ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Steel Dynasty - จักรวรรดิเหล็กยึดอำนาจ

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 3 : กระสุนนัดแรก!!

    • อัปเดตล่าสุด 29 ธ.ค. 62


    หวังเหว่ยขี่ม้าพาเสี่ยวเว่ยและซิ่วอิงขี่ม้าเดินทางไปยังเขตตะวันออกเฉียงเหนือของสำนักของพวกเขา พวกเขาเดินทางมาเรื่อยๆ โดยที่เสี่ยวเว่ยยังคงสงสัยอยู่ว่าตัวหวังเหว่ยจะพาเขาไปที่ไหนกันแน่ จนกระทั่งเขาก็พาเสี่ยวเว่ยมายังบ้านหลังใหญ่ ซึ่งเป็นบ้านไม้ทรงยุโรป เสี่ยวเว่ยแปลกใจมากว่าทำไมบ้านทรงยุโรปแบบนี้ยังมีอยู่ที่นี่ด้วย เมื่อพวกเขามาถึง พวกเขาก็ลงจากม้า แล้วซิ่วอิงก็จูงม้าพวกนั้นไปยังที่ผูกม้าหน้าบ้านเอาไว้เพื่อไม่ให้ม้าของพวกเขาหนีไปไหน

    “คุณอังเดรครับ อยู่หรือเปล่าครับ”

    หวังเหว่ยตะโกนเรียกชายคนหนึ่งที่อยู่ด้านใน และไม่นานนัก ชายชาวตะวันตกก็เดินออกมาต้อนรับพวกเขาทั้งสามคนในทันทีด้วยความเร่งรีบ

    “อ้าว หวังเหว่ย ซิ่วอิง มาที่นี่มีอะไรหรือเปล่าหล่ะ”

    “คุณอังเดรคะ เราพาชายคนหนึ่งมาพบค่ะ เขาเป็นทหารนะคะ”เมื่อซิ่วอิงพูดจบ เสี่ยวเว่ยถึงกับตกใจแล้วพยายามพูดภาษาอังกฤษผิดๆถูกๆ แต่อังเดรก็พูดขึ้นในทันที

    “พูดจีนกับผมก็ได้น่าคุณเป็นทหารอย่างงั้นเหรอ”

    “ใช่ครับ ผมมาจากกองทัพนายพลไคตงฟง ตอนนี้ประเทศวุ่นวายมาก สงครามโลกครั้งที่ 1 จบไปได้ไม่นาน สุดท้ายประเทศเราก็ยังรบกันต่อ”เสี่ยวเว่ยพูดพลางถอนใจ

    “ผมเข้าใจ ผมเองก็เคยเป็นทหารเหมือนกัน ผมเคยรบในเหตุการณ์กบฏนักมวย จนกระทั่งได้เมียเป็นชาวจีน จนได้มาอยู่ที่นี่ ผมก็เลยตั้งใจว่าจะอยู่กับเธอจนวาระสุดท้าย”อังเดรพูดกับเสี่ยวเว่ยไป จากนั้นอังเดรก็พาพวกเขาทั้งสามคนมาในบ้านในทันที โดยที่ด้านในบ้านของอังเดร ก็มีอาวุธมากมายทั้งปืนยาว ปืนกล รวมถึงระเบิดหลายชนิดที่เตรียมไว้ราวกับว่าอังเดรจะทำสงครามกับใคร ซึ่งเสี่ยวเว่ยเห็นอาวุธพวกนั้นจึงรีบไปดูในทันที

    “โห!!อาวุธพวกนี้ทันสมัยมากเลยนะครับเนี่ย”เสี่ยวเว่ยหยิบปืนไรเฟิล Lee Enfieldของอังกฤษมาเชยชม ในกองทัพของเขาไม่มีทางได้ใช้ปืนดีๆแบบดี แม้ว่านายพลไคตงฟงจะร่ำรวยก็ตาม

    “ใช่แล้วหล่ะ ฉันเคยเป็นทหาร แล้วหวังเหว่ยช่วยเหลือฉันสร้างบ้านที่นี่ ฉันเลยช่วยเหลือพวกเขาด้วยการให้เรียนรู้อาวุธพวกนี้ด้วยหล่ะ”

    “แต่คุณอังเดรครับ ที่เว่ยตงกำลังจะโดนโจมตีนะครับผม”หวังเหว่ยตอบอังเดรไป

    “ใช่ค่ะ ถ้าสิ่งที่เขาพูดจริง ที่นี่กำลังจะโดนยึดครองนะคะ”ซิ่วอิงพูดเสริม

    “ถ้าเช่นนั้น พวกคุณคงต้องมีอาวุธที่ดีกว่านี้ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆเพื่อป้องกันที่นี่แล้วหล่ะ”อังเดรพูดขึ้น

    “ใช่ครับ เราต้องมีอาวุธมากกกว่านี้ รวมถึงความสามัคคีด้วย”เสี่ยวเว่ยพูดขึ้น

    “เห็นทีวิกฤตครั้งนี้จะสาหัสนัก แต่ขอให้พระเจ้าคุ้มครองพวกเราด้วยเถอะ”อังเดรพูดขึ้น

     

    กลับมายังสำนักตระกูลจิน หลังจากที่อิ๋งฉงถูกเสี่ยวเว่ยยิงเข้าไปที่ขา พวกเขาก็พาหมอมารักษาอิ๋งฉงโดยที่อิงฮวาต้องคอยดูแลเขาไปด้วย อิ๋งฉงผูกใจเจ็บเสี่ยวเว่ยมากที่กล้าหักหน้าเขาต่อหน้าศิษย์สำนักอื่นๆ หลังจากที่รักษาแผลเสร็จ นายหญิงหลี่ปิงก็เดินเข้ามาในห้องของอิ๋งฉงโดยที่ไล่อิงฮวาออกจากห้องไปด้วย

    “นี่เจ้า จะไปไหนก็ไป ข้าจะดูแลเขาเอง”

    หลันฮวาต้องยอมไปแต่โดยดี จากนั้นหลี่ปิงก็เดินเข้าไปหาอิ๋งฉงในทันที

    “อิ๋งฉง เจ้าเป็นยังไงบ้าง”

    “ท่านแม่ ข้าเจ็บใจเจ้าบ้านั่นยิ่งนัก มันบังอาจทำข้า”หลี่ปิงรักอิ๋งฉงมากประดุจเป็นลูกของตัวเอง

    “ข้ารู้ แต่ตอนนี้เจ๋ออี้ยังคุ้มครองเขาอยู่ เจ้าต้องคิดให้นักก่อนจะทำอะไร”

    “คอยดูเถอะ ไม่จบแค่นี้แน่ๆ ข้าจะฆ่ามัน”อิ๋งฉงพูดขึ้นจากนั้นก็เอามือทุบพื้นดังปังด้วยความแค้น และที่ด้านนอก อิงฮวาที่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดกันด้านนอก ในตอนนั้นเองศิษย์คนอื่นๆก็แอบมาดูสถานการณ์ไปด้วยด้วยความอยากรู้

    “นี่ จางหลง จูไค๋ หมิงซ่าน พวกเจ้ามาทำอะไรเนี่ย”

    “ก็มาดูสภาพเจ้าอิ๋งฉงว่าตายหรือยังหน่ะ สะใจข้ายิ่งนัก”จูไค๋พูดขึ้น

    “ใช่ ความจริงเจ้าหนุ่มนั่นน่าจะยิงมันที่หัวเลยนะ”จางหลงพูดขึ้น

    “ทำเป็นพูดเล่นไปนะ ว่าแต่ พวกเจ้าเห็นพี่ซิ่วอิงหรือเปล่าหล่ะ”อิงฮวาถามอย่างสงสัย

    “อ้อ!!ข้าเห็นพี่หวังเหว่ยกับเจ้าหนุ่มนั่นก็ออกไปกับพี่ซิ่วอิงด้วย”หมิงซ่านพูดขึ้น

    “เฮ้อ!!เมื่อไหร่พี่เขาจะกลับมากันนะ”อิงฮวาพูดขึ้นพลางถอนใจไป

     

    กลับมายังสำนักของตระกูลเจ้า หลังจากที่มีการชุมนุมชาวยุทธ์เรียบร้อยแล้ว เจ้าจิงเชียง เจ้าสำนักของเขาก็เร่งให้บรรดาลูกศิษย์ในสำนักของพวกเขาเร่งฝึกวิทยายุทธ์เพื่อรับมือกับกลุ่มข้าศึกที่กำลังจะบุกมายังดินแดนเว่ยตง โดยที่กวนเทียนเป็นผู้คุมในการฝึกฝน พวกเขาฝึกอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อต่อสู้กับอาวุธสมัยใหม่

    “เร่งฝึกกันหน่อย พวกข้าศึกกำลังจะมา พวกเจ้าต้องแข็งแกร่งเพื่อรับมือพวกมัน”

    “รับทราบครับ/ค่ะ!!”

    พวกเขาเร่งฝึกลมปราณขั้นสูง เพื่อรวมพลังธาตุทั้ง 4 ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งใช้ลมปราณเหาะเข้ามาแล้วบินผ่านศิษย์คนอื่นๆไปอย่าตกตะลึง

    “เฮ้ยๆ นั่นศิษย์พี่หลานหยูหรือเปล่า”

    “ใช่ๆ ศิษย์พี่หลานหยูจริงๆด้วย พี่หลานหยูกลับมาแล้ว!!”

    หลานหยูรีบเดินมาคารวะกับพ่อและแม่ของเขาในทันที

    “ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านสบายดีนะ”

    “หลานหยู เจ้ากลับบ้านแล้ว เจ้าอยู่สบายดีนะ”จิงเชียงถามอย่างสงสัย

    “ข้าสบายดีท่านพ่อ ข้าได้ยินข่าวเกี่ยวกับเภทภัยที่กำลังจะมายังเว่ยตงแล้ว ข้าเลยกลับมาหาท่าน”

    “ใช่แล้วหล่ะถ้าลูกแม่อยากจะกลับมาที่นี่ บรรดาลูกศิษย์ที่นี่คงจะดีใจกันมากเลยนะ”ซวงจี๋แม่ของเขาตอบไป

    “ใช่ท่านพี่ เว่ยตงเป็นบ้านเกิดของพี่ พี่จะปล่อยให้มันถูกทำลายเช่นนั้นเหรอ”กวนเทียนพูดเสริม

    “ข้าเข้าใจ อาวุธที่ชายหนุ่มคนนั้นใช้อานุภาพร้ายกาจมาก ข้าว่าเราอาจจะต้านทานพวกมันไม่ได้มาก”หลานหยูตอบไป

    “ก็ใช่นะท่านพี่ ข้าไปช่วยรักษาอิ๋งฉงวันนี้ บาดแผลเขาฉกรรจ์มากเลยนะ”กวนเทียนพูดขึ้น

    “เจ้าอิ๋งฉงหน่ะกระจอก ใช้กระบี่ยังไม่เป็นด้วยซ้ำ แต่เจ้าต้องเข้มแข็งกว่านี้ เข้าใจหรือเปล่า”หลานหยูหันไปหากวนเทียน

    “เอาหล่ะ ข้าเข้าใจเจ้าดีนะ ถ้าเจ้าพร้อมที่จะกลับมา ข้าจะดีใจมาก”เจ้าจิงเชียงพูดขึ้น จากนั้นหลานหยูก็หันไปพูดกับลูกศิษย์คนอื่นๆที่ตั้งใจรอฟังเขาอยู่อย่างใจจดใจจ่อ

    “ข้าประทับใจในฝีมือพวกเจ้าทุกคน แต่ว่าอาวุธของศัตรูแข็งแกร่งนัก พวกเจ้าไม่ประมาท รู้เขารู้เรา และหมั่นฝึกฝนให้ได้มากๆ แล้วข้าจะนำพวกเจ้าในการต่อสู้เอง”

    “รับทราบครับ/ค่ะศิษย์พี่!!”บรรดาลูกศิษย์สำนักเจ้าตอบกลับอย่างแข็งขัน

     

    กลับมายังสำนักตระกูลหม่า หลังจากที่ตระกูลของพวกเขากลับมายังสำนัก พวกเขาก็รีบหารือกันในตระกูลทันทีเพื่อรับมือกับผู้บุกรุกใหม่ที่กำลังจะมายังดินแดนเว่ยตง

    “ข้าว่านะ พวกเราคงต้องรับมือข้าศึกที่กำลังจะบุกมาที่นี่แล้วหล่ะ”หม่าซื่อเฉินบอกไป

    “แต่ว่าท่านพ่อ ถ้าสิ่งที่นายเสี่ยวเว่ยพูดเป็นความจริง พวกเราอาจจะพ่ายแพ้ราบคาบเลยก็ได้ อาวุธที่พวกมันมีมากพอที่จะทำลายเว่ยตงได้ทั้งหมดเลยนะ”หม่าเกอโย่วพูดขึ้น

    “นั่นสิท่านพี่ ข้าว่างานนี้เราอาจจะเจอศึกใหญ่ก็ได้นะ”เหมยอี๋พูดขึ้น

    “แต่ว่าท่านแม่ ข้าไม่กลัวอาวุธของพวกมันหรอก”โหลวฟางพูดขึ้น

    “ท่านพี่ ท่านพี่ยังไม่เคยเจออาวุธของพวกมัน ท่านพี่ต้องระวังหน่อยนะ”หม่าลี่หยวนปรามพี่ของเธอไป

    “แล้วยังไงหล่ะ เจ้าจะให้ข้าหวาดกลัวและยอมพวกมันงั้นเหรอ”โหลวฟางพูดด้วยเสียงแข็ง

    “ไม่ใช่หรอกท่านพี่ ข้าหมายถึง เราอาจจะต้องใช้อาวุธแบบเดียวกับพวกมันก็ได้นะท่านพี่”เกอโย่วตอบไป

    “นั่นสิ เราจะมามัวใช้ทวนแบบนี้ไปตลอดไม่ได้หรอกนะท่านพี่”ลี่หยวนพูดเสริม

    “เฮ้อ ดูเหมือนว่ายุคสมัยมันจะเปลี่ยนไปมากแล้วสินะ ข้าคงจะห้ามมันไม่ได้ ถึงยังไงข้างคงต้องฝากพวกเจ้าด้วยหล่ะ”ซื่อเฉินพูดขึ้น

    “ขอรับท่านพ่อ”

     

    กลับมายังสำนักธนูตระกูลข่ง ข่งลู่กลับมาที่บ้านของเขาเอง เขาก็กลับมาลูบธนูวิเศษของเขาที่ตั้งอยู่ในห้อง เขาลูบมันพลางถอนใจและเกือบจะน้ำตาไหลออกมา โดยในขณะเดียวกัน ลูกและเมียของเขาที่เห็นอยู่ก็รู้สึกเศร้าใจ แล้วก็เดินไปปลอบเจ้าสำนักของพวกเขาในทันที

    “ท่านพี่ ท่านร้องไห้ทำไมกันเหรอ”จีต้าถามอย่างสงสัย

    “มันคงจะหมดยุคการใช้ธนูของพวกเราแล้วหล่ะ” ข่งลู่พูดพลางถอนใจ

    “ไม่นะท่านพ่อ ข้าจะไม่ยอมให้อะไรมาทำลายวิชาของพวกเราได้หรอก”หวังเจ่ยพูดขึ้นกับพ่อของเขา

    “ใช่ท่านพ่อ อาวุธของพวกมันจะแน่แค่ไหนเชียว”โฮจินพูดเสริม

    “แต่ว่า ท่านพี่ก็เห็นอานุภาพของมันแล้วไม่ใช่เหรอ”จินฮัวพูดแย้งไป

    “นี่ เจ้าจะพูดให้พ่อเจ้าเสียใจทำไม”หวังเจ่ยหันไปต่อว่าจินฮัว

    “หวังเจ่ย น้องเจ้าพูดถูกแล้วหล่ะ ถ้าเจ้าไม่รู้เขารู้เรา เจ้าก็มีแต่จะแพ้เท่านั้น”ข่งลู่พูดขึ้น

    “ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าอาวุธของพวกมันยิงได้ไกลแค่ไหน”จินฮัวออกความเห็น

    “ท่านพ่อ ข้าจะฝึกปรือฝีมือ ให้ธนูของข้ายิงได้ไกลกว่าอาวุธของพวกมันเอง”ฮุยจินพูดขึ้น

    “ใช่ท่านพ่อ ข้าจะไม่ทำให้วิชาของท่านถูกทำลายหรอก”หวังเจ่ยพูดขึ้น

    “ข้ารู้ๆ ข้าคงต้องฝากพวกเจ้าเกี่ยวกับสำนักของเราแล้วหล่ะ”ข่งลู่พูดจากนั้นเขาก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก บรรดาลูกๆและภรรยาของเขาก็ต้องคอยปลอบใจเขาไม่ให้เป็นอะไรไป

     

    กลับมายังตระกูลต้า หลังจากที่พวกเขากลับมาจากการชุมนุมจอมยุทธ์ ในตอนนั้นเองต้าเฟิงเทียนก็กลับมาทดลองการผสมยาตำหรับโบราณเข้ากับสารสมัยใหม่เพื่อคิดค้นตัวยาชนิดใหม่ แต่ในระหว่างที่ตัวเขากำลังทำการทดลองอยู่นั้น จู่ๆหงฝูกับหลันฮวาก็เดินเข้ามาในห้องของเขา โดยที่ตัวเขาเองตกใจเป็นอย่างมาก

    “เฟิงเทียน นี่จ้าไปเอาของพวกนี้มาจากไหนกัน”หงฝูถามอย่างสงสัยเมื่อเจอกับหลอดทดลองวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ที่วางเต็มห้องเขาไปหมด

    “พี่หงฝูให้ข้าเข้ามา ข้าไม่เกี่ยวนะท่านพี่”หลันฮวาตอบเฟิงเทียนไป

    “ท่านพี่ ข้าทดลองมาได้ซักพักแล้ว ข้ารู้ว่าวันหนึ่งอาวุธสมัยใหม่ต้องมาถึง เคยเลยต้องเรียนรู้มันเพื่อรับมือกับพวกมัน” เฟิงเทียนพูดขึ้น

    “แล้วเจ้าจะรู้หรือเปล่า ท่านพ่อจะเสียใจแค่ไหน”หงฝูพูดขึ้น

    “แล้วท่านพ่อจะไม่เสียใจกว่าเหรอท่านพี่ ถ้าหากว่าเว่ยตงเหลือแต่เถ้าถ่าน ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปตามกาลเวลานะท่านพี่”เฟิงเทียนพยายามเถียงกับหงฝูไป แต่ในขณะเดียวกัน หมิงเจ้าและเหรินเฉิน เจ้าสำนักยาแฝกก็เดินเข้ามานห้องทันที ทำให้ลูกๆทั้งสามคนต้องรีบคารวะพวกท่านไป

    “ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านมาที่นี่ด้วยเหรอ”หลันฮวาพูดขึ้น

    “เฟิงเทียน นี่เจ้าทดลองกับของพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่หล่ะ”หมิงเจ้าถามเขาไป

    “ท่านพ่อ ข้าทดลองมันได้ซักพักแล้ว ข้ารู้ว่าวันหนึ่งยุคสมัยใหม่จะเข้ามายังเว่ยตงแห่งนี้ ข้าเลยต้องเรียนรู้จากมัน เพื่อไม่ให้เว่ยตงล่มสลายขอรับ”

    “แต่ว่า มันจะไม่ทำให้วิชาของเราหายไปอย่างงั้นเหรอลูก”เหรินเฉินถามเขาไป

    “นั่นสิ เจ้าน่าจะฟังแม่ของเจ้าหน่อยนะ”หงฝูพูดเสริม

    “แต่ท่านพ่อท่านแม่ก็เห็นกับตาแล้วนี่ ว่าอาวุธของพวกมันมีอานุภาพร้ายแรงขนาดไหน ลำพังแค่วรยุทธ์ของพวกเราไม่มีทางต่อกรกับพวกมันหรอกท่านพ่อ ข้าไม่อยากให้เว่ยตงล่มสลาย แล้วถึงตอนนั้น มันก็คงจะเป็นจุดสิ้นสุดของวรยุทธ์แล้วหล่ะท่านพ่อ”เฟิงเทียนตอบกลับไป หมิงเจ้าได้ยินคำพูดเหล่านั้นก็พลางคิดไปด้วย

    “ดูเหมือนว่าข้าคงจะแก่เกินไปแล้วสินะ ข้าคงต้องเรียนรู้จากสิ่งใหม่ๆ ข้าคงไม่อาจสอนอะไรใครได้อีกแล้วหล่ะ พวกเจ้าสามคนคงต้องช่วยเหลือข้า อย่าให้วิชาของเราต้องล่มสลายไปเด็ดขาด”หมิงเจ้าพูดขึ้น จากนั้นทุกคนก็พยักหน้ารับคำไป

     

    กลับมายังถ้ำสำนักตระกูลหนี หนีเอี๋ยนมองดูรูปและโกศของภรรยาที่ล่วงลับของเขา ซึ่งเขาได้สูญเสียเธอไปเมื่อคราวต่อสู้กับผู้บุกรุกภายนอก เขายังคงโศกเศร้ากับการจากไปของเธอ และในขณะเดียวกัน หนีเจาจวินก็เดินเข้ามาในห้องของพ่อเธอ แล้วเข้ามาดูพ่อของเธอที่กำลังโศกเศร้าอยู่ในทันที

    “ท่านพ่อ เป็นยังไงบ้างคะ”

    “เห็นทีเว่ยตงคงจะมิพ้นพินาศหล่ะ”หนีเอี๋ยนพูดออกมา

    “ไม่นะท่านพ่อ ข้าจะไม่ยอมให้พวกมันบุกเข้ามาที่นี่หรอก”

    “แต่ว่าพวกมันมีอาวุธที่ร้ายแรงมาก ข้าว่าเราอาจรับมือลำบาก” หนีเอี๋ยนพูดต่อ

    “ถ้าสิ่งที่เจ้าหนุ่มนั่นพูดจริง ท่านพ่อ!!ให้ข้าไปฆ่าไอ้ขุนศึกนั่นเถอะ”

    “ข้าว่าอาจจะไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”

    เสียงของชายคนหนึ่งดังลอยมาจากอีกด้านหนึ่งของพวกเขา ซึ่งนั่นก็คือฮุยจินนั่นเอง เจาจวินเห็นดังนั้นจึงดีใจแล้วรีบไปหาเขาในทันที

    “พี่ฮุยจิน พี่กลับมาแล้วเหรอ”

    “ท่านอาจารย์ ข้าประลองกับทหารของพวกมันแล้ว พวกมันใช้อาวุธที่ข้าไม่รู้จักมาก่อน มันปล่อยพลังเพลิงพร้อมโลหะที่ทะลุไม้ได้ เราอาจจะเจอกับศัตรูที่แกร่งกว่าเราก็ได้ครับ”ฮุยจินตอบอาจารย์ของเขาไป

    “ข้าเคยเห็นมันแล้ว กระบี่ของอิ๋งฉงทำอะไรไม่ได้เลย”หนีเอี๋ยนพูดขึ้น

    “ข้าว่า เราจะต้องร่วมมือกันระหว่างสำนักเพื่อสู้กับมันแล้วครับ”ฮุยจินพูดเสริม

    “ข้าเห็นด้วยนะ เอาเป็นว่า เจ้าไปเก็บเกี่ยวความรู้เกี่ยวกับอาวุธของพวกมัน แล้วอีกอย่าง ไปเตือนฮุ้ยซิ่วที่ทำงานในเมืองด้วย ถ้าเจ้าว่าง”

    “ฮุ้ยซิ่วเหรอครับ ได้ครับ”ฮุยจินคำนับอาจารย์ของเขาแล้วรีบวิ่งออกจากถ้ำไปในทันที

     

    กลับมายังสำนักสกุลจู หลังจากที่จูเหลียงซานได้ทานยาตามที่บูเจ้าภรรยาของเขาได้ต้มให้ทาน เขาก็ไปนอนบนเตียงเพื่อพักผ่อนในทันที เนื่องจากว่าเหลียงซานนั้นมีโรคภัยรุมเร้า บูเจ้าต้องคอยดูแลพวกเขาตลอดเวลา ในขณะเดียวกัน เหออันและจิงวู่ก็เดินเข้ามาในห้องเพื่อดูอาการของเหลียงซานในทันทีด้วยความเป็นห่วง

    “ท่านแม่ จิงวู่ เข้ามาก่อนสิครับ” เหลียงซานพูดกับเธอทั้งคู่

    “พี่เหลียงซานเป็นยังไงบ้างหล่ะ”จิงวู่ถามบูเจ้าไป

    “เพิ่งจะกินยาไปค่ะพี่จิงวู่ อ่า.. พี่จิงวู่ พี่ได้ข่าวสามีพี่หรือเปล่า”บูเจ้าถามอย่างสงสัย

    “ก็ส่งข่าวมาเรื่อยๆหน่ะ ได้ยินว่ากองเรือของพี่จางอยู่ใกล้ๆเว่ยตงนี่หล่ะ”จิงวู่พูดขึ้น

    “เอาเถอะๆ พวกเจ้าทั้งคู่ก็ดูแลกันให้ดีหล่ะ ช่วงนี้เว่ยตงกำลังวุ่นวาย ข้าว่าเราคงต้องเตรียมพร้อมรับมือกับมันแล้วหล่ะ”ย่าเหออันพูดขึ้น จนกระทั่งในขณะเดียวกัน ซื่อหง จงซาน ฟานจิง ก็เดินเข้ามาในห้องของปู่ของเขาในทันทีเพื่อตามมาดูอาการของท่านปู่ด้วย

    “อ้าว เป็นยังไงบ้างหล่ะทั้งสามคน”เหออันถามพวกเขาทั้งสามคนไป

    “เราฝึกอย่างหนักเพื่อรับมือกับพวกมันที่กำลังจะมาครับท่านย่า”ซื่อหงพูดขึ้น

    “เจ้าทั้งสามคนหน่ะ เข้ามาหาข้าหน่อยสิ”เหลียงซานพูดขึ้น จากนั้นทั้งสามหนุ่มก็ค่อยๆเข้ามาหาเหลียงซานผู้เป็นอาจารย์ปู่ของพวกเขาทั้งสามคน

    “พวกเจ้าสามคนมีฝีมือขึ้นมาก ข้าภูมิใจในตัวพวกเจ้ามากๆ” เหลียงซานพูดขึ้นพลางลูบหน้าพวกเขาทั้งสามคนไป

    “ท่านปู่ ไม่ว่าพวกมันจะเป็นใคร ข้าจะไม่ยอมให้พวกมันยึดเว่ยตงไปได้หรอก”จงซานพูดขึ้น

    “ข้าก็เหมือนกันท่านปู่ ข้ายอมสละชีวิตเพื่อเว่ยตงและสกุลจูของเรา”ฟานจิงพูดเสริมไป

    “ศัตรูคราวนี้แข็งแกร่งมาก ลำพังวรยุทธ์ของพวกเราคงจะทำอะไรพวกมันไม่ได้มาก แต่ถึงยังไง เราก็คงต้องร่วมแรงร่วมใจจัดการกับพวกมัน”

    “รับทราบครับท่านปู่”ทั้งสามคนพูดขึ้น

     

    กลับมายังค่ายทหารแนวหน้าของนายพลไคตงฟง หลังจากที่เขาได้วางแนวรบและจัดกำลังเพื่อเข้าโจมตีเขตเว่ยตงที่อยู่ด้านหน้าเขา ในขณะเดียวกันนั้นเอง ทหารคนหนึ่งก็รีบวิ่งมารายงานสถานการณ์อะไรบางอย่างกับนายพลไคตงฟงในทันที

    “รายงานท่านนายพลครับ ทหารลาดตระเวนของเขาถูกกลุ่มจอมยุทธ์ซุ่มโจมตีครับ”นายพลไคตงฟงได้ยินดังนั้นจึงหูผึ่งในทันที

    “จริงเหรอ แสดงว่าพวกมันคงจะรู้ตัวแล้วว่าเรามา ใครกันที่ทำข่าวรั่วนะ”

    “ไม่แน่นะครับ อาจจะเป็นทหารที่หนีทัพของเราคาบข่าวไปบอกก็ได้นะครับแล้วอีกอย่าง เราจับจอมยุทธ์มาได้สองคนครับ”ทหารของนายพลไคตงฟงพูดขึ้น

    “งั้นเหรอ พาฉันไปเจอพวกมันหน่อยสิ เรียกทหารทุกคนมาด้วย”นายพลไคตงฟงสั่งทหารของเขาไป หลังจากนั้นไม่นาน ทหารทุกนายไม่ว่าจะยศไหนตำแหน่งไหนก็ถูกเรียกมายังลานกว้างแห่งหนึ่ง ซึ่งจอมยุทธ์ทั้งสองคนกำลังถูกมัดอยู่ไม่ห่างกันเท่าไหร่นัก พวกเขาทั้งคู่พยายามจะหนีออกไปด้วยกันแต่ก็ไม่เป็นผล เนื่องจากว่านายพลไคตงฟงสั่งให้จับพวกเขาทั้งคู่มัดไว้ด้วยโซ่เหล็กที่หนาพอจะล่ามช้างได้ทั้งตัว

    “ไม่ต้องกลัวนะ ข้าจะออกไปช่วยเจ้าให้ได้” จอมยุทธ์หนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้นและพยายามจะเอื้อมมือไปจับมือของจอมยุทธ์อีกคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆเขา

    “ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องมาเสี่ยงไปด้วย”

    แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ทำอะไร จู่ๆนายพลไคตงฟงก็เดินมายังพวกเขาสองคนในทันทีพร้อมกับปืนพกในมือ จากนั้นนายพลไคก็เริ่มการสอบสวนพวกเขาทั้งคู่ในทันที

    “พวกเจ้าสองคนมาจากเว่ยตงใช่หรือเปล่า”นายพลไคตงฟงยิงคำถามไป

    “เจ้าปล่อยเขาไปก่อนสิ”จอมยุทธ์คนหนึ่งพูดขึ้นด้วยความโกรธแค้น แต่นายพลไคก็ยังไม่สะทกสะท้าน เขาเข้าไปใกล้ทั้งสองคนมากขึ้นแล้วพูดขึ้น

    “เป็นห่วงกันนักเหรอ รักกันมากใช่หรือเปล่า พวกแกรักกันมากใช่หรือเปล่า”

    นายพลไคตงฟงพูดขึ้น ทำเอาจอมยุทธ์ทั้งสองคนถึงกับมองนายพลไคด้วยความโกรธแค้น

    “พวกเจ้ารักกันจริงๆด้วย รู้อะไรไหม ข้าเกลียดพวกวิปริตอย่างพวกแกนัก ความจริงฉันอยากรู้เหมือนกันว่าใครคาบข่าวไปบอกพวกแกที่นั่นบ้าง แต่ก็ช่างเถอะ เพราะอีกไม่นาน ฉันก็จะเผาบ้านของพวกแกให้ราบ”และในตอนนั้นเอง นายพลไคก็เหลือบไปเห็นหยกตราสกุลจินที่สวมที่คอพวกเขาทั้งคู่ จากนั้นเขาก็ดึงมันออกมาแล้วพูดขึ้นในทันที

    “พวกมือกระบี่สกุลจินนี่หว่า ฉันมีความหลังฝังใจกับพวกมันมาก ไอ้เจ๋ออี้มันเป็นยังไงบ้างหล่ะ”

    “นี่แก รู้เรื่องท่านอาจารย์ได้ยังไงกัน”จอมยุทธ์คนหนึ่งถามอย่างสงสัย

    “ฉันรู้ก็แล้วกัน แต่วันนี้พวกกสองคนไม่รอดแล้วหล่ะ”

    นายพลไคพูดขึ้น จากนั้นเขาก็สั่งให้ทหารลากตัวจอมยุทธ์ทั้งสองคนลงไปวางบนพื้นแล้วจับเขาทั้งคู่ล่ามไว้ทั้งแขนขา โดยที่ระยะห่างของพวกเขาทั้งคู่ไม่ห่างกันเลย และจากนั้น เสียงเครื่องจักรเหล็กก็ค่อยๆแล่นมายังพวกเขา ซึ่งนั่นคือเสียงของรถถังMark Vจากอังกฤษคันใหญ่ที่ค่อยๆแล่นมาเล็งที่ร่างของจอมยุทธ์ทั้งสองคน

    “จับมือกันไว้แล้วก็ตายพร้อมกันแล้วกัน”

    เมื่อนายพลไคตงฟงดีดนิ้วไป รถถังคันนั้นก็ค่อยๆขับมาตามทาง โดยที่จอมยุทธ์ทั้งสองนั้นก็จับมือกันไว้แน่นโดยที่ไม่ยอมปล่อยเลย

    “ไม่ต้องกลัวนะ ข้าจะอยู่ข้างไม่ว่าจะยังไง”

    จอมยุทธ์คนหนึ่งพูดขึ้น จากนั้นรถถังก็ค่อยๆบดขยี้ร่างของพวกเขาทั้งคู่ เสียงร้องโหยหวนของพวกเขาทั้งคู่ดังลั่น ทหารที่ได้เห็นเหตุการณ์บางคนก็เมินหน้าหนี แต่บางส่วนก็ชอบใจ หลังจากที่มีการประหารเสร็จ ในตอนนั้นเองไคชิงหยางก็เพิ่งจะขี่ม้ามาถึงที่ค่าย โดยที่ซุยริวก็เพิ่งจะดูการประหารเสร็จ ซุยริวรีบเข้าไปหาชิงหยางในทันที

    “ชิงหยาง นี่เจ้าไปไหนมาเนี่ย”

    “ข้าไปหาอะไรกินมาหน่ะท่านพี่”ชิงหยางตอบไป แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง ไคจินที่เพิ่งจะตื่นขึ้นมาก็เดินมาหาพ่อของเขา แต่ดันมาเจอกับพี่ของพวกเขาทั้งสองคนก่อน

    “พี่ซุยริว พี่ชิงหยาง พ่อหายไปไหนเนี่ย”ไคจินถามอย่างสงสัย

    “ก็รู้อยู่นี่ พ่อเราไปประหารคนอยู่นี่ ว่าแต่เจ้าหายดีแล้วนะ”ซุยริวถามไป

    “ไม่ต้องห่วงหรอกท่านพี่ ผมยังไม่ตายหรอก“

    “เฮ้ยนี่จิน นายว่าถ้าฉันจะแต่งงาน นายจะว่าไงวะ”ชิงหยางยิงคำถามใส่น้องของเขาไป

    “อย่างพี่รักใครเป็นด้วยเหรอ เห็นฉุดแต่คนอื่นเขามาทำเมียนี่พี่”

    “เดี๋ยววันหนึ่งแกก็ต้องทำเหมือนฉันนั่นแหละ ไม่ต้องห่วงไปหรอก”ไคจินทำหน้าเซงจากนั้นก็เดินกลับเข้าไปในเต้นท์ของเขา จนกระทั่งเหมยฉีก็เดินเข้ามาหาหนุ่มๆทั้งสองคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นในทันที

    “ไงจ๊ะหนุ่มๆ ทำอะไรกันอยู่จ๊ะ”

    “ก็ไม่มีอะไรหรอกน้าเหมยฉี ข้าจะมาบอกท่านพ่อว่าข้าไปเจอร้านอาหารในเมือง อร่อยมาก วันหลังข้าจะพาพวกท่านไปทุกคนเลย”ชิงหยางพูดขึ้น

    “จริงเหรอ ถ้าอย่างงั้นน้าจะไปบอกท่านนายพลเอง”เหมยฉีพูดจากนั้นก็เดินออกไป โดยที่ซุยริวก็เดินตามเหมยฉีมาด้วย

    “นี่ เจ้าว่าพวกเขาจะไม่ระแคะระคายเรื่องของเขานะ”

    “แน่นอน เจ้าก็รู้นี่ว่าข้าเก็บความลับเก่งแค่ไหน”เหมยฉีพูดขึ้น

    “ก็เอาเถอะ อย่าให้ใครรู้ก็แล้วกัน”ซุยริวตอบกลับไป แล้วอีกด้านหนึ่งของค่าย หลังจากที่การประหารจบลง เจียงเหวินก็เดินกลับไปเต้นท์ของเขาเนื่องจากว่ารับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น เขารีบปิดเต้นท์แล้วนั่งเงียบๆคนเดียวอยู่ในห้อง แต่ในขณะเดียวกัน จู่ๆก็มีคนมาพบเขา ซึ่งนั่นคือฟู่เถานั่นเอง เจียงเหวินรีบพาเขาเข้ามาในเต้นท์ทันทีโดยที่เขาปิดมันไว้ไม่ให้ใครพบ จากนั้นก็มานั่งกอดฟู่เถาเอาไว้แน่น

    “ไม่มีใครตามเจ้ามานะฟู่เถา”เจียงเหวินพูดขึ้น

    “แน่นอน เจ้าก็รู้นี่ว่าคนของข้าภักดีแค่ไหน”

    “ข้ารู้ แต่ว่าถ้าเราสองคนโดนจับได้ ข้าเป็นห่วงว่าเจ้าจะเป็นอันตรายเพราะข้า”เจียงเหวินบอกฟู่เถาไป

    “ข้าเต็มใจ แต่ว่าข้าจะมาบอกกับเจ้าว่า ข้าต้องเข้าเมืองซักพัก นายพลไคตงฟงต้องการให้ข้าไปทำงานให้เขาที่นั่น แต่ไม่ต้องห่วงนะ แล้วข้าจะรีบกลับมาหาเจ้า”ฟู่เถาตอบไป

    “ปลอดภัยกลับมานะ ถ้างั้นเจ้าอยู่กับข้านานๆก่อนนะ”เจียงเหวินพูดขึ้นจากนั้นก็จูบปากกับฟู่เถาแล้วก็พลอดรักกันสองต่อสองอยู่ในเต้นท์นั้นไป

    และที่ด้านนอก อีกาตัวหนึ่งบินผ่านสายลำเข้ามายังค่ายของนายพลไคตงฟง และมันก็ค่อยๆมาเกาะนิ้วของจื่อวี่ที่กำลังยืนรออีกาของเธออยู่ เธอฟังเสียงที่อีการ้องออกมา จากนั้นเธอก็รีบไปหานายพลไคตงฟงในทันทีเพื่อรายงานข่าวอะไรบางอย่าง

    “ท่านนายพลคะ มีรายงานที่แนวรบของฮุ่ยชิงค่ะ ตอนนี้กองพันปืนใหญ่ของเธอได้เคลื่อนไปถึงเขาเสือดาวแล้วค่ะ”

    “เขาเสือดาวงั้นเหรอ ถ้าอย่างงั้นก็คงจะเข้าใกล้เว่ยตงแล้ว ว่าแต่ ข่าวนี้เชื่อได้หรือเปล่า”นายพลไคตงฟงถามอย่างสงสัย

    “อีกาของฉันคาบข่าวมาไม่เคยพลาดค่ะท่านนายพล”เธอตอบไป

    “ถ้าอย่างงั้นก็ดี รีบเคลื่อนกำลังพลไปเสริมฮุ่ยชิง เพื่อเตรียมพร้อมเข้ารุกเว่ยตงในทันที”

    “รับทราบค่ะท่านนายพล”

    จื่อวี่รับคำสั่ง จากนั้นเธอก็นำกำลังพลราว 5000 ของเธอเคลื่อนทัพไปเสริมกำลังให้กับฮุ่ยชิงเป็นการด่วนเพื่อเตรียมบุกเข้าเว่ยตงต่อไป

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งริมฝั่งแม่น้ำเหลือง ซึ่งกองเรือของนายพลจางได้แล่นเข้าเทียบท่าเรือชั่วคราวที่นายพลจางได้สั่งให้ทำ ในตอนนั้นเองนายพลจางก็ลงจากเรือโดยทางบันได และมีนายทหารคนหนึ่งกำลังรอตัวเขาอยู่ ซึ่งเมื่อนายพลจางลงจากเรือ ชายคนนั้นก็เดินไปทำความเคารพนายพลจางในทันที

    “สวัสดีครับ ท่านนายพล!!”

    “อ้าว!!ผู้กองเที่ยผิง ไม่เจอกันนานเลยนะ เรียนที่เยอรมันเป็นยังไงบ้าง??”นายพลจางถามไป

    “ก็ดีครับท่าน ว่าแต่ว่า ท่านเอากองเรือพวกนี้มาที่แม่น้ำเหลืองเหรอครับ??”ผู้กองเที่ยถามอย่างสงสัย

    “ใช่แต่เอาจริงๆเราเอาเรือที่มีระวางเยอะว่านี้มาไม่ได้หรอก”นายพลจางพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น ท่านก็คงต้องขุดคลองเพิ่มนะครับ”เที่ยผิงออกความเห็นไป

    “ทำแบบนั้นมันต้องใช้แรงงานและเงินทุนเยอะนะ”นายพลจางพูดขึ้น

    “มีข่าวมาว่ามีคนอพยพมานับแสนมาในเขตนี้ ผมอาจจะว่าจ้างพวกเขาให้ขุดคลองเพิ่มก็ได้นะครับ”ผู้กองเที่ยพูดขึ้น

    “อืม!!ถ้าอย่างงั้นฉันขอฝากนายด้วยก็แล้วกัน ฉันกำลังหาคนที่ไว้ใจได้ทำงานนี้อยู่”นายพลจางพูดขึ้น

    “ได้ครับท่าน!!”ผู้กองเที่ยพูดขึ้นพลางทำวันทยหัตถ์กับเขาไป

    และอีกด้านหนึ่งของแม่น้ำเหลือง หลังจากที่เรือเร็วโดยสารของชิโนบุแล่นมาทางเรือทั้งวันทั้งคืน จนกระทั่งในตอนนั้นเองพวกเขาก็ถึงเขตซ่านซีแล้ว ทหารคนหนึ่งก็รีบไปคุยกับชิโนบุในทันทีเพื่อคุยกับเธอ

    “คุณครับ!!เราเข้าเขตซ่านซีแล้วครับ อีกไม่นานเราคงไปถึงแล้วครับ”

    ชิโนบุที่เพิ่งจะงัวเงียตื่นขึ้นมาก็เตรียมของๆเธอในทันที แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆก็มีเสียงปืนดังขึ้นมาจากด้านข้างของพวกเขา ซึ่งกระสุนปืนได้พุ่งเข้ามาในตัวเรือด้วย

    “พวกโจร!!คุณชิโนบุ หมอบเร็วครับ!!”

    ทหารคนหนึ่งพูดขึ้น แต่เขาก็โดนยิงเข้าที่หัวจนตายคาที่และผลัดตกลงน้ำไป ชิโนบุชักปืนLugerของเธอออกมาแล้วใส่กระสุน จากนั้นก็ยิงสกัดพวกที่ซุ่มยิงเรือของเธอ แต่ในตอนนั้นเอง คนขับก็โดนยิงจนล้มลง เธอตกใจมากเธอจึงรีบวิ่งไปยังคันบังคับเรือในทันที จากนั้นก็ค่อยๆขับฝ่ากระสุนปืนที่ยิงใส่เรือของเธอ จนกระทั่งเธอก็หลบออกมาถึงเขตปลอดภัย จากนั้นชิโนบุก็ไปดูอาการของทหารคนนั้นที่เพิ่งจะโดนยิงในทันที

    “นี่คุณ!!ทำใจดีๆไว้นะคะ”

    ชิโนบุพยายามจะช่วยปฐมพยาบาลให้กับเขา แต่ไม่ทันไรเขาก็สิ้นใจตายคาเรือ ชิโนบุทำอะไรไม่ถูกในตอนนั้น จนกระทั่งเรือของเธอก็แล่นมาเจอกับหมู่บ้านริมแม่น้ำหมู่บ้านหนึ่ง เธอแล่นเรือไปจอดอยู่แถวนั้น จากนั้นเธอก็เจอกับม้าตัวหนึ่งที่ถูกล่ามไว้อยู่ โดยที่มีชาวบ้านคนหนึ่งกำลังเอาหญ้าให้กับม้าอยู่ เธอรีบเดินไปหาเขาในทันที

    “คุณตาคะ ม้าตัวนี้ขายหรือเปล่าคะ??” ชิโนบุยื่นเงินเยนให้กับเขาไป ชายคนนั้นยิ้มและพยักหน้าแล้วรับเงินไป จากนั้นชิโนบุก็เอาม้าตัวนั้นขี่ไปตามริมฝั่งแม่น้ำเพื่อออกเดินทางต่อไป

     

    กลับมายังเขตสถานทูตโซเวียตชั่วคราวชานเมืองหลัวจิง โทมารอฟที่กำลังนั่งตรวจสอบหลักฐานที่ถ่ายรูปมาได้ โดยเฉพาะตราทหารที่เขาเจอในที่เกิดเหตุ เขาพยายามเปรียบเทียบมันกับตราสัญลักษณ์ทหารของกองทัพต่างๆในประเทศจีน แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตำตอบ จู่ๆก็มีเสียงกระจกแตกดังมาจากหน้าต่างหองของพวกเขา

    “เพล้ง!!”

    หลังสิ้นเสียงกระจกแตก จู่ๆชายชุดดำนับสิบที่ถือดาบมาด้วยก็บุกเข้ามาในห้องของโทมารอฟ โทมารอฟตกใจแล้วใช้ปืนพกของเขายิงพวกนั้นไป แต่พวกนั้นก็ยังมาเรื่อยๆ จนโทมารอฟต้องชักดาบของเขาออกไปเพื่อป้องกันตัว แต่จู่ๆดาโกวิชและทหารคนอื่นๆก็เข้ามาช่วยเขาโดยการใช้ปืนไรเฟิลยิงใส่พวกนั้นจนตายหมด จากนั้นดาโกวิชก็เข้ามาหาโทมารอฟในทันที

    “คุณโทมารอฟ เป็นอะไรหรือเปล่า??”

    “ผมไม่เป็นไร นี่ใครมันโจมตีพวกเราเนี่ย??” โทมารอฟถามอย่างสงสัย

    “ไม่แน่ใจครับ แต่เรารีบไปจากที่นี่กันเถอะครับ”

    ดาโกวิชช่วยคุ้มกันโทมารอฟเพื่อพาเขาไปยังคอกม้าของสถานทูต โดยที่รอบข้างของพวกเขา ทหารรัสเซียหลายนายก็
    โดนฆ่าตายไปมากมาย เมื่อพวกเขามาถึงคอกม้า พวกเขาก็รีบไปขึ้นม้าในทันทีเพื่อหลบหนี แต่ในตอนนั้นเอง มือสังหารก็ตามมาจนได้ แล้วขว้างขวานใส่เข้าที่กลางหลังของดาโกวิชไป โทมารอฟพยายามจะไปช่วยแต่ดาโกวิชสละตัวเองเพื่อขวางพวกมันไว้

    “คุณโทมารอฟ หนีไป!!”

    ดาโกวิชยิงปืนพกใส่พวกมันเพื่อสกัดพวกมันไว้ จนกระทั่งโทมารอฟก็ขี่ม้าออกจากไป ดาโกวิชยิงสู้กับพวกมันจนกระสุนนัดสุดท้าย แต่สุดท้ายเขาก็โดนพวกมันตัดหัวจนตายคาที่ ส่วนโทมารอฟก็หนีไปได้อย่างหวุดหวิด

    “สั่งคนของเราตามมันไป!!”มือสังหารคนหนึ่งพูดขึ้น

     

    กลับมายังโรงเตี๊ยมของจื่อหลิน ซึ่งเธอก็ยังคงเปิดร้านของเธอตามปกติ โดยที่มีแขกและลูกค้ามากมายเข้ามาในร้านของเธอ แต่ในคราวนี้ ดันมีขบวนของกองทัพกองหนึ่งก็ค่อยๆเคลื่อนขบวนเข้ามายังหน้าร้านของเธอ ทหารชุดดำคนหนึ่งเปิดรถม้าออกมา ซึ่งผู้ที่ลงจากรถก็คือนายพลไคตงฟงและครอบครัว เสี่ยวเอ้อคนหนึ่งรีบวิ่งไปบอกจื่อหลินที่กำลังนั่งนับเงินอยู่ด้านในอย่างขะมักเขม้น

    “เจ๋จื่อหลิน มีทหารมาครับ!!”

    จื่อหลินได้ยินดังนั้นจึงหูผึ่ง เธอจึงพาฮุ้ยซิ่วไปด้วยในทันทีเพื่อไปเจอกับนายพลไคตงฟง ซึ่งเมื่อเธอทั้งคู่มาเผชิญหน้ากับนายพลไคตงฟงแล้ว เธอก็ไปต้อนรับนายพลไคตงฟงในทันที

    “สวัสดีค่ะท่านนายพล มากี่ที่คะ??”จื่อหลินถามอย่างสงสัย

    “ขอที่พิเศษที่สุด อาหารชั้นดีด้วย ขอพิเศษๆเลย!!”นายพลไคตงฟงพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นเชิญขึ้นไปชั้น 4 เลยค่ะท่าน!!”ฮุ้ยซิ่วพูดขึ้นจากนั้นก็ให้เสี่ยวเอ้อพานายพลไคตงฟงขึ้นไปที่ห้องรับรองชั้น 4 โดยที่จื่อหลินกับฮุ้ยซิ่วก็คุยกันต่อในทันที

    “หู้ว!!ท่าทางงานนี้เราจะรวยกันแล้วนะ”จื่อหลินพูดขึ้น

    “แต่ว่า เธอจะบริการนายพลคนนี้จริงเหรอ??”ฮุ้ยซิ่วถามอย่างสงสัย

    “ก็มันทำให้ฉันได้เงินนี่หน่า เธอรีบไปบอกให้เด็กๆไปเตรียมอาหารด่วนเลย”

    “ได้สิ!!”ฮุ้ยซิ่วพูดขึ้นจากนั้นก็ขึ้นไปที่หลังครัว หลังจากนั้นผ่านไปประมาณ 20 นาที จื่อหลินก็เอาอาหารชั้นดีและเลิศรสมาเสิร์ฟให้บรรดาครอบครัวของนายพลไคตงฟง ซึ่งนายพลไคตงฟงดูจะชื่นชอบซาลาเปาธรรมดาๆของจื่อหลินมากๆ

    “ไม่น่าเชื่อ ซาลาเปาที่นี่จะอร่อยจริงๆ!!” นายพลไคตงฟงพูดขึ้น

    “นั่นสิคะท่านขา ข้าชอบเป๋าฮื้อที่นี่มากๆ” เหมยฉีพูดขึ้น

    “นี่ ไคจิน เจ้าชอบหมูแดงหมูกรอบนี่ มื้อนี้พี่เลี้ยงเจ้าเอง!!”ไคซุยริวสั่งอาหารให้กับไคจิน ไคจินไม่พูดอะไรได้แต่ตักอาหารเข้าปากไปอย่างเอร็ดอร่อย

    และอีกด้านหนึ่งของโรงเตี๊ยม ในตอนนั้นเองหญิงสาวที่ใช้นามว่าเอลซ่าก็พาป้าจิ๋นหลื่อวี้มาทานข้าวที่นี่เนื่องจากว่าเธออยากจะช่วยป้าหลื่อวี้ เธอสั่งอาหารมานั่งทานกันกับป้าคนนั้นท่ามกลางเสียงเพลงแบบจีนที่เคล้าคลอไปด้วย

    “ที่นี่ท่าทางจะแพงมาก หนูมีเงินจ่ายเหรอ??”หลื่อวี้ถามอย่างสงสัย

    “มีค่ะ หนูเห็นคุณป้าไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้วหน่ะค่ะ”เอลซ่าพูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน เอลซ่าก็ขอตัวไปที่ห้องน้ำก่อน

    “ป้าคะ!! หนูไปเข้าห้องน้ำนะคะ ถ้าเขามาเก็บเงิน ป้าเอาเงินนี่ให้เขานะคะ” เอลซ่ายื่นธนบัตรบางส่วนให้กับป้าคนนั้น จากนั้นเธอก็ไปเข้าห้องน้ำที่อีกด้านหนึ่ง แต่ในระหว่างที่เธอกำลังจะไปเข้าห้องน้ำ จู่ๆชายคนหนึ่งก็มาขวางตัวเธอเอาไว้ ทำเอาเธอไปไหนไม่ได้ ชายคนนั้นเมื่อเห็นหน้าเธอก็รีบทำการคำนับเลยทันที จนเอลซ่าต้องสั่งให้เขาลุกขึ้นมาเนื่องจากว่ามีคนเริ่มจะจ้องมาทางพวกเขาแล้ว

    “ลุกขึ้นเถอะ นี่ท่านเป็นใครกันแน่??”เอลซ่าถามอย่างสงสัย

    “องค์หญิง ข้าคือวลาดิเมียร์ กาการิน กองกำลังชุดขาว ในที่สุดข้าก็ได้เจอองค์หญิงเสียที!!”ชายคนนั้นพูดขึ้นในทันทีเมื่อเจอกับเธอ

    “นี่ ท่านมาที่นี่เพื่ออะไรกันแน่??”เธอถามอย่างสงสัย

    “หลังจากที่เกิดการปฏิวัติ ข้าและทหารของข้าก็ซ่องสุมกำลังเงียบๆเพื่อชิงบัลลังค์คืนมา แต่ว่าตอนที่ข้าได้ข่าวว่าพวกท่านถูกประหาร พวกข้าเลยไปตั้งกำลังอยู่ที่ชายแดนจีนเพื่อรอข่าว แต่ไม่นึกเลยว่าข้าจะสืบหาองค์หญิงจนเจอ องค์หญิงอนาสตาเซีย ทายาทพระองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์โรมานอฟ ข้ารอวันนี้มานานแล้ว ได้โปรดกลับไปกับข้าเถิด!!” กาการินพูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ไคชิงหยางและเจียงเหวินที่ลงมาเดินเล่นด้านล่างก็ดันมาเจอกับเอลซ่า เขาจะเดินเข้าไปหาเอลซ่าแต่กาการินดันชักปืนห้ามเขาไว้เพื่อไม่ให้เขาเข้าใกล้ตัวเอลซ่า เจียงเหวินก็ชักปืนออกมาเล็งเขาเหมือนกัน

    “เฮ้ย!!แกรู้ไหมกำลังเล็งปืนใส่ใคร??”เจียงเหวินพูดไป

    “แล้วเจ้ารู้หรือเปล่า พวกเจ้าห้ามเข้าใกล้ตัวองค์หญิงเด็ดขาด นี่คือองค์หญิงอนาสตาเซียแห่งราชวงศ์โรมานอฟ พวกเจ้ายังไม่รีบถอยไปอีก”

    ไคชิงหยางยิ้มมุมปากจากนั้นก็สั่งให้เจียงเหวินลดปืนลง จากนั้นตัวเขาก็ไปพูดกับอนาสตาเซียในทันที

    “ข้าขอถวายคำนับองค์หญิงจากใจข้า ข้าไม่อยากรบกวนท่านเท่าไหร่ครับ เพียงแค่อยากจะเป็นมิตรกับพวกท่าน ข้ารู้ว่าพวกท่านกำลังหากำลังพลเพื่อชิงบัลลังค์กลับคืนมา เอาเป็นว่าถ้าท่านต้องการความช่วยเหลือ ข้าพร้อมจะช่วยเสมอครับ ขอแค่ท่านติดต่อข้ามา ข้าไคชิงหยาง ผู้นำกองพลม้าดำ พร้อมจะช่วยองค์หญิงเสมอครับ เจียงเหวิน ไปกันเถอะ!!”ชิงหยางพูดจากนั้นก็พาเจียงเหวินกลับขึ้นไปด้านบนต่อ

    “องค์หญิง เจ้านั่นเป็นใครเหรอครับ??” กากรินถามเธออย่างสงสัย

    “เขาเป็นทายาทของขุนศึกผู้ทรงอิทธิพลหน่ะค่ะ”อนาสตาเซียพูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน คุณป้าหลื่อวี้ก็เดินออกมาตามหาเธอ อนาสตาเซียก็รีบไปหาเธอในทันที

    “ป้าสัมผัสได้ เธอกำลังคุยกับชายคนเมื่อวานใช่หรือเปล่า??”

    “ใช่ค่ะ!!”อนาสตาเซียถามไป

    “เขาเป็นผู้ชั่วร้ายที่จะมาพร้อมกับความมั่งคั่ง ฉันกังวลยังไงชอบกลหน่ะ”

    “ถ้าอย่างงั้นป้าไปกับหนูนะคะ กาการิน!!ท่านช่วยพาคุณป้าคนนี้ไปกับข้าด้วย”

    กาการินรับคำสั่ง จากนั้นพวกเธอก็ออกไปจากโรงเตี๊ยมแห่งนั้น และหลังจากนั้นไม่นาน ครอบครัวของนายพลไคตงฟงก็ทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อย จากนั้นพวกเขาก็เตรียมตัวเดินทางกลับ โดยที่จื่อหลินและฮุ้ยซิ่วต้องคอยให้การดูแลเขาเป็นอย่างดี

    “อาหารที่นี่ดีมากๆ พวกคุณอยากให้ผมช่วยอะไรก็บอกได้เลยนะครับ ผมจะมาที่นี่ประจำ แล้วผมจะจ่ายให้อย่างงาม” นายพลไคตงฟงสั่งทหารให้เอาหีบทองคำซึ่งภายในบรรจุทองคำแท่งมากมาย จื่อหลินเห็นดังนั้นจึงตาลุกวาว แต่เธอก็พยายามข่มใจตัวเองแล้วพูดขึ้นในทันที

    “ท่านนายพลคะ ข้าอยากให้พวกท่านอย่ามาก่อเรื่องที่นี่เด็ดขาด ไม่ว่าจะยังไง ที่นี่ไม่ใช่สนามรบ ข้าไม่อยากให้ร้านของข้าเสียหาย!!”จื่อหลินบอกไป

    “ได้สิ!!ข้าจะคุ้มครองที่นี่ และห้ามทหารใช้อาวุธเด็ดขาด ถ้าใครฝ่าฝืน ประหาร!!”นายพลไคตงฟงพูดขึ้น

    “ขอบคุณท่านนายพลอีกครั้งด้วยค่ะ!!”ฮุ้ยซิ่วพูดขึ้น จากนั้นบรรดาครอบครัวของนายพลไคตงฟงก็เดินกลับไปขึ้นรถของพวกเขาในทันที เพื่อที่จะกลับไปยังค่ายทหารของพวกเขาก่อนที่จะค่ำไปมากกว่านี้

     

    กลับมายังชายแดนเว่ยตง หลังจากที่จอมยุทธ์หนุ่ม 2 คน ก็คือมู่เฉินและเสี่ยวหลงก็นั่งตั้งแค้มป์ไฟอยู่ในป่า โดยที่เสี่ยวหลงให้เสือเลี้ยงของเขาไปล่ากวางมาได้ตัวหนึ่ง แล้วเสือตัวนั้นก็ลากกวางตัวนั้นมาหาเสี่ยวหลง เสี่ยวหลงยิ้มกริ่มในทันที จากนั้นก็ชักมีดออกมาแล้วค่อยๆแล่เนื้อกวางมาเพื่อเป็นอาหารเย็นสำหรับพวกเขาทั้งคู่

    “เออนี่เสี่ยวหลง เสือตัวนั้นหน่ะ เจ้าเลี้ยงมานานหรือยัง??”มู่เฉินถามอย่างสงสัย

    “อ้อ!!ข้าฝึกกับมันมาตั้งแต่มันยังเด็ก แล้วข้าก็อยู่กับมันมาเรื่อยๆ เพลงมวยของข้าก็ช่วยฝึกกับเจ้านี่หล่ะ!!”เสี่ยวหลงพูดขึ้น จากนั้นก็แล่เนื้อกวางเพื่อเอาไปย่างไฟเพื่อรับประทาน แต่ในขณะเดียวกัน จู่ๆก็มีคนขี่ม้ามายังพวกเขา มู่เฉินและเสี่ยวหลงชักดาบออกมาเพื่อรับมือ แต่จู่ๆชายคนนั้นก็ตกจากม้า จนเสี่ยวหลงต้องไปดูอาการของเขาในทันที

    “นี่!!เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า??”เสี่ยวหลงรีบไปดูอาการของชายคนนั้นในทันที

    “พวกท่านต้องรีบไปจากที่นี่ ที่นี่ไม่ปลอดภัย!!”ชายคนนั้นพูดขึ้น แต่ในขณะเดียว ชายหนุ่มจอมยุทธ์อีกคนหนึ่งก็ขี่ม้าตามเขามา โดยที่มู่เฉินก็เดินไปหาชายอีกคนหนึ่งในทันที

    “อ้าว!!นี่เจ้าเป็นใครกันเนี่ย??”

    “ข้าเฟยอวี้แห่งสำนักธนู ข้าตามท่านหมอฝางหลินมา!!” เฟยอวี้พูดขึ้น

    “พวกคุณต้องรีบไปจากที่นี่ พวกมันกำลังจะมาแล้ว!!”ฝางหลินตะโกนออกไปอย่างหวดกลัว

    “ใจเย็นๆก่อนนะ อยู่ที่นี่ไม่มีใครทำอะไรพวกเจ้าได้หรอก”มู่เฉินพูดขึ้น

    “เอางี้ พวกท่านรีบมากินอะไรกับข้าก่อนดีกว่า”เสี่ยวเว่ยพูดขึ้นจากนั้นก็เอาเนื้อกวางที่เพิ่งจะย่างและส่งกลิ่นหอมเต็มกำลังแบ่งให้กับสมาชิกใหม่ที่เพิ่งจะมา พวกเขานั่งล้อมวงกินกันในทันทีด้วยความหิว

    “อร่อยมาก กวางที่นี่อร่อยจริงๆ!!”เฟยอวี้พูดขึ้น ในขณะที่ฝางหลินกินแบบไม่อายสายตาใคร

    “ค่อยๆกินก็ได้ครับท่าน ว่าแต่ ท่านกำลังหนีใครมาเหรอ??”มู่เฉินถามฝางหลินอย่างสงสัย

    “พวกของนายพลไคตงฟง พวกเขากำลังจะบุกมาที่นี่แล้ว!!”ฝางหลินพูดขึ้นพลางกินเนื้อกวางอย่างเอร็ดอร่อย

    “เฮ้อ!!ข้าไม่รู้หรอกเจ้านั่นเป็นใคร แต่ข้าจะเล่นงานพวกมันให้หมดเลย”เสี่ยวหลงพูดขึ้น

    “ข้าก็สงสัยอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ช่างมันเถอะ ข้าจะไม่ยอมให้พวกมันบุกมาที่นี่หรอก”เฟยอวี้พูดขึ้นในขณะที่คนอื่นๆก็นั่งทานอาหารกันต่อไปอย่างเอร็ดอร่อย

     

    กลับมายังป่าแห่งหนึ่ง ทางเหนือของเขตเว่ยตง หลังจากที่กลุ่มโจรมองโกลของทาร์เมอเลนหนีรอดมาได้จากการโจมตีทางอากาศของนายพลไคตงฟง แต่ก็ต้องเสียค่ายและกำลังพลบางส่วนของพวกเขา ทาร์เมอเลนรีบตรวจสอบความเสียหายทั้งหมดในทันที

    “คนของเราตายไปเท่าไหร่??”ทาร์เมอเลนถามทหารคนหนึ่งไป

    “ตาย 84 บาดเจ็บอีกนับร้อยครับท่าน” ทหารของเขาบอกไป

    “ทาร์เมอเลน ฉันว่างานนี้เราอาจจะลำบากแล้วหล่ะ”เซย์ริวบอกทาร์เมอเลนไป

    “ฉันไม่ยอมจบแค่นี้หรอก สั่งคนของเราหาข่าวของพวกมันให้ได้มากที่สุด ฉันจะตอบโต้พวกมันให้สาสมเลย!!”ทาร์เมอเลนพูดขึ้น

    “ได้เลย แต่ว่าเราอาจจะต้องสู้กับปืนของพวกมันด้วยนะ”เซย์ริวพูดขึ้น

    “ฉันรู้ ฉันจะขโมยอาวุธของพวกมันเพิ่มเอง ไม่ต้องห่วงหรอก”ทาร์เมอเลนพูดขึ้น จากนั้นก็ไปช่วยเหลือทหารที่บาดเจ็บคนอื่นๆที่นอนเจ็บอยู่แถวๆนั้น โดยที่เซย์ริวก็คอยเป็นลูกมือในการช่วยเหลือเขาไปด้วย

     

    ณ ชายแดนเว่ยตง หน่วยปืนใหญ่ของฮุ่ยชิงก็กำลังรอคำสั่งของนายพลไคตงฟงเพื่อที่พวกเขาจะบุกเข้าไป ในขณะเดียวกันนั้นเอง จื่อวี่ก็นำทหารประมาณ 5000 นายมาช่วยฮุ่ยชิงเพื่อเสริมกำลัง เมื่อทหารของจื่อวี่มาถึงที่ค่าย จื่อวี่ก็รีบมารายงานตัวกับฮุ่ยชิงในทันที

    “ท่านฮุ่ยชิงคะ ท่านนายพลไคตงฟงสั่งให้ฉันมาเสริมกำลังกับพวกคุณ ทหาร 5000 นายพร้อมที่จะรับคำสั่งค่ะ!!” จื่อวี่พูดขึ้น

    “ดี ว่าแต่ นายพลไคจะเอายังไงต่อหล่ะ??”ฮุ่ยชิงถามอย่างสงสัย

    “ท่านสั่งว่าให้ถล่มเขตชายแดนให้ราบเลยค่ะ”จื่อวี่พูดขึ้น

    “งั้นเหรอ แต่ว่าเรายังไม่ได้ตำแหน่งที่แน่ชัดเลยนะ”ฮุ่ยชิงพูดปรามไป

    “ท่านต้องการให้ข่มขวัญศัตรูค่ะ”จื่อวี่พูดขึ้น จนฮุ่ยชิงต้องเดินไปยังปืนใหญ่และสั่งทหารของเธอในทันที

    “ทหารปืนใหญ่ เตรียมพร้อม!!”

    ทหารปืนใหญ่ของฮุ่ยชิงได้เตรียมใส่กระสุนเพื่อเตรียมยิง ทหารพวกนั้นรีบใส่กระสุนอย่างเร่งรีบและเล็งออกไปยังพื้นที่เป้าหมาย

    “เล็ง!!”

    “ยิง!!”

     

    กลับมายังเขตเว่ยตง หลังจากที่หวังเหว่ยพาเสี่ยวเว่ยมาพบกับอังเดร ในตอนนั้นเองพวกเขาทั้งสามคนก็จะพากันกลับไปยังสำนักของพวกเขา โดยที่ในขณะที่ซิ่วอิงกำลังจะขึ้นม้า แต่เธอก็เผลอสะดุดม้าลงมาอย่างไม่ตั้งใจ แต่เสี่ยวเว่ยเข้าไปรับเธอไว้ได้ทัน ทั้งคู่เผลอจ้องตากันอยู่นาน แต่เมื่อซิ่วอิงได้สติกลับมา เธอก็ผละตัวออกจากเขาในทันทีแล้วไปขึ้นม้า

    “นี่ ใครใช้ให้เจ้าช่วย เจ้าคิดว่าข้าจะตกม้าเหรอ??”ซิ่วอิงถามเสี่ยวเว่ยไป

    “แหม่!!ก็เห็นๆกันอยู่นี่นะ”เสี่ยวเว่ยพูดอย่างยียวน จนซิ่วอิงเกือบจะชักกระบี่ออกมา แต่หวังเหว่ยมาห้ามเอาไว้ก่อน

    “ใจเย็นสิ เรารีบกลับบ้านเราดีกว่า แล้วพรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปสำรวจที่เว่ยตง”หวังเหว่ยพูดกับเสี่ยวเว่ย

    “แล้วที่ว่าเว่ยตงมีนกยักษ์ มีมังกรน้ำ มีที่นาอุดมสมบูรณ์ มีสมบัติโบราณนี่จริงหรือเปล่าครับ??”เสี่ยวเว่ยถามอย่างสงสัย ทำเอาคนอื่นๆถึงกับถามไป

    “นี่ใครเล่าให้เจ้าฟังงั้นเหรอ??”หวังเหว่ยถามอย่างสงสัย

    “แสดงว่าจริงใช่หรือเปล่าครับเนี่ย??”เสี่ยวเว่ยถามกลับไปอย่างยียวน

    “ข้าถามว่าใครเล่าให้เจ้าฟัง ตอบข้ามา??”ซิ่วอิงถามด้วยเสียงแข็ง ทำเอาเสี่ยวเว่ยถึงกับทำอะไรไม่ถูกจากนั้นเขาก็ตอบกลับไปว่า

    “อ่า.. คือว่าท่านพ่อกับท่านแม่ชอบเล่าให้ข้าฟังตั้งแต่เด็ก ข้าก็คิดว่ามันเป็นแค่นิทานหน่ะ”เสี่ยวเว่ยพูดอย่างซื่อๆ ทำเอาหวังเหว่ยกับซิ่วอิงรู้สึกสงสัยแต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง

    “ตู้ม!!”

    เสียงระเบิดดังต่อเนื่องมาจากแดนไกลอย่างหนักหน่วงและต่อเนื่อง หวังเหว่ยกับซิ่วอิงถึงกับตกใจในทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น

    “เสียงปืนใหญ่นี่ครับ หรือว่า พวกมันจะบุกมาแล้ว??” เสี่ยวเว่ยถามอย่างแปลกใจ

    “ไม่ได้การหล่ะ รีบกลับสำนักของเรากันดีกว่า!!”

    หวังเหว่ยพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบขึ้นม้าแล้วขี่กลับไปยังสำนักกระบี่มารของพวกเขาในทันทีก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา

    ===============================================================

    ดูเหมือนว่านายพลไคตงฟงจะเริ่มเปิดฉากการโจมตีแล้ว ชาวเว่ยตงจะรอดพ้นจากภัยร้ายในครั้งนี้ได้หรือไม่ อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า
    ขอคนละเม้นท์ด้วยนะจ๊ะ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลผมด้วย!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×