต่งกระบอกหนึ่งออกมา

    “ยังใช้กระบอกเดิมอีกเหรอลุง??” จินถามเขาไป

    “ก็เหมือนเอ็งนั่นหล่ะ” โฮเชนตอบไป

    “แล้วแผนว่าไงหล่ะลุง??” จินถามไป

    “เราจะไปสกัดมันเอาไว้ ลุงจะไม่ยอมให้พวกมันมาถึงห้องนี้หรอก” โฮเชนตอบไป

    “งั้นเราแยกกันไปคนละฝั่งนะลุง” จินพูดขึ้น

    “เออ เอานี่ไปด้วย” โฮเชนพูดและโยนมีดเล่มหนึ่งให้กับจินด้วย

    “อ้อ Just Like Old Time สินะ” จินพูดขึ้น

    “โอเค ถ้าจบเรื่องแล้วก็มาเจอกันที่นี่หล่ะ” โฮเชนบอกจินไป

    “ก็อาจจะนะลุง” จินพูดขึ้นจากนั้นก็ขึ้นลำปืนของเขา จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ค่อยๆออกจากห้อง ก่อนที่จะมองไปทางซ้ายและขวาเพื่อสังเกตการณ์

    “โอเค ลุงไปด้านโน่นเลย” จินพูดกับโฮเชน ก่อนที่พวกเขาจะแยกกันไป โดยเฉพาะตัวของจิน เขาเองค่อยๆย่องไปยังหน้าบันได ซึ่งตัวของเขาจับความเคลื่อนไหวอะไรบางอย่างได้

    “โห มาเป็นสิบเลยแหะ” จินพูดขึ้น จากนั้นเขาก็หยิบระเบิดแสงออกมา ในขณะที่พวกมันก็เริ่มเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ จินสังเกตเห็นชุดของพวกมันนิดหน่อย พบว่ามันใส่ทุกอย่างที่มีมาครบมือมากๆ 

    “นึกถึงวันวาน” จินพูดขึ้น จากนั้นเมื่อแถวหน้าเดินมาใกล้จะถึงเขาแล้ว เขาก็หย่อนระเบิดแสงลงไปในทันที

    “ตู้ม!!”

     

    กลับมายังบ้านพักของเดวิดในเวกัส ในตอนนั้นตัวของเดวิดกำลังนั่งสูบยาเพื่อคลายเครียด หลังจากที่ตัวของเขาต้องสูญเสียคนที่คอยส่งคลิปให้เขา ในขณะเดียวกัน ลูกน้องของเขาก็รีบเดินกลับมาหาเขาด้วย

    “เดวิด ตอนนี้บรรดาลูกค้าของเรากำลังระส่ำเลยหว่ะ ในกลุ่มลับที่เราสร้าง คนแม่งก็ทยอยหนีด้วย” เดวิดได้ยินในตอนนั้นก็ตกใจมาก เขารีบลุกขึ้นในทันที

    “เฮ้ย ทำไมกันวะ มันเกิดอะไรขึ้น??” เดวิดถามไป

    “ฉันก็พยายามสืบอยู่ แต่มีข่าวมาว่าตั้งแต่พวกผู้ดูแลกลุ่มโดนเก็บ สมาชิกคนอื่นๆก็ระส่ำกันหมดเลย”

    “ไอ้ห่าเอ้ย มันเป็นใครกันวะ เราส่งคนตามสืบได้หรือเปล่าว่ามันเป็นใคร??” เดวิดถามไป

    “ยังไม่รู้แน่เลย แต่ได้ยินมาว่า อาจจะเป็นไอ้ Little Devil หน่ะ” ทอดด์พูดขึ้น 

    “เฮ้ย ไอ้ Warden นั่นมันเกี่ยวอะไรด้วยวะ แกสืบมาผิดคนหรือเปล่า??” เดวิดถามในขณะที่กระชากคอเสื้อของทอดด์ ลูกน้องเขาไปด้วย

    “ตอนนี้กำลังสืบเพิ่มอยู่พี่ แต่ไอ้บ้านี่มันปกปิดตัวเองได้โคตรเนียนเลยพี่ เอาไว้ใจเย็นก่อนนะพี่” 

    “บ้าเอ้ย แล้วคนทำคลิปใหม่ หาได้หรือยัง??” เดวิดถามต่อ

    “กำลังหาอยู่พี่ ตอนนี้ไอ้เชงมันจัดการให้อยู่”

    “ไอ้เชงเหรอ ลูกค้าได้หายกันหมดแน่ รีบจัดการเลย” เดวิดบอกกับลูกน้องของเขาไป

     

    ณ คฤหาสน์ของอิไล ในวันนี้ตัวของเขาได้ทำการประชุมสายเพื่อพูดคุยกับเบลล่าและเสี่ยวหลาน Warden ที่ทำงานให้กับเขา ตัวของเขารอสายอยู่ซักพัก สถานะก็ขึ้น

    “Witch Login”

    “Red Lotus Login”

    “สวัสดี เบลล่า เสี่ยวหลาน” อิไลพูดทักทายพวกเธอทั้งคู่

    “สวัสดีค่ะท่านอิไล” เบลล่าทักทายเขาไป

    “สวัสดีค่ะ” เสี่ยวหลานพูดต่อ

    “เบลล่า งานที่เวเนซูเอล่าเป็นยังไงบ้าง??” อิไลถามไป

    “เรียบร้อยดีค่ะท่าน แต่กว่าจะหนีออกมาได้ก็สาหัสอยู่ค่ะ ดูเหมือนว่าตอนนี้รัฐบาลจะจับตามองคนต่างชาติเป็นพิเศษเลยค่ะ” เบลล่าตอบไป

    “อืม ฉันเข้าใจ ตั้งแต่ฝ่ายซ้ายเริ่มขึ้นมามีอำนาจ งานของพวกเราก็เริ่มจะยากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เราต้องเร่งแก้ไขมันด่วนเลย” อิไลพูดขึ้น

    “ว่าแต่ ท่านเรียกพวกเรามีอะไรหรือเปล่าคะ??” เสี่ยวหลานถามไป 

    “ตอนนี้พวกเธอต้องยกเลิกงานที่ฉันว่าก่อนหน้าไปก่อน ฉันอยากให้พวกเธอสองคนจับตาดู Warden คนหนึ่งหน่อย หมอนี่เป็นตัวอันตราย ฉันเคยทาบทามหมอนั่นให้มาอยู่ในสังกัดของฉัน แต่ฉันปฏิเสธไป ฉันจะส่งข้อมูลไป”

    เลขาของอิไลส่งข้อมูลไปให้กับพวกเธอทั้งคู่ ในตอนนั้นพวกเธอก็เปิดข้อมูลขึ้นมาดูในทันที

    “หมอนี่ชื่อจิน Codename มันคือ Little Devil หนึ่งใน 20 Warden ที่เก่งที่สุดที่เรามี และเอาจริงๆ หมอนี่อยู่ใน Top 10 ด้วย เขาเคยทำงานในลาว พม่า กัมพูชา และประเทศอาเซียน จนเขาขอกลับมาที่เมืองไทย แล้วหาเข้ากลีบเมฆ แต่จู่ๆ หมอนั่นก็กลับมาที่นี่ สายของเราบอกว่าตอนนี้เขาอยู่ซานฟรานแล้ว แต่ก็หายไปได้ยังไงไม่รู้ เรากำลังติดตามรถทุกคันที่ออกจากสนามบินอยู่” อิไลพูดร่ายยาวออกมา 

    “โห หนึ่งใน 20 เลยเหรอคะ แล้วท่านลองติดต่อกับคนอื่นหรือยังคะ??” เสี่ยวหลานถามไป

    “ฉันลองติดต่อไปแล้ว แต่ตอนนี้ Warden 20 คนก็เหลือแค่ไม่กี่คนแล้ว ส่วนใหญ่ตายหมด ที่ฉันเล็งตัวไว้อีกคนมีโค้ดเนมว่ามัจจุราช แต่มันก็หายตัวไปเลย” อิไลตอบไป ในตอนนั้นเบลล่าเองที่เห็นรูปของจินก็เริ่มเอาลิ้นเลียริมฝีปากของเธอ

    “อู้ว หมอนี่สเปคฉันเลยแหะ เขาบอกว่าคนเอเชียลีลาดีนะ” เบลล่าพูดขึ้น

    “เออ ใจเย็นนะคะคุณเบลล่า เราแค่ต้องจับตามองเขานะคะ” เสี่ยวหลานพูดปรามไป

    “ฉันจะทำยิ่งกว่าตามเขาอีก” เบลล่าตอบไป

    “ฉันอยากดึงหมอนี่มาร่วมงานด้วย ถ้าเป็นไปได้ แต่เบื้องต้นฉันอยากให้พวกเธอติดตามดู ว่าหมอนี่มาเพื่ออะไรกันแน่” อิไลบอกกับทั้งคู่ไป

    “รับทราบค่ะ ฉันจะรีบหาตัวเขาเอง” เบลล่าบอกไป 

    “ฉันเองก็จะรีบเหมือนกันค่ะ” เสี่ยวหลานพูดเสริมไป

    “ดี ตอนนี้ฉันกำลังให้สายตามหาตัวเขาในซานฟรานอยู่..” ในตอนนั้นอิไลยังพูดไม่ทันจบ ในตอนนั้นเลขาของเขาก็รีบรายงานอะไรบางอย่างกับเขา

    “ท่านคะ เกิดความวุ่นวายที่ซานฟรานค่ะ โรงแรมรอยัลปริ้น มีกองกำลังปริศนาบุกเข้าไปในโรงแรม ข่าวมาว่ามีเสียงปืนด้วยค่ะ” เลขาของเขาพูดขึ้น

    “อะไรกัน มาถึงนี่ก็ป่วนเลยเหรอ??” อิไลถามไป

    “เออ นั่นคนของพวกเราหรือเปล่าคะ??” เสี่ยวหลานถามไป

    “ไม่ ผมยังไม่ด้สั่งอะไรเลยนะ??” อิไลถามไป

    “อาจจะเป็นพวกรับจ้างก็ได้ ฉันจะไปสืบเองค่ะ” เบลล่าตอบไป

    “ดี แจ้งผมด้วยว่าฝีมือใคร” อิไลตอบไป

    “ท่านคะ พวกมันส่งคนไประลอกสองแล้วค่ะ” เลขาของเธอเมื่อได้รับข้อมูลเพิ่มก็รายงานอิไลไป

    “เดี๋ยวนะ ต้องโจมตีสองระลอกเลยเหรอ แปลว่าน่าจะงานหินเลยนะคะ” เสี่ยวหลานพูดขึ้น

    “ฉันว่าต้องเป็นเขาไม่ผิดแน่ค่ะ” เบลล่าพูดเสริม

    “บ้าเอ้ย มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย พวกเธอสองคนรีบไปดูเลย แล้วมารายงานฉันด้วย เลิกกัน” อิไลพูดจบก็รีบตัดสายไป ก่อนกันนั้นตัวของเขาก็กลับมานั่งที่เก้าอี้ของเขา จากนั้นเลขาก็ลุกขึ้นมาและรินแชมเปญให้เขาต่อ

    “อาจจะเป็นฝีมือของมือที่สามก็ได้นะคะ” เลขาบอกไป

    “เป็นไปได้ ฉันอยากรู้ว่าฝีมือใคร” อิไลพูดขึ้น 

    “แล้วท่านจะไปเยี่ยมคุณหนูเดวิดหรือเปล่าคะ??” 

    “เอาไว้ฉันว่างๆก่อนแล้วกัน” อิไลตอบไป และในตอนนั้นเอง บอดี้การ์ดของอิไลคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้อง จากนั้นก็รายงานสถานการณ์กับเขา

    “เฮ้ย แกแน่ใจนะ??” อิไลถามเขาไป

    “แน่ใจครับ พวก AoL มันมาถึงฝั่งตะวันออกแล้วครับ”

    “ฝั่งตะวันออก นั่นมันเขตของลูซินดานี่” อิไลพูดขึ้นพลางทำท่าคิดไปด้วย

    “ผมว่า ถ้าสองฝ่ายนั้นรบกัน มันอาจจะเป็นผลดีกับเรานะครับ” ลูกน้องของเขาพูดขึ้น

    “แล้วถ้าเกิดว่าพวกมันเกิดไปร่วมมือกันหล่ะ??” อิไลถามไป 

    “แต่ว่า พวกมันจะยอมร่วมมือกันเหรอครับ??” ลูกน้องของเขาถามต่อ

    “ตอนนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ ฉันจะไม่ยอมให้มีอะไรพลาดอีก กว่าฉันจะรวบรวมฝั่งตะวันตกได้ ฉันเสียไปเยอะแค่ไหน เราต้องจัดการพวกมันทั้งสองฝ่ายพร้อมกันเลย” อิไลพูดขึ้น

    “ครับ ผมจะรีบจัดการครับ”

    “เออ แล้วตัวเดนิสอีก มีแผนอะไรจะจัดการมันมั้ย??” อิไลถามไป

    “ท่านไม่ต้องห่วงนะครับ ตอนนี้สภาคองเกรสอยู่ในมือของเราแล้ว ยังไงมันไม่รอดจากน้ำมือพวกเราแน่นอนครับ” ลูกน้องของเขาตอบไป

    “เออ ขอให้จริง” อิไลตอบ จากนั้นก็ดื่มแชมเปญของเขาไปด้วย

     

    กลับมายังฐานที่มั่นของกองกำลัง The Malist ของมอเร็น ในตอนนี้ตัวของมอเร็นกำลังวางแผนสำหรับการก่อการครั้งใหม่ของเขา เขามารวมตัวกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ จากนั้นก็เริ่มคุยกันในทันที

    “เอาหล่ะ ตอนนี้ที่มิชิแกนเตรียมพร้อมไปถึงไหนแล้ว??” มอเร็นถามไป

    “เราบุกเข้าไปที่ศาลากลาง จัดการฆ่าพวกมัน แล้วหนีออกมาเรียบร้อยแล้วครับ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งตอบไป

    “อืม ตอนนี้ซ่อนตัวไว้ให้ดี รอจู่โจมเจ้าหน้าที่ บั่นทอนกำลังพวกมันไป” มอเร็นตอบไป พวกเขาคุยกันไปเรื่อยๆ และไม่นานนัก เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็รีบเดินเข้ามาหาเขา จากนั้นก็ยื่นเอกสารให้กับมอเร็น

    “ลูกพี่ครับ นี่เป็นประวัติเบื้องต้นของมัน ได้ยินว่ามันเป็น Warden ครับ” ลูกน้องของเขาพูดขึ้น มอเร็นที่ได้เห็นประวัติเบื้องต้นก็แปลกใจมาก

    “จินเหรอ??”

    “มันเป็นใครครับท่าน??” 

    “มันเป็นมือดีของ Warden ฝีมือมันฉกาจมาก ฉันเคยตามหาตัวเขา อยากให้หมอนั่นมาร่วมองค์กรด้วย แต่หมอนั่นก็หายเข้ากลีบเมฆ แล้วจู่ๆ มันก็โผล่มาเนี่ยนะ??” มอเร็นถามไป

    “หรือว่า มันอาจจะกลับมาทำงานให้องค์กรครับ??” ลูกน้องของเขาถามไป

    “ไม่รู้สิ แต่จับตาดูมันไว้ก่อนแล้วกัน” มอเร็นตอบไป

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในซานฟราน เอเวอลีนขับรถกระบะคันเก่าๆ เดินทางมาตามถนนในซานฟราน เธอพยายามตามรอยหาข้อมูลที่เธอได้รับมา แต่ดูเหมือนจะหาตัวเป้าหมายไม่เจอเลย

    “ฮัลโหล ตอนนี้ฉันยังไม่เจอเป้าหมายเลย” เอเวอลีนคุยโทรศัพท์กับใครบางคน

    “ค่ะ เราเองก็กำลังตามหาอยู่ค่ะ” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งตอบกลับไป และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆ ก็มีข่าววิทยุแทรกขึ้นมาในระหว่างที่เธอกำลังคุยโทรศัพท์

    “เกิดเหตุบุกยิงกันที่โรงแรมรอยัลปริ้น ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังเดินทางไป..”

    “อะไรกัน บุกยิงเหรอ??” เอเวอลีนถามไป

    “เออ เราเพิ่งได้รับข้อมูลมาใหม่ เราเชื่อว่าเป้าหมายอยู่ที่โรงแรมนั้นค่ะ”

    “ก็พอจะเดาได้” เอเวอลีนตอบไป ก่อนที่ในตอนนั้น รถตำรวจและรถหน่วยสวาทจะพากันขับแซงรถของเธอไปอย่างรวดเร็ว

    “โห ท่าทางจะมากันเยอะเลยนะเนี่ย” เอเวอลีนพูดขึ้น

    “ยังไงก็รีบไปดูหน่อยนะคะ” 

    “ไม่บอกก็รู้ เอาไว้ฉันจะรีบติดต่อไป” เอเวอลีนพูดจบก็ตัดสาย จากนั้นเธอก็เร่งเครื่องเพื่อตามรถตำรวจพวกนั้นไป แต่เธอก็ไม่อยากใกล้ตำรวจมาก เพราะในรถของเธอก็มีปืนอยู่

    “อีกไกลมั้ยเนี่ย??” เอเวอลีนพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็ลองเช็คแผนที่ดู 

    “อืม ไม่ไกลเท่าไหร่” เอเวอลีนที่ลองเช็คดูก็พูดขึ้น และไม่นานนัก เธอก็มาถึงพื้นที่โรงแรมจนได้ ตอนนี้มีทั้งคนมามุงดูสถานการณ์ รวมถึงตำรวจที่เริ่มมาล้อมพื้นที่เอาไว้ 

    “โห ตำรวจเยอะจริงแหะ” เอเวอลีนพูดขึ้น ตัวของเธอจอดรถไว้แถวนั้น จากนั้นก็ดูสถานการณ์อยู่ด้านนอก แต่ในตอนนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูรถของเธอดังขึ้น ปรากฏว่าเป็นตำรวจ เธอเปิดกระจกรถในทันที

    “คุณ ย้ายรถหน่อยได้หรือเปล่าครับ??”

    “ย้ายไปไหนคะ??” เอเวอลีนถามไป

    “ไปด้านโน่นก็ได้ครับ” ตำรวจตอบไป เอเวอลีนพยักหน้าจากนั้นก็รีบออกรถไปในทันที

    “เฮ้อ ถ้าไม่ติดว่าต้องทำงานนะ” เอเวอลีนพูดขึ้น ก่อนที่เธอจะขับรถไปจอดด้านอื่น ในขณะที่พวกตำรวจเองก็เริ่มทยอยกันเข้าไปในโรงแรมแล้ว

     

    และอีกด้านหนึ่งของโรงแรม รถ SUV ปริศนาคันหนึ่งกำลังจอดอยู่บริเวณโรงแรมเหมือนกัน ด้านในรถ นิโคลที่เพิ่งจะเดินทางมาถึง ก็กำลังเอนหลังนอนบนรถเพื่อพักผ่อน แต่ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เธอรีบรับสายในทันที

    “ฮัลโหล??”

    “นิโคล เป็นยังไงบ้าง??”

    “คริสเตียนเหรอ มีอะไรหล่ะ??” นิโคลถามไป

    “ตอนนี้เจอตัวมันหรือยัง??”

    “มีข่าวมาว่ามันน่าจะกบดานในโรงแรมที่ฉันกำลังจับตา แต่ตอนนี้ตำรวจเข้าไปเต็มเลย” นิโคลตอบไป

    “เธอพอจะแอบเข้าไปได้หรือเปล่า??” คริสเตียนถามไป

    “มันเสี่ยงนะ อีกอย่าง ถ้ามันหนีสวนออกมา ฉันก็หมดโอกาสตามมันอีก” นิโคลพูดปรามไป

    “เอาน่า ฉันรู้ว่าเธอหนีออกมาได้อยู่แล้ว เข้าไปแป๊ปเดียวเอง” คริสเตียนพูดขึ้น

    “เฮ้อ นายนี่นะ” นิโคลพูดอย่างเซงๆ ก่อนที่เธอจะใส่หน้ากากปิดหน้าของเธอเอาไว้ จากนั้นเธอก็หยิบเอาปืน Glock18C ระบบ Full Auto ออกมา จากนั้นเธอก็สวมเสื้อโค้ดปกปิดตัวเองเอาไว้ จากนั้นก็ลงจากรถในทันที

    “ปังๆๆๆๆๆๆ!!”

    “โอโห ท่าจะหนักจริงแหะ” นิโคลพูดขึ้น ก่อนที่เธอจะเข้าไปยังประตูด้านหลังโรงแรมและค่อยฝ่าฝูงชนเข้าไป

     

    ณ ทำเนียบขาว แหล่งพำนักของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ตัวของเดนิสที่เพิ่งจะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีหมาดๆ แต่ดูเหมือนว่าเธอมีงานมากมายที่ต้องสะสาง ในขณะที่เธอกำลังนั่งตรวจสอบเอกสารที่โต๊ะ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องของเธอ

    “ท่านคะ ไม่มีใครดักฟังนะคะ??” เลขาของเธอถามไป

    “ไม่หรอก ฉันลองตรวจเช็คแล้ว” เดนิสตอบไป และไม่นานนัก เลขาของเธอก็รีบเอาแฟ้มอะไรบางอย่างให้เธอในทันที

    “นี่แฟ้มข้อมูลที่ท่านขอค่ะ” เลขาของเธอพูดขึ้น จากนั้นเธอก็ยื่นให้กับเดนิสในทันที 

    “แฟ้มข้อมูลของ Little Devil สินะ เสียดายที่ฉันไม่ได้อยู่ใน Warden แล้ว เลยเอาออกมาไม่ได้” เดนิสพูดขึ้น จากนั้นเธอก็ลองเช็คประวัติของเขา

    “นายนัฐวัฒน์ มีชัย..”

    “สังหารสมาชิกระดับสูงพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม..”

    “จัดการแก๊งที่ทำงานให้รัฐบาลกัมพูชา..”

    “สังหารรองประธานาธิบดีลาว..”

    “อืม ประวัติหมอนี่ไม่ใช่เล่นๆเลยแหะ มีแต่งานใหญ่ๆทั้งนั้น” เดนิสพูดขึ้น

    “ค่ะ เขาเกือบจะได้อยู่ในสังกัดของอิไลด้วย แต่เขาปฏิเสธไป เขาขอกลับบ้านของเขาในเมืองไทย จากนั้น เขาก็หายตัวไปเงียบๆเลยค่ะ” เลขาของเธอตอบไป

    “อืม แล้วตอนนี้หมอนี่อยู่ที่ไหนกันหล่ะ??” เดนิสถามไป

    “ข่าวล่าสุดมีคนพบเขาที่สนามบินนานาชาติที่ฝั่งตะวันตก แต่จู่ๆ เขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเลยค่ะ” 

    “อืม ตามหาเขา ฉันอยากรู้ว่าเขาจะทำอะไร ว่าแต่ วันนี้มีอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า??” เดนิสถามไป

    “อ้อ มีข่าวมาว่าตอนนี้อิไล กำลังระดมคนเตรียมโจมตีฝั่งตะวันออกค่ะ” 

    “เฮ้อ ไม่อยากเชื่อว่าจะเร็วขนาดนี้ ตอนนี้แจ้งเรื่องไปหาไอบีเรียหรือยัง??” เดนิสถามไป

    “ตอนนี้เธอแจ้งมาว่ากำลังจับตาสถานการณ์การปะทะที่กำลังจะเกิดขึ้นในฝั่งตะวันออกค่ะ”

    “อืม บอกเธอด้วยว่าตอนนี้เคลื่อนไหวอะไรระวังหน่อยแล้วกัน ฉันไม่รู้ว่ายังมีใครเป็นสายให้อิไลอีกหรือเปล่า” เดนิสบอกกับเลขาของเธอไป

     

    ณ ศูนย์บัญชาการ UNA ฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ตัวของคิวชูที่เป็นผู้บัญชาการในตอนนี้กำลังนั่งจัดการงานของเธออยู่บนโต๊ะทำงานของเธอ ไม่นานนัก ไอบีเรียก็ติดต่อเข้ามาหาคิวชู 

    “สวัสดีค่ะท่าน”

    “ไอบีเรีย ว่าไงหล่ะ??” คิวชูถามไป

    “ฉันลองสืบข่าวในองค์กร Warden แล้ว ตอนนี้ทางอิไล กำลังหมายหัวคุณลูซินดาอยู่ค่ะ ตอนนี้พวกเขาระดมกำลังตามล่าลูซินดาเต็มที่แล้วค่ะ” ไอบีเรียบอกเธอไป

    “โห งานนี้ฝั่งตะวันออกได้ป่วนแน่ แล้วยังไงอีกหล่ะ??” คิวชูถามไป

    “งานนี้พวกนั้นเอามาหมด ทั้งกองกำลังของรัฐบางส่วน แล้วก็กองกำลังใต้ดินด้วยค่ะ” 

    “อืม เราต้องลิสต์รายชื่อองค์กรใต้ดินที่ร่วมมือกับพวก Warden มาให้หมดเลย” คิวชูพูดไป

    “ค่ะ ฉันจะรีบหาข้อมูลแล้วส่งไปค่ะ” ไอบีเรียตอบไป

    “ดี ตอนนี้เราต้องเริ่มกวาดล้างไปทีละองค์กร พวกมันทำโลกนี้ปั่นป่วนมาพอแล้ว” คิวชูพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องของคิวชู และรายงานอะไรบางอย่าง

    “ขออนุญาตครับ ท่านรัฐมนตรีกลาโหมมาถึงแล้วครับ!!”

    “อืม เดี๋ยวฉันไป” คิวชูตอบไป 

     

    ณ เพนเฮ้าส์ของลูซินดา หลังจากที่เธอรู้ว่ากำลังตกเป็นเป้าในการตามล่าของพวก Warden ตัวของเธอก็เร่งหาพันธมิตรเพิ่มเติมเพื่อช่วยสู้ศึกในครั้งนี้ 

    “ตอนนี้เรามีคนเท่าไหร่??” ลูซินดาถามเลขาของเธอไป

    “ไม่น่าจะพอต้านพวกมันค่ะ ตอนนี้เราน่าจะต้องกบดานกันซักพักนะคะ” 

    “อืม แล้วมีใครพอจะให้ความช่วยเหลือเราได้บ้างหล่ะ??” ลูซินดาถามไป

    “เออ จะว่าไป มีกองกำลังอิสระที่ตอนนี้กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในอเมริกา เราจะลองติดต่อพวกเขาดูดีมั้ยคะ??” เลขาของเธอถามไป

    “พวกไหนกันหล่ะ??” ลูซินดาถามไป

    “เป็นกองกำลังจากยุโรปค่ะ พวกเขาเรียกตัวเองว่า AoL ค่ะ” 

    “อืม ลองติดต่อดูก็ได้ ว่าแต่ เรื่องของจิน ตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง??” ลูซินดาถามไป

    “มีข่าวมาว่าตอนนี้เขาเดินทางมาถึงซานฟรานแล้วค่ะ แต่เรายังติดต่อเขาไม่ได้ เขาน่าจะกำลังกบดานอยู่ค่ะ” 

    “มีใครกำลังตามล่าเขาอยู่เหรอ??” ลูซินดาถามไป และในตอนนั้นก็มีการแจ้งเตือนจากเว็บไซต์ข่าวที่ลูซินดาชอบอ่านมันบ่อยๆ เธอรีบอ่านมันในทันที

    “เกิดการยิงกันที่ซานฟรานซิสโก โรงแรมดังแห่งหนึ่ง..”

    “เฮ้ย อย่าบอกนะ??” ลูซินดาพูดขึ้น จากนั้นเธอก็ยื่นข่าวนั้นให้กับเลขาของเธอดูอย่างรวดเร็ว เมื่อเลขาเธอเห็นก็ออกความเห็นมา

    “อาจจะเป็นเขาก็ได้นะคะ” 

    “แปลว่า มีคนสั่งเก็บเขางั้นเหรอ??” ลูซินดาถามไป

    “ใครกันหล่ะคะ หรือว่าจะเป็นอิไล??” เลขาของเธอถามไป

    “ไม่หรอก เขาต้องการหมอนั่นมาเป็นพวก ฉันฝากสืบเรื่องนี้ด้วยแล้วกัน” ลูซินดาบอกเลขาของเธอไป

    “ค่ะ แล้วเรื่องติดต่อกับกองกำลังอื่นๆหล่ะคะ??”

    “ก็จัดการไปตามเดิม งานนี้ฉันไม่ยอมให้อิไลเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียวแน่ๆ ฉันอุตส่าห์เป็นไทแล้ว ฉันจะไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจมันอีกแน่ๆ” ลูซินดาบอกไป

     

    ณ อพาร์ทเม้นท์กบดานของคีธ ในตอนนี้ตัวของคีธได้ทำการต้อนรับสมาชิกใหม่ซึ่งติดต่อกับเขาเพื่อทำงานใหญ่ของเธอ ซึ่งเธอคนนั้นก็คือยูเรียนั่นเอง ในวันนี้ยูเรียเองกำลังนั่งดูรูปของใครบางคนอยู่ในห้อง และไม่นานนัก คีธก็เดินเข้ามาในห้อง โดยที่ถือกาแฟมาด้วยแก้วหนึ่ง

    “กาแฟหน่อยมั้ยพี่สาว??” คีธถามเธอไป

    “อืม ขอบใจ” ยูเรียตอบ คีธเองก็วางแก้วกาแฟให้เธอในทันที

    “ว่าแต่ พี่สาวคนสวยจะเอายังไงต่อคร้าบ??” คีธถามยูเรียไป

    “ฉันจะต้องหาตัวการของเรื่องนี้ให้เจอ” ยูเรียถามไป

    “เหรอเจ๊ มันเกิดอะไรขึ้นหล่ะ เล่าให้ฟังหน่อยได้มั้ยครับ??” คีธถามไป

    “นายรู้จักพวก Warden ใช่หรือเปล่า??” ยูเรียถามไป

    “โห โคตรระยำเลยไอ้พวกนี้ มันไปทำอะไรพี่สาวหล่ะ??” คีธถามไป

    “มันฆ่าพ่อกับน้องฉัน แค่พ่อฉันไม่เห็นด้วยเรื่องโครงการนี้หน่ะ มันเกือบจะฆ่าฉันด้วย แต่มันโง่ตายไปซะก่อน ฉันชิงเอาพาสปอร์ตมันมาดู แล้วก็ให้เพื่อนฉันแปลงพาสปอร์ต แล้วฉันก็เข้าประเทศมา เกือบไม่รอดจาก ตม. แล้ว” ยูเรียร่ายออกมาซะยาว

    “อ้อ แล้วพี่สาวรู้จักตัวสั่งการหรือเปล่าหล่ะ??” คีธถามไป

    “เท่าที่ฉันมีข้อมูล นายรู้จักบาร์นี่ ซาร์เลย์หรือเปล่า??” ยูเรียถามไป ในตอนนั้นคีธเองก็ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี

    “โห อย่าให้เป็นมันเลยพี่” 

    “อ้าว ทำไมหล่ะ นายรู้จักมันเหรอ??” ยูเรียถามไป

    “ไอ้นี่มันมีเอี่ยวกับธุรกิจสีเทากับดำในฝั่งตะวันออกแทบทั้งหมดเลย ไอ้นี่มันมีลูกน้องในมือมากมายเลยด้วย” คีธตอบไป

    “นายให้ฉันเข้าถึงตัวมันได้หรือเปล่าหล่ะ??” ยูเรียถามไป ก่อนที่เธอจะหยิบกาแฟขึ้นมาดื่ม

    “ไอ้เรื่องนี้ผมทำได้ แต่พี่สาวจะเอาตัวรอดยังไงหล่ะ??” คีธถามไป

    “เอาน่า ที่เหลือฉันจัดการเอง” ยูเรียตอบไป ในตอนนั้นเองคีธก็เสนอไอเดียขึ้นมาด้วย

    “พี่สาว ผมเสนอไอเดียอะไรหน่อยนะ ตอนนี้ผมได้ข่าวมาว่าพวก Warden กำลังมีศึกภายในกันอยู่ มีข่าวว่า Warden สาขาใหญ่ กำลังพยายามรวบอำนาจจากคุณลูซินดา ผู้จัดการ Warden ฝั่งตะวันออกของสหรัฐหน่ะ” คีธตอบไป

    “นายกำลังจะพูดอะไรเหรอ??” ยูเรียถามไป

    “ผมก็แค่จะบอกว่า ศัตรูของศัตรู คือมิตร และอีกอย่าง เราน่าจะรอให้พวกมันตีกันให้เหนื่อยล้า แล้วเราค่อยเสียบมันอีกที เติมเชื้อไฟให้พวกมันเละเทะมากขึ้นไงพี่สาว” คีธตอบไป

    “อืม แล้วนายคิดว่า ลูซินดานี่เป็นยังไง??” ยูเรียถามไป

    “เท่าที่ผมได้ข่าวมา เหมือนว่าช่วงนี้เจ๊แกงานเข้าหนักมาก เจ๊แกกำลังโดนบีบจากทุกทาง ทั้ง Warden หน่วยใหญ่ ไหนจะพวกที่อยู่ฝั่งตะวันออกอีก” คีธบอกไป

    “อืม ถ้าอย่างงั้น คงต้องไปสัมภาษณ์ไอ้บาร์นี่หน่อยหล่ะ” ยูเรียพูดขึ้น

    “อ้าว ทำไมหล่ะเจ๊??” คีธถามต่อ

    “ฉันอยากรู้ว่าตอนนี้มันกำลังเล่นอยู่ฝ่ายไหนหน่ะ” ยูเรียบอกไป

    “อ้อ ถ้าเรื่องแค่นี้ ผมหาข่าวให้ได้นะ” คีธพูดขึ้น

    “เหรอ ยังไงกันหล่ะ??” ยูเรียถามไป

    “ผมรู้จักกับไอ้เลวที่ทำงานให้ไอ้บาร์นี่ ถ้ามันไม่ทำตามที่ผมบอก มันก็อดของไปปล่อยต่อ ก็แค่นั้น” คีธตอบไป

    “เหรอ ถ้าอย่างงั้นก็ลองดูแล้วกัน” ยูเรียพูดขึ้น และไม่นานนัก ตัวของคีธเองก็รีบเดินไปที่หน้าห้อง จากนั้นก็หยิบเอาเสื้อฮู้ดตัวเก่งของเขามาใส่ในทันที

    “วันนี้ฝากห้องหน่อยนะพี่สาว” คีธพูดจบก้เปิดประตูและเดินออกจากห้องไป

     

    ณ ท่าเรือชายฝั่งบอสตัน ในตอนนี้กองกำลัง AoL ได้เข้ายึดท่าเรือเรียบร้อยแล้ว โดยที่มาเรียน่าและยูกิรินะ ซึ่งเป็นกองกำลังที่นำหน่วยรบเข้ายึดพื้นที่กำลังรออยู่ และเมื่อเรโนวอสกับคนอื่นๆ ลงจากเรือ เรโนวอสกับพวกก็ไปทักทายพวกเธอทั้งคู่อย่างรวดเร็ว

    “ขอต้อนรับสู่อเมริกา ดินแดเสรีโคตรๆค่ะ” มาเรียน่าพูดกับเรโนวอส

    “โห คิดถึงพวกเธอโคตรๆเลย” ซิลเวอร์พูดขึ้น

    “นั่นสิ อยู่ที่นี่สบายดีนะ??” ลูซถามไป

    “พวกเราสบายดี แต่ดูเหมือนพวกมันจะเข้มแข็งกว่าที่คิดหน่ะ” ยูกิรินะตอบไป

    “โห ความจริงฉันน่าจะมาช่วยนะเนี่ย” ฟอนเบิร์กพูดขึ้น

    “อืม พวกเธอสองคนปลอดภัยก็ดีแล้วหล่ะ ตอนนี้พวกเราต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลา” เรโนวอสบอกไป

    “ใช่ ฉันได้ยินมาว่าตอนนี้พวกมันเองก็เริ่มรู้แล้วว่าเรามา” โครว์พูดเสริม

    “ว่าแต่ ตอนนี้กำลังของเราที่นี่พร้อมหรือยัง??” อลิเซียถามไป

    “ตอนนี้พวกเราเตรียมพร้อมไปตั้งหลักที่ฟลอริดาแล้วหล่ะ ที่นั่นคุณลูซินดากำลังคุมอยู่” มาเรียน่าถามไป

    “ลูซินดา อ้อ หมายถึงพวก Warden ฝั่งตะวันออกงั้นเหรอ??” ซิลเวอร์ถามไป

    “ว่าแต่ ทำไมเราต้องไปที่นั่นหล่ะ??” ลูซถามไป

    “ตอนนี้เธอกำลังหาพวกอยู่หน่ะ เพื่อต่อสู้กับอิไล ที่กำลังจะรวบอำนาจในตอนนี้หน่ะ” ยูกิรินะตอบไป

    “อ้อ ฉันเข้าใจแล้วหล่ะ” เรโนวอสตอบไป

    “เออ คุณเรโนวอส คิดว่ายังไงคะ??” อลิเซียถามเขาไป

    “ตอนนี้ศัตรูหลักของเราคืออิไล ถ้าเราจัดการมันได้ ทุกอย่างก็จบ” เรโนวอสบอกไป

    “งั้นก็แปลว่าเราคงต้องร่วมมือกับลูซินดาสินะครับ??” โครว์ถามไป

    “ศัตรูของศัตรูก็คือมิตรไง” ฟอนเบิร์กตอบไป

    “เข้าใจหล่ะ ตอนนี้เราต้องรีบเดินทางกันเลย” เรโนวอสพูดขึ้น

    “ค่ะ ทางนี้เลยค่ะ” มาเรียน่าพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็รีบพาเรโนวอสและคนอื่นๆ ไปยังพื้นที่ด้านนอก ซึ่งเป็นลานจอดรถ ที่ตอนนี้มีรถมากมายกำลังจอดรอพวกเขาอยู่

    “โห ไปหามาจากไหนเนี่ย??” ซิลเวอร์ถามอย่างตื่นเต้น

    “ก็ไปโด้พวกมันมาอีกทีหน่ะ เอามาดัดแปลง” ยูกิรินะตอบไป

    “ตอนนี้พวกมันน่าจะกำลังส่งคนมาตามล่าเราแล้วหล่ะ” ฟอนเบิร์กพูดขึ้น

    “เรื่องเส้นทางนี้ หาที่ปลอดภัยที่สุดนะ” เรโนวอสบอกกับมาเรียน่าและยูกิรินะ

    “ตอนนี้พวกมันอาจจะดักเราทุกทาง อาจจะต้องปะทะ ถ้าจำเป็นค่ะ” อลิเซียพูดกับเรโนวอส

    “ถ้าพวกมันอยากบวก ก็ให้พวกมันมาเลย” โครว์พูดขึ้น

    “นี่ เหลือไว้ให้ฉันบ้างนะ” ลูซบอกเขาไป

    “เอาเถอะ พวกเรารีบแยกย้ายกันขึ้นรถเลย ตามแผนที่เราคุยกันไว้” เรโนวอสพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก มาเรียน่าและยูกิรินะก็พาเรโนวอสและคนอื่นๆ ไปนั่งรถตู้คันหนึ่ง ตัวของเรโนวอสนั่งอยู่ตรงกลาง เพื่อป้องกันกรโดนลอบสังหาร ในขณะที่คนอื่นๆก็ล้อมรอบตัวเขาไว้

    “แล้วนี่ มีอะไรเพิ่มเติมที่ฉันยังไม่รู้หรือเปล่า??” เรโนวอสถามไป

    “ตอนนี้คุณลูซินดากำลังรอที่จะเจรจากับคุณอยู่ค่ะ” มาเรียน่าตอบไป

    “อืม ถ้าเธออยากเจอ ฉันก็จะไปเจอเธอเอง” เรโนวอสตอบไป

    “ถ้าอย่างงั้น คงต้องคุ้มกันกันเต็มที่หล่ะ เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อไหร่” อลิเซียพูดขึ้น

    “อืม ดี จัดการตามนั้นเลย” เรโนวอสตอบไป

     

    กลับมายังสำนักงานของบริษัท Merc’s ในตอนนี้เหล่าพนักงานกำลังประชุมสายเพื่อติดตามสถานการณ์งานตามที่ได้รับการว่าจ้างในแคลิฟอร์เนีย แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีความคืบหน้าอะไรมาก

    “เฮ้อ ยังไม่เจอตัวเป้าหมายอีกเหรอเนี่ย??” เรียวเฮถามพลางถอนหายใจไป

    “เออ นั่นดิ ไปค้นหาตั้งนานแล้วนะ??” คิริวพูดเสริม

    “เอาน่า เดี๋ยวก็คงติดต่อมา..” ลีตานอร์ยังไม่ทันพูดจบ ในตอนนั้นโซเฟียก็ยกมือขึ้นมา

    “เจ้าหน้าที่เราติดต่อมาแล้วค่ะ” โซเฟียพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็เปิดมันให้ทุกคนได้ฟัง

    “ขอกำลังเสริมด่วน ขอกำลังเสริมด่วน มันไม่ได้มีแค่คนเดียวครับ!!”

    “เฮ้ย มันเกิดอะไรขึ้น ตอบด้วย??” เคียย่าถามกลับไป

    “พวกมันโจมตีเรา ขอกำลังเสริมด้วย!!” เสียงของคนที่พวกเขาส่งไปดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้แต่คิริวกับเรียวเฮที่เป็นคนขี้เบื่อยังถึงกับต้องลุกขึ้นมาฟัง

    “บ้าเอ้ย นี่มันหนักกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย” เกคิพูดขึ้น

    “เฟรด หน่วยเก็บกวาดพร้อมหรือเปล่า??” ลีตานอร์ถามไป

    “พร้อมครับ แต่ผมแนะนำว่าพวกนั้นไม่เหมาะสำหรับเข้าต่อสู้ครับ” เฟรดตอบไป

    “ห่าเอ้ย คิดว่ามึงเก่งมาจากไหนวะ??” โอตีโน้สบถออกมา

    “ฉันว่า เราถอนกำลังออกมาก่อนดีกว่าค่ะ” เคียย่าพูดขึ้น

    “ผมเห็นด้วยครับ เราส่งเข้าไปตอนนี้ อาจจะตายกันหมดครับ” เฟรดพูดเสริม

    “เฮ้ย พวกนายกลัวหรือไงวะ??” โอตีโน้ถามไป

    “นี่ ถ้าหน่วยเก็บกวาดเราตายกันหมด ใครจะรับผิดชอบหล่ะ??” คิริวถึงกับต้องพูดขึ้นมา และในตอนนั้น เสียงของเจ้าหน้าที่ก็ดังขึ้นต่อ

    “รายงานๆ พวกตำรวจกำลังล้อมโรงแรมครับ!!”

    “ช่างงานนี้ก่อนเถอะค่ะ ลูกค้าบอกเองนี่คะว่าจะสำเร็จหรือเปล่า ยังไงพวกเขาก็จ่าย” เรียวเฮพูดขึ้น

    “บ้าเอ้ย พวกนายหนีออกมาได้หรือเปล่า??” ลีตานอร์ถามเจ้าหน้าที่ภาคสนามไป

    “เราต้องหนี 10 นาทีครับ!!”

    “จัดการพวกมันไปก่อน ถ้า 5 นาทียังทำไม่ได้ก็ถอนกำลังออกมา” ลีตานอร์ตอบกลับไป

    “เฮ้อ นี่เป็นครั้งแรกนะเนี่ยที่เจออะไรแบบนี้” เกคิพูดขึ้น

    “หรือว่า มันจะเป็น Warden ที่กำลังเป็นที่พูดถึงอยู่ตอนนี้คะ??” โซเฟียถามไป

    “ไม่ ฉันว่า มันต้องมีมากกว่าคนเดียวแน่ๆ” ลีตานอร์พูดขึ้น

    “บ้าเอ้ย เราส่งทีมสังหารไป 2 หน่วย แต่ทำอะไรไม่ได้เลย” โอตีโน้พูดขึ้นพลางทุบโต๊ะปัง

    “ยังดีที่หน่วยเก็บกวาดของเรายังไม่เป็นอะไรนะ” คิริวพูดขึ้นพลางเบะปาก

    “ว่าแต่ พวกตำรวจจะสาวมาถึงเราหรือเปล่าเนี่ย??” เรียวเฮถามไป

    “ทีมสังหารหน่ะไร้ตัวตน ถึงโดนตำรวจจับได้ พวกมันก็ไม่ได้อะไรหรอก” เฟรดตอบไป

    “โซเฟีย ติดต่อกลับไปที่ลูกค้าของเรา” ลีตานอร์พูดขึ้น

    “รับทราบค่ะ” โซเฟียตอบไป

    “เคียย่า จัดการตามขั้นต่อไปด้วย” ลีตานอร์พูดกับเธอต่อ

    “ได้เลยค่ะ” เคียย่าตอบไป

    “เราน่าจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่โรงแรมด้วยก็ดีนะครับ” เกคิออกความเห็นไป

    “โอเค จัดการเลย ฉันเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันจะทำอะไรต่อ” ลีตานอร์ตอบไป ก่อนที่ตัวของเธอจะนอนเอนหลัง แล้วก็กุมขมับของเธอด้วยความเหนื่อย

     

    กลับมายังคอนโดของเซระ ในตอนนี้ตัวของเขายังคงทำงานของเขาและหาข้อมูลอะไรไปเรื่อย แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆก็มีข้อความในช่องการสนทนาเด้งขึ้น เขารีบเปิดมันดูในทันที

    “เฮ้ย มีเรื่องที่ซานฟรานหว่ะ” 

    “เรื่องอะไรนะ อย่าบอกนะว่าเรื่องของ..” เซระยังพิมพ์ไม่ทันจบ

    “ก็ไอ้ Warden นั่นหน่ะหล่ะ มาไม่ทันไรก็โดนเล่นซะแล้ว”

    “เฮ้ย จริงเหรอ ฝีมือใครวะ??” เซระพิมพ์ถามไป

    “ไม่รู้ดิ ฉันก็กำลังสืบอยู่” 

    “เออ แป๊ปนะ” เซระพิมพ์ตอบกลับไป จากนั้นตัวของเขาก็รีบโทรหาโฮเชนดู เผื่อว่าจะได้เรื่องอะไรบ้าง แต่ดูเหมือนว่าโฮเชนจะไม่รับสาย

    “เฮ้อ ให้มันได้อย่างงี้ลุงเอ้ย” เซระสบถออกมา ก่อนที่ตัวของเขาจะกลับไปยังช่องแชทเดิมต่อ

    “เฮ้ย หาข้อมูลหน่อยว่าใครว่าจ้างงานนี้??” เซระพิมพ์ไปหาปลายทาง

    “ไม่บอกก็รู้ เดี๋ยวจะจัดการให้”

    “เออ ฉันอยากรู้ด้วยว่าตอนนี้ที่ซานฟรานเป็นยังไงบ้าง??” เซระถามไป

    “ล่าสุดที่รู้คือตอนนี้ตำรวจกำลังคุมพื้นที่อยู่ ถ้ามีอะไรเพิ่มจะบอกแล้วกัน” คู่สนทนาของเซระตอบไป

     

    กลับมายังโรงงานของอลิซาน ในวันนี้ตัวของเธอก็ทำงานไปตามปกติในห้องทำงานของเธอ แต่ในวันนี้ มีรถคันหนึ่งมาจอดที่หน้าโรงงานของเธอ คนสนิทของเธอมองไปด้านล่างก็รู้ในทันที 

    “คุณหนูรออยู่นี่นะครับ” คนของอลิซานพูดขึ้น ก่อนที่ตัวของเขาจะรีบเดินเข้าไปในเซฟ จากนั้นก็เอากล่องอะไรบางอย่างออกมา จากนั้นเขาก็เดินลงไปที่ด้านล่าง อลิซานนั่งรออยู่ราวครึ่งชั่วโมง ไม่นานนัก คนของอลิซานก็กลับมาหาเธอ

    “เป็นยังไงบ้างคะ??” 

    “เรียบร้อยแล้วครับ” คนของอลิซานตอบไป

    “เฮ้อ เดือนนี้สองรอบแล้วนะคะเนี่ย” อลิซานพูดอย่างเป็นกังวล

    “ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเริ่มเข้าตาจนจริงๆแล้วครับ ถึงได้มารีดเอากับเราเพิ่มขึ้น” 

    “ก็ขอให้วันนั้นมันมาถึงเร็วๆนะคะ แล้วฉันก็หวังไว้ว่ากำไรปีหน้าน่าจะดีขึ้นด้วยค่ะ” อลิซานพูดขึ้นมา

    “ถ้าเศรษฐกิจโลกยังไม่ดีขึ้นไปกว่านี้ ผมว่าน่าจะยาก แต่ก็น่าจะประคองตัวอยู่ได้ครับ” คนของอลิซานตอบไป และในตอนนั้นเอง พนักงานหญิงคนหนึ่งของอลิซานก็เดินเข้ามาหาพวกเขาทั้งคู่ในห้องด้วย

    “ขออนุญาตค่ะ มีเหตุการณ์ในซานฟรานค่ะ”

    “มีอะไรเหรอคะ??” อลิซานถามไป

    “มีข่าวการปะทะอย่างหนักในโรงแรมหรูกลางเมืองเลยค่ะ ลือกันว่า น่าจะเป็น Warden คนนั้นที่กำลังโดนจับตาค่ะ” พนักงานหญิงคนนั้นตอบไป

    “โห มาไม่กี่วันนี่ก็ขนาดนี้แล้วเหรอ??” 

    “แสดงว่าเขาต้องเป็นตัวอันตรายจริงๆนะคะเนี่ย” อลิซานพูดขึ้น

    “อืม ว่าแต่ปะทะกับฝ่ายไหนกันนะ??” คนสนิทของอลิซานถามไป

    “ตอนนี้เรากำลังสืบอยู่ค่ะ” พนักงานหญิงตอบไป

    “งานนี้น่าจะหนักแน่ เราคงต้องจับตาดูนะครับ” คนสนิทของอลิซานพูดขึ้น

    “ค่ะ ก็หวังว่าจะไม่มาตีกันถึงที่นี่นะคะ” อลิซานตอบไป

    “ไม่ต้องห่วงครับ พวกเราพร้อมปกป้องที่นี่ครับ”

    “ค่ะ ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ” อลิซานตอบไป

     

    ณ โรงนาแห่งหนึ่ง ซึ่งในตอนนี้กลายเป็นฐานที่มั่นชั่วคราวของเอแจ๊กซ์ ทหารรับจ้างชาวรัสเซีย ในตอนนี้ตัวของเขาก็จัดการรวบรวมอาวุธใหม่ รวมถึงทำการซ่อมแซมโรงนาเพิ่มเติมเพื่อทำเป็นที่มั่นใหม่ ในขณะเดียวกันนั้นเอง ทหารของเอแจ๊กซ์ก็เพิ่งจะได้ข้อมูลอะไรบางอย่างมา เขารีบมาหาเอแจ๊กซ์ในทันที

    “ขออนุญาตครับท่าน”

    “อืม มีอะไรหล่ะ??” เอแจ๊กซ์ถามไป

    “มีข่าวมาว่าพวก Warden ฝั่งตะวันตก กำลังเคลื่อนพลมาแล้วครับ”

    “งั้นเหรอ ดี ก็ให้มันมาเลย เราเตรียมรับมือไว้แล้ว แล้วก็หาทางหนีทีไล่ไว้ด้วย แล้วมีอะไรอีกมั้ยหล่ะ??” เอแจ๊กซ์ถามไป

    “มีการปะทะกันที่ซานฟรานครับ”

    “เหรอ หมาที่ไหนกัดกันอีกหล่ะ??” เอแจ๊กซ์ถามไปแล้วหันไปขัดปืนของเขา

    “มีข่าวลือมาว่าเป็น Warden มือดีมากคนนึงเลยครับ” เอแจ๊กซ์ได้ยินดังนั้นก็หันไปหาลูกน้องของเขาต่อ 

    “มือดีเลยเหรอ แค่ไหนกันหล่ะ??” เอแจ๊กซ์ถามไป

    “มีข่าวมาว่ามันคือ liitle Devil ครับ” ในตอนนั้นเองเอแจ๊กซ์ที่ได้ยินชื่อนี้ก็ถึงกับนิ่งไป 

    “มีอะไรหรือเปล่าครับ??” ลูกน้องของเขาถามไป

    “เออ ไม่มีหรอก เตรียมตัวให้พร้อมแล้วกัน” เอแจ๊กซ์ตอบไป

     

    กลับมายังร้านขนมปังของลิซ ในตอนนี้เองร้านของลิซก็เริ่มจะเป็นรูปเป็นร่างแล้ว หลังจากที่เธอปรับปรุงร้านอย่างขยันขันแข็ง และไม่นานนัก เธอก็เรียกเดโบสมาหาเธอที่หน้าร้านด้วย

    “เดโบส เป็นยังไงบ้างร้านของเรา??” ลิซถามไป แต่ยังไม่ทันไร จู่ๆ ในตอนนั้นชายกลุ่มหนึ่งสวมแจ๊กเก็ตดำก็เดินเข้ามาในร้าน ในตอนนั้นทำเอาลิซต้องออกไปรับหน้า

    “มีอะไรอีกหล่ะ??” ลิซถามไป

    “ไม่มีอะไร ฉันอยากจะมาเตือนเธอหน่อย” ชายคนหนึ่งตอบไป

    “เตือนอะไรอีกหล่ะ??” ลิซถามไป

    “ตอนนี้พวกเรากำลังทำสงครามกับลูซินดา ยังไงก็ระวังๆไว้แล้วกัน เพราะถึงยังไง เธอก็ยังต้องจ่ายเรา”

    “พวกนายจะทำอะไรก็ทำเถอะ ฉันมีงานของฉันต้องทำเหมือนกัน” ลิซตอบแบบไม่ค่อยสบอารมณ์

    “เฮ้ นี่ฉันมาเตือนดีๆนะ” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น

    “ก็รู้ก็ฟังแล้วไง แล้วมีอย่างอื่นอีกมั้ยหล่ะ??” ในตอนนั้นลิซยังพูดไม่ทันจบ ตอนนั้นเองเดโบสก็ดันไปเยี่ยวใส่รองเท้าของชายคนหนึ่งไป

    “เฮ้ย ไอ้บ้านี่!!” เขาตะโกนออกมาและเหมือนจะเอาเรื่อง แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร จู่ๆ ประตูร้านก็เปิดออกมา มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน 

    “พวกมึงหลบหน่อยดิ” 

    “เฮ้ย ไมเคิล มายุ่งอะไรด้วยวะ??” ชายคนหนึ่งถามไป

    “กูแค่มาซื้อขนมปัง ถ้าพวกมึงไม่มีงานทำ กูหางานให้เอามั้ย??” ไมเคิลถามพวกนั้นกลับไป จากนั้นเขาก็เดินไปที่หน้าเคาน์เตอร์ ในขณะที่ตัวของลิซก็รีบไปขายขนมปังให้เขาในทันที

    “เออๆๆ ไปก็ได้ พวกกูหมดเรื่องหล่ะ” พวกนั้นตะโกนออกมาแล้วพากันออกจากร้านไปในทันที ในขณะที่ตัวของไมเคิลไม่ได้ตอบกลับอะไรไป

    “ขอบคุณมากนะคะ” ลิซบอกกับไมเคิลไป ไมเคิลเองไม่ตอบอะไรมากนัก ได้แต่ควักเอาแบงค์ 100 ดอลใบหนึ่งออกมาแล้ววางไว้ จากนั้นเขาก็เอาขนมปังและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ตัวของลิซก็เดินไปอุ้มเดโบส

    “เดโบส วันหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ” 

     

    กลับมายังคฤหาสน์ของเหล่าแก๊งมาเฟียอิตาลีของแอนทอน ในวันนี้ตัวของเขาอยู่กับอันเต้ที่ชั้นล่าง ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของแอนทอนก็ดังขึ้น เมื่อเขารับสายแล้ว เขาก็วางสายในทันที

    “มีอะไรหรือเปล่าพ่อ??” อันเต้ถามพ่อของเขาไป

    “ดูเหมือนไอ้กร๊วกนี่มันจะมีดีกว่าที่คิด” แอนทอนตอบไป

    “ห่ะ พ่อหมายถึงไอ้ Warden คนนั้นเหรอ??” อันเต้ถามไป

    “ใช่ และดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้อยู่คนเดียวด้วย” แอนทอนตอบไป

    “โห แล้วนี่ ถ้ามันเก่งขนาดนี้ มันจะไม่ตามเราเจอเหรอพ่อ??” อันเต้ถามไป

    “ไม่หรอก ฉันว่าจ้างบริษัทที่ไว้ใจได้ พวกนี้มันไม่เผยความลับแน่นอน” แอนทอนตอบไป 

    “ก็หวังไว้งั้นพ่อ แล้วนี่ประชุมเป็นยังไงบ้างพ่อ??” อันเต้ถามขึ้นในขณะที่หยิบซิการ์ของพ่อเขาขึ้นมาสูบต่อ

    “ก็เหมือนเดิมหน่ะ เรื่องเดิมๆ ว่าแต่ นี่แกยังขายยาอยู่หรือเปล่า??” แอนทอนถามเขาไป

    “ก็นิดหน่อยพ่อ แต่ดูเหมือนช่วงนี้ขายยากขึ้นหน่ะ” อันเต้ตอบแบบไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่

    “เอาเถอะ ยังไงก็ระวังพวกตำรวจหน่อยแล้วกัน ช่วงนี้พวกมันกำลังหาทางเล่นงานเราอยู่” แอนทอนบอกลูกของเขา

    “โธ่พ่อ พวกตำรวจมันจะทำอะไรเราได้หล่ะ??” อันเต้ถามไป ในขณะที่กำลังนั่งสูบซิการ์อย่างสบายใจด้วย

     

    และกลับมาที่นิวยอร์ก ในตอนนี้ข่าวการตายปริศนาของผู้หญิงทั่วนิวยอร์ก ทำเอาในตอนนี้บรรดาตำรวจและเจ้าหน้าที่รัฐต่างพากันนั่งไม่ติดเก้าอี้ พวกเขาทำงานอย่างหนักเพื่อตามล่าตัวฆาตกรปริศนาที่ยังไม่มีใครรู้ตัว แต่ในห้องพักธรรมดาๆห้องหนึ่งในนิวยอร์ก ชายปริศนาซึ่งกำลังตามล่าฆาตกรคนนี้กำลังพยายามแกะรอยฆาตกรคนเดิมคนนั้น 

    “แกไปอยู่ที่ไหนกันนะ??”

    ในระหว่างที่เขากำลังแกะรอยอยู่นั้น ตัวของเขาก็เปิดข่าวโทรทัศน์ไปด้วย เพื่อดูว่ามีอะไรคืบหน้าเพิ่มเติมหรือเปล่า

    “ขณะนี้ ฆาตกรต่อเนื่องได้ทำการสังหารเหยื่อรายที่ 3 เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ทางตำรวจกำลังทำทุกทางเพื่อตามล่าตัวของฆาตกรต่อเนื่องรายนี้..”

    “เฮ้อ สุดท้ายก็เหลวเหมือนเดิม” ชายคนนั้นพูดต่อ และในตอนนั้นเอง จู่ๆก็มีคนมมาเคาะประตูที่ เขารีบไปเปิดประตูรับในทันที ปรากฏว่าหน้าประตูมีชายผิวสีคนหนึ่งกำลังถือซองเอกสารอยู่หน้าประตูห้องเขา

    “นี่ครับ” ชายผิวสียื่นเอกสารให้เขา

    “แน่ใจเหรอว่าถูกต้อง??” 

    “แน่นอนครับ ผมได้ข่าวจากสายของพวกหมอกับนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานในองค์กร Warden เลยนะครับ”

    “เออ เข้าใจหล่ะ” เขาพูดกับชายคนนั้น ก่อนที่จะเอาเงินให้กับชายผิวสีสายข่าวของเขา จากนั้นเขาก็ปิดประตูห้อง ก่อนที่จะเดินไปที่โต๊ะทำงาน จากนั้นก็เอาเอกสารมากางออกดูในทันที

    “โปรเจ็กค์ Phantom Ruby..”

    “ก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษยชาติ..”

    “อะไรกันวะเนี่ย??” ชายคนนั้นสบถออกมา พร้อมกันนั้นเขาก็อ่านรายละเอียดไปเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีอะไรมากนัก นอกจากผลการวิจัยไม่กี่เรื่อง

    “แร่ปริศนาที่สามารถมอบพลังให้มนุษย์..”

    “โห ดูเหมือนพวก Warden เองก็กำลังค้นคว้าเรื่องนี้อยู่นะเนี่ย” ชายคนนั้นพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง เขาก็เก็บเอกสารนั้นเอาไว้ที่ใต้โต๊ะทำงานก่อน

    “ตอนนี้ฉันต้องจัดการนายให้ได้ก่อน มิคาเอล เพราะถ้าทุกคนได้สัมผัสกับมัน โลกนี้ได้ปั่นป่วนกันหมดแน่” ชายคนนั้นพูดขึ้น แล้วก็ใส่แจ๊คเก็ตของเขา

    “ไปหาข่าวหน่อยดีกว่า”

     

    กลับมายังโรงแรมรอยัลปริ้นในซานฟราน ซึ่งตอนนี้ตัวของจินและโฮเชนที่กำลังต่อสู้เพื่อปกป้องตัวเองจากการตามล่าของกลุ่มมือสังหารรับจ้าง

    “ตุ๊บ!!”

    ตัวของจินกระโดดลงไปด้านล่างหลังจากที่ปาระเบิดแสงออกไปแล้ว จากนั้นตัวของเขาก็ใช้ปืน 1911 ยิงหัวพวกมันทีละคน พวกมันที่เข้ามาใกล้เขาก็ใช้มีดเชือดพวกมันทีละคน

    “ฉึก!!”

    พวกมันบุกเข้ามาหาจินทีละคน แต่จินเองก็ต่อสู้และต้านพวกมันเอาไว้ได้ ในขณะที่ทางด้านของโฮเชน เขาเองก็ยิงสกัดพวกมันเอาไว้ แต่มันคนหนึ่งก็บุกขึ้นมาหาโฮเชนได้ เขาต่อยหน้ามันแล้วหยิบเอาระเบิดมือมันถอดสลัก จากนั้นก็เอาใส่เสื้อมัน แล้วถีบมันลงไปหาคนอื่นๆข้างล่าง

    “ตู้ม!!”

    โฮเชนเองใส่กระสุนและยิงอัดเข้าไปต่อ แต่ดูเหมือนพวกมันจะมาเรื่อยๆ

    “ถุ๊ย มีดีแค่นี้เองเหรอวะ??” โฮเชนสบถออกมา

    ส่วนทางด้านของจิน ในตอนนี้พวกมันก็ไล่ยิงเขาจนจินต้องถอยกลับไป เขามาหยุดที่หน้าห้องๆหนึ่ง มันคนหนึ่งใช้ปืนลูกซองยิงใส่กลอนประตู แต่จินหลบได้แต่ปามีดใส่มันเข้าที่กลางหัว 

    “ปัก!!”

    ในตอนนั้นกำลังเสริมของมันก็พยายามจะตามยิงจิน แต่จินเองก็หลบได้แล้วเซเข้าไปในห้องที่เพิ่งโดนปืนลูกซองยิง ในตอนนั้นเขาไปหลบที่ด้านหลังห้องนอน แต่ในตอนนั้น เขาก็เจอกับหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเล็งปืนมาที่เขา ซึ่งเธอคนนั้นคือเวโรนิคนั่นเอง ทำเอาจินเองถึงกับต้องยกมือขึ้น

    “ออกไปนะ!!” เวโรนิคตะโกนออกมา แต่ในตอนนั้นพวกมันก็บุกเข้ามาในห้องแล้วกราดยิงเข้ามา 

    “หลบ!!” จินตะโกนออกมาแล้วดึงเวโรนิคเข้ามาหาเขา จากนั้นเขาก็ยิงสวนพวกมันกลับไป

    “ปังๆๆๆๆๆๆ!!”

    ตัวของจินยิงไปจนกระสุนหมด พวกมันก็บุกเข้ามาต่อ แต่เวโรนิคเองก็ใช้ปืนของเธอยิงสวนพวกมันไป

    “ปังๆๆๆๆๆ!!”

    “ออกไปจากห้องกูดิวะ!!” เวโรนิคตะโกนออกมา จินเองตกใจเล็กน้อย แต่เขาก็พยายามดึงสติกลับมา จินเองพยายามเช็คกระสุนแต่ก็ไม่เหลือแล้ว

    “เฮ้คุณ เหลือกระสุนอีกหรือเปล่า??” จินถามเวโรนิคไป

    “โอ้ย เข้ามาห้องฉันแล้วยังจะมาอะไรอีกเนี่ย??” เวโรนิคถามไป จินเองพอจะเข้าใจเลยไม่ตอบอะไรได้แต่ชักมีดออกมาเตรียมรับมือ แต่เวโรนิคก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าและรีบเอากล่องกระสุนออกมาให้จิน

    “เอานี่ 1911 ใช่หรือเปล่า??” เวโรนิคถามไป แต่ในตอนนั้น จู่ๆก็มีเสียงปืนดังมาจากด้านนอก พวกมันในตอนนั้นก็ถึงกับเปลี่ยนความสนใจ เป็นจังหวะให้ตัวของจินวิ่งออกไปแล้วจัดการพวกมันด้วยมีดทุกคน

    “ฉึก!!”

    จินเองจัดการพวกมันไปเรื่อยๆ แต่ในตอนนั้นเอง มือปริศนาก็มาจับมือเขาเอาไว้อย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ย พอแล้ว พวกมันตายหมดแล้ว!!”

    “อ้าว ลุง มาได้ไงเนี่ย??” จินได้ยินเสียงก็รู้ว่าเป็นโฮเชน แล้วเขาก็หยุดมือก่อนทันที

    “ก็จัดการพวกแม่งตรงนั้นหมดแล้วไง เลยมาดูตรงแกเนี่ย” โฮเชนตอบไป และในตอนนั้นเอง เวโรนิคเองก็เดินมาดูพวกเขาทั้งสองคนด้วย

    “อ้าวเจ๊ ไม่ไปหลบในห้องเหรอ??” โฮเชนถามเวโรนิคไป

    “เจ๊อะไร ห่ะ ใครเจ๊แก เพื่อนนายนี่หล่ะที่เข้ามาในห้องฉัน!!” เวโรนิคตอบไป ทำเอาจินเองต้องรีบขอโทษขอโพย

    “ขอโทษด้วยครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ” 

    “อืม ช่างเถอะ แต่ก็ขอบใจนะที่ช่วยฉันไว้” เวโรนิคตอบจินไป

    “ไม่ต้องหรอกครับ ผมสิต้องขอโทษที่ให้คุณมาซวย” จินตอบไป

    “พวกนายเป็น Warden ใช่หรือเปล่า??” เวโรนิคถามพวกเขาทั้งคู่ไป ทั้งโฮเชนและจินต่างก็ตกใจมาก

    “นี่ เจ๊รู้ได้ไงเนี่ย??” โฮเชนถามไป

    “เดาเอาหน่ะ จากฝีมือ แล้วอีกอย่าง ฉันก็เพิ่งได้ข่าวมาว่ามี Warden มือดีเข้ามาในสหรัฐ ฉันเองก็เป็น Warden เหมือนกัน พวกนายรู้จัก Mother Superion หรือเปล่าหล่ะ??” เวโรนิคถามไป 

    “เฮ้ย นี่เธอจริงๆเหรอเนี่ย??” โฮเชนถามอย่างตื่นเต้น

    “คุณคงรู้จักผมแล้วนะครับ ผม Little Devil” จินบอกไป

    “ส่วนนายก็น่าจะเป็นมัจจุราชสินะ ฉันลองเดาดู” เวโรนิคหันไปพูดกับโฮเชน

    “ลุงทิ้งชื่อนั้นตั้งนานแล้ว อย่าพูดถึงมันอีก” โฮเชนตอบไป

    “โธ่ หน้าก็อ่อนเรียกตัวเองว่าลุง” เวโรนิคพูดแซวโฮเชน แต่โฮเชนเองไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดอะไร

    “เฮ้ย จิน เราอยู่ที่ซานฟรานไม่ได้แล้วหว่ะ ตอนนี้พวกมันน่าจะรู้แล้วว่าเอยู่ที่นี่ แล้วก็เป็นไอ้พวกนี้ที่ตามล่าเรา” โฮเชนพูดขึ้นแล้วยื่นโทรศัพท์ที่มีรูปสัญลักษณ์อะไรบางอย่างให้กับทุกคนได้ดู

    “พวก Merc’s เหรอ??” เวโรนิคถามไป

    “อ้าว รู้ด้วยเหรอครับ??” จินถามเธอไป

    “บริษัทประกันชีวิตบังหน้า แต่ความจริงมันเป็นองค์กรทหารรับจ้างหน่ะ” เวโรนิคตอบไป

    “ลุงเองก็เคยได้ยินนะ ได้ยินว่าพวกนี้มันฉกาจฉกรรจ์มาก เฮ้ยจิน เราต้องไปจากซานฟรานแล้วหล่ะ เราจะไปนิวยอร์กกัน” โฮเชนพูดขึ้น ในตอนนั้นเวโรนิคเมื่อได้ยินคำว่านิวยอร์กก็พูดขึ้น

    “พวกนายจะไปนิวยอร์กกันเหรอ ฉันไปด้วยสิ” 

    “อ้าว เดี๋ยวดิเจ๊ แล้วเราจะไว้ใจเจ๊ได้ยังไง??” โฮเชนรีบปรามเวโรนิคไป

    “เอาน่าลุง ไม่เป็นไร ให้เธอไปด้วยก็ได้” จินบอกโฮเชนไป

    “เฮ้ย จิน ถ้าเกิดอะไรขึ้น นายจะทำยังไง??” โฮเชนถามไป

    “เอาน่าลุง ผมจะจัดการเอง เอาแบบไม่ลังเลเลย” จินตอบไป 

    “อ่าๆๆ แล้วแต่เอ็งแล้วกัน เจ๊หน่ะรีบไปเก็บของ อีก 5 นาทีมาเจอกันที่หลังโรงแรม จิน เอ็งด้วย” โฮเชนเรียกจินให้มาเก็บของ จินเองหันไปมองหน้าเวโรนิคอีกที ในตอนนั้นเวโรนิคก็ยิ้มให้จิน แต่เธอก็หุบลงอย่างรวดเร็ว จินเองก็ยิ้มตอบกลับไปแล้วเดินตามโฮเชนไป

    “เอ๊ะ ไม่ได้ยิ้มให้ใครมานานแล้วนะเนี่ย” เวโรนิคนึกในใจ แต่เธอก็รีบดึงสติตัวเองกลับมา จากนั้นก็เดินกลับเข้าไปในห้องเพื่อเก็บของอย่างรวดเร็ว

     

    ทางด้านของโฮเชนและจิน หลังจากที่ตัวของจินเองก็เอากระเป๋าของข้าวของของเขาออกมาจากห้องเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเขาก็มาพบกับโฮเชนที่กำลังเตรียมของในทันที

    “เฮ้ย เอ็งไว้ใจแม่นั่นเหรอวะ??” โฮเชนยิงคำถามกับจินก่อนในทันที

    “เอาน่าลุง ถ้าเธอไว้ใจไม่ได้ ผมก็เป่าซะ” จินตอบไป

    “แหม่ไอ้สาส มึงชอบเจ๊นั่นอ่ะดิ แต่ดูท่าน่าจะปากดีชิบหาย” โฮเชนพูดขึ้น

    “แต่เธอก็ไม่ได้มีพิษภัยอะไรนะลุง” จินตอบไป

    “นั่นไง เอ็งชอบเธอจริงๆ แต่ถ้ายัยนั่นก่อปัญหา เอ็งน่าจะรู้นะ” โฮเชนพูดต่อ

    “เออ ผมยิงเธอเองลุง พอใจยัง??” จินถามไป และไม่นานนักโฮเชนก็เก็บของอะไรเสร็จแล้ว

    “เฮ้ย โทษทีนะที่ต้องเดินทางต่อ เอ็งยังไม่ได้พักเลย แต่ไม่ต้องห่วง ที่นิวยอร์กฉันเตรียมที่พักให้แล้ว ตามมา” โฮเชนพูดขึ้นและนำทางจินไปในทันที

    พวกเขาทั้งคู่เดินลงไปด้านล่างเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงจุดนัดพบที่พวกเขารอพบกับเวโรนิค ในตอนนั้นเองพวกเขาก็เห็นเวโรนิคกำลังยืนรออยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว พวกเขาทั้งคู่รีบไปหาเธอในทันที

    “เฮ้ มาช้านะพวกนาย” เวโรนิคพูดขึ้น

    “โห มาเร็วจริงๆเลยเจ๊” โฮเชนพูดขึ้น

    “ต้องรีบสิ ไม่งั้นตำรวจได้ปิดที่นี่ก่อนแน่ๆ” เวโรนิคพูดขึ้น

    “ผมว่า ป่านนี้ตำรวจน่าจะมากันเต็มแล้วหล่ะ” จินพูดขึ้น

    “อืม งั้นมาทางนี้เลย” โฮเชนพูดขึ้นจากนั้นก็รีบพาทุกคนไปยังลานจอดรถชั้นใต้ดิน เพื่อจะไปขึ้นรถ SUV ที่จอดรออยู่ พวกเขาเดินมาเรื่อยๆจนมาถึงรถ และไม่นานนัก พวกเขาก็พากันขึ้นรถในทันที แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ หลังจากที่พวกเขาออกจากโรงแรม เบลล่า เสี่ยวหลาน และนิโคลที่เพิ่งจะออกจากโรงแรมมาเพื่อหนีตำรวจก็มาเจอรถของพวกเขาเข้า พวกเธอทั้งสามคนเลยขับตามไปในทันที

    ===========================================================

    ตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร อย่าลืมติดตามชมกันเน้อ

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย 

    ให้ของขวัญเป็นกำลังใจกันได้ครัช ไหว้หล่ะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×