คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 4 : รังอินทรี
ออลเรียสลูบหน้าของนนท์ราวกับว่านนท์เป็นลูกของเธอแต่ชาติปางก่อนก่อน
จากนั้นก็ยังกุมมือนนท์ไว้อีก ทำเอานนท์ถึงกับเกร็งๆทำอะไรไม่ถูก
ลินน์รีดมองอยู่รอบข้างด้วยความแปลกใจ
“ผู้ปลดปล่อยของฉัน เธอมาถึงที่นี่เพราะชะตาลิขิต
เธอคงนอนไม่หลับมาหลายคืนสินะ”
นนท์ถึงกับตกใจมาก
ทำไมหญิงแก่คนนี้ถึงรู้อาการนอนไม่หลับของนนท์ด้วย
“ทหารอเมริกันผู้ยิ่งใหญ่
ประวัติศาสตร์พลิกผันในความฝันของเธอ ฉันรู้ว่ามันคืออะไร”
นนท์ตกใจมากขึ้นไปอีก
ทำไมเธอถึงได้รู้หล่ะว่านนท์ฝันถึงอะไรด้วย นนท์รีบถามเธอกลับในทันที
“คุณรู้งั้นเหรอครับ ว่าผมฝันถึงอะไร”
“พวกอักษะกำลังพินาศ จุดจบใกล้มาถึง
พวกมันกำลังย่อยยับ เรื่องนี้เธอจะทำให้มันเกิดขึ้นได้” ออลเรียสพูดอย่างหนักแน่น
“นี่ คุณย่าพูดจริงเหรอคะเนี่ย นายคนนี้เหรอ” ลินน์รีดถามอย่างตกใจ
“ปกติคุณย่าไม่เคยจริงจังขนาดนี้เลยนะ
ฉันว่าอาจจะใช่ก็ได้” อลาวดี้พูดเสริม
“ฉันออกไปรอด้านนอกดีกว่านะ” ดันเต้พูดขึ้น จากนั้นเขาก็เปิดประตูออกไป
“เธอลองจินตนาการถึงมันสิ เรื่องราวของเธอ
คิดถึงมันสิ” ออลเรียสกุมมือนนท์ไว้จากนั้นนนท์ก็เริ่มที่จะมีอาการปวดหัวอีกครั้ง
ซึ่งคราวนี้นนท์ปวดหนักกว่าคราวที่ผ่านมา
“โอ้ย บ้าเอ้ย อะไรวะเนี่ย”
นนท์แทบลงไปชักดิ้นชักงออยู่บนพื้น
ออลเรียสพยายามลูบหัวเขา ส่วนลินน์รีดก็ไปดูอาการของนนท์ด้วย
“เฮ้ย นี่เขาท่าทางจะแย่แล้วเนี่ย”
“นั่นดิ พาไปโรงพยาบาลดีกว่านะ” อลาวดี้พูดขึ้น แต่นนท์ตะโกนคำพูดหนึ่งออกมา
ทำเอาพวกเขาถึงกับแปลกใจ
“รังอินทรี รังอินทรี”
“รังอินทรี คืออะไรวะ” โจอี้ถามอย่างสงสัย
“ในที่สุดความลับของเธอก็เผยแล้วสินะ” ออลเรียสพูดอย่างใจเย็น
แต่ในตอนนั้นทุกคนตกใจกับคำพูดของนนท์มาก ในตอนนั้นอาการของนนท์แทบจะแย่ลงไปทุกขณะ
“รีบพาไปโรงพยาบาลเถอะ ไม่งั้นเขาตายแน่” ลินน์รีดพูดขึ้น แต่จู่ๆดันเต้ก็โผล่พรวดเข้ามาในบ้าน
“ทุกคนรีบหนีเร็ว พวกเคมเปนไตกำลังมา”
พวกที่อยู่ในบ้านตกใจมาก
ต่างพากันหนีไปยังชั้นใต้ดินเพื่อหลบพวกนั้น แต่ในขณะเดียวกัน
พวกมันก็บุกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว พยายามไล่จับคนในบ้าน
“หยุด อย่าขัดขืนซะดีกว่า”
แต่ในตอนนั้นเอง
เมื่อยามะดะเห็นนนท์ เขาก็จำได้ในทันทีว่านนท์เป็นใคร
“เฮ้ย นั่นมันคนของท่านรัฐมนตรีนี่”
“ใช่ เรากำลังจะพาเขาไปโรงพยาบาล
พวกคุณช่วยหน่อยสิ” อลาวดี้พูดขึ้น
“นี่เพื่อนพวกเธอเหรอ รีบพาไปโรงพยาบาลเร็ว”
พวกของลินน์รีดและอลาวดี้ช่วยกันพานนท์ไปโรงพยาบาล
ในขณะที่คนของยามะดะก็พากันตรวจค้นบ้านของออลเรียสด้วย
“คุณยามะดะครับ ไม่พบอะไรเลยครับ” ลูกน้องของเขาบอกไป
“เออ สายข่าวแม่งสายข่าวจริงๆ” ยามะดะพูดอย่างอารมณ์เสีย
กลับมายังโรงพยาบาลแคลิฟอร์เนีย
ซานะกับฟรองเกอร์พากันไปรอนนท์อยู่ที่นั่น แล้วรอนนท์ที่กำลังจะมา ซึ่งไม่รู้ว่านนท์จะมาเมื่อไหร่กันแน่
ทำเอาทั้งคู่เริ่มจะเป็นห่วง
“นนท์เขาเมื่อไหร่จะมาหล่ะเนี่ย” ซานะพูดอย่างอารมณ์เสีย
“ผมว่าเดี๋ยวเขาก็คงมาเองหล่ะครับ” ฟรองเกอร์พูดปลอบใจ
“ไม่รู้หล่ะ ถ้านนท์ไม่มาฉันจะไปแจ้งตำรวจจริงๆด้วย”
“ผมว่า เล่นกับพวกนี้อาจจะยากนะครับ”
“ทำไมหล่ะ คนพวกนี้เป็นใครงั้นเหรอ”
“ผมได้ยินว่าเป็นขาใหญ่ประจำวิทยาลัยด้วย
พรรคพวกเยอะมากด้วยนะ”
“ฉันไม่สน ถ้าทำกับนนท์แบบนี้ฉันไม่เอาไว้แน่”
ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังคุยกัน
จู่ๆหมอคิมก็เดินเข้ามาหาพวกเขาทั้งคู่ในทันที
“อ้าว ซานะ นนท์เขายังไม่มาเหรอ”
“ยังเลยค่ะหมอ หนูกำลังรอเขาอยู่เนี่ย”
“อืม ว่าแต่เธอจะมาตรวจก่อนเลยมั้ยหล่ะ
ฉันจะได้ตรวจก่อน” หมอคิมพูดขึ้น
“เธอตรวจก่อนก็ได้นะ เผื่อนนท์เขาจะมาทีหลังหน่ะ” ฟรองเกอร์พูดขึ้น
“อ้าว ว่าแต่นายหน่ะ นายเป็นใครเหรอ” หมอคิมหันไปถามฟรองเกอร์
“อ้อ ผมฟรองเกอร์ เพื่อนของนนท์หน่ะครับ
พวกเห็นเจ้าอลาวดี้พานนท์ไปด้วย”
“อลาวดี้ ฉันเคยได้ยินชื่อเขาอยู่นะ”
“เหรอครับ คุณหมอเคยรักษาเขาเหรอ”
“เคยอยู่ครั้งหนึ่งหน่ะ แต่ช่างมันเถอะ
ไปนั่งรอด้านในก่อนดีกว่า”
หมอคิมพาทั้งคู่เข้าไปด้านในโรงพยาบาล
รอจนกว่านนท์จะกลับมา
กลับมายังศูนย์บัญชาการหน่วย
SS นายพลสติฟท์ได้รับคำสั่งใหม่จากทางเบอร์ลิน
ให้พวกเขาจัดการเรื่องกลุ่มกบฎภายในให้เร็วที่สุด
เนื่องจากว่าฮิตเลอร์ต้องการให้สถานการณ์สงบมากที่สุด
เขารีบสั่งการลูกน้องของเขาให้เตรียมรับมือกับเรื่องนี้
แต่ยังมีอีกเรื่องที่เขาต้องทำ เมื่อลูกน้องของเขาคนหนึ่งได้มาหาเขาพร้อมกบข้อความในมือของเขา
เขารีบมารายงานนายพลสติฟท์ในทันที
“ท่านครับ มีคำสั่งใหม่จากเบอร์ลินครับ
เขาสั่งให้เราช่วยเสริมกำลังตามแนวชายแดนเขตอิสระครับผม”
นายพลสติฟท์ฟังแล้วแปลกใจมากกับเรื่องนี้
“อืม ฉันเดาว่าอีกไม่นานมันคงจะเกิดแล้วหล่ะ”
“เกิดอะไรขึ้นครับท่าน”
“สงครามระหว่างเรากับญี่ปุ่นยังไงหล่ะ”
“ท่านคิดว่าเราต้องรบกับพวกเขาเหรอครับ”
“ก็คิดว่างั้น
แต่ถ้าเกิดขึ้นจริงมันจะลามไปทั่วโลกแน่ๆ”
“เฮ้อ
ไม่รู้ว่าท่านผู้นำคิดยังไงที่จะแบ่งโลกให้พวกมันหน่ะครับ”
“พวกเขาเป็นนักรบที่ห้าวหาญ การรบที่ซานฟรานซิสโกเนี่ยพวกเขาเป็นที่เลื่องลือมาก”
“จริงเหรอครับ ผมไม่เคยได้ยินเลย”
“นายหน่ะอย่าประเมินพวกเขาต่ำไป
ไม่งั้นพวกเขาจะไม่มาถึงจุดนี้หรอก”
“ครับผม
ถ้างั้นผมคิดว่าคงจะเจอศึกใหญ่แล้วสินะครับ”
“ก็คงจะเป็นอย่างงั้น ติดต่อแองเจลล่าให้ผมด้วย” นายพลสติฟท์เข้าห้องทำงานของเขาเมื่อเขาเสร็จธุระ
ณ
ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย โซลนั่งดื่มกาแฟอยู่ที่เคาน์เตอร์ด้านหนึ่ง
โดยที่เขากำลังรอใครคนหนึ่งอยู่ เขาดื่มกาแฟอย่างใจเย็น โดยที่จากนั้นไม่นาน
ชายหนุ่มเอเชียคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในร้านทันที จากนั้นเขาก็นั่งลงข้างๆเขา จากนั้นการสนทนาก็เริ่มขึ้นในทันที
“เราได้ข่าวนายแล้ว
ดูเหมือนว่ามันเป็นแค่สายข่าวธรรมดานะ”
“แล้วได้อะไรบ้างมั้ยหล่ะ” โซลถามเขาไป
“แทบได้อะไรเลย แต่ก็พอจับสายข่าวมันได้หน่ะ”
“งั้นเหรอ แล้วของที่ฉันต้องการหล่ะ”
ชายคนนั้นยื่นห่อกระดาษให้กับโซล
โซลรับมาในทันที แล้วมองดูของที่อยู่ด้านในห่อแล้วพูดขึ้น
“ทำไมได้น้อยกว่าที่คิดหล่ะ”
“ก็สายข่าวธรรมดาแบบนี้ก็ได้ราคานี้หล่ะ”
“นี่คิดจะเบี้ยวกันงั้นเหรอ”
“เปล่าหรอก ถ้านายหาสิ่งที่ฉันให้ได้
ฉันจ่ายไม่อั้น”
“ก็ได้ ถ้างั้นรอข่าวดีจากผมแล้วกัน”
“เออนี่ มีชาวเยอรมันคนหนึ่ง อยากให้นายเล่นงาน
จะรับงานนี้มั้ย”
เขายื่นรูปชายคนหนึ่งให้โซล
จากนั้นเขาก็มองรูปในทันที
“งานนี้ขอเงียบๆหน่อยแล้วกันนะ”
“ได้เลย เดี๋ยวจัดการให้” โซลพูดขึ้นจากนั้นก็จิบกาแฟไปหนึ่งที
ณ เขตเป็นกลาง
ชายแดนมิชิแกน แองเจลล่านั่งรถที่ลูกน้องของเธอพามา ผ่าน่านตรวจนับสิบด่านที่ตั้งเพื่อป้องกันกลุ่มต่อต้าน
หลังจากที่ผ่านด่านตรวจสุดท้าย แองเจลล่าก็มาถึงเขตชายแดน
ซึ่งเมื่อเธอตรวจสอบเบื้องต้นก็พบว่ายังมีปัญหาค่อนข้างมากพอสมควร
“นี่ เขตชายแดนมีแค่นี้เองเหรอ”
“มีแค่นี้ คือยังไงครับ”
“มีแค่รั้วลวดหนามโง่ๆ กับทหารยามไม่กี่คน
แบบนี้พวกมันก็ข้ามสบายๆสิ”
“อ่า เราคิดว่ามันไม่น่าจะร้ายแรงขนาดนั้นครับ”
“ฉันว่าน่าจะสร้างกำแพง กำแพงง่ายๆ
สร้างหอคอยสังเกตการณ์ เสริมแนวกำแพง แล้วก็ควรจะให้ทหารยามเฝ้าอย่างแข็งขันด้วย”
“อ่า เรากลัวว่างบประมาณจะสูงนะครับ”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะลองไปติดต่อท่านนายพลดู”
“แต่ว่าพวกมันจะกลัวเหรอครับ”
“เราแค่กักพวกมันไว้ ไม่ให้พวกมันข้ามมา
จากนั้นก็ระดมยิงปืนใหญ่ ทิ้งระเบิดกดพวกมัน
ถึงพวกมันจะไม่ตาย เราก็สามารถปิดเส้นทางเสบียงของมันได้”
“อ้อครับ แล้วคุณจะกลับไปตอนนี้เลยมั้ยครับ”
“ยังก่อน ขับรถพาฉันไปดูรอบๆก่อนดีกว่า”
แองเจลล่าขึ้นรถ
จากนั้นลูกน้องของเธอก็ขับรถพาเธอไปสำรวจชายแดนเพิ่มเติม
และที่ค่ายของไวเวิร์น
หญิงสาวคนหนึ่งรีบวิ่งหน้าตั้งตามหาไวเวิร์นและคนอื่นๆ พร้อมกับกระดาษข้อความในมือ
เธอวิ่งหน้าตั้งไปที่โรงอาหารเนื่องจากเธอรู้ว่าไวเวิร์นจะต้องไปที่นั่นเพื่อหาอะไรกิน
เธอคนนั้นวิ่งพรวดเข้าไปจนเกือบจนกับอาหารของไวเวิร์นแล้ว
“ตุ๊บ”
“โอ๊ย เจนนี่ นี่เธอเป็นอะไรของเธอเนี่ย” โบซอลถามอย่างตกใจ
“สงสัยคงจะได้ข่าวอะไรดีๆแน่ๆ ว่ามั้ย” ไวเวิร์นถามเธอในทันที
“ใช่ๆ ฉันได้ข่าวว่ามีนายหทารคนใหม่มาสอดแนมแถวนี้ด้วย” เจนนี่พูดขึ้น
“โวะ นึกว่าเรื่องอะไร อย่าตื่นตูมไปสิ” โบซอลพูดขึ้น
“แต่ว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะจริงจังกับเรื่องนี้นะ” เจนนี่พูดขึ้น
“ผู้หญิงงั้นเหรอ ไม่น่าเป็นไปได้นะ” ไวเวิร์นพูดขึ้น
“มันเป็นไปแล้ว แล้วนี่พวกนายรู้เปล่า
ตอนนี้ที่ชายแดนเริ่มจะมีปัญหากันแล้ว” เจนนี่พูดอีก
“ปัญหาอะไรอีกหล่ะเนี่ย พวกเยอรมันกับญี่ปุ่นตีกันอีกแล้วเหรอ” โบซอลถามเธอ
“ก็ประมาณนั้น แต่ว่ามันน่าจะเรื่องใหญ่แล้วนะ” เจนนี่ตอบไป
“ช่างเถอะ ไปสืบเรื่องของผู้หญิงคนนั้นมาก็แล้วกัน” ไวเวิร์นพูดขึ้น
“โอ้ย คิดถึงบ้านจังเลยเนี่ย อยากกินอะไรอร่อยๆจังเลย” เจนนี่บ่นขึ้น
“อยากกลับโครเอเชียเหรอ” โบซอลถามเธอ
“ฉันอยากไปเจอพ่อฉันหน่ะ” เจนนี่พูดขึ้น
“ก็คงต้องรอสงครามจบก่อนหล่ะนะ” ไวเวิร์นพูดขึ้นจากนั้นก็ตักอาหารเข้าปากไปด้วย
กลับมายังกรุงมินส์
เบลารุส เรซนอร์ฟและลูกน้องของเขาก็นั่งพักกันอยู่ในตึกที่เป็นจุดซุ่มยิง พวกเขากำลังรอจนกว่าขบวนเดินทางของฮิตเลอร์เดินทางมาถึง
ในตอนนั้นเองเรซนอร์ฟก็นั่งสูบบุหรี่ของเขาไปด้วย เพื่อผ่อนคลายจากความเครียด เขานั่งคุยกับเอลซาร์วินด์
คนของเขาไปด้วย
“นี่ บุหรี่หน่อยมั้ย” เรซนอร์ฟยื่นบุหรี่ให้เขา
“อ้อ ผมไม่สูบครับ”
“ก็ดี ไม่เปลือง แหะๆๆ”
“หัวหน้าครับ
หัวหน้าว่าฮิตเลอร์จะมาที่นี่มั้ยครับ”
“ก็ไม่รู้สิ แต่เขาต้องผ่านถนนเส้นนี้
ถ้าจะมาที่นี่” เรซนอร์ฟพูดพลางสูบไปด้วย
“อ้อ ผมคิดถึงที่เยอรมันหน่ะครับ”
“ฉันเข้าใจนะ แต่ที่นั่นไม่ค่อยรับพวกเราเท่าไหร่นี่”
“ครับ แต่มันก็อดคิดถึงไม่ได้นี่ครับ”
“ฉันเข้าใจ ถ้าจบสงคราม นายจะกลับไปก็ได้นะ”
“ครับ ขอบคุณครับหัวหน้า”
“อืม แต่วันนี้ถ้าฮิตเลอร์ยังไม่ตาย
นายคงกลับไปไม่ได้หรอก”
“ผมก็คิดแบบนั้นหน่ะครับ” เอลซาร์วินด์ดื่มวอดก้าไปด้วยในตอนนั้น
“แล้วนี่ดาโกวิชกลับมาหรือยังหล่ะเนี่ย” เรซนอร์ฟถามไป
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ” เอลซาร์วินด์ตอบไป แต่ในขณะเดียวกัน
ดาโกวิชก็รีบวิ่งมาหาเรซนอร์ฟในทันทีหลังจากที่เขาได้ข่าว
“ท่านครับ เครื่องบินของฮิตเลอร์ลงจอดแล้วครับ”
“หะ จริงเหรอ แล้วยังไงต่อหล่ะ”
“เขาอยากจะนอนพักที่โรงแรมแถวนั้นก่อน
แล้วจะเดินทางมาครับ”
“แล้วเขาจะมาเมื่อไหร่”
“9 โมงเช้า หรืออาจจะ 10 พรุ่งนี้ครับ”
“ดี ไปจัดการบอกพวกเราแล้วกัน” ดาโกดวิชได้รับคำสั่งแล้วเขาก็ไปบอกลูกน้องเขาในทันที
ณ
โรงแรมแห่งหนึ่ง ริมชายฝั่งทะเลรัสเซีย ซึ่งเป็นสถานที่ที่คนเรือพากันมานั่งดื่มและพักผ่อน
มิคาอิลปลอมตัวเข้าไปในโรงแรม จากนั้นก็ไปคุยกับพนักงานที่เคาน์เตอร์ในทันที
“ห้องพิเศษหนึ่งห้อง”
พนักงานยื่นกุญแจห้องให้
มิคาอิลหยิบกุญแจแล้วไปที่ห้องตามหมายเลขห้อง เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไป
เขาก็พบกับชายอีกสองสามคนที่อยู่ในห้องด้วย ซึ่งความจริงมันเป็นห้องประชุมและห้องพักผ่อนสำหรับพรรคพวกของมิคาอิล
“อ้าว มิคาอิล มาแล้วเหรอ ส่งของเป็นยังไงบ้าง”
“เรียบร้อย ว่าแต่
พวกนายได้ข่าวอะไรบ้างหรือเปล่าหล่ะ” มิคาอิลถามกลับในทันที
“เครื่องบินของฮิตเลอร์เพิ่งจะลงจอดหน่ะ
เขาจะเดินทางพรุ่งนี้”
“อ้อเหรอ ป่านนี้พวกต่อต้านคงกำลังรอเขาอยู่หน่ะ”
“เออนี่ แล้วเราจะไม่ไปร่วมหน่อยงั้นเหรอ” ชายอีกคนหนึ่งพูดกับเขา
“ใจเย็นๆ
เราเตรียมรับมือเหตุการณ์หลังฮิตเลอร์ตายดีกว่า” มิคาอิลพูดขึ้น
“ว่าแต่ นายคิดว่าใครจะขึ้นแทนเขาหล่ะ
บอร์มันงั้นเหรอ หรือเกิบเบลล์”
“ผมว่าฮิมม์เลอร์น่าจะเตรียมหน่วย SS ยึดอำนาจแล้วหล่ะ” ชายอีกคนหนึ่งพูดขึ้น
“ไม่แน่นะ
พวกเขาอาจจะไม่ได้อย่างที่หวังทั้งหมดก็ได้” มิคาอิลพูดขึ้น
“แล้วคุณคิดว่าใครจะครองอำนาจแทนหล่ะ” ชายคนหนึ่งถามมิคาอิล
“ผมไม่รู้สิ คงต้องรอดูต่อไปหล่ะ”
“ก็ขอให้เป็นแบบนั้นเถอะ”
“ผมจะนอนแล้ว พรุ่งนี้ปลุกผมเช้าๆหน่อยแล้วกัน”
มิคาอิลเดินปลีกตัวเข้าไปในห้องๆหนึ่ง
จากนั้นเขาก็ล้มลงบนเตียงนอนในทันที
กลับมายังโอเอซิส
แหล่งกบดานของออร์ลินด้า เธอสั่งให้บาโธรี่เตรียมพร้อมในการรับมือผู้บุกรุก
ซึ่งดูเหมือนพวกเขาจะรู้ว่าพวกนั้นเป็นใคร บาโธรี่เอาวิทยุติดต่อพกไปด้วย
เพื่อติดต่อกับออร์ลินด้าที่กำลังมองอยู่จากด้านนอก
“พวกมันมากันกี่คนหน่ะ” ออร์ลินด้าถาม
“สิบกว่าคนได้
แต่ดูจากอุปกรณ์แล้วน่าจะเป็นพวกหน่วยพิเศษค่ะ”
“งั้นเหรอ จับตาดูพวกมันเอาไว้ก่อน”
“ได้เลยค่ะ”
พวกนั้นถืออาวุธเดินลาดตระเวนรอบๆโอเอซิส
พวกเขาเดินหาทางเข้าลับเพื่อที่จะเข้าสู่ฐานลับที่พวกเขาเชื่อว่าอยู่บริเวณนี้
“ผู้กองครับ ที่นี่เหมือนไม่มีอะไรเลยนะครับ”
“ใจเย็น เรายังหาไม่ทั่วเลยเนี่ย”
“แต่ว่าที่นี่ร้อนเป็นบ้าเลยนะครับ”
“เออ ฉันเห็นด้วยเหมือนกัน”
พวกเขาเดินไปเดินมาแถวโอเอซิส
บางคนก็ไปดื่มน้ำที่อยู่ในบ่อ แต่จู่ๆ พวกเขาก็เผลอไปโดนกลไกลับอะไรบางอย่าง
ซึ่งนั่นทำให้เส้นทางเส้นหนึ่งถูกเปิดออก
พวกนั้นไม่รอช้ารีบหยิบปืนแล้วเดินเข้าไปในทันที
“คุณออร์ลินด้าคะ พวกมันมาแล้วค่ะ” บาโธรี่รีบแจ้งข่าวกับเธอ
“ถ้าพวกมันมาถึง โจมตีได้เลย”
พวกนาซีถือปืนเดินสำรวจถ้ำลับแถวนั้น
แต่ในตอนนั้นเอง พวกมันก็เดินเหยียบอะไรบางอย่าง
“เหยียบอะไรวะเนี่ย”
จากนั้นก็เกิดระเบิดขึ้น
คนของบาโธรี่เปิดฉากยิงกับพวกมันจนพวกมันตายจนหมด จากนั้นคนของบาโธรี่ก็มาเคลียร์พื้นที่แถวนั้น
จนกระทั่งเธอเจอคนหนึ่งที่ยังไม่ตาย เธอเอาตัวเขามาสอบสวนในทันที
“นี่ ใครส่งพวกแกมา”
ชายคนนั้นหายใจรวยระรินเต็มที
“ถ้าแกบอก ฉันจะให้แกไปสบายๆตอนนี้แหละ”
“เราได้รับคำสั่งให้มาตรวจสอบที่นี่เพื่อตามหาคน
เขาอยากจับตัวใครคนหนึ่งที่ชื่อออร์ลินดา เพื่ออะไรบางอย่างนี่หล่ะ”
“งั้นเหรอ พวกมันไม่บอกแกอย่างงั้นเหรอ
งั้นไม่เป็นไร”
บาโธรี่ยิงขมับเขาจนตายคาที่
ปล่อยให้ศพร่วงลงไปอยู่แทบเท้าเธอ
“จัดการศพให้เรียบร้อยด้วยหน่ะ” บาโธรี่สั่งทหารของเธอ
จากนั้นเธอก็เดินกลับเข้าไปในห้องของเธอ
กลับมายังอาคะสึกิ
คอปเปอร์เรชั่น หลังจากที่เธอได้ปะทะคารมกับหน่วยเคมเปนไตที่ได้มาตรวจค้นเธอ
เธอกลับเข้ามาในสำนักงานเพื่อที่จะประชุมกับลูกน้องของเธอที่ทำงานอยู่ เธอรอจนกว่าลูกน้องของเธอมาจนครบ
จากนั้นก็เริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ในทันที
“คุณอาคะสึกิคะ
นี่ครั้งที่สามแล้วนะคะที่พวกเขามค้นพวกเรา”
“ใช่ ดูเหมือนว่าพวกเราควรจะระวังตัวได้แล้วนะคะ” ลูกน้องอีกคนหนึ่งพูดขึ้น
“ฉันว่า
เห็นทีเราควรต้องเปลี่ยนนโยบายอะไรใหม่ๆแล้วหล่ะ” ลูกน้องคนหนึ่งยกมือพูดขึ้น
“ใจเย็นๆก่อน ซาโต้คงจะขู่พวกเธอไปอย่างงั้นหน่ะ” อาคะสึกิพูดขึ้น
“แต่เราแค่กลัวว่าวันหนึ่งเขาไม่แค่ขู่
แล้วมาเล่นงานเราหล่ะคะ”
“อืม ตอนนี้ถ้าเราจะติดต่อกลับกลุ่มข้างนอก
เราควรติดต่อด้านนอกบริษัท แล้วอย่าลืมปกปิดปดปิดตัวเองด้วยหล่ะ” อาคะสึกิบอกกับลูกน้องของเธอ
“รับทราบค่ะ”
“ว่าแต่ สินค้าล็อตใหม่ของเราเป็นยังไงบ้างหล่ะ” อาคะสึกิถามเรื่องในบริษัทต่อในทันที
“ค่ะ ตอนนี้เราส่งไปที่เขตต่างๆ ทั้งเอเชีย
แอฟริกา ตะวันออกกลาง รัสเซียและเขตเป็นกลางด้วยค่ะ”
“ขอดูแผงผังหน่อยสิ”
เลขาของเธอรีบไปหยิบผลประกอบการในการค้ามาให้กับอาคะสึกิในทันที
เธอหยิบมาดูก็พอใจกับผลประกอบการส่วนนั้นมาก
“ดี นี่เราขายได้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ”
“ค่ะ เหมือนกับว่าพวกเขาต้องการเพิ่มด้วยค่ะ”
“อืม ไม่รู้ว่าจะยังไง
สงสัยการใหญ่กำลังจะเริ่มหล่ะ”
ในระหว่างที่เธอกำลังพูดกับลูกน้อง
จู่ๆเธอก็เกิดอาการปวดหัว ทำให้เธอถึงกับทรุดลงไป
เลขาของเธอต้องมาประคองตัวเธอเอาไว้
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“ฉันไม่เป็นไร ฉันขอเข้าห้องแป๊ปนึงนะ”
อาคะสึกิรีบเข้าห้องของเธอไป
จากนั้นเธอก็ไปสลับไพ่ประจำตัวของเธอ หลังจากนั้นเธอก็วางไพ่ของเธอบนโต๊ะในทันที เมื่อเธอวางไพ่ใบสุดท้าย
เธอก็ตกใจมาก ซึ่งไพ่ที่วางอยู่บนโต๊ะก็คือ ไพ่แห่งความตาย
“มันกำลังจะเกิดขึ้นแล้วจริงๆเหรอเนี่ย” อาคะสึกิคิดในใจ
กลับมายังฮาวาย
หลังจากที่นาโอมิพักผ่อนจนพอใจ
เธอก็กลับไปที่ห้องทำงานของเธอเพื่อเตรียมรายงานส่งให้ทางโตเกียว
เมื่อเธอเข้ามาในห้อง เธอยังไม่ทันจะได้เขียนรายงานไป
ลูกน้องของเธอก็ส่งรายงานจากโตเกียวมาให้กับเธอในทันที
“ท่านครับ มีคำสั่งใหม่จากโตเกียวครับ”
นาโอมิหยิบมันมาอ่าน
เมื่อเธออ่านเสร็จเธอก็ตกใจในทันที
“เกิดอะไรขึ้นครับ” ลูกน้องของเธอถามไป
“เขาขอให้เราออกเดินทางพรุ่งนี้เลย”
“พรุ่งนี้ ไม่ให้เราพักหน่อยเหรอครับ”
“ก็ใช่
ดูเหมือนทางโตเกียวจะรีบร้อนกับเรื่องนี้เป็นพิเศษนะ”
“ครับผม”
“นายพอรู้มั้ยว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย”
“ผมก็ไม่ทราบครับ สถานการณ์อาจจะหนักก็ได้นะครับ”
“แค่กบฏกลุ่มเดียว ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก
หาข่าวที่นั่นให้ฉันที”
“ครับผม” ลูกน้องของเธอเดินออกจากห้องไป
ในตอนนั้นเองเธอเหลือบไปเจอจดหมายฉบับหนึ่งซึ่งรุ่นน้องของเธอคนหนึ่งเขียนให้กับเธอ
เธอไปอ่านมันในทันที
“นนท์ นี่นายไปอยู่แคลิฟอร์เนียแล้วนี่
ฉันอยากไปเยี่ยมนายจัง”
เธอวางจดหมายฉบับนั้นไปข้างๆโต๊ะของเธอ
จากนั้นเธอก็เริ่มเขียนรายงานของเธอในทันที
กลับมายังศูนย์วิจัยคอมพิวเตอร์
ZEUS สวิสเซอร์แลนด์
มาเรียน่าที่กำลังเดินตรวจงานในห้องผลิต เธอสังเกตการณ์การผลิตอย่างแข็งขัน
และเนื่องจากว่าการผลิตเป็นไปอย่างราบรื่น ทำให้เธอพอใจกับผลงานอย่างมาก
ในขณะเดียวกัน ลูกน้องของเธอคนหนึ่งวิ่งมาหาเธออย่างเร่งด่วน
“คุณมาเรียน่าครับ”
“มีอะไรเหรอคุณแม็กซ์”
“คุณพ่อคุณ ท่านนายพลโทรมาครับ”
มาเรียน่ารีบวิ่งไปที่ห้องโทรศัพท์ในทันที
โดยที่ลูกน้องของเธอกำลังเตรียมต่อสายให้เธออยู่
“คุณมาเรียน่าคะ ต่อสายเรียบร้อยแล้วค่ะ” มาเรียน่ายกหูขึ้นมาพูดในทันที
“ลูกรัก ทำงานเป็นยังไงบ้างหล่ะ”
“ก็โอเคค่ะ งานคืบหน้าไปมาก คุณพ่อสบายดีมั้ยคะ”
“ก็ดีหน่ะ ตอนนี้พ่อมาถึงเบลารุสเซียแล้ว
พ่อมาคุ้มกันท่านผู้นำหน่ะ”
“ที่นั่นกำลังอันตรายอยู่ คุณพ่อไม่รู้เหรอคะ”
“พ่อรู้ แต่พ่อเป็นทหารนี่ ลูกก็รู้นี่”
“ดูแลตัวเองด้วยนะพ่อ ที่นั่นอากาศหนาวอยู่นะ”
“ไม่ต้องห่วง ลูกก็รู้ว่าพ่อชอบอากาศหนาวอยู่แล้ว พ่อรักลูกนะ”
“หนูก็รักพ่อค่ะ”
กลับมายังโรงพยาบาลแคลิฟอร์เนีย
ซานะและฟรองเกอร์ก็ยังคงรอนนท์จนใกล้จะบ่ายแล้ว จนกระทั่งซานะทนไม่ไหว เธอจึงจะเดินออกจากโรงพยาบาลไปสถานีตำรวจในทันที
“นี่ซานะ คุณจะไปไหนครับ”
“ฉันจะไปแจ้งตำรวจ ฉันไม่รออีกแล้ว”
“ใจเย็นสิครับ นนท์อาจกำลังมาก็ได้”
“นี่มันก็ใกล้จะบ่ายแล้วนะ ฉันเป็นห่วงเขานี่”
“อืม ถ้าอย่างงั้นฉันจะเตรียมรถก็แล้วกันนะ” หมอคิมพูดขึ้น แต่ไม่ทันรถ
ก็มีรถแวนคันหนึ่งขับเข้ามาด้านในโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว หลังจากที่รถแวนจอด อลาวดี้และลินน์รีดช่วยกันแบกนนท์ลงมาในทันที
“คุณหมอคิมคะ ช่วยเขาด้วยค่ะ”
“อ้าว ลินน์รีด นนท์ไปกับเธองั้นเหรอ”
“เขาหมดสติไปพักนึงแล้วครับ ดูอาการเขาหน่อยครับ” อลาวดี้พูดขึ้น
“ถ้างั้นแบกเขามาในห้องฉันเลย”
หมอคิมเรียกเตียงพยาบาลมาพาตัวนนท์ไปในห้องฉุกเฉินในทันที
เพื่อเตรียมการรักษาเขา
=================================================================================
อาการของนนท์กลับมากำเริบอีกครั้ง คราวนี้เขาจะสามารถเอาชีวิตรอดได้หรือไม่ เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ
ซับแนลผมด้วย
https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber
ความคิดเห็น