คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 1 : สู่อเมริกา
ณ สถานีตำรวจภูธรจังหวัดหนึ่ง ในภาคกลางของประเทศไทย
“ตุ๊บ!!”
“โอ้ย!!”
ในห้องของผู้กำกับการตำรวจภูธรคนหนึ่ง นายตำรวจนายหนึ่งกำลังถูกชายปริศนาซึ่งใส่หน้ากากสีขาวบังใบหน้าใช้กระบองตำรวจกระหน่ำตีจนร่างช้ำไปทั้งตัว ตอนนี้นายตำรวจคนนั้นถึงกับกระอักเลือดออกมาเลย
“ไอ้ระยำเอ้ย มึงทำกูทำไมวะ??” นายตำรวจคนนั้นถามออกมา ชายในหน้ากากก็หยิบเอาโทรศัพท์ออกมาและอะไรบางอย่างให้เขาดู
“ที่เป็นผู้ดูแลกลุ่ม Telegram นี่มึงใช่มั้ย มึงเป็นคนที่อัพโหลดรูปลามกของผู้ต้องหาหญิงที่มึงจับมาได้ลงในกลุ่ม บางรูปก็เอาไปขายต่อ และมึง ยังเป็นแอดมินกลุ่มเหี้ยนี่อีก” ชายคนนั้นพูดต่อ จากนั้นก็เอารูปหลักฐานต่างๆที่เขาได้มาให้นายตำรวจคนนั้นดู
“เฮ้อ ไม่น่าเชื่อว่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์แบบมึงจะทำแบบนี้ด้วย กูถึงต้องออกมาลงมือเอง” ชายในหน้ากากพูดต่อ
“เดี๋ยวๆๆๆ ฉันขอโทษ ฉันแค่ทำเพื่อเงิน..” นายตำรวจคนนั้นพูดต่อ แต่ชายในหน้ากากคนนั้นก็ฟาดเข้าที่หน้าของตำรวจคนนั้นต่อ
“ตุ๊บ!!”
“มึงยังอัดคลิปลามกของผู้ต้องหาทุกคนเอาไว้ แลกกับการไม่ดำเนินคดี มึงทำมาแล้วไม่น่าจะต่ำกว่า 50 คน” ชายในหน้ากากพูดต่อ
“บ้าเอ้ย แกคิดว่าทำแบบนี้แล้วแกจะรอดงั้นเหรอ ตำรวจทั้งจังหวัดได้ตามล่าหัวแกแน่??” นายตำรวจคนนั้นพูดต่อ
“ฉันว่า ไอ้พวกนั้นควรจะอยู่เฉยๆดีกว่า ถ้าพวกมันไม่อยากจะโดนเก็บยกหน่วย” ชายในหน้ากากตอบไป ไม่นานนักเขาก็เอาโทรศัพท์ของนายตำรวจคนนั้นมา จากนั้นก็หยิบเอาอุปกรณ์ USB มาเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ของตำรวจคนนั้น ไม่นานนัก เขาก็โยนโทรศัพท์ไว้ที่ตัวของตำรวจคนนั้น
“ถ้ากูเป็นมึงตอนนี้ กูยิงหัวตัวเองตายไปแล้ว เอาเป็นว่า เลือกเอาเอง” ชายในหน้ากากพูดต่อจากนั้นก็โยนปืนของนายตำรวจคนนั้นให้กับนายตำรวจคนนั้นไว้ในทันที
“มึงทำเหี้ยอะไรวะ??” นายตำรวจคนนั้นถามไป
“กูปล่อยข้อมูลที่จะมัดตัวมึงลงโทรศัพท์มึงแล้ว มึงจะทำลายโทรศัพท์ยังไงก็ไม่มีประโยชน์ ตำรวจที่จะมาสืบคดีมึงจะพบข้อมูลในนั้น บอกเลยว่ามันพังชีวิตแกได้เลย ไหนจะลูกเมียแกอีก แกจะลากพวกไปลงนรกด้วยเหรอ แกเลือกเอาเองนะ” ชายในหน้ากากพูดจบก็เดินออกจากสถานีตำรวจไป ซึ่งด้านนอกตอนนี้มีแต่ตำรวจที่โดนเล่นงานจนสลบนอนกันเกลื่อน ในตอนนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นตำรวจหญิงคนหนึ่งกำลังหลบอย่างหวาดกลัว
“ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวหมอก็มาแล้ว” ชายในหน้ากากคนนั้นพูดจบก็รีบเดินออกจากสถานีตำรวจในทันที
กลับมายังบ้านของจิน หลังจากที่ตัวของจินจัดการเก็บสมาชิกระดับสูงของกลุ่มลับที่เผยแพร่คลิปลามกและเป็นต้นเหตุการฆ่าตัวตายของไอดอลที่เขาชอบ เขาไม่รอช้าเดินไปที่ห้องของเขา จากนั้นก็เดินไปดูที่กระดานไวท์บอร์ดของเขา จากนั้นก็หยิบปากกาเมจิคขึ้นมาและกากบาทใส่รูปของนายตำรวจที่เขาเพิ่งจะเล่นงานไป
“รายสุดท้ายในไทยแล้วสินะ ที่เหลือคงต้องถ่อไปถึงอเมริกาเลย” จินพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็เดินกลับไปที่โต๊ะคอมของเขา พร้อมกันนั้นก็มองไปยังพาสปอร์ตของเขา ตั๋วเครื่องบินเที่ยวเดียว รวมถึงรูปของเด็กหนุ่มฝรั่งคนหนึ่ง ซึ่งมีชื่อติดอยู่ที่รูปด้วย
“เดวิด ไอสัน บุตรชายของดาเรียส ไอสัน...”
“แกกุมความลับอะไรอยู่อีกกันนะ เรามาดูกันดีกว่า” จินพูดขึ้น ก่อนที่ตัวของเขาจะกลับมาดูตั๋วเครื่องบินอีกรอบ ซึ่งเครื่องจะออกเวลา 5 ทุ่มที่สนามบินสุวรรณภูมิ
21.51 นาฬิกา สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินที่ถึงแม้จะมืดค่ำแล้ว แต่ก็ยังมีคนเดินทางมาเรื่อยๆ เพื่อเดินทางออกนอกประเทศ ตัวของจินได้เดินไปที่จุดตรวจขาออก พนักงานได้ทำการตรวจพาสปอร์ตของจินไปด้วย และเมื่อเขาพบกับพาสปอร์ตหน้าที่มีเครื่องหมาย Warden พนักงานก็ปิดหน้าไป
“คุณจะไปที่อเมริกาทำไมครับ??” พนักงานสนามบินถามไป
“ไปทำงานหน่ะครับ” จินตอบไป ถึงแม้ว่าตัวของเขาจะไม่มีวีซ่าทำงานก็ตาม แต่พนักงานสนามบินก็ประทับตราให้เขา จากนั้นก็คืนพาสปอร์ตให้กับจิน
“ขอบคุณครับ” จินตอบพนักงาน จากนั้นก็เดินไปยังที่นั่งพักของผู้โดยสารที่กำลังจะเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา ตัวของจินนั่งอยู่บริเวณเก้าอี้แถวนั้น ซึ่งผู้โดยสารเองก็มีไม่มาก และส่วนใหญ่ยังเป็นชาวต่างชาติด้วย เขานั่งและเปิดโทรศัพท์ดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย เพื่อพยายามประมวลผลข้อมูลที่เขามี
“เดวิด ไอสัน อืม ดาเรียสก็เพิ่งจะตายไป และเพิ่งจะมีประธานาธิบดีคนใหม่นี่ มันอะไรกันนะ??”
“ถ้าแกไม่ติดต่อกับไอ้โรคจิตนั่น ฉันก็คงจะไม่ตามแกไปถึงอเมริกาหรอก” จินคิดในใจอย่างต่อเนื่อง เขานั่งอยู่ซักพัก ก่อนที่จะได้ยินเสียงประกาศดังขึ้น
“ท่านที่จะขึ้นเครื่องไปซานฟรานซิสโก..” ตัวของจินได้ยินก็รู้ว่าเครื่องที่เขาต้องนั่งเรียกแล้ว เขารีบลุกขึ้นในทันทีและเดินไปขึ้นรถบัสสนามบินเพื่อเตรียมขึ้นเครื่อง
“กะว่าจะไม่กลับมาเหยียบอเมริกาอีกแล้วนะเนี่ย เอาไว้ ฉันจะรีบทำแล้วรีบกลับมาแล้วกัน” จินนึกในใจ
ณ คฤหาสน์หรูหลังหนึ่งในย่านเวกัส ซึ่งถึงแม้ว่ารอบข้างจะเป็นทะเลทราย แต่ความแห้งแล้งทุกอย่างก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูรั้วของบ้าน นอกจากรอบบ้านจะสวยงามแล้ว ด้านในบ้านก็สวยงามไม่แพ้กัน และบนโซฟาห้องรับแขกสุดหรู เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งสูบบุหรี่ไฟฟ้าและนอนอย่างสบายใจ ในขณะเดียวกันนั้นเอง เด็กหนุ่มผิวสีคนหนึ่งซึ่งใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียวก็เดินเข้ามาในบ้าน จากนั้นก็พูดขึ้น
“เฮ้ เดวิด..”
“มีอะไรอีกหล่ะทอดด์??” เดวิดคนนั้นถามด้วยอาการขี้เกียจ
“ไอ้นพชิตที่อยู่เมืองไทยมันตายแล้ว” เดวิดตอนนั้นที่ได้ยินก็ถึงกับลุกขึ้นมาในทันที
“เฮ้ย อะไรนะ ไอ้นพชิตเนี่ยนะ??” เดวิดถามไป
“อืม ฉันเองก็เพิ่งได้ข่าว มีข่าวมาว่าสารรูปศพมันดูดีแท้ ไอจ้อนมันโดนทุบซะแหลก ก่อนที่มันจะยิงตัวตายหน่ะ”
“ไอ้ห่าเอ้ย คลิปที่มันทำส่งให้เรากำลังทำเงินเลย ฝีมือใครวะ??” เดวิดถามอย่างสาดเสียเทเสีย
“กำลังตามสืบอยู่ แต่ดูเหมือนตำรวจไทยจะมืดแปดด้านหว่ะ”
“ห่าเอ้ย แล้วพวก Warden ในไทยหล่ะ ว่าจ้างให้มันช่วยหน่อยสิ??” เดวิดถามไป
“เออ จะว่าไป ดูเหมือนว่าพวก Warden ในไทยจะขาดการติดต่อไปเลย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ลิสต์รายชื่อ Warden ทุกคนในไทยมา ฉันอยากจะสัมภาษณ์หน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เดวิดพูดขึ้น
“เออ ต้องถึงขนาดนั้นเลยเหรอ??”
“เอาแบบนี้สิ ส่วนเรื่องลูกค้าเรา บอกไปว่าตอนนี้ทุกอย่างยังควบคุมได้” เดวิดพูดต่อ
“เออ แล้วมึงจะบอกลุงอิไลหรือเปล่า??”
“เดี๋ยว อย่าเพิ่งบอกนะเว้ย ไม่งั้นกูอาจจะซวยก็ได้” เดวิดพูดอย่างลนลาน ก่อนที่ไม่นานนัก ทอดด์ก็พยักหน้าและเดินออกไปในทันที
“เหี้ยอะไรวะเนี่ย มึงเป็นใครวะ??” เดวิดพูดต่อ ในขณะเดียวกันนั้นเอง เด็กสาวคนหนึ่งได้เดินออกมาจากห้องน้ำ ในสภาพที่เมายาอย่างสุดขีด ตัวของเดวิดไปหันไปเจอเธอเข้าพอดี
“เฮ้ย ไปรอที่ห้องก่อนไป!!” เขาตะโกนใส่เด็กสาวคนนั้น
ณ ลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา ย่านช็อปปิ้งสุดหรู ซึ่งผู้คนเดินควักไขว่ไปมา แต่ดูเหมือนว่าในตอนนี้ ผู้คนได้เดินแวะเข้าไปในร้านแฟชั่นร้านหนึ่งซึ่งตั้งตระหง่านดูน่าเข้า
“J&P”
เมื่อเข้ามาในร้านที่ยิ่งใหญ่ดูโอ่โถง มันถูกแบ่งเป็นโซนๆ ทั้งโซนเสื้อผ้า เครื่องประดับ และอีกมากมาย ในระหว่างที่ผู้คนกำลังเลือกซื้อของกันอยู่นั้น
“แอ๊ด!!”
ชายเอเชียร่างสูงหน้าตาหล่อเหลาใส่เสื้อแขนยาวสีขาวใส่หมวกแก็ปเดินเข้ามาในร้าน แต่ดูเหมือนว่าตัวของเขาจะไม่ค่อยสนใจของในร้านเท่าไหร่ เขาเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์ชำระเงิน ซึ่งมีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงนั้น
“เฮ้ ชิเอล หมอนั่นอยู่ไหนกัน แล้วไหงเธอมาคิดเงินได้เนี่ย??”
“อ้าว คุณโฮเชนคะ ฉันกำลังว่างๆหน่ะ มาถึงก็ถามหาบอสเลยนะคะ??” หญิงสาวคนนั้นถามไป และในขณะเดียวกัน ชายร่างสูงกำยำดูมีอายุ รวมถึงชายหนุ่มอีกคนในชุดสูทดำทะมึนก็เดินมาที่เคาน์เตอร์ด้วย
“เขาอยู่ข้างในหน่ะโฮเชน”
“อ้อ ขอบคุณมาก” โฮเชนตอบไป
“แต่รอซักครู่นะลูกพี่ บอสกำลังคุยโทรศัพท์อยู่” ชายในชุดสูทตอบไป
แต่ไม่นานนัก ชายรูปงามในชุดสูทสีขาวคนหนึ่งก็เดินออกมาจากห้องโจนาธานนั่นเองพักของพนักงานจนได้ ซึ่งชายคนนั้นก็คือโจนาธานนั่นเอง โฮเชนเมื่อได้เห็นเขาก็ยกมือทักทายไป
“มาเร็วเคลมเร็วจริงนะลุง” โจนาธานพูดทักทายโฮเชนไป
“รู้ได้ไงเนี่ยว่าฉันจะมา??” โฮเชนถามไป
“กลิ่นนายมันแรงไง ฉันรู้เลย คราวก่อนที่นายเอารองเท้าไปใช้นี่ว่ายังไงลุง??” โจนาธานถามเขาไป
“ดูเหมือนว่าจะไม่ได้คืนแล้วนะคะ” ชิเอลพูดขึ้นมา
“สงสัยงานนี้บอสคงต้องทำใจนะครับ มันน่าจะหายไปตลอดกาล” ชายในชุดสูทพูดเสริม
“นี่ๆ ไม่ต้องเสริมเลยนะไมเคิล ฉันแค่ไม่มีอะไรทำหน่ะ” โฮเชนตอบไป
“อ้อ ดูเหมือนว่าอยากให้โจนาธานหางานให้สินะครับ??” เจสันพูดขึ้น แต่ไม่ทันไร จู่ๆ โทรศัพท์ของโฮเชนก็ดังขึ้น ตัวของเขาหยิบมันขึ้นมา จากนั้นก็รับสายในทันที
“ฮัลโหล??”
“จริงเหรอ แน่ใจนะ??”
“โอเค” โฮเชนพูดจบก็วางสายไป
“เฮ้ย ฉันยืมเครื่องที่สนามฝึกบินของนายหน่อยนะ และฉันอาจจะไม่อยู่ช่วงนี้นะ ฉันจะไปซานฟราน” โฮเชนพูดขึ้น ในตอนนั้นทุกคนก็ถึงกับอึ้งกินไปเลย
“เฮ้ย ลุงจะไปทำไรที่ซานฟรานเนี่ย??” โจนาธานถามอย่างสงสัย
“เออน่า..” โฮเชนพูดยังไม่ทันจบ
“เอ้ย ไม่เออน่าดิลูกพี่ เอาตรงๆสิ??” ไมเคิลถามไป
“ธุระส่วนตัวหน่ะ เอาเป็นว่าเรื่องนี้ส่วนตัวมากๆสำหรับลุง แต่ลุงไม่หาเหาใส่หัวพวกนายหรอก” โอเชนตอบไป
“อ้อ แสดงว่านัดหญิงไว้สินะ??” เจสันพูดขึ้น ในตอนนั้นเองชิเอลถึงกับหน้าเปลี่ยนสีเลย
“เอ้า ฉันนึกว่าลุงชอบผู้ชายซะอีก??” โจนาธานพูดแซวโฮเชน ตอนนั้นโฮเชนเกือบจะวางมวยแล้ว แต่เจสันเองก็ห้ามไว้ด้วยอารมณ์ขัน มีแต่ชิเอลตอนนั้นที่เริ่มทำหน้าบึ้งแล้ว
“ไม่ใช่ผู้หญิงหรอกชิเอล และฉันไม่ได้ชอบผู้ชายด้วย” โฮเชนตอบไป ทำเอาชิเอลถึงกับคลายความกังวลได้บ้าง
“เอาน่า อย่าหัวร้อนไปสิ” เจสันพูดขึ้น
“แล้วนี่ ลูกพี่จะกลับมาเมื่อไหร่เนี่ย??” ไมเคิลถามไป
“นั่นสิคะ ฉันคงคิดถึงคุณโฮเชนแย่เลยค่ะ” ชิเอลพูดเสริม
“ไม่รู้สิ ลุงยังตอบไม่ได้ แต่จะรีบแล้วกัน” โฮเชนพูดต่อ ในตอนนั้นโจนาธานก็หยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วโทรหาใครบางคนไปด้วย
“อืม ลุงโฮเชนเขาจะยืมเครื่องบินหน่อย เติมน้ำมันไว้ด้วยนะ” โจนาธานพูดจบก็วางสายไป
“นี่แปลว่าลุงจะใช้คอนโดฉันที่ซานฟรานต่อสินะ??” โจนาธานถามไป
“เฮ้อ รู้ดีจริงๆเลย ไม่ต้องห่วง ลุงไม่ทำเละหรอก” โฮเชนพูดจบก็เดินออกไป
“อ้าว จะไปแล้วเหรอคะ??” ชิเอลถามไป
“อืม ฉันว่าไม่เกินพรุ่งนี้หมอนั่นก็ถึงซานฟรานแล้ว เจอกัน” โฮเชนพูดจบก็เดินออกไปในทันที ปล่อยให้โจนาธานกับคนอื่นๆได้แต่มองไล่หลังอย่างสงสัย
“หมอนั่นมันใครกันนะ??” โจนาธานถามไป
“เจ้านั่นมีเพื่อนด้วยเหรอเนี่ย เพิ่งรู้นะเนี่ย??” เจสันพูดขึ้นต่อ
“เออ หรือว่าจะเป็นเพื่อนในโปรเจ็กค์อะไรของเขาหล่ะคะ??” ชิเอลถามไป ในตอนนั้นเอง ไมเคิลเองก็ทำหน้าเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออกมาได้
“หรือว่าจะเป็นหมอนั่น แต่ว่า..”
“นายหมายถึงใครเหรอ??” โจนาธานถามไมเคิลไป
“หมอนั่นก็เคยเป็น Warden แต่จำได้ว่าหมอนั่นเฟดตัวเองออกไปเงียบๆแล้วนี่??” ไมเคิลถามต่ออย่างสงสัย
“แล้วเขาเป็นใครเหรอคะ??” ชิเอลถามต่อถามไป
“เคยได้ยินชื่อของ Little Devil มั้ยหล่ะครับ??” ไมเคิลถามไป
“เคยได้ยินนะ ได้ยินว่าหมอนี่คนดังนี่ ใช่หรือเปล่า??” โจนาธานถามไป
“จากที่เคยได้ยิน หมอนั่นเฟดตัวเองออกจากโลกของพวก Warden ด้วยนี่??” เจสันพูดต่อ
“ครับ แล้วหมอนี่แหละ เคยฝึกรุ่นเดียวกับผมครับบอส หมอนี่เคยชิงดีชิงเด่นกับลูกพี่ด้วย” ไมเคิลพูดขึ้น
“โห จริงเหรอคะเนี่ย แล้วเขามาทำอะไรที่นี่หล่ะคะ แล้วคุณโฮเชนจะเป็นยังไงบ้างคะ เป็นห่วงเขาจัง แล้วถ้าเกิดว่าเขาทำอะไร..??” ชิเอลยังพูดไม่ทันจบ
“เอาเถอะ เชื่อมือหมอนั่นเถอะ หมอนั่นไม่ทำให้โฮเชนกับพวกเราซวยไปด้วยหรอก” เจสันบอกไป
“ก็หวังไว้งั้น ถ้างั้นช่วงนี้ผมก็ต้องหานายแบบใหม่ไปพลางๆก่อนสินะ ไมเคิล ติดต่อเจสสิก้าให้ผมหน่อย” โจนาธานพูดขึ้น
“ครับบอส” ไมเคิลตอบไป
“แล้วนี่ คุณยังจะไปวอชิงตันอีกหรือเปล่าหล่ะ??” เจสันถามโจนาธานต่อ
“อืม ก็เอาเหมือนเดิมเลยครับ” โจนาธานตอบเขาไป
“ถ้าอย่างงั้นฉันจะไปเตรียมชุดนะคะ” ชิเอลพูดขึ้น
“ดี ฉันขอชุดสูทขาวแบบเดิมที่เธอออกแบบนะ” โจนาธานพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็เดินกลับเข้าไปในห้องแต่งตัวของเขาอย่างรวดเร็ว โดยที่ชิเอลเองก็เดินตามไปด้วย เธอเอาชุดสูทสีขาวนวลที่ออกมาแบบมาอย่างปรานีตสวมใส่ให้กับโจนาธาน โจนาธานเองก็มองกระจกและมองตรงนั้นทีตรงนี้ที จนไม่นานนัก โจนาธานก็เดินออกมาจากห้องแต่งตัวของเขา
“มาแล้วเหรอครับ??” เจสันถามเขาไป
“ครับ คุณเจสัน ชิเอล ผมฝากร้านด้วยนะครับ” โจนาธานบอกเขาไป
“ได้เลยค่ะ” ชิเอลตอบไป
“ตอนนี้รถพร้อมแล้วครับ” ไมเคิลบอกกับโจนาธาน
“ดี งั้นไปเลย” โจนาธานพูดขึ้น ก่อนที่ตัวของเขาจะเดินไปยังด้านหลังร้าน ซึ่งบริเวณนั้นเป็นพื้นที่ที่เชื่อมต่อกับลานจอดรถด้านหลังร้าน ไมเคิลรีบพาโจนาธานไปขึ้นรถในทันที
ณ ที่ไหนซักแห่งในโคโลราโด หุบเขาแห่งหนึ่งซึ่งมีคฤหาสน์ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางภูเขา รายล้อมไปด้วยบรรดาบอดี้การ์ดติดอาวุธมากมายรายล้อม และด้านในบ้าน ชายชราในชุดสูทกำลังนั่งจิบแชมเปญราคาแพงหูฉี่บนโต๊ะทำงานของเขา และในขณะเดียวกันนั้นเอง หญิงสาวในชุดทำงานคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องทำงานของเขา จากนั้นก็รายงานอะไรบางอย่างกับเขา
“ท่านอิไลค่ะ เราเจอตัวอัลเบิร์ตแล้วค่ะ”
“งั้นเหรอ แล้วมันว่ายังไงบ้างหล่ะ??” อิไลคนนั้นถามก่อนที่เขาจะวางแก้วแชมเปญลงบนโต๊ะ
“เขาบอกว่าให้ไว้ชีวิตเขา เขาสำนึกผิดแล้วค่ะ”
“การให้อภัยของฉัน ไม่ได้มีให้ทุกวัน ตอนทำไม่คิดก่อน มาตอนนี้จะมาขอโทษ เชือดมันทิ้งซะ ให้พวกระยำทั่วโลกเห็นเป็นตัวอย่าง” อิไลตอบไป
“ค่ะท่าน แล้วอีกเรื่องค่ะ”
“เรื่องอะไรอีกหล่ะ??” อิไลคนนั้นถามอย่างแปลกใจ
“มีข้อมูลที่เชื่อถือได้ว่า Little Devil ปรากฏตัวแล้วค่ะ” อิไลได้ยินดังนั้นก็แปลกใจ
“หือ จริงเหรอ ฉันได้ข่าวว่าเขาไปประจำอยู่ประเทศไทย และไม่มีใครเจอตัวอีกเลยนี่??” อิไลถามไป
“เจ้าหน้าที่สนามบินที่เป็นสายของเรารายงานมาว่าเขากำลังจะเดินทางมาสหรัฐค่ะ คาดว่าไม่ถึงครึ่งวัน เขาน่าจะถึงซานฟรานแน่ค่ะ”
“เขามาทำอะไรกันแน่นะ??” อิไลถามอย่างแปลกใจ
“ท่านคะ ฉันว่าถ้าเราได้เขามาร่วมมือด้วย งานของเราจะง่ายขึ้นมากนะคะ” เลขาของเขาแนะนำเขาไป
“ฉันเคยตามหาและชักชวนหมอนั่นตั้งหลายครั้ง แต่มันกลับเฉย แต่วันนี้มันกลับมาอีก อืม..” อิไลพูดขึ้นและทำท่าทางคิดนั่นนี่ไปด้วย
“ว่าไงคะท่าน??”
“ส่งข้อความถึงหมอนั่น บอกว่าฉันจะชวนมาร่วมงาน เรื่องค่าตอบแทนคุยกันได้ เออ แล้วเรื่องงานที่วอชิงตัน เรียกเสี่ยวหลานมาได้เลย” อิไลพูดขึ้น
“รับทราบค่ะ” เลขาตอบกลับไป ก่อนที่ตัวของเธอจะเดินออกจากห้อง ส่วนอิไลเองก็กลับมานั่งจิบแชมเปญต่อ
ณ ที่ไหนซักแห่งในมิชิแกน ตึกร้างแห่งหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะไม่มีใครอยากจะมาใช้งานแล้ว แต่ความจริงมันยังมีกองกำลังปริศนากลุ่มหนึ่งกำลังใช้งานมันอยู่ กองกำลังติดอาวุธกลุ่มหนึ่งกำลังฝึกฝนตัวเองเพื่ออะไรบางอย่าง พวกเขาใส่โม่งปิดหน้าเพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร ชั้นบนของตึก มีห้องๆหนึ่งซึ่งดูสมบูรณ์ที่สุด มันเป็นห้องพักของใครบางคน ซึ่งชายคนนั้นกำลังถอดเสื้อวิดพื้น รอยสักเต็มตัวบนร่างกายของเขามันทำให้เขาดูน่าเกรงขาม และในตอนนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องของเขา ซึ่งตอนนี้เขาวิดพื้นเสร็จพอดี
“ท่านมอเร็น..”
“เราต้องฝึกฝนตัวเองอยู่ตลอดเวลา ว่าแต่ มีอะไรหรือเปล่า??” มอเร็นคนนั้นถามกลับไป
“ตอนนี้เราเตรียมกำลังไว้พร้อมแล้วสำหรับงานที่มิชิแกนครับ”
“ดี อย่าให้แผนรั่วเด็ดขาดหล่ะ แล้วมีข่าวอะไรเกี่ยวกับพวก Warden หรือเปล่า??” มอเร็นถามต่อ
“มีข่าวมาว่ามี Warden คนหนึ่งที่มีฝีมือฉกาจฉกรรจ์ กำลังเดินทางมาสหรัฐครับ”
“จริงเหรอ ยังมีใครที่เก่งๆอีกนะ??” มอเร็นถามในขณะที่นึกไปด้วย
“ได้ยินว่าเขามาจากประเทศไทยครับ”
“ประเทศไทยเหรอ งั้นไปสืบมาก่อนแล้วกันว่ามันเป็นใคร” มอเร็นบอกลูกน้องของเขาไป
ณ บ้านพักของประธานาธิบดีเวเนซูเอล่า ในห้องนอนซึ่งดูเหมือนจะสงบ แต่ความจริงแล้วมีร่างของชายอ้วนคนหนึ่งกำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง โดยที่มีหญิงสาวผมทองคนหนึ่งกำลังนั่งไขว่ห้างนับเงินอยู่บนเตียงอย่างสบายใจ แต่ในระหว่างนั้น เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เธอรีบหยิบมารับสายในทันที
“ฮัลโหล??”
“ฉันเพิ่งเสร็จงานไป มีอะไรหรือเปล่า??” หญิงสาวคนนั้นถามต่อ
“คุณเบลล่าคะ ท่านอิไลฝากงานๆหนึ่งมาให้คุณค่ะ”
“หือ คุณอิไลเลยเหรอ งานใหญ่แน่นะวิ??” เบลล่าถามต่อ
“เขาอยากให้คุณตามสอดแนมคนๆหนึ่งค่ะ”
“สอดแนมคนเหรอ ใครหล่ะ ประธานาธิบดีคนไหนหล่ะ ให้ฉันทำมากกว่านี้มั้ยหล่ะ??” เบลล่าถามต่อ
“เป็นคน Warden เหมือนกับคุณ คุณรู้จัก Little Devil หรือเปล่าคะ??”
“ห่ะ นึกว่ามันไม่มีตัวตนซะอีก??” เบลล่าถามต่อ
“สายข่าวของเรายืนยันมาแล้วค่ะ ท่านอิไลสนใจในตัวเขา และต้องการดึงตัวเขามาร่วมงานหน่ะค่ะ”
“แล้วหล่อมั้ยหล่ะ??” เบลล่าถามต่อ
“ข้อมูลของหมอนี่เป็นความลับ เอาเป็นว่าฉันจะส่งข้อมูลให้ทีหลังนะคะ รู้มาว่าเขาชื่อจินค่ะ”
“อืม งั้นเหรอ ถ้าอย่างงั้นก็ว่าไงว่าตามกันเลย” เบลล่าตอบไป
“ค่ะ แต่คุณต้องไปซานฟรานซิสโกเลยนะคะ”
“อืม เอางั้นก็ได้” เบลล่าพูดจบก็วางสายในทันที ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นจากเตียง
“เงินพวกนี้ฉันขอนะไอ้แก่” เบลล่าพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็รีบใส่เสื้ออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รีบโกยเงินใส่กระเป๋าของเธออย่างรวดเร็ว
“ปังๆๆๆๆๆ!!”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เบลล่าหันไปมองแวบเดียวหลังจากนั้นก็รีบหยิบกระเป๋ามาในทันที และรีบกระโดดออกทางหน้าต่างไป
ณ สนามบินแห่งหนึ่ง ซานฟรานซิสโก ทางออกสำหรับเที่ยวบินที่เดินทางมาจากฝรั่งเศส ตอนนี้ผู้คนมากมายเดินลงมาจากเครื่อง เช่นเดียวกับสาวแซ่บคนหนึ่ง ซี่งทรวดทรงองค์เอวราวกับนางแบบ ผมสีดำดูดน่าดึงดูดใจ เธอเดินไปที่เคาน์เตอร์ตรวจคนเข้าเมือง พร้อมกันนั้นก็ยื่นพาสปอร์ตของเธอให้เจ้าหน้าที่ดู
“The warden!!”
“อืม อะไรคือสาเหตุที่ทำให้คุณเดินทางมาสหรัฐครับ คุณเวโรนิก??”
“ทำงาน” เธอตอบห้วนๆไม่มีหางเสียง แต่พนักงานไม่ถามอะไรมาก ได้แต่ปั๊มตราผ่านให้กับเธอ จากนั้นก็คืนพาสปอร์ตให้เธอ จากนั้นเธอก็เดินออกมาจากเคาน์เตอร์ และรีบเดินออกจากสนามบินในทันทีด้วยท่าทางหงุดหงิด
“อยู่ไหนนะ??” ตัวของเธอนึกอะไรอยู่ในใจ และในตอนนั้น เธอก็เจอกับห้องๆหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องสำหรับสูบบุหรี่โดยเฉพาะ เธอไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปในทันที ก่อนที่เธอจะรีบไปจุดบุหรี่สูบ ท่ามกลางเหล่าหนุ่มๆ ที่มานั่งสูบบุหรี่เหมือนกัน
“แชะ!!”
“ฟู่!!” เธอรีบพ่นควันออกมาโดยไม่อายสายตาใคร แต่บรรดาชายพวกนั้นมองเธอเป็นตาเดียวเลย
“มองอะไร??” เธอคนนั้นถามไปด้วยอารมณ์เอาเรื่อง ก่อที่จะอัดบุหรี่ต่อจนหมดมวน ก่อนที่เธอจะรีบดับบุหรี่และเดินออกไปในทันที
“ถ้าไม่ติดว่าต้องสูบนะ ต่อยหน้าพวกมันไปแล้ว” เธอสบถออกมา ก่อนที่เธอจะเดินไปยังจุดเรียกแท็กซี่หน้าสนามบินอย่างรวดเร็ว เพื่อเรียกแท็กซี่ออกจากสนามบิน
ณ บ้านพักหลังหนึ่งในรัฐเทกซัส ท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ ซึ่งดูเหมือนจะไร้สิ่งมีชีวิตใดๆอยู่ที่นั่น
“ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ!!”
เสียงปืนของหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังยืนยิงปืน G36 ในมือใส่เป้าเล็งที่เธอทำขึ้นมาเอง โดยที่กระสุนทุกนัดแทบไม่พลาดเป้าเลย แต่ในระหว่างที่เธอกำลังยิงปืน โทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความเด้งขึ้นมา
“Leviathan รายงานตัว!!”
เธอหยุดยิงปืนก่อน จากนั้นก็ดูข้อความไปซักพัก ไม่นานนัก เธอก็โทรกลับไปหาเบอร์โทรศัพท์ที่ส่งข้อความไปหาเธออย่างรวดเร็ว
“ฮัลโหล??”
“ฮัลโหล เอเวอลีน มีงานใหม่หน่ะ”
“งานใหม่ อะไรหล่ะคะ??” เอเวอลีนถามกลับไป
“เราได้รับข้อมูลที่น่าเชื่อถือว่า Warden โค้ดเนม Little Devil ปรากฏตัวแล้ว” ตัวของเอเวอลีนในตอนนั้นก็ถึงกับแปลกใจเมื่อได้ยินชื่อนี้
“จะให้ฉันไปไปฆ่าเขาเหรอ??” เอเวอลีนถามไป
“เปล่า แค่ให้เธอไปจับตาดูหมอนั่นไว้ก่อน ว่าหมอนั่นกำลังจะทำอะไร เธอต้องรีบไปเวกัส ตอนนี้เลย” เอเวอลีนได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจออกมา
ณ ห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ห้องหนึ่ง ชายหนุ่มในชุดกาวน์คนหนึ่งกำลังทำการกรีดมีดไปบนร่างของชายคนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ ชายบนเตียงตอนนั้นร้องอย่างกับความถูกเชือด แต่ยังไม่ทันที่ชายคนนั้นจะได้ทำอะไรต่อ หญิงสาวผมบลอนด์คนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้อง และเมื่อเธอเข้ามาเจอกับภาพตรงหน้า เธอถึงกับต้องหันหน้าไปทางอื่น
“หืม ผ่ากันสดๆเลยเหรอ คริสเตียน??”
“ใช่ นี่น่าจะเป็นวิธีเดียวที่ทำให้มันพูด ว่าแต่ มีอะไรหรือเปล่านิโคล??” คริสเตียนคนนั้นถามไป
“มีข่าวมาว่า Little Devil ปรากฏตัวแล้วหน่ะ” นิโคลตอบไป นั่นทำเอาคริสเตียนถึงกับหยุดผ่าตัด และหันมาทางนิโคล
“นี่เธอแน่ใจนะ??” คริสเตียนหันมาถามเธอ ทั้งๆที่มีดผ่าตัดยังอยู่ในมือ แล้วดันเล็งมาที่นิโคล
“นี่ หันมีดไปทางอื่นด้วย แต่เอ๊ะ ไม่ต้องก็ได้มั้ง ยังไงนายก็ตามฉันไม่ทันหรอก เลขาของท่านอิไลบอกฉันมาเอง ไปคุยกับเธอมั้ยหล่ะ??” นิโคลถามไป ในตอนนั้นเองคริสเตียนก็ถึงกับโมโหจัด ไม่นานนัก จู่ๆเขาก็เอามีดปักเข้าไปที่คอหอยของชายผู้โชคร้ายคนนั้นจนแน่นิ่งคาที่
“เฮ้ย ไหนบอกจะรีดข้อมูลไง??” นิโคลถามอย่างตกใจ
“ช่างเหอะ ฉันมาคิดอีกที ยังไงก็ไม่ได้อะไรจากมันหรอก” คริสเตียนตอบไป
“แสดงว่าไอ้หมอนั่นคงต้องมีประเด็นกับนายแน่ๆ” นิโคลพูดกับคริสเตียน
“ใช่ แล้วก็ไอ้มัจจุราชนั่น เสียดายที่ฉันไม่ได้เจอมันอีก” คริสเตียนพูดอย่างโกรธแค้น
“โห ท่าทางนายจะแค้นจริงๆนะเนี่ย” นิโคลตอบไป
“แล้วนี่ ทางนั้นให้เธอทำอะไรหรือเปล่า??” คริสเตียนถามไป
“ทางนั้นบอกให้ฉันตามสอดแนมเขา ดูว่าเขาทำจะทำอะไร” นิโคลพูดขึ้น
“ฉันว่าฆ่ามันเลยดีกว่า ถ้ามันยังอยู่ มันอาจจะทำให้งานของคุณอิไลมีปัญหาก็ได้” คริสเตียนพูดขึ้น
“เฮ้ย เดี๋ยว แบบนี้มันขัดคำสั่งคุณอิไลเลยนะ??” นิโคลถามไป
“ก็ทำแบบเงียบๆสิ ครั้งนี้ถือว่าฉันขอเธอแล้วกัน” คริสเตียนบอกกับนิโคลไป เธอเองไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดอะไรเลยตอบไป
“เออๆ เดี๋ยวฉันจัดการให้ กลับจากเม็กซิโกไม่ทันไรก็เจองานใหม่ซะหล่ะ” นิโคลตอบไป
ณ ห้องแชทห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นระบบปิด การจะเข้าถึงได้ต้องเข้ารหัสมากมาย และไม่นานนัก
“Little Bird LOGIN”
“SoL LOGIN” เมื่อทั้งสองฝ่ายล็อคอินเข้ามา มันก็ปรากฏภาพของพวกเขาทั้งคู่ขึ้น และไม่นานนัก ทั้งสองฝ่ายก็คุยกันในทันที
Little Bird : “ท่านคิวชูคะ”
SoL : “อืม ว่ามาเลยไอบีเรีย??”
“ในองค์กร Warden ตอนนี้พูดกันไปทั่ว ว่า Little Devil ปรากฏตัวแล้วค่ะ”
“Little Devil เหรอ?? ใครกันหล่ะ??”
“เท่าที่มีข้อมูล เขาเคยเป็น Warden มือดี หนึ่งใน 20 Warden ที่ฝีมือฉกาจฉกรรจ์ที่สุดค่ะ แต่เขาเคยหายตัวออกจากองค์กรไปเงียบๆ แต่เรายังไม่ทราบค่ะ ว่าเขามาที่อเมริกาเพื่ออะไร” ไอบีเรียตอบร่ายยาวไป ก่อนที่ไม่นานนัก จะมี ID หนึ่งล็อคอินแทรกเข้ามา
“White Eagle LOGIN”
“ท่านประธานาธิบดี!!” คิวชูพูดขึ้นทักทายผู้ล็อคอินเข้ามาใหม่ เธอคือเดนิส ประธานาธิบดีคนใหม่ที่เพิ่งจะขึ้นมาแทนคนเก่าที่เพิ่งจะเสียชีวิตไป
“สวัสดีค่ะ รบกวนหรือเปล่าคะ??”
“ไม่ค่ะท่าน ความจริงแล้ว เราอยากจะแจ้งให้ท่านทราบพอดี” ไอบีเรียตอบไป
“ท่านคะ เราเชื่อว่า Warden คนหนึ่งปรากฏตัวแล้วค่ะ” คิวชูพูดขึ้น
“งั้นเหรอ แล้วเขาเป็นยังไงหล่ะ??” เดนิสถามไป
“มีข่าวมาว่าเขาเป็นหนึ่งใน 20 Warden ที่ฝีมือดีที่สุดค่ะ แต่เขาเฟดตัวเองออกจากองค์กรไปเงียบๆ แต่จู่ๆ เขาก็เดินทางมาสหรัฐค่ะ” ไอบีเรียตอบไป
“อืม อย่างงั้นเหรอ ดูท่าจะเป็นตัวอันตรายนะ หรือว่า หมอนั่นจะมาร่วมมือกับพวก Warden ในพื้นที่หล่ะ??” เดนิสถามไป
“อืม ตรงนี้ทางเราก็ไม่ทราบสาเหตุได้ค่ะ” คิวชูตอบไป
“แล้วท่านจะเอายังไงต่อคะ จะให้อายัดพาสปอร์ตเขาหรือเปล่าคะ??” ไอบีเรียถามไป
“ยังก่อน อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น ให้เขาเข้ามาก่อน ฉันจะให้เจ้าหน้าที่ของฉันตามดูเขาแล้วกัน แล้วมีข่าวอื่นหรือเปล่า??” เดนิสถามต่อ
“มีข่าวมาว่าอัลเบิร์ต เบอร์ตัน โดนเก็บแล้วค่ะ” ไอบีเรียตอบไป
“อัลเบิร์ต คนที่อ้างตัวเองว่ารับผิดชอบ Warden ในเขตแคลิฟอร์เนียงั้นเหรอ??” คิวชูถามไป
“ดูเหมือนว่าศัตรูในเงามืดของเราจะเริ่มเดินเกมแล้วหล่ะ” เดนิสพูดขึ้น
“ใช่ค่ะ ถ้าอัลเบิร์ตตาย ฉันคิดว่าตะวันตกของสหรัฐ น่าจะไม่เหลือใครที่มีอิทธิพลควบคุมแล้วค่ะ” ไอบีเรียตอบไป
“แล้วนี่ เธอเจอตำแหน่งของอิไลบ้างหรือยัง??” คิวชูถามไอบีเรียไป
“ยังเลยค่ะ ตอนนี้เขาเหมือนผี เราหาตัวเขาไม่เจอเลย” ไอบีเรียตอบไป
“อิไล ไอ้ตัวแสบนั่นหน่ะเหรอ จำได้ว่าตั้งแต่เซบาสเตียนมันตาย มันเองก็อยากจะขึ้นมาควบคุม Warden ทั้งโลก แต่สุดท้ายก็เกิดศึกภายในซะก่อน ฉันควรจะจับมันตั้งนานแล้ว” เดนิสพูดต่อ
“ฉันว่าเขามันนกรู้ น่าจะหาตัวยากค่ะ” คิวชูตอบไป
“ดิฉันว่า เอาอย่างง่ายๆดีกว่าค่ะ เราก็แค่ตัดแขนตัดขามันไปทีละส่วน ค่อยๆทำให้พวกมันหมดตัวช่วยค่ะ” ไอบีเรียพูดต่อ
“อืม ฉันเห็นด้วย ถ้าอย่างงั้นพวกคุณไปจัดการแล้วกัน แล้วก็ตามประกบเจ้า Little Devil นั่นด้วย ถ้าหมอนั่นจะร่วมมือกับพวก Warden ก็เก็บเขาได้เลย” เดนิสพูดขึ้น
“รับทราบค่ะ” คิวชูตอบไป
ณ โรงแรมหรูแห่งหนึ่งในวอชิงตันดีซี ตั้งอยู่ในย่านที่ผู้คน รวมถึงนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นพลุกพล่าน และชั้นบนสุดของโรงแรมซึ่งเป็นห้องเพนเฮ้าส์สุดหรู หญิงสาววัยใกล้ 30 ในชุดสุดหรูคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานของเธอ ในขณะเดียวกันนั้นเอง เลขาของเธอคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว
“ขออนุญาตค่ะ” เลขาของเธอพูดขึ้น ก่อนที่เลขาของเธอจะยื่นเอกสารอะไรบางอย่างให้กับผู้หญิงคนนั้น
“อืม..” ผู้หญิงคนนั้นหยิบมันขึ้นมาดู พบว่ามันเป็นเอกสารจากสนามบิน ตัวของเธอแปลกใจมาก
“ข่าวนี้ยืนยันแน่นอนนะ??”
“แน่นอนค่ะคุณลูซินดา เขาปรากฏตัวแล้วค่ะ” เลขาของเธอตอบไป
“แหม่ ไม่เจอกันนานเลยนะ จินที่รัก..” ลูซินดาพูดขึ้น
“เออ เขาเป็นใครเหรอคะ??”
“เขาเป็นหนึ่งใน 20 Warden มือฉกาจที่สุดในยุค ฉันนี่หล่ะที่สนับสนุนเขามากับมือ” ลูซินดาตอบไป
“แล้วเขามาทำอะไรที่นี่คะ??”
“ไม่รู้สิ แต่ถ้าฉันได้เขามาร่วมมือ งานนี้เราจะกลับมาเป็นต่อแน่ๆ” ลูซินดาตอบไป
“มีข่าวมาว่าเขาจะมาถึงซานฟรานซิสโกเร็วๆนี้ค่ะ”
“อ้อ ดี เอาโทรศัพท์มาให้ฉันที” ลูซินดาบอกกับเลขาของเธอไป
ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน สนามบินนานาชาติ พื้นที่ที่ผู้คนมากมายทั้งต่างชาติและในชาติเดินทางมาขึ้นเครื่องเพื่อเดินทางออกนอกประเทศ แถวซึ่งยาวเหยียดมากมายอาจจะทำให้ผู้คนหงุดหงิด แต่ไม่ใช่กับหญิงสาวชุดแดงคนหนึ่ง ซึ่งตัวของเธอเดินมาถึงกลางแถวแล้ว ระหว่างนั้นเธอก็เปิดโทรศัพท์ของเธอดูไปด้วย
“Warden เชื่อมต่อ..”
“การเชื่อมต่อเสร็จสมบูรณ์...”
และเมื่อเธอเชื่อมต่อข้อมูลแล้ว ตัวของเธอก็ล็อคอินเข้าสู่ระบบในทันที
“Red Lotus LOGIN..”
“ข้อความใหม่ 1 ข้อความ!!”
หญิงสาวคนนั้นรีบกดดูข้อความในทันที
“คุณเสี่ยวหลาน คำสั่งตรงจากท่านอิไล คุณต้องเดินทางไปวอชิงตันดีซี เป้าหมายของคุณคือกำจัดลูซินดา ฮาร์ลอร์ ผู้อำนวยการ Warden เขตตะวันออก..”
ตัวของเสี่ยวหลานคนนั้นอ่านข้อความแล้ว ไม่นานนัก ข้อมูลอื่นๆก็ถูกส่งตามมาอีกมาก
“จะให้ฉันฆ่าคุณลูซินดางั้นเหรอ??” เสี่ยวหลานนึกในใจไป และในตอนนั้นเอง
“ตุ๊บ!!”
“โอ้ย!!”
ในตอนนั้นมีเด็กคนหนึ่งวิ่งมาชนกระเป๋าของเธอ เด็กคนนั้นร้องไห้ออกมา ตัวของเธอในตอนนั้นควักเอาอะไรบางอย่างออกมา มันคือลูกอมหลากสีนั่นเอง เธอยื่นให้เด็กคนนั้นไป
“เอานี่ไปนะ”
เด็กคนนั้นเลิกร้องไห้แล้วรีบหยิบเอาลูกอมจากเธอไปด้วยความดีใจ ก่อนที่เธอจะกลับมาดูโทรศัพท์ของเธอต่อเพื่ออัพเดทภารกิจของเธอ ไม่นานนัก เธอก็สะดุดใจกับข้อความตัวหนึ่ง
“ตอนนี้ Little Devil กำลังเดินทางไปยังอเมริกา...”
“Little Devil คุณมาอเมริกางั้นเหรอ คุณมาทำอะไรกันนะ??” เสี่ยวหลานนึกในใจ ก่อนที่แถวจะค่อยๆเคลื่อนมาเรื่อยๆ จนเธอเดินมาถึงหน้าเตาน์เตอร์ตรวจพาสปอร์ต
ณ สนามบินนานาชาติ ฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา เครื่องบินพาณิชย์สัญชาติรัสเซียได้ลงจอดบนรันเวย์ ก่อนที่จะปล่อยผู้โดยสารลงมาจากเครื่อง เช่นเดียวกับหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งตัวของเธอดูจะร้อนรนเล็กน้อย แต่เธอก็เดินมาจนถึงเคาน์เตอร์จนได้ ก่อนที่เธอจะยื่นพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่
“อืม”
เจ้าหน้าที่ ตม. มองหน้าเธออยู่ซักพัก ตัวของเธอเองก็ยิ้มตอบไป เพราะพาสปอร์ตของเธอมันปรากฏสัญลักษณ์ Warden ด้วย เจ้าหน้าที่คนนั้นมองพาสปอร์ตซักพักก็ถามเธอ
“อะไรคือสาเหตุที่คุณเข้ามาสหรัฐอเมริกาครับ คุณยูเรีย??”
“มาเที่ยวค่ะ” ยูเรียคนนั้นตอบกลับไป ก่อนที่ไม่นานนัก เจ้าหน้าที่ ตม. จะปั๊มตราลงไปและคืนพาสปอร์ตให้เธอ เธอรีบหยิบพาสปอร์ตขึ้นมา จากนั้นก็รีบเดินออกไปจากพื้นที่ตรงนั้น ก่อนที่เธอจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“เฮ้อ ดีนะพาสปอร์ตปลอมนี่ได้ผล” ยูเรียคนนั้นคิดในใจ ก่อนที่เธอจะนึกย้อนกลับไปก่อนที่เธอจะมาที่นี่ ณ ประเทศรัสเซีย
“เอ้านี่ ฉันปลอมพาสปอร์ตให้แล้ว แต่ไม่รู้จะตบตาเจ้าหน้าที่ได้หรือเปล่า เธอคงต้องเสี่ยงดู” ชายคนหนึ่งพูดขึ้นพลางยื่นพาสปอร์ตให้เธอ
“ฉันรู้” ยูเรียตอบกลับไป
“ยูเรีย เธอแน่ใจนะ??” ชายคนนั้นถามยูเรียไป ยูเรียได้แต่ยิ้มตอบกลับ ก่อนที่ภาพจะตัดจะกลับมาที่ช่วงปัจจุบัน เธอดึงสติตัวเองและเดินออกจากสนามบินในทันที
ณ ที่ไหนซักแห่งในทะเลแอตแลนติก เรือเดินสมุทรขนสินค้าสัญชาติเยอรมันลำหนึ่งกำลังเดินทางข้ามทะเลเพื่อไปยังที่ไหนซักแห่ง ที่ชายฝั่งสหรัฐอเมริกา และในห้องโดยสารของเรือห้องหนึ่ง ชายผมดำคนหนึ่งกำลังนั่งเอาเท้าพาดบนเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์ ในขณะเดียวกันนั้นเอง หญิงสาวคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องของเขา
“คุณเรโนวอสคะ เรากำลังจะถึงชายฝั่งบอสตันค่ะ”
ชายคนนั้นพยักหน้าเล็กน้อยด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนที่ตัวของเขาจะลุกขึ้นมา และเดินไปหาเธอคนนั้น
“ทุกคนมาพร้อมแล้วนะ อลิเซีย??”
“ค่ะ” อลิเซียคนนั้นตอบไป ก่อนที่ไม่นานนัก เขาก็เดินไปตามทางเดินของเรือ โดยที่อลิเซียก็เดินตามเข้าไปด้วย และไม่นานนัก พวกเขาก็เดินเข้ามาในห้องโถงตรงกลางของเรือ ซึ่งห้องนั้นมีกลุ่มชายหญิงมากมายกำลังตั้งแถวรออยู่ และที่หน้าห้อง มีชายกลุ่มหนึ่งกำลังยืนรอเรโนวอสอยู่
“โครว์ ลูซ ฟอนเบิร์ก ซิลเวอร์” เรโนวอสเรียกพวกเขาทั้งสี่คน
“คุณเรโนวอส ตอนนี้เราใกล้จะเหยียบแผ่นดินสหรัฐแล้วครับ” ฟอนเบิร์กพูดขึ้น
“ใช่ครับ ดูท่านเราอาจจะเจอการต่อต้านแน่นอนครับ” โครว์พูดเสริม
“อืม แล้วนี่เคลียร์พื้นที่หรือยัง??” เรโนวอสถามไป
“ผมจัดการแล้ว ตอนนี้รอแค่พวกไปถึงครับ” ซิลเวอร์ตอบไป
“ตอนนี้พวกเราพร้อมกันหมดแล้วครับ” ฟอนเบิร์กพูดต่อ และไม่นานนัก เรโนวอสเองก็เดินไปเผชิญหน้ากับสมาชิกกองกำลังของเขา ที่กำลังยืนตั้งแถวรอรับคำสั่ง
“AoL จงเจริญ!!”
“พี่น้องของผมทั้งชายหญิง เป็นเวลาหลายปี ที่เราต้องอดทนเป็นฝ่ายตั้งรับพวกมันมาตลอด แต่วันนี้ เราจะแสดงให้พวก Warden เห็นว่า พวกเราได้ตื่นขึ้นแล้ว และพวกเรา จะไม่ยอมให้พวกแกเหยียบย่ำอีกต่อไป พวกเรา จะต้องมีสิทธิ์กำหนดชีวิตของพวกเรา ไม่ใช่ให้ไอ้ระยำพวกนั้น มาบงการว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้!!” เรโนวอสพูดขึ้น ทำเอาเรียกเสียงเฮให้กับลูกน้องของเขาที่อยู่ด้านล่างได้
“สงครามของพวกเรา เริ่มต้นขึ้นแล้ว ขอให้ทุกคนเตรียมแรงกายแรงใจให้พร้อม เราจะปลดแอกโลกนี้จากพวกมัน!!” เรโนวอสตะโกนต่อ
“AoL!!” พวกเขาตะโกนออกมา ซึ่งคำว่า AoL ย่อมาจากคำว่า Army Of Liberation หลังจากนั้นไม่นาน ตัวของเรโนวอสเองก็หันกลับไปคุยกับคนอื่นต่อ
“ตอนนี้มีข่าวอะไรคืบหน้าหรือเปล่า??” เรโนวอสถามไป
“ค่ะ ตอนนี้มีข่าวมาว่า ไอ้อิไล ตัวใหญ่ของพวก warden ยึดอำนาจ Warden ทางตะวันตกของสหรัฐได้เบ็ดเสร็จแล้วค่ะ ได้ยินว่ากำลังเล็งเป้ามาที่ฝั่งตะวันออกค่ะ” อลิเซียตอบไป
“ฝั่งตะวันออก ได้ข่าวว่าเจ๊ที่ชื่อลูซินดากำลังคุมอยู่นี่??” ฟอนเบิร์กถามไป
“จะว่าไป เท่าที่ฉันเคยได้ยิน แม่นั่นก็ไม่มีพิษมีภัยอะไรนะ” โครว์พูดขึ้น
“ศัตรูของศัตรู คือมิตร” ซิลเวอร์พูดพลางดีดนิ้วขึ้นมา
“อืม ถ้างั้นก็ดูท่าทีของเธอไปก่อนแล้วกัน ถ้าเธอไม่ขัดขวางเรา เราก็ไม่ต้องไปยุ่งกับเธอ” เรโนวอสตอบไป
“เออ คุณเรโนวอสคะ ยังมีอีกเรื่องค่ะ มีข่าวลือกันว่า Warden มือดีที่เป็น 1 ใน 20 ปรากฏตัวในสหรัฐแล้วค่ะ ตอนนี้เรากำลังตามสืบเรื่องของมันค่ะ” อลิเซียบอกไป
“โห ท่าทางจะเก่งจริงๆนะเนี่ย ข่าวถึงได้กระฉ่อนขนาดนี้” เรโนวอสพูดขึ้น
“ให้ผมตามไปสืบดีมั้ยครับ??” ลูซถามไป
“ไม่ต้องหรอก ตอนนี้โฟกัสงานของเราก่อนดีกว่า บอกมาเรียน่ากับยูกิรินะให้เคลียร์พื้นที่ให้ดีหล่ะ” เรโนวอสตอบไป
ณ ตึกสำนักงานแห่งหนึ่ง ในแคลิฟอร์เนีย ตึกสำนักงานหรู ป้ายชื่อบริษัทนามว่า Merc’s ดูภายนอกเป็นบริษัททำประกันภัยธรรมดา มีพนักงานเดินเข้าออกกันขวักไขว่ และบนชั้นพิเศษ เป็นชั้นที่มีห้อง Operator สำหรับรับโทรศัพท์ด้วย ดูเหมือนว่าจะเป็นที่สำหรับให้ความช่วยเหลือของผู้ทำประกัน
“กริ๊งๆๆๆๆ”
โทรศัพท์เครื่องหนึ่งดังขึ้นมา ในตอนนั้นหญิงสาวผมยาวสีขาวใส่แว่นคนหนึ่งที่นั่งอยู่หน้าคอมก็รับโทรศัพท์ขึ้นมา
“สวัสดีค่ะ ดิฉัน Waitress บริษัทประกันภัย Merc’s มีอะไรให้รับใช้คะ??”
“X550X” เสียงปลายสายเป็นเสียงของชายวัยกลางคนคนหนึ่ง หญิงสาวคนนั้นรีบปิดไมค์โทรศัพท์ จากนั้นก็ตะโกนออกมา
“ทุกคน ประชุมสาย X550X!!”
หลังจากที่ได้ยินเสียงนั้น หน้าจอ LED ที่ตั้งอยู่บริเวณกลางห้องก็เริ่มปรากฏภาพของคนขึ้นมา โดยที่มุมขวาด้านล่างหน้าจอก็มีชื่อคนขึ้นมาด้วย
“เรียวเฮ อุซุกิ ฝ่ายบัญชี”
“คิริว สุสาคุ ฝ่ายบัญชี”
“เคียย่า ดุลน่า ฝ่ายธุรการ”
“เกคิ โรกุโด้ ฝ่ายบัญชี”
“โอตีโน้ กิลเม่ ฝ่ายการเงิน”
“เฟรด คลอเตอร์ ฝ่ายเก็บกวาด”
“ลีตานอร์ เบลเซ่ หัวหน้าแผนก..”
“ส่งสายมาเลย โซเฟีย” ลีตานอร์พูดขึ้น จากนั้นโซเฟียก็โอนสายเข้ามาในทันที
“ว่ามาเลยค่ะ” ลีตานอร์พูดขึ้น
“มีเป้าหมายใหม่ เป้าหมายกำลังเดินทางมาแคลิฟอร์เนียแล้ว มันเป็น Warden ฉายา Little devil ฉันกำลังส่งข้อมูลไป...” เสียงของชายคนนั้นเมื่อจบลง เจ้าหน้าที่ฝ่ายข้อมูลก็ส่งข้อมูลมา ในตอนนั้นทุกคนในห้องก็ถึงกับอึ้ง มีแต่เรียวเฮกับคิริวเท่านั้นที่ดูไม่ตื่นเต้น
“โห คุณจะให้เราฆ่าเขาหรือเปล่าคะ??” เคียย่าที่ทำหน้าที่ธุรการถามไป
“ผมอยากจะให้ส่งคนของคุณที่พร้อมตายลองไปทดสอบมันหน่อย งานนี้ถึงไม่สำเร็จ ผมก็จะจ่ายค่าแรงตามปกติ ผมจะโอนมัดจำไปให้” ชายคนนั้นพูดจบก็วางสายไป ในตอนนั้นแม้แต่ลีตานอร์เองก็ยังงงเล็กน้อย
“โห นี่แปลว่า เขาจะส่งคนของเราไปตายเหรอ??” เกคิถามไป และไม่นานนัก เรียวเฮที่ตรวจสอบบัญชีเงินของบริษัทก็พูดขึ้นมา
“เงินมัดจำโอนเข้ามาแล้ว!!”
“อืม ถ้างั้น จัดการเรื่องฟอกด้วยหล่ะ” ลีตานอร์พูดขึ้น
“รับทราบครับ” คิริวพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อๆ
“ดูเหมือนว่าเป้าหมายของเราคนนี้ไม่ธรรมดาเลย มีข้อมูลมาว่ามันเป็นหนึ่งใน 20 Warden ที่ฝีมือฉกาจมากด้วย” เฟรดพูดขึ้น
“เฮ้อ เก่งสมคำร่ำลือจริงๆ” โอตีโน้พูดขึ้น
“ส่งเรื่องให้หน่วยสังหารไปแล้วกัน ส่วนทีมเก็บกวาดก็เตรียมพร้อมแล้วกัน” ลีตานอร์พูดขึ้น ก่อนที่เคียย่าที่เป็นธุรการก็จะส่งเรื่องขึ้นไปยังหน่วยสังหารกับหน่วยเก็บกวาดในทันที
“ตึ้ง!!”
ไม่นานนัก ข้อมูลก็ถูกส่งกลับมาที่ฝ่ายธุรการ ลีตานอร์เองลองเปิดข้อมูลดูในทันที
“โห จะส่งหน่วย A ไปเลยเหรอเนี่ย??” ลีตานอร์พูดขึ้น
ณ คอนโดแห่งหนึ่งในย่านนิวยอร์ก ทำเลทองราคาแพง คอนโดห้องหนึ่งที่ชายปริศนาสวมฮู้ดสีดำแดงคนหนึ่งอาศัยอยู่ โดยที่ในห้องของเขาก็มีคอมพิวเตอร์มากมาย มีหน้าจอมอนิเตอร์หลายหน้าจอด้วย ตัวของเขากำลังนั่งพิมพ์อะไรบางอย่างบนคอมอย่างดุเดือด แต่ในตอนนั้น
“กริ๊งๆๆๆๆ”
โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขารีบหยิบมันขึ้นมาในทันที
“ฮัลโหล??”
“เฮ้ย เซระ นี่ฉันเอง โฮเชน”
“เออ จะเอาอะไรอีกหล่ะ??” เซระถามไป
“ไอ้ Warden คนที่นายไปเจอว่าจะเข้าสหรัฐหน่ะ ฉันอยากให้นายลบข้อมูลการเข้าเมืองหน่อย”
“เออ ตอนนี้ไฟล์ทบินของหมอนั่นยังมาไม่ถึง” เซระตอบไป
“อืม ฉันกำลังไปหาหมอนั่นที่นั่น”
“เฮ้ย โฮเชน ถามหน่อย ไอ้หมอนี่ นายรู้จักมันงั้นเหรอ??” เซระถามตรงๆกับโฮเชนไป
“เออ และฉันว่า เผลอๆไอ้หมอนี่อาจจะช่วยงานของนายได้ เพราะฉันว่าฉันกับหมอนั่น น่าจะมีเป้าหมายตรงกัน” โฮเชนตอบเขาไป
“อ้อเหรอ อยากเห็นหน้ามันจริงๆ” เซระบอกไป
“เออ ยังไงก็ฝากด้วยแล้วกัน” โฮเชนพูดจบก็วางสายไป ส่วนตัวของเซระเองก็วางโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะคอม ก่อนที่ตัวของเขาจะกลับมานั่งทำงานของเขาต่อ
“ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว ไหนหล่ะค่าตอบแทน??” เซระพิมพ์ข้อความลงในช่องแชทปริศนา
“ข่าวยืนยันมาว่า หัวหน้าใหญ่ของพวก Warden สนใจในตัวไอ้ Warden ที่กำลังจะมาถึงซานฟราน ได้ยินว่าเขาเสนอเงินให้ถึงพันล้านดอลเลย”
“โห อย่างงั้นเลยเหรอ??” เซระถามกลับไป
“แกจะมาเป็นมิตรหรือศัตรูกันแน่วะ??” เซระนึกในใจไป
ณ ที่ไหนซักแห่ง ตอนกลางของสหรัฐอเมริกา ย่านโรงงานซึ่งกำลังเดินเครื่องผลิตสินค้ามากมาย เช่นเดียวกับโรงงานแห่งหนึ่ง ซึ่งภายนอกมีป้ายเขียนว่า “โรงงานของเล่นโบลตัน..” ด้านในโรงงาน เครื่องจักรยังคงเดินตามปกติ โดยที่ด้านในห้องทำงานห้องหนึ่ง เด็กสาวคนหนึ่งกำลังนั่งบนรถเข็นและนั่งอ่านเอกสารอะไรบางอย่างอยู่บนโต๊ะ และในตอนนั้นเอง ชายใส่สูทคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเธอในห้อง เพื่อคุยอะไรบางอย่าง
“คุณหนูอลิซานครับ”
“ดูเหมือนว่าผลประกอบการจะตกลงมาหน่อยนะคะ” เด็กสาวนามอลิซานถามชายคนนั้นไป
“ครับ ช่วงนี้เศรษฐกิจทรุดนิดหน่อย แต่เรายังพอหาตลาดได้ครับ แต่คุณหนูครับ ผมมีเรื่องสำคัญมาแจ้งครับ”
“เรื่องอะไรคะ??” อลิซานถามไป
“ตอนนี้พวก Warden เองกำลังเคลื่อนไหวอะไรบางอย่าง พวกมันกำลังขยายอิทธิพลเพิ่มไปฝั่งตะวันออกครับ” คนของอลิซานพูดขึ้น
“ฝั่งตะวันออกนี่ คุณลูซินดากำลังคุมอยู่นี่คะ??” อลิซานถามไป
“ดูเหมือนว่าอิไล หัวหน้าใหญ่ Warden กำลังจะเริ่มการรวบอำนาจในสหรัฐครับ”
“แปลว่าตอนนี้กำลังจะเกิดศึกภายในขนาดใหญ่สินะคะ หนูหวังว่าพวกนั้นจะเละเทะให้หมด หนูจะได้เป็นไทซะที” อลิซานพูดขึ้นมา
ณ ที่ไหนซักในแคนซัส
“ปังๆๆๆๆๆๆๆ!!”
พื้นที่ไร่ข้าวสาลีซึ่งดูเหมือนจะรกร้างมานานแรมปี แต่ตอนนี้มีการปะทะกันระหว่างกองกำลังทั้งสองฝ่าย แต่ดูจะเป็นฝ่ายกองกำลังปริศนาที่มีผ้าสีดำแดงผูกติดที่แขนขวาของพวกเขา และไม่นานนัก ชายร่างกำยำสวมหมวกเบเร่ต์สีแดงถือปืนกลมือ MP5 ก็เดินเข้ามาในพื้นที่ และไล่ยิงพวกที่อยู่ในพื้นที่อย่างดุเดือด
“ปังๆๆๆๆๆๆๆ!!”
“เอาเลย ฆ่าพวก Bull ให้หมด!!” ชายคนนั้นตะโกนออกมา ป้ายชื่อของเขาใหญ่มาก ซึ่งทุกคนน่าจะเห็นได้ชัด
“เอแจ็กซ์!!”
พวกเขาบุกเข้าไปเรื่อยๆ เป้าหมายของพวกเขาคือโรงนาที่กองกำลังกลุ่มหนึ่งตั้งรับอยู่
“เอาแก๊สน้ำตามา!!” เอแจ๊กซ์คนนั้นพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก ลูกน้องของเขาจะหยิบเอาระเบิดแก๊สน้ำตาออกมา จากนั้นก็ขว้างเข้าไปในโรงนา
“พึ่บ!!”
ควันฟุ้งกระจายไปทั่วโรงนา ส่วนกองกำลังของเอแจ๊กซ์เองก็รีบหยิบเอาหน้ากากกันแก๊สออกมา จากนั้นก็รีบใส่มันอย่างรวดเร็ว ในขณะที่พวกมันก็รีบหนีออกมาเพราะทนกับแก๊สน้ำตาไม่ไหว และพวกมันก็โดนยิงซ้ำต่อ
“ปังๆๆๆๆๆๆๆ”
“บุกเข้าไป”
เอแจ๊กซ์ออกคำสั่งให้ลูกน้องของเขาบุกในทันที ก่อนที่จะมีเสียงปืดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ปังๆๆๆๆๆๆ”
ตัวของเอแจ๊กซ์เองยืนมองสถานการณ์อยู่ที่หน้าโรงนาซักพัก ก่อนที่เขาจะหยิบซิการ์ออกมาแล้วจุดมันสูบที่หน้าโรงนา และในขณะเดียวกัน ทหารคนหนึ่งก็รีบมารายงานสถานการณ์กับเขา
“ท่านครับ เราเคลียร์พื้นที่ในโรงนาเรียบร้อยแล้วครับ!!”
“ดี จัดการให้หมดจด พวก Warden จะได้ดิ้น”
“รับทราบครับ!!” ลูกน้องของเขาตอบไป
ณ ที่ไหนซักแห่งในนิวยอร์ก ย่านชุมชนแห่งหนึ่งซึ่งผู้คนเดินกันไปมาพลุกพล่าน และที่หน้าตึกแถวหลังหนึ่ง หญิงสาวผิวเข้มคนหนึ่งกำลังอุ้มแพะน้อยน่ารักยืนมองตึกหลังนั้นอย่างตั้งใจ
“ถึงจะเก่าซะหน่อย แต่มันก็ดีนะ เดโบส” หญิงสาวคนนั้นพูดกับแพะตัวน้อยของเธอ และดูเหมือนว่ามันจะพยักหน้าตอบรับด้วย และในตอนนั้นเอง หญิงผิวขาวร่างท้วมคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเธอ
“นี่กุญแจร้านนะคะคุณลิซ” เธอพูดขึ้นและยื่นกุญแจให้กับหญิงสาวผิวเข้มคนนั้น
“ชอบคุณมากค่ะ” ลิซตอบเธอไปก่อนที่จะหยิบกุญแจมา จากนั้นไม่นานเธอก็เปิดเข้ามาด้านใน ซึ่งด้านในนั้นดูสภาพพอไปวัดไปวา ปัดกวาดนิดหน่อยก็น่าจะพออยู่ได้
“อืม ตรงนี้กว้างอยู่นะ น่าจะพอตั้งโต๊ะได้ซักโต๊ะสองโต๊ะเลย” ลิซบอกกับเดโบสของเธอ ก่อนที่เธอจะวางเดโบสลงพื้น และเดโบสเองก็เดินเล่นในร้านอย่างสบายใจ
“ไง เธอก็ชอบมันใช่มั้ยหล่ะ??” ลิซถามเดโบสไป ก่อนที่มันจะมาหยุดตรงหน้าเธอแล้วเอาหน้ามาถูกับขาของเธอ
“ไม่ต้องห่วงนะเดโบส เราอดทนอีกหน่อย เราก็จะได้กลับบ้านแล้ว แล้วเราจะได้ตื่นจากฝันร้ายนี่ซะทีนะ” ลิซพูดต่อ จากนั้นตัวของเธอก็ลูบหัวเดโบสอย่างเอ็นดู
“เอาเถอะ เรามาเริ่มกันดีกว่านะ” ลิซพูดขึ้น ก่อนที่เธอจะเดินไปที่หลังจากของเธอ เพื่อที่จะตรวจสอบอะไรเพิ่มเติม ไม่นานนักเธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรหาใครบางคนด้วย
ณ ย่าน Little Italy ย่านคนอิตาลีในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่คนอิตาลีเดินไปเดินมา ที่คฤหาสน์หลังหนึ่ง มีบอดี้การ์ดชุดดำมากมายอยู่รอบบ้าน และในตอนนั้น รถยุโรปสีดำคันหนึ่งก็มาจอดที่หน้าบ้าน เด็กคนหนุ่มคนหนึ่งคาบบุหรี่และเดินลงมาจากรถ เดินเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว โดยที่ห้องรับแขกด้านล่าง บรรดาผู้ใหญ่ในชุดสูทมากมายกำลังนั่งคุยกัน พวกเขามองเด็กคนนั้นกันเป็นตาเดียว
“อ้าว แอนทอน กลับมาแล้วเหรอ??” เสียงของชายวัยกลางคนคนหนึ่งทักทายเด็กคนนั้นไป
“คุณอันเต้ ลูกกลับมาแล้วเหรอครับ งั้นพวกผมขอตัวนะครับ” กลุ่มชายใส่สูทพวกนั้นพูดขึ้น จากนั้นก็ค่อยๆลุกขึ้นและเดินออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว
“ประชุมอะไรกันอ่ะพ่อ??” แอนทอนถามไป
“ไม่มีอะไรหรอก มีข่าวมาว่าไอ้บ้าตัวหนึ่งกำลังจะมาสหรัฐหน่ะ” อันเต้ตอบไป
“ใครอ่ะพ่อ??” แอนทอนถามต่อ
“มันเป็นไอ้ Warden ที่หายสาบสูญหน่ะ ตอนนี้ฉันลองส่งคนไปรับน้องมันแล้วหล่ะ” อันเต้ตอบไป
“เออ แล้วมันจะไม่สาวมาถึงเราเหรอพ่อ??” แอนทอนถามไป
“ไม่หรอก บริษัทนี้ไม่รู้ว่าพวกเราเป็นใคร” อันเต้ตอบไป ในตอนนั้นแอนทอนเองก็นั่งลงบนโซฟาแล้วก็พ่นควันออกมาปึ๊ดใหญ่ เอาตรงๆ แม้แต่พ่อของเขาก็ยังถอนหายใจ
“วันนี้เรียนเป็นไงบ้างเนี่ย??” อันเต้ถามลูกของเขาไป
“น่าเบื่อ ผมอยากเรียนให้จบๆแล้วไปตั้งแก๊งซะที” แอนทอนบอกไป
“เออ ลูกได้ทำแน่” แอนทอนพูดขึ้น ก่อนที่ตัวของเขาจะลุกขึ้นมา
“อ้าว พ่อจะไปไหนเนี่ย??” อันเต้ถามอย่างสงสัย
“ช่วงนี้ฉันอาจจะต้องไปประชุมกับแก๊งสาขาอื่นบ่อยหน่อยหน่ะ” อันเต้ตอบไป
“เออ โชคดีนะพ่อ” แอนทอนพูดจบก็โบกมือให้พ่อของเขา
“เออ วันนี้อย่าก่อเรื่องเพิ่มแล้วกัน” อันเต้ตอบไป จากนั้นตัวของเขาก็เดินออกไปนอกบ้านในทันที ส่วนตัวของแอนทอนที่กำลังนั่งเซงๆก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาใครบางคน
“เฮ้ เจนนี่ มาเที่ยวบ้านฉันหน่อยสิ”
ณ ชานเมืองบอสตัน พื้นที่ที่ไม่ค่อยมีใครอยู่อาศัยมากนัก ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยอพาร์ทเม้นท์ราคาถูก สำหรับให้คนจนเช่า ในห้องๆหนึ่ง ชายคนหนึ่งกำลังนั่งจัดเรียงของอะไรบางอย่างอยู่ในห้อง เขาเก็บมันเอาไว้ในกล่องใบใหญ่ใบหนึ่ง จากนั้นเขาก็รีบเก็บมันไว้
“ก๊อกๆๆๆๆ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาจากหน้าห้อง ชายคนนั้นรีบชักปืนออกมาในทันที จากนั้นก็ค่อยๆย่องมาที่หน้าประตู จากนั้นก็ค่อยๆมองที่ตาแมว ในตอนนั้นเขาก็พบกับชายผิวสีคนหนึ่งยืนรออยู่หน้าห้อง
“ฟิ้ว!!” ชายคนนั้นถอนใจด้วยความโล่ง ก่อนที่เขาจะสอดซองอะไรบางอย่างลอดใต้ประตู และไม่นานนัก ซองอีกซองหนึ่งก็จะถูกสอดกลับมา ชายคนนั้นรีบหยิบซองขึ้นมาในทันที จากนั้นก็เปิดซองดู
“พรึ่บ!!”
ชายคนนั้นพบเงินจำนวนหนึ่งอยู่ในถุง เขารีบหยิบมันขึ้นมาดูในทันที พบว่ามันเป็นเงินจำนวน 1000 เหรียญ เขารีบเก็บเงินนั้นไว้ในทันที
“โอเค น่าจะพอประทังไปได้” ชายคนนั้นพูดจบก็เก็บเงินไป แต่ในตอนนั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง ในคราวนี้ตัวของเขามองไปที่ตาแมวต่อ คราวนี้พบผู้หญิงคนหนึ่งกำลังกำลังยืนอยู่หน้าห้อง เขารีบเปิดประตูทันที
“เฮ้ย นายใช่หรือเปล่า คีธ??” หญิงสาวคนนั้นถามไป ตัวของคีธคนนั้นก็ยิ้มมุมปากรับไป
ณ ที่ไหนซักแห่งในย่านตรอกมืดที่นิวยอร์ก ช่วงกลางคืนที่ค่อนข้างมืดมิดและเงียบสงัด
“ตึกๆๆๆๆๆ”
“ใครก็ได้ช่วยด้วย!!”
เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งพยายามกรีดร้องขอความช่วยเหลือ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครช่วยเลย
“หมับ!!”
“อย่า..”
หญิงสาวคนนั้นโดนเงามืดปริศนาเล่นงานเข้า และเมื่อร่างกายของหญิงสาวคนนั้นแห้งเหือด มันก็ทิ้งร่างของเธอลงพื้น แต่ที่ในตอนนั้นเอง
“ตุ๊บ!!”
เงาดำอีกร่างหนึ่งก็เข้ามาในซอย มันเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ โดยที่ในมือถือดาบสองมือไล่หลังมาด้วย
“หือๆๆๆ มาสอดอีกหล่ะ..” เงาดำปริศนาที่เพิ่งจะเล่นงานหญิงสาวคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นมันก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
“เฮ้ย!!” ชายถือดาบคนนั้นตกใจมาก เขาพยายามไล่ตามไปแต่ก็ไม่ทันแล้ว เขาเลยได้แต่มาดูร่างของหญิงสาวผู้โชคร้ายคนนั้นที่เพิ่งจะเป็นเหยื่อไป
ณ สนามบินนานาชาติฝั่งตะวันตกของสหรัฐ หลังจากการเดินทางที่ค่อนข้างยาวนาน ในตอนนี้ตัวของจินเดินทางมาถึงสนามบินแล้ว เขาเดินไปที่ ตม. เพื่อยื่นพาสปอร์ตของเขา เจ้าหน้าที่รับพาสปอร์ตมา เขาเห็นตรา The Warden บนพาสปอร์ตของจิน เจ้าหน้าที่ถามไม่กี่คำถาม ก็ปั๊มตราอนุมัติให้ จากนั้นจินก็หยิบพาสปอร์ตมา แล้วเดินออกไปที่หน้าสนามบิน แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไร จู่ๆเขาก็เห็นเงาของชายคนหนึ่งแวบไปมาแถวนั้น
“เอางี้เหรอ??” จินรีบเดินตามเงานั้นไปในทันที เขาเดินไปเรื่อยๆ จนมาถึงทางเดินซึ่งเชื่อมไปยังลานจอดรถของสนามบิน เขาลองเดินตามเงามาเรื่อยๆ แต่ในตอนนั้นเอง
“ฟึบ!!”
“พั๊บ!!”
เท้าปริศนาเตะเข้ามาที่หน้าของจิน จินเองรับมันไว้ได้ แต่เขาก็ต้องถอยออกมา
“ฟุบ!!”
เจ้าของเท้าปริศนาคนนั้นไม่ยอมเลิกรา เขาทั้งเตะทั้งต่อยจินอย่างต่อเนื่อง แต่จินเองก็รับมันไว้ได้อย่างรวดเร็ว ไม่นานนัก จินเองก็หันหลังถีบกลับไปบ้าง
“พลั๊ก!!”
ชายปริศนาคนนั้นเอาแขนบังเอาไว้ ก่อนที่เขาจะถอยออกมาก้าวหนึ่ง และสะบัดแขนของเขาเหมือนกับว่ากำลังยืดเส้นยืดสายยังไงอย่างงั้น
“สบายดีนะลุง??” จินพูดทักทายชายคนนั้น ซึ่งเขาก็คือโฮเชนนั่นเอง
“เฮ้อ นึกว่าตายห่าไปแล้วซะอีก” โฮเชนพูดทักทายจินไป จากนั้นเขาก็ยื่นมือจับกับจิน จินเองยื่นมือจับกลับไป แต่เขาก็ยังวัดพลังกันด้วยการบีบมือกันต่อ ราวกับว่าสองคนนี้มองตาก็รู้ใจ
“ยังเหมือนเดิมเลยนะลุง” จินพูดขึ้น
“เออ ไม่ว่าแกจะมาทำอะไร ก็ขอต้อนรับสู่ดินแดนเสรี ซะเมื่อไหร่นะ” โฮเชนบอกจินไป
“ดีที่เจอลุง ผมเองก็ว่าจะไปเยี่ยมพอดี” จินบอกโฮเชนไป
“ขึ้นรถมั้ย ถ้าไปเรียกแท็กซี่ข้างนอก นายโดนโก่งราคาแน่ๆ??” โฮเชนถามไป จินเองก็ไม่ปฏิเสธอะไร แล้วก็ขนกระเป๋าขึ้นรถ SUV คันหรูที่จอดอยู่ ซึ่งเป็นรถที่โฮเชนเช่าเอาไว้ ก่อนที่ทั้งคู่จะรีบขึ้นรถ และขับออกไปจากสนามบิน
===========================================================
จบตอนแรกแล้วจ้า
ตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร อย่าลืมติดตามชมกันเน้อ
ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ
https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย
ให้ของขวัญเป็นกำลังใจกันได้ครัช ไหว้หล่ะ
ความคิดเห็น