ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rob The World - จอมคนปล้นโลก (ปิดรับสมัครตัวละคร)

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 3 : เปิดใจ ความในใจของกลุ่ม

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.ย. 65


    รถของโกสต์และลีโอน่ารีบขับหนีออกจากโกดัง พวกเขาขับไปเรื่อยๆ ในขณะที่รถของศัตรูเองก็ไล่ตามมาเรื่อยๆ โกสต์และลีโอน่าขับไปทางนี้ทีทางนี้ที เพื่อพยายามจะสลัดรถพวกนั้นออก แต่ดูเหมือนว่าจะทำได้ลำบาก จนกระทั่งพวกเขาขับเข้าไปในซอยๆหนึ่ง ซึ่งพวกมันก็ไล่ตามมา แต่ก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่เจอกับรถของพวกเขาทั้งคู่แล้ว

    “เฮ้ย พวกมันหายไปไหนวะ??”

    “จะไปรู้ได้ไงหล่ะ ขับไปหาดิ” พวกมันพูดกัน ก่อนที่ไม่นานนักพวกนั้นก็รีบขับออกไปเพื่อตามล่ารถของโกสต์และลีโอน่า แต่ความจริงแล้ว พวกเขาขับไปจอดที่บริเวณโกดังแห่งหนึ่ง พวกเขาเอารถไปซ่อนไว้ที่นั่น ก่อนที่พวกเขาจะลงจากรถมาพูดคุยกันต่อ

    “โอเค ดูเหมือนจะพ้นแล้ว ว่าแต่พวกนายจอดรถเอาไว้ที่ไหนกันหล่ะ??” เน็ตโต้ถามโกสต์ไป

    “อ้อ ตามมาเลยทุกคน” โกสต์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็รีบพากลุ่มของเน็ตโต้ออกไปจากโกดัง พวกเขาเดินไปอีกประมาณ 2 ซอย พวกเขาก็เจอกับรถตู้สองคันที่กำลังจอดอยู่ 

    “โอเค รีบไปขึ้นรถกันเถอะ” ลีโอน่าพูดขึ้น ก่อนที่พวกเขาจะแยกย้ายกันไปขึ้นรถตู้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รีบขับรถออกไปจากพื้นที่อย่างรวดเร็ว

    หลังจากที่พวกเขาขับรถเข้าไปยังโกดังโกดังซึ่งเป็นแหล่งกบดานของเน็ตโต้ พวกเขาจอดรถตู้ที่ด้านหน้า โดยที่ในตอนนั้น หญิงสาวคนหนึ่งซึ่งได้มายืนอยู่หน้าโกดังก็โบกมือให้กับพวกเขา กลุ่มของเน็ตโต้ทุกคนรีบลงจากรถมาหาเธออย่างรวดเร็ว

    “ฮัลโหล ปล้นสนุกกันมั้ยทุกคน!!”

    “เฮ้ย คุณแมรี่ คุณมาที่นี่เองเลยเหรอ??” เน็ตโต้ถามเธออย่างตื่นเต้น

    “ใช่สิ ฉันอยากเห็นงานแรกของเธอไง เน็ตโต้ ดูเหมือนจะจัดชุดใหญ่ไฟกะพริบเลยนะ” 

    “อ้อครับ ถ้าอย่างงั้นเราไปกันข้างในดีกว่านะ” เน็ตโต้พูดขึ้น จากนั้นไม่นานพวกเขาทุกคนก็รีบเข้าไปในโกดังอย่างรวดเร็ว พวกเขาเดินไปที่โต๊ะเดินที่พวกเขาใช้วางแผน จากนั้นก็วางเงินที่ได้มาอย่างรวดเร็ว

    “โอเค ถ้างั้นก็มานับเงินกันเลย” อีสครินน่าพูดขึ้น ก่อนที่พวกเขาจะหยิบเอาแบงค์มาช่วยกันนับเงินที่พวกเขาปล้นมาได้ ใช้เวลาในการนับซักพัก พวกเขาก็สามารถสรุปยอดเงินได้

    “4 ล้านเหรียญกว่าๆ!!” เน็ตโต้พูดขึ้น ทำเอาทุกคนในนั้นถึงกับดีใจกันเป็นอย่างมาก 

    “ถ้าหาร 12 คน ก็น่าจะได้ซัก คนละ 3 แสนกว่าๆ ตีไปคนละ 3 แสนเลย” มารินะพูดขึ้น

    “เดี๋ยว แต่ก็ยังมีเศษอยู่นี่ ฉันขอเถอะนะ” คาซึฮะพูดขึ้น

    “นี่ ถามจริง เธอทำอะไรบ้างนอกจากเล่นโทรศัพท์เนี่ย??” เคทาโร่ถามไป

    “เอ้า แต่ฉันก็ร่วมในการปล้นด้วยนะ!!” คาซึฮะพูดออกมาดังลั่น

    “เอาเถอะๆ เศษนิดๆหน่อยๆ พวกนายเอาไปแบ่งกันเถอะ ไม่เป็นไรหรอก” เน็ตโต้บอกกับทุกคนไป 

    “วันหลังก็หัดทำอะไรให้เป็นประโยชน์บ้างนะ” ฮาสน่าพูดกับคาซึฮะ แต่คาซึฮะก็ได้แต่เบะปากไป

    “เอาเถอะ แค่คนละ 3 แสนก็น่าจะพอแล้วหล่ะ ว่ามั้ย” อาร์เทมพูดขึ้น

    “แต่จะว่าไป พวกเราก็ทำงานเข้าขากันดีเหมือนกันนะ” แคทเทอรีนพูดขึ้น

    “โอเค ตอนนี้เราแยกย้ายกันไปทำลายหลักฐานก่อนดีกว่า” เจ๋การณ์พูดขึ้น 

    “เอาหล่ะทุกคน 4 ล้านใช่หรือเปล่า เอาเงินส่วนนี้ไปแล้วกัน” แมรี่พูดขึ้นจากนั้นก็เอากระเป๋าใบหนึ่งมาให้กับพวกเขา ซี่งด้านในนั้นมีเงินสดกองกันอยู่เป็นฟ่อนๆ

    “ในนี้มีอยู่ประมาณ 4 ล้าน เป็นเงินที่ฟอกแล้ว ถ้าพวกนายเอาเงินที่ปล้นมาได้ไปใช้ พวกธนาคารมืดมันต้องจับร่องรอยได้แน่ๆ ฉันจะแบ่งเงินให้พวกนายตรงนี้เลย” แมรี่พูดขึ้น 

    “เออ เห็นด้วยนะคะ” เคทพูดขึ้น ก่อนที่แมรี่จะแบ่งเงินให้กับพวกเขาไปคนละประมาณ 3 แสน คาซึฮะเองได้มากกว่าคนอื่นเพราะตัวของเธอขอเศษเงินที่เหลือ แม้ทุกคนจะไม่ค่อยเต็มใจแต่ก็ไม่อยากจะพูดอะไรมาก

    “โอเค ฉันขอเอาเงินตรงนี้ไปนะ เน็ตโต้ ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ” แม่รี่พูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็เอาเงินในส่วนที่เน็ตโต้ปล้นมาได้ไป จากนั้นก็ออกไปคุยกับเน็ตโต้ด้านนอก

    “เน็ตโต้ นายหาลูกทีมได้ดีนี่ ว่าแต่ พวกเขาเก่งอะไรกันบ้างหล่ะ??” แมรี่ถามไป

    “อ้อ ผมมีนักสู้ที่เก่งที่สุด พลขับสองคน ซือเจ๋ช่างกล นักมายากล นักสะเดาะกลอน แฮ็กเกอร์ชั้นเทพ ผู้เชี่ยวชาญอาวุธ นักเจรจา หมอก็มีนะ แล้วก็ตัวแถมก็มีนะ เออนี่คุณแมรี่ คุณได้พบกับคุณอดัมบ้างหรือเปล่า ผมอยากเจอกับเขา??” เน็ตโต้ถามไป

    “อ้อ เราก็ยังติดต่อกันเรื่อยๆหน่ะ ไม่ต้องห่วง เขาต้องกลับมาเจอกับนายแน่ ตอนนี้นายไปทำความรู้จักกับลูกทีมของนายเพิ่มเติมเถอะ ไว้เจอกันนะ” แมรี่พูดขึ้น ก่อนที่ตัวของเธอจะเดินออกไปขึ้นรถด้านนอก ส่วนตัวของเน็ตโต้เองก็กลับเข้าไปเจอกับทุกคนที่กำลังมีความสุขกับเงินที่ได้มาในตอนนี้

    “เฮ้ หายไปคุยอะไรกันมาเนี่ย??” คาซึฮะตะโกนถามเน็ตโต้ไป

    “อ้อ ไม่มีอะไรหรอก ฉันกับคุณแมรี่หน่ะไม่ได้เจอกันมานานมากแล้ว เธอคือคนที่ช่วยชีวิตฉัน ตั้งแต่สมัยยังเด็กๆ เท่าที่จำความได้ ฉันเองเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่เคยมีชื่อเป็นของตัวเองด้วยซ้ำ ฉันถูกบังคับให้ขอทานตั้งแต่ยังเด็ก วันหนึ่งฉันถูกซ้อมเกือบตาย แต่คุณอดัมของฉันมาช่วยฉันเอาไว้ เขาตั้งชื่อให้ฉัน เขาสอนอะไรฉันหลายๆอย่าง แต่ตัวเขาเองก็ไม่ค่อยอยู่เป็นที่นักหรอก ส่วนคุณแม่รี่ ฉันเคยเจอเธอครั้งสองครั้งหน่ะ ว่าแต่เรื่องของพวกนายหล่ะ เป็นยังไงกันบ้าง??” เน็ตโต้ถามทุกคนอย่างซื่อๆไป ในตอนนั้นทุกคนเองก็นั่งที่เก้าอี้ แต่ละคนก็พูดขึ้นมาในทันที โดยเริ่มจากแคทเทอรีนก่อน

    “โอเคทุกคน ฉันมาจากฝรั่งเศสนะ พ่อของฉันเป็นตำรวจ แต่ไปขัดขากับนายตำรวจใหญ่ที่ชอบรับส่วยจากพวกนายทุน พ่อฉันสอนเสมอว่าความยุติธรรมมีอยู่จริงเสมอ แต่วันที่ฉันเรียนจบหมอ พ่อฉันไม่มาวันรับปริญญา พอฉันกลับบ้านฉันก็เข้าใจทุกอย่าง พ่อฉันถูกซ้อมจนตาย แต่ดูเหมือนว่าพวกมันจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันพยายามจะลืมทุกอย่าง เลยต้องมาเป็นจิตแพทย์ที่อเมริกานี่หล่ะ” แคทเทอรีนพูดขึ้น

    “โห เรื่องของเธอน่าเศร้าจังเลยนะ ของฉันหน่ะเหรอ ฉันเกิดที่อิตาลี ฉันเป็นเด็กกำพร้า แต่เติบโตมาในโบสถ์ วันหนึ่งแม่ชีที่รับผิดชอบงานทุกอย่างในโบสถ์ถูกฆาตกรรมปริศนา แถมโบสถ์ก็โดนทุบไล่ที่เอาไปทำเป็นห้างสรรพสินค้า ฉันลองสืบเรื่องราวทั้งหมด พบว่านายทุนห้างสรรพสินค้ามันอยู่เบื้องหลังทั้งหมด ทั้งฆ่าพวกแม่ชีและทำลายโบสถ์ไล่ที่ ฉันเลยเป็นนักต้มตุ๋นหลอกเงินพวกมันจนถึงทุกวันนี้ไง” ฮาสน่าพูดขึ้น

    “ก็พี่เกิดมาสวยนี่หน่ะ แต่หนูหน่ะสิ หนูเกิดในสลัม พอเป็นเด็กหนูก็งัดบ้านคนหากินแล้ว หนูเคยมีเพื่อนสนิทที่ออกปล้นด้วยกัน แต่เธอถูกฆาตกรต่อเนื่องที่กำลังโด่งดังอยู่ฆ่าตายหน่ะ” เคทพูดขึ้น

    “อ้อ ฆาตกรต่อเนื่องที่กำลังอาละวาดในชิคาโก้ ที่ฆ่าแต่ผู้หญิงสินะ เฮ้อ เอาจริงๆฉันเองก็เรียนจบวิศวกรรมมา พอฉันกลับบ้านมา ก็พบว่าบ้านฉันโดนไฟเผาไปจนวอด พ่อฉันก็โดนไอ้พวกกลุ่มคนที่เผาบ้านมันฆ่าตาย พอฉันสืบเรื่องราวทุกอย่างก็พบว่าไอ้นายทุนที่มีปัญหากับพ่อฉันมันอยู่เบื้องหลัง” เจ๋การณ์พูดขึ้น

    “ของฉันเหรอ พวกนายพอจะตามข่าวที่ไอ้ลูกคนรวยคนนึงมันขโมยรถออกมาขับเล่น ดื่มเหล้าจนเมาปลิ้นและพุ่งชนร้านอาหารได้หรือเปล่าหล่ะ ในร้านนั้นก็มีครอบครัวของฉันด้วย พ่อแม่ฉันตายและฉันก็เกือบตาย แต่ไอ้ระยำนั่นมันไม่โดนอะไรเลย ทุกวันนี้ฉันพยายามหาทางตามล่ามันอยู่” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “ฉันเหรอ ฉันเป็นทหาร รบอยู่ในยูเครน วันหนึ่งฉันโดนพวกข้าศึกจับไป พวกมันทรมานฉัน แต่ฉันหนีออกมาได้ ฉันฝากรอยแผลให้กับหัวหน้าของมันคนหนึ่ง มันพยายามตามล่าฉัน จนฉันต้องหนีมาที่นี่หน่ะ” อาร์เทมพูดขึ้น

    “นายก็เป็นทหารเหรอ ฉันเองก็เป็นทหารเหมือนกัน แต่ฉันอยู่หน่วยช่างอาวุธนะ ไม่ได้อยู่หน่วยรบหรอก วันนึงฉันโดนคนตามล่า และไอ้บ้านั่นดันเป็นสมาชิกของพวกสภาเงาด้วย” มารินะพูดขึ้น

    “ส่วนฉันเองก็เคยเป็นนักแข่งรถนะ ฉันเป็นนักแข่งชื่อดัง วันหนึ่งฉันไม่ยอมล้มการแข่งขันตามที่ไอ้บ้าคนนึงมันสั่งมา สุดท้ายรู้มั้ยมันทำอะไรกับฉัน มาฆ่าครอบครัวของฉันหมด ทำให้ทุกอย่างดูเหมือนอุบัติเหตุ มีคนช่วยฉันไว้ เปลี่ยนชื่อแซ่ให้ฉัน ความจริงแล้วชื่อเก่าฉันคือมาเรีย สติงเรย์” ลีโอน่าพูดขึ้น ทำเอาโกสต์ถึงกับปรบมือดังลั่น

    “กะแล้ว ฉันก็คุ้นๆหน้าเธออยู่ ฉันเองก็นับถือเธอนะ พวกนายรู้หรือเปล่าฉันเคยเป็นลูกเศรษฐี แต่วันหนึ่งครอบครัวล้มละลาย เพราะครอบครัวฉันโดนโกง สุดท้ายฉันเหมือนพระเจ้าตกสวรรค์ ฉันต้องใช้ชีวิตแบบปากกัดตีนถีบ ฉันมารู้ตัวเองว่าชอบการแข่งรถ เลยต้องมาแข่งรถหาเงินใช้หนี้หน่ะ ไม่น่าเชื่อว่าไอ้พวกเจ้าหนี้ฉันมันจะซื้อตำรวจไว้หมดแล้ว” โกสต์พูดขึ้น

    “พวกนายส่วนใหญ่มีแต่พวกที่โดนนายทุนเล่นงานมาเลยนะ ส่วนฉันเอง ฉันเกิดที่ญี่ปุ่น ได้เงินทุนมาเรียนที่นี่ ฉันชอบคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่เด็ก ตอนเด็กๆฉันแฮ็กเว็บไซต์และธนาคารต่างๆ หาเงินได้เป็นกอบกำเป็นกำ ตอนนี้ยากหน่อยเพราะพวกธนาคารมืดมันสามารถตามรอยบัญชีปลายทางได้แล้ว” เคทาโร่พูดขึ้น

    “อืม ฉันเข้าใจความรู้สึกของพวกนายทุกคนนะ ว่าแต่เธอหล่ะ ไม่มีอะไรจะพูดหน่อยเหรอ??” เน็ตโต้หันไปถามคาซึฮะที่ยังไม่ได้แนะนำประวัติตัวเอง คาซึฮะตัวสั่นเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น

    “ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่ฉันโดนไล่ออกจากบ้าน บ้านฉันเป็นเศรษฐี แต่ฉันไม่ชอบชีวิตที่คนจนโดนเอาเปรียบหน่ะ พวกเขาเลยมองฉันเป็นตัวประหลาด” คาซึฮะพูดขึ้น ทำเอาเน็ตโต้ต้องคอยปลอบใจเธอ แต่ดูเหมือนว่าคนอื่นจะไม่ค่อยเชื่อเธอเท่าไหร่

    “เอาเถอะ ฉันเข้าใจความรู้สึกของทุกคนนะ แต่ถ้าเกิดเราไม่มีเงิน ไม่มีอำนาจมากพอ เราก็แก้แค้นกันไม่ได้หรอก” เน็ตโต้พูดขึ้น

    “นั่นสิ โลกนี้มีเงินก็มีทุกอย่างหล่ะนะ” ฮาสน่าพูดขึ้น

    “เอาเป็นว่า ต่อจากนี้ไป พวกเราเป็นทีมเดียวกันแล้วนะ ปัญหาของพวกนายก็คือปัญหาของฉันนั่นหล่ะ” เน็ตโต้พูดขึ้น

    “เอาเถอะ ว่าไงว่าตามกันเลย” โกสต์พูดขึ้นพลางนั่งไขว้ห้างอย่างสบายใจ

    “อืม ฉันขอร่วมด้วยคนแล้วกัน” ฮาสน่าพูดขึ้น

    “อืม ฉันเอาด้วยคน” เคทพูดขึ้น

    “ก็ดีนะ ถ้าใครโดนยิงมาก็บอกฉันแล้วกัน” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “ฉันเอาด้วยก็แล้วกัน” แคทเทอรีนพูดขึ้น

    “ฉันเองก็ไม่มีที่ไปแล้ว ว่าไงก็ว่าตามกันเลย” ลีโอน่าพูดขึ้น

    “ดูเหมือนพวกนายคงจะต้องมีคนแนะนำอะไรหลายๆอย่างด้วยหล่ะนะ” เจ๋การณ์กอดอกแล้วพูดขึ้น

    “เออ ฉันลุยด้วยก็แล้วกัน” อาร์เทมพูดขึ้น

    “พวกนายว่าไงฉันก็ว่างั้นเลย” มารินะพูดขึ้น

    “ฉันเอาด้วยถ้าได้เงินนะ ว่าแต่เธอ จะเอายังไง??” เคทาโร่หันไปถามคาซึฮะ

    “ฉันจะทำไงได้หล่ะ ก็เอาด้วยสิ” คาซึฮะพูดขึ้นพลางกอดอกไป

    “โอเค เอาไว้ถ้ามีงานใหม่ฉันจะติดต่อพวกนายไปก็แล้วกัน” เน็ตโต้บอกกับทุกคนไป

    “เฮ้ ว่าแต่ นายจะเอาเงินไปทำอะไรหล่ะ??” เจ๋การณ์ถามอย่างสงสัย

    “ฉันว่าจะเอาไปเลี้ยงอาหารเด็ก แล้วก็แจกพวกคนไร้บ้านหน่อยหน่ะ” เน็ตโต้พูดขึ้น 

     

    ณ บ้านพักหลังใหญ่หลังหนึ่งย่านชานเมืองอีสตันบลู กลุ่มของอดัมได้มาติดต่อกับแก๊งของเขาในพื้นที่เพื่อเตรียมทำงานที่เช็ก หลังจากที่พวกของอดัมได้ประชุมกับแก๊งของเขาในพื้นที่เรียบร้อยแล้ว ในตอนนั้นก็มีโทรศัพท์สายหนึ่งดังขึ้นมา อดัมรีบดูโทรศัพท์ในทันที

    “เฮ้ พวกเรา แมรี่โทรมา” อดัมบอกกับพรรคพวกคนอื่นๆของเขา และในตอนนั้นพวกเขาก็เดินเข้าไปในห้องๆหนึ่ง จากนั้นอดัมก็รับสายแมรี่อย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ คุณอดัม!!”

    “แมรี่ กำลังคิดถึงอยู่พอดี เน็ตโต้เป็นยังบ้างหล่ะ??” อดัมถามไป

    “ดูเหมือนว่าเขาจะสบายดีนะ แล้วอีกอย่าง พรรคพวกของเขาก็ดูจะมีฝีมือด้วย ดูจากงานแรกที่พวกนั้นทำ พวกสภาเงามันตามรอยพวกเขาไม่เจอเลย” แมรี่พูดขึ้น

    “เฮ้ย หมอนั่นริอาจปล้นธนาคารมืดแล้วเหรอ โคตรเจ๋งเลยหว่ะ!!” ปีเตอร์พูดอย่างตื่นเต้น

    “เออดิ เดี๋ยวนี้คงจะโตเป็นหนุ่มแล้ว” มิลเลอร์พูดขึ้น

    “เออ ว่าแต่ ลูกทีมของหมอนั่นเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” อดัมถามไป

    “ฉันว่าหน่วยก้านดีกันเลยทีเดียวนะ” แมรี่พูดขึ้น

    “เฮ้อ ฉันว่าหมอนั่นคงจะดังอีกไม่นานแน่นอน” มาร์ตินพูดขึ้น

    “เออนี่ เอาไว้ฉันจะลองตรวจสอบประวัติลูกทีมของเขาอีกทีด้วยก็แล้วกัน เพราะบางทีฉันก็ได้กลิ่นแปลกๆหน่ะ” แมรี่พูดขึ้น

    “อ้อ อย่างงั้นเหรอ ยังไงฉันก็ฝากหมอนั่นหน่อยก็แล้วกัน” อดัมพูดขึ้น

    “เออนี่ ว่าแต่หมอนั่นได้เงินมากี่ล้านหล่ะ??” มาร์ตินถามไป

    “ประมาณ 4 ล้านสองได้” แมรี่พูดขึ้น

    “โห ได้ตั้ง 4 ล้านเลยเหรอ โคตรเจ๋งเลย” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “อืม ดูท่าจะได้ลูกทีมที่ดีนะเนี่ย” วิลเลี่ยมพูดขึ้น

    “เอาเถอะ ช่วงนี้ฉันอาจจะไม่ได้ติดต่อไปนะ ฉันมีงานต้องทำที่เช็กหน่ะ เอาไว้ว่างๆฉันจะไปเยี่ยมนะ” อดัมบอกกับแมรี่ไป

     

    กลับมายังประเทศจีน ประธานาธิบดีเฟยจินในวันนี้ได้เดินทางไปยังสถานบังคับบัญชาสำหรับการเตรียมการกวาดล้างกลุ่มสามเซียนซึ่งกำลังขยายอิทธิพลอยู่ในจีน พวกเขาตรวจสอบและติดตามบรรดาหัวหน้าแก๊งแต่ละคนอย่างจริงจังราวกับพยัคฆ์คุมเหยื่อ โดยการอัพเดทสถานการณ์เป็นไปอย่างต่อเนื่อง

    “ตอนนี้หัวหน้าหน่วยที่ 1 ของสามเซียน ปีเตอร์ เหยา กำลังจะเดินทางไปสิงคโปร์ครับ”

    “เอ๊ะ ปีเตอร์ เหยา คุ้นๆแหะ” เฟยจินถามอย่างสงสัย

    “ปีเตอร์ เหยา เชื้อชาติจีนโดยกำเนิด แต่มีสัญชาติเป็นพลเมืองสิงคโปร์ มีหมายจับหลายประเทศ ทั้งในสหรัฐ อังกฤษ หมอนี่มันปีศาจโดยแท้ครับ” ผบ.ตร. พูดขึ้น

    “ถ้าระดับหัวหน้าหน่วยที่ 1 ขยับตัว ดูเหมือนว่างานนี้สำคัญแน่ๆ แล้วหมอนั่นจะไปที่ไหนหล่ะ??” เฟยจินถามไป

    “จากที่มีการติดตามข้อมูล น่าจะเป็นญี่ปุ่นครับ” ทหารคนหนึ่งพูดขึ้นในขณะที่พยายามแกะรอย

    “กะแล้วไม่มีผิด ผมว่าพวกนั้นคงกำลังจะเปิดศึกกับแก๊งยากูซ่าในญี่ปุ่นแน่นอนครับ มีข่าวมาว่าแก๊งในสึชิมะเองก็เพิ่งจะโดนกวาดล้างไปแล้ว” ผบ.ตร. พูดขึ้น

    “แต่ว่า ถ้าพวกมันคิดจะไปที่นั่น พวกมันก็ต้องปะทะกับแก๊งมังกรดำสิ แล้วมันจะไม่มีปัญหาเหรอ??” เฟยจินถามอย่างสงสัย

    “พวกมันเพิ่งจะสงบศึกกันไม่นานนี่เองครับ แต่ข่าวนี้ยังไม่ยืนยันนะครับ” ผบ.ตร. พูดต่อ

    “ถ้าระดับหัวหน้าหน่วยที่ 1 เข้าเขตศัตรูได้ ฉันว่าไม่ต้องยืนยันข่าวแล้วหล่ะ แล้วหมอนั่นจะเข้าประเทศยังไงหล่ะ??” เฟยจินถามไป

    “พวกนั้นเข้าประเทศผ่านทางเรือยอร์ช ซึ่งมีท่าเรือลับที่สามารถเข้าญี่ปุ่นได้อย่างไม่มีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ครับ” ผบ.ทบ. พูดขึ้น

    “แล้วทำไมถึงไม่มีเรือลาดตระเวนญี่ปุ่นไปแถวนั้นเลยหล่ะ??” เฟยจินถามไป

    “เรือลาดตระเวนส่วนใหญ่ กำลังลาดตระเวนอยู่บริเวณหมู่เกาะที่กำลังมีการพิพาทกับเราอยู่ครับ” ผบ.ทบ. พูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น เรือลาดตระเวนส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกเรือตรวจการณ์ เผลอๆอาจจะมีการติดสินบนเจ้าหน้าที่ละแวกนั้นด้วย ฉันว่าเราน่าจะต้องเจรจากับทางญี่ปุ่นแล้วหล่ะ” เฟยจินพูดขึ้น

    “เออ เอาจริงเหรอครับ??”

    “ฉันว่าทางญี่ปุ่นเองก็คงต้องการกวาดล้างแก๊งยากูซ่าในพื้นที่ของพวกเขาเหมือนกัน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดถึงเรื่องอะไรพวกนี้หรอก คงต้องให้คณะทูตของเรารีบทำอะไรหน่อยหล่ะ” เฟยจินพูดขึ้น

    “ครับ ตามที่ท่านว่าเลยครับ” ผบ.ทบ. พูดขึ้น

    “หวังว่ารัฐบาลของทางนั้นเองก็คงจะคิดเหมือนกันนะ ตอนนี้เราทำลายเครือข่ายของพวกมันในประเทศก่อนดีกว่า” เฟยจินพูดขึ้น

     

    และที่ซีอาน สำนักของตระกูลลี่ หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น การแสดงงิ้วงของลี่หลินเองคนก็เริ่มมาดูน้อยลงเนื่องจากว่าต้องป้องกันตัวเอง และไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ ตัวของฮั่นหยางเองที่มองเวทีด้านหน้าก็เดินเข้ามาหาลี่หลินที่กำลังนั่งแต่งหน้าอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งตัวหนึ่ง

    “ลี่หลิน วันนี้คนบางตามากเลยนะ”

    “ต่อให้เหลือแค่คนเดียว หนูก็จะเล่นค่ะ” ลี่หลินตอบไปในขณะที่กำลังเขียนคิ้ว

    “เอาเถอะ ตอนนี้คนของพี่เตรียมพร้อมแล้วหล่ะ”

    “ค่ะ หนูเชื่อพี่ค่ะว่าพี่ทำได้” ลี่หลินพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็แต่งหน้าของเธอต่อไป

    “วันนี้แต่งสวยเป็นพิเศษเลยนะเนี่ย” ฮั่นหยางพูดขึ้น

    “แน่นอนสิพี่ วันนี้หนูจะเล่นเรื่องที่หนูชอบมากๆเลยนะคะ” ลี่หลินพูดขึ้น

    “เรื่องที่ชอบมาก เธอจะเล่นเป็นมู่หลานเหรอ??” ฮั่นหางถามไป

    “ค่ะ ตอนที่ออกต่อสู้ด้วยนะพี่” ลี่ลหนิงพูดขึ้น จากนั้นไม่นานเธอก็ลุกขึ้น แล้วก็หยิบทวนเล่มหนึ่งสำหรับใช้ในการแสดงขึ้นมา จากนั้นก็ลองควงและร่อนมันอย่างรวดเร็ว

    “โห เยี่ยมยุทธ์จริง” .ฮั่นหยางพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็รีบมารายงานอะไรบางอย่างกับฮั่นหยางอย่างรวดเร็ว

    “ท่านครับ พวกเราพร้อมแล้วครับ!!”

    “ดี ถ้าเจอพวกมันจัดการได้เลย ไม่ต้องรอคำสั่ง” ฮั่นหยางพูดขึ้น ชายคนนั้นก้มหัวรับจากนั้นก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว

     

    กลับมายังสำนักของฮิเมะ หลังจากที่งานของฮิเมะในการโจมตีแก๊งยากูซ่ากลุ่มหนึ่งเสร็จเรียบร้อย พวกเขาก็กลับมาที่สำนัก ในตอนนั้นพวกเขาก็พบกับชายใส่สูทคนหนึ่งกำลังรออยู่ ชายคนนั้นเดินเข้ามาหาฮิเมะ จากนั้นก็โค้งคำนับไปหนึ่งที

    “สวัสดีครับ!!”

    “อืม นายสินะที่เอาของมาให้หน่ะ??” ฮิเมะถามไป

    “ใช่ครับ” ชายคนนั้นพูดขึ้น ก่อนที่จะยื่นกระเป๋าเอกสารใบหนึ่งให้กับฮิเมะ ฮิเมะเองหยิบเอากระเป๋ามาก่อนที่จะยื่นให้ลูกน้องของเธอ 

    “เปิดดูหน่อย” ฮเมะพูดขึ้น ลูกน้องของเธอเปิดกระเป๋า พร้อมกันนั้นก็เห็นเงินมากมายอยู่ในนั้น ลูกน้องของเธอใช้เวลาซักพักก็พูดขึ้น

    “ครบครับ!!”

    “อืม ยินดีที่ได้ร่วมงานด้วย” ฮิเมะพูดขึ้น

    “ครับผม ถ้าอย่างงั้นขอตัวนะครับ” ชายคนนั้นพูดขึ้น ก่อนที่จะเดินออกไปจากศาลเจ้าแห่งนั้นอย่างรวดเร็ว

    “ดูเหมือนว่าสงครามครั้งนี้จะดุเดือดจริงๆนะขอรับ”

    “นั่นสิ แต่ช่างมันเถอะ ขอให้มีเงินจ้างเราก็แล้วกัน” ฮิเมะพูดขึ้น

    “ขอรับ แล้วงานต่อไปของเราหล่ะขอรับ??”

    “ตอนนี้ยังไม่มี เอาไว้รอดูกันต่อก็แล้วกัน” ฮิเมะพูดขึ้น

     

    ณ ถนนเส้นหนึ่งในญี่ปุ่น ซึ่งมุ่งหน้าพากลุ่มของเซนไซกลับไปยังบาร์ของพวกเขา หลังจากที่พวกเขาจัดการเรื่องงานของเราจนเสร็จเรียบร้อย ตัวของเขาที่กำลังนั่งอยู่ในรถหรูก็คุยกับลูกน้องของเขาหลังจากที่งานเสร็จ

    “เฮ้อ ไม่น่าเชื่อว่างานนี้จะง่ายมาก” เซนโซพูดขึ้นในขณะที่เอนหลังนอนอย่างสบายใจ

    “ใช่ครับท่าน แต่หลังจากนี้ พวกมังกรดำเองก็ต้องเคลื่อนไหวแน่นอนครับ”

    “เฮ้อ ฉันไม่กลัวไอ้เจ็กระยำนั่นหรอก” เซนไซพูดขึ้น

    “แต่ตอนนี้พวกมันก็เริ่มขยายอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ ญี่ปุ่นทางใต้กำลังจะโดนพวกมันเขมือบอย่างสมบูรณ์แล้วครับ” 

    “ฉันไม่ยอมให้พวกมันทำได้มากกว่านี้หรอก แผ่นดินนี้เป็นแผ่นดินญี่ปุ่น ถ้าพวกมันคิดจะมา ฉันจะสับมือพวกมันทีละคนให้ดู” เซนไซพูดขึ้น

    “ครับ ผมทราบดีครับ”

    “เออ แล้วทางตระกูลตระกูลคารากุซะของตาแก่นั่นมีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง??” เซนไซถามไป

    “มีข่าวมาว่าพวกนั้นเรียกหัวหน้าหน่วยของทุกหน่วยมาพบแล้วครับ”

    “อืม ยังดีที่ตาแก่นั่นไม่นิ่งเป็นเตมีร์ใบ้ ถ้าเกิดว่าพวกนั้นเคลื่อนไหว คงไม่มีอะไรต้องกังวลแล้วหล่ะ” เซนไซพูดขึ้น

    “แต่มีข่าวมาว่าพวกมังกรดำตอนนี้ เป็นมิตรกับพวกสามเซียนบนแผ่นดินใหญ่จีนแล้วนะครับ??”

    “แบบนั้นประธานาธิบดีจีนคนใหม่ไม่ยอมหรอก ฉันได้ข่าวมาว่าแม่นี่เป็นสายเหยี่ยวด้วย คงต้องเปิดศึกล้างผลาญแน่ๆ” เซนไซพูดขึ้น

    “ครับ ผมก็หวังว่าคนใหม่จะมีน้ำยานะครับ”

    “ฉันว่ายังไงก็มีน้ำยา เชื่อฉันสิ” เซนไซพูดขึ้น

     

    ณ บ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบ้านของหัวหน้าแก๊งโอนิวะซึ่งเพิ่งจะโดนโจมตีไป อลิซและยูกิ เพื่อนนักข่าวของเธอเดินทางมาถึงได้ไม่นาน พวกเธอก็พบกับกลุ่มตำรวจที่มาล้อมที่หน้าบ้าน พวกเธอรีบจอดรถบริเวณนั้น จากนั้นก็รีบเดินไปที่หน้าบ้านทันที

    “โอเค มาถึงแล้ว ต้องรีบหน่อยหล่ะ” อลิซพูดขึ้น

    “เฮ้ อลิซ ใจเย็น ตำรวจอยู่กันเต็มเลยนะ” ยูกิพูดขึ้น และเมื่อพวกเธอมาถึงหน้าบ้าน พวกเธอก็เห็นสภาพของที่เกิดเหตุซึ่งเต็มไปด้วยเลือด รวมถึงบรรดาเจ้าหน้าที่ที่รีบเก็บศพออกไป ตำรวจที่เฝ้าอยู่ข้างหน้าบ้านเมื่อพวกเขาเจอเธอสองคนก็ห้ามเอาไว้

    “นี่ พวกเธอเป็นใครกัน??”

    “พวกฉันเป็นนักข่าวนะ” อลิซพูดเป็นภาษาอังกฤษกับตำรวจพวกนั้น ในขณะที่ยูกิเองก็พูดญี่ปุ่นกลับไปหาตำรวจพวกนั้น

    “ที่นี่ห้ามนักข่าวเข้ามาครับ!!”

    “อลิซ ไปก่อนเถอะ พวกเขาบอกว่าห้ามนักข่าวเข้า” ยูกิบอกกับเธอไป

    “ก็ได้ ฉันจะอ้างคำพูดของพวกคุณทุกคำเลย” อลิซพูดขึ้น ก่อนที่ตัวของเธอจะเดินออกไป และยูกิเองก็เดินตามไปติดๆ

    “เสียดายจัง ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น”

    “แต่ฉันพอเดาได้ ว่าพวกมันเป็นใคร” อลิซพูดขึ้น

    “เออ นี่เธอคิดว่าเป็นพวกนั้นงั้นเหรอ??” ยูกิถามไป

    “ไม่ได้คิด แต่มั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์เลยหล่ะ” อลิซพูดขึ้น

    “เออ แล้วเธอจะเอายังไงต่อหล่ะ??” 

    “ฉันคงต้องไปสืบที่รังของพวกมันเองหล่ะ” อลิซพูดขึ้น

    “เฮ้ย นี่เธอเอาจริงเหรอ พวกมันอันตรายมากเลยนะ??”

    “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่กลัวพวกมันหรอก” อลิซพูดขึ้น ก่อนที่พวกเธอจะรีบขึ้นรถไป

    “เอาเถอะ เรื่องนี้เธอต้องระวังให้มากหน่อยนะ” ยูกิพูดขึ้น

    “ฉันรู้ ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่กลัวพวกนั้นหรอก” อลิซพูดขึ้น

    “นี่ มันไม่สนหรอกนะว่าเธอจะเป็นชาวต่างชาติหรือเปล่า พวกมันฆ่าไม่เลี้ยงเลยนะ”

    “พวกมันยังไม่รู้จักฉันดีพอหรอก” อลิซพูดขึ้น

     

    กลับมายังปราสาทของตระกูลคารากุซะ ในวันนั้นตัวของอาราตะเองก็กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ในห้องของเขา พร้อมกันนั้นก็ติดต่อกับบุตรสาวของเขาซึ่งนั่นก็คือฮิคาริ แต่ในระหว่างที่คุยกัน อิชิโซหัวหน้าหน่วยที่ 1 ก็เดินเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็วเพื่อมาคุยด้วย

    “เออ เดี๋ยวพ่อกลับมาคุยนะ” อาราตะพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะกดพักสายโทรศัพท์ก่อน จากนั้นก็เดินไปหาอิชิโซอย่างรวดเร็ว

    “มีข่าวใหม่งั้นเหรอ??” อาราตะถามไป

    “มีข่าวยืนยันมาว่า ปีเตอร์ เหยา สมาชิกคนสำคัญของพวกสามเซียนบนแผ่นดินใหญ่ กำลังเดินทางมาญี่ปุ่นครับ”

    “ห่ะ จริงเหรอ ถ้าระดับหัวหน้าหน่วยคนสำคัญมาญี่ปุ่นได้ ดูเหมือนข่าวที่ว่าพวกสามเซียนกับพวกมังกรดำจับมือกัน น่าจะเป็นเรื่องจริงนะ” อาราตะพูดขึ้น

    “ถ้าเกิดว่าพวกมันทั้งสองฝ่ายจับมือกัน งานของเราจะยากขึ้นครับ”

    “ถ้าไม่อย่างงั้น เราก็คงต้องชิงลงมือก่อนหล่ะ” อาราตะพูดขึ้น

    “ครับ ตอนนี้ผมให้หัวหน้าหน่วยอื่นๆไปจัดการแล้วครับ”

    “อืม เราต้องกวาดล้างพวกมังกรดำอย่างเร่งด่วนเลย ไม่ต้องสนว่าพวกมันจะอยู่ที่ไหน รวมถึงคนที่เกี่ยวข้องกับมันด้วย เราจะเล่นงานพวกมันให้หมด” อาราตะพูดขึ้น

    “ครับ รับทราบครับ” อิชิโซพูดขึ้น

    “เออ แล้วบนแผ่นดินใหญ่ตอนนี้มีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง??” อาราตะถามไป

    “ตอนนี้ประธานาธิบดีคนใหม่ของจีน กำลังมุ่งเน้นเรื่องการกวาดล้างพวกสามเซียนบนแผ่นดินใหญ่ครับ”

    “อืม แต่ไม่รู้ว่าคนในรัฐบาลมีใครเป็นพวกสามเซียนหรือเปล่านะ” อาราตะพูดขึ้น

    “จากที่เราสืบข่าวมา มีคนหนึ่งที่มีความสัมพันธ์กับพวกสามเซียน ชื่อจาง เซี่ย เว่ย รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ ดูเหมือนว่ากำลังจะก่อคลื่นใต้น้ำกับประธานาธิบดีเฟยจินครับ”

    “อืม แล้วเรารู้อะไรเกี่ยวกับมันอีกหล่ะ??” อาราตะถามไป

    “ลูกสาวของมันจางเหม่ยจิง เพิ่งจะแต่งงานกับลูกชายของหัวหน้าแก๊งสามเซียนไป นับจากนั้น อิทธิพลของมันก็เริ่มมีมากขึ้นครับ”

    “สงสัย คงต้องตัดไฟแต่ต้นลมแล้วหล่ะ” อาราตะพูดขึ้น

     

    ณ เวิ้งฟ้าแห่งหนึ่งในยุโรป เครื่องบินของกองกำลัง Vipernox ซึ่งกำลังเดินทางไปยังสวิส เพื่อตามล่าตัวของมาคารอฟ และไม่นานนัก นักบินก็ประกาศเสียงตามสายไปบอกกับทุกคน

    “เอาหล่ะทุกคน อีก 10 นาทีจะถึงสนามบินซูริคนะ!!”

    “โอเค ทุกคน ใกล้จะถึงสวิสแล้วหล่ะ” วาลพูดขึ้น 

    “เอาเถอะ ว่าไงว่าตามกันเลยครับ” แร็คนาร็อกพูดขึ้นในขณะที่กำลังนั่งเล่นเกมบนเครื่องบินอย่างสบายใจเฉิบ

    “โห ชีวิตนี้ขาดเกมไม่ได้เลยเหรอครับพี่??” นิโคลัสถามไป

    “ตอนนี้อาวุธของเราเตรียมพร้อมหมดแล้ว พร้อมจะลุยทุกเมื่อแล้วหล่ะ แต่ปัญหาก็คือ เราไม่รู้ว่าพวกมันอยู่ที่ไหนหน่ะสิ” แอนติโนไมท์พูดขึ้น

    “อืม ตอนนี้หน่วยเหนือของเรากำลังตามหาข้อมูลอยู่ ไม่แน่นะ เราอาจจะเจอสายของพวกหน้ากากทองก็ได้” วาลอธิบายกับทุกคน

    “พวกหน้ากากทอง โอโห พวกนี้ยิ่งกว่าโจรซะอีกนะครับ” นิโคลัสพูดขึ้น

     “อืม จะว่าไปพวกนี้เนี่ย ไม่มีใครเคยเห็นตัวจริงของพวกมันเลยนะ” แร็คนาร็อกพูดขึ้น

    “ใช่แล้วหล่ะ พวกนี้มันใช้ชื่อปลอมหลายชื่อ ไหนจะพาสปอร์ตปลอมอีก ได้ยินว่าชื่อปลอมของพวกมันมีเป็นร้อยๆชื่อเลย” แอนติโนไมท์พูดขึ้น

    “ใช่แล้วหล่ะ ล่าสุดมีข่าวมาว่ามันเพิ่งจะออกจาก UAE แต่ที่หมายของพวกมันต่อไปตอนนี้ยังไม่มีใครรู้เลย” วาลพูดขึ้น

    “ผมว่า งานต่อไปของพวกมันอาจจะมายุโรปก็ได้ครับ” นิโคลัสพูดขึ้น

    “แล้วมันที่ไหนหล่ะไอ้น้อง มีตั้งหลายประเทศเลยนะ??” แร็คนาร็อกถามไปในขณะที่กำลังนั่งกดเกมอย่างต่อเนื่อง

    “นี่ วางจอยเกมก่อนก็ได้ แล้วค่อยพูดออกมา” แอนติโมไนท์พูดขึ้น

    “นั่นไม่ใช่หน้าที่ของเรา หน่วยเหนือจะจัดการเอง พวกเราแค่มาจัดการภารกิจของเราก็พอ” วาลพูดขึ้น

    “หวังว่าข่าวกรองของพวกนั้นจะแม่นยำนะ ดูอย่างคราวที่ปารีสสิ พวกเราเกือบโดนจับได้เพราะอะไรหล่ะ??” แร็คนาร็อกพูดขึ้น

    “เออใช่ เรื่องนี้นิโคลัสยังไม่เคยฟังนี่” แอนติโมไนท์พูดขึ้น

    “โห มันเกิดอะไรขึ้นเหรอพี่??” นิโคลัสถามไป

    “นี่ เรื่องมันนานมาแล้ว อย่ามารื้อฟื้นกันอีกสิ เอาเป็นว่าโฟกัสกับงานของเราดีกว่า ทุกคนจำไว้นะ พาสปอร์ตของเราเป็นพาสปอร์ตปลอม อย่าเปิดเผยตัวตนให้ใครรู้ แม้แต่ตำรวจท้องที่ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ปิดปากได้เลย” วาลพูดขึ้น

    “เรื่องนั้นก็พอรู้แล้วหล่ะครับ แต่จะบอกอะไรให้นะไอ้น้อง ไอ้มาคารอฟมันเหลี่ยมจัด เราต้องทันเกมมัน ถ้าโชคดี เราอาจจะจับตัวเครือข่ายของพวกหน้ากากทองได้เชียวนะ” แร็คนาร็อกพูดขึ้น

    “เฮ้อ อย่าเพิ่งหวังสูงเลย จับตัวมาคารอฟก่อนดีกว่า” แอนติโมไนท์พูดขึ้น

    “ว่าไงว่าตามกันเลยครับพี่” นิโคลัสพูดขึ้นในขณะที่เขาเดินไปเตรียมปืนของเขา และไม่นานนัก นักบินก็ประกาศอะไรบางอย่างออกมา

    “กำลังจะแลนดิ้งใน 1 นาที ทุกคนรัดเข็มขัด!!”

     

    กลับมายังบ้านพักของคาร์เมน หลังจากที่ตัวของคาร์เมนคิดนโยบายใหม่ออกมา ในตอนนี้มันก็ถูกเอาไปปรับใช้ทั่วห้างสรรพสินค้าของเธอ ทุกสาขา พร้อมกันนั้นเธอก็คอยดูผลการประกอบการไปด้วย 

    “เอาหล่ะ คุณเลขา ช่วยรายงานฟีดแบ็คให้ฉันฟังด้วย” คาร์เมนพูดขึ้น

    “ได้ค่ะ แต่คงยังไม่ได้เร็วๆนี้หรอกค่ะ” 

    “อืม ยังไงก็อัพเดทฉันเรื่อยๆแล้วกัน ดูจากโซเชียลช่องทางต่างๆหน่ะ” คาร์เมนพูดขึ้น

    “ค่ะ ดิฉันทราบค่ะ” เลขาพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก โทรศัพท์ของเลขาจะดังขึ้นมา พร้อมกันนั้นเลขาของเธอก็พูดกับคาร์เมนในทันที

    “คุณคาร์เมนคะ ผู้จัดการในเขตลอนดอนติดต่อมาค่ะ”

    “อืม ส่งสายมาให้ฉันเลย” คาร์เมนพูดขึ้น จากนั้นเธอก็รับโทรศัพท์ในทันที

    “ฮัลโหล??”

    “ห่ะ ใครมาพูดกับคุณกัน??”

    “พวกมันบอกว่าเป็นคนจากสภาเงางั้นเหรอ ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่คุยกับไอ้พวกนี้”

    “ได้ๆ ถ้าอย่างงั้นฉันจะจัดการเอง” คาร์เมนพูดขึ้น จากนั้นเธอก็วางสายอย่างรวดเร็ว

    “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ??”

    “ดูเหมือนว่าพวกสภาเงามันจะเริ่มข่มขู่พวกเราแล้วหล่ะ” คาร์เมนพูดขึ้น

    “ห่ะ จริงเหรอคะ แล้วคุณจะทำยังไงคะ??” 

    “ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ฉันจะลองขอความช่วยเหลือจากเพื่อนฉันดู” คาร์เมนพูดขึ้น

     

    กลับมายังประเทศนิวซีแลนด์ หลังจากการประชุมสภาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ในสภาสหพันธ์โอเชียเนียตกลงว่าจะจัดการกวาดล้างอิทธิพลของกลุ่มโจรสลัดสิงคโปร์ ในตอนนี้พวกเขาอนุมัติให้มีการปฏิบัติการ Black Ops นอกประเทศได้ โดยที่วันนี้อาร์กติกเองก็ได้มาคุยกับ ผบ. ของหน่วยรบพิเศษ ซึ่งรับผิดชอบภารกิจนี้

    “เอาหล่ะท่านนายพล ภารกิจของเราจะเป็นความลับ คนของคุณพร้อมหรือเปล่า??” อาร์กติกถามไป

    “พร้อมครับ ในตอนนี้คนของผมยอมตายดีกว่ายอมโดนจับครับ”

    “อืม งานนี้เป้าหมายของเราคือพวกโจรมาลายา ถ้าเราทำลายเครือข่ายของพวกมันได้ จะทำลายอิทธิพลของรัฐบาลหุ่นเชิดมาเลเซียได้ด้วย ถึงตอนนั้น การกวาดล้างโจรสลัดสิงคโปร์ไม่ใช่เรื่องยากเลย” อาร์กติกพูดขึ้น

    “ครับ ตอนนี้เราส่งสายของเราไปแฝงตัวอยู่ในกลุ่มพวกมันเรียบร้อยแล้ว เรายังจ้างพวกจากเขตชายแดนไทยมาช่วยเหลือด้วยครับ”

    “พวกนั้นไว้ใจได้งั้นเหรอ??” อาร์กติกถามไป

    “แน่นอนครับ แต่พวกนั้นมีข้อแลกเปลี่ยน พวกนั้นต้องการสัญชาติของเราเป็นการแลกเปลี่ยน เมื่อจบภารกิจครับ”

    “อืม เรื่องนั้นฉันจะเอาเข้าสภาแน่นอน ตอนนี้ฉันต้องติดต่อหน่วยข่าวกรองพิเศษของเรา เรื่องการแฝงตัวในมาเลเซียและสิงคโปร์ด้วย เรากำลังสูญเสียความไว้ใจจากประเทศสมาชิก เราต้องเอาความมั่นใจนั้นกลับคืนมา” อาร์กติกพูดขึ้น

    “รับทราบครับท่าน” และในตอนนั้นเอง บอดี้การ์ดของอาร์กติกก็เดินเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็วเพื่อคุยด้วย

    “ท่านครับ ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งสหพันธ์มารอพบแล้วครับ!!”

    “ดี ถ้าอย่างงั้นเดี๋ยวฉันรีบไป” อาร์กติกพูดขึ้น

     

    ณ สถานีอวกาศแหล่งกบดานของของวิลเลี่ยม หลังจากการปล้นธนาคารมืดผ่านไป ตัวของเขาพยายามตามแกะรอยพวกที่มาปล้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่คนของสภาเงาเองก็ติดต่อเขาเข้ามาด้วย

    “วิลเลี่ยม มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง??”

    “ครับ ตอนนี้ทางผมพยายามแกะรอยพวกมันอยู่ครับ” วิลเลี่ยมตอบไป

    “ทำไมพวกมันถึงปกปิดร่องรอยได้แนบเนียนขนาดนี้หล่ะ ปกตินายใช้เวลาไม่นานหามันเจอแล้วนี่??”

    “ผมรู้ครับ แต่คราวนี้ผมเกรงว่า ไอ้แฮ็กเกอร์ที่มีฉายาว่า The Greed Hood อาจจะมีส่วนร่วมในการปล้นครั้งนี้ครับ” วิลเลี่ยมพูดขึ้น

    “เฮ้ย นี่แกพูดจริงเหรอ??”

    “ครับ ผมจับตาลักษณะการลงมือของมันมาซักพักแล้วครับ ผมพนันได้เลยว่าเป็นมัน” วิลเลี่ยมพูดขึ้น

    “ตอนนี้ท่านไม่สนหรอกว่าไอ้บ้านั่นเป็นใคร ถึงยังไงก็ต้องตามล่ามันให้ได้ มันไม่ใช่การปล้นแบบปะฉะดะแบบที่เราเจอ แต่เราเจอกลุ่มที่อันตรายเข้าแล้วหล่ะ”

    “ผมรู้ครับ ผมพยายามแกะรอยมันอยู่ แต่พวกมันก็ไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเลย”

    “เออ ยังไงก็จัดการตามหาพวกมันให้ดีก็แล้วกัน” 

    “ครับ ผมจะลองไปคุยกับจาคอปอีกทีแล้วกันครับ” 

    “เออ บอกมันด้วยว่าให้ช่วยกันตามล่าไอ้พวกนั้น แล้วก็ระวังเขตของมันด้วยหล่ะ”

    “ครับ ผมเข้าใจครับ” วิลเลี่ยมตอบกลับไป

     

    ณ คอนโดหลังหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ที่พักของโนอาห์ หรือจาคอปซึ่งเป็นชื่อปลอมของเขา ในวันนั้นตัวของเขาได้รับโทรศัพท์ปริศนาสายหนึ่ง ตัวของเขารีบรับสายในทันที

    “ฮัลโหล”

    “จาคอป แกได้ข่าวเมื่อคืนหรือเปล่า??”

    “ครับท่าน ผมทราบแล้วครับ” จาคอปพูดขึ้น

    “เมื่อคืนธนาคารมืดของเราโดนปล้น มันอยู่ไม่ห่างจากเขตของนายเลยนะ??”

    “ครับ ตอนนี้ผมกำลังตามสืบกลุ่มคนที่ปล้นอยู่ ไอ้พวกนี้มันไม่ธรรมดา” จาคอปพูดขึ้น

    “เออ ตอนนี้ฉันติดต่อกับวิลเลี่ยมแล้ว แกเองก็ระวังเขตของแกด้วยแล้วกัน เรื่องเมื่อคืนทำเอาท่านโมโหใหญ่เลย และพลั้งมือยิงลูกน้องตายไปหนึ่งด้วย”

    “ครับ ผมเข้าใจ เวลาท่านโมโหอะไรก็หยุดไม่ได้สินะ” จาคอปพูดขึ้น

    “เออ ยังไงก็ระวังตัวด้วยแล้วกัน ถ้าแกจัดการได้ฉันจะได้ไม่รบกวนแก”

    “ครับผม โชคดีนะครับ” จาคอปพูดขึ้น จากนั้นก็วางสายอย่างรวดเร็ว

     

    ณ ถนนแห่งหนึ่งในย่านที่พักของแจ็คเก็ต กลุ่มรถยนต์กลุ่มหนึ่งได้ขับมาจอดบริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่งซึ่งดูเหมือนว่าสภาพยังพอที่จะอยู่ได้ กลุ่มชายติดอาวุธรีบลงจากรถอย่างรวดเร็วหลังจากที่มาถึง

    “เฮ้ย ใช่ที่นี่แน่เหรอ??”

    “แน่ดิพี่ ผมให้สายตามมาดูแล้ว”

    “แล้วพวกมันอยู่ไหนวะ หรือว่าในบ้านหลังนี้??” 

    “น่าจะใช่พี่”

    “งั้นลุยเข้าไปในบ้านเลย” พวกมันพูดขึ้นก่อนที่จะยกพวกเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว พวกมันบุกเข้าไปและตรวจค้นทุกที่ แต่พวกนั้นรู้สึกว่ามันแปลกๆ

    “เฮ้ยพี่ ทำไมหน้าต่างโดนปิดหมดเลยพี่??” แต่ยังไม่มีคำตอบกลับมา ในตอนนั้นก็มีรถสองคันขับมาปิดประตูบ้านอย่างรวดเร็ว และพวกที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าบ้านก็ถูกยิงตายจนหมด พวกมันพยายามจะออกจากบ้านแต่รถก็ขวางทางเอาไว้

    “ชิบหาย ออกไปไม่ได้เลย!!”

    และยังไม่ทันไร กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งก็เดินมาล้อมบ้าน พวกนั้นถือคบเพลิงมาด้วย และไม่นานนัก พวกนั้นก็รุมขว้างคบเพลิงใส่บ้าน ทำเอาไฟลุกท่วมทั้งบ้านเพราะตัวบ้านมีการเทน้ำมันราดไว้แล้ว

    “พรึ่บ!!”

    ไฟท่วมบ้านหลังนั้นอย่างรวดเร็ว ทำเอาทุกชีวิตในบ้านหลังนั้นดิ้นทุรนทุรายกันยกใหญ่ ซึ่งนั่นคือฝีมือของแจ๊กเก็ตและแก๊งของเขานั่นเอง แจ๊กเก็ตที่ยืนมองอยู่หน้าบ้านก็พูดขึ้นในทันที

    “โอเค เราไปกันเถอะ” แจ๊กเก็ตพูดขึ้น ก่อนที่พวกนั้นจะแยกย้ายกันไปขึ้นรถอย่างรวดเร็ว เพื่อหนีออกจากพื้นที่ก่อนที่รถดับเพลิงและตำรวจจะแห่กันมา

     

    ณ ตึกสถาบันการเงินแห่งหนึ่งในสหรัฐ ตัวของคิมซึ่งใส่ชุดสูททางการได้เดินเข้ามาในตึกสำนักงาน แต่ในตอนนั้นตัวของเธอก็มาเจอกับเครื่องตรวจอาวุธ คิมเลยหยุดและค่อยๆเดินเข้าไปในนั้นทันที ซึ่งเครื่องตรวจจับก็ไม่เจออะไร

    “เชิญครับ” ยามเฝ้าประตูพูดขึ้น ก่อนที่เธอจะเดินไปตามพื้นที่ของชั้นล็อบบี้ เพื่อสำรวจพื้นที่ข้างล่างสำหรับใช้ในการวางระเบิด

    “สงสัยคงต้องระเบิดทั้งตึกเลยหล่ะมั้ง” คิมพูดเบาๆออกมา ก่อนที่เธอจะเดินไปยังเสาตรงนั้นทีตรงนี้ทีเพื่อดูว่าเสาไหนเป็นเสาที่ค้ำตึกไว้บ้าง

    “อืม ดูจากจำนวนเสา ต้องใช้ระเบิด 30 ลูกเลยแหะ” คิมพูดขึ้น และไม่ทันไร ตัวของเธอก็เดินเข้าไปที่ร้านกาแฟร้านหนึ่งในล็อบบี้ จากนั้นก็เดินไปที่แคชเชียร์ในทันที

    “กาแฟเย็นแก้วนึงค่ะ” คิมพูดขึ้น

    “ค่ะ รอซักครู่นะคะ” พนักงานตอบกลับไป

     

    ณ ภูเขาอุทยานแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่กบดานของลีฟา ในตอนนั้นตัวของเขาและกองกำลังของเขากำลังรอให้ศัตรุฌข้ามาในเขตของพวกเขา และซักพัก กองกำลังของพวกนั้นก็ขับรถเข้ามายังถนนที่พวกเขาเตรียมความพร้อมไว้ 

    “ตู้ม!!” 

    เสียงกับระเบิดดังขึ้น ทำเอารถของมันคันหนึ่งระเบิด พวกมันที่เหลือรีบลงจากรถ ก่อนที่จะรีบวิ่งฝ่าออกมาจากตรงนั้น

    “ยิงมันเลย!!”

    “ปังๆๆๆๆๆๆๆ”

    กลุ่มของลีฟาระดมยิงใส่ศัตรูที่พยายามวิ่งฝ่าเข้ามา พวกนั้นทำอะไรไม่ถูก วิ่งสะเปะสะปะไปทางนั้นทีทางนี้ที

    “เฮ้ย ไม่ต้องกลัว พวกเรามีเยอะ ฝ่าไปฆ่ามันเลย!!”

    “ตู้ม!!” พวกมันบางส่วนวิ่งไปเหยียบกับระเบิดที่พวกของลีฟาได้วางไว้ ทำเอาพวกมันบางส่วนถึงกับต้องวิ่งหกนีลงจากเขาโดยไม่สนอะไรแล้ว

    “ตามไปฆ่ามันเลย!!” ลีฟาตะโกนออกมา และไม่นานนัก คนของเขาซึ่งอยู่บนรถก็ขับรถออกไป คนที่อยู่ในรถบางคนก็โผล่หัวออกมาและใช้ปืนกลไล่ยิงพวกมันที่เหลือ

    “ลูกพี่ พวกมันหนีกันไปหมดแล้วพี่ เราจะเอายังไงต่อพี่??”

    “ตามไปฆ่าพวกมันตอนกำลังหนีนี่หล่ะ” ลีฟาพูดขึ้น

     

    กลับมายังบ่อนของมิคาสุกิ ในวันนี้ตัวของเธอได้ต้อนรับชายแก่ชาวอิตาเลี่ยนคนหนึ่ง ซึ่งพวกเขากำลังนั่งคุยอะไรบางอย่างบนโต๊ะห้องรับรองในบ่อน ในขณะเดียวกันนั้นเอง ลูกน้องของมิคาสุกิก็รีบวิ่งมาบอกอะไรบางอย่างกับเธอ

    “เจ๊ครับ คุณทอมสันมาอีกแล้วครับ”

    “เฮ้อ พูดถึงก็มาพอดีเลยนะคะ” มิคาสุกิพูดขึ้น

    “เดี๋ยวผมไปคุยกับมันเอง” ซัลพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปด้านหน้าคาสิโนอย่างรวดเร็ว ส่วนตัวของมิคาสุกิเองก็นั่งจิบน้ำชาในนั้นอย่างสบายใจ

    “เจ๊ไม่ตามไปเหรอ??”

    “ถ้าคุณซัลจะจัดการเอง ฉันไม่ต้องยุ่งอะไรหรอก” มิคาสุกิพูดขึ้น และไม่นานนัก ตัวของเธอก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมาจากประตูหน้า

    “เฮ้ย เดี๋ยวนี้แกปีกกล้าขาแข็ง กล้าขึ้นเสียงกับฉันแล้วเหรอ ห่ะ??”

    “ท่านครับ เดี๋ยวนี้ท่านหลงมันถึงขนาดนี้แล้วเหรอครับ??”

    “นี่แกหาว่าฉันหลงผู้หญิงจนหน้ามืดงั้นเหรอ ถ้าลูกน้องแกยอมจ่ายเงินที่เล่นเสียไปก็จบเรื่องแล้ว!!”

    “แต่ลูกน้องผมโดนโกงนะพี่”

    “มีหลักฐานอะไร ถ้าไม่มีก็จ่ายเงินซะ จะได้จบๆ” 

    การสนทนาเป็นแบบนี้ไปซักพัก ก่อนที่ไม่นานนักซัลจะเดินเข้ากลับเข้ามา ก่อนที่จะเอาเงินของทอมมี่มาให้กับมิคาสุกิไป

    “นี่เงินของมันนะ”

    “ขอบคุณค่ะท่าน” มิคาสุกิพูดขึ้นจากนั้นก็รับเงินมา

    “ดูเหมือนช่วงนี้ไอ้ทอมมี่มันจะไม่ค่อยกลัวฉันเท่าไหร่เลยแหะ” ซัลพูดขึ้น

    “หรือว่า จะมีใครหนุนหลังมันอยู่คะ??”

    “เออ มันก็เป็นไปได้ ดูเหมือนช่วงนี้มันแปลกๆไป”

    “ถ้าทอมมี่ทรยศท่าน อาจจะเป็นเยี่ยงอย่างให้กลุ่มอื่นก็ได้นะคะ” มิคาสุกิพูดขึ้น

    “จริงด้วยสินะ ถ้าอย่างงั้นฉันคงต้องจับตาดูมันหน่อยแล้วกัน เรื่องของไอ้ทอมมี่ฉันจะจัดการ ส่วนเธอจัดการเรื่องผลประโยชน์ของบ่อนนี้ก็แล้วกัน” ซัลพูดขึ้น

    “ได้ค่ะ ไว้ใจฉันได้เลยค่ะ” มิคาสุกิพูดขึ้น ก่อนที่ตัวของซัลจะเดินออกไปจากบ่อนอย่างรวดเร็ว

    “โธ่ ไอ้แก่เอ้ย ที่คนไม่เคารพแกเพราะแก่ใกล้จะตายแล้วยังไงหล่ะ ถ้าเราทำให้มันระแวงกับทอมมี่ได้ งานนี้เราก็สามารถชิงทุกอย่างมาได้ ฮิๆๆๆ” มิคาสุกิพูดออกมาเบาๆ

     

    ณ ซอยแห่งหนึ่งในย่านคนผิวสี โจชัวใส่เสื้อฮู้ดเดินเข้าไปในซอยแห่งหนึ่ง เขาเดินไปเรื่อยๆ จนไปเจอกับชายผิวสีใส่เสื้อฮู้ดอีกคนหนึ่ง ในตอนนั้นเขารีบเดินเข้าไปใกล้ชายคนนั้นในทันที

    “โจอี้!!”

    “โจชัว รีบๆเอาไป ตอนนี้มีคนกำลังตามฉันอยู่” โจอี้พูดขึ้น จากนั้นโจอี้ก็ยื่นเงินให้กับชายคนนั้น และในตอนนั้นเอง ลายผิวสีถือไม้เบสบอลอีกสองคนก็เดินเข้ามาในซอย

    “ไอ้โจอี้!!”

    โจอี้ได้ยินเสียงนั้นก็ตกใจมาก โจชัวเองก็รีบวิ่งตามโจอี้ไปด้วย 

    “เฮ้ย มันเรื่องอะไรวะเนี่ย??” โจชัวถามไป

    “เออ เดี๋ยวบอกทีหลังแล้วกัน ตอนนี้หนีก่อน!!” โจอี้ตอบไป ก่อนที่พวกเขาจะเจอซอยแยกไป 2 ซอย ในตอนนั้นพวกเขาก็หนีกันไปคนละทางทันที พวกมันสองคนที่ตามมาก็พูดกัน

    “เฮ้ย มึงตามไอ้นั่นไป เอาเงินมาด้วย!!”

    โจชัวรีบวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ในขณะที่ชายผิวสีถือไม้เบสบอลก็วิ่งไล่ตามมา และในตอนนั้น โจชัวก็เจอเข้ากับแท็กซี่คันหนึ่ง โจชัวรีบวิ่งขึ้นรถในทันที

    “พี่ ถนนดาวน์นิ่ง 12” โจชัวพูดอย่างลนลาน จากนั้นรถแท็กซี่ก็ขับออกไปในทันที ส่วนชายผิวสีคนนั้นก็ไม่สามารถไล่ตามโจชัวได้ทัน

     

    กลับมายังบ้านไร่ของแคสซิตี้ ในวันนี้ตัวของเธอได้ติดต่อหาใครบางคนเพื่อทำการเจรจา ซึ่งคนพวกนั้นก็คือบรรดาผู้มีอิทธิพลที่เป็นเจ้าของเขตฟาร์มมากมายในเทกซัส แต่จนแล้วจนรอดก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครตอบรับคำเชิญของแคสซิตี้เลยแม้แต่คนเดียว ทำเอาเธอถึงกับหัวเสีย

    “บ้าเอ้ย พวกมันกล้าดียังไงถึงปฏิเสธฉัน??” แคสซิตี้ตะโกนออกมา

    “ดูเหมือนว่าพวกมันคงต้องมีคนหนุนหลังแน่นอนครับ” คนของแคสซิตี้พูดขึ้น

    “ใครจะหนุนหลังพวกมันหล่ะ พวกมันคงคิดว่า ฉันเป็นผู้หญิง เลยไม่มีใครอยากจะเคารพฉันมากกว่า” แคสซิตี้พูดขึ้น

    “ครับ แล้วคุณจะเอายังไงต่อครับ??” คนของแคสซิตี้ถามไป และเธอยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อ ลูกน้องของเธออีกคนหนึ่งก็รีบวิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับเธออย่างรวดเร็ว

    “ท่านครับ อาวุธของเรามาแล้วครับ!!”

    “อย่างงั้นเหรอ ดี ถ้าอย่างงั้นเราก็สามารถเตรียมแผนการของเราได้เลยสิ” แคสซิตี้พูดขึ้น

    “เราจะเริ่มเปิดศึกกับพวกมันแล้วเหรอครับ??”

    “ใช่ คราวนี้ฉันจะลุยมันให้ยับไปเลย บอกพวกเราให้เตรียมพร้อมแล้วกัน” แคสซิตี้พูดขึ้น ก่อนที่ในตอนนั้นเอง ลูกน้องของเธออีกคนหนึ่งก็รีบวิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับเธออย่างรวดเร็ว

    “คุณแคสซิตี้ ตอนนี้มีไอ้พวกบ้าที่ไหนไม่รู้จะมาปล้นของพวกเราครับ!!”

    “เฮ้อ มันเก๋าขนาดนั้นเลยเหรอ??” แคสซิตี้ถามไป ก่อนที่เธอจะหยิบปืนไรเฟิลคานเหวี่ยงของเธอขึ้นมาอย่างรวดเร็วและใส่กระสุนเข้าไป

    “จะเอายังไงต่อครับ??”

    “ได้เวลาเล่นเกมแล้ว” แคสซิตี้พูดขึ้น

     

    ณ เมืองแห่งหนึ่งในรัฐแคนซัส สหรัฐอเมริกา ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ชายคนหนึ่งลงจากรถยนต์ส่วนตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำของปั๊ม แต่ในตอนนั้น มือข้างหนึ่งก็ลากชายคนนั้นเข้ามา ก่อนที่เจ้าของมือจะชักมีดออกมาแล้วเอาจ่อคอหอยชายคนนั้น

    “เฮ้ย ไอ้ซี..”

    “เออ กูเอง อย่าเสือกตะโกนออกมาหล่ะ ไม่งั้นก็เชือดคอมึงแน่ บอกกูมา เรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวกูหน่ะ??” ซีคพูดขึ้น

    “เออๆๆ บอกแล้วๆ ตอนนี้นายกูไม่เกี่ยวอะไรด้วยแล้ว คนที่เป็นโตโผเรื่องทั้งหมดคือไอ้ทอมมี่”

    “ทอมมี่ แล้วทำไมมันไม่เผยตัวเลยหล่ะ??” ซีคถามไป

    “ตอนนี้คุณซัลให้มันเคลื่อนไหวแบบลับๆและเก็บตัวไปก่อน เพราะเขาไปก่อเรื่องใหญ่เอาไว้”

    “งั้นเหรอ แล้วกูจะเจอมันได้ที่ไหนหล่ะ??” ซีคถามไป

    “มีคาสิโนที่หนึ่งอยู่ทางใต้คาสิโนของคุณมิคาสุกิ แกลองไปหาข่าวที่นั่นสิ”

    “มิคาสุกิ อ้อ ฉันรู้จักเธอ” ซีคพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะต่อยเข้าที่ท้องชายคนนั้น จากนั้นก็ลากชายคนนั้นไปทิ้งในห้องน้ำห้องหนึ่งอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ในตอนนั้น ชายอีกคนหนึ่งจะเดินมาเจอเข้า

    “เฮ้ย ทำอะไรหล่ะ??”

    “ตุ๊บ!!” ซีคต่อยเข้าที่หน้าชายคนนั้นจนล้มลง ก่อนที่เขาจะรีบวิ่งไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่และหนีออกไปจากปั๊มอย่างรวดเร็ว

     

    ณ สถานีตำรวจของฟิลิป พวกเขาค่อยๆสะสางคดีการปล้นที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในตอนนี้ รวมถึงตามล่าฆาตกรต่อเนื่องไปด้วย ในขณะเดียวกันนั้นเอง แอนนาและคาร์ลเองก็เดินเข้ามาพร้อมกับเอกสารอะไรบางอย่างในมือมาด้วย

    “คุณฟิลิปครับ เราได้เบาะแสของฆาตกรต่อเนื่องมาแล้วครับ” คาร์ลพูดขึ้น

    “หือ จริงเหรอ ไปได้มายังไงหล่ะ??” ฟิลิปถามไป

    “คาร์ลสังเกตจากสถานที่ที่มันมักจะใช้ลงมือค่ะ ดูเหมือนมันจะลงมือในที่ที่ห่างกัน แต่อยู่เมืองเดียวกันค่ะ” แอนนาพูดขึ้น

    “ใช่ครับ แล้วถ้าเกิดให้ผมวิเคราะห์ ผมว่ามันจะต้องลงมือที่นี่แน่นอนครับ สวนสาธารณะครับ” คาร์ลพูดขึ้น

    “ห่ะ สวนสาธารณะเนี่ยนะ??” ฟิลิปถามไป

    “เป็นไปได้นะคะ ขนาดย่านเที่ยวมันก็เคยลงมือมาแล้ว” แอนนาพูดขึ้น

    “อืม ถ้าเป็นอย่างงั้น เอาคนไปล้อมสวนสาธารณะเอาไว้เลย แต่ต้องปลอมตัวไปหล่ะ ฉันไม่อยากให้ไก่ตื่นหน่ะ เราไม่มีคนพอจะทำคดีได้พร้อมกันด้วย” ฟิลิปพูดขึ้น 

    “จริงด้วยครับ คดีปล้นธนาคารเองก็ยังไม่เสร็จดีเลย แล้วอีกอย่าง แก๊งต่างๆในเมืองนี้เองก็เริ่มขยายอิทธิพลมากขึ้นครับ” คาร์ลพูดขึ้น

    “เฮ้อ ก็โลกมันเป็นแบบนี้แล้วจะทำยังไงได้หล่ะนะ” แอนนาพูดขึ้น ในขณะเดียวกันนั้นเอง ตำรวจคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้อง พร้อมกับให้รายงานอะไรบางอย่างกับฟิลิป

    “ท่านครับ ทางหน่วยของเรายืนยันแล้วว่า ไอ้คนที่ปล้นร้านสะดวกซื้อเมื่อไม่กี่วันก่อน เป็นคนเดียวกับคนที่ปล้นบ่อนตู้ม้าครับ!!”

    “อืม เข้าใจหล่ะ ขอบใจมาก” ฟิลิปตอบไป

    “ดูท่าเจ้านี่จะไม่ธรรมดานะคะเนี่ย” แอนนาพูดขึ้น

    “ผมว่า จับตัวมันน่าจะยากนะครับ” คาร์ลพูดเสริม

    “เอาเถอะ ไปจัดการเรื่องฆาตกรต่อเนื่องก่อนก็แล้วกัน” ฟิลิปบอกกับทั้งคู่ไป

     

    ณ ถนนเส้นหนึ่ง ซึ่งเป็นแหล่งค้ายาในเมือง กลุ่มชายผิวสีซึ่งกำลังนั่งเล่นยา รวมถึงผลิตยากันเพื่อปล่อยขายในพื้นที่ ชายผิวสีในชุดฮู้ดสีแดงคนหนึ่งได้เดินเข้าไปในตึกร้างหลังหนึ่ง พวกเขาทักทายกับคนด้านใน ก่อนที่ในตอนนั้นเอง กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งซึ่งถือปืนทุกคนก็เดินเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ย หยุด!!”

    “ตุ๊บ!!” ชายคนหนึ่งใช้สันปืนฟาดใส่หน้าชายที่เฝ้าประตู ก่อนที่ชายอีกคนหนึ่งจะจับตัวชายผิวสีฮู้ดแดงมา จากนั้นก็ถามมันไป

    “เฮ้ย XT มันอยู่ที่ไหน??”

    “อยู่ข้างบนหน่ะ” ชายผิวสีฮู้ดแดงพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ชายผิวสีใส่เสื้อกล้ามเขียวคนหนึ่งก็เดินลงมาจากบันได้เพื่อมาดูสถานการณ์ข้างล่าง

    “เอะอะอะไรกันวะ??” ชายคนนั้นตะโกนออกมา ก่อนที่เขาจะโดนยิงเข้าที่ขาจนล้มลง

    “ไอ้นั่นแหละ XT” ชายฮู้ดแดงคนนั้นพูดขึ้น ก่อนที่พวกเขาจะลากเอาตัวชายเสื้อกล้ามเขียวลงมา จากนั้นก็ลากมันออกไปนอกตึก แล้วก็พามันไปที่รถลีมูซีนคันหนึ่ง

    “เฮ้ย พวกมึงเป็นใครกันวะ??” ชายเสื้อกล้ามเขียวถามไป พร้อมกันนั้นพวกนั้นก็ลากเขาเข้าไปในรถ ซึ่งชายที่รออยู่ในรถก็คือเอ็นโซกับลูกน้องของเขานั่นเอง

    “ว่าไง XT ??”

    “พวกแกเป็นใคร จับฉันมาทำไมวะ??” 

    “แกมันโง่ที่มาปล่อยยาในเขตฉัน” เอ็นโซพูดขึ้น ก่อนที่รถของเขาจะเคลื่อนที่ออกไปจากพื้นที่อย่างรวดเร็ว

    ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในชิคาโก้ หลังจากที่อลอนโซ่ได้เดินทางมาถึง ตัวของเขาได้เข้าห้องโรงแรมที่เขาได้จองไว้ ในขณะที่เขากำลังจะถอดเสื้อของเขาออกมา ในตอนนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น อลอนโซ่เองรีบไปเปิดประตู และพบว่านั่นคือเบลที่มาเรียกเขานั่นเอง

    “คุณอลอนโซ่คะ แขกของเรามาถึงโรงแรมแล้วค่ะ”

    “อืม แล้วเขาว่ายังไงหล่ะ??” 

    “อ้อ เดี๋ยวเย็นนี้จะคุยกันที่ห้องอาหารค่ะ” เบลพูดขึ้น

    “อืม ก็ดี ฉันเองก็ว่าจะพักหน่อยเหมือนกัน”

    “ค่ะ งั้นตามสบายนะคะ” เบลพูดขึ้นก่อนที่จะปิดประตูให้อลอนโซ่ไป

     

    ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในย่านทางหลวงเชื่อมรัฐ รถตู้คันหนึ่งจอดอยู่ที่หน้าโรงแรมเพื่อรออะไรบางอย่าง และไม่นานนัก รถหรูคันหนึ่งก็ขับเข้ามาที่โรงแรมและมาจอดข้างๆกับรถตู้คันดังกล่าว จากนั้นชายในชุดสูทคนหนึ่งก็ลงมาจากรถ พร้อมกระเป๋าใบหนึ่ง เขาเดินเข้าไปที่รถตู้ ซึ่งรถตู้ก็เปิดอยู่แล้ว ซึ่งคนที่อยู่ข้างในรถตู้ก็คืออเลสเซียนั่นเอง เธอมาที่นี่เพื่อที่จะซื้อขายเงินปลอมนั่นเอง

    “นี่เงิน 90 ล้านเยนครับ”

    “อืม คุณจาร์กันดีไม่มาเหรอคะ??” อเลสเซียถามไป

    “ช่วงนี้ท่านงานยุ่งครับ”

    “อืม ขอตรวจสอบหน่อยนะคะ” อเลสเซียพูดขึ้น ก่อนที่เธอจะเปิดกระเป๋าและตรวจสอบเงินในกระเป๋าอย่างรวดเร็ว

    “อืม นี่เงิน 3 ล้านดอลลาห์ ตรวจสอบดูก่อนก็ได้นะคะ” อเลสเซียพูดขึ้น แต่ชายคนนั้นรีบหยิบกระเป๋ามาอย่างรวดเร็ว

    “ท่านเชื่อใจคุณครับ”

    “ค่ะ ยินดีที่ได้ทำธุรกิจด้วยค่ะ” อเลสเซียพูดขึ้น

    “ครับผม ไว้เจอกันครับ” ชายคนนั้นพูดขึ้นก่อนที่จะเดินกลับไปที่รถหรูอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ค่อยๆขับรถออกไปจากโรงแรมเพื่อกลับบ้าน

    “เราเองก็ไปกันเถอะ” อเลสเซียบอกกับลูกน้องของเธอไป

     

    กลับมายังสถานบันเทิงเนฟเรนโซ หลังจากที่ให้ข่าวกับอดัม ตัวของอาเรียน่าเองก็เดินเข้าไปในห้อง VIP ห้องหนึ่ง ซึ่งกำลังมีการซื้อของบางอย่างกันในนั้น อาเรียน่าเดินเข้าไปในห้อง พร้อมกันนั้นก็มีชายผิวขาวคนหนึ่งและชายอาหรับคนหนึ่งกำลังนั่งด้วยกันและเจรจาอะไรบางอย่างกันด้วย

    “อ้าว คุณอาเรียน่า”

    “ท่านเรซนอฟ ขาดเหลืออะไรก็บอกนะคะ” อาเรียน่าพูดขึ้น

    “อ้อ ไม่ครับ ที่นี่สบายมากเลยครับ” เรซนอฟพูดขึ้น

    “ท่านเรซนอฟ ท่านตกลงจะซื้อจากเรากี่เม็ดครับ??” ชายอาหรับคนนั้นถามไป

    “ทั้งหมด 10 ครับ มันสามารถติดตั้งในจรวดพิสัยไกลได้หรือเปล่าครับ??” เรซนอฟถามไป

    “แน่นอนครับ หลังจากที่ถูกกระตุ้น มันจะทำปฏิกิริยาเป็นแรงระเบิด ซึ่งใหญ่กว่า 5 เท่าของที่นางาซากิเลยครับ”

    “อืม น่าสนใจมากเลยครับ”

    “ค่ะท่านถ้าอย่างงั้นก็ตามสบายนะคะ” อาเรียน่าพูดขึ้น

    “เออนี่คุณอาเรียน่า ถ้าติดต่อกับมาคารอฟได้ ช่วยบอกผมหน่อยแล้วกันนะครับ” เรซนอฟพูดขึ้น

    “รับทราบค่ะท่าน” อาเรียน่าตอบไป

     

    กลับมายังมหาวิทยาลัย ในวันนี้ตัวของฮิคาริได้ไปเที่ยวกับแฟนของเธอ เอโลอีสเองก็อยู่ที่ห้องเพื่อพักผ่อน ในระหว่างที่เธอกำลังนอนพักอยู่บนเตียงของเธอ โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เอโลอีสรับโทรศัพท์ในทันที

    “ฮัลโหล”

    “คุณหนูเอโลอีส นี่ผมเองครับ”

    “คุณพ่อบ้าน สวัสดีค่ะ สบายดีนะคะ??” เอโลอีสถามไป

    “ดีครับ ผมอยากจะมาเตือนคุณหนูว่า ตอนนี้พวกสภาเงามีคำสั่งให้ตามล่าคุณหนูแล้วนะครับ”

    “ห่ะ จริงเหรอคะ??” เอโลอีสถามไป

    “ทางสภาอาวุโสของเราจะรีบส่งคนไปช่วยคุ้มกันคุณหนูครับ ช่วงนี้คุณหนูอย่าเปิดเผยตัวตนให้ใครรู้มากนะครับ”

    “ค่ะ หนูเข้าใจค่ะว่าต้องทำยังไง” เอโลอีสพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงนะครับ ตอนนี้โรแมนจะอารักขาคุณหนูไปพลางๆก่อน ก่อนที่พวกเราจะส่งคนไปช่วยนะครับ”

    “ค่ะ จะว่าไป ไม่ได้เจอเขานานเลยนะคะ” เอโลอีสพูดขึ้น

     

    กลับมายังสถานที่กบดานของกลุ่มใต้ดิน หลังจากที่เคย์โอะจับกุมคนที่ต้องสงสัยว่าเป็นสมาชิกสภาเงาในกัมพูชาได้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็พาคนพวกนั้นมาถามความลับเพิ่มเติม หลังจากที่ทรมานกลุ่มคนพวกนั้นได้เรียบร้อยแล้ว ลูกน้องของเคย์โอะเองก็กลับมารายงานเจ้านายของเขา

    “ท่านครับ มันยอมบอกแล้วครับ”

    “อืม งั้นเหรอ มันพูดว่าไงบ้างหล่ะ??” เคย์โอะถามในขณะที่กำลังมองแผนที่บนโต๊ะของเขา

    “มันบอกว่า มันรับคำสั่งจากคนที่ชื่อแจ็กกี้ ตรินห์ อีกทีครับ”

    “แจ๊กกี้ ตรินห์ อ้อ ฉันรู้ว่ามันเป็นใคร แล้วตามล่ามันหรือยังหล่ะ??” เคย์โอะถามไป

    “มีข่าวมาว่ามันเพิ่งออกจากฮานอยไปญี่ปุ่นครับ”

    “ญี่ปุ่น อืม ตอนนี้กำลังมีสงครามแก๊งระหว่างแก๊งจีนกับยากูซ่าในพื้นที่ หรือว่ามันจะมีเอี่ยวด้วย??” เคย์โอะถามไป

    “ผมว่าเป็นไปได้ครับ มันอาจจะมีข้อตกลงกับพวกแก๊งจีนก็ได้นะครับ”

    “ถ้าอย่างงั้น เราคงตามจับมันยากสิ” เคย์โอะพูดขึ้น

    “แต่ผมส่งพรรคพวกของผมไปตามล่ามันได้นะครับ”

    “อย่างงั้นเหรอ ถ้าอย่างงั้นก็จัดการได้เลย ตอนนี้เราต้องไปมาเลเซีย ไปทำงานใหม่ของพวกเรา” เคย์โอะพูดขึ้น

     

    กลับมาที่กลุ่มของเน็ตโต้ หลังจากที่พวกเขาปล้นธนาคารมืดได้สำเร็จ พวกเขาก็แยกย้ายกันออกไปใช้เงินรวมถึงพักผ่อนด้วย ตัวของเน็ตโต้เอง เขาเดินทางไปที่โบสถ์ซึ่งเป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหลังหนึ่ง เขาเดินเช้าไปด้านในและทักทายกับแม่ชีที่อยู่ด้านหน้ากำลังเล่นกับเด็กๆ

    “คุณลิซ่าครับ!!”

    “อ้าว เน็ตโต้เหรอ สบายดีนะ??” 

    “สบายดีครับ” เน็ตโต้พูดขึ้นจากนั้นก็ยื่นซองเงินซองหนึ่งให้กับแม่ชีคนนั้น

    “เออ ไปหาเงินจากไหนมาเหรอ??”

    “ทำงานได้หน่ะครับ ว่าแต่ ช่วงนี้คุณอดัมกลับมาบ้างหรือเปล่าครับ??” เน็ตโต้ถามไป

    “อ้อ ยังไม่กลับมาเลย จะว่าไป เธออยู่ด้วยกันก่อนสิ” แม่ชีคนนั้นบอกกับเน็ตโต้ไป

     

    ทางด้านของแคทเทอรีน ตัวของเธอยังอยู่ที่โกดังที่กบดานของเน็ตโต้ ตัวของแคทเทอรีนเองกำลังนั่งดูอะไรบางอย่าง ฮาสน่าที่อยู่ด้วยเองก็มาคุยกับเธอด้วย

    “เฮ้ แคท ทำอะไรอยู่เหรอ??”

    “กำลังหาข่าวหน่ะ ไอ้ตำรวจที่มันทำร้ายพ่อฉันมาตลอดทั้งชีวิต ตอนนี้มันยังหน้าด้านอยู่มาจนถึงวันนี้” แคทเทอรีนพูดขึ้น

    “ฉันเสียใจด้วยนะ จะว่าไป ฉันจะเองก็กำลังตามข่าวนายทุนอสังหาเจ้าหนึ่งเหมือนกัน เธอพอจะรู้จักซากอสคอมปะนีหรือเปล่า??” ฮาสน่าถามไป

    “รู้สิ พวกนี้มันทุนหนา อิทธิพลเยอะอยู่นะ” แคทเทอรีนพูดขึ้น

    “นั่นสิ แต่ฉันไม่หยุดแค่นี้หรอก เออนี่ ไปเที่ยวกับฉันหน่อยได้หรือเปล่า??” ฮาสน่าถามไป

    “อ้อ ได้สิ ฉันเองก็กำลังเบื่อๆเลย” แคทเทอรีนตอบไป

     

    ทางด้านของเคทาโร่ ในวันนี้ตัวของเขาได้นัดแฟนสาวไปเที่ยวทะเลแห่งหนึ่ง ซึ่งแฟนสาวของเขาก็คือฮิคารินั่นเอง พวกเขาทั้งคู่เดินเล่นกันริมชายหาด จากนั้นก็พูดคุยโน่นนี่นั่นกันไปด้วย

    “คิดถึงนายจังเลย ดีจังที่นายว่าง” ฮิคาริพูดขึ้น

    “อืม เหมือนกัน จะว่าไป ไม่ได้เที่ยวทะเลนานแค่ไหนแล้วนะ” เคทาโร่พูดขึ้น

    “เออนี่ ได้ข่าวว่าช่วงนี้นายกำลังปล้นกับพรรคพวกอยู่นี่”

    “อ้อ ก็ใช่นะ หมอนั่นที่ชื่อเน็ตโต้ช่วยฉันไว้หน่ะ ไม่งั้นฉันอาจจะโดนตำรวจจับไปแล้วก็ได้” เคทาโร่พูดขึ้น

    “ถ้านายโดนจับ เดี๋ยวฉันช่วยประกันตัวนายก็ได้” 

    “แต่คนอย่างฉันไม่โดนจับง่ายๆหรอก เธอก็รู้นี่ แต่หมอนั่นก็ดีนะ สำหรับฉันหน่ะ” เคทาโร่พูดขึ้น

    “เอาเถอะ ถ้าหมอนั่นไม่ทำอะไรนายก็ดีแล้วหล่ะ” ฮิคาริพูดขึ้น

    “อืม ไม่รู้ว่างานต่อไปจะเป็นยังไงนะ แต่ก็รอดูแล้วกัน” เคทาโร่พูดขึ้น ในตอนนั้นฮิคาริเองก็จับมือกับเคทาโร่ ทั้งคู่เดินไปตามหาดเรื่อยๆเพื่อใช้เวลาร่วมกัน

     

    ณ ย่านถนนคนเดินเส้นหนึ่ง ตัวของเคทเดินไปตามถนนเรื่อยๆ พร้อมกันนั้นก็เปิดเพลงและใส่หูฟังไปด้วย เธอเดินมองนั่นมองนี่ไปเรื่อยๆ จนใกล้จะมาถึงถนนเส้นหนึ่ง ตัวของเธอก็ถึงกับหยุดนิ่งไป

    “ที่นี่อีกแล้วเหรอ??” เธอพูดขึ้น สมองในตอนนั้นก็นึกถึงเรื่องอะไรบางอย่าง

    “เวรเอ้ย จะตามถึงเมื่อไหร่วะ??”

    “เฮ้ย!!”

    “นี่เธอ เป็นอะไรหรือเปล่า อยู่ในรถไว้นะ เธอจะปลอดภัย”

    “เฮ้อ” เคทถอนหายใจออกมา ตัวของเธอเคยถูกฆาตกรปริศนาตามฆ่า เธอเองก็เกือบไม่รอดแต่มีคนมาช่วยเอาไว้ ในตอนนั้นเธอเองก็ค่อยๆลูบไปที่ปืนพกของเธอที่ได้มาจากมารินะมาด้วย เพื่อเธอคิดว่ามันน่าจะอุ่นใจกว่า

    “คราวหน้าฉันยิงแกแน่ ไอ้ฆาตกร” เคทพูดขึ้น

     

    ณ คาเฟ่ที่ไหนซักแห่ง ตัวของเจ๊การณ์มานั่งดื่มกาแฟ รวมถึงโทรศัพท์หาใครบางคนไปด้วย

    “เฮ้ นอร์แมน”

    “อ้าว มีอะไรหรือเปล่ารุ่นพี่??”

    “อะไหล่ที่ฉันสั่งจะได้เมื่อไหร่หล่ะ??” เจ๊การณ์ถามไป

    “อ้อ ไม่นานหรอกพี่ ได้มาแล้วเราจะประกอบกับเครื่องบินเลย” 

    “อืม รีบหน่อยแล้วกัน อีกไม่นานฉันอาจจะต้องใช้มันแล้วหล่ะ” เจ๊การณ์พูดขึ้น

    “เอาไว้เราจะรีบทำแล้วกันนะรุ่นพี่” 

    “โอเค ไว้เจอกัน” เจ๊การณ์ตอบไป

     

    ณ ห้องสมุดแห่งหนึ่งในเมือง อีสครินน่าเดินทางมาอ่านหนังสือเพิ่มเติม เพื่อหาความรู้ใส่หัว เธอนั่งอ่านหนังสือและสารสารเกี่ยวกับการแพทย์เพิ่มเติม และไม่นานนัก เมื่อเธออ่านเสร็จ เธอก็เดินออกจากห้องสมุดไปในทันที

    “อ้าว วันนี้ไม่ยืมไปอ่านหน่อยเหรอ??” พนักงานห้องสมุดถามไป

    “อ้อ ไม่หรอก ฉันอ่านแค่นี้ก็พอแล้ว” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “แล้วช่วงนี้กำลังทำอะไรอยู่เหรอ??”

    “ก็ทำโน่นทำนี่ไปเรื่อยหน่ะ ว่างๆอาจจะเข้าห้องผ่าตัดด้วย” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “อ้อๆ ถ้างั้นก็โชคดีนะ” พนักงานบอกลาเธอไป ก่อนที่อีสครินน่าจะเดินออกจากห้องสมุดไป

     

    ณ ฟิตเนสและสำนักมวยแห่งหนึ่ง อาร์เทมได้ฝึกซ้อมโดยการต่อยกระสอบทราย รวมถึงยกน้ำหนักเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความแข็งแรงมากขึ้น 

    “ตุ๊บ!!”

    เขาต่อยมันเต็มแรงจนกระสอบทรายแทบจะทะลุ อาร์เทมเองก็หยุดมือ จากนั้นก็เปลี่ยนไปยกน้ำหนักต่อ

    “1..2...3....4”

    เขายกมันอย่างบ้าคลั่ง จนเวลาผ่านไปไม่นาน เขาก็เลิกยกน้ำหนักหลังจากถึงขีดสุดแล้ว

    “เฮ้อ สงสัยต้องไปยิงปืนต่อหล่ะมั้ง” อาร์เทมพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็ลุกขึ้น แล้วเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำของฟิตเนสเพื่อชำระล้างร่างกายก่อนกลับบ้าน

     

    ณ ลานจอดรถเดิมซึ่งโกสต์และลีโอน่าจอดรถที่ขโมยมาเอาไว้ ก่อนที่พวกเขาจะเอามาทิ้ง พวกเขาได้เปลี่ยนสีรถและเปลี่ยนทะเบียนเป็นทะเบียนปลอม ก่อนที่พวกเขาจะรีบออกจากพื้นที่อย่างรวดเร็ว

    “เออ นี่เรายังต้องคืนรถให้พวกมันอีกเหรอ??” โกสต์ถามในขณะที่เท้าสะเอวไป

    “เอาน่า เราแค่ยืมมาชั่วคราวนี่” ลีโอน่าพูดขึ้น

    “เอาเถอะ                ๆ เดี๋ยวฉันก็ขโมยได้ใหม่อยู่ดี แล้วเจ้าของเก่าจะรู้ได้ไงหล่ะ??” โกสต์ถามไป

    “ฉันจะเอาเบอร์ปลอมโทรไปบอกตำรวจ แต่ไม่ต้องห่วง ฉันเก็บร่องรอยในรถทุกอย่างหมดแล้ว” 

    “เอาเถอะ กลับไปฉันจะไปโมเครื่องยนต์ใหม่หน่อย” โกสต์พูดขึ้น

    “เอาให้แรงกว่าเครื่องฉันแล้วกัน” ลีโอน่าพูดขึ้น

    “อ้อ นี่ท้าฉันเหรอ ได้ วันหลังเรามาแข็งกันแล้วกัน เอาเปล่า??” โกสต์ถามไปอย่างกวนๆ

    “ได้เลย เดิมพันเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน” ลีโอน่าตอบกลับไป

     

    ณ คอนโดแห่งหนึ่งซึ่งเป็นห้องพักของคาซึฮะ ตัวของเธอตอนนี้มีความสุขกับเงินที่หามาได้ โดยที่เธอไม่ต้องทำอะไรมากด้วยซ้ำ 

    “เยี่ยมเลย แบบนี้ฉันเองก็มีเงินใช้แล้ว ไม่ต้องง้อครอบครัวโง่ๆของฉันแล้ว!!” คาซึฮะพูดขึ้น

    “แต่เอ๊ะ พวกมันจะตามล่าเราหรือเปล่า??” 

    “นั่นสิ ครั้งนี้อาจจะรอด แต่ครั้งหน้าเราอาจจะตายก็ได้”

    “แต่ ถ้าเกิดว่าเราไม่ไปปล้น แล้วไปขอกับเน็ตโต้หล่ะ หมอนั่นน่าจะหลอกง่ายด้วย แบบนี้เราก็จะได้เงินมาใช้ง่ายๆเลย” คาซึฮะพูดขึ้นพลางหัวเราะออกมาอย่างสะใจ

     

    และอีกด้านหนึ่งของโกดัง แหล่งกบดานของเน็ตโต้ มารินะเองได้ขอปืนพก M1911 ของเน็ตโต้เอามาดัดแปลงอะไรนิดหน่อย เธอลองปรับลำกล้องและไกปืน รวมถึงระบบต่างๆ ตรงนั้นทีตรงนี้ที ไม่นานนัก ปืนของเน็ตโต้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว และไม่นานนัก เน็ตโต้เองก็กลับมา เขารีบไปหามารินะเพื่อเอาปืนอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ มารินะ ปืนฉันได้หรือยังอ่ะ??”

    “อ้อ ได้แล้วหล่ะ ฉันดัดแปลงให้มันยิงเร็วขึ้น ลดแรงถีบลง เพิ่มระยะยิง แล้วก็แม็กกาซีนกระสุนได้เพิ่มอีกหน่อย ความจริงนายน่าจะใช้รุ่นอื่นดีกว่า ฉันมี Glock รุ่นใหม่อยู่นะ” มารินะพูดขึ้น

    “อ้อ ไม่หรอก ฉันผูกพันกับมันมานานหน่ะ มันช่วยชีวิตฉันไว้หลายครั้งแล้ว” เน็ตโต้พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เน็ตโต้เองรีบรับโทรศัพท์ในทันที

    “เฮ้ เน็ตโต้ นี่ฉันเองแมรี่ ฉันมีงานใหม่ อยากลองหรือเปล่าหล่ะ??”

    “อืม เดี๋ยวรอให้พรรคพวกผมมาครบก่อนดีกว่าครับ” เน็ตโต้ตอบไป 

    ==================================================================

    งานใหม่กลุ่มของเน็ตโต้จะเป็นอย่างไร อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×