ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rob The World - จอมคนปล้นโลก (ปิดรับสมัครตัวละคร)

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 2 : ธนาคารมืด การปล้นพร้อมลูกทีมครั้งแรก

    • อัปเดตล่าสุด 27 ส.ค. 65


    หลังจากที่ทุกคนนั่งพักกันเรียบร้อยแล้ว ในตอนนั้นเน็ตโต้เองก็บอกแผนการกับทุกคนที่อยู่ในนั้นได้ฟังในทันที

    “เอาหล่ะ คือว่า ฉันกำลังเล็งสถานที่ที่คิดว่าน่าจะเป็นธนาคารมืด ฉันลองไปสำรวจดูแล้ว จะมีรถขนขยะเข้าไปด้านในทุกวันศุกร์ ซึ่งก็คือพรุ่งนี้ แล้วฉันจะแฝงตัวเข้าไป ปล้นพวกมันมาให้หมดเลย” เน็ตโต้พูดอย่างมั่นใจ

    “เออ อย่าหาว่าอย่างงั้นอย่างงี้นะเพื่อน มันไม่ใช่ร้านชำที่นายเคยปล้นมานะเพื่อน” โกสต์ยกมือจากนั้นก็พูดปรามเน็ตโต้ไป

    “นั่นสิ ในนั้นมันต้องมีอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย ไหนจะพวกยามติดอาวุธอีก” เจ๋การณ์พูดขึ้นเสริม

    “ใช่ นายเข้าไปตัวคนเดียว ยังไงก็เละ” อีสครินน่าพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ตัวของเคทาโร่เองก็หยิบแท็บเล็ตของเขาออกมา จากนั้นก็ทำการเชื่อมต่ออะไรบางอย่าง จากนั้นตัวของเขาก็เปิดมันให้กับทุกคนได้ดู

    “นี่ นายแว่น ทำอะไรอยู่หน่ะ??” อาร์เทมถามอย่างสงสัย

    “ฉันลองเชื่อมต่อเข้ากับระบบรักษาความปลอดภัยของมัน ดูเหมือนว่าพวกมันจะมีกล้องวงจรปิด 30 จุด ระบบเซฟ ไหนจะยามติดอาวุธอีก” เคทาโร่พูดขึ้นในขณะที่เปิดกล้องวงจรปิดทุกกล้องให้กับทุกคนได้ดู

    “อืม อาวุธเขาพวกนี้ ดูเหมือนจะเป็นรุ่นปรับแต่ง ไหนจะชุดเกราะพวกนั้นอีก อืม น่าจะเป็นเกราะชนิดพิเศษแหะ” มารินะพูดขึ้น 

    “เฮ้อ ถอดใจเถอะ ทำอะไรไม่ได้หรอก” คาซึฮะพูดขึ้นพลางถอนหายใจ

    “นี่ เธอเงียบๆหน่อยดีกว่า คนเขากำลังใช้ความคิดอยู่” ฮาสน่าตอกกลับเธอไป ทำเอาคาซึฮะได้แต่เบะปาก

    “แต่ถ้าเกิดว่าเรารู้ระบบการทำงานของธนาคารนั่น ก็น่าจะจัดการได้อยู่นะ ดูจากเงินที่เก็บไว้น่าจะมีมากโขอยู่” แคทเทอรีนพูดขึ้น

    “เออ ฉันว่า ถ้าเราลองเสี่ยง ก็น่าจะได้เงินเยอะอยู่นะ” เคทพูดขึ้น

    “นั่นสิ แล้วก็ต้องมีคนพาหนีด้วย” ลีโอน่าพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง โทรศัพท์ของเน็ตโต้ก็ดังขึ้น ในตอนนั้นเน็ตโต้ก็รับสายอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ เน็ตโต้ เปิดลำโพงหน่อยสิ” เสียงนั่นพูดขึ้น เน็ตโต้เองก็รีบเปิดลำโพงในทันทีตามที่ปลายสายบอก

    “สวัสดีทุกคน ฉันแมรี่เอง ฉันได้ข่าวว่าพวกนายกำลังจะไปปล้นสินะ โกดังที่พวกนายอยู่ฉันเตรียมของเอาไว้ให้แล้วหล่ะ พวกนายอยากจะใช้อะไรก็ใช้ได้เลยในนั้น” แมรี่พูดขึ้น ซึ่งกลุ่มของเน็ตโต้เองก็เห็นแล้วว่าด้านในมีอุปกรณ์มากมายซึ่งใช้สำหรับการปล้นทุกรูปแบบอยู่ด้วย

    “โห นี่พวกเราใช้ได้หมดเลยเหรอเนี่ย??” เจ๋การณ์ถามไป

    “ถ้าอย่างงั้น งานของเราก็คงจะง่ายขึ้นสินะ” มารินะพูดขึ้น

    “โอเค ระหว่างที่พวกนายคุยกัน ฉันเองก็คิดแผนเอาไว้แล้วหล่ะ เอาหล่ะ ฟังนะ เส้นทางที่ปลอดภัยที่สุดจะเป็นด้านหลัง ฉันจะเล่นงานกล้องวงจรปิดของมัน แล้วก็เปิดประตูให้พวกนาย และเมื่อพวกนายเข้าไปได้ พวกนายต้องจัดการยามที่เดินตรวจตราอยู่ระหว่างทาง ฉันจะอยู่ด้านนอกคอยดับกล้องวงจรปิดและสัญญาณเตือนภัยของมันชั่วคราว และที่ชั้นใต้ดิน จะมีประตูเซฟ ซึ่งกลไกของมันมีทั้งควบคุมด้วยคอม แล้วก็ต้องใช้มือเปิด เมื่อเข้าไปในเซฟที่เหลือพวกนายก็จัดการกวาดเงิน แล้วรีบหนีออกมาเลย งานนี้พวกนายมีเวลาแค่ 20 นาที ก่อนที่ระบบรักษาความปลอดภัยจะกลับมา” เคทาโร่ร่ายออกมายาวมาก ในขณะที่คนอื่นๆก็ฟังอย่างตั้งใจ

    “ถ้าเรื่องสะเดาะกลอนอะไรเนี่ย ฉันจะจัดการเอง” เคทพูดขึ้น

    “อืม จะว่าไปก็ดีเหมือนกัน เท่าที่ดูจากเงินในเซฟ น่าจะไม่ต่ำกว่า 5 ล้าน” ฮาสน่าพูดขึ้น ในขณะที่คาซึฮะที่ได้ยินจำนวนเงินก็ถึงกับตาลุกวาว

    “โห เงินเยอะมากเลยนะเนี่ย” คาซึฮะพูดขึ้น

    “นี่ ยังไงก็ต้องแบ่งกันให้เป็นธรรมสิ เข้าใจนะ” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “อืม เรื่องรถฉันจะหาเอง เราต้องใช้รถที่ขโมยมา ถึงจะไม่มีใครตามสืบสาวได้” โกสต์พูดขึ้น

    “ถ้างั้นนายขโมยเผื่อฉันมาด้วยแล้วกัน” ลีโอน่าพูดขึ้น

    “โอเค ตอนนี้แผนของเราก็เริ่มเป็นรูปธรรมแล้วสิ แบบนี้ไม่ต้องพึ่งรถขยะแล้ว” แคทเทอรีนพูดขึ้น

    “เรื่องพวกยามฉันจัดการเอง” อาร์เทมพูดขึ้น

    “โอเค ถ้าอย่างงั้น ฉันกับอาร์เทมจะจัดการพวกยามก่อน ที่เหลือพวกนายก็จัดการกันได้เลย” เน็ตโต้พูดขึ้น ก่อนที่พวกเขาจะแยกย้ายกันไปเตรียมแผนการอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้พวกเขาแบ่งหน้าที่กันอย่างรวดเร็ว เคทาโร่เตรียมการเจาะระบบของธนาคารมืด เจ๋การณ์เองก็เตรียมอุปกรณ์สำหรับเปิดเซฟ โกสต์และลีโอน่าได้ออกไปขโมยรถด้านนอกเพื่อเอามาใช้งานชั่วคราว มารินะเตรียมอาวุธสำหรับการปล้น หลังจากนั้นวันต่อมา พวกเขาก็มารวมตัวกันอีกครั้งที่โกดังเพื่อสรุปแผนการ ก่อนที่จะปล้นในคืนนี้

    “โอเคทุกคน เป็นยังไงกันบ้าง??” เน็ตโต้ถามความคืบหน้าของทุกคนไป

    “โอเค เมื่อวานฉันเพิ่งกลับไปปล่อยไวรัสเข้าระบบของพวกมัน ฉันพร้อมจะปิดกล้องและเจาะระบบของพวกมันแล้วหล่ะ” เคท่าโร่พูดขึ้น

    “อืม เท่าที่ดูเซฟและประตูจากภาพของเคทาโร่ ฉันเตรียมอุปกรณ์เจาะเซฟของมันไว้แล้วหล่ะ” เจ๋การณ์พูดขึ้น

    “โอเค ฉันเตรียมรถไว้แล้ว เราจะใช้รถที่ขโมยมาขับไปจุดจอดของเรา ซึ่งตรงนั้นมีรถจริงที่เราเตรียมเอาไว้แล้ว” โกสต์พูดขึ้น

    “ใช่ ฉันลองเช็ครถที่หมอนี่ขโมยมาแล้ว ไอ้หมอนี่ตาแหลมใช้ได้” ลีโอน่าพูดขึ้น

    “โอเค ส่วนเรื่องอาวุธ ฉันเตรียมไว้ให้พวกนายแล้ว ปืนพกเซรามิก ผ่าเครื่องตรวจจับอาวุธ ฉันทาสารปกปิดเอาไว้ กระสุนที่ฉันใช้เป็นกระสุนเจาะเกราะ แต่มันจะยิงต่อเนื่องไม่ได้ ไม่อย่างงั้นกระบอกปืนได้แต่แน่ๆ เพราะงั้น คิดๆก่อนจะยิงก็แล้วกัน” มารินะพูดขึ้น จากนั้นเธอก็แจกจ่ายปืนให้กับทุกคน แต่ดูเหมือนจะมีแค่คาซึฮะที่ไม่ค่อยอยากจะใช้ปืน

    “นี่ ฉันปืนไม่เป็นหรอกนะ” 
    “เธอไม่ต้องใช้หรอก ดูต้นทางไปแล้วกัน” ฮาสน่าตอบไป

    “โอเค ดูเหมือนว่าตอนนี้ทุกอย่างจะพร้อมแล้วสินะ” แคทเทอรีนพูดขึ้น

    “งานนี้เราอาจจะไม่มีตำรวจมาตามล่า แต่กองกำลังของพวกมันต้องมีกันเยอะแน่ๆ พวกนายอยู่ข้างหลังฉันไว้แล้วกัน” อาร์เทมพูดขึ้น

    “อืม เอาไว้ไปถึงตู้เซฟ ค่อยบอกฉันแล้วกันว่าจะให้ทำอะไร” เคทพูดอย่างเรียบๆ

    “อืม ฉันจะคอยช่วยดูต้นทางด้วยก็แล้วกัน” อีสครินน่าพูดไป 

    “ดูเหมือนว่าเราจะพร้อมแล้วสินะ ถ้าอย่างงั้นก็เตรียมพร้อมเลย” เน็ตโต้พูดขึ้น ก่อนที่โทรศัพท์จะดังขึ้นอีกครั้ง ในคราวนี้เน็ตโต้รับสายในทันที

    “ฮัลโหลครับ คุณแมรี่”

    “ฮัลโหล พวกนายทุกคน ถ้าได้เงินแล้ว ฉันจะส่งคนไปแลกเงินกับพวกนายนะ แบงค์ทุกแบงค์ของธนาคารมืดมันมีรหัสเฉพาะของมัน ถ้าเอามันไปใช้ พวกมันตามรอยได้แน่”

    “อ้อ ผมเข้าใจแล้วครับ” เน็ตโต้พูดขึ้น

    “อืม ถ้าเสร็จแล้วก็ติดต่อฉันแล้วกัน” แมรี่พูดขึ้นก่อนที่จะวางสายไป

    “โอเคทุกคน คุณแมรี่บอกมาว่า จะส่งคนมาแลกเงินกับพวกเรา เพราะเราต้องเปลี่ยนแบงค์ก่อนที่จะใช้มันหน่ะ” เน็ตโต้พูดขึ้น ในขณะที่ทุกคนก็เข้าใจสิ่งที่เน็ตโต้พูด

    “โอเคทุกคน เราไปกันเถอะ” เน็ตโต้พูดขึ้น ก่อนที่พวกเขาทุกคนจะเดินไปยังรถยนต์สองคันที่โกสต์ขโมยมา พวกของเน็ตโต้แบ่งกันขึ้นรถในทันทีก่อนที่จะเตรียมตัวเดินทาง

     

    ณ สนามบินแห่งหนึ่ง ประเทศตุรกี เครื่องบินเจ็ทของกลุ่มโจรหน้ากากทองได้ลงจอด ซึ่งด้านล่างก็มีรถสองคันมาจอดรอพวกเขา กลุ่มของอดัมลงจากเครื่องบิน ก่อนที่จะเดินไปยังรถทั้งสองคันในทันที ซึ่งชายคนหนึ่งก็ลงจากรถมาต้อนรับพวกเขา

    “เฮ้ คุณอดัม”

    “จอร์แดน เป็นยังไงบ้าง??” อดัมถามไป

    “ก็ดีพี่ ช่วงนี้ธุรกิจของเรากำลังอู้ฟู่เลย แต่ช่วงนี้ตำรวจมันกวนมากขึ้นผิดปกติหน่ะ” 

    “โห จะว่าไปช่วงนี้ตำรวจมันตามกลิ่นเราบ่อยนะ” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “ไม่แปลก ช่วงนี้เรากำลังดังนี่ ไม่ใช่แค่พวกตำรวจด้วย พวกองค์กรลับกับพวกสภาเงาเองก็ตามตัวเราเหมือนกัน” มิลเลอร์พูดขึ้น

    “ห่ะ ตอนนี้พวกสภาเงามันเคลื่อนไหวแล้วเหรอ??” จอร์แดนถามไป

    “ก็แน่หล่ะสิ เราถึงได้ต้องปกปิดตัวเองไงหล่ะ” มาร์ตินตอบไป

    “อืม ยังดีที่เรามีสายอยู่ทั่วโลก งานที่เช็กคงต้องระวังตัวกันหน่อยหล่ะ” อดัมพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นขึ้นรถเถอะพี่” จอร์แดนพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็พากันไปขึ้นรถอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ค่อยๆขับออกจากสนามบิน และที่ประตูทางออก เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็ได้เดินมาตรวจสอบพาสปอร์ตของพวกเขาทั้งหมด 

    “อืม พวกคุณมาเที่ยวกันเหรอ??” เจ้าหน้าที่คนนั้นถามไป

    “อ้อครับ ถ้าอย่างงั้นก็เชิญครับ” เจ้าหน้าที่พูดขึ้น ก่อนที่อดัมจะยื่นซองอะไรบางอย่างให้กับเจ้าหน้าที่ ก่อนที่เจ้าหน้าที่สนามบินจะปล่อยพวกของอดัมออกมาอย่างง่ายดาย

    “ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่ที่นี่จะซื้อง่ายนะเนี่ย” อดัมพูดขึ้น

    “ใช่ครับ ดูเหมือนว่าหลังจากที่โดนตัดเงินเดือนไป 20 เปอร์เซ็นต์ พวกนี้ก็แลดูจะหิวเงินง่ายครับ” จอร์แดนตอบกลับไป ก่อนที่พวกเขาจะนั่งรถเดินทางไปที่ไหนซักแห่ง

     

    กลับมายังประเทศจีน ในตอนนี้ตัวของเฟยจินเองก็เร่งประกาศการกวาดล้างกลุ่มอาชญากรโดยเฉพาะกับแก๊งสามเซียนที่กำลังขยายอิทธิพล ตัวของเธอได้เรียกให้นายทหารคนหนึ่งมาคุยด้วย ซึ่งเขาคือผู้บัญชาการทหารสูงสุดของประเทศนั่นเอง

    “สวัสดีท่านนายพลหมิง” 

    “ท่านประธานาธิบดีครับ ยินดีที่ได้พบครับ” ทั้งคู่พูดคุยกันและจับมือกันอย่างรวดเร็ว

    “ที่เชิญคุณมาวันนี้ก็เพราะ..” เฟยจินยังพูดไม่ทันจบ

    “เรื่องนั้นผมทราบแล้วครับ พวกสามเซียนสินะครับ”

    “ใช่แล้วหล่ะ งานนี้ฉันคงต้องขอกำลังทหารของคุณในการจัดการด้วย ส่วนเรื่องไต้หวัน เราจะเก็บพับไปก่อน” เฟยจินพูดขึ้น

    “ห่ะ เราจะยกเลิกแผนที่ไต้หวันเหรอครับ??”

    “ใช่แล้วหล่ะ ตอนนี้ไต้หวันเองก็เข้าร่วมเป็นภาคีของโอเชียเนียแล้ว พวกเขากำลังแข็งแกร่งมากขึ้น ถ้าเรายังกำจัดอาชญากรรมในประเทศไม่ได้ อย่าหวังไปทำอะไรอย่างอื่นเลย” เฟยจินพูดขึ้น

    “แต่ว่าตอนนี้ พวกสามเซียนเองก็มีอิทธิพลมากนะครับ ท่านจะทำยังไงหล่ะ??”

    “เราต้องเร่งปราบปรามและขุดรากถอนโคนอย่างเร่งด่วนเลย” เฟยจินพูดขึ้น

    “ลำบากครับ ถึงยังไงพวกนั้นก็หนีไปญี่ปุ่นได้อยู่ดีครับ” ผบ.ตร. พูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นก็คงต้องติดต่อประสานงานกับทางญี่ปุ่นให้พวกเขาร่วมมือด้วย” เฟยจินพูดขึ้น

    “ทางญี่ปุ่นเองตอนนี้ก็มีปัญหาเรื่องพวกยากูซ่าในประเทศเหมือนกันครับ” ผบ.ตร. พูดไป

    “เฮ้อ ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเป็นใจเลย เอาเถอะ ตอนนี้เราต้องใช้ทุกอย่างที่เรามีแล้วหล่ะ” เฟยจินพูดไป

     

    กลับมายังคฤหาสน์จีนแบบโบราณหลังหนึ่งในซีอาน ที่พำนักของลี่หลง หัวหน้าของตระกูลลี่อันเลื่องชื่อ ในวันนี้ลี่หลินได้กลับมาที่บ้าน ซึ่งในตอนนั้นมีชายแก่คนหนึ่งกำลังรำมวยจีนอยู่ ตัวของเธอเลยพูดกับพ่อของเธอในทันที

    “ท่านพ่อ”

    “ลี่หลิน ดูเหมือนว่ากำลังอารมณ์เสียเลยนะ” 

    “ก็นิดหน่อยค่ะ ท่านพ่อ ตอนนี้พวกสามเซียนเริ่มจะเข้ามาในเขตของเราแล้วนะคะ” ลี่หลินพูดขึ้น

    “เรื่องนั้นพ่อรู้แล้วหล่ะ ฮั่นหยางบอกกับพ่อแล้ว” ลี่หลงพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ฮั่นหยางเองก็เพิ่งจะเดินทางกลับมา ตัวของเขารีบมารายงานสถานการณ์กับลี่หลงอย่างรวดเร็ว

    “ท่านลี่หลง ตอนนี้เราสั่งให้คนของเราไปควบคุมแล้วค่ะ”

    “อ้อ จัดการแล้วเหรอ ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง??” ลี่หลงถามไป

    “ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกมันคงจะขยายพื้นที่เพิ่มเติมสินะ ว่าแต่ รู้ข่าวหรือยังว่าหัวหน้ามันเป็นใคร??” ลี่หลงถามไป

    “ยังค่ะ ดูเหมือนว่ามันจะเก็บตัวมาดีค่ะ”

    “มันต้องเตรียมเข้าเขตพื้นที่เราแน่นอนค่ะท่านพ่อ” ลี่หลินพูดขึ้น

    “พ่อรู้ ฮั่นหยาง คนของเจ้าพอรับมือได้หรือเปล่า??” ลี่หลงถามไป

    “ได้ค่ะ”

    “พี่หยาง ตอนนี้คงต้องให้พวกชาวบ้านอย่าเพิ่งแตกตื่นนะ ไม่อย่างงั้นจะเสียหายมากกว่านี้” ลี่หลินพูดขึ้น

    “พี่เห็นด้วย แต่ดูเหมือนว่าพวกชาวบ้านจะเริ่มหวาดกลัวแล้ว”

    “หนูจะช่วยเรื่องนี้ด้วยอีกแรงค่ะ” ลี่หลินตอบไป

    “อืม หากพวกมันอยากจะรบกับเรา เราก็จะให้พวกมันได้รบ พวกมันจะได้รู้ว่าเราก็มีศักดิ์ศรี ใช่ว่าจะมาลูบคมกันได้ง่ายๆ” ลี่หลงตอบไป

     

    ณ บาร์แห่งหนึ่งในย่านชินจุกุของญี่ปุ่น ห้างของยากูซ่าแก๊งหนึ่งซึ่งกำลังเตรียมอาวุธเพื่อจะไปเล่นงานแก๊งฝ่ายคู่อริ พวกนั้นเตรียมทั้งปืนและดาบเตรียมพร้อมกันอย่างรวดเร็ว

    “เอาหล่ะพวกเรา เป้าหมายของเราคือเซนไซ”

    “เรารู้ว่าพวกมันอยู่ที่ไหน ไม่ต้องห่วงเลยพี่” พวกเขายังพูดกันไม่ทันจะจบดี จู่ๆ ไฟในห้องก็ดับลง

    “พรึ่บ!!”

    “เฮ้ย อะไรวะ??” พวกยากูซ่าตะโกนออกมา และในตอนนั้นเอง

    “ฉึก!!”

    “อ๊าค!!”

    “เฮ้ย อะไรวะ??” พวกยากูซ่าในห้องตะโกนออกมา จากนั้นก็ยิงปืนมั่วซั่วไปทั่วห้อง แต่ดูเหมือนว่าลูกปืนจะไม่โดนเป้าหมาย และในตอนนั้นเอง

    “ฉับๆๆๆ!!”

    ชายชุดดำกลุ่มหนึ่งได้บุกเข้ามาจากนั้นก็ฟาดฟันร่างของเหล่ายากูซ่าพวกนั้น ยากูซ่าบางส่วนพยายามจะหนีแต่ก็ถูกดาวกระจายปักเข้าที่หลังจนล้มลง และไม่นานนักไฟก็เปิดขึ้น ภาพที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือกลุ่มยากูซ่าที่นอนจมกองเลือดกันเต็มไปหมด 

    “เรียวจิ พวกมันหนีไปได้บ้างหรือเปล่า??”

    “ไม่มีเลยขอรับท่านฮิเมะ” 

    “ดี ที่เหลือก็เก็บงานให้หมดแล้วกัน” ฮิเมะพูดขึ้น ในขณะนั้นยากูซ่าคนหนึ่งจะชักปืนออกมายิงใส่ฮิเมะ แต่ฮิเมะรู้ตัวก่อนเลยปาดาบใส่หัวยากูซ่าคนนั้น

    “ฉึก!!”

    “เฮ้อ ดูเหมือนช่วงนี้มือตกนะเนี่ย” ฮิเมะพูดไป

     

    ณ คฤหาสน์แบบญี่ปุ่นหลังหนึ่งเขตชานเมืองเกียวโต สภาพตอนนี้ยับเยินราวกับเพิ่งจะผ่านสงครามมา ซึ่งมันก็ผ่านสงครามมาจริงๆ กลุ่มยากูซ่ากลุ่มหนึ่งเพิ่งจะถล่มที่นี่ไป และที่ด้านใน ชายคนหนึ่งกำลังลากสังขารของตัวเองหนีจากชายชุดขาวคนหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือเซนไซนั่นเอง เซนไซค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ชายแก่คนหนึ่งซึ่งหายใจรวยระรินเต็มที

    “คิดว่าจะฆ่ากูได้งั้นเหรอไอ้แก่??” 

    “ระยำเอ้ย ทำไมพวกมึงถึงไม่ตายวะ??” ชายแก่คนนั้นตะโกนออกมา

    “แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไงหล่ะ??” เซนไซถามไป และในตอนนั้นเอง ลูกน้องของเขาก็รับโทรศัพท์จากใครบางคน จากนั้นก็รีบไปรายงานเซนไซในทันที

    “ลูกพี่ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ”

    “งั้นเหรอ ดี ดูเหมือนว่าพวกที่แกจ้างมา จะลงนรกกันหมดแล้วนะ ไอ้แก่” เซนไซพูดขึ้น

    “แก...แกรู้ได้ไงวะ??” 

    “ยุคนี้ใครข้อมูลเยอะกว่าชนะเว้ย” เซนไซพูดขึ้น 

    “ระยำเอ้ย อย่าคิดว่ากูจะยอมมึงง่ายๆนะ”

    “เออ แต่ที่ฉันอยากรู้ก็คือ เรื่องที่แกคุยกับพวกสามเซียนจากจีนหน่ะ” เซนไซพูดขึ้น

    “แล้วแกจะทำไมวะ??” ชายแก่คนนั้นถามไป

    “แค่อยากรู้ว่านายใหญ่ของมึงกำลังทำอะไรอยู่กันแน่??” เซนไซถามไป

    “แกคิดว่าแกจะทำอะไรได้วะ ไอ้เด็กอมมือ กูไม่บอกอะไรทั้งนั้น ไปเจอกูในนรกเถอะ!!” ชายแก่คนนั้นพูดขึ้น ก่อนที่เซนไซจะหัวเสียและเดินออกมาจากห้องโถงและเดินไปหาลูกน้องของเขา

    “เก็บมันเลย” เซนไซสั่งลูกน้องของเขาไป

     

    ณ อพาร์ทเม้นท์หลังหนึ่งในกรุงเกียวโต ตัวของอลิซพยายามหาข่าวอะไรบางอย่างโดยอาศัยพรรคพวกของเธอในญี่ปุ่น ในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆก็มีโทรศัพท์สายหนึ่งติดต่อเข้ามา เธอรีบรับสายในทันที

    “ฮัลโหล”

    “อลิซ สวัสดี ฉันมีข่าวด่วน”

    “ยูกิ มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ??” อลิซถามไป

    “มีข่าวมาว่าพวกยากูซ่าปะทะกันที่บ้านของโทกิ สมาชิกใหญ่แก๊งโอนิวะ ฉันว่าต้องเป็นฝีมือของพวกที่เธอตามล่าอยู่แน่ๆ” 

    “ห่ะ จริงเหรอ แล้วบ้านหลังนั้นอยู่ที่ไหนหล่ะ??” อลิซถามไป

    “เดี๋ยวฉันไปส่ง ฉันกำลังจะถึงหน้าบ้านเธอ” 

    “ได้ ฉันจะเตรียมตัวนะ” อลิซพูดขึ้น และไม่นานนัก รถคันหนึ่งก็มาจอดที่หน้าบ้านของอลิซ จากนั้นก็มีการบีบแตรจากด้านหน้า ตัวของอลิซรีบแต่งตัวและเอาของของเธอไปในทันที จากนั้นก็ปิดบ้าน แล้วเดินไปเจอกับเพื่อนของเธอที่มาจอดรถรออยู่แล้ว

    “ยูกิ”
    “อลิซ มาเร็ว” ยูกิพูดขึ้น ก่อนที่ตัวของอลิซจะขึ้นรถของยูกิ จากนั้นยูกิก็ออกรถในทันที

    “เฮ้ อลิซ พวกโอนิวะมันร้ายกาจมาก พวกที่เล่นงานพวกมันได้นี่ต้องเก่งมากเลยนะ”

    “แน่นอน ฉันเดาได้ว่าพวกไหน” อลิซพูดขึ้น

    “แต่ว่า พวกมันจะไม่เจอตัวเธอก่อนเหรอ??”

    “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันพอจะมีวิธี” อลิซพูดขึ้น

    “เอาเถอะ ยังไงเธอก็ระวังตัวก็แล้วกัน” ยูกิพูดทิ้งท้ายก่อนที่จะรีบบึ้งรถไปยังจุดเกิดเหตุอย่างรวดเร็ว

     

    กลับมายังปราสาทโบราณซึ่งเป็นเขตฐานที่มั่นของยากูซ่าตระกูลคารากุซะ ในวันนี้ตัวของอาราตะเองก็ได้นัดรวมตัวเหล่าหัวหน้าหน่วยของแต่ละหน่วยมาเพื่อพูดคุยถึงสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ การขยายอิทธิพลของพวกจีนแผ่นดินใหญ่ที่กำลัง โดยเฉพาะพวกมังกรดำ และไม่นานนัก ตัวของอาราตะเองก็นั่งอยู่ในห้องซึ่งเหล่าหัวหน้าหน่วยกำลังนั่งคุกเข่าต่อหน้าเขา และคำนับเขาไปหนึ่งที

    “มากันครบแล้วสินะ”

    “ครับท่าน พอท่านติดต่อ เราก็มาเลยครับ” อิชิโซพูดขึ้น

    “ท่านเรียกเรามาวันนี้มีอะไรเหรอครับ??” ชายหุ่นล่ำนามว่าโทโร่ถามไป

    “พวกเจ้าทุกคนคงจะได้ยินเรื่องของพวกมังกรดำแล้วสินะ??” อาราตะพูดขึ้น

    “อ้อ พวกเจ๊กที่มันมาป่วนในญี่ปุ่นของเราเหรอครับ??” เคนถามไป

    “จะว่าไป ตอนนี้พวกมันเองยึดอาณาเขตในสึชิมะหมดแล้วนี่คะ” โอโซระพูดขึ้น

    “ใช่ ตอนนี้ด้านในของโอกินาว่า พวกมันก็ใกล้จะปราบตระกูลโอสุยแล้วนะคะ” ริสะพูดขึ้น

    “ใช่แล้ว แล้วอีกอย่าง สายข่าวของเราก็รายงานมาว่า ตอนนี้พวกมันบางส่วนก็เริ่มโจมตีเขตของเราแล้ว” อาราตะพูดขึ้น

    “ผมว่า ถึงอย่างไร พวกมันก็คงต้องสู้กับแก๊งอื่นก่อนอยู่แล้ว กว่าจะมาถึงเรา เราก็กวาดพวกมันได้จนเรียบ และยึดพวกมันทั้งญี่ปุ่นเลย” เคนพูดขึ้น

    “ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกเคน พวกมันคงไม่โง่สร้างศัตรูไปทั่วหรอก” อิชิโซพูดขึ้น

    “นั่นสิ มันอาจจะหาแก๊งซักแก๊งแล้วใช้เป็นหุ่นเชิดแน่ๆ” ริสะพูดขึ้น

    “ถ้าเกิดว่าแก๊งไหนที่พอจะเป็นหุ่นเชิดให้พวกมันได้ มีแค่แก๊งเดียว พวกโอนิวะ พวกนี้กำลังเริ่มขยายอำนาจ พวกมันคงจะยืมจมูกของพวกนี้หายใจ” โอโซระเสนอความเห็น

    “จริงด้วย ช่วงนี้มีข่าวว่าพวกโอนิวะติดต่อกับพวกมังกรดำอยู่บ่อยๆ ถ้าเกิดพวกมันเข้าใกล้เขตของเรา เราคงต้องระวังตัวกันแล้วนะครับ” โทโร่พูดขึ้น

    “เอาเถอะ ตอนนี้เราต้องจับตาดูสถานการณ์นี้ พวกเจ้าทุกคนมีสิทธิ์ลงมือก่อน ถ้าเกิดว่าจำเป็นจริงๆ เข้าใจนะ” อาราตะสั่งลูกน้องทุกคนไป

     

    กลับมายังกรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย คฤหาสน์หลังใหญ่หลังหนึ่ง ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกลุ่ม Vipernox หลังจากที่ตัวของวาลและลูกทีมของเธอทำภารกิจสำเร็จ พวกเขามารวมตัวกัน จากนั้นก็พูดคุยกันต่อถึงภารกิจต่อไปที่พวกเขาจะต้องทำ

    “เอาหล่ะทุกคน ตอนนี้ตัวของไอ้มาคารอฟมันหนีไปสวิสแล้ว ข่าวนี้หน่วยของเรายืนยัน” วาลพูดขึ้น

    “โห ถ้าจะไปตามล่าถึงที่นั่นก็ลำบากอยู่นะครับ” แอนติโมไนท์พูดขึ้น

    “จะกลัวอะไรหล่ะ ถ้าเกิดว่าเราปลอมตัวแบบเนียนๆหล่ะ??” แร็คนาร็อกพูดขึ้นในขณะที่กำลังนั่งเล่นเกมจากมือถืออย่างสบายใจเชิบ

    “ว่าแต่ เราจะไปตามล่าพวกมันยังไงดีครับ??” นิโคลัสถามไป

    “ไม่ต้องห่วงไอ้น้อง พวกเรา Vipernox พวกเราไปได้ทุกที่” แร็คนาร็อกพูดแซวนิโคลัส

    “เอาเถอะ วาล แล้วเราจะไปตามล่ามันยังไงหล่ะ??” แอนติโมไนท์ถามไป

    “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ฉันจะติดต่อคนของเราในสวิสเอง” วาลพูดขึ้น

    “เออนี่ ว่าแต่ เรื่องของพวกโจรหน้ากากทองนี่ แน่ใจนะว่าข่าวจะไม่รั่ว??” แอนติโมไนท์ถามไป

    “ไม่หรอก ถ้าข่าวรั่ว ก็ไม่กี่คนในหน่วยของเรานั่นแหละ ที่ต้องลงหลุม” แร็คนาร็อกพูดขึ้นในขณะที่กำลังมัวแต่สนใจเกมอย่างสนุกสนาน

    “โห ดูเหมือนว่าที่นี่ก็มีเกลือเป็นหนอนเหมือนกันนะครับเนี่ย” นิโคลัสพูดขึ้น

    “เอาจริงๆ มันก็มีมาตั้งนานแล้ว ความจริง ฉันไม่ค่อยอยากจะเล่าเท่าไหร่หน่ะ” วาลพูดขึ้น

    “อ้อ เรื่องของยัยคนนั้นใช่หรือเปล่า??” แร็คนาร็อกถามไป

    “นี่ ยังจะมารื้อฟื้นทำไมหล่ะ ป่านนี้ยัยนั่นคงจะหนีไปไหนต่อไหนแล้ว??” แอนติโมไนท์ถามไป

    “เออ ถ้างั้นผมไม่ซักดีกว่า” นิโคลัสพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ตัวของวาลก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง และเมื่อเธอรับสายแล้ว เธอก็มาคุยกับพวกของเธอในทันที

    “มีอะไรหรือเปล่าครับ??” นิโคลัสถามไป

    “ดูเหมือนว่าเราคงต้องไปสวิสกันแล้วหล่ะ ทางหน่วยเหนือของเราสั่งให้เราตามล่ามาคารอฟให้ได้ ก่อนที่มันจะเปิดปากจนหมด” วาลพูดขึ้น

    “โห ถ้าอย่างงั้นเราก็ได้เที่ยวฟรีสิ” แร็คนาร็อกพูดขึ้น

    “ใครว่าเราจะได้ไปเที่ยวเล่า ถ้าเกิดว่าต้องตามหาเจ้านั่น คงต้องตามหากันหัวปั่นแล้วหล่ะ” แอนติโมไนท์พูดขึ้น

    “โอเค เราจะไปกันคืนนี้เลย หน่วยของเราเตรียมเครื่องไว้แล้ว” วาลพูดขึ้น

    “เออ แล้วงานนี้เราต้องทำแบบเงียบๆใช่หรือเปล่าครับ??” นิโคลัสถามไป

    “โธ่ เรื่องแบบนี้ใครเขาทำกันโฉ่งฉ่างหล่ะ??” แอนติโมไนท์ถามไป

    “เฮ้อ อาวุธก็คงจะมีจำกัด ไม่สะใจเลย” แร็คนาร็อกพูดขึ้นก่อนที่จะวางมือถือไป

    “เอาเถอะ ก็เหมือนกับที่เราทำในยูเครนไง” วาลพูดขึ้น

    “พูดถึงยูเครน ยังจำไอ้บ้าคนนึงที่มันยิงฉันได้อยู่เลย” แอนติโมไนท์พูดขึ้น

    “เฮ้ย เรื่องมันนานมาแล้ว ยังจะไปคิดถึงมันอีกเหรอ??” แร็คนาร็อกถามไป

    “โห ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างพี่ก็พลาดได้??” นิโคลัสพูดไป

    “ไอ้เจ้าบ้านั่นหน่ะเหรอ ตอนนี้มันเหมือนเสือที่หลุดเข้าไปในป่า ไม่แน่ วันหนึ่งมันอาจจะมาเล่นงานเราก็ได้ น่าจะฆ่ามันตั้งนานแล้ว” วาลพูดขึ้น

    “ใช่ คอยดูเถอะ ถ้าเจอมันเมื่อไหร่จะเลาะฟันมันให้หมดปากเลย” แอนติโมไนท์พูดขึ้น

    “เอาน่า ไม่แน่นายอาจจะโดนมันยิงตายก่อนก็ได้” แร็คนาร็อกพูดขึ้น ทำเอาตัวของแอนติโมไนท์แอบกำหมัดเล็กน้อยเพราะเขาไม่พอใจ

    “เออ ใจเย็นๆกันก่อนนะพี่” นิโคลัสพูดขึ้น

    “เอาเถอะ อย่าเพิ่งมาไร้สาระเลย รีบไประดมพลของเรามาก่อนเถอะ แล้วค่อยประชุมกันเย็นนี้เลย” วาลพูดขึ้น ก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องไป

     

    กลับมายังประเทศอังกฤษ คฤหาสน์ซึ่งเป็นบ้านพักของคาร์เมน ตัวของคาร์เมนเองทำงานที่บ้าน เธอต้องคอยตรวจสอบเอกสารผลประกอบการของธุรกิจในเครือของเธอ โดยที่เลขาของเธอคนหนึ่งก็มาคอยดูการทำงานของเธอด้วย

    “อืม ดูเหมือนว่ากำไรปีนี้ลดลง 2 เปอร์เซ็นต์นะ” คาร์เมนพูดขึ้น

    “ค่ะ ตอนนี้หลายประเทศยังไม่ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจเลยค่ะ”

    “ฉันว่าฉันอยากจะลดราคาสินค้าของฉันหน่อย” คาร์เมนพูดขึ้น

    “ห่ะ จริงเหรอคะ แต่เราเพิ่งจะกำไรลดลงนะคะ??”

    “ฉันอยากให้สินค้าของเรารวมถึงห้างของเราคนเข้าถึงมากขึ้นหน่ะ” คาร์เมนพูดขึ้น

    “แต่มีการคำนวณว่า กำไรของเราอาจจะลดไปถึง 10 เปอร์เซ็นต์จากกำไรเดิมนะคะ??”

    “แค่ 10 เปอร์เซ็นต์เอง ฉันยังมีเงินลงทุนจากทางอื่นอีกตั้งเยอะ” คาร์เมนพูดขึ้น

    “ค่ะ เข้าใจค่ะ แล้วอีกเรื่องที่ดิฉันอยากจะบอก..”

    “ห่ะ มีอะไรเหรอ ว่ามาเลย??” คาร์เมนถามไป

    “ช่วงนี้ห้างของเราเองก็ถูกปล้นบ่อย บริษัทรับประกันภัยตอนนี้ไม่ค่อยอยากจะรับประกันภัยให้เราแล้ว ฉันว่าฉันจะแจกจ่ายของที่ขายไม่ได้ให้กับผู้คนที่หิวโหยด้วย” คาร์เมนพูดขึ้น

    “ห่ะ นี่คุณพูดจริงเหรอคะ??”

    “ใช่แล้วหล่ะ เรามีของที่เอามาทำลายทิ้งเพราะหมดอายุก็เยอะ มันน่าเสียดายแย่ แล้วอีกอย่าง ตอนนี้สังคมมันบีบให้คนต้องแย่งชิง เราเองก็ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้หล่ะนะ” คาร์เมนพูดขึ้น

    “ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ” เลขาของเธอรับคำไป

     

    กลับมายังประเทศนิวซีแลนด์ ประเทศแม่ของสหพันธ์โอเชียเนีย ในวันนี้อาร์กติกได้เดินทางไปพบกับผู้บัญชาการกองทัพเรือเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องโจรสลัดสิงคโปร์ซึ่งตอนนี้กำลังออกอาละวาดในเขตอินโดนิเซีย และเมื่อทั้งคู่ได้พบกันในห้องประชุม พวกเขาก็พูดคุยกันในทันที

    “ท่านนายพลเรือ ท่านคิดว่ากองเรือของท่านพอจะจัดการได้หรือเปล่าคะ??” อาร์กติกถามไป

    “เราจัดการได้ครับ แต่โจรสลัดพวกนี้ส่วนใหญ่จะหนีเข้าเขตมาเลเซีย ซึ่งตรงนั้นเราทำอะไรไม่ได้ครับ”

    “มาเลเซีย ตอนนี้โดนปกครองโดยกลุ่มโจรแบ่งแยกดินแดนไม่ใช่เหรอ??” อาร์กติกถามไป

    “ใช่ครับ กลุ่มโจรในพื้นที่ตอนนี้ยิ่งใหญ่มาก โดยเฉพาะกลุ่มของโบริค ยาสิคครับ”

    “โบริค ฉายาจอมโจรมาลายาอย่างงั้นเหรอ??” อาร์กติกถามไป

    “ใช่ครับ พวกเขารวบรวมสมัครพรรคพวกและยึดอำนาจจากรัฐบาลกลาง แต่ตอนนี้กำลังมีปัญหาเรื่องชายแดนกับกลุ่มโจรในพื้นที่ของไทยด้วยนี่” อาร์กติกพูดขึ้น

    “ครับ พวกมันถึงวนเวียนได้อยู่แค่ในเขตมาเลเซีย รัฐบาลที่นั่นก็รับสินบนจากพวกมัน” นายพลเรือพูดขึ้น

    “อืม แสดงว่า ตอนนี้เราก็ทำได้แค่ตั้งรับพวกมันในเขตอินโดนิเซียสินะ” อาร์กติกพูดขึ้น

    “ใช่ครับ แต่เรือของพวกมันส่วนใหญ่เป็นเรือดัดแปลง ไม่ใช่เรือรบครับ ถ้าเราเอาเรือลาดตระเวนไปสำรวจ เราก็สามารถคุมพื้นที่ได้ครับ”

    “อืม ถ้าอย่างงั้นฉันจะเอาเรื่องนี้เข้าสภาเลย เราต้องจัดการน่านน้ำของเราให้ปลอดภัย ไม่อย่างงั้นทุกอย่างได้หายนะแน่” อาร์กติกพูดขึ้น

     

    ณ สถานีอวกาศ ซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งวิลเลี่ยมใช้ในการควบคุมดูแลธนาคารมืดสาขาต่างๆทั่วโลก ในวันนี้ตัวของเขาได้พูดคุยแชทกับใครบางคนเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร

    “สวัสดีจาคอป”

    “วิลเลี่ยม ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” 

    “ก็สบายดี อยากกลับลงไปบนพื้นโลก หาไรกินจังหว่ะ”

    “เออ อยู่ที่นั่นอย่างน้อยนายก็ปลอดภัยหล่ะ ว่าแต่ มีสถานการณ์อะไรคืบหน้าหรือเปล่า??” 

    “ตอนนี้ฉันกำลังจับตาแฮ็กเกอร์ที่ใช้นามแฝงว่า “The Green Hood” อยู่ แต่ดูเหมือนว่าช่วงนี้มันจะเก็บตัวเงียบแหะ”

    “นี่เรายังไม่เจอตัวมันอีกเหรอ??”

    “ไอ้หมอนี่มันของจริง ดูเหมือนว่ามันจะมีเส้นสายด้วย ตอนนี้พวกคนในสภากำลังตั้งค่าหัวมันอยู่”

    “เออ เอาเถอะ สภาเงาเองก็คงจะต้องรีบเคลื่อนไหวหล่ะนะ”

    “ใช่แล้วหล่ะ ตอนนี้มีหลายประเทศและหลายกลุ่มโจรที่เริ่มกระด้างกระเดื่องแล้ว โดยเฉพาะในตอนนี้ ท่านกำลังจับตามองโซโรวาเป็นพิเศษ”

    “โซโรวา ประเทศที่เป็นข่าวดังๆเมื่อก่อนงั้นเหรอ??”

    “ก็เออหน่ะสิ ที่นั่นมีทรัพยากรที่ทางสภาสนใจอยู่ แต่เสียดายที่เราทำอะไรไม่ได้”

    “เดี๋ยวนะ เคยมีการส่งคนไปเก็บประธานาธิบดีโดนาทอร์แล้วนี่หน่า”

    “เออ แต่พวกมันก็พลาด ตอนนี้เราพยายามล็อบบี้คนในสภาของโซโรวาอยู่”

    “เอาเถอะ แล้วมีที่อื่นที่ทางสภาเงากำลังจับตามองหรือเปล่า??”

    “ตอนนี้ก็มีที่ประเทศจีน ประธานาธิบดีคนใหม่ ดูเหมือนทางสภาเงาจะไม่ค่อยแฮปปี้ แล้วก็ประธานาธิบดีสหพันธ์โอเชียเนียด้วย”

    “โห นี่พวกเขาจะเล่นกับทั้งสองคนนั้นเหรอ??”

    “มันจำเป็นหน่ะ ดูเหมือนว่าทางสภาเงาต้องทำเพื่อเชือดไก่ให้ลิงดูหน่ะ”

    “เออ ระวังนะเว้ย พวกนี้อาจจะไม่ใช่ไก่ให้เชือดง่ายๆก็ได้”

    “เอาเถอะ ฉันเองก็รู้แค่นี้หล่ะ”

    “อืม ถ้าเกิดมีอออะไรคืบหน้าก็บอกฉันด้วยแล้วกัน ช่วงนี้ฉันเองก็ต้องคอยควบคุมเรื่องธนาคารมืดเหมือนกัน”

    “ทำไมวะ มีปัญหางั้นเหรอ??”

    “ช่วงนี้ธนาคารมืดมีปัญหาบ่อยมากขึ้น รัฐบาลเองก็เริ่มกวาดล้างแล้วหล่ะ”

    “เรื่องนั้นท่านกำลังพยายามล็อบบี้พวกบ้าในสภาอยู่ ไม่ต้องห่วงไปหรอก”

    “อืม เอาเถอะ ขอให้มันควบคุมได้ก็แล้วกัน”

     

    ณ บ้านพักย่านเสื่อมโทรมแห่งหนึ่งในสหรัฐ รอบข้างมีแต่เศษซากความเจริญรวมถึงชีวิตชีวา ในตอนนี้มันเหลือแต่ความพินาศ แก๊งของแจ็กเก็ตใช้ที่นั่นเป็นสถานที่กบดานจากพวกตำรวจ ในวันนั้นตัวของเขานอนเอนหลังอยู่ที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง โดยที่เขาก็นั่งเล่นเกมโทรศัพท์ไปด้วย

    “บ้าเอ้ย โดนยิงล้มอีกแล้ว!!” แจ็กเก็ตพูดขึ้นในขณะที่ตัวละครของเขาโดนยิง ในขณะเดียวกัน ลูกน้องคนหนึ่งของเขาก็เดินเข้ามาในห้องเพื่อคุยด้วย

    “เออพี่ แย่แล้วพี่”

    “เออ มีอะไรกัน ว่ามาเลย??” แจ็กเก็ตถามไป

    “ไอ้คนที่เราไปกระทืบเมื่อวาน ตอนนี้เจ้านายของมันรู้แล้วพี่ว่าเป็นพวกเรา”

    “เออ ก็ให้มันมาเลย กลัวอะไรหล่ะ??” แจ็กเก็ตถามไป

    “เออ แต่พวกมันมีเยอะเลยนะพี่ เราจะสู้มันยังไง??”

    “ไม่ต้องห่วง เราจะค่อยๆเล่นงานพวกมันไปทีละส่วน และเมื่อคนของมันน่วมกันหมด เราก็ไปเล่นเจ้านายมันเลย” แจ็กเก็ตพูดขึ้น

    “อ้อ ได้เลยพี่ ถ้าอย่างงั้นผมจะให้พวกเราเตรียมพร้อมนะพี่”

    “โอเค แล้วอีกอย่างนะ เงินที่เราปล้นมาเนี่ยแจกจ่ายไปหรือยัง??” แจ็กเก็ตถามไป

    “แจกหมดแล้วพี่”

    “โอเค ดี ออกไปก่อนไป” แจ็กเก็ตบอกกับลูกน้องของเขา

     

    ณ อพาร์ทเม้นท์หลังหนึ่ง ในย่านที่ค่อนข้างเสื่อมโทรม เป็นที่อยู่ของคิม ในห้องของเธอมีของประดับมากมาย รวมถึงอุปกรณ์สำหรับทำระเบิดทุกขนาดและทุกชนิด ในขณะที่ตัวของเธอกำลังทำระเบิดมือขึ้นมาใช้เอง จู่ๆก็มีเสียงคนเคาะประตูหน้าห้อง

    “ก๊อกๆๆๆ”

    ตัวของคิมวางระเบิดลง จากนั้นก็เดินไปที่หน้าประตูห้อง พบกับชายแก่ชาวเอเชียคนหนึ่งเดินมายื่นซองเอกสารอะไรบางอย่างให้กับคิม ตัวของคิมรับมาและกลับเข้าไปในห้องของอย่างรวดเร็ว ตัวของเธอเดินกลับไปที่โต๊ะพร้อมกับเอาเอกสารในนั้นออกมา ซึ่งด้านในคือเงินนั่นเอง พร้อมกันนั้นก็มีรูปของตึกหลังหนึ่งอยู่ด้วย

    “อืม งานต่อไปงั้นเหรอ??”

    ตัวของคิมลองอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม พบว่าตึกหลังนั้นเป็นตึกสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง และมันมีข้อความด้วย

    “ตึกนี้เป็นที่ทำการหนึ่งของธนาคารมืด”

    “เฮ้ย ธนาคารมืด เอาจริงเหรอเนี่ย??” คิมถามไป แต่เมื่อเธอได้เห็นจำนวนเงินค่าตอบแทนเธอก็ถึงกับอึ้ง

    “2 ล้านเหรียญ”

    “โห 2 ล้านเลยเหรอ น่าลองแหะ” คิมพูดขึ้น พร้อมกันนั้นเธอก็เก็บเงินกลับเข้าไปในซอง จากนั้นเธอก็หยิบระเบิดขนาดจิ๋วซึ่งเธอออกแบบเองกับมือออกมา

    “อืม ได้เวลาทดสอบแล้วสินะ” คิมพูดขึ้น

     

    ณ ค่ายในภูเขาอุทยานแห่งหนึ่งในสหรัฐ หลังจากที่กลุ่มเซียยาครูดของลีฟาได้ทำการสังหารหมู่กลุ่มโจรภูเขาซึ่งลักลอบปล้นผู้คนที่ผ่านตามรายงานมา พวกเขาก็ได้รับค่าตอบแทนตามที่ได้ตกลงกับนายจ้างไว้ ตอนนั้นลีฟาเองก็แบ่งเงินให้กับลูกน้องของเขาไปด้วย

    “เอาหล่ะทุกคน หลังจากที่แบ่งไปแล้วก็อย่าใช้กันหมดหล่ะ” ลีฟาพูดขึ้น

    “ได้เลยพี่ เออนี่ลูกพี่ ผมถามอะไรหน่อยสิพี่”

    “เออ ว่าไงวะ??” ลีฟาถามไป

    “ไอ้พวกโจรภูเขาพวกนั้นมันอยู่ภายใต้อิทธิพลของพวกเรดเน็คบอย แล้วพวกมันจะไม่ตามล่าเราเหรอพี่??”

    “ถึงพวกมันจะเป็นกลุ่มโจรชื่อดัง แต่พวกมันก็แค่กลุ่มคนติดอาวุธ ไม่ใช่นักรบแบบเราซะหน่อย” ลีฟาพูดขึ้น

    “เออ นั่นสิพี่” ลูกน้องของเขาพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ลูกน้องของเขาอีกคนหนึ่งก็ขี่มอเตอร์ไซค์มาหาลีฟา จากนั้นก็พูดอะไรบางอย่าง

    “ลูกพี่ พวกมันกำลังมาพี่!!”

    “อะไร พวกไหนกันวะ??” ลีฟาถามไป

    “ไอ้พวกที่เราเล่นงานไปเมื่อไม่กี่วันก่อนไงพี่”

    “เออ ให้พวกมันมาเลย ฉันจะเล่นพวกมันให้ยับ ไปเตรียมอาวุธ” ลีฟาพูดขึ้น ก่อนที่ลูกน้องของเขาจะแยกย้ายกันไปเตรีรยมอาวุธทั้งเบาและหนัก เพื่อใช้ในการรับมืออย่างรวดเร็ว

    “เอาหล่ะ เอาระเบิดไปวางไว้ตามทางด้วย” ลีฟาสั่งลูกน้องของเขาไป

     

    กลับมายังบ่อนของมิคาสุกิ ในวันนี้ตัวของมิคาสุกิเองก็กำลังนั่งพักอยู่ในห้อง และในขณะเดียวกันนั้นเอง ลูกน้องของเธอคนหนึ่งก็เดินมาหาเธอเพื่อมาพูดคุยด้วย

    “คุณมิคาสุกิครับ ดูเหมือนว่าไอ้คนที่เราจัดการมันไปเมื่อวาน มันเรียกลูกพี่มันมาครับ!!”

    “อ้อเหรอ เดี๋ยวฉันลงไป บอกพวกเราเตรียมอาวุธไว้” มิคาสุกิพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็หยิบเอาปืนพกกระบอกเล็กกระบอกหนึ่งไปด้วย จากนั้นก็เดินลงไปด้านล่างซึ่งลูกน้องของเธอกำลังรออยู่แล้ว

    “ทุกคนคะ เล่นกันต่อเถอะค่ะ!!” มิคาสุกิจะโกนบอกกับลูกค้าในบ่อนของเธอ ก่อนที่ตัวของเธอและลูกน้องทั้งหมดจะเดินออกไปหน้าบ่อน ซึ่งในตอนนั้นชายอ้วนที่มีประเด็นกับเธอเมื่อวันก่อนก็พาชายวัยกลางคนคนหนึ่งมาด้วย

    “ลูกพี่ ยัยนี่มันหักหน้าผมครับ!!”

    “เอ้า ลูกน้องของคุณเล่นเสียเองแล้วจะมาโวยวายอะไรหล่ะ??” มิคาสุกิถามไป

    “แล้วผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณจะไม่โกงลูกน้องผม??” ชายวัยกลางคนคนนั้นถามไป

    “เอ้า คุณก็รู้จักฉันมานานนี่ คุณทอมสัน” มิคาสุกิพูดขึ้น

    “ยัยนี่มันโกงผมพี่ พี่ต้องช่วยผมนะ!!” ชายอ้วนคนนั้นพูดต่อ

    “เฮ้อ คุณทอมสัน ฉันว่าคุณพาหมอนี่กลับไปเถอะค่ะ” มิคาสุกิพูดขึ้น

    “แล้วถ้าฉันไม่กลับหล่ะ??” ทอมสันถามไป

    “ถ้าอย่างงั้นฉันคงต้องไปคุยกับท่านซัลแล้วหล่ะค่ะ” มิคาสุกิพูดขึ้น

    “นี่ มึงจะเอาคุณซัลมาขู่พวกเรางั้นเหรอ??” ชายอ้วนคนนั้นถามต่อ แต่ในตอนนั้นทอมสันสั่งให้เขาหยุดก่อน

    “หรือท่านอยากจะลองก็ได้นะคะ” มิคาสุกิพูดขึ้น

    “ก็ได้ งั้นให้ท่านซัลมาไกล่เกลี่ยก็แล้วกัน พวกเรากลับ!!” ทอมสันพูดขึ้น ลูกน้องของทอมสันที่เหลือต้องรีบกลับกันอย่างโดยดี และเมื่อพวกนั้นกลับไปกันหมดแล้ว มิคาสุกิก็พูดขึ้น

    “โทรหาคุณซัลให้ฉันหน่อย” มิคาสุกิสั่งลูกน้องของเธอ

     

    ณ อพาร์มเม้นท์แห่งหนึ่ง ห้องพักของโจชัวซึ่งในตอนนี้กลับมาที่ห้อง ตัวของเขาเรียกคุณโสมาใช้บริการ และเมื่อตัวของเขาเสร็จกิจ ตัวของเขาก็โยนเงินให้กับเธอแล้วรีบไล่เธอออกไปอย่างรวดเร็ว 

    “นี่ จะไปไหนก็ไปได้แล้ว!!” โจชัวพูดขึ้น คุณโสคนนั้นรีบใส่เสื้อผ้าอย่างเร่งรีบและออกจากห้องไป ส่วนตัวของโจชัวเองก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหาใครบางคน

    “เฮ้ โจอี้ เป็นยังไงบ้าง??”

    “โจชัว ว่ายังไงหล่ะ??”

    “เออ เรื่องส่วนแบ่งฉันเนี่ยได้หรือยัง??”

    “เออๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเอาไปให้นาย”

    “เออ เร็วๆหล่ะ ช่วงนี้ร้อนเงินอยู่” โจชัวพูดขึ้น

    “อะไรกันวะ เงินคราวที่แล้วก็ใช้หมดแล้วเหรอ??”

    “เออ มีเรื่องต้องใช้เงินนิดหน่อย แต่ไม่ต้องห่วง นายก็รู้นี่ว่านายได้กำไรเพราะฉัน” โจชัวพูดขึ้น

    “เออ เอาที่สบายใจ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเอาเงินไปให้” โจอี้ตอบกลับไป

     

    กลับมายังเขตบ้านไร่ของแคสซิดี้ ในวันนี้ตัวของเธอได้เชิญแขกคนหนึ่งมาที่บ้าน ซึ่งเป็นกลุ่มชายใส่ชุดสูทดูภูมิฐาน แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือทุกคนใส่หน้ากากกันหมด พวกเขาอยู่กันที่ห้องรับแขก ซึ่งแคสซิดี้เองก็กำลังนั่งรอเขาอยู่แล้ว และเมื่อทุกคนมาพร้อมกัน การพูดคุยก็เริ่มขึ้น

    “สวัสดีคุณแคสซิดี้” ชายใส่หน้ากากหมูคนหนึ่งพูดขึ้น

    “แหม่ พวกคุณโทรคุยกับฉันก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องถ่อมาเองเลย” แคสซิตี้พูดขึ้น

    “เรื่องนี้คุยกันเองมันปลอดภัยกว่า”

    “เอาเถอะ พวกคุณต้องการอะไรหล่ะ??” แคสซิตี้ถามไป

    “ทางองค์กรต้องการให้คุณช่วยควบคุมผลประโยชน์ในเท็กซัสทั้งหมดหน่ะ”

    “เรื่องนั้นฉันพอรู้แล้ว แต่มันยังมีบางก๊กที่ไม่ยอมฟังฉันหน่ะสิ” แคสซิตี้พูดขึ้น

    “คุณจัดการไม่ได้เลยเหรอครับ??”

    “ตอนนี้ฉันต้องการอาวุธกับคนเพิ่มหน่ะ” แคสซิตี้พูดขึ้น

    “พวกเราเตรียมไว้ให้แล้ว ถ้าคุณตกลง พรุ่งนี้อาวุธจะถูกส่งมาครับ”

    “เอาเถอะ ว่าไงว่าตามกัน ฉันก็ต้องทำงานกับพวกคุณอีกนานนี่นะ” แคสซิตี้พูดขึ้น

    “ครับผม ยินดีมากที่คุณช่วยเหลือองค์กรของเรา”

    “ยังไงก็ส่งมาตามที่สัญญาไว้แล้วกัน” แคสซิตี้ตอบกลับไป

     

    ณ สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง ในย่านอันตรายของเมือง แต่ดูเหมือนว่าความโหดร้ายทุกอย่างจะมาหยุดอยู่แค่ที่หน้าสถานเลี้ยงเด็กแห่งนั้น ตัวของซีคที่ใส่เสื้อหนังและปกปิดตัวเองขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดที่บริเวณไม่ห่างจากสถานเลี้ยงเด็กนัก พี่เลี้ยงเด็กคนหนึ่งสังเกตเห็นซีคเขา เธอเลยเดินไปหาเขาอย่างรวดเร็ว

    “สวัสดีคุณซีค”

    “ลูกผมเป็นยังไงบ้างครับ??” ซีคถามไป

    “อ้อ ตอนนี้เขาก็สบายดีหน่ะ”

    “อืม ดีแล้วหล่ะครับ”

    “คุณจะไม่ไปหาเขาจริงๆเหรอ??” 

    “เดี๋ยวก็เหมือนเดิม เขาไม่อยากเจอผมหรอก แล้วผมก็ไม่มีหน้าไปเจอเขาด้วย” ซีคพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็หยิบเอาซองเงินออกมา จากนั้นก็ยื่นให้พี่เลี้ยงคนนั้น

    “อืม ผมหามาได้แค่นี้” ซีคพูดขึ้น พี่เลี้ยงเด็กเองก็เก็บเงินมา

    “ฉันจะดูแลเขาเอง คุณไม่ต้องห่วงไปหรอก”

    “อืม ถ้าเป็นคุณผมก็ไม่ห่วงอะไรแล้ว” ซีคตอบไป

     

    ณ สถานีตำรวจ ซึ่งในตอนนี้มีการแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายกันมากมายจนตำรวจเองทำงานกันไม่หวาดไม่ไหว ตัวของฟิลลิปเองก็พยายามสะสางคดีต่างๆ ทั้งการปล้น การฆาตกรรม และอีกหลายอย่าง ในขณะเดียวกัน แอนนาและคาร์ลซึ่งฟิลลิปได้เรียกมาคุยในห้องบังคับบัญชาของเขา และคุยกันเรื่องคดีต่างๆ

    “ท่านครับ ตอนนี้ธนาคารถูกปล้นหลายรอบมาก จาก 20 คดี เราสะสางไปได้แค่ 3 ในเดือนนี้เองครับ” คาร์ลพูดขึ้น

    “ห่ะ ทำไมกัน เราเองก็ส่งคนไปตามจับแล้วนี่??” ฟิลลิปถามไป

    “ดูเหมือนว่าพวกมันมีมือมืดหนุนหลังอยู่ เราเลยตามสืบอะไรเพิ่มเติมไม่ได้ค่ะ” แอนนาตอบไป

    “กะไว้แล้วไม่มีผิด แล้วเรื่องปล้นร้านลำที่เราไปสืบกันวันนั้นหล่ะ??” ฟิลลิปถามไป

    “อ้อ ตอนนี้เราเตรียมตัวส่งเรื่องฟ้องศาลแล้วค่ะ พนักงานร้านที่เป็นผู้ต้องหาชื่อซินดี้ สมิทธิ์ เธอมีคดีหลายคดีมาก ทั้งลักทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย เธอเริ่มก่อคดีครั้งแรกตอนอายุ 14 ค่ะ” แอนนาตอบไป

    “สงสัย คงจะได้เปิดการ์ด ข้าคือเยาวชนอีกแน่ๆเลยนะครับ รุ่นพี่” คาร์ลพูดขึ้น

    “นั่นสิ โจรที่เราจับมาได้อายุน้อยลงทุกวัน นี่เราก็เพิ่งจะจับเด็กอายุ 12 ที่เพิ่งจะวิ่งราวทรัพย์คนแก่ไป” ฟิลลิปพูดขึ้น

    “เฮ้อ น่าจะตายๆให้หมด ไอ้เด็กนรกพวกนี้” แอนนาพูดขึ้น

    “ใจเย็นๆนะรุ่นพี่ กฎหมายทำอะไรเด็กพวกนี้ไม่ได้มากหรอกครับ” คาร์ลพูดขึ้น

    “เอาเถอะ ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดให้รกหัวเลย ให้เรื่องนี้เป็นเรื่องของพวกคุ้มครองเด็กเถอะ แล้วนี่ยังมีคดีฆาตกรต่อเนื่องที่ยังสืบหาตัวไม่ได้อีก” ฟิลลิปพูดขึ้น

    “ใช่ครับ ล่าสุดก็เพิ่งจะฆ่าผู้หญิงไปคนหนึ่งนี่ครับ” คาร์ลพูดขึ้น

    “อ่า เอาเถอะ ยังไงก็ไปตามล่ามันก็ได้” แอนนาพูดอย่างตะกุกตะกัก

    “นั่นสิ แต่ไม่ต้องห่วง ฉันให้จอห์นนี่ไปจัดการแล้ว” ฟิลลิปพูดขึ้น

    “อ้อ พี่จ่าจอห์นนี่เหรอครับ ก็ดีนะครับ” ฟิลลิปพูดขึ้น

    “อ้อค่ะ ถ้าอย่างงั้น ฉันจะไปตามหาตัวไอ้คนที่มันปล้นร้านชำก่อนนะคะ” แอนนาพูดขึ้น

    “โห ทำไมหล่ะพี่ ดูท่าพี่จะจริงจังนะ??” คาร์ลถามไป

    “จากที่ฉันลองสืบมา ฉันว่ามันน่าจะมีส่วนเกี่ยวกับข้องกับการปล้นร้านค้าในครั้งก่อนๆแน่ๆ” แอนนาพูดขึ้น

    “เอาเถอะ ยังไงก็ตามสบายแล้วกัน ตอนนี้พยายามเคลียร์คดีกันให้ได้ก็ดี แต่อย่าให้คนบริสุทธิ์ต้องมาโดนไปด้วยหล่ะ” ฟิลลิปบอกกับทั้งคู่ ก่อนที่แอนนาและคาร์ลจะทำความเคารพเขาและพากันเดินออกมา

    “เออรุ่นพี่ เราไปหาไรกินกันเถอะ” คาร์ลพูดขึ้น

    “อืม นั่นสิ ฉันเองก็หิวเหมือนกัน” แอนนาตอบกลับไป

     

    กลับมายังคาสิโนของเอ็นโซ ด้านหลังคาสิโนซึ่งเอ็นโซใช้มันในการซ้อมทรมานแก๊งฝ่ายตรงข้าม ในวันนี้ตัวของเขาได้เล่นงานเด็กเดินยาคนหนึ่งอย่างดุเดือด พร้อมกันนั้นก็สอบถามอะไรบางอย่างจากมัน

    “เฮ้ย มึงจะบอกหรือเปล่าวะ??” ลูกน้องของเอ็นโซถามไป

    “เดี๋ยวๆๆๆ ผมยอมแล้ว ยอมบอกทุกอย่างแล้ว!!” ชายคนนั้นตอบไป

    “เออ บอกกูมา ใครมันเป็นโตโผที่เอายามาปล่อยในที่กูวะ??” เอ็นโซถามไป

    “ผมรับยามาจาก XT เอเย่นต์แก๊ง Balls ครับ”

    “อ้อ ไอ้พวกบ้านั่นเอง” เอ็นโซพูดขึ้น

    “ตอนนี้พวกเขากำลังขยายอิทธิพล ไม่มีใครหยุดได้ครับ” ชายคนนั้นพูดอย่างลนลาน

    “อ้อเหรอ งั้นกลับไปบอกมันด้วย ว่ากูจะหยุดพวกมันให้ดู” เอ็นโซพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะพยักหน้าให้ลูกน้องของเขา จากนั้นลูกน้องของเขาก็ลากมันออกไปด้านนอกในทันที

    “ตอนนี้พวก Balls มันมีเยอะนะพี่ เราจะสู้กับพวกมันเหรอพี่??” ลูกน้องของเขาถามไป

    “ไม่ต้องห่วงหรอก คุณซัลช่วยได้อยู่แล้ว รีบติดต่อคุณซัลให้ฉัน” เอ็นโซพูดขึ้น

    ณ ถนนเส้นหนึ่งซึ่งมุ่งหน้าไปยังชิคาโก้ รถยนต์ซึ่งอลอนโซ่ใช้เดินทางเพื่อไปทำธุระที่ชิคาโก้ ในตอนนั้นตัวของเบลได้รับโทรศัพท์จากใครบางคน หลังจากนั้นเธอก็มารายงานสิ่งที่เธอได้ยินให้กับอลอนโซ่ได้ฟังในทันที

    “คุณอลอนโซ่คะ คุณเอ็นโซติดต่อมา พวกเขาบอกว่าพวกที่มาปล่อยยาในเขตของเรา เป็นพวก Balls ค่ะ” เบลพูดขึ้น

    “อืม คิดไว้แล้วไม่มีผิด”

    “ค่ะ ที่ชิคาโก้เองก็เป็นแหล่งของพวกมันด้วยนะคะ” เบลพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงหรอก ถึงจะแก๊งเดียวกัน แต่ก็คนละสายกัน”

    “คนละสายเหรอคะ??” เบลถามไป

    “ใช่ ตอนที่พวกมันขยายอำนาจกันใหม่ๆ หัวหน้าแก๊งของแต่ละรัฐเกิดขัดแย้งกัน สุดท้ายเลยไม่คบค้ากันอีกเลย” 

    “อ้อ ผลประโยชน์สินะคะ” เบลพูดขึ้น

    “อืม แล้วนี่ เรื่องที่พักเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” 

    “อ้อ ฉันเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ” เบลตอบไป

     

    กลับมายังโรงงานของอเลสเซีย ในวันนี้ตัวของได้ทำการต่อรองซื้อขายเงินปลอมของเธอแลกกับเงินจริงกับตัวแทนของประเทศต่างๆ หลังจากที่การพูดคุยกันจบ พวกเขาก็ได้ข้อสรุปกันว่าพวกเขาจะซื้อเงินดอลลาห์แลกกับเงินของประเทศซึ่งมีเศรษฐกิจที่ค่อนข้างเข้มแข็ง อย่างเช่นเงินเยนของญี่ปุ่น

    “พวกนั้นต่อรองมาว่า 1 ล้านดอลลาห์ปลอมของเราแลกกับ 30 ล้านเยนญี่ปุ่นครับ”

    “อืม ดี ข้อเสนอดีเหมือนกัน ฉันว่าจะรับเงินวอนเกาหลีใต้ด้วย” อเลสเซียพูดขึ้น

    “นั่นสิครับ ตอนนี้เกาหลีใต้เองก็เริ่มฟื้นฟูเศรษฐกิจแล้วด้วย” ลูกน้องของเธอพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง โทรศัพท์สายหนึ่งก็ติดต่อหาอเลสเซียอย่างรวดเร็ว เธอรีบรับสายในทันที

    “ฮัลโหล”

    “อ้อ เบลเหรอ เรื่องเงินเป็นยังไงบ้าง??”

    “ดี เอ็นโซพอใจใช่หรือเปล่า??”

    “โอเค อย่าลืมที่ตกลงไว้ด้วยแล้วกัน” อเลสเซียพูดขึ้นก่อนที่จะวางสายไป

    “ดูเหมือนจะไปได้ด้วยดีนะครับเนี่ย” ลูกน้องของอเลสเซียพูดขึ้น

    “เอาเถอะ นายไปจัดการเรื่องซื้อขายเงินดีกว่า” 

    “รับทราบครับ”

     

    ณ สถานบันเทิงเนฟเรนโซ ในวันนี้ตัวของอาเรียน่ากำลังนั่งพักอยู่ในห้องพักสถานบันเทิงของเธอ โดยที่เธอเองก็รอโทรศัพท์จากใครบางคนไปด้วย และไม่นานนัก โทรศัพท์สายหนึ่งก็ดังขึ้น ตัวของอาเรียน่ารับสายในทันที

    “ฮัลโหล??”

    “คุณสบายดีนะ อาเรียน่า??”

    “อ้าว คุณอดัม เดินทางเป็นยังไงบ้างคะ??” อาเรียน่าถามไป

    “ก็ดีครับ ขอบคุณข่าวที่คุณได้มาด้วย”

    “ยินดีค่ะ ตอนนี้ฉันเตรียมของสำหรับงานที่เช็กแล้วค่ะ แต่ว่า ตอนนี้มาคารอฟหนีไปสวิสแล้วนะคะ” อาเรียน่าพูดขึ้น

    “เรื่องนั้นผมได้ข่าวแล้ว เพื่อนผมจะจัดการเอง” 

    “ค่ะ มาคารอฟเสี่ยงมากเพื่อช่วยพวกเรา ยังไงก็ต้องช่วยพวกเขานะคะ” อาเรียน่าพูดขึ้น

    “แน่นอน ผมไม่ปล่อยให้หมอนั่นเป็นอะไรไปหรอก” 

    “ค่ะ แบบนั้นค่อยโล่งใจหน่อยค่ะ” อาเรียน่าตอบไป

     

    ณ มหาวิทยาลัยในนิวยอร์ก ในวันนี้ตัวของฮิคาริและเอโลอีสได้เดินออกมาจากห้องเรียนหลังจากที่หมดคาบเรียนแล้ว พวกเธอทั้งคู่เดินไปตามทางเดินมหาลัยซึ่งในตอนนี้ไม่ค่อยมีนักศึกษา พวกเธอทั้งคู่พูดคุยกันถึงเรื่องสัพเพเหระกันไประหว่างทางด้วย

    “เออนี่ เมื่อคืนได้คุยกับแฟนเธอหรือเปล่า??” เอโลอีสถามไป

    “อ้อ ก็คุยกันอยู่ เขาบอกว่าช่วงนี้กำลังมีงานใหญ่หน่ะ”

    “อ้อ ดูท่าจะงานหนักเหมือนกันนะเนี่ย ก็พวกแฮ็กเกอร์อ่ะนะ” เอโลอีสพูดขึ้น

    “ว่าแต่ ที่บ้านของเธอตอนนี้เป็นยังไงบ้างหล่ะ??” ฮิคาริถามไป

    “ก็ยังไม่มีอะไรหรอก พวกตาแก่ที่บ้านฉันจัดการได้อยู่แล้ว” เอโลอีสพูดขึ้น 

    “เฮ้อ เมื่อไหร่จะถึงพรุ่งนี้ซะทีนะ??” ฮิคาริถามไป

    “หือ พรุ่งนี้เธอจะไปไหนเหรอ??” เอโลอีสถามไป

    “พรุ่งนี้เขาบอกว่าจะพาฉันไปชายหาดหน่ะ” ฮิคาริพูดขึ้น

    “หู แบบนั้นก็ดีหน่ะสิ พรุ่งนี้ก็เลิกเร็วด้วยนี่ อาจารย์เข้าโรงบาลด้วย” 

    “ห่ะ ทำไมกันหล่ะ??” ฮิคาริถามไป

    “ก็จะเรื่องไหนอีกหล่ะ ก็โดนกระทืบชิงทรัพย์นั่นหล่ะ เมื่อวานนี้เอง” เอโลอีสพูดขึ้น

    “เฮ้อ แม้แต่สถานศึกษาก็ไม่ปลอดภัยสินะ” ฮิคาริพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง นักศึกษาคนหนึ่งกำลังจะวิ่งมากระชากกระเป๋าฮิคาริ

    “หมับ!!”

    ฮิคาริจับไว้ได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะดึงกลับมาแล้วเตะเข้าก้านคอของนักศึกษาคนนั้น

    “ตุ๊บ!!”

    “บ้าเอ้ย ปล่อยเธอนะ!!” เอโลอีสพูดขึ้นก่อนที่จะเตะเข้าไปที่หน้าของนักศึกษาคนนั้น หมอนนั่นรีบพลิกตัวแล้ววิ่งหนีอย่างรวดเร็วก่อนที่จะโดนจับได้

    “เวรเอ้ย เราคงต้องระวังตัวกันหน่อยแล้วหล่ะ” เอโลอีสพูดขึ้น

     

    ณ ตึกแห่งหนึ่งในประเทศกัมพูชา ในตอนนั้นเสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่องรวมถึงความวุ่นวายต่างๆภายในตึก ซากศพของคนหลายคนกองรวมกัน อาวุธร่วงพื้นกันเกลื่อนกลาด พร้อมกันนั้นกลุ่มคนติดอาวุธกลุ่มหนึ่งที่บุกเข้าไปในตึกก็ตะโกนออกมา

    “พวกเรา จับตัวคนในองค์กรมาให้หมด!!”

    พวกนั้นบุกเข้าไปแล้วฆ่าคนที่ขัดขืนทั้งหมดอย่างรวดเร็ว และไม่นานนัก กลุ่มชายติดอาวุธก็จับกลุ่มคนใส่สูทกลุ่มหนึ่งมาได้แล้วลากมันออกมาอย่างรวดเร็ว

    “คุณเคย์โอะครับ เราจับพวกมันมาได้แล้วครับ!!” ชายคนหนึ่งตะโกนออกมา และไม่นานนัก เคย์โอะในชุดสูทขางพร้อมปืนพกกระบอกหนึ่งก็เดินมายังกลุ่มคนใส่สูทพวกนั้น จากนั้นก็พูดขึ้น

    “สวัสดี พวกแกจะบอกมั้ยว่าพวกแกที่เหลืออยู่ไหน??” เคย์โอะถามไป

    “เดี๋ยวๆๆๆ ผมมีเงิน ผมจะให้หมดเลย อย่าทำผมเลย!!” ชายใส่สูทชาวกัมพูชาพูดขึ้น

    “ฉันไม่ต้องการเงินแก ฉันต้องการอย่างอื่น ถ้าแกร่วมมือดีๆ เราอาจจะปล่อยให้แกมีชีวิตได้อีกวันสองวันก็ได้ เอาตัวไป!!” เคย์โอะตะโกนออกมา และในขณะเดียวกันนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็รีบวิ่งมาหาเคย์โอะพร้อมกับรายงานอะไรบางอย่าง

    “ท่านครับ ตำรวจมาแล้วครับ!!”

    “งั้นเรารีบไปกัน พยายามอย่าให้ตำรวจตายหล่ะ” เคย์โอะพูดไป

     

    ตกดึก ณ ธนาคารมืดซึ่งเป็นเป้าหมายในการปล้นของกลุ่มเน็ตโต้ รถสองคันมาจอดบริเวณไม่ห่างจากโกดังเก่าๆหลังหนึ่ง ซึ่งเปิดบังหน้า ตัวของเคทาโร่เองก็จัดการแฮ็กระบบกล้องวงจรปิดรอบๆ รวมถึงเตรียมการปล่อยไวรัสไปยังเครือข่ายของธนาคาร

    “โอเค ตรงนั้นน่าจะเป็นประตูหลัง แต่พวกพนักงานเก็บขยะอยู่แหะ” ลีโอน่าพูดขึ้นและชี้ไปยังบริเวณประตูหลัง

    “ฉันจะลองดูนะ” ฮาสน่าพูดขึ้น และในตอนนั้นเธอก็เดินออกไปด้านนอกและไปคุยกับพนักงานพวกนั้น พวกพนักงานเห็นคนสวยอึ๋มอย่างเธอก็พากันตกหลุพรางได้ง่าย เธอล่อให้พวกพนักงานออกไปอย่างรวดเร็ว

    “โห เก่งจังหวะ” คาซึฮะพูดขึ้น 

    “เอาเถอะ ดูเหมือนว่าพวกพนักงานออกไปกันหมดแล้วนะ” แคทเทอรีนพูดขึ้น และไม่นานนัก ฮาสน่าก็กลับมาที่รถอย่างรวดเร็วหลังจากที่งานสำเร็จ

    “เรียบร้อย สลบกันหมดแล้ว” ฮาสน่าพูดขึ้น

    “โอเคทุกคน มีเวลา 30 นาทีก่อนที่ระบบรักษาความปลอดภัยของมันจะกลับมา” เคทาโร่พูดขึ้นในขณะที่กำลังนั่งพิมพ์คอมของเขา

    “ถ้างั้นเรารีบไปกันดีกว่า” เน็ตโต้พูดขึ้น

    “เออ ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็ใส่เกียร์หมาเลยนะ” โกสต์พูดขึ้น ก่อนที่พวกเขาจะรีบพากันไปที่ด้านหลังโกดังในทันที พวกเขาแอบเข้าไปด้านในซึ่งตอนนั้นยามคนหนึ่งกำลังยืนอยู่

    “เฮ้ย หยุด..” ยามคนนั้นยังพูดไม่ทันจบ อาร์เทมที่ใส่หน้ากากอัดหมัดเข้าที่หน้าของยามจนร่วงลงไป

    “จัดการเรื่องประตูด้วยหล่ะ” อาร์เทมพูดขึ้นในขณะที่เขาก็ลากตัวของยามที่นอนสลบไปในทันที และพวกเขาเองก็พบกับประตูซึ่งเป็นกลอนล็อคแบบธรรมดา แต่ดูเหมือนว่าจะมีอะไรซับซ้อนกว่าที่คิด

    “โอเค ตาฉันสินะ” เคทพูดขึ้น จากนั้นเธอก็เอาอุปกรณ์ของเธอออกมา โดยที่เคทเองค่อยๆไขตรงนั้นทีตรงนี้ที ไม่นานนัก เธอก็ค่อยๆเปิดประตูออกมา จากนั้นก็ให้ทุกคนรีบเข้าไปในประตูอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ปิดกลับเข้าที่เดิม เจ๋การณ์เห็นอุปกรณ์อะไรบางอย่างที่ประตูก็พูดขึ้น

    “อุปกรณ์ตรวจจับการเปิดประตู หวังว่าเคทาโร่จะแฮ็กมันได้นะ” เจ๋การณ์พูดขึ้น

    “โอเค เราเข้ามาข้างในแล้ว พวกยามต้องเยอะแน่ๆ” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “ตอนนี้เท่าที่ดู เกราะของพวกมันมีส่วนคอ และกระจกหน้าหมวกของมัน ที่กระสุนของฉันเจาะเข้า” มารินะพูดขึ้น

    “โอเค เรามีเวลา 25 นาที ลุยเลย” เน็ตโต้พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็เดินไปตามทางของธนาคารเรื่อยๆ พวกเขาค่อยๆฆ่ายามที่เดินไปเดินมาทีละคน ระหว่างทางนั้นแคมเทอรีนก็ใช้ผ้าของเธอคลุมตัวของยาม จากนั้นก็ทำอะไรบางอย่าง และเมื่อเปิดผ้าออกมา ร่างของยามพวกนั้นก็หายไปในทันที ทำเอาทุกคนถึงกับตกใจมาก

    “มายากลหน่ะ ไม่ต้องสนใจหรอก” แคทเทอรีนพูดขึ้น ในตอนนี้อาร์เทมได้จัดการกับพวกยามส่วนใหญ่ ส่วนตัวของเคทก็ค่อยๆสะเดาะกุญแจเพื่อเปิดห้อง และไม่นานนัก พวกเขาก็เดินทางมาถึงห้องเซฟห้องหนึ่ง ตัวของเจ๋กานต์ก็รีบตรวจสอบเซฟอย่างรวดเร็ว 

    “โอเค รอเดี๋ยวนะ” เจ๋กานต์พูดขึ้นจากนั้นก็เอาอุปกรณ์เจาะเซฟออกมา เธอค่อยๆบรรจงเจาะมันอย่างประณีต เธอใช้เวลาไม่นานนักก็เปิดประตูตู้เซฟได้ เมื่อพวกเขาเจอเงินด้านในก็ถึงกับอึ้งมาก

    “โห กี่ล้านได้วะเนี่ย??” เน็ตโต้พูดออกมา

    “นั่นสิ แต่ดูจากภายนอก ไม่ต่ำกว่า 3 ล้านได้” ฮาสน่าพูดขึ้น

    “โอเค อย่าเสียเวลาเลย เก็บเลย” อีสครินน่าพูดขึ้น ก่อนที่พวกเขาจะพากันโกยเงินเข้ากระเป๋าที่พวกเขาเตรียมมาอย่างรวดเร็ว 

    “เงินมากมายก่ายกองเลยแหะ เออ ว่าแต่ศพของยามพวกนั้นมันจะไปอยู่ที่ไหนนะ??” เคทถามไปในขณะที่กำลังโกยเงินอย่างรวดเร็ว

    “ช่างมันเถอะ ไม่เกี่ยวกับเรานี่” อาร์เทมพูดขึ้นในขณะที่โกยเงินเข้ากระเป๋าส่วนของตัวเอง

    “เออ เงินพวกนี้มันเงินใครกันเนี่ย??” มารินะถามไป

    “พ่อค้ายา นักฟอกเงิน นายทุนหัวขวด เผด็จการประเทศโลกที่สามหน่ะ” เน็ตโต้พูดขึ้นในขณะที่ยังคงโกยเงินไปเรื่อยๆ

    และที่รถของโกสต์และลีโอน่า ในตอนนี้ทั้งคู่เองก็ยังคงรอคนอื่นๆให้กลับออกมาจากธนาคาร ในตอนนั้นทั้งโกสต์และลีโอน่าก็วอติดต่อหากันด้วย

    “นี่เธอ มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า??” โกสต์ถามไป

    “ไม่มี ห่วงตรงนั้นไปเถอะ” ลีโอน่าตอบไป ในขณะที่คาซึฮะเองก็เอาแต่กดมือถือเล่น ส่วนเคทาโร่เองก็พูดขึ้นมา

    “มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า คาซึฮะ??” เคทาโร่ถามเธอไป

    “เออ ไม่มีหรอกน่า ฉันดูอยู่นั่นแหละ” คาซึฮะตอบไป

    “ไม่มีจริงเหรอ ทุกคน เตรียมพร้อมหนี มีรถสองคันกำลังใกล้เข้ามา” เคทาโร่พูดใส่วิทยุที่เชื่อมต่อกับทุกคน

    “โห ท่าจะมันส์แล้วแหะ นี่นายหัวตั้ง ติดเครื่องเลย พวกมันกำลังมา” ลีโอน่าพูดขึ้น 

    “เออๆ ใจเย็นดิ” โกสต์พูดขึ้นก่อนที่จะสตาร์ทรถ และไม่นานนัก กลุ่มของเน็ตโต้ก็ออกมาจากธนาคารได้อย่างวดเร็ว คาซึฮะที่สังเกตเห็นก็พูดขึ้น

    “นั่นไง พวกเรามากันแล้ว” คาซึฮะพูดขึ้น แต่ดูเหมือนว่าจะมีรถยนต์สองคันที่ขับเข้ามาในเขตโกดัง เมื่อพวกมันเห็นรถของโกสต์และลีโอน่า พวกนั้นจึงลงจากรถมาแล้วชักปืนยิงใส่รถของพวกเขาทั้งคู่

    “ปังๆๆๆๆๆๆๆ”

    กลุ่มของเน็ตโต้ไม่รอช้ารีบยิงสวนกลับไปบ้าง จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันไปขึ้นรถในทันทีเพื่อเตรียมตัวหนีจากพวกมัน

    “ออกรถเลย!!” เน็ตโต้ตะโกนออกมา ทั้งลีโอน่าและโกสต์ไม่รอช้ารีบเร่งเครื่องและออกจากโกดังไปในทันที

    ===============================================================

    กลุ่มของเน็ตโต้จะหนีออกจากธนาคารมืดได้หรือไม่ อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×