คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : EP 2 : ศัตรูที่คุ้นเคย
ในช่วงเที่ยงคืน
วินและเซบตื่นขึ้นมาหลังจากที่ดื่มกันหนักเต็มที่ วินเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ
หลังจากนั้นก็ไปเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อดูข้อมูลที่เขาต้องการ
ในระหว่างที่เขากำลังจะเปิดคอม
เซบก็เดินเข้ามาหาวินที่อยู่ในห้องด้วยอาการที่ยังง่วงซึมอยู่
“วิน
มาเล่นคอมอะไรดึกๆดื่นๆวะ” เซบตะโกนถามด้วยท่าทางง่วงนอน
“อ้อ มาดูประวัติไอ้พวกเวรนี่หน่อยหน่ะ”
ในตอนนั้นเอง
วินก็เปิดประวัติเจ้าพ่อเคี้ยงในขณะเดียวกัน จากนั้นข้อมูลก็ขึ้นมาให้กับวินได้ดู
“โห
ไม่น่าเชื่อจะมีบันทึกไว้ด้วย” เซบพูดอย่างแปลกใจ
“นี่ดูสิ
เจ้าพ่อเคี้ยง มีหลายคดีติดตัว อ่า มีน้องสาวด้วยหนึ่งคนนี่ แต่ช่างมันเถอะ
ขอดูลูกน้องในแก๊งค์มันหน่อยสิ”
วินเปิดประวัติคนที่เกี่ยวข้องกับเจ้าพ่อเคี้ยง
ในตอนนั้นเองเขาก็พบกับประวัติของชายประมาณ 10 กว่าคนที่อยู่ในเครื่อง
ซึ่งวินจำหน้าพวกมันได้ทุกคน มันคือคนเดียวกับที่เผาบ้านของวินในคืนนั้น
วินกำหมัดด้วยความโกรธ
“มีใครบ้างวะเนี่ย เดี๋ยวฉันอ่านให้ฟังนะ” เซบอ่านประวัติของคนร้ายให้กับวินฟังในทันที
ดูไอ้คนแรกนี่สิ
ประวัติแม่งใช่ย่อยเลย นายวันชิต แสงสีเขียว (กุย)
คดีข่มขืนเด็กแล้วโดนศพออกจากรถบัส คนที่สอง ไอ้ติงนัง ไม่รู้ชื่อจริง
ล่อลวงเด็กไปข่มขืน แล้วยังมีอีก แต่ละคนนี่แม่งคดีข่มขืน ปล้น
ฆ่าทั้งนั้นเลยนี่หว่า
“ต้องจัดการไอ้พวกนี้ทีละคน
เริ่มจากวันนี้เลย” วินพูดจากนั้นก็ไปเตรียมอาวุธของเขามา
“เฮ้ย
ฉันว่าเริ่มจากไอ้บ้านี่ดีกว่า ไอ้พง น่าจะจัดการง่ายสุด แถมยังเคยรู้จักเจ้าพ่อสิงห์ด้วย”
“โอเค
พรุ่งนี้เช้าไปตามล่ามันกัน”
“ได้เลยเพื่อน”
ณ
โรงฝิ่นแห่งหนึ่งแถวเยาวราช ชายแก่ที่ดูมีอายุคนหนึ่งกำลังสูบฝิ่นอย่างสบายอารมณ์
จากนั้นไม่นาน ก็มีชายอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องเพื่อมาพูดคุยกับเขา
“เถ้าแก่ๆ
มีข่าวมาครับ”
“แกมีอะไรกับฉันอีกวะ”
ชายคนนั้นพูดอย่างอารมณ์เสีย
“ได้ยินมาว่าไอ้เจ้าพ่อสิงห์มันส่งคนมาเก็บเถ้าแก่ครับ”
“งั้นเหรอ
พวกมันคงแค่กุ๊ยหน่ะ ฉันมีอาเหวินอยู่ทั้งคนนี่”
“ว่าแต่
เรื่องสงครามนี่เราจะเอายังไงต่อครับ”
“รวบรวมคนของเขามาให้เยอะที่สุด
เราจะเล่นงานไอ้สิงห์ให้จมดินเลย”
“ได้ครับเถ้าแก่”
จากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องไป
กลับมายังโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในตัวเมือง
หลังจากที่วาเดลเรียรักษาคนไข้ที่โรงพยาบาลแล้ว เธอก็กลับมานอนพักอยู่ในห้อง
เธอคิดอะไรไปเรื่อย เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอยังผ่านมันมาได้ยังไง ในขณะที่เธอกำลังนอนเพลินๆ
บุรุษพยาบาลคนหนึ่งก็เคาะประตูแล้วเปิดห้องเธอในทันที
“คุณวาเดลเรียครับ
ขอคุยได้มั้ยครับ”
“มีอะไรงั้นเหรอ
ว่ามาสิ” วาเดลเรียถามกลับไป
“พวกเราเบื่อที่จะมารักษาไอ้พวกเดนสังคมพวกนี้แล้วนะครับ”
“ฉันเข้าใจ
แต่แบบนี้มันดีกับเรา อย่างน้อยชาวบ้านยังมีที่พึ่งนะ”
“ผมเข้าใจครับ
แต่ยาของเรากำลังจะหมดลงทุกทีแล้วนะครับ”
“ฉันรู้
ฉันพอจะมีวิธีหายาเพิ่มแล้วหล่ะ”
“วิธีไหนเหรอครับ”
“ฉันเพิ่งจะเขียนจดหมายถึงองค์กรหนึ่ง
ให้เขาส่งยาเพิ่มเติมมาให้หน่ะ”
“แล้วพวกเขาจะส่งมาเมื่อไหร่หล่ะครับ”
“ไม่นานนี่หล่ะ
สิ่งที่เราทำได้ตอนนี้คือทนไปก่อน รอดูสถานการณ์ว่าจะเป็นยังไงต่อไปหล่ะนะ”
“ครับคุณหมอ”
จากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องไป
ส่วนวาเดลเรียก็นอนพักต่อ
ณ
คอนโดหลังหนึ่งแถวสุทธิสาร ซากิริขับรถไปจอดยังลานจอดรถของคอนโด
จากนั้นเธอก็เอาอาวุธของเธอทั้งหมดกลับเข้าไปเก็บอยู่ด้านในห้องของเธอ
จากนั้นเธอก็ปิดประตูห้องทั้งหมด แล้วก็ไปเปิดคอมพิวเตอร์ของเธอ
แล้วก็เปิดโปรแกรมแชทลับเพื่อคุยกับใครบางคนในนั้น
“ซากิริ
วันนี้เป็นยังไงบ้าง”
“ไม่ค่อยดีเลย
ไปกัดกับหมาแถวนี้มา”
“เธอเจ็บตรงไหนหรือเปล่าเนี่ย”
“ฉันไม่เป็นไร
ว่าแต่พวกเราทางนั้นเป็นยังไงบ้าง”
“ชาวบ้านอพยพมาทุกวัน
จนไม่มีที่จะรองรับแล้วเนี่ย”
“ฉันเข้าใจ
ถ้าฉันได้เสบียงเพิ่มฉันจะรีบไป”
“โอเค
ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วยหล่ะ”
“ขอบใจมาก”
Unknow ออกจากการสนทนา
หลังจากที่คู่สนทนาของเธอหายไป
เธอก็กลับมาบรรจุกระสุนของเธออีกครั้ง
กลับมายังสำนักงานลับของกลุ่ม
The Nation ในระหว่างที่เอกกำลังจะไปพักผ่อนที่ห้องของเขา
ในตอนนั้นเองเขาก็เจอกับเอย์จิ เกรซและเอเรียน่ากำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
ในตอนนั้นเองเอกก็เดินเข้าไปในระหว่างที่พวกเขากำลังคุยกันพอดี
“สวัสดีทุกคน
ดูท่าทางจะว่างงานสินะ” เอกเข้าไปทักทายพวกเขา
“ไม่หรอกครับ
พวกเราก็กำลังคุยเรื่องงานหน่ะครับ” เอย์จิตอบกลับเอกไป
“เออใช่ เอเรีย
เธอมีข่าวอะไรจะบอกคุณเอกมั้ยอ่ะ”
“เออใช่
คุณเอกคะ ตอนนี้มีข่าวมาว่ากลุ่มของเจ้าพ่อสิงห์กับเถ้าแก่หยงกำลังจะปะทะกันค่ะ”
“จริงเหรอ
สองแก๊งค์นั้นเป็นแก๊งค์ใหญ่ ถ้าปะทะกันมา
คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่จะพลอยซวยไปด้วยหน่ะสิ” เอกพูดแบบเป็นกังวล
“แล้วแบบนี้เราจะทำยังไงกันต่อหล่ะครับ”
เอย์จิถามแบบสงสัย
“ก็ปล่อยให้พวกมันฆ่ากันให้ตายให้หมดไปสิ”
เอเรียน่าตอบกลับไป
“แล้วประชาชนคนอื่นๆจะทำยังไงหล่ะ”
เกรซถามกลับไป
“ก็ให้พวกเขามาหลบที่นี่ก่อนก็ได้นะ”
“เป็นร้อยคนเลยนะ
ถ้าไม่มีการคัดเลือก เราจะเดือดร้อนหน่ะสิ” เอย์จิตอบกลับไป
“เรื่องนี้ต้องค่อยๆคิด
แล้วเธอคิดว่าพวกนั้นจะปะทะกันตอนไหนหล่ะ” เอกถามเอเรียน่า
“ดิฉันก็ไม่รู้นะคะ
แต่ได้ยินว่าพวกนั้นส่งนักฆ่าไปฆ่าแต่ละฝั่งกันแล้ว”
“ถ้าจะปะทะกัน
ทำไมต้องจ้างนักฆ่าให้เสียทองหล่ะ” เอย์จิถามแบบสงสัย
“เพราะแบบนั้นมันจะง่ายกว่า
ถ้าปะทะกันตรงๆจะเสียทองคำมากกว่า” เกรซตอบเอย์จิไป
“แล้วแบนี้เราจะไปจัดการพวกมันเลยมั้ยครับ”
เอย์จิถามคนอื่นๆ
“นายแค่คนเดียวเนี่ยนะ
อย่าเสี่ยงดีกว่า” เกรซเตือนเขา
“ฉันว่าน่าจะเล่นงานหัวหน้าแก๊งค์
นายสิงห์กับเถ้าแก่หยงไปเลยดีกว่านะคะ”
“ไม่ได้หรอกเอเรียน่า
ฆ่าแค่หัวหน้า เดี๋ยวก็มีคนอื่นมาขึ้นแทน เบื้องบนขอให้เรากวาดล้างให้เหี้ยนหน่ะ”
เอกตอบไป
“เหลือทางเดียว
คงต้องหามือดีเพิ่มหน่ะค่ะ” เอเรียน่าเสนอความคิด
“จะไปจ้างพวกนักฆ่าอย่างงั้นเหรอคะ”
“อย่าไปยุ่งกับไอ้พวกนี้ดีกว่าเกรซ
ฉันรู้จักพวกมันดี พวกนี้มันเลี้ยงไม่เชื่อง” เอย์จิตอบเกรซกลับไป
“เอาเป็นว่า
พวกคุณก็ลองไปคิดดูก็แล้วกัน แต่อย่านานหล่ะ พวกมันคงไม่รอแน่ๆ” เอกพูดจากนั้นก็เดินกลับไปยังห้องพักของเขาต่อ
ณ คอนโดในห้องของชนและโซระ
วันนั้นพวกเขากำลังเตรียมอาวุธเพื่อลอบสังหารเถ้าแก่หยง
ซึ่งขณะนั้นเองโซระเตรียมกระสุนและมีดของเขาไว้สำหรับงานนี้
จู่ๆในตอนนั้นชนก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับนั่งลงบนโซฟา
ในตอนนั้นเองโซระวางมีดของเขาลง แล้วก็มาคุยกับชนในทันที
“เฮ้ยชน มีข่าวอะไรอัพเดทบ้างเนี่ย”
โซระกำลังรอฟังเขาอย่างลุ้น
“มีข่าวว่าเถ้าแก่หยงกำลังจะไปประชุมแก๊งค์ที่ร้านอาหารร้านหนึ่งพรุ่งนี้”
“ชื่อร้านอะไรวะ”
โซระถามอีกครั้ง
“ถ้าไม่ที่ห้องอาหารบานใจ
ก็เป็นเหลามังกรฟ้าหน่ะ”
“กูว่านะ
ต้องเป็นเหลามังกรฟ้าแน่ๆ”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นวะ”
“เหลามังกรฟ้ามีทางออกตั้งหลายทาง
เวลาจะหนีมันง่าย การรักษาความปลอดภัยก็ดีมาก แถมอาหารอร่อย เจ้าของร้านสวยด้วย”
ชนตบกบาลเขาไปหนึ่งที
“นี่
ตกลงจะไปทำงานหรือจะไปหาอะไรกินวะ”
“ก็นิดนึงไม่ได้หรือไงวะ
เครียดนะโว้ย”
“เออ
เดี๋ยวจบงานนี้จะพาไปลงอ่างแถวรัชดา”
“จริงหรือเปล่าวะ”
โซระถามอีกครั้ง
“ก็เออดิ
กูก็อยากผ่อนคลายเหมือนกัน”
“โอเค
ถ้างั้นก็แล้วแต่นาย ฉันไปเตรียมอาวุธก่อนก็แล้วกัน”
ณ
เหลามังกรฟ้า เขตเยาวราช ซึ่งตัวร้านและในร้านตกแต่งอย่างสวยงาม
ซึ่งเป็นร้านที่บรรดาแขกมากหน้าหลายตาที่มีเงินมักจะมาทานอาหารร้านนี้
เนื่องจากว่าร้านนี้เป็นร้านอาหารดีๆไม่กี่ร้านที่ยังเหลืออยู่ตอนนี้
และในห้องประชุมห้องหนึ่ง ซึ่งหลังจากร้านปิดแล้ว
เจ้าของร้านสาวสวยก็เรียกพนักงานทุกคนมารวมตัวกันในทันที จากนั้นเธอก็เริ่มการประชุม
“เอาหล่ะทุกคน
พรุ่งนี้ เถ้าแก่จะมาใช้บริการห้องนี้ห้องเดียว การบริการต้องรวดเร็ว เร็ว
แต่อย่าให้หกนะ เพราะไม่อย่างงั้น พวกเธออาจตายได้ แล้วอีกอย่าง
ลูกค้าอยากได้อะไรต้องจัดให้ทุกอย่าง วันนี้พอก่อนหล่ะ แยกย้ายได้”
หลังจากที่เธอสั่งให้พนักงานของเธอแยกย้าย
จู่ๆชายคนหนึ่งในชุดสีน้ำตาลหม่นก็เดินเข้ามาในห้อง จากนั้นก็มาคุยกับเธอ
“คุณเรย์
เถ้าแก่ฝากมาถามว่าคุณต้องการทองกับเสบียงเท่าไหร่”
“ใจเย็นๆสิ
เดี๋ยวฉันลงบิลไว้พรุ่งนี้ก็แล้วกัน ไม่รู้เถ้าแก่จะจ่ายไหวมั้ยนะ” เธอตอบชายคนนั้นกลับไป
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง
เถ้าแก่ฉันจ่ายไหวอยู่แล้ว”
“หมดธุระแล้วใช่ไหม
ฉันจะได้เตรียมร้าน”
ชายหนุ่มคนนั้นเดินออกไป
จากนั้นเองเธอก็เรียกพนักงานของเธอคนหนึ่งมาหาเธอ
“นายหญิงคะ
มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ส่งจดหมายนี้ไปตามที่อยู่เดิมนะ”
เธอยื่นจดหมายให้กับพนักงานคนนั้น
“นายหญิง
จะเอาจริงเหรอคะ”
“อ้อ แน่นอน
ก็เหมือนกับที่เธอเคยทำนั่นแหละ”
“แต่ว่าเถ้าแก่จะมาพรุ่งนี้นะคะ
แล้วเราจะ....”
“ทำตามที่ฉันสั่ง
ทุกอย่างจะเรียบร้อย ไปได้แล้ว”
จากนั้นไม่นานพนักงานสาวก็เดินออกจากร้านไป
ส่วนเรย์ก็กลับไปที่ห้องของเธอต่อ
ณ บ้านของเถ้าแก่หยง
ในย่ายเยาวราช หลังจากที่เขามาถึงบ้าน เขาก็มานั่งดื่มเหล้าบนโซฟาของเขา
จากนั้นเขาก็เรียกลูกน้องของเขามาคุยในทันที
“เฮ้ย
ลูกน้องของเราพร้อมแล้วนะ”
“พร้อมแล้วครับ
รวมถึงอาวุธ พร้อมจะลุยกับพวกหัวลำโพงแล้วครับ”
“แล้วเรื่องนักฆ่าหล่ะ
มันส่งใครมาฆ่ากูวะ”
“เท่าที่ดู
น่าจะเป็นเจฟ เดอะคิลเลอร์ครับ” เขาพูดด้วยความกลัว
“มันไปเอาทองมาจากไหนจ้างไอ้บ้านั่นได้”
“แล้วเราจะเอายังไงต่อดีหล่ะครับ”
“ไปหามือดีๆของเรามาคุ้มกันฉันสิ”
“ได้ครับ
แล้วผมจะรีบไปหามานะครับ”
“เออ
แล้วพรุ่งนี้อย่างลืมหล่ะ ฉันมีดีลสำคัญต้องไปคุย ไปได้”
เขาไล่ลูกน้องของเขาออกจากห้องไป
ส่วนเขาก็เอาแต่นั่งดื่มเหล้าอยู่ตรงนั้น
ณ
ถนนเส้นหนึ่งแถวรัชดา ซึ่งในตอนนั้นวินและเซบตามรอยกลุ่มของเจ้าพ่อเคี้ยงมาเรื่อยๆเพื่อที่จะดูแหล่งกบดานใหญ่ของมัน
เขาเดินทางมายังเส้นทางตามที่เซบเคยได้มา จนกระทั่งพวกเขาเริ่มเหนื่อยล้า
พวกเขาก็ขอนั่งพักที่ม้านั่งที่หนึ่งแถวนั้น
“เฮ้อ
นี่เรามาถึงไหนแล้วเนี่ยเซบ”
“ฉันคยมาที่นี่
เคยเห็นเจ้าพ่อเคี้ยงมาแถวนี้ด้วย”
“เอ้า
แล้วไงต่อหล่ะ”
“ก็ลูกน้องมันขายยาอยู่แถวนี้ด้วยหน่ะสิ”
“ถ้าเจอมันก็แค่ฆ่ามัน
แค่นั้นเอง” วินพูดพลางชักปืนของตัวเองออกมา
“ไอ้บ้า
พวกแม่งมีเป็นร้อย แถมอาวุธครบมือนะเว้ย”
“กลัวที่ไหนกันหล่ะ”
อีกด้านหนึ่งของถนน
ชายหนุ่มคนหนึ่งพร้อมกับชายอีก 10 กว่าคนพร้อมไม้หน้าสามก็เดินมาตามทางเรื่อยๆ
ซึ่งดูเหมือนว่าพวกเขากำลังพยายามจะหาความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง แต่ก็ดูเหมือนไม่มีวี่แววว่าเขาจะเจอสิ่งที่ต้องการได้เลย
“พี่เพลิง
เดินมาตั้งนาน ไม่เห็นมีอะไรให้กินเลยพี่” ชายคนหนึ่งพูดกับชายหนุ่มที่เดินนำหน้าของพวกเขา
ซึ่งดูเหมือนจะเป็นหัวหน้า
“เออ
อดทนหน่อยสิวะ”
“แต่เราไม่ได้กินอะไรมาเป็นวันแล้วนะพี่”
“ฉันรู้
ฉันก็หิวเหมือนแกนั่นแหละ” เพลิงตอบกลับอย่างหัวเสีย
“เฮ้ยพี่
ตรงนั้นมีคนอยู่สองคนหน่ะพี่” ชายคนหนึ่งชี้ไปยังวินและเซบที่นั่งอยู่ด้วยกัน
“ไหนลองเดินไปดูสิว่าพวกมันมีอะไรติดตัวบ้าง”
เพลิงพูดกับลูกน้องของเขาจากนั้นก็เดินทางไปทางวินและเซบในทันที
แต่เมื่อเพลิงเจอกับวินและเซบ เขาก็ตกใจมากแล้วตะโกนออกไปทันที
“ไอ้วิน
นี่แกยังไม่ตาย”
“ไอ้เพลิง
แกมาที่นี่ได้ยังไงวะ” วินและเซบเตรียมอาวุธของเขาไว้
“แปลกใจมากงั้นหล่ะสิ
เรื่องที่แกทำฉันไว้ฉันยังไม่ลืมนะเว้ย” เพลิงพูดอย่างโมโห
“มึงก็เลยคิดจะเอาคืนตอนนี้สินะ”
เซบยั่วผสมโรงกับมันไป
“ไอ้เซบ
มึงอย่าปากดีให้มาก ถ้าไม่อยากโดน”
“มึงก็เคยโดนกูเล่นไม่ใช่เหรอวะ
หรือมึงลืมไปแล้ว” เซบพูดยั่วโมโหมัน
“คนอย่างแกนี่
ขนาดไม่มีอำนาจอะไรแล้วยังบ้าได้ขนาดนี้” วินพูดกับเพลิงไป
“เออใช่
แล้วผอ.พ่อแกไปไหนซะแล้วหล่ะ หรือว่าตายห่าไปแล้วหล่ะ” เซบพูดผสมโรง
“แล้วมึงจะทำไมวะ
คิดว่าจะทำอะไรกูได้งั้นเหรอ เฮ้อ พวกเรา จัดการมันเลย”
เพลิงสั่งลูกน้องให้รุมทำร้ายทั้งคู่
ทั้งคู่ชักดาบออกมาจัดการกับลูกน้องของเพลิง พวกมันใช้ไม้พยายามรุมตี
แต่วินปัดอาวุธของมันออกไปได้แล้วแทงพวกมันตายคาที่ ส่วนเซบก็หลบไม้ที่มันตีมา
จากนั้นก็ฟันหน้าพวกมันทีละคน
ลูกน้องของเพลิงโดนเล่นงานไปเรื่อยๆ
จนบางคนก็ถอยกลับมาหาลูกพี่ของมัน
“พี่เพลิงๆ
เราสู้ไม่ไหวแน่ๆ”
“ปัดโธ่เว้ย
ฉันจัดการเอง”
เพลิงคว้าไม้จะไปฟาดวิน
แต่วินปัดอาวุธของเพลิงออกจากนั้นก็เล็งดาบไปที่คอของเพลิง
“เอายังไงหล่ะมึง”
วินบอกเพลิงด้วยความแค้น
“ไม่จบแค่นี้แน่”
เพลิงตะโกนล่นก่อนที่จะวิ่งหนีหน้าตั้งโดยไม่รอลูกน้องของเขา
จากนั้นเองทั้งเซบและวินก็มานั่งพักเหนื่อยด้วยกัน แต่ในขณะเดียวกัน
เซบสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างใกล้ตัวเขา เซบจึงยิงปืนไปยังพุ่มไม้ตรงนั้น
จากนั้นก็ตะโกนใส่ไปว่า
“ไอ้คนที่แอบอยู่
ไม่ต้องแอบแล้วนะ ออกมาเดี๋ยวนี้”
ชายคนหนึ่งที่ถือกล้องมาด้วยก็ยกมือขึ้นฟ้าเดินออกมา
จากนั้นก็พูดกับทั้งคู่
“ใจเย็นๆน่า
ฉันรู้จักพวกนายนะ”
“ฉันไปรู้จักกับแกตอนไหนวะ”
เซบถามกลับไป
“นายไม่รู้จักฉันหรอก
ฉันมันคนที่นั่งหลังห้อง ใช่เปล่าวิน” เขาถามวินพลางขยิบตาให้เขา
“เวหา
นั่นนายหรือเปล่า”
“แกรู้จักมันด้วยงั้นเหรอ”
เซบถามวินกลับไป
“หมอนี่เคยเรียนด้วยกันกับฉัน
มันทำตัวเงียบๆหน่ะ”
“แล้วนายมาที่นี่มีอะไรหรือเปล่า
ตามสืบพวกเราทำไม” เซบถามเวหา
“ก็ไม่มีอะไร
ความจริงฉันอยากรู้จักกับพวกนายทั้งคู่ ฉันมันไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไหร่”
“ก็ไม่เห็นแกพูดอะไรกับใครนี่หว่า”
เซบพูด
“ว่าแต่
นายมีธุระอะไรกับฉันงั้นเหรอ” วินถามเวหา
“ฉันอยากจะรู้ว่าพวกนายกำลังทำอะไรกันอยู่หน่ะ”
“เรื่องอันตรายหน่ะ
นายอย่ามาเสี่ยงเลย” เซบพูดกับเวหา
“โธ่ ไม่เอาน่า
ถึงฉันจะขี้อาย แต่ก็ไม่ได้ขี้กลัวนะเว้ย” เวหาตอบกลับไป
“มันอันตรายจริงๆ
งานนี้มันเสี่ยงถึงชีวิตเลยหล่ะ” วินพยายามเตือนเขา
“เอางี้
ไปพักที่บ้านฉันก่อนแล้วค่อยว่ากันก็แล้วกัน” เวหาพยายามพูดให้ทั้งคู่เห็นใจ
“บ้านนายอยู่แถวนี้งั้นเหรอ”
เซบถามกลับไป
“ใช่ๆ
ตามฉันมาก็แล้วกัน”
เวหาเดินออกไปจากพวกเขา
ส่วนวินและเซบทั้งคู่ก็เดินตามเวหาไปติดๆ
ณ
ห้องทดลองลับห้องหนึ่ง หญิงสาวคนหนึ่งกำลังผสมยาตามใบสั่ง ซึ่งติดเป็นโน้ตที่ติดอยู่ข้างฝา
เธอผสมสารที่อยู่ในมือไปเรื่อยๆ จากนั้นก็นำไปแช่ในห้องเย็นที่เธอมีไว้เพื่อทำยา
ในระหว่างที่เธอกำลังวุ่นอยู่กับการทำยาของเธอ จู่ๆก็มีโทรศัพท์สายหนึ่งเข้ามาหาเธอ เธอรับสายทันที
“สวัสดี
นั่นคุณเกรท สุพรรณมณีใช่หรือเปล่า”
“ใช่ มีอะไร”
“เราต้องการยาชนิดใหม่หน่ะ”
“อีกแล้วเหรอ
แล้วฉันจะได้อะไร”
“ฉันมีเหรียญทองจำนวนหนึ่งให้
แล้วก็ข้อมูลที่อยู่ของพี่สาวคุณด้วย”
เธอถึงกับกำโทรศัพท์ไว้แน่นเมื่อได้ยินข้อมูลนั้น
“ต้องการยาแบบไหนดีหละ”
“ขอออกฤทธิ์ได้ดี
วัตถุดิบไม่แพงมากหน่ะ”
“ได้ แล้วฉันจะส่งตัวอย่างไปก็แล้วกัน”
จากนั้นไม่นานเธอก็วางสายไป
เธอไปดูรูปที่เธอถ่ายกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งหน้าตาเหมือนกับเธอมาก เธอหยิบรูปมาจากนั้นก็เขวี้ยงออกไปนอกห้องด้วยความโกรธ
“แกอยู่ที่ไหนกันนะ”
กลับมายังบ้านของเจ้าพ่อเคี้ยง
ในขณะที่เขากำลังเตรียมลูกน้องของเขาเพื่อรับศึกที่กำลังจะเกิดขึ้นระหว่างเจ้าพ่อทั้งสองแก๊งค์
ในตอนนั้นเอง ลูกน้องของมันคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาบอกข่าวกับเจ้านายของเขาในทันที
“พี่เคี้ยงๆ
แย่แล้วครับพี่”
“มีอะไรวะ
รีบๆว่ามาสิ” เจ้าพ่อเคี้ยงพูดในระหว่างที่กำลังเมายา
“ไอ้จิตรมันโดนเก็บไปแล้วครับพี่”
เจ้าพ่อเคี้ยงถึงกับตกใจมากที่ได้ยินแบบนี้
“เฮ้ย
อย่าพูดบ้าๆน่า อย่างไอ้จิตรเนี่ยนะ”
“นั่นสิพี่กุย
ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน”
“แล้วมีใครเห็นคนทำบ้างเปล่าวะ”
เจ้าพ่อเคี้ยงถาม
“คนที่อยู่กับไอ้จิตรตายห่าหมดเลยครับพี่”
“แม่งเอ้ย
พวกไหนมันทำกับฉันเดี๋ยวนี้ ไอ้กุย”
“ครับพี่”
“มึงกับไอ้ติงนังไปสืบมาให้ได้ว่าแก๊งค์ไหนเป็นคนทำ
กูเอาคืนอย่างสาสมแน่ๆ”
“ได้เลยพี่”
ไอ้กุยเดินออกจากห้องไป
จากนั้นเขาก็เกณฑ์ลูกน้องของเขาออกตามล่าคนที่ฆ่าไอ้จิตร
======================================================================
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ
ความคิดเห็น