ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sorova - เมื่อประเทศฉันมันบัดซบ

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 3 : บุกภูวิส!!

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ย. 63


     เช้าวันต่อมา เขตเมืองหลวง Sorova City ในขณะที่ยามของ Khorne สองคนกำลังนั่งสูบบุหรี่กันเพื่อคลายเครียด
             "เฮ้ย มีไฟแช็คอีกหรือเปล่า??"
              "ปัง!!"
              "เฮ้ย อะไรวะ??"
               พวกยามสองคนพยายามถือปืนและยิงสวน แต่ในตอนนั้นเองพวกนั้นก็โดนยิงล้มลงทั้งคู่ ทหารของโดนาทอร์บุกเข้ามาในเมืองหลวงอย่างต่อเนื่อง พวกเขายิงปะทะกับกองกำลัง Khorne และมาเฟียกลุ่มอื่นในพื้นที่ แต่ก็ดูเหมือนกับว่าจะต้านเอาไว้ไม่อยู่ ทหารของโดนาทอร์ไล่พวกนั้นจนถอยออกไป ส่วนพวกของเนวิสก็บุกผสมโรงไปด้วย พวกเขาบุกเข้าไปในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งด้านในแก๊งค์ท้องถิ่นแก๊งค์หนึ่งได้ยึดไว้เป็นสถานที่ของพวกมัน พวกมันถึงกับตกใจว่าเกิดอะไรเกิด มันพยายามจะชักปืนออกมาสู้แต่ก็โดนพวกของเนวิสยิงตายจนเรียบ ส่วนที่เหลือก็วางอาวุธไปในทันที
               "เฮ้ย พวกมึงเป็นใครกันวะ??" พวกมันตะโกนถามไป
               "เป็นคนที่จะมาจับพวกมึงเข้าคุกยังไงหล่ะ!!" เนวิสพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ไล่ต้อนพวกมันออกมาที่ด้านนอก จากนั้นก็เอามารวมกันไว้ที่สนามแห่งหนึ่ง ซึ่งคนกลุ่มอื่นๆก็เอาตัวสมาชิกแก๊งค์ต่างๆมากองรวมกันไว้ จากนั้นก็คอยเฝ้าพวกมันตลอดว่าพวกมันจะทำอะไรหรือเปล่า
               "โห มีแต่ไอ้พวกขี้ยาทั้งนั้น ตำรวจไปไหนหมดหล่ะ??" ฟรอนเทียร์ถามอย่างสงสัย
               "ตำรวจเหรอ ก็อยู่ทางโน่นไง!!" เรนิต้าพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง เขาก็เห็นกลุ่มชาวบ้านถือบ้านไล่ต้อนตำรวจที่กำลังเมายามารวมตัวตรงนี้ด้วย พวกเขาจับตำรวจพวกนั้นมารวมกันพร้อมกับกลุ่มแก๊งค์ที่ถูกจับมาได้ และตำรวจพวกนั้นก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
              "นี่พวกแกทำอะไรของแกวะ กูเป็นตำรวจนะเว้ย??"
              "ตำรวจเหรอ โทษทีหว่ะ พวกมึงโดนปลดแล้ว!!" รอนนี่พูดขึ้น จากนั้นก็ไปกระชากเอาตราตำรวจออกมาแล้วโยนทิ้งไปในทันที มันคนหนึ่งไม่พอใจจะลุกขึ้นมาแต่มาร์ตินก็ต่อยหน้ามันไปจนสลบเหมือด
              "มีใครอยากจะโชว์พาวอีกหรือเปล่า??" ลูซิน่าตะโกนออกไปจากนั้นก็เล็งปืนใส่พวกมัน ทำเอาพวกมันไม่มีใครกล้าทำอะไรซักคน
              "เฮ้อ ไอ้พวกนี้นี่ สงสัยจะเมากันสุดขีดเลยแหะ" วาลิน่าพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง โดนาทอร์และปาโบลก็ไปยืนบนเวทีตัวหนึ่งซึ่งเป็นเวทีสำหรับเต้นแอโรบิคในสวนสาธารณะ โดยที่คนของเขาก็เอาเครื่องขยายเสียงไปให้ทั้งคู่ได้ปราศัยด้วย

    “พ่อแม่พี่น้องชาวโซโรวาทั้งหลาย กระผมโดนาทอร์ จาราริก้า ผมทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อประเทศนี้มาทั้งชีวิต และในวันนี้ ผมได้กลับสู่มาตุภูมิแล้ว!!” โดนาทอร์พูดขึ้นและมีเสียงปรบมือเป็นระยะๆ

    “พวกเราต้องทุกข์ทนอยู่ในนรกขุมนี้มานานหลายปี ทุกท่านจำได้หรือเปล่าว่าครั้งสุดท้ายที่เราได้กินอาหารดีๆ ได้ใช้ไฟฟ้า ประปา ระบบขนส่ง รวมถึงใช้ชีวิตแบบเก่าของเราเมื่อไหร่??”

    “กว่า 5 ปีที่พวกเราต้องทนกับพิษของการรัฐประหาร และตอนนี้ คนทำก็ไปอยู่สุขสบาย ปล่อยให้พวกเราต้องทนทุกข์อยู่ที่นี่ พวกคุณว่ามันใช่เหรอ??”

    “วันนี้ ประเทศของเราถูกแบ่งออกเป็นประเทศเล็กประเทศน้อย ถูกต่างชาติแย่งชิงพื้นที่ กอบโกยผลประโยชน์ เต็มไป้วยความฉ้อฉล เราจะไม่ยอมอีกต่อไปแล้ว เราจะทำให้ประชาชนกลับมาสงบสันติ ให้ชนชาติของเรายืนอย่างสง่าบนเวทีโลกอีกครั้ง ถึงแม้ ในป่าในเขา จะยังมีคนที่หลงงมงายอยู่ เราจะเปิดหูเปิดตาพวกเขา ให้พวกเขาได้รับรู้ ว่าบัดนี้ ชาวโซโรวา ได้ลุกขึ้นแล้ว!!”

    “โซโรวาจงเจริญ!!” ปาโบลตะโกนปลุกใจผู้คน

    “โซโรวาจงเจริญ!!”

    “วันนี้ เราทุกคนกำลังมีสงคราม ไอ้พวกระยำที่เกาะกินประเทศของเรายังคงอยู่ที่นี่ พวกมันกำลังมาฆ่าพวกเรา เพื่ออำนาจ พวกเราทุกคนจะยอมพวกมันอย่างงั้นเหรอ ขอให้ทุกคนที่พร้อมจับอาวุธ เตรียมสู้กับพวกมัน ขับไล่พวกมันออกไป หรือจับมันมาขึ้นศาลสำเร็จโทษให้ได้!!” ปาโบลตะโกนออกไป ทำเอาชาวโซโรวานับพันต่างพากันตะโกนแซ่ซ้อง ชาวโซโรวาหลายพันคนพากันสมัครทหารเพื่อจับอาวุธรบ โดยที่คนของโดนาทอร์ก็คอยอำนวยความสะดวกให้เรื่องอาวุธ ในตอนนั้นเอง รอนนี่ก็ได้พาพวกเพื่อนๆที่เหลือเดินทางมายังตึกหลังหนึ่ง ซึ่งด้านใน มีคอมพิวเตอร์และเครื่องเซิฟเวอร์วางตั้งไว้ รวมถึงอุปกรณ์ไฮเทคต่างๆ รวมถึงเครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่ ซึ่งพวกเขาทึ่งกันมาก

    “โห ฝีมือยังไม่ตกเหมือนเดิมเลยนะรอนนี่!!” ฟรอนเทียร์พูดขึ้น

    “สงครามโลกไซเบอร์ ตัดสินแพ้ชนะ วัดกันที่ความแนบเนียน ผมติดตั้งเครื่องพรางสัญญาณ และตั้งเป้าไว้ที่ประเทศรวยๆทั่วโลก ถ้าเกิดมีการตรวจสอบขึ้นมา ไอ้พวกนั้นก็ซวยแทน” รอนนี่พูดขึ้น

    “นี่ยังดีนะที่เครื่องปั่นไฟยังใช้ได้อยู่ คงต้องหาดินสอมาเยอะๆหล่ะ” วาลิน่าพูดขึ้น

    “แล้วมันใช้ดินสอทำไมหล่ะครับ??” เนวิสถามอย่างสงสัย

    “อ้อ เครื่องนี้ใช้พลังงานจากคาร์บอนดินสอหน่ะ แต่ฉันว่าต้องปรับแต่งเพิ่มอีกหน่อย” ลูซิน่าพูดขึ้น

    “แล้วนี่ แผนของเราจะเอายังไงต่อหล่ะ??” เรนิต้าถามอย่างสงสัย

    “เราจะติดต่อกับเครือข่ายของเราทั่วโลก เพื่อติดตามว่าคนของไอ้ปราฟยาฟมันอยู่ที่ไหนบ้าง” ลูซิน่าพูดขึ้น

    “แต่สงครามที่นี่ก็คงต้องดำเนินการด้วย เพราะเอาจริงๆเรายังยึดเมืองหลวงได้ไม่ทั้งหมดเลย” วาลิน่าพูดขึ้น

    “ตอนนี้พวก Khorne เข้มแข็งที่สุด ถ้าเราปะทะกับมันก่อน เราจะเสียหายหนักแน่ๆ” ฟรอนเทียร์พูดขึ้น

    “ผมว่า เราน่าจะไปที่เขต 4 ได้นะครับ” เนวิสพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ไปหยิบแผนที่แถวนั้นมากางให้คนอื่นๆได้ดูในทันที

    “ตรงนี้ไงครับ พื้นที่เชื่อมต่อไปที่เขต 4 แถมเป็นเขตป่าด้วย เราน่าจะซ่อนกองกำลังของเราที่นั่นได้” เนวิสพูดขึ้น

    “เออใช่ เขต 4 ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ด้วย ถ้าเราได้มา เราก็อาจจะได้เสบียงและกำลังคนเพิ่มก็ได้” รอนนี่พูดขึ้น และมาร์ตินในตอนนั้นก็พยักหน้าไปด้วย

    “อืม ฉันว่าเราน่าจะแบ่งหน้าที่กันดีกว่า ว่าใครจะทำอะไร” เรนิต้าพูดขึ้น

    “เอาอย่างงี้ ฉัน เนวิส ฟรอนเทียร์ มาร์ติน จะคุมหน่วยรบ ส่วนที่เหลือ จัดการเรื่องข้อมูลที่นี่” วาลิน่าพูดขึ้น

    “ตอนนี้เรากำลังคนประมาณ 300 คนพร้อมอาวุธ เราคงต้องโจมตีไปทีละน้อยหล่ะ” ลูซิน่าพูดขึ้น

    “ตอนนี้กองกำลังหลักของคุณโดนาทอร์คงจะโจมตีที่กราโดสแน่ๆ เราจะโจมตีอีกด้านหนึ่ง เขตภูวิสหน่ะ” ฟรอนเทียร์พูดขึ้น

    “ก็ดีนะครับ ได้ยินว่าที่นั่นกำลังวุ่นวายสุดขีดเลย” เนวิสพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นฉันจะลองขโมยเงินในบัญชีของลูกกระจ๋อกปราฟยาฟ แล้วค่อยเก็บไว้แล้วกัน” รอนนี่พูดขึ้น ส่วนมาร์ตินก็เตรียมอาวุธไปด้วยเพื่อเตรียมจู่โจมในครั้งถัดไป

    “เอาหล่ะ งานนี้ก็ต้องรอดูกันต่อไปหล่ะ” เรนิต้าพูดขึ้น

     

    ณ ค่ายพักชั่วคราวของโดนาทอร์ ในวันนั้นตัวโดนาทอร์ก็มาวางแผนการรบร่วมกับปาโบลเพื่อเตรียมโจมตีเมืองหลวงส่วนที่เหลือ เขากางแผนที่และวางแผนร่วมกับคนอื่นๆอย่างเคร่งเครียด

    “อืม เรายึดเขตนี้รวมถึงใจกลางเมืองหลวงได้ แต่เขตอื่นยังยึดได้ไม่หมด ทุกคนมีความเห็นว่ายังไง??” โดนาทอร์ถามไป

    “ผมคิดว่า ถ้าเราปะทะกับพวก Khorne ในเขต 2 โดยตรง เราจะต้องเจอกับความสูญเสียอย่างหนักแน่นอนครับ” เสนาธิการคนหนึ่งพูดขึ้น

    “ตอนนี้ที่เราทำได้คือแบ่งกำลังไปเขตอื่น แล้วยึดให้หมด แต่ต้องทำก่อนหนึ่งอาทิตย์ เพราะเรามีเสบียงแค่นั้น” ปาโบลพูดขึ้น

    “ผมขอเสนอความเห็นครับ เราน่าจะเคลื่อนทัพไปที่เขต 4 เส้นทางนี้เป็นเขตป่า ใช้ซ่อนตัวได้ ถ้าเรายึดที่นั่นได้ เราอาจจะปิดล้อมพวก Khorne ได้เสบียงและคนเพิ่มด้วยครับ” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น

    “เห็นด้วย แล้วเขต 4 ตอนนี้ใครคุมหล่ะ??” โดนาทอร์ถามไป

    “ไอมาร์ชิน โตโผที่มันร่างรัฐธรรมนูญให้ปราฟยาฟยังไงหล่ะ” ปาโบลพูดขึ้น

    “เฮ้อ มันยังไม่ตายห่าอีกเหรอเนี่ย??” ทหารคนหนึ่งถามไป

    “กองกำลังของมันมีเยอะแค่ไหนหล่ะ??” โดนาทอร์ถามไป

    “เท่าที่สายข่าวของเรารายงานมา บอกว่าพวกมันมี 5000 ได้ครับ!!”

    “กองกำลังของเราตอนนี้ ที่พอจะสู้ได้มีแค่ 2000 เองนะครับ!!” ปาโบลพูดขึ้น

    “ถึงยังไงก็ต้องสู้ ต้องเลี่ยงการปะทะให้ได้มากที่สุด” โดนาทอร์พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง เลขาและภรรยาคู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขของโดนาทอร์คนหนึ่งก็เดินมาหาโดนาทอร์อย่างเร่งรีบ

    “โดนาทอร์ ปราบี้กับพาร์นิต้าติดต่อมา เขาบอกจะกลับมาที่โซโรวาอ่ะ!!”

    “ปราบี้ ได้ข่าวว่าเขาไปอยู่ฝรั่งเศสกับเมียเขา พาร์นิต้า ฉันคิดว่าจะไม่ได้เจอเธออีกแล้ว!!” ปาโบลพูดขึ้น

    “รีบส่งคนไปต้อนรับพวกเขา ดีแล้วหล่ะที่เขากลับมาร่วมกับเราด้วย” โดนาทอร์พูดขึ้น

    “ถ้าเราจะลุย เราคงต้องลุยเดี๋ยวนี้แล้วหล่ะ” ปาโบลบอกกับเขาไป

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในทะเลคอสตาริก้า เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งค่อยๆลงจอดบนเรือบรรทุกเครื่องบินลำหนึ่งซึ่งกำลังลอยลำอยู่แถวนั้น เมื่อเฮลิคอปเตอร์ลงจอด หญิงสาวคนหนึ่งก็เดินลงจากฮอ โดยที่มีทหารคนหนึ่งกำลังรอต้อนรับเธออยู่ด้านหน้าตรงนั้น

    “คุณเจซซิน ขอต้อนรับสู่อเมริกาใต้ครับ!!”

    “สถานการณ์เป็นยังไงบ้างคะผู้กอง??” เจซซินถามไป

    “ตอนนี้สงครามเริ่มปะทุเต็มรูปแบบแล้ว โดนาทอร์กำลังนำทัพขึ้นเหนือแล้วครับ”

    “เขามีกองกำลังเท่าไหร่??” เจซซินถามต่อไป

    “ตอนนี้ก็มีราวๆ 2000 ได้ครับ และอาจจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”

    “แล้วนี่ ฉันต้องไปเจอใครที่ไหนก่อนหรือเปล่า??” เจซซินถามต่อ

    “เราจะไปส่งคุณที่เขตปลอดภัย เขต 4 ซึ่งจะมีคนรอรับคุณที่นั่นครับ”

    “ถ้าอย่างงั้นก็ออกเดินทางเลย ก่อนจะมืดค่ำซะก่อน” เจซซินพูดขึ้น

    “ครับ ถ้าอย่างงั้นก็เชิญทางนี้เลยครับ” ผู้กองคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นเขาก็พาเจซซินไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ในทันที โดยที่นักบินคนหนึ่งก็เตรียมพร้อมออกเดินทางแล้ว

    “คุณเจซซินครับ คาดว่า 30 นาทีจะไปถึงโซโรวาครับ!!”

    “ดี ถ้ามีอะไรก็รายงานฉันเป็นระยะๆแล้วกัน!!” เจซซินตอบไป จากนั้นเฮลิคอปเตอร์ของพวกเขาก็ค่อยๆออกเดินทางในทันทีก่อนที่จะมืดค่ำเสียก่อน

     

    กลับมายังเขต 2 ของกลุ่ม Khorne เรดเดวิลก็ยังคงนั่งพักอยู่ในห้องของเขา ในตอนนี้เขาถอดชุดเกราะเพื่อพักผ่อน รวมถึงใส่หน้ากากเพื่อไม่ให้ใครเห็น รวมถึงเสพกัญชาไปด้วย ในระหว่างนั้นเอง ทหารคนหนึ่งก็เข้ามารายงานอะไรบางอย่างกับเขาอย่างเร่งรีบ

    “ท่านครับ มีข่าวจากเมืองหลวงครับ!!”

    “อะไรกันวะ ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญนะ!!” เรดเดวิลพูดในขณะที่กำลังเมากัญชาอยู่

    “ตอนนี้กองทัพของโดนาทอร์รวบรวมคนและโจมตีเขตของเราครับ!!”

    “หะ ว่าไงนะ ตอนนี้พวกมันอยู่ที่ไหนแล้ว??” เรดเดวิลถามไป

    “มันยึดใจกลางเมืองหลวงไปแล้ว เหลือแค่กราโดสกับภูวิสครับ!!”

    “นี่มันเมืองหน้าด่านก่อนที่มันจะมาถึงเราเลยนะ ส่งกำลังพลไปยึดที่นั่นสิ!!” เรดเดวิลพูดขึ้น

    “แต่ที่นั่นมีกลุ่มผู้มีอิทธิพลหลายกลุ่มที่ยึดพื้นที่อยู่นะครับ”

    “ถ้าอย่างงั้นส่งคนไปที่กราโดสก็พอแล้ว ถ้ามันยึดกราโดสไปได้มันอาจจะเดินทัพมาถึงเราแน่นอน” เรดเดวิลพูดขึ้น

    “แต่ผมว่า พวกมันอาจจะไม่โจมตีเราโดยตรงก็ได้ครับ ถ้าโดนาทอร์มันฉลาดมันจะคิดแบบนั้น คนของเรามีมากกว่ามันหลายเท่า มันคงต้องส่งกำลังคนไปที่เขต 4 แน่ๆ ผมว่า เราส่งคนไปยึดเขต 4 ดีกว่าครับ” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น

    “อืม พูดได้ดีสูราจา แล้วที่เมืองหลวงนี่จะเอายังไง??” เรดเดวิลถามไป

    “ก็แค่ปิดล้อมพื้นที่เขต 4 ไว้ เพราะพวกมันคงมีเสบียงจำกัด เมื่อพวกมันอ่อนแรง เราก็ลุยพวกมันให้จบไปเลย”

    “ดี ส่งทหารไปที่เขต 4 เข้ายึดให้ได้ เอาตัวไอ้มาร์ชินมาหาฉันด้วย ส่วนที่กราโดส แค่ส่งคนไปตรึงกำลังไว้ก็พอ” เรดเดวิลพูดขึ้น

    “รับทราบครับท่าน!!” ทหารคนนั้นตอบไป

    “มาร์ชินนี่ มันยังไม่ตายเหรอครับ??” สูราจาถามไป

    “ไอ้เฒ่าสารพัดพิษนี่มันตายยาก ฉันอยากให้มันรู้ว่าใครเป็นใคร” เรดเดวิลพูดขึ้น

    “เฮ้อ ไม่เจียมกะลาหัวจริงๆเลยนะครับมันเนี่ย!!” สูราจาตอบไป

     

    กลับมายังเขต 4 หลังจากที่พวกของเคนโนช่าหนีออกมาจากเขต 2 หลังจากที่พวกเขาขโมยอาวุธและเสบียงจากพวก Khorne ได้สำเร็จ ในตอนนั้นเองบาร์มามัสก็ขับรถไปที่ไหนซักแห่งก่อนที่จะกลับไปที่ค่ายของพวกเขา

    “นี่เรากำลังจะไปไหนครับ??” โอเมอร์ถามอย่างสงสัย

    “อ้อ ไปหาแองเจลิก้าหน่อยหน่ะ” บาร์มามัสพูดขึ้น

    “เออใช่ ตั้งนานแล้วที่ไม่ได้ไปหาเธอหน่ะ” เคนโนช่าพูดขึ้น และในไม่กี่อึดใจ พวกเขาก็ขับรถมาถึงชายป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งพวกเขาขับรถไปจอดบริเวณลานกว้าง จากนั้นเขาก็ลงจากรถในทันที และในตอนนั้นก็ปรากฎร่างของหญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมาจากป่า เคนโนช่ารีบไปทักทายเธอในทันที

    “เป็นยังไงบ้างแองเจลิก้า??”

    “อ้าว เคนโนช่า ไม่เจอกันนานเลยนะ!!”

    “แองจี้ ฉันมีเรื่องให้ช่วยหน่ะ ฉันอยากได้ฟิลเตอร์กรองน้ำ และยาสมานแผล แลกกับอาหารหน่ะ” บาร์มามัสพูดขึ้น

    “อ้อ เดี๋ยวนี้ฟิลเตอร์หมดไวนะ เดี๋ยวฉันพาไปเอา ทางนี้เลย” แองเจลิก้าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็พาไปในโรงนาแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ห่างจากลานจอดรถเท่าไหร่ แองเจลิก้าเปิดประตูโรงนา จากนั้นก็พาไปเอาฟิลเตอร์ที่วางบนพื้นในทันที

    “จะเอาไปเยอะแค่ไหนหล่ะ??” แองเจลิก้าถามไป

    “ก็ส่วนหนึ่งหน่ะ ตอนนี้มีคนมาเพิ่ม ก็เลยต้องรองรับหน่ะ” บาร์มามัสพูดขึ้น

    “นี่ ฉันได้ข่าวมาว่าคุณโดนาทอร์กลับมาแล้ว” แองเจลิก้าพูดขึ้น

    “หะ พี่พูดจริงเหรอครับ เขากลับมาแล้วเหรอครับ??” โอเมอร์ถามไป

    “ต่อให้กลับมาก็ไม่รู้จะช่วยอะไรได้หรือเปล่า ตอนนี้พวก Khorne กำลังเข้มแข็งเลย” เคนโนช่าพูดขึ้น

    “แต่ฉันได้ยินว่าเขาเอาอาวุธกับกำลังคนมาด้วยนะ” แองเจลิก้าพูดขึ้น

    “รอดูไปก่อนแล้วกัน ว่าเขาจะกู้สถานการณ์ได้หรือเปล่า??” บาร์มามัสพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ค่อยๆยกฟิลเตอร์น้ำไปขึ้นรถบรรทุกอย่างรวดเร็ว

    “ยังเหลืออีกเยอะมั้ยครับเนี่ย??” โอเมอร์ถามในขณะที่กำลังยกของอยู่

    “อีกไม่กี่อันเอง ไม่ต้องห่วงหรอก” เคนโนช่าพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ขนของมาที่รถจนเสร็จเรียบร้อย จากนั้นบาร์มามัสก็เอาอาหารแห้งสองลังมาให้กับแองเจลิก้าในทันที 

    “อืม ขอบคุณมากๆเลย” แองเจลิก้าพูดขึ้น

    “ถ้าสนใจอยากออกจากป่า บอกกันได้นะ” เคนโนช่าพูดไป

    “ฉันว่า ฉันโอเคกับที่นี่แล้วหล่ะ” แองเจลิก้าพูดขึ้น

    “เราจะกลับกันได้หรือยังครับ??” โอเมอร์ถามไป

    “ได้ๆๆๆ ถ้าอย่างงั้นขอตัวก่อนนะ” บาร์มามัสบอกลาแองเจลิก้า จากนั้นพวกเขาก็รีบขึ้นรถ แล้วบึ้งรถกลับค่ายของพวกเขาในทันที

     

    ณ เขตแดนระหว่างเขตเมืองหลวงกับเขต 4 ซึ่งจ่าปีเตอร์และหน่วยของเขาเดินข้ามมาเพื่อเดินทางไปสืบข่าวที่เขตเมืองหลวง พวกเขาเดินเท้าและพยายามหลบหลีกกลุ่ม Khorne ในพื้นที่ เพราะพวกเขายังไม่ต้องการปะทะในตอนนี้ และในตอนนั้นเอง พวกเขาก็เห็นรถกระบะและรถหุ้มเกราะนับสิบคันขับผ่านพวกเขา พวกเขาในตอนนั้นก็รีบหาที่หลบในทันที

    “ท่านคะ นั่นพวก Khorne นี่คะ??” ซาโตะพูดขึ้น

    “เห็นแล้ว ประเมินกำลังพวกมันหน่อยสิ!!” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “คำนวณจากสายตาแล้ว ประมาณ 100 ได้ค่ะ” การ์เซียพูดขึ้น

    “โห นี่เราต้องเล่นกับคนเป็นร้อยเลยเหรอ??” คัดเตอร์ถามไป

    “ใครว่าเราจะเล่นหล่ะ แบบนั้นเราก็ตายหน่ะสิ” มิคาเอลพูดขึ้น

    “เอายังไงต่อหล่ะครับ??” เมสันถามไป

    “นิ่งไว้ พวกมันยังไม่เห็นเรา” เจสันพูดขึ้น

    “รีบๆผ่านไปสิไอ้พวกบ้า!!” วาเลเรียบ่นพึมพำไป จากนั้นขบวนรถของพวกนั้นก็ผ่านไปจนหมด

    “เอาหล่ะ ไปกันต่อเลย!!” ปีเตอร์พูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง

    “ปัง!!”

    “ข้าศึก!!” ปีเตอร์ตะโกนขึ้น ซึ่งตอนนั้นมันคนหนึ่งก็สังเกตเห็นความผิดปกติและยิงใส่ตำแหน่งของปีเตอร์ในทันที

    “ตั้งแนวรับ เร็ว!!”

    ปีเตอร์สั่งให้ลูกน้องของเขาตั้งแนวปะทะกับพวกมัน เมสันตั้งปืนกลกระหน่ำยิงใส่พวกมัน และคนอื่นๆก็คอยช่วยยิงด้วย แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือ อีกด้านหนึ่งก็มีการยิงปะทะอย่างหนักเหมือนกัน

    “พวกมันยิงกับใครหน่ะ??” ซาโตะถามอย่างสงสัย จากนั้นปีเตอร์และคนอื่นๆก็กระหน่ำยิงใส่พวกมันจนพวกมันต้องถอยไปตั้งหลัก ในตอนนั้นเองปีเตอร์ก็สั่งให้ย้ายที่กำบังใหม่เพื่อเข้าใกล้เขตเมืองหลวง พวกเขาวิ่งมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเจอชายสองคนกำลังถือปืนกลเล็งพวกเขาเอาไว้ ทำเอาพวกเขาต้องเล็งสวน

    “สตาร์!!”

    ชายสองคนตะโกนออกไป ปีเตอร์ดูเหมือนจะเข้าใจเลยตอบกลับไป

    “เท็กซัส!!”

    “สวัสดีครับ ผมแจ๊คกี้ ชื่อรหัสเน็ก นี่เจ้าหน้าที่อีกคน ดีมีทรี ชื่อรหัสโอซีร็อตครับ!!” แจ๊คกี้พูดขึ้น

    “พวกคุณเป็นสายลับสินะ ผมจ่าสิบเอกปีเตอร์ หน่วยจู่โจม Delta Force 007 ครับ” 

    “ดูเหมือนพวกคุณมาช้าไปหน่อยนะ ที่นี่แม่งไม่เหลืออะไรแล้ว” ดีมีทรีพูดขึ้น

    “พวกคุณมาทำอะไรที่นี่เหรอคะ??” ซาโตะถามอย่างสงสัย

    “เรามาสืบความลับที่นี่นิดหน่อยหน่ะ แต่ตอนนี้เราไปไหนไม่ได้” ดิมีทรีพูดขึ้น

    “แล้วพวกคุณล่ะมาทำอะไรที่นี่??” แจ๊คกี้ถามอย่างสงสัย

    “เรามาสืบข่าวเกี่ยวกับโดนาทอร์ ที่กำลังมาที่นี่หน่ะ” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “เขายกพลขึ้นบกตั้งนานแล้ว ตอนนี้ยึดครึ่งเมืองหลวงได้แล้วด้วย” ดิมีทรีพูดขึ้น

    “ติดต่อหน่วยของเราด้วย บอกว่าเจอคนที่เราต้องการตัวแล้ว ต้องการกระสุนเพิ่มหน่ะ” ซาโตะบอกกับลูกน้องของเธอไป

    “รีบไปจากที่นี่ดีกว่า เดี๋ยวพวก Khorne จะไล่ตามมาอีก!!” แจ๊คกี้พูดขึ้น

    “ได้สิ พวกเรา เดินทางกันต่อเลย!!” ปีเตอร์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบเก็บของและเดินทางเข้าเมืองหลวงในทันที ก่อนที่พวก Khorne จะไล่ตามพวกเขามา

     

    กลับมายังเขตเมืองหลวง ร้านสัตว์เลี้ยงขนาดใหญ่ของอเล็กซานเดอร์ในเขตกลุ่มผู้มีอิทธิพล ในวันนี้เหตุการณ์เริ่มระส่ำระส่ายขึ้นมากเรื่อยๆ กลุ่มแก๊งค์พยายามช่วยกันป้องกันเขตเนื่องจากได้ข่าวว่ากองกำลังของโดนาทอร์กำลังโจมตีพื้นที่นี้ และในตอนนั้นเอง ฟรานชิสก้าก็มาที่ร้านของเขาตามเดิม เพื่อมาคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    “ไง คุณฟรานชิสก้า เหมือนคุณไม่ได้นอนเลยนะเนี่ย!!” อเล็กซานเดอร์ทักเธอไป

    “ก็ใช่หน่ะ พวกเหลือขอมันปาร์ตี้กันเมื่อคืน แทบไม่ได้นอนเลย” 

    “แต่ไม่ต้องห่วง ตอนนี้กองกำลังของคุณโดนาทอร์ยึดพื้นที่ไปได้เยอะแล้ว” อเล็กซานเดอร์พูดขึ้น

    “จริงเหรอ เขามาที่นี่อย่างงั้นเหรอ??” ฟรานชิสก้าถามไป

    “ใช่ อีกไม่นานคงยึดที่นี่ด้วย ด้านนอกพวกเหลือเดนวุ่นวายกันใหญ่เลย” อเล็กซานเดอร์พูดขึ้น

    “อืม ถ้าอย่างงั้นก็ดีหน่ะสิ ฉันอยากกลับบ้านเต็มทนหล่ะ” 

    “แต่เธออาจจะยังไม่ได้ไปจากที่นี่นะ สถานการณ์ยังไม่เอื้ออำนวยหน่ะ” อเล็กซานเดอร์พูดขึ้น 

    “เฮ้อ แต่ก็ไม่เป็นไร ถ้าคุณโดนาทอร์ยึดที่นี่ได้สถานการณ์คงดีขึ้นหล่ะ” ฟรานชิสก้าพูดขึ้น

    “ผมว่า จะไปขอเสบียงให้สัตว์เลี้ยงเพิ่มเติมหน่อย ตอนนี้มันใกล้จะหมดหล่ะ ผมมีเพื่อนอยู่ในกลุ่มภาคีปลดปล่อยหน่ะ” อเล็กซานเดอร์พูดขึ้น

    “แล้วเขาจะมีให้นายอย่างงั้นเหรอ??”

    “มันก็ต้องลองดูก่อน สัตว์เลี้ยงของผมทำประโยชน์ได้เยอะกว่าที่คิดนะ” อเล็กซานเดอร์ตอบไป

    “เฮ้อๆๆ แล้วนี่ เพื่อนนายในกลุ่มต่อต้านนี่ให้ข่าวชัวร์หรือเปล่า??” ฟรานชิสก้าถามไป

    “แน่นอน เขาเป็นคนระดับสูงในกลุ่มเลยนะ” อเล็กซานเดอร์พูดขึ้น

    “ยังไงก็เอาเถอะ ฉันอยากไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเลย” ฟรานชิสก้าพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวฉันจัดการเอง ไว้ใจได้เลย” อเล็กซานเดอร์ตอบไป

     

    กลับมายังตลาดใหญ่ย่านเมืองหลวง ร้านบะหมี่ของหลิว หลังจากที่กองทหารของโดนาทอร์กำลังจะโจมตีเขตตลาด กลุ่มชาวบ้านและกลุ่มแก๊งค์หลายคนพากันรีบหาที่หลบกันยกใหญ่ เพราะพวกเขาเชื่อว่ากองทัพของโดนาทอร์ต้องยึดเขตนี้ได้แน่นอน หลิวรีบปิดร้านในขณะที่ G กำลังเตรียมปืนสไนเปอร์เพื่อเตรียมงานของเขา

    “เฮ้พวก ขอแรงช่วยปิดร้านหน่อยได้หรือเปล่า??” หลิวตะโกนถามไป จากนั้น G ก็วางปืนของเขาแล้วมาช่วยหลิวขนของเข้ามาในร้าน รวมถึงปิดหน้าต่างร้านอย่างรวดเร็ว

    “ฉันได้ข่าวมาว่าโดนาทอร์กำลังจะมาที่นี่!!” หลิวพูดขึ้น G ได้แต่พยักหน้าไป

    “ถ้าเขายึดที่นี่ได้ สถานการณ์คงจะดีขึ้น นายคิดเหมือนกันหรือเปล่า??” หลิวถามไป แต่ G ก็ทำได้แค่พยักหน้าเหมือนเดิม

    “แล้วนายคิดว่ายังไงหล่ะ??” หลิวถามต่อ และในตอนนั้นเอง G ก็หยิบกระดาษขึ้นมาแผ่นหนึ่ง แล้วเขียนข้อความอะไรบางอย่างลงบนนั้น จากนั้นก็เอาให้หลิวดู

    “ฉันว่าพวกเขาอาจต้องเจองานหนัก พวก Khorne คงระดมกำลังกันโจมตีเมืองหลวงแน่ๆ!!”

    “เออ จริงด้วย ตอนนี้ฉันได้ข่าวมาว่าพวกนั้นเพิ่มกำลังมาที่นี่ด้วยนี่!!” หลิวพูดขึ้น จากนั้น G ก็เขียนข้อความลงกระดาษต่อ

    “นายพอรู้หรือเปล่าว่าหัวหน้าของมันอยู่ที่ไหน??”

    “ก็อยู่ในเขต 2 นั่นแหละ แต่ใครจะกล้าเข้าไป พวกนั้นมีคนเป็นหมื่นๆ” หลิวตอบไป จากนั้นพวกเขาก็ปิดร้านจนเสร็จเรียบร้อย จากนั้นพวกเขาก็มาคุยกันต่อข้างในห้องของหลิว

    “เออนี่ นายตามหาหัวหน้าพวกมันไปทำไมหล่ะ??” หลิวถามไป G ก็เขียนข้อความส่งให้กับหลิว

    “งานของฉันคือสังหารมัน ฉันเชื่อว่ามันต้องมีเอี่ยวกับคนใหญ่คนโตในคณะรัฐบาลแน่ๆ” 

    “แต่นายจะไปยังไง เขตนั้นพวก Khorne อยู่กันเต็ม แถมฉันได้ยินว่าหัวหน้าของพวกมันเก็บตัวดีมาก น่าจะเข้าถึงตัวยากหน่ะ” หลิวพูดขึ้น แต่ G ไม่สนใจแล้วไปหยิบปืนของเขามาเช็คต่อ

    “เออนี่ นายมีรถหรือยังหล่ะ??” หลิวถามไป G ก็ส่ายหน้าเนื่องจากว่าเขายังหารถไม่ได้

    “อ่าๆๆ เดี๋ยวฉันดูให้ ฉันพอจะมีเพื่อนที่เขาทำตรงนี้อยู่ เดี๋ยวจะให้ดูให้แล้วกัน” หลิวพูดขึ้น G พยักหน้าตอบรับไป จากนั้นก็เก็บปืนใส่กระเป๋าในทันที

    “แล้วนายจะไปวันไหนหล่ะ??” หลิวถามไป เขาชูสองนิ้วให้กับหลิว

    “อ้อ 2 วันเหรอ เดี๋ยวจะรีบหารถให้แล้วกัน” หลิวพูดขึ้น และ G ก็พยักหน้าตอบ หลิวในตอนนั้นก็ลุกขึ้นและเดินออกไปด้านนอกในทันที ส่วนตัว G ก็ชักปืนพกออกมาเพื่อคอยคุ้มกันร้านให้กับหลิว เนื่องจากด้านนอกสถานการณ์กำลังเดือดได้ที่และวุ่นวายสุดขีด

     

    ณ ค่ายทหารในเขต 4 ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของสหประชาชาติ มารีนเนอร์มาช่วยแจกของและตรวจสอบสถานการณ์ของกลุ่มผู้อพยพ ซึ่งยังคงเดินทางมายังเขต 4 อย่างต่อเนื่อง ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ UN กำลังแจกของอยู่นั้น จู่ๆก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาแต่ไกลในหมู่ผู้อพยพ

    “พวก Khorne รีบหาที่หลบเร็ว!!”

    ชาวบ้านแถวนั้นตะโกนขึ้น ทำเอาเจ้าหน้าที่สหประชาชาติถึงกับตกใจ มารีนเนอร์รีบเรียกทหารมาคุยในทันทีเพื่อถามว่าพวกนั้นเป็นใคร

    “นี่ทหาร พวก Khorne มันเป็นใครกัน??”

    “กองกำลังในพื้นที่เขต 2 พวกนี้น่ากลัวมากครับ!!” ทหารคนหนึ่งตอบไป

    “แล้วพวกเขาจะเอาอะไรจากเราหล่ะ??” 

    “ไม่ทราบเหมือนกันครับ ผมว่าคุณไปหลบก่อนดีกว่า” 

    “ไม่ ฉันจะเจรจากับพวกเขาเอง พวกคุณเตรียมคุ้มกันผู้อพยพไว้!!” มารีนเนอร์พูดขึ้น จากนั้นเหล่านาวิกโยธินสหรัฐก็เตรียมกำลังพลป้องกันพื้นที่ มารีนเนอร์นั่งรถออกไปเจรจากับพวกมันในทันที ซึ่งพวกมันตอนนี้กำลังไล่หลังกลุ่มผู้อพยพมาติดๆ มารีนเนอร์รีบหยิบโทรโข่งมาและพูดในทันที

    “พวกเรามาจากสหประชาชาติ พวกเราไม่อยากปะทะกับพวกคุณ ถอยกลับไปซะ!!”

    มารีนเนอร์พูดขึ้น ทำเอาพวกมันถึงกับหยุดและทำความเข้าใจไปซักพัก

    “ที่นี่เป็นเขตของสหประชาชาติ ถ้าพวกคุณยิง จะถือว่าพวกคุณเปิดสงครามกับเรา!!”

    พวก Khorne หยุดนิ่งซักพัก ในขณะที่ทหารนาวิกโยธินเตรียมพร้อมเข้าปะทะกับกลุ่ม Khorne และในตอนนั้นเอง จู่ๆก็มีธงสีเหลืองโบกสะบัดไปมาในกลุ่มของ Khorne จากนั้นพวกมันก็ค่อยๆถอนกำลังออกจากพื้นที่ในทันที ทำเอาทั้งผู้อพยพและเจ้าหน้าที่ถึงกับโล่งใจ

    “เฮ้อ นึกว่าจะต้องปะทะซะแล้ว!!” มารีนเนอร์พูดขึ้น

    “พวกมันคงกำลังยกกำลังไปเมืองหลวงครับ เราได้ข่าวมาว่าพวกมันกำลังไปรบกับโดนาทอร์ครับ!!”

    “อืม ข่าวที่ว่าโดนาทอร์มาถึงแล้วคือเรื่องจริงสินะ”

    “ใช่ครับ ผมว่าเขต 4 คงหลีกเลี่ยงการปะทะไม่ได้แล้วหล่ะครับ” ทหารคนหนึ่งพูดขึ้น

    “ยังไงราก็ต้องคุ้มกันให้ถึงที่สุด ไม่ว่ายังไง!!” มารีนเนอร์ยืนยันหนักแน่นกับคนอื่นๆไป

     

    ณ พื้นที่รอยต่อระหว่างเขต 6 และ 7 บริเวณฟาร์มแห่งหนึ่ง มีค่ายใหญ่ค่ายหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางไร่อันแสนสงบสุข แต่ก็เต็มไปด้วยกองกำลังติดอาวุธมากมายในพื้นที่ และในห้องนอนห้องใหญ่ห้องหนึ่งซึ่งชายคนหนึ่งกำลังนอนเปลือยกายกับผู้หญิงอีกคนในห้อง ชายคนนั้นยืนขึ้นมาและหยิบบุหรี่แถวนั้นมาสูบด้านนอก ในระหว่างนั้นเอง จู่ๆก็มีเสียงวิทยุดังขึ้นมา ชายคนนั้นรีบไปฟังวิทยุในทันที

    “แกแน่ใจนะ??” 

    ชายคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นเขาก็วางสายไป และไม่นานนัก หญิงสาวที่นอนกับเขาก็ลุกขึ้นโดยเปลือยกาย เดินเข้ามากอดเขาที่ด้านหลังแล้วคุยกับเขาในทันที

    “มีอะไรหรือเปล่าคะแอลรอน??”

    “อ้อ ไม่มีอะไรหรอกโรสเซีย โดนาทอร์มันกำลังโจมตีและยึดเมืองหลวงหน่ะ” แอลรอนพูดขึ้น

    “งั้นเหรอ แล้วทหารของเขามีเยอะแค่ไหนหล่ะ??” โรสเซียถามไป

    “ยังมีไม่มากเท่าไหร่ แต่ถ้าเขารวมกับกองกำลังในพื้นที่ ก็อาจจะพอบุกขึ้นเหนือได้” แอลรอนพูดขึ้น

    “อืม ฉันว่า งานนี้พวกเขาคงต้องผ่านพวก Khorne ให้ได้ก่อนหน่ะ”

    “พวก Khorne มีแต่คนบ้า แค่มีเยอะเท่านั้นแหละ” แอลรอนพูดขึ้น

    “ทำไมถึงคิดแบบนั้นหล่ะ??”

    “พวก Khorne มันแค่หาศาสดาเพื่อยึดเหนี่ยว พวกจิตใจอ่อนแอแบบนี้ไม่น่ากลัวหรอก ฉันกังวลเรื่องโดนาทอร์มากกว่า ตอนนี้กองกำลังของพวกนั้นกำลังเข้มแข็ง” แอลรอนพูดขึ้น

    “แล้วไง เราจะเข้าร่วมกับมันอย่างงั้นเหรอ??” โรสเซียถามไป

    “ไม่หรอก เราจะปล่อยให้พวกมันปะทะกันไป แล้วเราค่อยตลบหลังอีกที” แอลรอนพูดขึ้น

    “อืม ความคิดนี้เข้าท่าแหะ!!” โรสเซียพูดขึ้น จากนั้นเธอก็เดินไปหยิบแก้วเหล้ามาแล้วรินเหล้าดื่มในทันที

    “เออนี่ คนของเรามีเท่าไหร่หล่ะตอนนี้??” แอลรอนถามไป

    “ประมาณ 5000 ได้ แต่อาวุธครบมือเลยหล่ะ” 

    “แล้วพวกที่เขต 7 มันตอบกลับเราหรือยัง??” แอลรอนถามไป

    “ไอ้พวกรัสเซียนั่นมันยังไม่ยอมตอบเราเลยหน่ะสิ” โรสเซียตอบไป

    “เฮ้อ ถ้ามันไม่ยอมตอบก็เล่นแม่งเลย!!” แอลรอนพูดขึ้น

    “น่าจะยาก พวกนั้นมีจีนหนุนหลังอยู่ ได้ยินว่ามีนักธุรกิจอังกฤษมาร่วมด้วย” โรสเซียพูดขึ้น

    “ไอ้พวกเอเชียเอ้ย แส่มันทุกเรื่อง ถ้าอย่างงั้นเราคงต้องยึดเขต 6 ให้หมดก่อน แล้วค่อยเล่นเขต 5 ต่อ” แอลรอนพูดขึ้น

    “อ้อ เขตของไอ้ชาร์ลีหน่ะเหรอ ฉันว่ามันคงเมายาอยู่ในบ้านมันหล่ะ” โรสเซียพูดขึ้น

    “ก็พวกไฮโซหล่ะนะ ตอนนี้รีบจัดเตรียมกำลังคนดีกว่า เราจะรีบจบมันไปเลย” แอลรอนพูดขึ้น

    “เดี๋ยวฉันจัดให้ แต่ขออาบน้ำก่อนนะ!!” โรสเซียพูดขึ้น จากนั้นเธอก็ไปใส่เสื้อคลุมอาบน้ำของเธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำทันที

     

    กลับมายังเขต 7 ของบาร์บาร่า เหมืองแร่ซึ่งตอนนี้เหล่าคนงานกำลังทำงานอย่างเอาเป็นเอาตาย ในขณะที่บาร์บาร่ากำลังเช็คผลผลิตที่เธอได้ ซึ่งมีมากมายเหลือคณานับ 

    “เก็บไว้ให้ดี อย่าให้ใครมาเอาไปเด็ดขาด!!” บาร์บาร่าพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง เรซนอร์ฟและโพคลอนสกายาก็รีบมาหาบาร์บาร่าเพื่อมาคุยด้วย

    “คุณบาร์บาร่าคะ มีข่าวจากเขต 6 ตอนนี้แอลรอนกำลังระดมคนอย่างหนักเลยค่ะ!!” โพคลอนสกายาพูดขึ้น

    “จริงเหรอ พอรู้หรือเปล่าพวกมันจะไปไหน??” บาร์บาร่าถามไป

    “ยังไม่ทราบครับ ทางโบริสก็ยังไม่รู้เหมือนกัน” เรซนอร์ฟพูดขึ้น

    “ฉันว่า มันไม่น่าจะมาทางเราหรอก มันอาจจะไปเขต 5 ก็ได้” บาร์บาร่าพูดขึ้น

    “ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้นหล่ะครับ??” เรซนอร์ฟถามอย่างสงสัย

    “ถ้าพวกมันฉลาด มันจะคิดได้ว่า ถ้ามันโจมตีที่นี่ พวก Khorne คงจะตลบหลังมันแน่ๆ” บาร์บาร่าพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น พวกมันคงต้องบุกเขต 5 แน่ๆค่ะ” โพคลอนสกายาพูดขึ้น

    “อาจเป็นไปได้ ส่งอาวุธไปให้คุณชาร์ลี ให้มันเห็นว่าเราเป็นมิตร ให้มันรับหน้าแทนเรา” บาร์บาร่าพูดขึ้น

    “ครับ ผมจะรีบส่งไปเลย!!” เรซนอร์ฟพูดขึ้น

    “แล้วโบริสนี่เราจะเอายังไงดีคะ??” โพคลอนสกายาถามไป

    “ดูท่าทีมันไปก่อน ถ้ามันปอดแหก ก็เก็บมันซะ” บาร์บาร่าพูดขึ้น

    “ตอนนี้กำลังรบของเราคงไม่พอจะรับศึกสองทาง ทำแบบนี้น่าจะดีที่สุดหล่ะ” เรซนอร์ฟพูดขึ้น

    “นั่นสิ อย่างน้อยก็พอทอนกำลังของพวกมันไปได้บ้างหล่ะ” โพคลอนสกายาพูดเสริม

    “ระหว่างนี้ฉันจะลองติดต่อนายพลจาง เผื่อจะได้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมหน่ะ” บาร์บาร่าพูดขึ้น

    “ว่าแต่ นายพลจางจะส่งทหารจีนมาช่วยเรางั้นเหรอครับ??” เรซนอร์ฟถามไป

    “นั่นสิคะ กลัวเขาจะเป็นตาอยู่จริงๆ” โพคลอนสกายาพูดขึ้น

    “เขาเป็นพันธมิตรของเรา อย่าพูดแบบนี้อีก” บาร์บาร่าพูดปรามทั้งคู่ไป

    “ค่ะ ขอโทษด้วยค่ะ!!” โพคลอนสกายาพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็วิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับบาร์บาร่าอย่างเร่งรีบ

    “นายหญิงครับ มีข่าวจากเมืองหลวงครับ!!”

    “มีข่าวอะไรหล่ะ ว่ามา??” 

    “กองทัพของโดนาทอร์ใกล้จะยึดเมืองหลวงแล้วครับ!!”

    “โดนาทอร์ นี่เขายึดเมืองหลวงได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ??” เรซนอร์ฟถามไป

    “แต่ถึงยังไง ก็ต้องไปเจอกับพวก Khorne ก่อนนี่ ฉันว่าโดนาทอร์ทำไม่ได้หรอก” โพคลอนสกายาพูดขึ้น

    “แต่ยังไงเราก็ไม่ควรประมาท เตรียมคนของเราให้พร้อมแล้วกัน จ้างมือปืนไปเก็บมันด้วยถ้าจำเป็น” บาร์บาร่าออกคำสั่งไป ทั้งคู่รับคำสั่งในทันที

     

    ตกดึก ณ เขตภูวิส ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ในอาณัตของมาเฟียกลุ่มหนึ่ง ซึ่งตอนนี้พวกเขาอยู่กันแบบไร้กฎหมาย ใครอยากจะรังแกใครก็ทำ ชาวบ้านถูกข่มเหงย่ำยี ความเดือดร้อนเต็มไปทั่วทุกหย่อมหญ้า และในตอนนั้นเอง กลุ่มของเนวิส วาลิน่า ฟรอนเทียร์ และมาร์ติน ก็จู่โจมเข้าไปในค่ายๆหนึ่งอย่างรวดเร็ว พวกเขามาที่ริมรั้วสังกะสี และมาร์ตินก็เอามันออกได้อย่างง่ายดาย

    “เอาหล่ะ ในที่สุดเราก็มาถึงจนได้” ฟรอนเทียร์พูดขึ้น

    “จำไว้นะทุกคน ตรงนี้เป็นรังใหญ่ของพวกมัน คงมีไม่ต่ำกว่า 500 ได้ พวกนายจะเอายังไงต่อหล่ะ??” รอนนี่คุยวอกับวาลิน่าไป

    “เราจะโจมตีเร็ว ไม่ให้มันรู้ตัว ใช้คนในพื้นที่ให้เป็นประโยชน์” วาลิน่าพูดขึ้น

    “หัวหน้าของมันชื่ออาริส ฉายาป๋าริส พวกนายคงรู้จักนะ??” ลูซิน่าถามผ่านวอไป

    “รู้สิ ไอ้บ้านี่มันลูกน้องเก่าปราฟยาฟ มันเปิดบ่อนกับซ่องเถื่อนด้วย” เนวิสพูดขึ้น

    “เออๆ ตอนนี้ได้ข่าวมาว่ามันกำลังปั๊มยาขายส่งไปที่อเมริกา ถ้าทำได้ อเมริกาอาจจะซาบซึ้งน้ำใจเรานะ” เรนิต้าพูดผ่านวอต่อ

    “ไม่ต้องห่วง พวกมันอยู่ไม่พ้นคืนนี้แน่ๆ” เนวิสพูดขึ้น และมาร์ตินก็พยักหน้าไป

    “งานนี้ขอเงียบ คนของเรามีน้อย ต้องระวังหน่อยหล่ะ” วาลิน่าพูดขึ้นพลางใส่กระสุนในปืนของเธอ

    “ไม่ต้องห่วง เรารู้อยู่แล้วว่าเราทำอะไร” ฟรอนเทียร์พูดทิ้งท้ายไว้

    ============================================================

    พวกเขาเตรียมการโจมตีครั้ง แต่จะสำเร็นหรือไม่ อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลหนูด้วย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×