ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sorova - เมื่อประเทศฉันมันบัดซบ

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 2 : ยกพลขึ้นบก

    • อัปเดตล่าสุด 13 ต.ค. 63


    ตกเย็นในวันนั้นเอง ฟรอนเทียร์พาเนวิสไปฝึกยิงปืนเพื่อให้เขาเตรียมพร้อมสำหรับการรบ ซึ่งห้องใต้ดินของกลุ่มเขามีสนามยิงปืนย่อยอยู่ ฟรอนเทียร์ก็คอยช่วยเหลือเนวิสในการฝึก ซึ่งเนวิสก็ทำได้ค่อนข้างดี เนื่องจากว่าเนวิสชอบยิงปืนอยู่แล้ว

    "ปังๆๆๆ"

    เนวิสยิงเข้าเป้าแทบทุกนัก เนวิสถึงกับอึ้งในความสามารถของเขา และในตอนนั้นเอง เรนิต้าก็เดินลงมาหาพวกเขา แล้วก็ไปทักทายพวกเขาในทันที

    "เฮ้ หนุ่มๆ เป็นยังไงกันบ้าง??"

    "ก็เรื่อยๆหน่ะ หมอนี่ยิงปืนเก่งเป็นบ้าเลย!!" ฟรอนเทียร์พูดขึ้น

    "ก็นิดหน่อยหน่ะ ผมเคยฝึกยิงปืนหน่ะ" เนวิสพูดขึ้น

    "เออใช่ ลูซิน่าอยากเจอพวกนายสองคน ขึ้นไปหน่อยสิ!!" เรนิต้าพูดขึ้น จากนั้นทั้งคู่ก็รีบเดินขึ้นไปด้านบนในทันที ในขณะที่ลูซิน่าและ;วาลิน่าซึ่งผละตัวออกมาจากคอมแล้วมาคุยกับพวกเขาทั้งคู่ในทันที

    "นี่ พวกนายสองคนมาพอดีเลย ฉันติดต่อรอนนี่ที่หาดยารีได้แล้ว" ลูซิน่าพูดขึ้น

    "ติดต่อหมอนั่นได้แล้วเหรอ แล้วเขาว่ายังไง??" ฟรอนเทียร์ถามไป

    "เขาได้ข่าวใหม่ ยืนยันมาแล้ว เขาบอกว่าคุณโโนาทอร์จะนำกำลังยกพลขึ้นบกที่หาดยารีตอนเช้ามืดหน่ะ" วาลิน่าพูดขึ้น

    "จริงเหรอครับ คุณโดนาทอร์จะมาที่นี่เหรอครับ??" เนวิสถามไป

    "ก็ใช่ ได้ยินว่าจะพากำลังพลมาด้วยหล่ะ" เรนิต้าพูดขึ้น

    "ใช่ ตอนนี้เรามีงานใหม่หล่ะ งานของเราคือติดต่อกับกองกำลังคนอื่นๆที่นี่ให้เคลียร์พื้นที่ เพื่อให้กองทัพคุณโดนาทอร์ยกพลขึ้นบกได้หน่ะ" วาลิน่าพูดขึ้น

    "หาดยารีมีจุดเดียวที่พอจะขึ้นบกได้ครับ แต่บริเวณนั้นจะมีภูเขาโอบอยู่ เราคงต้องไปยึดพื้นที่นั้นไว้ครับ" เนวิสพูดขึ้น

    "เฮ้ย นายรู้ได้ไงเนี่ย??" ฟรอนเทียร์ถามไป

    "ผมเคยไปเที่ยวที่นั่นมาก่อน ละแวกนั้นมีหมู่บ้านขาวประมงด้วย ไม่รู้พวกนั้นจะก่อปัญหาหรือเปล่า??" เนวิสพูดขึ้น

    "เรื่องนั้นฉันจะติดต่อให้คนของเราจัดการเอง" ลูซิน่าพูดขึ้น

    "อืม ถ้าอย่างงั้นฉันจะรีบติดต่อพวกเราที่ยังเหลือเลย พวกเธอบอกรอนนี่ด้วยว่าให้รอก่อน" วาลิน่าพูดขึ้น

    "ถ้าอย่างงั้นเราก็ไปกันเลยสิครับคืนนี้" เนวิสพูดขึ้น

    "โอเค ถ้าอย่างงั้นเราก็ไปกันเลย ไม่ต้องใช้รถไปนะ เดี๋ยวคนอื่นจะสังเกต ฉันติดต่อกับคนอื่นๆที่ติดต่อได้ก่อน" วาลิน่าพูดขึ้น

    "เอาหล่ะ เนวิส รู้ว่านายอยากช่วย แต่อยู่หลังพวกเราไว้ก่อนดีกว่า" ลูซิน่าพูดขึ้น

    "ใช่ๆ เอ้านี่ นายใช้กระบอกนี้ไปก่อนแล้วกัน" ฟรอนเทียร์พูดกับเนวิส จากนั้นก็ให้ปืนพกออโต้กระบอกหนึ่งกับเขาไป

    "เอาหล่ะ ตอนนี้เรารีบไปกันดีกว่า จะได้พักที่ชายหาดด้วย ไปเถอะ!!" เรนิต้าพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็เริ่มงานในทันทีหลังจากที่ได้ข่าวมา

     

    กรุงวอชิงตันดีซี สหรัฐอเมริกา หญิงสาวในชุดสูทคนหนึ่งเดินเข้าไปในทำเนียบขาวอย่างมั่นใจ เธอเดินผ่านทหารที่ทำความเคารพเธอ และในตอนนั้นเอง เธอก็เดินเข้าไปในห้องของชายคนหนึ่ง ซึ่งด้านหน้าห้องเขียนว่า รองประธานาธิบดี เธอเดินเข้าไปด้านใน จากนั้นก็ทำความเคารพเขาในทันที

    "เจซซิน ซากาชิมะ C.I.A ยอดฝีมือ งานของคุณที่รัสเซียยอดเยี่ยมมาก!!"

    "ค่ะท่าน ท่านเรียกดิฉันมามีอะไรหรือเปล่าคะ??" เจซซินถามไป

    "คุณรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ที่โซโรวาเกิดอะไรขึ้น??"

    "พอทราบค่ะ ตอนนี้ที่นั่นอย่างกับดินแดนมิคสัญญีเลยค่ะ" เจซซินตอบไป

    "ใช่ แต่ตอนนี้มีข่าวว่านายโดนาทอร์ จาราริก้า เดินทางกลับไปที่นั่นพร้อมกองกำลังติดอาวุธ 500 นาย ซึ่งเราคาดว่าเขากำลังเคลื่อนไหวเพื่อรวมประเทศ งานของคุณก็คือจับตามองเขาให้ดี ดูว่าเขาทำอะไร"

    "ค่ะท่าน แต่ ทำไมเราไม่ฆ่าเขาเลยหล่ะคะ??" เจซซินถามไป

    "ตอนนี้เขาได้รับความนิยมจากคนในประเทศอยู่ ถ้าทำอะไรเขา งานนี้โซโรวาลุกเป็นไฟแน่ๆ"  

    "ค่ะ แต่ว่า ที่นั่นก็มีหลายกลุ่มต้องการขึ้นเป็นใหญ่ ไม่ใช่เหรอคะ??" เจซซินถามไป

    "อืม เพราะฉะนั้น ผมถึงให้คุณจับตาดูเขายังไงหล่ะ แล้วรอคำสั่งอีกที"  

    "รับทราบค่ะ แล้วจะให้ดิฉันออกเดินทางเมื่อไหร่คะ??" เจซซินถามไป

    "วันนี้เลย คุณจะได้ไปที่คอสตาริก้าก่อน แล้วเราจะส่งคุณเข้าไปที่เขต 4 ซึ่งทาง UN พยายามคุมสถานการณ์อยู่ จากนั้นคุณค่อยแฝงตัวเข้าไปเพื่อหาข่าว เรามีสายอยู่ในเมืองหลวง คุณน่าจะไปติดต่อกับพวกเขาได้"  

    "รับทราบค่ะท่าน ดิฉันจะเดินทางเลย!!" เจซซินตอบไป

     

    ณ ค่ายทหารใหญ่แห่งหนึ่ง ใจกลางเขต 2 ซึ่งด้านในวันนี้ดูเหมือนว่าจะไร้ผู้คน แต่ความจริงแล้วพวกเขาไปรวมตัวกันที่ลานกว้างแห่งหนึ่ง ซึ่งที่นั่นบรรดาชาวบ้านและกลุ่มติดอาวุธได้คุกเข่าอยู่ต่อหน้ารูปปั้นรูปหนึ่ง ซึ่งถูกทาด้วยเลือดสีแดงสด และอีกด้านหนึ่ง ชายคนหนึ่งก็เดินมาที่ด้านหน้า แล้วประกาศอะไรบางอย่างผ่านทางโทรโข่ง

    "คุกเข่าต่อหน้าท่านเรดเดวิล ผู้นำสูงสุดของ Khorne เทพเจ้าองค์ใหม่ของโซโรวา!!"

    เมื่อสิ้นเสียงแนะนำ ชายคนหนึ่งในชุดเกราะหนักสีแดงก็เดินออกมาและเผยโฉมต่อหน้าทุกคน และในตอนนั้นเอง ผู้คนต่างก็ก้มหัวให้กับพวกเขา และในตอนนั้นเอง ชายที่ชื่อเรดเดวิลก็หยิบเอาโทรโข่งมา จากนั้นก็ปราศัยกับทุกคนในทันที

    "ชาวโซโรวาทุกผู้ทุกคน บัดนี้ ประเทศที่พวกเจ้ารู้จัก หรือแม้แต่พระเจ้าที่พวกเจ้ารู้จัก ได้ตายจากไปแล้ว เหลือแต่ข้า ที่จะมาปลดปล่อยความทุกข์ยากให้แกชาวโซโรวาทุกท่าน ขนมปังและความสุข จะเป็นของพวกท่านทุกคน เพียงแค่พวกท่านคุกเข่าต่อหน้าข้า!!"

    "เรารับใช้ท่าน ผู้ปลดปล่อยของเรา!!" ทุกคนในนั้นพูดขึ้น

    "แต่วันนี้ ยังมีพวกหน้าโง่บางตัวที่ยังหลงตัวเองอยู่ เราต้องแสดงให้พวกมันเห็น ว่าพวกเราเข้มแข็งแค่ไหน!!" เรดเดวิลพูดขึ้น จากนั้นลูกน้องของเขาก็ลากตัวชายสองคนมาที่ลานกว้าง จากนั้นก็เตรียมดาบใหญ่เล่มหนึ่งมาด้วย

    "ไอ้สองคนนี้ เป็นสายให้กับพวกปีศาจที่อยู่นอกเขต ตามกฎของที่นี่ คนทรยศต้องตายสถานเดียว!!" ลูกน้องของเขาประกาศผ่านโทรโข่ง

    "เลือดเพื่อบูชา Khorne!!" ชายคนหนึ่งตะโกนขึ้น ทำเอาคนอื่นๆตะโกนตามขึ้นมาด้วย

    "ไอ้ระยำ ไอ้พวกโรคจิต พวกแกไม่ได้ตายดีแน่ๆ คิดว่าไอ้โรคจิตจะปกป้องพวกแกได้งั้นเหรอ คุณโดนาทอร์กำลังจะมาแล้ว เขาจะมาตัดหัวพวกแกเสียบประจาน!!"

    "ฉัวะ!!"

    ยังไม่ทันที่หมอนั่นจะได้พูดต่อ ลูกน้องของเขาก็บั่นคอชายคนนั้นไปในทันที

    "เสรีภาพจงเจริญ!!"

    "ฉัวะ!!" ชายอีกคนโดนฟันเข้าไปที่หัว และในตอนนั้นเอง ตัวเรดเดวิลก็เดินกลับเข้าไปด้านในที่พักของเขาในทันที โดยที่มีลูกน้องคนหนึ่งเดินตามตัวเรดเดวิลไปด้วย

    "ไอ้โดนาทอร์มันมาที่นี่อย่างงั้นเหรอ??"

    "ก็แค่ข่าวลือหน่ะครับท่าน!!" ลูกน้องของเขาพูดขึ้น

    "ถึงจะเป็นแค่ข่าวลือแต่ไม่ควรประมาท คืนนี้ส่งคนของเรา 100 ไปสำรวจชายหาดทุกที่ เจอพวกมันที่ไหน ใช้สัญญาณพลุยิงเพื่อเรียกเลย"

    "รับทราบครับท่าน!!"

    "วันนี้ฉันเหนื่อย ขอพักก่อนแล้วกัน!!" เรดเดวิลพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ค่อยๆเดินเข้าไปในห้องของเขาในทันที ปล่อยให้ลูกน้องของเขาทำพิธีบูชายัญกันต่อไป โดยที่พวกเขาเอาเลือดของชายผู้โชคร้ายสองคนมาทาที่รูปปั้นใหญ่ใจกลางลานกว้าง ท่ามกลางเสียงเฮของเหล่าสาวกที่อยู่ตรงนั้น

     

    และอีกด้านหนึ่งของค่ายใหญ่ ในตอนนั้นเอง บาร์มามัสและเคนโนช่า รวมถึงสมุนของเขาส่วนหนึ่งก็เดินทางมาถึง พวกเขาเห็นรั้วลวดหนามธรรมดาๆที่ล้อมรอบ บาร์มามัสใช้คีมตัดลวดหนามตัดมันไป จากนั้นเส้นทางก็เปิดให้พวกเขาเข้าไปในทันที

    "เอาหล่ะ เคนนี่ เราคงต้องขโมยรถของพวกมันด้วยนะ" บาร์มามัสพูดกับเธอ

    "เห็นด้วยนะบาร์ม ลำพังแค่พวกเขาขนอาวุธไปไม่ได้หรอก" เคนโนช่าพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง เด็กชายคนหนึ่งที่ถือปืนกลสั้นก็เดินมาหาพวกเขาทั้งคู่

    "พี่ๆ จะไปกันแค่นี้เองเหรอ??"

    "โธ่ โอเมอร์ บอกแล้วไงให้กลับไปก่อนหน่ะ!!" เคนโนช่าบอกกับเขา

    "โธ่พี่เคนโนช่า ผมอยากจะลุยด้วยนี่" โอเมอร์ตอบไป

    "เอาหล่ะ โอเมอร์ นายตามหลังฉันมาแล้วกัน แล้วส่องดูพวกมันที่เหลือด้วย" บาร์มามัสพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบพากันเข้าไปด้านใน แต่สิ่งที่พวกเขาเห็น พวกเขาเห็นแค่ยามเพียงไม่กี่คนที่เฝ้าอยู่แถวนั้น ซึ่งบาร์มามัสกับเคนโนช่าก็จัดการพวกมันได้สบาย พวกเขาเดินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงโกดังแห่งหนึ่ง ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าเป็นโกดังสำหรับเก็บอาวุธ  

    "โอเมอร์ ไปดูข้างในหน่อยว่ามีอะไรบ้าง??" บาร์มามัสสั่งเขาไป โอเมอร์พยักหน้าจากนั้นก็ใช้ร่างเล็กๆของเขาเข้าไปในช่องของโกดัง

    "นี่ แน่ใจนะว่าจะส่งเขาไปหน่ะ??" เคนโนช่าถามเขาไป และในตอนนั้นเอง โอเมอร์ก็เปิดประตูโกดังออกอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ออกมาคุยกับพวกเขา

    "พี่ๆ ด้านในกระสุนเพียบเลยพี่ ปืนก็ด้วย ไหนจะระเบิดมือีก!!" โอเมอร์พูดขึ้น

    "เยี่ยมเลย เก่งมาก เคนนี่ เธอรีบไปหารถมาเร็ว!!" บาร์มามัสพูดขึ้น

    "ได้เลย ฉันจัดการเอง" เคนโนช่าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็เดินไปเอารถในทันที ส่วนบาร์มามัสก็นำคนไปขนของในโกดังมา เคนโนช่าเอารถบรรทุกคันหนึ่งมาจอดไว้หน้าโกดัง ส่วนโอเมอร์ก็เฝ้าแถวนั้นไว้ แต่ในตอนนั้นเอง ทหารชุดแดงคนหนึ่งก็เผลอเดินมาแถวนั้น มันดันไปเห็นโอเมอร์ที่ยืนอยู่แถวนั้น ตอนนั้นเองโอเมอร์ก็เผลอไปยิงมันเข้าให้

    "ปังๆๆๆ"

    "แย่หล่ะ รีบขนของไปจากที่นี่เร็ว!!" บาร์มามัสพูดขึ้น  

    "ผม ผมขอโทษ..." โอเมอร์พูดขึ้น

    "รีบไปเร็ว ไปขึ้นรถเร็ว!!" เคนโนช่าพูดขึ้นจากนั้นเธอก็อุ้มโอเมอร์ขึ้นไปบนรถ และในตอนนั้นเอง บาร์มามัสและลูกน้องของเขาก็พากันขึ้นรถด้วย ทหารชุดแดงบางส่วนพยายามยิงรถบรรทุก แต่เคนโนช่าได้ยิงสกัดไว้

    "ปังๆๆๆๆ"

    "พวกมันมาแล้ว หาที่หลบเร็ว!!" บาร์มามัสพูดขึ้น จากนั้นเขาก็รีบออกรถและบึ้งรถออกไปในทันที

    "หวังว่าพวกมันจะไม่ตามมานะ!!" เคนโนช่าพูดขึ้น

    "ผมขอโทษนะครับที่ทำแผนพังหมด" โอเมอร์พูดขึ้น

    "ช่างมันเถอะ ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก" เคนโนช่าพูดขึ้น

    "เอาหล่ะ คงต้องรีบกลับเขตของเราหล่ะ ไม่งั้นพวกมันตามมาแน่ๆ" บาร์มามัสพูดขึ้น จากนั้นเขาก็รีบบึ้งรถกลับไปในทันที

     

    ณ ร้านเพทช็อปแห่งหนึ่งในเมืองหลวง ร้านของอเล็กซานเดอร์ ในวันนั้นเองเขาก็เลี้ยงสัตว์อยู่ในนั้นตามปกติ แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูมาจากด้านหน้า อเล็กซานเดอร์วางกระต่ายของเขาลง จากนั้นก็หยิบปืนลูกโม่ของเขาขึ้นมา แล้วก็เดินไปที่หน้าประตูในทันที จากนั้นก็เปิดประตูไป

    "สวัสดี คุณอเล็กซานเดอร์หรือเปล่า X-Ray ส่งผมมา!!"

    "พวกคุณสองคนสินะ งั้นเข้ามาเลย!!" อเล็กซานเดอร์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็ลากชายสองคนเข้ามาด้านใน แล้วปิดประตูห้องในทันที

    "คุณก็เป็นหนึ่งในขบวนการงั้นเหรอ??" ชายคนหนึ่งถามไป

    "ไม่ใช่ ผมแค่รับจ้างเพื่อเงินกับอาหารหน่ะ พวกคุณสองคน ชื่อรหัส สเน็กกับโอซิรอทสินะ!!"

    "ใช่ ความจริงเรียกผมว่าแจ๊กกี้ เพื่อนผมดีมิทรีก็ได้" แจ๊กกี้พูดขึ้น

    "อ่าๆ ว่าแต่พวกคุณจะอยู่นานหรือเปล่า??" อเล็กซานเดอร์ถามไป

    "ไม่นานหรอกครับ จนกว่ากองทัพสหรัฐจะมาที่นี่หน่ะ" ดีมิทรีพูดขึ้น

    "โห นึกว่าพวกอเมริกันไปหมดแล้วซะอีก" อเล็กซานเดอร์พูดขึ้น

    "เราได้ยินว่าพวกเขากำลังจะมาแล้วครับ" แจ๊คกี้พูดขึ้น

    "ถ้าพวกคุณอยู่กันไม่นาน อย่าทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้หล่ะ ห้องพักพวกคุณอยู่ด้านโน่น เดี๋ยวผมจะเอาของไปให้" อเล็กซานเดอร์พูดขึ้น

    "ครับ ขอบคุณมากครับ!!" ดีมิทรีตอบไป จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็เข้าไปพักที่ห้องในทันที

     

    ณ บ้านหลังหนึ่งในเขตหมู่บ้านจัดสรรของชนชั้นกลาง เมื่อก่อนเคยเป็นที่อยู่ของเหล่ามนุษย์เงินเดือนที่พอจะมีเงินจ่าย แต่ตอนนี้มันกลายเป็นแหล่งเสื่อมโทรม เพราะไม่มีใครมาอยู่อีกแล้ว ที่นี่เลยกลายเป็นแหล่งมั่วสุมของวัยรุ่นติดยาและเหล่าแก๊งค์ต่างๆ ในบ้านหลังหนึ่งซึ่งดูสะอาดสะอ้านกว่าหลังอื่น หญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่นจุดเทียนในบ้าน จากนั้นก็ค่อยๆทิ้งตัวนอนบนเตียงในทันที 

    “เฮ้อ เมื่อไหร่จะได้กลับบ้านนะเนี่ย ฟรานเชสก้า??”

    ฟรานเชสก้าคนนั้นพยายามข่มตานอน แต่ก็ไม่ได้ผลเท่าไหร่ เนื่องจากว่าที่ด้านนอก กลุ่มวัยรุ่นได้เอาแต่ร้องรำทำเพลง สัมมะเลเทเมา รวมถึงทำเรื่องระยำสารพัดชนิดที่บอกได้ไม่หมด แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง

    “ปังๆๆๆ”

    “เพล้ง!!”

    จู่ๆพวกมันก็ยิงปืนกันไปกันมา มันยิงถล่มบ้านของฟรานเชสก้าด้วยความสะใจ แต่เธอก็พยายามข่มตัวเองไว้ไม่ให้ตกใจไปมากกว่านี้ 

    “บ้าเอ้ย เมื่อไหร่จะจบซะทีเนี่ย??”

    ฟรานเชสก้าไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป เธอทำได้แค่ข่มตาหลับ โดยที่ไม่รู้ว่าจะได้ตื่นอีกครั้งเมื่อไหร่ เนื่องจากการมีชีวิตในประเทศนี้ก็ไม่ต่างจากเอาชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายเลย

     

    ณ ย่านตลาดใหญ่ชื่อดังในเมืองหลวง ซึ่งเมื่อก่อนยังมีกลิ่นไอของชีวิตชีวา ผู้คนที่เคยมาเดินตลาดมีมากมาย แต่วันนี้ตลาดขายของมีแต่ของบูดของเน่า ทั้งเนื้อเน่า รวมถึงผักที่ปลูกเองบางส่วน ที่ชาวบ้านปลูกไว้ ตลาดดูไร้ชีวิตชีวา แต่ท่ามกลางตลาดนั้น ยังมีร้านๆหนึ่งซึ่งมีคนไปยืนต่อแถวรออยู่มากมาย หน้าร้านประกับด้วยโคมไฟจีน และชายคนหนึ่งซึ่งกำลังตะโกนขายของๆเขา

    “บะหมี่จ้า บะหมี่ชามละ 1 ดอลล่าห์ อยากกินของสดใหม่ 1 ดอลล่าห์เองจ้า!!”

    ชายหนุ่มเจ้าของร้านบะหมี่นั้นลวกเส้นและตักน้ำซุปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ใส่ชามพลาสติก ยื่นให้กับลูกค้าที่ยังพอมีเงินในทันที 

    “เอ้าๆๆ ไม่ต้องแย่งกัน!!”

    ชายคนนั้นพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็เดินแซงคิวคนอื่นๆ ท่ามกลางสายตาคนนับสิบ จากนั้นก็เดินไปหาชายคนขายบะหมี่คนนั้นในทันที

    “เฮ้ ลื้อไปต่อแถวสิโว้ย!!”

    “หลิว เว่ย ใช่หรือเปล่า??” ชายคนนั้นถามคนขายบะหมี่ไป แต่ชายคนนั้นยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ไป

    “G”

     “หือ G เหรอ ไปรออั๊วด้านใน” คนขายบะหมี่คนนั้นพูดขึ้น จากนั้นชายปริศนาคนนั้นก็ไปนั่งด้านในร้านในทันที

    “ของที่ลื้อต้องการอยู่ในตู้นั้น ลื้อชื่ออะไร??” คนขายบะหมี่ถามไป แต่ชายคนนั้นไม่ตอบ ตามด้วยหยิบของตามที่ชายขายบะหมี่บอก

    “ลื้อไม่ชอบพูดอะไรสินะ อั๊วชื่อหลิว ยินดีที่ได้รู้จัก ลื้อจะมาอยู่กี่วัน??” หลิวถามไป และในตอนนั้นเอง ชายคนนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโชว์ให้หลิวอ่านในทันที

    “ไม่นานเท่าไหร่ เรียกผม G!!”

    “เออๆ G ยังไงก็อยู่ที่นี่ไปก่อนแล้วกัน หรือจะช่วยอั๊วขายบะหมี่ก็ได้นะ!!” หลิวพูดขึ้น แต่ G ไม่สนใจ แล้วก็เดินเข้าไปในร้านของหลิวในทันที และเมื่อเขาเข้ามาในห้องของหลิว เขาก็เห็นกล่องยาวกล่องหนึ่ง ซึ่งมีตัวอักษร G อยู่บนฝากล่องด้วย ในตอนนั้นเองเขาก็เปิดมันในทันที

    “พรึ่บ!!”

    ด้านในมีปืนสไนเปอร์พร้อมกระบอกเก็บเสียงด้านใน G หยิบมันมาใส่กระสุนในทันที ก่อนที่เขาจะทดลองเล็งมันก่อนที่จะทำภารกิจจริงต่อไป

     

    ณ ค่ายทหาร UN ในเขต 4 ที่พักส่วนตัวของมารีนเนอร์ ซึ่งทหาร UN ได้พาเธอไปยังที่พักเพื่อพักผ่อน ทหาร UN แนะนำเกร็ดเล็กน้อยเกี่ยวกับที่พักให้เธอได้ฟัง

    “คุณมารีนเนอร์ครับ ที่พักนี่ปลอดภัย พวกเราจะคุ้มกันตลอด 24 ชัวโมงครับ!!”

    “อืม ฉันไม่ห่วงหรอก ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้างหล่ะ??” มารีนเนอร์ถามไป

    “เราได้ข่าวจากวงในมาว่าโดนาทอร์จะยกพลขึ้นบกที่นี่ครับ!!”

    “อืม ถ้าเขามาก็ดีหน่ะสิ เขาอาจจะช่วยประเทศนี้ได้ก็ได้” มารีนเนอร์พูดขึ้น

    “รู้จักเขาอย่างงั้นเหรอครับ??”

    “ก็เคยไปร่วมประชุมด้วยกันหน่ะ เขาสุภาพมาก และมีแรงปณิธานที่ต้องการจะช่วยประเทศของเขาหน่ะ” มารีนเนอร์พูดขึ้น

    “แล้วสนิทกับเขาหรือเปล่าหล่ะครับ??”

    “ก็สนิทดีนะ เสียดาย ถ้าเขาไม่มีลูกเมียฉันคงสานสัมพันธ์กับเขาแล้วหล่ะ” มารีนเนอร์พูดขึ้น

    “แหม่ ดูท่าทางจะหวานชื่นเชียวนะครับเนี่ย” 

    “นี่ๆๆ นอกเรื่องหล่ะ ไปได้แล้ว วันนี้ฉันจะพักผ่อน พรุ่งนี้ต้องเตรียมพร้อมรับมือเรื่องที่กำลังจะเกิดนะ” มารีนเนอร์พูดขึ้น

    “ครับ ผมจะจัดกำลังคนคุ้มกันเองครับ!!” ทหารของเธอตอบไป

     

    ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขตสี่ เป็นหมู่บ้านริมทะเลซึ่งดูเหมือนจะสงบเงียบเหมาะแก่การมาพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง ในตอนนั้นเอง เรือลำหนึ่งก็แล่นเข้ามาใกล้ฝั่งเรื่อยๆ ฝ่าคลื่นลมอันสงบเงียบ และเตรียมเมียบท่าขึ้นฝั่ง

    “เอาหล่ะทุกคน เตรียมพร้อม!!”

    เรือลำนั้นค่อยๆแล่นเข้าฝั่ง จากนั้นคนในเรือก็รีบลงจากเรือในทันที พวกเขาเล็งอาวุธไปรอบๆเพื่อดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า แต่ก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะปกติดี

    “ชายฝั่งเคลียร์ ทุกคนตามมา!!”

    ทหารหญิงนามซาโตะพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็วิ่งตามซาโตะขึ้นไปบนเขา จากนั้นก็วิ่งไปทางหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งดูไร้ชีวิตชีวาและเหมือนไม่มีใครอยู่ พวกเขาวิ่งเข้าไปในหมู่บ้านแล้วก็สำรวจบ้านแต่ละหลังในทันที ผ่านไป 5 นาที เมื่อวพกเขาค้นหมดแล้วก็ไม่เจออะไร พวกเขาก็เลยมารวมตัวกันในทันที

    “ไม่พบอะไรผิดปกติครับ!!” คัตเตอร์พูดขึ้น

    “ทางนี้ก็ไม่มีค่ะ!!” มิคาเอลพูดต่อ

    “ทางนี้ก็ไม่มีครับ!!” เบ็กเก็ตต์พูดขึ้น

    “ตรงนี้ก็ไม่มีวี่แววเลยค่ะ” การ์เซียพูดขึ้น

    “ทางนี้ก็ไม่มีอะไรเลยครับ!!” เมสันพูดขึ้นต่อ

    “ทางผมก็ไม่มีเหมือนกันครับ” เจสันพูดต่อ

    “ดูเหมือนว่าชาวบ้านจะไปกันหมดแล้ว เอาหล่ะ พวกคุณไปตั้งแนวรับและจัดเวรยามกันไว้ เจสัน นายติดต่อพวกเราที่หน่วยด้วย!!” ปีเตอร์สั่งไป จากนั้นเจสันก็รีบใช้วิทยุในทันที

    “คุณปีเตอร์ ฉันว่าที่นี่มันแปลกๆนะคะ” ซาโตะออกความเห็นไป

    “เอาเป็นว่า จับตาดูบริเวณโดยรอบทุกฝีก้าว มีอะไรรายงานผมเป็นระยะๆ ถ้ามีอะไรผิดปกติ ยิงก่อนได้เลย” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “รับทราบค่ะ ฉันจะจัดการเอง!!” ซาโตะพูดขึ้น จากนั้นเธอก็ไปรวมตัวกับคนอื่นๆเพื่อปฏิบัติภารกิจต่อไป ส่วนปีเตอร์ก็ถือปืนของเขาเดินลาดตระเวนแถวนั้นด้วย

     

     กลับมายังเขต 7 ที่มั่นของกองกำลังไร้เครื่องแบบ ซึ่งบาร์บาร่าเป็นคนคุมทุกอย่าง เธอเดินสำรวจเหมืองแร่บริเวณนั้นเพื่อหาสินทรัพย์เพิ่มเติม โดยที่มีวิศวะกรและนักสำรวจคอยตรวจหาร่วมกับเธอด้วย ในวันนั้นเอง ทหารคนหนึ่งก็รีบวิ่งมาหาเธออย่างเร่งรีบและรายงานอะไรบางอย่างกับเธอในทันที

    “คุณบาร์บาร่าครับ พวกเขาทั้งคู่มาแล้วครับ!!”

    “อืม งั้นเหรอ บอกให้พวกเขามาเจอกับฉันได้เลย” บาร์บาร่าพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็พาชายหญิงคนขาวคู่หนึ่งมาหาบาร์บาร่าซึ่งกำลังรออยู่ และเมื่อพวกเขาเจอกัน พวกเขาก็ทักทายกันในทันที

    “สวัสดีครับคุณบาร์บาร่า!!”

    “เรซนอร์ฟ โพคลอนสกายา ยินดีที่ได้เจอ ที่นี่คงร้อน ไม่เหมือนกับมอสโกนะ??” บาร์บาร่าทักทายทั้งคู่ไป

    “แหม่คุณบาร์บาร่า ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะคะ” 

    “ขอบคุณจ้ะที่พูดความจริง โพคลอนสกายา ว่าแต่ พวกเธอสองคน งานเป็นยังไงกันบ้าง??” บาร์บาร่าตอบไป

    “ตอนนี้ราบรื่นครับผม พวกชาวบ้านยังคงให้ความร่วมมือกับเราดีครับ” เรซนอร์ฟพูดขึ้น

    “แต่ว่า มีข่าวไม่ค่อยดีมาจากทางใต้ค่ะ” โพคลอนสกายาพูดขึ้น

    “หือ ข่าวอะไรเหรอ??” บาร์บาร่าถามไป

    “โดนาทอร์ จาราริก้า กำลังจะกลับมาเคลื่อนไหวในประเทศนี้ค่ะ” 

    “เป็นไปไม่ได้ นึกว่าสหรัฐจะจับตัวเขาแล้วซะอีกนะเนี่ย” บาร์บาร่าพูดขึ้น

    “ถ้าเขากลับมาที่นี่ ประชาชนจะลุกฮือกันใหญ่นะครับ” เรซนอร์ฟพูดไป

    “พวกนั้นคงต้องมาที่เมืองหลวงก่อน กว่าจะมาถึงเราได้ เราคงเตรียมกำลังดักไว้แล้วหล่ะ” บาร์บาร่าพูดขึ้น

    “หรือว่าเราจะไปขอให้พวก Khorne ด้วยหล่ะคะ??” โพคลอนสกายา

    “ฉันไม่อยากให้พวกมันมามีเอี่ยวกับผลประโยชน์ของฉันด้วยหน่ะ” บาร์บาร่าพูดขึ้น

    “ครับ ถ้าอย่างงั้นเราจะเตรียมคนไว้นะครับ ทางใต้คงจะเดินทัพมาทางเราแน่ๆ” เรซนอร์ฟพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง ฉันจะรีบแจ้งท่านนายพลด่วนเลย” บาร์บาร่าบอกพวกเขาไป

     

    กลับมายังเขตชายฝั่ง ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากเมืองหลวงเท่าไหร่นัก กลุ่มของเนวิสและคนอื่นๆก็ได้เคลื่อนพลมายังหัวหาดเพื่อรอการเดินทางมาของกองกำลังคุณโดนาทอร์ เมื่อพวกเขามาถึง พวกเขาก็เจอกับชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งกำลังถือ AKM รออยู่ที่หัวหาด พร้อมกับชายคนหนึ่งในชุดเกราะเหล็ก ในตอนนั้นลูซิน่าและวาลิน่าก็ไปทักทายพวกเขาทั้งคู่ในทันที

    รอนนี่ มาร์ติน เป็นยังไงบ้าง??” ลูซิน่าถามไป

    “ผมไม่เป็นไร มาร์ตินก็โอเคด้วย!!” รอนนี่พูดขึ้น และมาร์ตินก็พยักหน้าไป

    “แล้วนี่ เราควบคุมหมู่บ้านได้หรือยังหล่ะ??” วาลิน่าถามไป มาร์ตินก็พยักหน้าไปด้วย 

    “เฮ้ หมอนี่จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ??” เนวิสถามคนอื่นๆและเล็งไปที่มาร์ติน

    “อย่าไปว่าเขาเลย เขาไม่พูดหน่ะ” ฟรอนเทียร์พูดขึ้น 

    “นี่เด็กใหม่งั้นเหรอ ฉันรอนนี่ คนนี้มาร์ติน อย่าถือสาเลยที่เขาไม่พูดหน่ะ!!” รอนนี่ทักทายเนวิสและจับมือเขาไป

    “ผมเนวิส ยินดีที่ได้รู้จักครับ!!” เนวิสตอบไป

    “แล้วนี่ สถานการณ์เป็นยังไงบ้างหล่ะ??” เรนิต้าถามไป

    “เราได้รับแจ้งว่าคุณโดนาทอร์กับกองกำลังของเขาจะยกพลขึ้นบกที่นี่ ถ้าได้โอกาส ให้จุดไฟเป็นสัญญาณได้เลย” รอนนี่พูดขึ้น

    “รอนนี่เป็นแฮ็กเกอร์มือดีที่สุดที่เรามี ส่วนมาร์ตินเป็นอดีตทหารสหรัฐที่โหดมาก นายอย่าไปล้อเล่นกับเขาดีกว่า” วาลิน่าพูดกับเนวิสไป

    “แล้วนี่ เราจะเริ่มกันเมื่อไหร่ครับ??” เนวิสถามไป

    “โห ใจร้อนซะด้วย อีกไม่นานนี่หล่ะ ไม่ต้องห่วง” วาลิน่าพูดขึ้น แต่ในระหว่างที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นั้น จู่ๆชายคนหนึ่งก็วิ่งมารายงานอะไรบางอย่างกับพวกเขาอย่างหน้าตาตื่น

    “แย่แล้วครับ มีขบวนรถขบวนหนึ่งมาทางนี้ครับ??”

    “พอรู้หรือเปล่าว่าพวกไหน??” ฟรอนเทียร์ถามไป

    “ไม่รู้แน่ครับ แต่พวกมันมีธงแดงด้วยครับ!!”

    “พวก Khorne แน่ๆ เราจะเอายังไงดีหล่ะ??” เรนิต้าถามไป

    “บอกพวกเราทุกคนเตรียมรับมือพวกมัน รอนนี่ นายไปจุดไฟที่ชายหาดได้เลย” ลูซิน่าพูดขึ้น จากนั้นรอนนี่ก็รีบวิ่งไปที่กองไฟกองใหญ่ที่เพิ่งจะก่อ ส่วนมาร์ตินก็ชักปืนกลของเขาออกมา

    “ทุกคน ไปประจำที่ เร็ว!!” วาลิน่าพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบแยกย้ายกันไปในทันที

    และไม่นานนัก ขบวนรถของพวก Khorne ก็มาจอดรถอยู่บริเวณป่าก่อนที่จะถึงหาด พวกนั้นลงเดินและลาดตระเวนในทันทีเพื่อหาตัวกลุ่มต่อต้าน

    “เฮ้ย ระวังไว้ด้วย พวกมันอาจจะซุ่มอยู่ก็ได้!!”

    พวกนั้นเดินลาดตระเวนไปตามทางเรื่อยๆ แต่ในตอนนั้นเอง มันคนหนึ่งก็เหลือบไปเห็นกองไฟกองใหญ่ที่กำลังลุกไหม้ ในตอนนั้นพวกมันก็รีบวิ่งไปดูในทันที

    “เฮ้ย ทำอะไรหน่ะ ดับไฟนะโว้ย!!”

    “ปังๆๆๆๆๆ!!”

    เสียงปืนกลดังขึ้นมาจากข้างทาง ระดมยิงใส่พวก Khorne อย่างดุเดือด พวกนั้นพยายามยิงโต้แต่ก็ไม่รู้ว่าตำแหน่งอยู่ที่ไหน

    “บ้าเอ้ย ซุ่มโจมตี เอารถปืนกลมาเร็ว!!”

    มันคนหนึ่งตะโกนขึ้น จากนั้นรถจิ๊บติดปืนกลคันหนึ่งก็ขับเข้ามาแล้วระดมยิงกดพวกที่ซุ่มยิงในป่า ในตอนนั้นเองเนวิสเห็นจังหวะที่มันเล็งปืนไปทางอื่น วิ่งเข้าไปใส่รถปืนกลคันนั้น จากนั้นก็ยิงพลปืนและพลขับในทันที

    “ปังๆๆๆๆ”

    เนวิสยิงพวกนั้นจนตายหมด จากนั้นตัวเขาก็รีบวิ่งไปที่ปืนกลในทันที เขาขึ้นลำแล้วยิงใส่พวกมันที่เหลือในทันที

    “ย้าก!!” “ปังๆๆๆๆๆๆ”

    เนวิสยิงปืนกลใส่พวกมันจนพวกมันล้มตายเป็นจำนวนมาก พวกของเนวิสที่เหลือก็ค่อยๆเดินออกมาไล่ยิงพวกมันที่เหลืออย่างดุเดือด เสียงปืนดังสนั่นจนตอนนี้ชาวบ้านแทบจะตื่นกันหมดอยู่แล้ว

     

    บนเรือลำหนึ่งห่างออกไปจากชายฝั่งไม่มากนัก ชายคนหนึ่งกำลังถือกล้องส่องทางไกลมองไปที่ชายหาด เขามองเห็นบางอย่างสะดุดตา นั่นก็คือ กองไฟขนาดใหญ่ซึ่งกำลังลุกไหม้ที่หัวหาด พร้อมกับมีเสียงปืนดังมาจากฝั่ง ชายคนนั้นรีบเก็บกล้องในทันที จากนั้นก็พูดขึ้น

    “พวกเขาส่งสัญญาณมาแล้ว รีบบุกเลย!!”

    “คุณโดนาทอร์ แต่เสียงปืนยังไม่สงบนะครับ”

    “พวกเขาอาจต้องการความช่วยเหลือจากเรานะครับ คุณปาโบล!!” โดนาทอร์ตอบไป

    “ครับผม ผมจะให้สัญญาณเลย!!” ปาโบลพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ยิงปืนขึ้นฟ้าหนึ่งนัด

    “ปัง!!”

    เมื่อสิ้นเสียงปืน ขบวนเรือของโดนาทอร์ก็ค่อยๆแล่นเข้ามาในฝั่งทันที พวกเขาแล่นเรือฝ่ากระแสคลื่นลมมาเรื่อยๆ จากนั้นพวกเขาก็เอาเรือมาจอดเทียบท่า แล้วก็ค่อยๆลงจากเรือมาพร้อมกับอาวุธครบมือ จากนั้นไม่นานนัก โดนาทอร์และปาโบลก็ขึ้นบกตามมาด้วย พวกเขาเดินไปพร้อมกับทหารส่วนตัวที่เขาฝึกมา จากนั้นก็ไปสมทบกับพวกของเนวิสในทันที

    “เฮ้ย ข้าศึกบุกจากทางหาด!!” 

    พวก Khorne ที่เหลือตกใจมาก ไม่รู้จะสู้อย่างไรต่อไป พวกนั้นเลยรีบถอนกำลังในทันที แต่เนวิสไม่ยอมจึงยิงสกัดพวกมัน แต่ในตอนนั้นเอง ฟรอนเทียร์ก็วิ่งมาหาเนวิสในทันที แล้วลากตัวเขาลงมาจากรถ

    “อะไรกันเนี่ย??” เนวิสถามอย่างโมโห

    “พวกมันถอยไปแล้ว ใจเย็นสิ เราต้องประหยัดกระสุนไว้นะ!!” ฟรอนเทียร์พูดขึ้น ทำเอาตัวเขาถึงกับสงบลง และคนอื่นๆก็วิ่งมาหาเขาในทันทีอย่างรวดเร็ว

    “นายนี่มันโคตรบ้าเลยหว่ะ!!” รอนนี่พูดขึ้น จากนั้นก็จับมือกับเนวิสไป

    “เฮ้อ ไหนๆเราก็ได้รถปืนกลมาฟรีๆแล้ว” เรนิต้าพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบไปรวมตัวกับกองกำลังของโดนาทอร์ในทันที ซึ่งเขามากับปาโบลด้วย ลูซิน่าและวาลิน่าไปต้อนรับโดนาทอร์ในทันทีเมื่อได้เห็นเขา

    “คุณโดนาทอร์ ขอต้อนรับการกลับมาค่ะ!!” ลูซิน่าพูดขึ้น

    “สวัสดีครับ คุณคงเป็นกลุ่มต่อต้านในพื้นที่สินะ สถานการณ์เป็นยังไงบ้างครับ??” โดนาทอร์ถามไป

    “พวกเราควบคุมได้แล้วค่ะ ตอนนี้รอเวลาแค่ยึดเมืองหลวงแค่นั้น คุณจะได้กำลังเพิ่มขึ้นอีกนะคะ” วาลิน่าพูดขึ้น

    “เรายังมีอาวุธอีกบางส่วนที่ยังรออยู่ที่เรือ ต้องรอให้สถานการณ์ดีขึ้นก่อนหน่ะ” ปาโบลพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง เนวิสที่เห็นโดนาทอร์ก็ถึงกับตื้นตันและพูดอะไรไม่ถูก เขาดีใจมากที่ได้เจอกับโดนาทอร์ ทำเอาตัวเขาวิ่งไปกอดโดนาทอร์อย่างไม่รู้ตัวเลย

    “เฮ้ๆๆๆ ใจเย็นพวก ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้!!” เรนิต้าพูดขึ้น

    “ไม่เป็นไรครับ ผมรู้เขาคงมีอะไรกดดันในใจ" โดนาทอร์พูดกับเนวิส

    “ตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่นี่ ผมเฝ้ารอให้คุณมาปลดปล่อยพวกเรา พวกเราทุกคนต้องการคุณ คุณคือผู้ปลดปล่อยของพวกเรา!!” เนวิสพูดขึ้นพลางน้ำตาไหล

    “ผมปลดปล่อยใครไม่ได้หรอก นอกจากว่าพวกคุณจะช่วยปลดปล่อยตัวเองด้วย อย่างวันนี้ คุณได้ปลดปล่อยตัวเองแล้วหล่ะ” โดนาทอร์พูดขึ้น

    “คุณโดนาทอร์ครับ หมอนี่ใช้ปืนกลยิงพวกมันตายไปมากมายเลยนะครับ” ฟรอนเทียร์พูดออกไป

    “เออใช่ ไอ้พวกชุดแดงนี่เป็นใครกันหล่ะ??” ปาโบลถามอย่างสงสัย

    “เป็นพวก Khorne ครับ ตอนนี้พวกมันกำลังมาขยายอิทธิพลในเขตเมืองหลวงครับ” รอนนี่พูดขึ้น

    “เราต้องปลดปล่อยเมืองหลวงให้ได้ มีพ่อแม่พี่น้องประชาชนมากมายที่ต้องทนทุกข์มานาน ผมจะไม่รออีกต่อไปแล้ว ผมจะสู้กับพวกมันจนเลือดหยดสุดท้าย!!” โดนาทอร์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ตะโกนโห่ร้องกันใหญ่ พวกเขาเตรียมเดินทัพไปเมืองหลวงเพื่อปลดปล่อยชาวโซโรวาให้พ้นจากความทุกข์ยากที่เผชิญมาตลอดหลายปี

    ==============================================================

    พวกของโดนาทอร์กำลังเตรียมการจู่โจมเมืองหลวงแล้ว เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า อาจจะเขียนช้านิดนึง

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลหนูด้วย!!

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×