คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : EP 2 : เข้าสู่คืนนรก
หลังจากที่แต่ละคนตกลงว่าจะแยกย้ายกันไปหาของ
พวกเขาก็ค้นหาทุกซอกทุกมุมของอพาร์ทเม้นต์ เผื่อว่าจะมีอะไรที่พอจะใช้งานได้บ้าง
ในตอนนั้นเอง นอร์รีนกับมิเชลก็ไปหาของด้วยกัน
โดยที่ทั้งคู่ก็คุยกันถึงเรื่องเก่าๆของทั้งคู่ด้วย
มิเชล
: นี่ เราไม่ได้เจอกันนานแค่ไหนแล้วเนี่ย // มิเชลพูดพลางหาของไปด้วย
นอร์รีน
: นั่นสิ ฉันยังไม่ทันได้เตรียมใจเท่าไหร่เลยนะตอนนั้น
มิเชล
: แต่ฉันยังรักเธออยู่นะนอร์รีน
นอร์รีน
: ฉันคิดถึงเธอเสมอนั้นแหละ ว่าแต่ เธอเป็นยังไงบ้างกับชีวิตนักข่าวเนี่ย
มิเชล
: ฉันมีงานต้องสะสาง เรื่องของรัฐบาลหน่ะ
นอร์รีน
: ทำไมงั้นเหรอ เธอไปรู้อะไรมาหล่ะ
มิเชล
: มันเป็นความลับใหญ่มาก ฉันต้องส่งมันไปยังโลกภายนอกให้ได้เลย
นอร์รีน
: ถ้างั้นฉันจะช่วยเธออย่างเต็มที่เลยก็แล้วกัน
อีกด้านหนึ่ง
ยูจีน ซิลเวียและโทนี่ก็ไปหาของกันที่ห้องพักชั้นสอง ซึ่งมีไม่กี่ห้องพัก
พวกเขาแยกย้ายกันไปเปิดประตูแต่ละบานเพื่อหาของจำเป็น
ในตอนนั้นโทนี่พยายามจะเปิดประตูแต่เปิดไม่ได้ เขาจึงเรียกทุกคนมาช่วย
ทุกคนรีบมาตามที่โทนี่เรียกทันที
โทนี่
: ผมเปิดไม่ออกหน่ะครับ ช่วยหน่อยสิครับ
ยูจีน
: ฉันไปเจอ pick lock อยู่ตัวหนึ่ง ลองเอาไปไขดูสิ //
โทนี่ลองไขประตู จากนั้นประตูก็เปิดออกได้
ด้านในห้องพวกเขาเห็นของมากมาย ซึ่งเป็นของที่จำเป็นต้องใช้ทั้งนั้น
ซิลเวีย
: ดูสิ เราคงจะมาไม่เสียเที่ยวแล้วหล่ะ
ยูจีน
: โอเค รีบเก็บของที่ใช้ได้ เอาไปรวมกันด้านล่าง // จากนั้นทุกคนก็หาของด้านในอย่างแข็งขัน
จนกระทั่งได้ของมามากพอสมควร พวกเขาก็มารวมตัวกันในทันที
โทนี่
: เฮ้อ โคตรเหนื่อยเลยพี่ แล้วจะเอายังไงต่อดีหล่ะครับ
ซิลเวีย
: ก็คงต้องไปรวมตัวกันที่ด้านล่างหล่ะนะ
และอีกด้านหนึ่งของอพาร์ทเม้นต์
ไลฟ์กับเอสเทอร์ก็ไปเดินสำรวจเพื่อหาของ
แต่สภาพของอพาร์ทเม้นต์โดนถล่มเละอย่างหนัก
พวกเธอแทบจะสิ้นหวังเพราะไม่รู้จะหาของอะไรได้
ไลฟ์
: นี่ เละขนาดนี้จะมีอะไรให้เก็บหล่ะเนี่ย
เอสเทอร์
: นั่นสิ เราจะเก็บอะไรกันได้หล่ะ มีแต่เศษซากแบบนี้
ไลฟ์
: ลองเอาพวกเศษวัสดุพวกนี้ไปดูนะ // พวกเธอทั้งคู่พยายามตะกุยเศษซากเพื่อหาวัสดุจำเป็น
แต่ว่าเศษซากพวกนั้นทับถมกันอย่างมาก ทำเอาพวกเธอแทบจะมือพังกันเลยทีเดียว
เอสเทอร์
: โอ๊ย เล็บฉันพังหมดแล้วมั้งเนี่ย
ไลฟ์
: นี่ ว่างๆก็ไปตัดเล็บซะนะ สถานการณ์แบบนี้ไม่เหมาะกับการไว้เล็บหรอก
เอสเทอร์
: เฮ้อ อุตส่าห์ไว้มานานตั้งหลายปี เอาเถอะ เดี๋ยวกลับไปตัดก็ได้ // พวกเธอทั้งคู่ยังคงตะกุยหาของต่อจนได้วัสดุไม้กับโลหะบางส่วนเพื่อสร้างของขึ้นมา
ทางด้านของอลิซกับมิสซึ
ในตอนนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็พยายามหาของจำเป็นเพื่อสร้างอุปกรณ์เหมือนกัน
ในตอนนั้นอลิซก็นำไม้ส่วนหนึ่งมาดัดแปลงและติดตรงนั้นทีตรงนี้ที
ทำเอามิสซึได้แต่มองตาปริบๆ
อลิซ
: นี่นาย ไม่ว่านะถ้านายจะไปหาฟูกนอนให้ฉันหน่อย // มิสซึรีบวิ่งไปหาฟูกนอนแถวๆนั้นมา
จากนั้นก็เอามาให้กับอลิซ
มิสซึ
: ฟูกนอนไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ ลองดูแล้วกัน // อลิซทำต่อไปเรื่อยๆจนมันกลายเป็นเตียงนอนสำหรับนอนได้สามคน
ทำเอามิสซึอึ้งไปเลย
มิสซึ
: ว้าว นี่เธอทำได้ยังไงเนี่ย
อลิซ
: พ่อฉันสอนหน่ะ ท่านสอนทุกอย่างแบบที่โรงเรียนยังอายเลย
มิสซึ
: แล้วนี่เธอทำเพิ่มได้หรือเปล่าหล่ะ
อลิซ
: ทำได้นะถ้ามีอุปกรณ์พอ นายไปหามาให้ได้ก่อนก็แล้วกัน
ทางด้านของบารีร่า
ในขณะที่เธอกำลังหาของจำเป็นอยู่ด้านล่างของตึก อยู่ดีๆเธอก็ได้ยินเสียงเคาะประตูมาจากด้านนอก
บารีร่ารู้สึกแปลกใจนิดหน่อย จากนั้นเธอก็เปิดประตูไป
ปรากฏว่ามีเด็กหนุ่มคนหนึ่งมายืนอยู่ด้านนอก สายตาของทั้งคู่จ้องประสานกัน และในขณะนั้นราวกับว่าโลกกำลังหยุดหมุนเลยทีเดียว
บารีร่า
: เออ เธอเป็นใครอย่างงั้นเหรอ ถึงมาที่นี่
ซีโร่
: ฉันชื่อซีโร่ ฉันมาหาที่พักแถวนี้หน่ะ
บารีร่า
: แล้ว บ้านเธออยู่ที่ไหนหล่ะ ไม่มีอยู่แล้วงั้นเหรอ
ซีโร่
: อ้อ บ้านฉันโดนระเบิดลงหน่ะ ตอนนี้ไม่เหลือแล้ว
ในขณะเดียวกัน
นอร์รีนและพรรคพวกคนอื่นๆก็ลงมาพอดี
นอร์รีนเห็นบารีร่าคุยกับเด็กหนุ่มแปลกหน้าอยู่เลยเข้ามาหาเธอทันที
นอร์รีน
: เออ บารีร่า เขาเป็นใครกันงั้นเหรอ
บารีร่า
: อ้อ นี่ซีโร่ค่ะ เขามาหาที่พักหน่ะค่ะ พอจะช่วยเขาได้หรือเปล่าคะ
ซีโร่
: นี่ ผมไม่อยากรบกวนคุณเท่าไหร่หรอกนะครับ
นอร์รีน
: เข้ามาก่อนสิ ด้านนอกมันค่อนข้าหนาวอยู่นะ // นอร์รีนต้อนรับสมาชิกใหม่เข้ามา
จากนั้นพวกเขาก็มารวมตัวกันเพื่อรวบรวมของที่หามาได้
เพื่อดูว่ามีใครเก็บอะไรมาได้บ้าง
มิเชล
: ว่าไงทุกคน ได้ของอะไรกันมาบ้างหล่ะ
ยูจีน
: ของพวกฉันมียาส่วนหนึ่ง อาหารสด อาหารกระป๋อง กับน้ำสะอาดส่วนหนึ่งหน่ะ
เอสเทอร์
: ของฉันมีแต่วัสดุพวกนี้หน่ะ น่าจะใช้ทำอะไรได้อยู่นะ
นอร์รีน
: ตอนนี้เราคงต้องประหยัดเสบียงเอาไว้ก่อน
เอาเป็นว่าค่อยกินกันพรุ่งนี้เช้าก็แล้วกัน
ไลฟ์
: ห่ะ ต้องพรุ่งนี้เช้าเลยอย่างงั้นเหรอ
มิเชล
: ฉันเห็นด้วยนะ เสบียงของเรามีน้อย ถ้าไม่ประหยัดเราตายกันหมดแน่ๆ
อลิซ
: ก็ได้นะ เดี๋ยวฉันจะลองไปซ่อมเตาทำอาหารเอง มิสซึ นายไปกับฉันได้หรือเปล่า
มิสซึ
: ได้สิ เอายังไงก็แล้วแต่เลยนะ
และอีกด้านหนึ่งของเมือง
หลังจากที่หน่วยดอว์นซอร์ดตามล่านอร์รีน แต่พวกเขาก็หาตัวนอร์รีนไม่เจอ
ในตอนนั้นพวกมันก็เริ่มจะฟิวส์ขาดเนื่องจากว่ามีคนรู้ความลับของพวกเขา
ซิลเวสเตอร์
: จะเอายังไงต่อ มันคงเปิดโปงพวกเราหมดแน่
อีริค
: นั่นสิ พวกมันเห็นหน้าพวกเรากันหมดแล้วด้วย
อเล็กซานเดอร์
: ตามล่ามันทุกที่ ไปทุกตึกที่มันอยู่ มันอาจจะเป็นกลุ่มเดียวกับพวกกบฏก็ได้
คาสเตอร์
: เยี่ยมไปเลย อย่าให้ฉันเจอมันอีกก็แล้วกัน มันตายแน่ // ในขณะเดียวกัน เควินเห็นอเล็กซ่าท่าทางไม่ค่อยดีเท่าไหร่
เขาจึงเข้าไปถามเธอในทันที
เควิน
: นี่ อเล็กซ่า เธอเป็นอะไรของเธอ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว
อเล็กซ่า
: ไม่มีอะไรหรอก แต่พวกนายจะตามล่าเขาไปถึงรังพวกกบฏเลยเหรอ
อเล็กซานเดอร์
: แน่นอน ต้องขุดรากถอนโคนมันให้หมดเลย
ซิลเวสเตอร์
: แต่ว่า ตอนนี้พวกกบฏกำลังเข้มแข็งอยู่ เราควรจะมีแผนการที่ดีกว่านี้นะ
เควิน
: ฉันจะลองใช้วิธีแกะรอยพวกมันจากสัญญาณการสื่อสารเอง
อีริค
: เยี่ยมไปเลย งานนี้คงต้องพึ่งนายหน่อยหล่ะ
คาสเตอร์
: เยี่ยม ได้เวลาฆ่าของฉันซะที // ในระหว่างที่ทุกคนกำลังวุ่นวายกับแผนการของพวกเขา
อเล็กซ่าเป็นคนเดียวที่คิดเรื่องอะไรของเธอไปเรื่อย เธอนึกถึงเหตุการณ์ที่เจอกับเขา
จากนั้นก็คิดในใจว่า “นี่เธอยังไม่ตายเหรอ นอร์รีน”
ณ
เรือบรรทุกเครื่องบินสหประชาชาติ
ตะวันได้รับคำสั่งให้นำเครื่องขึ้นบินเพื่อคุ้มกันน่านฟ้าสำหรับอพยพทูตของแต่ละประเทศ
หลังจากที่เครื่องบินของเขาเข้าสู่น่านฟ้าโซราติก เขาก็สำรวจและคุ้มกันความปลอดภัยของน่านฟ้าในทันที
แต่ในทันทีนั้นเอง ก็มีเครื่องบินไม่ระบุสัญชาตินับสิบลำเข้ามารุมกินโต๊ะเขา
เขาต้องพยายามสู้กับพวกมันทั้งๆที่เป็นรองอยู่
“ขอย้ำ คุณกำลังประกาศสงครามกับสหประชาชาติ ยุติการโจมตีเดี๋ยวนี้”
ตะวันพยายามจะติดต่อกับเครื่องบินพวกนั้นแต่ก็ไม่เป็นผล
พวกมันพยายามยิงเครื่องของตะวันให้ตก
แต่ตะวันก็ยิงพวกมันกลับจนเครื่องบินของพวกมันตกไปหลายลำ
“มีดีแค่นี้เองเหรอวะ”
คราวนี้มันปล่อยจรวดติดตามความร้อนใส่
จรวดลูกนั้นโดนเข้าไปยังไอพ่นของเขาพอดี
ทำเอาเครื่องบินของเขาเสียการทรงตัวอย่างหนัก
“เมย์เดย์ๆ ผมกำลังจะตก ย้ำ เครื่องผมกำลังจะตก”
เครื่องบินของตะวันกำลังจะดิ่งพสุธาลงกลางเมือง
ตะวันจึงดีดตัวออกจากเครื่องบิน ปล่อยให้เครื่องบินตกลงไปใส่ตึกจนระเบิดยับ
ส่วนตะวันก็ลงโดยใช้ร่มชูชีพของเขา เขามาลงยังใจกลางเมือง
จากนั้นก็พยายามจะมองหาความช่วยเหลือเพื่อออกไปจากเมืองนี้
ก่อนที่พวกมันจะมาตามล่าเขาอีกครั้ง
“ซวยชิบหายเลย ลองไปแถวนี้ดูก่อนดีกว่า”
เขาเดินไปตามตรอกตามซอยเรื่อยๆ
เผื่อว่าจะมีใครที่พอจะช่วยเขาได้บ้าง
ณ
เขตเหนือโซราติก ในขณะนั้น
อนูวากำลังเตรียมความพร้อมของเธอเพื่อแฝงตัวเข้าไปในเมือง เพื่อพยายามติดต่อกับกลุ่มกบฏ
ระหว่างที่เธอกำลังเตรียมอุปกรณ์
พ่อของเธอก็คอยมาดูเธอก่อนที่เธอจะแฝงตัวเข้าไปในเมืองนั้น
“เป็นยังไงบ้างลูก โอเคนะ”
“หนูโอเคค่ะพ่อ ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้วค่ะ”
“โอเคลูก พ่อจะเฝ้าอยู่หน้าวิทยุตลอดเวลาเลยนะ”
“ค่ะพ่อ หนูใช้คลื่นสัญญาณพิเศษที่สามารถส่งข้อความได้ถึงพวกเราเท่านั้นค่ะ”
“สมกับเป็นลูกพ่อเลยนะเนี่ย”
ในขณะเดียวกัน
มีนักบินคนหนึ่งเดินเข้ามารายงานกับผู้บังคับบัญชาของเขาเกี่ยวกับเรื่องเครื่องบิน
“ท่านครับ เครื่องของเราพร้อมแล้วครับ”
อนูวาไม่รอช้า
รีบขึ้นเครื่องที่เตรียมพร้อมไว้ในทันที จากนั้นเครื่องบินก็ค่อยๆออกตัวไป
ซึ่งพ่อของเธอยืนโบกมือให้เธอ หลังจากที่ขึ้นมายังน่านฟ้าเรียบร้อยแล้ว
ไม่กี่นาทีก็มีสัญญาณให้อนูวาเตรียมกระโดดร่มลงได้
“ท่านครับ อีก 30 วินาทีเตรียมโดดครับ
ขอให้โชคดีนะครับ”
หลังจากนั้นไม่นาน
อนูวาก็โดดร่มดิ่งพสุธาลงมาทันที เธอร่อนลงมาเรื่อยๆจนกระทั่งถึงจุดที่กางร่ม
เธอก็กางร่มในทันที เมื่อเธอถึงพื้น เธอก็เก็บร่มชูชีพ จากนั้นเธอก็มองไปรอบด้าน
เผื่อว่าจะมีใครคอยจะซุ่มยิงเธอหรือเปล่า
“เอาหล่ะ ไปสำรวจแถวนี้ดีกว่า”
เธอลัดเลาะไปตามตรอกและซอยต่างๆ
เพื่อติดต่อกับกลุ่มกบฏเพื่อเริ่มแผนการใหม่ของเธอในทันที
กลับมายังเมืองหลวงของโซราติก
หลังจากที่เร็นติดต่อกับหน่วยของเขาได้สำเร็จ
เขาเตรียมอาวุธเพื่อที่จะจัดการกับประธานาธิบดีโซราติก แต่ในขณะเดียวกัน
ก็มีเสียงดังมาจากประตูหน้าห้องของเขา
เขาดูที่กล้องวงจรปิดก็พบว่ามีหน่วยรบพิเศษกำลังล้อมห้องของเขาอยู่ จากนั้นไม่นานเขาก็กดสัญญาณอะไรบางอย่าง
ทำให้เกิดไฟสีแดงที่หน้าประตู จากนั้นเขาก็ไปหลบอยู่หลังโซฟา
“ตู้ม”
ระเบิดที่หน้าประตูทำงาน
ทำเอาพวกมันตายไปบางส่วน เร็นคว้าปืนกลมือของเขามายิงปะทะกับพวกมัน
พวกนั้นพยายามบุกเข้ามาเรื่อยๆแต่เร็นก็สกัดพวกมันเอาไว้ได้
จากนั้นไม่นาน
พวกมันก็เอาระเบิดควันยิงใส่เร็น
เร็นเห็นท่าไม่ดีจึงใส่แว่นมองผ่านควันของเขาจากนั้นก็วิ่งไปยังระเบียง
แล้วไต่เชือกลงมาจนถึงชั้นล่าง จากนั้นเขาก็กดโทรศัพท์ของเขา
“ตู้ม”
เขาระเบิดห้องของเขา
ทำเอาเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว จากนั้นเขาก็ขึ้นรถของเขาเพื่อหนีไปจากที่นั่น
เขากดโทรศัพท์ไปมาเพื่อกู้ข้อมูลบางส่วนของเขา
“เฮ้อ ได้มาแค่นี้เองเหรอ แต่ไม่เป็นไร ยังไงฉันก็จัดการมันได้อยู่แล้ว”
เขาพูดพลางขับรถไปเรื่อยๆ
โดยหวังว่าจะไปให้พ้นจากทหารกลุ่มที่ตามล่าเขา
ณ
เขตของกลุ่มกบฏ ในตอนนั้นเองแพททริค
รองหัวหน้าของกลุ่มพาเทเรซ่าและพรรคพวกออกหาเสียงและอุปกรณ์จำเป็นเพิ่มเติม
พวกเขาต้องพยายามหลบพลซุ่มยิงของทหารที่อยู่ตรงเขตยึดครองของรัฐบาล
ในระหว่างนั้นเอง พวกเขาก็พยายามเสาะหากลุ่มพันธมิตรที่เหลือ
เพื่อติดต่อขอกำลังมาเพิ่ม
แพททริค
: นี่ เดม่อน ติดต่อกับคนอื่นๆไม่ได้เลยงั้นเหรอ
เดม่อน
: พวกมันตัดสัญญาณหมด อินเทอร์เน็ต ไวไฟ เน็ตมือถือ กระทั่งสัญญาณวิทยุหน่ะ
เทเรซ่า
: แบบนี้ไม่ได้แน่ๆ ถ้าเราติดต่อกับคนอื่นๆไม่ได้เลยหน่ะ
ลูลู่
: นี่ พวกนายเห็นตึกตรงนั้นหรือเปล่า มันน่าจะมีของให้เราเก็บหน่อยนะ
แพททริค
: เห็นด้วย พวกเราไปทางนั้นกันดีกว่า // แพททริคนำคนของเขาไปยังตึกร้างแห่งหนึ่ง
เมื่อพวกเขาเข้ามาด้านใน พวกเขาก็พบกับของใช้ที่จำเป็นบางส่วน
พวกเขาโล่งใจที่มาในครั้งนี้ไม่เสียเที่ยว แต่ในขณะเดียวกัน
พวกเขาก็เห็นกลุ่มคนแก่และคนเจ็บบางส่วนที่นอนรอความช่วยเหลืออยู่ในนั้น
แววตาของพวกเขาดูน่าสงสารมาก
“ช่วยพวกเราด้วย เขาบาดเจ็บหน่ะ”
เทเรซ่ารีบวิ่งไปดูอาการของเขาในทันที
จากนั้นเธอก็รีบรักษาเขาด้วยยาที่มีอยู่
เทเรซ่า
: แผลติดเชื้อหน่ะ ฉันจะลองรักษาเขาดูนะ
พวกนายมียาฆ่าเชื้อเพิ่มเติมหรือเปล่า
เดม่อน
: เอานี่ไป เราเหลือน้อยแล้ว ต้องประหยัดหน่อยหล่ะ // เดม่อนยื่นยาให้กับเทเรซ่า
จากนั้นเธอก็ทำแผลให้กับคนเจ็บทันที
ลูลู่
: นี่ เรารีบเก็บของแล้วไปจากที่นี่กันก่อนดีกว่ามั้ย
แพททริค
: เราต้องช่วยคนที่เหลือก่อน พวกเขาต้องการเราอยู่ใน // พวกเขาพยายามช่วยเหลือคนที่อยู่ด้านใน จนกระทั่งเทเรซ่ารักษาเขาได้สำเร็จ
“ขอบคุณพวกคุณมากเลยนะครับ”
แพททริค
: เราพยายามติดต่อกับกลุ่มกบฏแถวนี้ พวกคุณพอจะรู้มั้ยครับว่าเขาอยู่ที่ไหน
“ตอนนี้พวกเขากระจัดกระจายกันไป พวกคุณต้องลองไปตามหาด้านในเมืองหน่ะ”
แพททริค
: ขอบคุณมากนะครับ
กลับมายังโกดังเก็บสินค้าของมาร์ค
ในระหว่างที่ด้านนอกกำลังวุ่นวายอย่างหนัก
มาร์คกับลูกน้องของเขาก็เริ่มที่จะวางแผนเพื่อนำเสบียงไปแลกเปลี่ยนกับของมีค่ากับคนในเมือง
“นายครับ ตอนนี้เรามีของพอที่จะอยู่ได้เป็นปี เราจะเอาไปแลกจริงๆเหรอครับ”
มาร์ค
: เชื่อฉันเถอะ สงครามนี้อยู่ได้ไม่เกินสองเดือนหรอก
“นายรู้ได้ยังไงครับ”
มาร์ค
: ฉันพอจะเดาได้ พวกกบฏคงต้านได้ไม่นานหรอก เมื่อพวกกบฏยอมแพ้
ทุกอย่างก็เป็นไปตามแผน
“เยี่ยมไปเลยครับนาย แบบนี้เราก็รวยเละเลยสิครับ”
มาร์ค
: ว่าแต่ตอนนี้แกไปสำรวจหรือยังว่ามีผู้รอดชีวิตอยู่ตรงไหนบ้าง
“เราสำรวจมาหมดแล้วครับ รู้แม้กระทั่งฐานของพวกกบฎครับ”
มาร์ค
: ดีมาก หลังจากจบเรื่องนี้เมื่อไหร่ เราจะรวยกันแน่นอน
“ดีครับนาย งั้นผมขอทำงานให้นายตลอดไปเลยครับ”
มาร์ค
: ตอนนี้เรามาเริ่มทำงานก่อนดีกว่า เย็นนี้หลังสองทุ่ม
เริ่มออกลาดตระเวนได้เลย
“ครับนาย”
ในช่วง
6 โมงเย็นของวัน
ชายคนหนึ่งเดินไปตามถนนเพื่อที่จะหาที่นอนและอาหารของเขาไปเรื่อยๆ
เขาเดินทางมาอย่างสิ้นหวัง เนื่องจากไม่มีที่นอนดีๆให้เขานอนมาหลายวันแล้ว
เขาเคยนอนข้างถนนมาหนึ่งคืน ซึ่งเขาไม่อยากจะนอนแล้ว
เขาเดินมาจนเหนื่อยจึงถอดใจนั่งพักอยู่แถวนั้น พร้อมกับหยิบอาหารของเขาขึ้นมาเพื่อที่จะนั่งกินแถวนั้น
ระหว่างที่เขากำลังจะกินมัน ในตอนนั้นเอง
มีหมาตัวหนึ่งท่าทางกำลังหิวโซมายืนจ้องหน้าเขา
พร้อมกับทำสีหน้าราวกับว่ามันไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน
“หิวหล่ะสิเจ้าหมาน้อย ใช่หรือเปล่า”
หมาตัวนั้นทำท่ายิ้มจากนั้นก็แลบลิ้นห้อยๆของมันออกมา
ทำให้เขาต้องแบ่งอาหารส่วนหนึ่งไปให้มัน หมาตัวนั้นกินอย่างหิวโหย
หลังจากที่มันกินเสร็จ มันก็มานอนใกล้กับชายคนนั้น
“นายก็คงไม่มีบ้านเหมือนกับฉันสินะ ฉันชื่ออายาซากะ เอจิ
นายคงจะฟังฉันรู้เรื่องนะ” จากนั้นเขาก็ลูบหัวมัน
มันก็ยอมให้เขาลูบหัวอย่างยินดี
“ตอนนี้นายคงเป็นเพื่อนคนเดียวของฉันตอนนี้สินะ เดี๋ยวสิ
ฉันยังไม่ได้ตั้งชื่อให้นายนี่ เอาไว้ฉันจะตั้งให้ทีหลังก็แล้วกัน”
ในระหว่างนั้นเอง
ก็มีเสียงปืนดังมาแต่ไกล ทำเอาหมาตัวนั้นตกใจแล้วมาหลบหลังเขา
“เราคงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วหล่ะ ไปกันดีกว่า”
และอีกด้านหนึ่งของเมือง
หลังจากที่เสียงปืนใหญ่ดัง กลุ่มกบฏส่วนหนึ่งได้หลบหนีพวกทหารและกระจายตัวไปยังตึกต่างๆ
และในตอนนั้นเองชายคนหนึ่งกับเพื่อนของเขาอีกสองคนก็กำลังหาทางหนีออกไปจากจุดปะทะ
“นี่ อลัน เราจะไปจากที่นี่ยังไงเนี่ย” ชายคนหนึ่งถามเพื่อนของเขา
“เราต้องเข้าไปยังใจกลางตัวเมือง เผื่อว่าพวกเราจะยังอยู่ที่นั่น”
แต่ยังไม่ทันไร
เพื่อนของเขาสองคนก็โดนยิงตาย อลันจึงต้องหนีตายจากพวกทหารโดยลำพัง
เขาวิ่งและยิงสหัดพวกมันเป็นระยะๆ แต่พวกมันก็ไล่ยิงเขาตามมาติดๆ
“บ้าเอ้ย จะถามถึงไหนวะ”
เขาไม่มีทางเลือก
ในตอนนั้นเขาเห็นถังขยะใบใหญ่ใบหนึ่ง เขากระโดเข้าไปแอบในนั้น และในตอนนั้นพวกทหารก็วิ่งผ่านเขาไปอย่างหวุดหวิด
“ตามล่าพวกกบฏให้ได้ ฆ่ามันให้หมด”
เขาอยู่ด้านในซักพัก
จากนั้นก็โผล่ออกมา โดยที่มีนกเหยี่ยวขาวตัวหนึ่งบินมาเกาะที่ไหล่ของเขา เขาดีใจมากๆที่นกตัวนั้นบินมาหาเขา
“นึกว่าแกจะถึงฉันไปแล้วนะเนี่ย มาเถอะ เราต้องหนีก่อนหล่ะ”
เขากับนกตัวนั้นหนีเข้าไปยังใจกลางเมือง
โดยหวังว่าพวกทหารจะไม่มาพบเขาเข้าเสียก่อน
ณ
เขตชานเมืองหลวง ในขณะที่กองทหารกำลังคุมกำลังเพื่อป้องกันกลุ่มกบฏอยู่ด้านนอก
ในตอนนั้นเอง มีหญิงสาวคนหนึ่ง ขับรถกระบะที่ดูท่าทางไม่เก่ามาก มาพร้อมกับองุ่นหลายพวงที่เธอขนมาด้วย
ในระหว่างนั้นเองทหารกลุ่มหนึ่งก็ให้เธอหยุดรถในทันที
“สวัสดีครับคนสวย คุณกำลังจะไปไหนครับ”
“ดิฉันกำลังจะไปเยี่ยมลูกดิฉันหน่ะค่ะ”
“คุณผู้หญิงไม่รู้เหรอครับ ที่นี่อยู่ในระหว่างการควบคุมนะครับ”
“ดิฉันเป็นห่วงลูกฉันจริงๆนะคะ”
“เราขอดูบัตรประชาชนคุณหน่อยครับ” เธอยื่นบัตรให้กับทหารคนนั้น
ทหารคนนั้นดูอยู่พักหนึ่ง
“คุณอันนาเหรอครับ คุณต้องมีบัตรผ่านแดนด้วยนะครับ”
“แล้วฉันต้องไปเอาที่ไหนเหรอคะ” ทหารคนนั้นพาเธอไปหานายทหารคนหนึ่ง
ซึ่งนายทหารคนนั้นกำลังนั่งตรวจแผนที่ของเขาอยู่
“ท่านครับ ผู้หญิงคนนี้ต้องการบัตรผ่านแดนหน่ะครับ” นายทหารคนนั้นให้ลูกน้องออกไปก่อน
จากนั้นเขาก็คุยกับอันนาตัวต่อตัว
“ได้ยินว่าคุณอันนาต้องการบัตรผ่านแดนนี่ครับ”
“ค่ะ ฉันต้องการไปเยี่ยมลูกดิฉันค่ะ”
“เอาเจ้านี่ไปยื่นให้กับลูกน้องผมนะ
บัตรนี้ใช้ผ่านได้ตามเวลาที่กำหนดนะครับ”
“ขอบคุณมากนะคะ” จากนั้นอันนาไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบขับรถผ่านแดนโดยการยื่นบัตรผ่านให้ทหารดู
จากนั้นทหารก็ปล่อยเธอออกมา
“ท่านครับ จะปล่อยเธอไปจริงๆเหรอครับ”
“นายก็จับตาดูเธอไว้สิ ฉันมีอะไรจะทำกับเธอหน่อยหน่ะ ฉันจะไปนอนก่อนนะ”
นายทหารคนนั้นเดินกลับเข้าไปที่ห้องของตัวเองเพื่อพักผ่อนในทันที
กลับมายังอพาร์ทเม้นท์ของนอร์รีน
ในคืนที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในตอนนั้นเอง ยูจีนเกิดนึกอะไรได้บางอย่าง
เขาจึงพยายามจะเดินออกไปที่ด้านนอก ซิลเวียเห็นเขาจึงถามเขาทันที
ซิลเวีย
: นี่ ยูจีน นายจะไปไหนงั้นเหรอ
ยูจีน
: ฉันว่า ฉันจะไปหาของนิดหน่อยหน่ะ
เผื่อว่าจะมีอาหารหรืออุปกรณ์อะไรเพิ่มเติมหน่ะ
โทนี่
: น่าสนนี่พี่ ผมขอไปด้วยคนสิ
เอสเทอร์
: แต่ว่า คืนนี้ต้องมีคนเฝ้ายามด้วยหน่ะสิ
ไลฟ์
: นั่นสิ ใครจะเป็นคนเฝ้ากันหล่ะคืนนี้
นอร์รีน
: ผมเองครับ คืนนี้ผมนอนไม่ค่อยหลับ ทุกคนพักผ่อนกันดีกว่านะ
มิเชล
: ถ้าอย่างงั้นให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนคุณนะคะ
ซีโร่
: ผมไปด้วย เรื่องหาของนี่ผมถนัดนักครับ
บารีร่า
: นี่ ถ้านายไปนายต้องระวังตัวด้วยนะ
มิสซึ
: พวกนายต้องรีบกลับมาก่อนเช้านะ
ได้ยินว่าพวกทหารมันจะลาดตระเวนช่วงเช้ามืดหน่ะ
อลิซ
: ใช่ๆ ถ้าพวกนายเป็นอะไรไปงานนี้เราจะเป็นยังไงหล่ะ
ยูจีน
: ไม่ต้องห่วง แล้วเราจะรีบกลับไป ซิลเวีย เธออยู่ที่นี่แหละ
ซิลเวีย
: ได้ นายต้องระวังตัวด้วยนะ
หลังจากที่พวกเขาตกลงกันได้
พวกของยูจีนก็ออกลาดตระเวนไปหาของในทันที ส่วนคนอื่นๆก็เฝ้าอพาร์ทเม้นท์นี้เอาไว้
เผื่อว่าจะมีใครเข้ามาขโมยของพวกเขาหรือเปล่า
====================================================================
พวกเขาได้เริ่มออกสำรวจหาของจำเป็นกันแล้ว แต่มันจะง่ายเกินไปหรือเปล่า แล้วจะมีอะไรที่รอพวกเขาอยู่ด้านหน้า ติดตามชมต่อตอนต่อไปจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วยครัช
ความคิดเห็น