คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 3 : เพื่อนใหม่
นนท์เดินมาตามถนนของมหาวิทยาลัย
เขาเดินตามหาต้นแอปเปิ้ลใหญ่ดังกล่าว เขาถามทางนักศึกษาแถวนั้นไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งเขามาเจอกับต้นแอปเปิ้ลต้นนั้นจนได้ แต่ในระหว่างที่เขากำลังจะเข้าไปใกล้
จู่ๆก็มีกลุ่มนักศึกษาขาโจ๋สี่คนมาล้อมกรอบเขาไว้ นนท์ถึงกับตกใจแต่ก็ยังพยายามใจเย็นอยู่
“เฮ้ย ไอ้ยุ่น มาทำอะไรแถวนี้วะ”
พวกนั้นรุมเข้าจัดการนนท์
แต่นนท์ก็จัดการพวกเขาได้โดยการประเคนทั้งมวยไทยและยูโดเล่นงานพวกเขา
พวกนั้นไม่คุ้นชินกับมวยไทยของนนท์จึงทำอะไรนนท์ไม่ได้ แต่ในตอนนั้นเอง
จู่ๆก็มีคนมาแตะไหล่เขา นนท์หันไปต่อยแต่เธอรับหมัดของนนท์ไว้
“นี่นายจะต่อยฉันเหรอ”
เสียงนั่นคือลินน์รีด
นนท์รีบเก็บมือแล้วถอยออกมาในทันที
“นี่ นายคิดจะขโมยของฉันงั้นเหรอ” ลินน์รีดถามนนท์อย่างจริงจัง
“ถ้าผมจะทำแบบนั้น
ผมเอามันไปให้พวกเคมเปนไตไม่ดีกว่าเหรอ” นนท์พูดแล้วจ้องมองไปในตาของลินน์รีด
“แล้วนี่ เธอยังเก็บของๆฉันไว้หรือเปล่า”
“แน่นอน” นนท์ยื่นซองของลินน์รีดให้กับเธอ
โดยที่จดหมายและรูปยังอยู่ดีทุกประการ
“ผมไม่ได้อ่านหรอกนะ” นนท์พูดกับรีด
“ขอบใจมากนะที่เธอช่วยฉัน ฉันลินน์รีด แล้วนายหล่ะ” ลินน์รีดยื่นมือหานนท์
“ผมนนท์ นนทกานต์” นนท์ยื่นมือจับรีดในทันที
“นี่รีด เราจะไว้ใจไอ้ยุ่นนี่จริงๆเหรอ” โจอี้พูดขึ้น
“ฉันเป็นคนไทยเว้ย ไม่ใช่ญี่ปุ่น” นนท์พูดอย่างหัวเสีย
“อ้อ ราชอาณาจักรไทย ลูกน้องญี่ปุ่นสินะ” ดันเต้พูดขึ้น
“อย่านอกเรื่องกันเลย แต่ว่านี่
ฉันถามอะไรอีกอย่างได้หรือเปล่า วันนี้ที่นายล้มไปกลางมหาลัย
นายเป็นอะไรหรือเปล่า” ลินน์รีดถามนนท์
“มันเป็นมาตั้งแต่เกิดแล้วหล่ะ
ผมเห็นภาพพวกนั้นทุกครั้งที่ฝัน แบบในรูปพวกนั้นยังไงหล่ะ” ลินน์รีดดูรูปสามรูปที่ออลเรียสให้เธอเก็บไว้
“นี่เธอเห็นหมดเลยเหรอ”
“ยิ่งกว่านี้ก็เห็นอีกนะ เอาเป็นว่าผมขอตัวก่อนก็แล้วกันนะ
ผมจะไปนอนก่อน” นนท์เดินกลับไปยังหอพักของนนท์ ในระหว่างนั้นเอง
อลาวดี้ที่เพิ่งจะเสร็จภารกิจในการส่งไมเคิลข้ามพรมแดนหลบหนีไปก็กลับมาหาคนในกลุ่มทันที
“แหม่ คุณชาย กว่าจะเสด็จกลับมาได้นะ” ดันเต้พูดขึ้น
“เออ ทุกคน ตอนนี้ไมเคิลปลอดภัยแล้วหล่ะ แล้วไหนหล่ะ
ข้อมูลของเราเป็นยังไงบ้าง”
อลาวดี้พูดขึ้น
“ฉันลองอ่านเนื้อความแล้ว
ตอนนี้เยอรมันกับญี่ปุ่นกำลังมีปัญหาทางชายแดนอยู่หน่ะ
เราจะใช้จังหวะนี้ก่อการร้ายซะเลย” ลินน์รีดพูดขึ้น
“เยี่ยม ฉันเพิ่งจะปล้นรถขนนักโทษไปได้
คราวนี้มีงานอะไรก็บอกแลล้วกันนะ” อลาวดี้พูดขึ้น
“นี่ ฉันมีอะไรให้นายทำ
ฉันอยากให้นายไปสนิทกับนักศึกษาไทยคนหนึ่ง เขาชื่อนนท์กานต์
อยู่ที่หอพักชายปีหนึ่งหน่ะ” ลินน์รีดพูดกับเขา
“หอเดียวกับฉันนี่หว่า เดี๋ยวฉันจัดการเองแล้วกัน” อลาวดี้พูดขึ้น
กลับมายังหอพักชาย
ห้องนักเรียนปีหนึ่ง ชั้นบนสุด ซึ่งเป็นหอพักของลูกคนมีเงิน
นักศึกษาที่นี่สามารถขออยู่เดี่ยวได้โดยไม่ต้องมีรูมเมท
และในระหว่างที่นนท์กำลังจะเดินขึ้นไป จู่ๆเขาก็เห็นชายรูปร่างอวบคนหนึ่งเพิ่งจะโดนไล่ออกจากห้อง
เนื่องจากว่าเขาไม่มีเงินจ่ายสำหรับห้องพักดีๆ ในตอนนั้นเองเขาเจอกับนนท์
เขารีบไปหานนท์ในทันที
“นี่ พรรคพวก นายพักอยู่ชั้นไหนเหรอ”
“ชั้น 15 หน่ะ” นนท์ตอบไป
“โห เยี่ยมไปเลย ฉันขอไปอาศัยห้องนายอยู่ด้วยสิ”
“นี่ ฉันชอบอยู่คนเดียวหน่ะ
นายก็ไปอยู่ที่ห้องฟรีสิ”
“โถ่ ถ้าฉันไปที่นั่น
ฉันโดนพวกรูมเมทในนั้นไถ่เงินเอาได้นะ พวกมันไม่ยุ่งกับคนเอเชียหรอก นายช่วยฉันหน่อยสิ
ไม่งั้นฉันคงต้องนอนในสนามหญ้าแน่ๆ ฉันขอเถอะนะเพื่อน” นนท์มองหน้าชายคนนั้นจากนั้นก็พูดขึ้น
“ถ้างั้นก็ตามมาแล้วกัน”
“เยี่ยมเลย เย้ๆๆๆ ว่าแต่ นายมาจากญี่ปุ่นเหรอ”
“ฉันเป็นคนไทย ราชอาณาจักรไทย ชื่อนนท์
แล้วนายหล่ะมาจากไหน”
“ฉันฟรองเกอร์ มาจากฝรั่งเศส
พวกกุ๊ยเยอรมันด้านล่างมันชอบเล่นงานคนต่างถิ่นหน่ะ”
พวกเขาทั้งคู่พากันมาถึงห้อง
นนท์เปิดห้องในทันที ในห้องนั้นเป็นห้องหรูคล้ายกับคอนโดสมัยใหม่
ซึ่งในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ฟรองเกอร์รู้สึกตื่นเต้น
เขาจึงรีบไปดูในห้องนอนของเขาในทันที ซึ่งที่นอนเป็นเตียงสองชั้น
แต่ที่นอนค่อนข้างนุ่ม และหมอนก็นุ่มน่านอน
“นนท์ นี่นายจะนอนตรงไหนหล่ะ”
“ฉันขอนอนบน ถ้านายนอนบนเตียงเราพังแน่” นนท์พูดอย่างเซงๆ
“นั่นสิ เห็นด้วย ว่าแต่นายเรียนคณะอะไรหล่ะ”
“ฉันเรียนวิศวะ แล้วนายหล่ะ”
“ฉันเรียนสถาปัตยกรรมหน่ะ แบบว่า นายคงไม่เชื่อว่าฉันทำได้
นายต้องเห็นผลงานที่ฉันส่งมา รับรองนายต้องชอบมันแน่ๆ” นนท์พยักหน้าจากนั้นก็กินยาของเขาไป
“นั่นยาอะไรของนาย” ฟรองเกอร์ถามอย่างแปลกใจ
“ยาแก้ปวดหัวหน่ะ กินก่อนนอน” นนท์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็กินยาของเขาไป
“จะทำอะไรก็ตามสบายนะ ฉันขอนอนก่อนหล่ะ” นนท์ขึ้นไปนอนอยู่ชั้นสองของเตียง
จากนั้นเขาก็นอนหลับไป แล้วก็ค่อยๆหลับฝันของเขาอย่างสบายอารมณ์
ณ
ศูนย์บัญชาการหน่วย SS รัฐมิชิแกน
นายพลสติฟท์กำลังนั่งอ่านคำสั่งที่ถูกส่งตรงมาจากเบอร์ลิน และในขณะเดียวกัน หญิงสาวผมบลอนด์คนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องของเขา
หญิงสาวคนนั้นยืนทำความเคารพแบบนาซีกับสติฟท์ทันที
“ดิฉันร้อยเอกแองเจลล่า หน่วยรบพิเศษ รายงานตัวค่ะ”
“นั่งก่อนสิผู้กอง” แองเจลล่านั่งลงบนเก้าอี้ของเธอ
“คุณรู้มั้ยผมกำลังอ่านรายงานอะไร”
“ไม่ทราบค่ะท่าน”
“รายงานจากกรุงเบอร์ลิน
ตอนนี้ท่านผู้นำกำลังสนใจและต้องการตัวไวเวิร์นมากเลย คุณรู้จักเขาหรือเปล่า”
“ทราบค่ะท่าน หมอนั่นอยู่ที่มิชิแกนนี่คะ”
“ตอนนี้พวกมันกำลังซ่อนตัวอยู่ในเขตปกครองตัวเอง
คุณมีแผนอะไรดีๆหรือเปล่าหล่ะ”
“พอมีอยู่ค่ะท่าน พอมีวิธี” แองเจลล่าของเธอนั่งคิดอยู่ในใจ
และอีกด้านหนึ่ง
เขตปกครองตัวเองสหรัฐอเมริกา ในป่าแห่งหนึ่ง
ณ
ศูนย์บัญชาการหน่วยเคมเปนไต แคลิฟอร์เนีย ในขณะนั้นเอง ซาคาโมโตะเรียกลูกน้องของเขามาเพื่อคุยอะไรบางอย่าง
เนื่องจากขาได้รับการติดต่อจากโตเกียวมาถึงเขา
“ท่านครับ เรียกผมมีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ยามะดะ พวกคุณก่อเรื่องอะไรเมื่อเย็นนี้” ซาคาโมโตะถามไป
“เราแค่จัดการพวกต่อต้านนี่ครับ”
“ที่พวกคุณมันโฉ่งฉางเกินไป
ท่านรัฐมนตรีติดต่อสายตรงมาหาฉัน บอกว่าพวกนายทำคนรู้จักของเขาบาดเจ็บ
เขาเกือบเด้งพวกนายแล้ว ดีนะที่ฉันขอไว้ก่อน”
“ขอประธานโทษครับหัวหน้า” ยามะดะตอบไป
“นี่ แล้วเรื่องสายของเราไปถึงไหนแล้วหล่ะ”
“ตอนนี้เขาคงกำลังทำงานหล่ะมั้งครับท่าน”
และที่ย่านหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย
ชายคนหนึ่งกำลังรีบร้อนเดินไปตามทาง โดยฝ่าสายฝนที่เริ่มจะลงเม็ดแล้ว
เขารีบเดินไปโดยที่มองซ้ายมองขวาและควบคุมตัวเองเอาไว้
แต่จู่ๆก็เหมือนกับว่ามีใครตามเขามา เขารีบวิ่งไปแต่จู่ๆก็มีคนผลักเขาเข้าไปในซอยๆหนึ่ง
จากนั้นมันก็กระหน่ำต่อยชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว
เขาพยายามสวนกลับแต่ก็โดนมันหัแขนแล้วทิ้งมันข้างถังขยะ
“ไอ้เวรเอ้ย นี่แกเป็นใครวะ”
ชายคนนั้นพูดขึ้น
จากนั้นมันก็เดินเข้ามาแล้วก็ดึงเสื้อชายคนนั้นขึ้นมา
“บอกมา แกจะรีบไปไหน”
“กูจะกลับบ้าน มึงจะเอาเงินก็เอาไปสิเว้ย” ชายคนนั้นต่อยเขาอีกทีจนล้ม
“แกคิดว่าฉันโง่งั้นเหรอ บอกมา
แกรู้เรื่องอะไรบ้าง”
“บอกไม่บอก กูก็ได้อยู่ดีเว้ย”
“ก็จริง แต่ถ้าแกบอกหน่อย
ฉันอาจใจดีให้แกตายเร็วก็ได้” เขาไม่ยอมพูดอะไรเลย
แต่มันก็ค้นตัวเขาจนค้นอะไรบางอย่าง เมื่อเขารู้ว่ามันคืออะไร มันชักมีดออกมาแทงเขาในทันที
แล้วมทิ้งศพแห่งนั้นในซอยไว้ และในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงเครื่องติดต่อเข้ามา
เขาเปิดรับสัญญาณในทันที
“โซล ได้ของมาหรือเปล่า”
“ได้มาแล้ว มาเจอผมที่เดิมก็แล้วกัน”
โซลปิดเครื่องรับสัญญาณ
จากนั้นเขาก็เดินออกจากซอยในทันที
เช้าวันต่อมา
หลังจากที่ผ่านคืนอันยาวนานและหนาวเหน็บ นนท์ก็ตื่นขึ้นมาจนได้ แต่ในคราวนี้
เขาไม่ได้ฝันร้ายเหมือนแต่ก่อนแล้ว เอาจริงๆคือเขาไม่ได้ฝันอะไรเลยเมื่อคืน
เขางัวเงียนิดหน่อยตามประสา แต่ในตอนนั้นเอง ฟรองเกอร์ก็ตื่นมารอเขาอยู่ก่อนแล้ว
“เฮ้ ตื่นแล้วใช่มั้ยพวก คืนนี้หลับยาวเลยนี่หว่า”
“เออ ว่าแต่นายตื่นเร็วจังวะ”
“ก็ตื่นมาเพื่อไปหาอะไรกินนี่แหละ
ที่โรงครัวเขาทำรอไว้แล้ว ฉันเอามาให้นายบนโต๊ะเนี่ย”
“งั้นเหรอ ฉันขออาบน้ำก่อนแล้วกันหว่ะ”
นนท์เดินเข้าห้องน้ำจากนั้นก็อาบน้ำอย่างสบายใจ
เขาคิดว่ายาของคุณหมอคิมจะใช้ได้ผล งานนี้ก็ไม่ต้องเจอกับฝันอะไรแบบนี้แล้วสินะ
หลังจากที่เขาอาบน้ำเสร็จ
เขาก็ไปนั่งกินอาหารอยู่บนโต๊ะ โดยที่ฟรองเกอร์กำลังเตรียมหนังสือของเขาด้วย
“นี่พวก วันนี้นายว่าจะทำอะไร”
“ก็ไปเรียนหน่ะสิ นายไม่รู้เหรอ”
“โหย กว่าจะเรียนจริงๆก็อีก 3 วัน ฉันจะบอกนายว่า เย็นนี้จะมีปาร์ตี้รับน้อง
นายไปด้วยกันเปล่า”
“ฉันไม่ค่อยถูกกับงานแบบนี้เท่าไหร่หว่ะ”
“เอาน่า สนุกจะตาย
นายไปน่าจะได้สาวๆกลับมาตรึมเลยนะพวก” นนท์กินไปเรื่อยๆจากนั้นก็พูดขึ้นว่า
“เออ แต่ฉันต้องไปหาหมอก่อน
เดี๋ยวฉันกลับมาแล้วกัน” หลังจากที่นนท์กินเสร็จ
เขาก็ทิ้งขยะแล้วออกจากห้องโดยที่ฟรอเกอร์ตามไปด้วย ในระหว่างที่ลงไปด้านล่าง
นนท์ได้ให้กุญแจสำรองให้กับฟรองเกอร์เผื่อว่าเขาจะเข้าห้อง
“เออ เอาเก็บไว้เผื่อนายต้องการ”
“ขอบใจมากพวก” ฟรองเกอร์หยิบกุญแจมา
และในขณะเดียวกัน หลังจากที่เขาออกจากหอพักชาย
ในตอนนั้นเองซานะก็มารอนนท์อยู่ด้านหน้า เพื่อมารับเขาไปหาหมอทันที
“นนท์คุง มาจนได้นะจ๊ะ”
“อ้าว ซานะ มารอที่นี่ด้วยเหรอเนี่ย” ฟรองเกอร์เห็นซานะในตอนนั้นก็ถึงกับตะลึง
เขารีบไปทำความรู้จักกับเธอในทันที
“สวัสดีครับ ผมมานูเอล ฟรองเกอร์
เกิดและโตที่ปารีส คุณรู้จักมั้ยครับ” ฟรองเกอร์พยายามทำเสียงหล่อที่สุด
“นี่คุณมาจากฝรั่งเศสเหรอ
ฉันอยากไปเที่ยวฝรั่งเศสจัง” ซานะพูดอย่างตื่นเต้น
“แน่นอน แต่ตอนนี้พวกนาซีมันยึดครองอยู่
คงต้องรอหน่อยนะครับ” หลังจากนั้นไม่นาน จู่ๆมีชายคนหนึ่งวิ่งมาหาเขา
ซึ่งคราวนี้เขามาเอาจดหมายให้กับนนท์อีกแล้ว แต่เขาไม่ใช่คนเมื่อวาน
คราวนี้นนท์คว้าแขนเขาเอาไว้ได้
“เฮ้ย นี่นายเป็นใครกันแน่วะ” นนท์ตะโกนบอกไป
“นี่ ลินน์รีดอยากให้นายไปหาเขาหน่อย” นนท์ได้ยินถึงกับตกใจมาก
ลินน์รีดอยากให้เขาไปเจออีกแล้วเหรอ
“นี่ นายเป็นใคร จะทำอะไรเขา” ซานะพูดขึ้น แต่จู่ๆก็มีชายสี่คนพยายามมาล้อมกรอบ
“ไม่ต้องกลัวครับคุณผู้หญิง ผมก็เรียนมวยมานะ” ฟรองเกอร์ตั้งการ์ดแบบสะเปะสะปะ
แต่ในตอนนั้นเองชายคนนั้นก็ตะโกนบอกทั้งคู่
“ไม่มีอะไรครับ เพื่อนผมอยากเจอเขาเฉยๆหน่ะ
ตามมาสิ”
“พวกนายไปรอฉันที่โรงพยาบาลก่อนก็แล้วกันนะ” นนท์พูดกับพวกเขาทั้งคู่ จากนั้นนท์ก็เดิน
ชายคนนั้นเดินนำนนท์ไป
ส่วนนนท์ก็เดินตามชายคนนั้นไปในทันที
“นี่ ลินน์รีดรู้จักกับนายงั้นเหรอ
ฉันก็เพิ่งรู้นะเนี่ย” นนท์ถามชายคนนั้นไป
“ฉันอลาวดี้ นายเรียกฉันแบบนี้ก็แล้วกัน
ลินน์รีดมีเรื่องจะคุยหน่ะ”
เขาพูดขึ้น
“แล้วมันเรื่องอะไรกันงั้นเหรอ”
“ฉันก็ไม่รู้ นายก็ไปคุยกับเธอเองก็แล้วกัน” อลาวดี้พานนท์เดินทางไปยังต้นแอปเปิ้ลต้นเดิม
โดยที่ในตอนนั้นเอง ลินน์รีดก็กำลังรอเขาอยู่ ลินน์รีดเห็นนนท์จึงเดินเข้ามาหาเขาในทันที
“นนท์ เข้าเรื่องเลยนะ วันนี้นายว่างหรือเปล่า” ลินน์รีดถามตรงๆกับเขา
“ฉันจะไปโรงพยาบาลช่วงบ่าย เธอมีอะไรหรือเปล่า” นนท์ถามกลับไป
“ฉันอยากพานายไปหาคนๆหนึ่ง ไปกับเราได้มั้ย” ลินน์รีดถามนนท์ไป
“ไปหาใครกันหล่ะ ถ้าจะให้ฉันเข้ากลุ่มต่อต้าน
ฉันไม่เอาด้วยนะ” ในตอนนั้นเอง ดันเต้ก็เกือบชักปืนออกมา
แต่อลาวดี้ห้ามเอาไว้ก่อน
“ไม่ใช่หรอก เราไม่ค่อยอยากต้องการนายหรอก
แค่จะพาไปหาใครคนหนึ่งหน่ะ”
อลาวดี้พูดขึ้น
“ก็ได้ แต่อย่านานนักหล่ะ”
นนท์พูดขึ้น
จากนั้นลินน์รีดก็พานนท์ไปขึ้นรถคันหนึ่ง ซึ่งจอดรออยู่ที่หน้ามหาวิทยาลัย
หลังจากนั้นรถก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปในทันที
ณ เขตเป็นกลาง
ใกล้พรมแดนรัฐมิชิแกน
ไวเวิร์นกำลังนั่งตรวจสอบข่าวสารที่พวกเขาดักฟังมาได้จากพวกนาซี
โดยที่ในขณะเดียวกัน
โบซอลซึ่งเป็นหนึ่งในพรรคพวกเขาไวเวิร์นก็มาคุยกับเขาด้วยเรื่องข่าวที่พวกเขาได้
“เฮ้ย ไวเวิร์น เมื่อวานสนุกเลยสิท่า”
“เออ แล้วเมื่อเช้าเป็นยังไงบ้าง” ไวเวิร์นถามกลับไป
“ก็นิดหน่อย พวกยามชายแดนก็อย่างที่รู้กันอยู่
ว่าแต่เช้านี้ได้ข่าวอะไรบ้างหล่ะ”
“ฉันได้ข่าวว่ามีผบ.คนใหม่มา
พวกนั้นจะกวาดล้างพวกเราหว่ะ” ไวเวิร์นพูดขึ้น
“งั้นเหรอ ฉันก็ได้ยินเหมือนกัน
แต่คงเป็นนายทหารแก่ๆเหมือนเดิมหล่ะ”
“ฉันว่าอาจไม่ใช่ก็ได้
แล้วนี่ทางเบอร์ลินเป็นยังไงบ้างหล่ะ”
“ได้ยินว่าฮิตเลอร์กำลังจะไปเยือนเบลารุส
ป่านนี้พวกรัสเซียคงเตรียมเป่าสมองเขาอยู่หล่ะ” โบซอลตอบไป
“ถ้าฮิตเลอร์ตาย มีหวังคราวนี้โลกได้ปั่นป่วนแน่
พวกญี่ปุ่นคงไม่รอช้า ฉันได้ยินว่าองค์จักรพรรดิก็ป่วยหนักอยู่ด้วย” ไวเวิร์นตอบไป
“นั่นสิ แต่มันก็เป็นโอกาสดีของเราไม่ใช่เหรอ” โบซอลพูดขึ้น
“ก็ถูก แต่ฉันไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่หว่ะ” ไวเวิร์นพูดอย่างกังวล
“ถ้างั้นเราควรเตรียมพร้อม
ถ้าสองฝ่ายทำสงครามกันงานนี้เขตของเราเละแน่ๆ” โบซอลพูดกับไวเวิร์น
“แน่นอน ว่าแต่เที่ยงนี้มีอะไรกินวะ” ไวเวิร์นถามอย่างซื่อๆ
“ไปหาเอาในโรงครัวก็แล้วกัน” โบซอลพูดจากนั้นก็เดินออกไป
และที่ศูนย์บัญชาการหน่วย
SS มิชิแกน
แองเจลล่ากำลังวางแผนการอะไรบางอย่างบนโต๊ะของเธอ
โดยที่เธอก็เรียกทหารคนหนึ่งมาหาเธอด้วย
“คุณแองเจลล่าครับ”
“อืม ทหาร เย็นนี้ฉันอยากไปเขตเป็นกลาง
หารถให้ฉันหน่อย” แองเจลล่าพูดขึ้น
“อ่า ได้ครับ ผมจะหาให้ครับ”
“แล้วก็ข่าวที่ฉันให้ปล่อยหน่ะ เรียบร้อยหรือยัง” แองเจลล่าถามอีกครั้ง
“เรียบร้อยดีครับ” ทหารคนนั้นตอบไป
“ดี ยังไงก็ไปจัดการตามนั้นก็แล้วกัน” ทหารคนนั้นเดินออกจากห้องไป ส่วนแองเจลล่าก็เตรียมแผนที่ของเขตเป็นกลางทั้งหมดไปด้วย
ณ
ถนนเส้นหนึ่งในเมืองมินส์ เบลารัสเซีย เขตปกครองเยอรมัน
เอลซาร์วินด์กำลังใช้กล้องส่องทางไกลตรวจสอบเส้นทางการเดินรถของขบวนท่านผู้นำฮิตเลอร์
เขารวบรวมข้อมูลทั้งหมดแล้วตรวจสอบเส้นทาง จากนั้นก็รีบไปคุยกับเรซนอร์ฟในทันที
“คุณเรซนอร์ฟครับ เราแน่ใจเส้นทางแล้วครับ” เอลซาร์วินด์พูดขึ้น
“ดีมาก ติดตั้งสไนเปอร์ของเราตามจุดต่างๆ
อย่าให้พวกมันหนีไปได้”
“แล้วทางหนีของเราหล่ะครับ”
“อ้อ เดี๋ยวฉันให้ดาโกวิชจัดการเตรียมรถให้”
“ครับ พวกเขากำลังจะมาในอีก 2 วันแล้ว
จะทันการเหรอครับ”
“เพราะฉะนั้นคืนนี้เราคงต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำกันหน่อยหล่ะ”
“ท่านครับ ถ้าฮิตเลอร์ตายแล้ว
อะไรจะเกิดขึ้นหล่ะครับ” เอลซาร์วินด์ถาม
“ฉันก็ไม่รู้ นั่นปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตเถอะ”
“รับทราบครับ ผมจะรีบจัดการเลยครับ”
และในขณะเดียวกัน
เรซนอร์ฟก็ใช้วิทยุติดต่อดาโกวิชในทันที
“ดาโกวิช รถของเราพร้อมหรือเปล่า”
“พร้อมครับ รถของเราพร้อมออกจากเบลารุสทันทีครับ”
“ดี แล้วบอกชาวบ้านด้วยนะ ถ้าเกิดเรื่อง
ให้พวกเขาหนีข้ามพรมแดนทันที”
“เอาแบบนั้นเหรอครับ ได้ครับผม” ดาโกวิชวางสายไป
ณ
ท่าเรือร้างแห่งหนึ่งในรัสเซีย เขตปกครองของเยอรมัน
หลังจากที่มิคาอิลฝ่าคลื่นลมและการตรวจจับของกองเรือเยอรมันมาได้
เขารีบเอาเรือของเขาเทียบท่าในทันที และในขณะเดียวกัน
ก็มีชายสี่คนเดินมารับเขาที่ท่า เพื่อมาคุยกันถึงเรื่องสินค้าของพวกเขา
“เออนี่ ของๆพวกฉันเป็นยังไงบ้างหล่ะ” ชายคนนั้นถามมิคาอิลไป
“ของมาครบ ไรเฟิลจู่โจม STG65 พร้อมอุปกรณ์ใหม่ล่าสุด ชิ้นส่วนปืนใหญ่และจรวด
มีทุกอย่างเลยหล่ะ” มิคาอิลพูดขึ้น
“แล้วนี่ นายมีแบบว่า อะไรที่มันใหญ่ๆมั้ยหล่ะ” เขาถามมิคาอิลอีกรอบ
“อาจจะมี ว่าแต่ทำไมพวกนายถึงอยากได้หล่ะ” มิคาอิลถามไป
“ได้ยินมาว่าจะมีการลอบฆ่าฮิตเลอร์ ถ้าฮิตเลอร์เป็นอะไรไป
รับรองว่ามีสงครามแน่ๆ”
“เฮ้อ นายคิดว่าพวกนั้นจะทำสำเร็จเหรอ” มิคาอิลพูดขึ้น
“ต่อให้ไม่สำเร็จ
ยังไงฮิตเลอร์ก็คงอยู่ได้ไม่นานหล่ะนะ” ชายคนนั้นพูดขึ้น
“ว่าแต่ พวกนายพร้อมกันแล้วงั้นเหรอ” มิคาอิลถามอย่างกังวล
“แน่นอน พร้อมอยู่แล้วหล่ะ พวกนายก็ควรเตรียมตัวไว้ด้วยหล่ะ” ชายคนนั้นเดินไปขึ้นเรือ
จากนั้นก็ตรวจเช็คสินค้าที่พวกเขาสั่งซื้อ
โดยที่มิคาอิลได้ไปกำกับการส่งของในครั้งนี้เองด้วย
กลับมายังที่กบดานของออร์ลินด้า
เธอให้บาโธรี่หาข่าวเกี่ยวกับลอบสังหารฮิตเลอร์และความเป็นไปได้ที่สงครามระหว่างเยอรมันและญี่ปุ่นจะเกิด
บาโธรี่พยายามรวบรวมข้อมูลจากหลายแห่ง จากนั้นเธอก็มารายงานให้ออร์ลินด้าในทันที
“คุณออร์ลินด้าคะ ฉันได้ข่าวใหม่ค่ะ”
“ว่ามาเลยบาโธรี่” ออร์ลินด้าพูดพลางจิบชาไปด้วย
“ตอนนี้ฮิตเลอร์กำลังเดินทางไปเบลารุส
และได้ยินว่ากำลังจะมีการลอบสังหารด้วยค่ะ” บาโธรี่พูดขึ้น
“อืม ถ้าฮิตเลอร์ตาย โลกได้ปั่นป่วนแน่ๆ
แล้วมีอะไรอีกมั้ยหล่ะ”
“ตอนนี้องค์จักรพรรดิญี่ปุ่นกำลังประชวรหนัก
คาดว่าอาจตายได้ทุกเมื่อค่ะ”
“อืม ฉันอยากรู้ข่าวที่อเมริกา พอรู้บ้างหรือเปล่า”
“อ้อ ตอนนี้กลุ่มต่อต้านกำลังเคลื่อนไหวอยู่ค่ะ”
“ตลอดนั่นแหละ ไม่เห็นจะทำอะไรสำเร็จเลย”
ในขณะเดียวกัน
บาโธรี่ก็ได้รับวิทยุจากลูกน้องของเธอที่สังเกตการณ์อยู่ที่โอเอซิส
“สัญญาณเตือน มีแขกมาครับ”
“รอดูไว้ก่อน ใจเย็นไวนะ” บาโธรี่วางสาย
จากนั้นก็สั่งให้ยามที่อยู่ด้านในเตือนภัย
“พวกมันมากันกี่คนหล่ะ” ออร์ลินด้าถามไป
“เราไม่ทราบ แต่ไม่ต่ำกว่า 30 คนค่ะ” บาโธรี่ตอบไป
“รอดูไปก่อน อย่าให้โฉ่งฉางหล่ะ”
กลับมายังอาคะสึกิ
คอปเปอร์เรชั่น หลังจากที่อาคะสึกิตรวจสอบเอกสารทั้งหมด
เธอเซ็นชื่อตัวเองลงในเอกสารจากนั้นก็เรียกให้เลขาของเธอมารับไป และในตอนนั้นเอง
เลขาของเธอก็มารายงานเธอเรื่องสำคัญด้วย
“คุณอาคะสึกิคะ มีคนจากเคมเปนไตมาพบคุณค่ะ”
“งั้นเหรอ พวกนั้นมากี่คนหล่ะ”
“เป็นสิบคนเลยค่ะ”
“งั้นเหรอ ถ้างั้นฉันจัดการเอง”
อาคะสึกิจัดการแต่งตัวด้วยตัวเธอ
จากนั้นเธอก็ลงไปชั้นล่าง ไปพบกับพวกเคมเปนไตที่กำลังนั่งรอเธออยู่
“สวัสดีครับคุณอาคะสึกิ”
“อ้าว คุณซาโต้ มาเองเลยเหรอคะ
จะมาขอปากคำฉันอีกงั้นเหรอ”
“คุณก็รู้นี่ ทุกครั้งที่ผมมาผมต้องการอะไร”
“แล้วพวกคุณได้กลับไปหรือเปล่าหล่ะคะ”
“เฮ้อ นี่คุณกล้าท้าทายผมงั้นเหรอ” ซาโต้พูดอย่าโมโห
“ก็ถ้าคุณไม่พอใจ สามารถคุยกับทนายของฉันได้นะคะ
หรือจะให้ฉันติดต่อกับหัวหน้าคุณหล่ะ”
“ผมรู้ แต่ก็ช่างเถอะ
อย่าให้ผมต้องมีหลักฐานก็แล้วกัน เรื่องการผลิตอาวุธของคุณหน่ะ”
“งั้นเหรอ
งั้นก็ไปหาหมายจับมาให้ฉันก่อนก็แล้วกันนะคะ”
“ว่าแต่ คุณรู้ข่าวของพวกต่อต้านบ้างหรือเปล่า” ซาโต้หลอกถามเธอไป
“ฉันไม่รู้หรอก ทำไมถึงคิดว่าฉันรู้หล่ะ”
“ก็ไม่มีอะไร
เห็นช่วงนี้คุณให้ที่พักพิงคนจรจัดเยอะนี่”
“คุณคิดว่าพวกเขาต้องเป็นสายทุกคนงั้นเหรอ
เอาเป็นว่า คุณไปจัดการหาหลักฐานก่อนก็แล้วกัน”
“แน่นอนครับ งั้นผมไม่รบกวนหล่ะ”
พวกเคมเปนไตเดินออกไปจากสำนักงานของเธอ
ส่วนตัวเธอก็คุยกับลูกน้องของเธอในทันที
“ฝากไปบอกคนที่ก่อเรื่องด้วย
ให้หนีไปเขตอิสระซักพัก ไม่งั้นเขาตายแน่”
“ได้เลยค่ะ”
กลับมายังเพิร์ล
ฮาร์เบอร์ นาโอมิได้มาพักที่บ้านพักนายทหารริมทะเล นาโอมิกำลังนั่งพักผ่อนอยู่ที่ริมหาด
เธอนั่งอ่านเอกสารเล่มหนึ่งไปด้วย ซึ่งเป็นเอกสารเกี่ยวกับคำสั่งจากโตเกียว
ที่สั่งให้เธอไปจัดการกลุ่มกบฏที่เม็กซิโก ในระหว่างที่เธอกำลังดื่มค็อกเทลไปด้วย ลูกน้องของเธอก็มารายงานข่าวกับเธอ
“ท่านครับ มีรายงานมาครับ”
“ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญหล่ะก็น่าดู” นาโอมิพูดขึ้น
“ตอนนี้เราปล่อยข่าวตามที่คุณบอกแล้ว
พวกมันกำลังเตรียมตัวกันแล้วครับ”
“ดี ปล่อยให้พวกมันเตรียมไปก่อน”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นหล่ะครับ” ทหารคนนั้นถามไป
“ให้พวกมันเข้าใจว่าเรากำลังจะโจมตี
แล้วเราจะจัดการมันทีหลัง”
“ครับผม แล้วผมจะรีบจัดการครับ”
“ตอนนี้ก็ให้พวกมันร้อนๆหนาวๆกันไปก่อน
แล้วเดี๋ยวฉันจะใช้วิธีที่ 2 กับพวกมัน”
“ครับผม” ทหารคนนั้นเดินออกไป
ในขณะที่เธอก็ดื่มค็อกเทลของเธอไปด้วย
กลับมายังศูนย์วิจัยคอมพิวเตอร์
ZEUS สาขาสวิสเซอร์แลนด์
มาเรียน่าเตรียมการตรวจสอบเครื่องซุปเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่จะเชื่อมต่อโครงข่ายข้อมูลทั่วโลก
ในตอนนั้นเอง เธอเดินไปตรวจสอบการประดิษฐ์ใหม่อย่างตื่นเต้น
“คุณมาเรียน่าครับ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งในชุดขาวพูดขึ้น
“อืม ตอนนี้ไปถึงไหนแล้วหล่ะ”
“อ้อ
ตอนนี้เราพัฒนาระบบใหม่ครับให้ใช้พื้นที่การทำงานน้อยลง และไม่แน่
เราอาจจะย่อส่วนมันได้นะครับ”
“ย่อส่วน ยังไงเหรอ” มาเรียน่าถามอย่างสงสัย
“เราอาจสร้างคอมพิวเตอร์ชนิดใหม่ที่อาจใช้ในบ้านก็ได้ครับ”
“ห่ะ จริงเหรอ แบบนี้ใช้เวลานานแค่ไหนหล่ะ”
“อ้อ คาดว่าไม่น่าจะเกิน 3 ปีครับ”
“จริงเหรอ ถ้าทำได้จริงเราจะปฏิวัติวงการได้เลยนะ”
“ครับผม เราพยายามดำเนินการอย่างเร่งด่วนอยู่ครับ”
ณ โรงพยาบาลแคลิฟอร์เนีย
หมอคิมกำลังรักษาคนไข้คนหนี่งอยู่ และในขณะเดียวกัน มีโทรศัพท์เข้ามาหาเขา
พยาบาลคนหนึ่งเดินมาหาเขาเพื่อให้เขามารับโทรศัพท์ในทันที
“คุณหมอคะ มีโทรศัพท์มาหาคุณค่ะ”
หมอคิมรีบเดินออกไปจากห้อง
จากนั้นเขาก็ไปรับโทรศัพท์ในทันที
“สวัสดีครับ”
“คุณหมอคะ ดิฉันซานะนะคะ”
“อ้าว ซานะ วันนี้จะมาหาหมอมั้ยหล่ะ”
“ไม่หรอกค่ะ แต่นนท์เขาถูกพาตัวไปค่ะ”
“ใครพาตัวไปหล่ะ”
“นนท์บอกว่าเป็นเพื่อนเขาค่ะ แล้วนนท์เขาบอกว่าให้พวกหนูไปรอที่โรงพยาบาลก่อนนะคะ”
“จริงเหรอ งั้นเธอมาที่นี่เลยก็แล้วกันนะ
ถ้าตอนบ่ายนนท์เขายังไม่มา ก็แจ้งความไปเลยนะ”
“ได้ค่ะหมอ” จากนั้นหมอคิมก็วางสายไป
และอีกด้านหนึ่ง
ลินน์รีดพานนท์มายังซอยแคบซอยหนึ่ง ซึ่งพวกเขาจอดรถเอาไว้ที่ลานจอดรถแถวนั้น
จากนั้นลินน์รีดก็พานนท์เดินไปยังซอยๆหนึ่ง
“นี่ เธอจะพาฉันไปไหนหล่ะเนี่ย” นนท์ถามอย่างสงสัย
“มีคนอยากจะเจอกับเธอหน่ะ” ลินน์รีดพูดขึ้น
“เออนี่ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเห็นนายสำคัญนักนะ” อลาวดี้พูดเสริม
“เร็วหน่อยแล้วกัน ฉันต้องไปโรงพยาบาลต่อหน่ะ” นนท์พูดขึ้น
“งั้นเหรอ นายป่วยเป็นอะไรหล่ะ” ลินน์รีดถามเขา
“ฉันมักนอนฝันร้ายทุกครั้งเลย แต่แปลกแหะ
พอมาที่นี่เริ่มจะไม่เจอแล้วหล่ะ”
“เออ น่าแปลกจริงๆด้วยนะ” อลาวดี้พูดขึ้น หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ
พวกเขาก็มาถึงบ้านของออลเรียส พวกเขาก็เปิดบ้านเข้าไป โดยที่ออลเรียสกำลังรออยู่พอดี
“เธอมาแล้วสินะ ขอฉันดูหน้าเธอใกล้หน่อยสิ”
นนท์ถึงกับตกใจคำพูดของหญิงแก่คนนั้นมาก
เขาจึงค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆเธอในทันที
==================================================================================
ออลเรียสมองเห็นอะไรในตัวของนนท์กันแน่ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ
ความคิดเห็น