ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rob The World - จอมคนปล้นโลก (ปิดรับสมัครตัวละคร)

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 1 : เพื่อน การพบกันของเน็ตโต้และลูกทีม

    • อัปเดตล่าสุด 20 ส.ค. 65


    “คลิ๊ก!!”

    ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งกดคอมพิวเตอร์ท่องอินเทอร์เน็ต ท่ามกลางอากาศอุ่นๆร้อนๆในห้อง พัดลมที่พัดมาพอช่วยผ่อนคลายได้บ้าง ก่อนที่ตัวของชายคนนั้นจะค่อยๆลุกขึ้นจากโต๊ะคอม แล้วเดินไปที่โต๊ะตัวหนึ่ง ซึ่งบนโต๊ะมีปืนสั้น M1911 กระบอกหนึ่งอยู่บนโต๊ะ ชายคนนั้นค่อยๆหยิบมันขึ้นมาดู พร้อมกันนั้นก็นึกถึงเรื่องที่เขาเคยทำมาไม่กี่ชั่วโมงก่อน 

    .

    2 ชั่วโมงก่อนหน้านี้ 

    ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง เป็นร้านที่ตกแต่งดูสวยงาม แต่ภายในนั้นเน่าเฟะเต็มไปด้วยความเน่าเหม็นมากมาย ร้านนั้นขายของแบบขูดเลือดขูดเนื้อ ในร้านเต็มไปด้วยคำด่ามากมายจากพนักงานโดยที่ไม่คิดจะเห็นใจลูกค้าเลย

    “นี่ ทำไมนมที่นี่ขายแพงจัง??”

    “ถ้าไม่มีเงินซื้อก็ออกไปสิ!!” พนักงานผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนกลับไป หญิงแม่ลูกอ่อนคนนั้นทำหน้าเจื่อนๆและเดินออกไป แต่แม่ลูกอ่อนคนนั้นรู้สึกเอะใจอะไรบางอย่าง เธอเลยลองค้นกระเป๋าของเธอดู แล้วก็พบว่ากระเป๋าเงินของเธอหายไป

    “กระเป๋าเงินฉัน นี่คุณ เอาคืนมานะ!!” หญิงแม่ลูกอ่อนคนนั้นบอกกับพนักงานผู้หญิงที่กำลังจะเดินไป แต่ดูเหมือนว่าพนักงานจะไม่ได้ยิน หญิงแม่ลูกอ่อนคนนั้นตามไปถึงตัว ก่อนที่จะพูดขึ้น

    “นี่คุณ กระเป๋าเงินฉันอยู่ไหน??”

    “อะไรของมึงวะ??” พนักงานคนนั้นตะโกนออกก่อนที่จะเงื้อหมัดใส่หญิงแม่ลูกอ่อนคนนั้น แต่ก่อนที่เธอจะได้ทำ

    “อ๊อด!!”

    เสียงออดของร้านดังขึ้น ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน จากนั้นก็เดินไปตรงโซนที่แม่ลูกอ่อนกับพนักงานคนนั้นทะเลาะกันอยู่ เพื่อจะซื้อน้ำกิน เขาเปิดตู้น้ำและหยิบชาเขียวขวดหนึ่งขึ้นมา

    “เอาเงินฉันคืนมาเถอะ” แม่ลูกอ่อนคนนั้นพูดขึ้น

    “อะไร ถ้าไม่มีหลักฐานก็ออกไป ก่อนที่กูจะเรียกตำรวจ!!” พนักงานคนนั้นพูดขึ้น ก่อนที่ชายคนนั้นจะพูดแทรก

    “ถ้าคุณเอาเงินไป เอาคืนให้เขาเถอะ”

    “นี่ เสือกอะไรด้วยวะ มึงอยากโดนเหรอ??” พนักงานคนนั้นตะโกนกลับไปแล้วจะชักอะไรบงอย่างออกมา แต่ในตอนนั้น ชายคนนั้นก็ชักปืนออกมาได้ก่อน ก่อนที่จะเล็งปืนใส่หัวเธอ

    “จะคืนดีๆ หรือจะให้ต้องปล้น??” 

    “ช่วยด..” พนักงานพยายามจะตะโกนออกมา แต่ชายคนนั้นใช้ปืนกดเธอดันเข้าที่กำแพง จากนั้นก็ค้นตัวของเธอ และในตอนนั้น ชายคนนั้นก็เจอกับกระเป๋าเงินใบหนึ่งออกมาจากพนักงานคนนั้น

    “วัยรุ่นอย่างเธอไม่ใช้กระเป๋าแบบนี้แน่ๆ” ชายคนนั้นพูดขึ้น

    “นี่แหละค่ะกระเป๋าเงินฉันค่ะ” แม่ลูกอ่อนคนนั้นพูดขึ้น ก่อนที่จะหยิบกระเป๋าเงินมา แต่ในตอนนั้น พนักงานอีกคนก็มาเจอกับเหตุการณ์เข้า

    “ช่วยด้วย ร้านเราโดนปล้น!!” พนักงานหญิงคนนั้นตะโกนออกมา ชายคนนั้นใช้ปืนฟาดเข้าที่ท้องของพนักงานหญิงคนนั้น ก่อนที่จะวิ่งไปชาร์จพนักงานอีกคนที่กำลังจะไปหยิบปืนที่เคาน์เตอร์

    “หมับ!!”

    “โอ้ย ไอ้บ้าเอ้ย!!” พนักงานคนนั้นตะโกนออกมา

    “มีเงินเท่าไหร่ส่งมาให้หมด” ชายคนนั้นตะโกนออกมา ก่อนที่เขาจะลากพนักงานคนนั้นขึ้น พนักงานคนนั้นรีบพาชายคนนั้นไปหยิบเงินในทันที ในตู้เก็บเงินตู้หนึ่ง มีเงินสดประมาณ 3 พันดอลลาห์ ชายคนนั้นรีบหยิบมันมาในทันที ก่อนที่จะใช้สันปืนฟาดที่ท้ายทอยของพนักงานคนนั้นจนร่วงไป ตัวของเขาเดินเข้าไปในห้องเก็บของของร้าน และไปเจอกับคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่งซึ่งเชื่อมต่อกับกล้องวงจรปิด ชายคนนั้นเตะคอมพิวเตอร์และกระทืบคอมตัวนั้นจนพังยับ จากนั้นก็เอาน้ำยาแถวนั้นราดไปในตัวคอมเพื่อทำลายฮาร์ดดิสก์ ก่อนที่จะเดินออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว และที่หน้าร้าน ตัวของชายคนนั้นก็พบกับหญิงแม่ลูกอ่อนที่กำลังอุ้มลูกพร้อมกระเป๋าตังค์ของเธอ เธอจะพยายามจะหนีหน้า แต่ชายคนนั้นห้ามเอาไว้ก่อน

    “เดี๋ยว!!”

    “อย่าๆๆ อย่าทำอะไรฉันเลย เอากระเป๋าไปก็ได้นะคะ” ชายคนนั้นไม่พูดอะไร ก่อนที่จะหยิบแบงค์ร้อยดอลลาห์ให้กับหญิงแม่ลูกอ่อนคนนั้น

    “อย่ามาซื้อของร้านนี้อีก” ชายคนนั้นให้เงินกับหญิงคนนั้น ก่อนที่จะรีบเดินจากไป ตัวของชายคนนั้นรีบเดินปะปนกับฝูงชน ก่อนที่จะหายวับไปกับตา

     

    “อืม วันนี้ไปที่บาร์ซันนี่หน่อยดีกว่า” ชายคนนั้นพูดขึ้นก่อนที่จะหยิบชาเขียวที่ติดมาด้วยตอนปล้นดื่ม พร้อมกันนั้นก็นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย โดยเฉพาะเรื่องดีตของเขา คำพูดคำหนึ่งที่มันฝังใจเขา

    “พวกมันแย่งอาหารไปจากปากของนาย ถ้าอยากได้ก็ชิงมันกลับมาสิ”

    ชายคนนั้นแอบน้ำตาไหลออกมาเล็กน้อย แต่ก็ยังแอบปาดน้ำตาไป ก่อนที่จะลุกขึ้นและปิดคอมพิวเตอร์ที่ตัวของเขาเพิ่งจะเล่นจบไป ชายคนนี้ชื่อเน็ตโต้ เขาไม่เคยเจอพ่อแม่แท้ๆของเขา ถูกทิ้งตั้งแต่ยังเด็ก เกือบตายข้างถนน แต่วันหนึ่งมีคนมาช่วยเขาไว้ ตัวของเขาหากินเป็นโจรกระจอกมานาน ซึ่งก็ไม่แปลกใจสำหรับยุคนี้ เพราะถ้าไม่ปล้นเขากิน ก็ต้องนอนตายข้างถนนหล่ะนะ

    “เฮ้อ ไปดีกว่า” เน็ตโต้พูดขึ้นก่อนที่จะหยิบปืน M1911 กระบอกโปรดของเขา ซึ่งผู้มีพระคุณของเขามอบมันไว้ให้ก่อนที่จะหายไป จากนั้นไม่นานเขาก็เดินออกจากห้องในทันที

    “บอกทีสิว่าวันนี้จะเจอกับใคร” เน็ตโต้พูดขึ้น

     

    ณ น่านฟ้าประเทศแห่งหนึ่งในตะวันออกกลาง เครื่อง Private Jet คันงามซึ่งแล่นท่ามกลางอากาศที่ร้อนแรงกลางทะเลทราย กลุ่มคนที่นั่งอยู่ในเครื่องบินประกอบไปด้วยชาย 4 คน ซึ่งกำลังนั่งจิบแชมเปญอยู่บนเครื่องอย่างสบายใจ

    “เฮ้ พวกนาย ไม่น่าเชื่อว่างานที่ UAE จะง่ายขนาดนี้” ชายคนหนึ่งซึ่งนั่งเอนหลังอย่างสบายใจพูดคุยกับคนในเครื่องอีก 3 คน

    “นั่นสิพี่อดัม ขับเครื่องบินยังง่ายกว่าเลย”

    “ก็ตำรวจที่นั่นรับส่วยนิดเดียวก็แทบจะไม่ทำอะไรเราแล้ว มาร์ติน เออนี่มิลเลอร์ แกคิดอะไรอยู่วะ??” 

    “ก็คิดแผนการตอนที่ไปถึงตุรกียังไงหล่ะปีเตอร์ เออนี่ อดัม นายให้ฉันส่งเมล์ไปหาเน็ตโต้งั้นเหรอ??”

    “ก็ใช่สิมิลเลอร์ ฉันอยากจะให้เขารู้จักกับเพื่อนใหม่เขาหน่อย” อดัมตอบไป

    “เออใช่ ไม่ได้เจอหมอนั่นตั้งนานแล้วนะ ลูกพี่จะไม่กลับไปเยี่ยมหน่อยเหรอ??” ปีเตอร์ถามไป

    “อย่าให้หมอนั่นเดือดร้อนเพราะฉันเลยดีกว่า” อดัมตอบไป

    “นั่นสินะ เราเองก็ยังต้องปล้นกันอีกนานเลย” มิลเลอร์พูดเสริม

    “ตอนนี้เราต้องรีบติดต่อแก๊งของเราที่ตุรกีหน่อยแล้วหล่ะ แล้วอีกอย่าง ฉันอยากจะติดต่อกับแมรี่ด้วย” มาร์ตินพูดขึ้น ก่อนที่ตัวของเขาจะเดินไปที่โทรศัพท์เครื่องหนึ่งอย่างรวดเร็ว

     

    ณ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศซึ่งในตอนนี้ดูจะมีปัญหามากมายทั้งเรื่องเศรษฐกิจและสังคมภายใน ผู้คนที่นี่เองก็เหมือนกับที่อื่น พากันก่ออาชญากรรมกันไปทั่วประเทศ และที่ปักกิ่ง เทียนอันเหมิง ขบวนรถขบวนหนึ่งได้เดินทางเข้ามายังทำเนียบรัฐบาลซึ่งบรรดานักข่าวกำลังยืนรออยู่ และไม่นานนัก รถคันหนึ่งก็ขับมาจอดที่ด้านหน้าทางเข้าทำเนียบ และหญิงสาวคนหนึ่งก็ลงมาจากรถ พร้อมกับบอดี้การ์ดในชุดดำมาคอยคุ้มกันเธอ

    “ตอนนี้ท่านประธานาธิบดีหลงเฟยจิน ได้เดินทางมาถึงทำเนียบแล้วค่ะ” เสียงของนักข่าวคนหนึ่งได้ประกาศออกมา ขบวนของประธานาธิบดีได้เดินเข้าไปในทำเนียบอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันชายร่างสูงในชุดตำรวจเต็มยศก็กำลังรอเธออยู่ และเมื่อตำรวจคนนั้นเจอกับประธานาธิบดี เขาก็ทำความเคารพเธอในทันที

    “คำความเคารพ ท่านประธานาธิบดี!!”

    “อืม ท่านเหยา ดูเหมือนว่าวันนี้เราคงจะต้องประชุมกันนานหน่อยนะคะ” เฟยจินพูดขึ้น

    “ครับ ผมทราบดีครับ เรื่องการกำหนดเรื่องอาชญากรรมในตอนนี้เป็นวาระแห่งชาติ”

    “ใช่แล้วหล่ะ ท่านรู้หรือเปล่า ตอนที่ฉันผ่านถนนที่ไม่ห่างจากที่นี่เท่าไหร่ ก็มีการปล้นกันกลางวันแสกๆแล้ว ไม่เห็นมีตำรวจมาจับเลยซักคน” เฟยจินพูดขึ้น

    “ครับ ผมจะรีบตำหนิไปยังผู้กำกับย่านนั้นเองครับ”

    “อืม ดีแล้วหล่ะ แล้วก็เรื่องแก๊งสามเซียนที่กำลังขึ้นมามีอิทธิพลด้วย ดูเหมือนว่าประชาชนจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่” เฟยจินพูดขึ้น

    “อ้อ เรื่องนี้ผมก็จะเอาเข้าที่ประชุมเหมือนกันครับ”

    “อืม ดี ตอนนี้รัฐมนตรีมากันครบหรือยัง??” เฟยจินถามไป

    “มาแล้วครับ กำลังรออยู่เลยครับ”

    “ดี ถ้าอย่างงั้นเรารีบไปกันเถอะ ฉันต้องไปงานแฟชั่นโชว์ด้วย” เฟยจินตอบไป ก่อนที่ตัวของเธอจะเดินเข้าห้องประชุมพร้อมกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ

     

    ณ เมืองซีอาน เมืองใหญ่ชื่อดังซึ่งดูจะมีชีวิตชีวาท่ามกลางประเทศจีนที่วุ่นวาย ผู้คนเองก็ยังคงใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข และที่เป็นไฮไลท์ของงาน ที่เวทีใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งผู้คนชาวจีนมากมายต่างเดินมารวมตัวกันที่หน้าเวทีอย่างเนืองแน่น เพื่อดูการแสดงอะไรบางอย่างบนเวที

    “เอาหล่ะครับพ่อแม่พี่น้อง คุณลี่หลินจะเริ่มการแสดงแล้ว!!”

    เมื่อสิ้นเสียงของโฆษกที่ประกาศออกมา หญิงสาวคนหนึ่งซึ่งแต่งตัวจัด สำหรับเล่นงิ้ว ซึ่งในตอนนี้เป้นที่นิยมมากสำหรับชาวเมืองซีอาน หญิงสาวคนนั้นร่ายรำบนเวทีและร้องเพลงออกมา ทั้งการร่ายรำและเสียงร้องดูช่างสะกดผู้ชมไม่ให้ใครขัดขืนได้เลย

    “แปะๆๆๆๆ”

    เสียงปรบมือดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่ทันที่เสียงปรบมือจะสงบลง

    “ตู้ม!!”

    เสียงระเบิดดังขึ้นมาแต่ไกล ทำเอาผู้ชมถึงกับแตกตื่น ตัวของหญิงสาวลี่หลินเองก็หยุดแสดงก่อน ก่อนที่ตัวประกอบคนอื่นจะรีบพาลี่หลินเข้าไปด้านหลังเวทีเพื่อหลบภัยก่อน และในขณะเดียวกันนั้นเอง ตัวของเธอก็พบกับหญิงสาวคนหนึ่งในชุดของชาวจีนโบราณกำลังยืนอยู่ตรงนั้นราวกับว่าเขากำลังรอเธออยู่

    “พี่ฮั่นหยาง ลงจากเขาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย??”

    “ลี่หลิน ดูเหมือนเสียงจะดังหน่อยสินะ” 

    “นั่นสิพี่ ผู้คนแตกตื่นกันใหญ่เลยพี่” ลี่หลินพูดขึ้น

    “พี่จัดให้คนไปควบคุมสถานการณ์แล้วหล่ะ แล้วท่านหลงเป็นยังไงบ้างหล่ะ??”

    “อ้อ ท่านพ่อสบายดีค่ะ คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นกกับท่านหรอกค่ะ” ลี่หลินพูดขึ้น

    “อืม เข้าไปคุยกันด้านในก่อนเถอะ” ฮั่นหยางพูดขึ้น ก่อนที่พวกเขาทั้งคู่จะพากันไปนั่งที่โต๊ะตัวหนึ่ง และลูกน้องของลี่หลินเองก็เตรียมน้ำชามาให้กับพวกเขาทั้งคู่แล้ว

    “นั่งก่อนสิพี่” ลี่หลินพูดเชิญฮั่นหยาง หลังจากที่ทั้งคู่นั่ง ลี่หลินก็รินน้ำชาในทันที

    “ลี่หลิน ช่วงนี้พวกสามเซียนกำลังขยายอิทธิพล และดูเหมือนมันกำลังจะเข้าใกล้เขตของเราด้วย” ฮั่นหยางพูดขึ้น

    “หนูเองก็ได้ข่าวมาแบบนั้นเหมือนกันค่ะ”

    “ใช่แล้วหล่ะ ถ้าเกิดพวกมันมาก่อเรื่องแถวนี้ ซีอานได้ปั่นป่วนแน่ๆ” ฮั่นหยางพูดต่อ

    “และคนของเราตอนนี้พร้อมหรือเปล่าคะ??” ลี่หลินถามไป

    “คนของเราพร้อม แต่ว่าพวกมันเองก็มีเยอะเหมือนกัน และดูเหมือนหัวหน้าของพวกมันกำลังเคลื่อนไหวแบบลับๆด้วย”

    “ถ้าอย่างงั้น ตอนนี้เราต้องจัดคนของเราให้พร้อมนะคะ ลำพังพวกโจรธรรมดาก็แย่แล้ว นี่ยังจะมาเป็นอั้งยี่อีก” ลี่หลินพูดพลางจิบน้ำชาไปด้วย

     

    ณ ศาลเจ้ากลางป่าแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นศาลเจ้าที่สงบ ท่ามกลางป่าเมกไม้เขียวขจี แต่ข้างในนั้น มีกลุ่มชายชุดดำคล้ายชุดนินจากำลังฝึกฝนทั้งการต่อสู้ การพรางตัว และวิชาต่างๆที่พวกเขาจะต้องเรียนเพื่อฝึกตน สำนักนินจาแห่งนี้เป็นสำนักนินจารับจ้างทั่วไป

    “เอาหล่ะทุกคน เร่งฝึกกันหน่อย ช่วงนี้เรามีหลายงานต้องทำ!!” หญิงสาวคนหนึ่งตะโกนออกมาบอกกับเหล่านินจาทุกคนที่กำลังฝึกตนอย่างแข็งขัน

    “รับทราบขอรับท่านฮิเมะ!!” เสียงตะโกนตอบกลับไป และในขณะเดียวกันนั้นเอง นินจาคนหนึ่งก็กระโดดมาอยู่ตรงหน้าของฮิเมะ ก่อนที่ตัวของเขาจะคำนับให้กับฮิเมะด้วย

    “เรียวจิ มีอะไรเหรอ??” 

    “งานของเราที่ชินจุกุเสร็จเรียบร้อยแล้วขอรับ!!”

    “อืม ดี ตอนนี้สถานการณ์โดยรวมเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” ฮิเมะถามไป

    “ตอนนี้แก๊งมังกรดำกำลังขยายอิทธิพล และใกล้จะเข้าเขตของเราแล้วด้วยขอรับ”

    “แก๊งมังกรดำ ที่หัวหน้าแก๊งเป็นคนจีนอย่างงั้นเหรอ แบบนี้พวกคารากุสะจะไม่ทำอะไรเหรอ??” ฮิเมะถามไป

    “ตอนนี้พวกเขาเคลื่อนไหวแล้วครับ”

    “อืม ดูเหมือนว่างานนี้จะเป็นสงครามใหญ่แน่ๆ เอาเถอะ ตอนนี้เราเตรียมพร้อมสำหรับงานต่อไปดีกว่า” ฮิเมะตอบไป

     

    ณ ย่านสถานบันเทิงแห่งหนึ่งที่เกียวโต บาร์แห่งหนึ่งซึ่งมีกลุ่มชายในชุดสูทสักลายยืนเฝ้าออกันอยู่หน้าร้าน และไม่นานนัก ชายในชุดขาวคนหนึ่งเดินออกมาจากบาร์ พร้อมกันนั้นชายชุดสูทดำก็โค้งคำนับให้กับชายในชุดขาวคนนั้นอย่างรวดเร็ว

    “ท่านเซนไซ!!”

    “อืม ตอนนี้พวกมังกรดำเคลื่อนไหวยังไงบ้าง??” เซนไซผู้ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มยากูซ่าใต้ดินถามลูกน้องของเขา

    “ครับ ตอนนี้ดูเหมือนพวกมันกำลังจะไปก่อกวนที่เขตของคารากุสะแล้วครับ”

    “เฮ้อ หาเรื่องตายแท้ๆ ก็รู้อยู่ว่าคนอย่างตาแก่อาราตะไม่ใช่คนที่ใครจะมาลูบคมง่ายๆ” เซนไซพูดขึ้น

    “แล้วท่านจะยืนดูอยู่เฉยๆงั้นเหรอครับ??”

    “ตอนนี้เราจะเคลื่อนไหวทำไมหล่ะ ถ้าพวกมันไม่มาเหยียบเท้าเราก่อน??” เซนไซถามไป

    “แต่ว่า พวกมังกรดำเองก็เริ่มมาก่อกวนบาร์ต่างๆของเราที่สาขาอื่นแล้วนะครับ” ลูกน้องของเซนไซพูดขึ้น 

    “อืม งั้นเหรอ แล้วพวกมันทำอะไรรุนแรงบ้างหรือยังหล่ะ??” เซนไซถามไป

    “ตอนนี้ยังครับ เท่าที่รู้มาครับ”

    “อืม ถ้าอย่างงั้นก็จับตาดูพวกมันไว้ ถ้าเกิดพวกมันขัดแย้งกับคารากุสะ อีกไม่นานพวกมันก็คงต้องรบกัน เราแทบไม่ต้องลงไปยุ่งเองเลย” เซนไซพูดขึ้น

    “เออ จริงด้วยครับ” ลูกน้องของเขาพูดขึ้น

    “เอาหล่ะ ตอนนี้เราเตรียมพร้อมไปเล่นพวกโอนิวะดีกว่า” เซนไซพูดขึ้น ก่อนที่ตัวของเขาก็เดินนำหน้าลูกน้องของเขาเดินออกจากซอยแห่งนั้นไป ระหว่างทางเองก็มีคนคอยโค้งคำนับให้กับเขาด้วย

    “ท่านเซนไซ!!”

    ตัวของเซนไซเองเดินต่อไปเรื่อยๆ จนไม่นานนัก รถคันหนึ่งก็มาจอดรอเขาที่หน้าซอย คนขับรถรีบลงมาเปิดประตูให้เซนไซขึ้นอย่างรวดเร็ว

    “วันนี้ฉันรีบไปนะ” เซนไซพูดขึ้น

     

    ณ สนามบินนาริตะ สนามบินนานาชาติซึ่งผู้คนเดินทางไปมากันทุกวัน เช่นเดียวกับหญิงสาวในชุดดำคนหนึ่ง ซึ่ลงมาจากเที่ยวบินของอังกฤษเที่ยวบินหนึ่ง หญิงสาวคนนั้นเดินไปที่เคาน์เตอร์ขาเข้าประเทศ ก่อนที่จะยื่นพาสปอร์ตให้กับพนักงานที่เคาน์เตอร์

    “อืม มาจากอังกฤษเหรอครับ??” พนักงานถามไป

    “อ้อ ใช่แล้วค่ะ”

    “คุณอลิซ คาลิโอ เป็นนักข่าวเหรอครับ??”

    “ใช่ค่ะ ดิฉันย้ายมาประจำที่เจแปนไทม์ตอนนี้ค่ะ” อลิซตอบกลับไป

    “รับทราบครับผม” พนักงานตอบกลับก่อนที่จะตอกเอกสารให้กับอลิซ ก่อนที่จะคืนพาสปอร์ตให้กับอลิซอย่างรวดเร็ว ตัวของอลิซเก็บพาสปอร์ตมาแล้วก็เดินออกจากสนามบิน แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเดินออกมาได้พ้นดี ตัวของเธอก็พบกับการปล้นกันหน้าสนามบิน

    “เฮ้ย ส่งเงินมาซะ!!”

    “บ้าเอ้ย นี่ยังไม่ทันออกจากสนามบินเลยนะเนี่ย” อลิซพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก ตัวของเธอจะเดินไปอีกซักพัก จนมาถึงด้านหน้าสนามบิน ตัวของเธอก็รีบเรียกแท็กซี่ในทันที

    “สวัสดีครับ ไปไหนครับ??”

    “ไปตามที่อยู่นี่” อลิซตอบกลับพร้อมกับยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้กับโชเฟอร์ไป และไม่นานนักโชเฟอร์ก็ไปตามที่อลิซบอกในทันที

     

    ณ ปราสาทโบราณแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ปราสาทหลังใหญ่หลังหนึ่งซึ่งมีกลุ่มคนเดินเข้าออกมากมาย และพร้อมกันนั้น มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งได้ขี่มาที่หน้าปราสาท คนขับจอดมอเตอร์ไซค์และเดินเข้าไปในปราสาทอย่างรวดเร็ว เขาเดินเข้าไปเจอกับชายคนหนึ่งกำลังนั่งจิบชาอย่างสบายอารมณ์ เขาจึงไปกระซิบข้างหูชายคนนั้น

    “อืม แน่ใจแล้วนะ??” ชายที่นั่งจิบชาถามไป ก่อนที่เด็กส่งข่าวจะพยักหน้า เขาวางถ้วยชาและเดินเข้าไปในห้องๆหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องใหญ่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และที่กลางห้อง มีชายชราผมขาวคนหนึ่งกำลังนั่งหลับตาพร้อมกับถือดาบคาตะนะ ราวกับว่าเขากำลังทำสมาธิ

    “ท่านอาราตะครับ!!” เมื่อได้ยินเสียงเรียก ชายชราคนนั้นก็ลืมตาขึ้นมา จากนั้นก็พูดขึ้น

    “ว่าไงอิชิโซ??” ชายชราคนนั้นตอบกลับสั้นๆ แต่เสียงดูทรงพลังมาก

    “ตอนนี้ไอ้พวกมังกรดำมันเคลื่อนไหวเข้ามาในเขตเราแล้วครับ”

    “กะไว้แล้วแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้” อาราตะพูดขึ้น ก่อนที่ตัวของเขาจะลุกขึ้น พร้อมกันเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวหนึ่งซึ่งมีถ้วยน้ำชาวางไว้ที่โต๊ะข้างๆเขา 

    “ไปเรียกพวกเราที่เหลือมาให้หมดเลย” อาราตะพูดขึ้น

    “เราติดต่อพวกเราทุกหน่วยแล้วครับ โทโร่ ริสะ โอโซระ แล้วก็เคนครับ พวกเขากำลังจะมาที่นี่ครับ”

    “ดี ถ้าพวกมันอยากจะรบกับฉัน ฉันก็จะให้พวกมันได้รบ” อาราตะพูดขึ้นพลางหยิบน้ำชามาดื่ม

    “ครับ แล้วถ้าเกิดว่าเราจะไปเล่นงานพวกมันก่อน ท่านจะว่าไงครับ??”

    “อย่าเพิ่ง ฉันยังไม่รู้จักความเป็นไปของพวกมันดี แต่ถ้าเกิดพวกมันอยากทะลึ่งมาถล่มเขตเรา ก้จัดการได้เลย” อาราตะพูดขึ้น

    “ครับท่าน ตอนนี้หัวหน้าของมันยังแฝงตัวและเข้าออกญี่ปุ่นกับจีนอยู่บ่อยๆ เรากำลังตามรอยมันอยู่ครับ”

    “เฮ้อ จีนแผ่นดินใหญ่ไม่มีที่ให้พวกมันขยายอำนาจแล้วงั้นเหรอ??” อาราตะถามไป

    “ดูเหมือนว่าตอนนี้ ในจีนเองก็กำลังวุ่นวายหนักเลยครับ แต่ประธานาธิบดีคนใหม่เองก็ดูจะมีน้ำยาอยู่บ้างครับ”

    “เอาเถอะ ฉันไม่อยากจะรู้อะไรมากหรอก ขอแค่อย่ามาก่อความวุ่นวายกับพวกเราก็พอ ถ้าเกิดพวกหัวหน้าหน่วยมากันครบแล้ว รีบบอกฉันเลยนะ” อาราตะพูดขึ้น

    “รับทราบครับท่าน แล้วอีกเรื่องนะครับ คุณหนูฮิคาริส่งจดหมายมาถึงท่านด้วยครับ” อิชิโซคำนับไปหนึ่งทีก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป

     

    ณ กรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย ประเทศซึ่งตอนนี้กำลังวุ่นวายเหมือนกับทุกประเทศ แม้ว่าจะเป็นประเทศใหญ่และทรงอำนาจก็ตาม และที่ตึกพักอาศัยแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นตึกที่กลุ่มมาเฟียใช้ในการกบดานและหากินผิดกฎหมายมานาน 

    “ปังๆๆๆๆ”

    เสียงปืนดังไปทั่วอาคาร มันเรียกความสนใจได้ทั้งตึก แต่ดูเหมือนว่าจะมีแค่กลุ่มคนติดอาวุธที่ลงมาดูสถานการณ์

    “เฮ้ย อะไรวะ??”

    “ปังๆๆๆๆๆๆ”

    ในตอนนี้กองกำลังติดอาวุธในตึกกำลังโดนโจมตีอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มชายชุดดำซึ่งปิดหน้าและติดอาวุธชนิดที่ว่าสามารถก่อสงครามกลางเมืองได้ ชายคนหนึ่งถือ AK-308 กระบอกงามบุกเข้าไปเคลียร์ห้องทีละห้องอย่างใจเย็น

    “ห้องเคลียร์!!”

    พวกเขากวาดล้างศัตรูไปทีละห้อง หาทั่วทุกซอกทุกมุม อีกด้านหนึ่ง สาวร่างบางพร้อมปืนกลดูแปลกตากระบอกหนึ่งได้เดินไปประชิดประตูบานหนึ่ง เธอวางระเบิดที่ประตูและระเบิดมันเข้าไป

    “ตู้ม!!”

    “ปังๆๆๆๆ” ทันทีที่เสียงระเบิดดังขึ้น กระสุนปืนก็พุ่งออกมาจากห้อง หญิงสาวคนนั้นโยนระเบิดเข้าไปในห้อง จากนั้นก็บุกเข้าไปเคลียร์ทุกอย่าง

    “ปังๆๆๆๆๆๆ”

    การปะทะเป็นไปอย่างดุเดือด และไม่นาน ทุกอย่างก็สงบลง กลุ่มคนชุดดำค่อยๆเข้าไปเคลียร์พื้นที่ด้านใน และไม่นานนัก สามคนที่อยู่ในห้องก็ถอดหน้ากากออกมาเพื่อหายใจหายคอกัน

    “เฮ้อ ดูเหมือนว่าไอ้มาคารอฟมันจะหนีไปได้นะ” ชายผู้ที่ถือปืน AK-308 พูดขึ้น

    “เอาเถอะ อย่างน้อยเราก็ทำลายขุมกำลังหลักมันได้ แร็กนาร็อค แอนติโมไนท์ พวกนายจัดการอย่าให้เหลือหลักฐานด้วยหล่ะ” หญิงสาวคนนั้นพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆก็มีโทรศัพท์เข้ามาหาแอนติโมไนท์ แอนติโมไนท์รีบรับสายในทันที

    “เฮ้ วาล สายของเราที่มอสโกบอกมา ยืนยันแล้วว่าไอ้มาคารอฟหนีไปแล้ว” แอนติโมไนท์พูดขึ้น

    “ห่ะ มันหนีไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย แสดงว่ามันต้องมีสายแน่ๆ” วาลพูดขึ้น

    “อืม เป็นไปได้ ไม่งั้นมันไม่รู้ก่อนหรอก” แร็คนาร็อกพูดขึ้น

    “เราคงต้องสืบเรื่องนี้ในองค์กรด้วย ไม่อย่างงั้นงานของเราจะเละหมด” วาลพูดขึ้น

    “ก็ควรจะทำตั้งนานแล้วหล่ะนะ” แอนติโมไนท์พูดขึ้น

    “ช่างมันก่อนเถอะ ตอนนี้เราทำลายทุกอย่างที่นี่ก่อนดีกว่า” แร็คนาร็อกพูดขึ้น ก่อนที่ตัวของเขาจะเดินเข้าไปค้นในห้องๆหนึ่ง ตัวของเขาพบกับห้องคอมพิวเตอร์และจอมอนิเตอร์ที่เชื่อมกับกล้องวงจรปิด ตัวของแอนติโมไนท์เดินตามเข้ามา เขารีบดึงฮาร์ดดิสก์พวกนั้นออกมา เอามาทิ้งในถังขยะ จากนั้นก็เอาน้ำยาอะไรบางอย่างราดลงไปบนฮาร์ดดิสก์

    “โอโห กลิ่นโคตรแย่เลย!!” แร็คนาร็อกพูดขึ้นพลางปิดจมูก

    “สารตัวนี้จะทำปฏิกิริยาพิเศษ รับรองว่าไม่เหลือร่องรอย” แอนติโมไนท์ตอบไป

    “โอเค รีบจัดการแล้วกัน ฉันอยากไปหาไรกินแล้ว” วาลพูดขึ้น

    “โอเค ฉันไปจัดการตรงโน้นก็แล้วกัน Vipernox จงเจริญ” แร็คนาร็อกพูดทิ้งท้าย จากนั้นตัวของเขาก็ถือปืนพกคู่เดินออกไปข้างนอก ในขณะที่คนอื่นๆก็จัดการทุกอย่างไปตามแผน และในตอนนั้นเอง ชายหนุ่มในชุดฮู้ดดำคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว และเดินมาหาวาลเพื่อคุยด้วย

    “เราคุมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ”

    “ดี นายชื่อนิโคลัส เพิ่งจะมาใหม่ใช่หรือเปล่า??” วาลถามไป

    “ใช่ครับผม”

    “ดี ต่อไปนี้นายอยู่ทีมฉัน” วาลตอบกลับไป

     

    ณ ประเทศอังกฤษ ดินแดนแห่งผู้ดีซึ่งในตอนนี้กำลังตกอยู่ในความวุ่นวายจากเหตุอาชญากรรมที่กำลังแพร่หลายไปทั่วเกาะ สกอตแลนด์ยาร์ดเองก็ยังทำอะไรไม่ได้มาก และบนถนนเส้นหนึ่ง รถหรูคันหนึ่งกำลังขับอยู่บนถนนเพื่อเดินทางไปที่ไหนซักแห่ง ในขณะเดียวกันหญิงสาวโฉมงามที่อยู่บนรถก็มองไปนอกหน้าต่าง แล้วพบกับความโสมมในประเทศที่ยากจะจินตนาการถึงมัน

    “เฮ้อ โศกนาฏกรรมแท้ๆ ทำไมพวกเขาต้องมาเจออะไรแบบนี้??” หญิงสาวคนนั้นพูดพลางถอนหายใจ

    “ก็ตั้งแต่สวัสดิการของพวกเขาถูกตัด พวกเขาเองก็ลำบากมากเลยครับ คุณคาร์เมน” คนขับรถคนนั้นตอบกลับไป เธอคนนี้คือคาร์เมน มหาเศรษฐีที่เรียกได้ว่าเป็นอันดับต้นๆของโลก

    “เฮ้อ เดี๋ยวติดต่อคนของเราให้ซื้ออาหารเลี้ยงพกเขาที” คาร์เมนพูดขึ้น

    “ครับ แต่ผมว่า มันก็คงทำได้แค่ชั่วคราวนั่นหล่ะครับ”

    “ฉันรู้ ตอนนี้รัฐบาลเองก็ไม่เห็นว่าจะทำอะไรได้เลย” คาร์เมนพูดขึ้น

    “นั่นสิครับ ตั้งแต่ไอ้นายกคนใหม่บีบรัฐสภาและสถาบันให้แก้รัฐธรรมนูญ ให้พวกมันมีอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ ทุกอย่างก็วุ่นวายไปหมดเลยครับ”

    “เฮ้อ คนพวกนี้มันไม่เห็นคนเป็นคนบ้างหรือไง??” คาร์เมนถามไป

    “นั่นสิครับ คุณคาร์เมน คุณเคยได้ยินเรื่องสภาเงาหรือเปล่าครับ ตอนนี้มีนักข่าวคนหนึ่งกำลังเขียนบทความเรื่องนี้แพร่ลงอินเทอร์เน็ตไปทั่วเลยครับ??”

    “อืม จะว่าไปฉันเองก็เคยได้ยินเรื่องนี้ แต่มันก็แค่ทฤษฎีสมคบคิดอ่ะนะ” คาร์เมนพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก รถของเธอจะมาจอดอยู่ที่หน้าสถานรับเลี้ยงเด็กของเมือง ซึ่งที่นั่นเองก็มีนักข่าวมากมายมาคอยถ่ายรูปและทำข่าวของเธอ

    “โห คุณคาร์เมน ดาราดังของเรามาแล้ว!!” คาร์เมนรีบลงจากรถในทันทีเพื่อเดินเข้าไปในนั้น

    “เด็กๆคงกำลังรอฉันอยู่สินะ” คาร์เมนพูดขึ้น

    “ครับผม เชิญทางนี้เลยครับ” คนขับรถพูดขึ้น ก่อนที่จะพาคาร์เมนเดินเข้าไปในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าซึ่งมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่ทำงานที่นี่กำลังรอเธออยู่

     

    ณ ประเทศนิวซีแลนด์ ประเทศชื่อดัง ซึ่งในตอนนี้พวกเขาได้รวมตัวกับอีกหลายประเทศ ประเทศบางส่วนในโอชิเนียและประเทศไต้หวัน ได้มารวมตัวกันและก่อตั้งเป็นสหพันธ์แปซิฟิก ในตอนนี้กลุ่มประเทศของพวกเขามีอำนาจมาก และผู้นำของสหพันธ์แปซิฟิก เธอก็คือประธานาธิบดีอาร์กติก ไซแลนด์เดอร์ ซึ่งในวันนี้ตัวของเธอได้เข้าประชุมกับผู้แทนจากประเทศไต้หวัน เพื่อคุยกันถึงเรื่องการค้าครั้งใหม่รวมถึงความช่วยเหลือทางด้านอื่นๆด้วย เมื่อผู้แทนของทั้งสองฝ่ายมาพบกัน พวกเขาก็เริ่มประชุมกันในทันที

    “ท่านประธานาธิบดีคะ ทางสาธารณรัฐไต้หวันของเรามีความยินดีที่ได้พบกับท่านค่ะ”

    “ดิฉันก็ยินดีค่ะ เอาหล่ะ ตอนนี้คุณคงจะรู้เรื่องที่เราจะคุยกันแล้วนะคะ” อาร์กติกพูดขึ้น

    “ค่ะ ดิฉันมีความยินดีที่จะเสนอว่า เราสามารถเป็นประเทศแกนหลัก ในการเชื่อมต่อการค้าไปสู่ประเทศอื่นๆในเอเชียได้ทั้งหมดค่ะ”

    “อืม ฉันเองก็คิดแบบนั้น และถ้าเราร่วมมือกัน การต่อรองทางการค้าก็จะมีมากกว่าประเทศจีนซะอีก” อาร์กติกพูดขึ้น

    “ค่ะ แต่พูดถึงจีนตอนนี้ ประธานาธิบดีคนใหม่เองก็มีท่าทีจะประนีประนอมมากขึ้นนะคะ”

    “ฉันเองก็พอจะได้ข่าวค่ะ แต่ความไม่สงบในจีนตอนนี้เองก็มีอยู่ทั่ว ไม่ใช่เหรอคะ??” อาร์กติกถามไป

    “ค่ะ ฉันเข้าใจค่ะ ทางไต้หวันของเราได้แต่พยายามสกัดกั้นการมาของอาชญากรรมจากแผ่นดินใหญ่เท่าที่จะทำได้ค่ะ”

    “อืม ตอนนี้ความขัดแย้งกับสหรัฐยังไม่จบดี เราอย่าเพิ่งไปขัดขากับจีนโดยไม่จำเป็นดีกว่า ทางจีนเองก็มีปัญหาภายใน คงจะพอควบคุมสถานการณ์ได้” อาร์กติกพูดขึ้น

    “ค่ะ แล้วอีกอย่างหนึ่ง เส้นทางทะเลของเราในตอนนี้ปลอดภัยที่สุด นับตั้งแต่กองเรือขอสหพันธ์เราคอบออกลาดตระเวนค่ะ”

    “นั่นสินะ มันคือความภาคภูมิใจของเราเลย” อาร์กติกพูดขึ้น

    “ค่ะ แต่ตอนนี้โจรสลัดเชาจากสิงคโปร์เองก็เป็นปัญหาสำหรับเราอยู่นะคะ”

    “อืม จะว่าไปอิทธิพลของโจรสลัดก๊กนี้มันก็แผ่ไปทั่วน่านน้ำสิงคโปร์เลย แต่ช่างเถอะ เราจะใช้กองกำลังของเราปราบปรามพวกมันเองค่ะ” อาร์กติกตอบไป ก่อนที่เธอจะหยิบชาที่เสิร์ฟอยู่บนโต๊ะมาดื่มอย่างรวดเร็ว

    “ค่ะ ตอนนี้โจรสลัดกลุ่มนี้กำลังมีอิทธิพลมาก และกำลังขยายมาถึงอินโดนิเซียแล้วนะคะ”

    “ค่ะ ตอนนี้ฉันเองก็กำลังแก้ปัญหาอยู่เหมือนกัน” อาร์กติกตอบไป

     

    ณ สถานีอวกาศแห่งหนึ่ง ซึ่งดาวเทียมของมันโคจรอยู่รอบโลก ด้านในสถานีอวกาศเองก็มีเครื่องคอมพิวเตอร์มากมายซึ่งใช้ควบคุมความเป็นไปในสถานีอวกาศ เด็กชายร่างเล็กคนหนึ่งซึ่งกำลังนั่งอยู่หน้าจอคอมก็กำลังนั่งพิมพ์อะไรบางอย่างกับคู่สนทนาอย่างใจเย็น

    “Log in!!”

    “นี่ฉันเอง วิลเลี่ยม สถานการณ์บนพื้นโลกเป็นยังไงบ้าง??”

    “ตอนนี้เครือข่ายธนาคารมืดของเรากำลังโดนโจมตีจากหลายที่เลย เราคงต้องใช้ซอฟต์แวร์ที่เหนือกว่านี้”

    “อะไรกัน นี่แค่อาทิตย์เดียวเองนะ??”

    “ช่วงนี้โดนหนักมากครับ โดยเฉพาะไอ้ Green Hood ช่วงนี้มันทำเราแสบมาก”

    “เฮ้อ ตอนนี้ฉันกำลังแกะรอยมันอยู่ อีกไม่นานคงได้เบาะแสแล้วหล่ะ”

    “อืม ยังไงก็ฝากด้วยหล่ะ ตอนนี้ท่านกำลังโกรธมาก สถานการณ์ภายในเองก็เริ่มมีการก่อหวอดกันแล้ว”

    “ได้ๆๆๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันกำลังโปรแกรมใหม่ใกล้เสร็จแล้ว”

    “เอาเถอะ ยังไงก็ฝากด้วยแล้วกัน ฉันไม่อยากให้ท่านโวยวายอาละวาดอีก เดือนนี้แกสั่งเก็บคนของเราไปเยอะแล้ว ข้อหาทำงานพลาด”

    “ได้ๆ ฉันจะจัดการให้”

     

    กลับมายังสหรัฐอเมริกา ตรอกหนึ่งบริเวณย่านการค้า ชายผิวสีคนหนึ่งกำลังลากคอชายผิวขาวซึ่งถูกซ้อมในสภาพสะบักสะบอมเข้าไปในซอยแห่งหนึ่ง ซึ่งด้านในมีชายกลุ่มหนึ่งถืออาวุธครบมือยืนอยู่ด้านใน ก่อนที่ชายผิวสีคนนั้นจะโยนชายผิวขาวคนนั้นลงกับพื้น

    “ตุ๊บ!!”

    “ลูกพี่ เราเจอตัวมันแล้ว!!” ชายผิวสีคนนั้นพูดขึ้น

    “เฮ้ย พวกมึงเป็นใครกันวะ??” ชายผิวขาวคนนั้นถามไป และในขณะเดียวกัน ชายคนหนึ่งสวมแจ๊กเก็ตใส่หน้ากากไก่ดูน่าขันก็เดินเข้ามาใกล้ชายคนนั้น แล้วก็เตะเข้าที่หน้าของชายผิวขาวคนนั้นอย่างรุนแรง

    “ตุ๊บ!!”

    ชายคนนั้นกระเด็นออกไป ก่อนที่ชายในหน้ากากไก่จะลากชายผิวขาวคนนั้นขึ้นมา

    “แกคือโวรอดสก้าใช่หรือเปล่า??” ชายหน้ากากไก่ถามไป

    “ทำไมวะ แกต้องการอะไร ต้องการเงินเหรอ??”

    “ถ้าฉันอยากได้เงิน แกไม่กองคาตีนฉันแบบนี้หรอก ครอบครัวที่แกไปทวงเงินและซ้อมพวกเขาปางตาย เป็นครอบครัวของเพื่อนฉัน และแกทำพลาดที่ไม่ฆ่าพวกเขา” ชายหน้ากากไก่คนนั้นพูดไป

    “เฮ้ย อะไรวะ ก็มันติดหนี้ฉันนี่หว่า”

    “แล้วแกก็เลยทำอะไรแบบนั้นก็ได้งั้นสิ แกมันโง่ทำร้ายลูกหนี้ผิดคนหว่ะ เฮ้ย พวกเรา เอาไงกับมันดี??” ชายหน้ากากไก่คนนั้นถามไป

    “เอามันให้ตายเลย!!” ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นพูดเป็นเสียงเดียวกัน และไม่นานนัก ชายหน้ากากไก่ก็หยิบเอาหินแถวนั้นขึ้นมา จากนั้นก็พูดขึ้น

    “พวกแกทุบพวกนั้นปางตาย ถ้าอย่างงั้น ลุยเลยพวกเรา!!”

    ชายหน้ากากไก่คนนั้นพูดขึ้นพลางเปิดงานด้วยการใช้หินทุบไปที่หัวของชายคนนั้น พร้อมกันลูกน้องของชายหน้ากากไก่ก็ใช้ไม้เบสบอลฟาดเข้าไปที่ร่างของชายคนนั้นจนร่างกายบิดเบี้ยวดูน่าสยดสยอง

    “จำไว้ อย่าเสือกมาเล่นกับ Judgement แล้วก็ฉัน แจ็กเก็ต คนนี้นะเว้ย!!” ชายหน้ากากไก่คนนั้นตะโกนออกมา

     

    ณ คาเฟ่ร้านหนึ่ง ซึ่งเปิดขายเครื่องดื่มทั่วไป ผู้คนที่พอมีเงินใช้ต่างก็มานั่งเพื่อหาอะไรดื่ม และในขณะเดียวกันนั้นเอง หญิงสาวคนหนึ่งในชุดที่ปกปิดตัวเองและเดินออกมาจากตึกสูงแห่งหนึ่ง หญิงสาวคนนั้นรีบไปที่คาเฟ่ จากนั้นก็เดินไปยังเคาน์เตอร์สั่งเครื่องดื่มในทันที

    “กาแฟร้อนถ้วยนึง”

    บาริสต้ารีบทำกาแฟให้กับหญิงสาวคนนั้น ก่อนที่จะยื่นกาแฟร้อนให้กับหญิงสาวคนนั้นไป และในขณะเดียวกันนั้นเอง

    “ตู้ม!!”

    จู่ๆ ก็มีระเบิดบนยอดตึกสูงหลังหนึ่ง เสียงระเบิดทำเอาทุกคนแถวนั้นถึงกับตกใจมาก

    “แจ้งตำรวจไว้หน่อยก็ดีนะคะ” หญิงสาวคนนั้นพูดขึ้นก่อนที่จะเดินออกไปพร้อมกับกาแฟถ้วยนั้น ในขณะเดียวกัน โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เธอรีบรับโทรศัพท์ในทันที

    “เฮ้ คิม เป็นยังไงบ้าง??” ปลายสายถามผู้หญิงคนนั้นไป

    “เรียบร้อย ไม่เหลือ ยังไงก็จัดการที่เหลือด้วยหล่ะ” คิมตอบกลับไปก่อนที่จะวางสาย จากนั้นก็เดินจิบกาแฟไปด้วย พร้อมกันนั้นทั้งรถตำรวจและรถดับเพลิงมากมายก็แล่นสวนเธอไปอย่างรวดเร็ว

     

    ณ เขตทางหลวงแห่งหนึ่งในสหรัฐ แคมป์พักของกลุ่มคนไร้บ้านซึ่งในความจริงแล้วเป็นกลุ่มชุมโจรที่ออกอาละวาดไปทั่วท้องถนน ในตอนนั้นพวกเขากำลังนั่งดื่มเหล้าและโวกเวกโวยวายไปทั่ว ถ้ามีคนอยู่แถวนั้นมันจะสามารถสร้างความรำคาญได้เป็นอย่างมาก

    “เอ้า ดื่มเว้ย!!”

    พวกเขาพากันดื่มอย่างหนักโดยไม่สนอะไร พวกเขาไม่รู้เลยว่าในตอนนี้ มีรถสองคันขับเข้ามาในเขตของพวกเขา จากนั้นไม่นาน ก็มีคนกลุ่มหนึ่งลงมาจากรถ ก่อนที่จะเล็งปืนใส่กลุ่มโจรที่กำลังนั่งดื่มอย่างเอาเป็นเอาตาย

    “ปังๆๆๆๆๆๆๆ”

    พวกเขาซัดกระสุนใส่อย่างดุเดือด กลุ่มโจรแตกกระเจิงไปคนละทาง พวกนั้นบางคนพยายามหยิบปืนขึ้นมาสู้แต่ก็ไม่ทันแล้ว เพราะพวกนั้นเมาแอ๋จนไม่ได้สติ และในตอนนั้น ชายสวมชุดเกราะหนักพร้อมหมวกเหล็กคนหนึ่งถือลูกซองยิงใส่กลุ่มดจรพวกนั้น แล้วก็ตะโกนออกมา

    “เฮ้ย ไปเอาเงินมา!!” เขาตะโกนออกมา และในตอนนั้นชายสองคนก็รีบวิ่งเข้าไปในเต้นท์หลังหนึ่ง ซึ่งด้านในมีกระเป๋าใบใหญ่สองใบอยู่ด้านใน พวกเขารีบหยิบมันมาในทันที

    “เฮ้ย ไปเว้ย!!” ชายคนนั้นตะโกนออกมา ก่อนที่ลูกน้องคนอื่นๆของเขา จะขว้างระเบิดขวดที่เตรียมมาด้วยเผาเต้นท์พวกนั้นจนวอดวาย จากนั้นพวกเขาก็กลับขึ้นรถ แล้วรีบบึ้งออกไปในทันที

    “บรื้น!!”

    รถทั้งสองคันรีบออกจากพื้นที่ และไม่นานนัก คนในรถก็พากันถอดหน้ากากออกอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะพูดคุยกัน

    “มันไม่ตามมาแน่นะเว้ย??” ชายที่เป็นหัวหน้าพูดขึ้น

    “แน่นอนลูกพี่ลูกพี่ลีฟา ระดับเราซะอย่าง ป่านี้พวกมันคงหนีหางจุกตูดกันหมดแล้ว”

    “โอเค วอไปบอกพวกเราที่หน่วย บอกว่าพวกเราทำสำเร็จแล้ว” ลีฟาพูดขึ้น

    “ได้เลยพี่ พวกมันไม่มีทางรบกับเซียยาครูดอย่างเราได้หรอก”

    “เออ เงินพวกนี้เดี๋ยวเอาไปแบ่งกัน แล้วก็ติดต่อลูกค้าเราด้วย” ลีฟาพูดขึ้น

    “ได้เลยครับพี่”

     

    ณ บ่อนแห่งหนึ่งในย่านญี่ปุ่นของสหรัฐ บ่อนหรูแห่งนี้มีลูกค้ามากมายเข้าออก พวกเขาเล่นพนันกันอย่างเอาเป็นเอาตาย และที่โต๊ะตัวหนึ่ง ซึ่งดูจะคึกคักเป็นพิเศษ โต๊ะตัวนี้กำลังนั่งเล่นโป๊กเกอร์กัน ทั้งสองฝ่ายเทกันหมดหน้าตัก พร้อมกันนั้นก็เปิดไพ่ออกมา

    “เฮ้ ของฉันเห่าเว้ย!!” ชายอ้วนคนหนึ่งพูดพลางเปิดหน้าไพ่ออกมา แต่ชายหนุ่มรูปงามที่เล่นด้วยก็ยิ้มแล้วพูดขึ้น

    “สเตทฟลัชเว้ย!!” ชายคนนั้นพูดพลางทิ้งไพ่ลงไป จากนั้นก็โกยชิบที่อยู่บนโต๊ะอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ชายอ้วนคนนั้นจะทุบโต๊ะแล้วพูดขึ้น

    “เฮ้ย มึงโกงหรือเปล่าวะ ได้ทุกตาเลย??”

    “โกงอะไรวะพี่ พี่ก็เห็นอยู่ว่าผมได้??” ชายรูปงามคนนั้นตอบกลับไป และในตอนนั้นเอง หญิงสาวในชุดดำคนหนึ่งก็เดินลงมาจากชั้นสองพร้อมกับลูกน้องที่คุ้มกันเธอ เธอเดินตรงมาที่โต๊ะตัวนั้นแล้วก็พูดขึ้น

    “ที่นี่เสียแล้วก็ต้องจ่ายนะคะ”

    “คุณมิคาสุกิ มันโกงผมนี่หน่า!!” ชายอ้วนคนนั้นพูดขึ้น

    “แล้วมีหลักฐานหรือเปล่า??” มิคาสุกิถามกลับไปบ้าง

    “เออ อย่ามาพูดพล่อยๆนะเว้ย มึงหมดตูดแล้วก็กลับบ้านไปเด่!!” ชายรูปงามคนนั้นตอบกลับไป ชายอ้วนไม่พอใจและเกือบจะวางมวย แต่ลูกน้องของมิคาสุกิเอาปืนจ่อหัวชายอ้วนคนนั้นก่อน

    “ที่นี่เป็นบ่อนมีระดับนะคะ ไม่ใช่สนามมวย ถ้าจะก่อเรื่อง รบกวนไปข้างนอกค่ะ” มิคาสุกิพูดขึ้น

    “เฮ้ย นี่คุณรู้ใช่หรือเปล่า ว่าผมเป็นลูกน้องใคร??”

    “เอ้า มึงยังไม่รู้เลยแล้วคุณนายจะรู้ได้ไงหล่ะ??” ชายรูปงามคนนั้นถามไป

    “เฮ้ย นี่มึงกวนตีนกูเหรอ??”

    “ฉันรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นใคร และฉันจะอธิบายกับเขาทุกอย่างเอง ส่วนคุณก็กลับไปก่อนเถอะค่ะ” มิคาสุกิพูดขึ้น

    “ระยำเอ้ย ฝากไว้ก่อนนะมึง!!” ชายอ้วนคนนั้นตะโกนออกไป ก่อนที่จะเดินออกจากบ่อนไปอย่างอารมณ์เสีย ตัวของชายรูปงามคนนั้นก็รีบเก็บชิบที่เขาเล่นมาได้ไว้ในทันที

    “ขอโทษด้วยนะคะ” มิคาสุกิพูดขึ้น

    “ไม่เป็นไร ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณ” ชายคนนั้นพูดขึ้น ก่อนที่จะแบ่งชิบส่วนหนึ่งให้กับมิคาสุกิไป

    “นี่ คุณให้ฉันเหรอ??”

    “ก็ไม่ได้อยากจะให้หรอก แต่ผมรู้กฎที่นี่ดี ถ้าเล่นได้ต้องจ่าย 20 เปอร์เซ็นต์เป็นค่าออกไปจากที่นี่ ใช่หรือเปล่าหล่ะ??” ชายรูปงามคนนั้นถามต่อ

    “แหม่ รู้ดีจังเลยนะคะ”

    “ไม่แปลก เพื่อนผมก็โดน แต่ช่างเถอะ ผมได้เท่านี้ก็พอหล่ะ” ชายรูปงามคนนั้นพูดทิ้งท้ายก่อนที่จะเดินออกไป

    “นี่ ว่าแต่ คุณชื่ออะไร??” มิคาสุกิถามไป

    “ผมโจชัว คาดิเนเตอร์ เผื่อคุณอยากจะรู้นะ” โจชัวตอบไป ก่อนที่ตัวของเขาจะเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

    “นายหญิงครับ จะให้ผมปิดป้ายห้ามมันเข้ามาดีมั้ยครับ??” ลูกน้องของมิคาสุกิถามไป

    “ไม่ ให้เขาเข้ามาได้ตามใจเลย” มิคาสุกิตอบไป

     

    ณ เขตบ้านไร่แห่งหนึ่งในเทกซัส ไร่แห่งนี้ซึ่งดูเหมือนจะสงบสุขและไม่มีอะไรผิดปกติ แต่สภาพไร่ที่มันควรจะเป็นแหล่งข้าวสาลี มันกลับเต็มไปด้วยกับดักหมีมากมาย คราบเลือดซึ่งดูเหมือนยังสดใหม่อยู่ 

    “ปัง!!”

    เสียงปืนดังขึ้นที่ไร่ เสียงนั้นทำเอาเหล่านกกาบินแตกกระเจิงออกไป ซึ่งเสียงปืนมันมาจากปากกระบอกปืนของหญิงคนหนึ่งซึ่งกำลังเล็งปืนไรเฟิลคานเหวี่ยงเล็งไปยังชายคนหนึ่งซึ่งกำลังคลานหนีออกไปจากฟาร์ม

    “โอ้ย บ้าเอ้ย!!”

    “ก็บอกแล้วไง ได้ลูกตะกั่วกลับไปฉันไม่รู้ด้วยนะ” หญิงสาวคนนั้นพูดขึ้น ก่อนที่จะยิงซ้ำชายคนนั้นเข้าไปอีกนัด

    “ปัง!!”

    เมื่อสิ้นเสียงปืน หัวของชายคนนั้นก็แหลกเป็นเสี่ยง สมองกระจายไปทางนั้นทีทางนี้ และในขณะเดียวกัน ชายในชุดชาวนาคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับโทรศัพท์เครื่องหนึ่ง

    “คุณแคสซิดี้ครับ โทรศัพท์ครับ”

    “เออ จัดการตรงนี้ด้วยหล่ะ” แคสซิดี้ตอบกลับไป จากนั้นก็หยิบเอาโทรศัพท์มา

    “ฮัลโหล”

    “อ้อ อย่างงั้นเหรอ งั้นก็ส่งมาให้ฉันแล้วกัน”

    “บอกท่านด้วยก็แล้วกัน ฉันจะรีบส่งเงินไปให้”

    “อืม แล้วอย่าลืมข่าวที่ฉันขอหล่ะ” แคสซิดี้พูดขึ้น ก่อนที่เธอจะวางสายไป 

     

    ณ บ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งใจกลางอุทยานแห่งหนึ่ง ในสหรัฐอเมริกา บ้านหลังใหญ่ซึ่งมีบรรดาผู้คนนอนตายกันเกลื่อน อาวุธมากมายตกพื้นกันหมด พร้อมกันนั้นก็มีชายคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนโซฟาหน้าทีวีพร้อมกับนั่งจิบเหล้าไปด้วย ในขณะเดียวกันนั้น ร่างของชายคนหนึ่งซึ่งนอนจมกองเลือดก็ค่อยๆพูดขึ้นมา

    “เฮ้ย นี่แกเป็นใครกันแน่วะ??” 

    “เมื่อ 3 ปีก่อน มึงกับนายมึงทำอะไรกับกูไว้??” 

    “3 ปีก่อน ใครมันจะไปจำได้วะ??” ชายคนนั้นถามกลับ

    “ผู้หญิงกับเด็กผู้ชายที่แกทำร้ายพวกเขา นั่นหล่ะลูกเมียฉัน” ชายคนนั้นพูดขึ้น ก่อนที่จะยกเหล้าดื่มอีกรอบ

    “ระยำเอ้ย มึงก็ไปเอาคืนกับเจ้านายกูสิวะ!!”

    “ช่วยไม่ได้ มึงเสือกมีส่วนร่วมเอง” ชายชุดดำคนนั้นพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะลุกขึ้น แล้วก็เอาเหล้าในขวดที่เหลือราดไปที่ร่างของชายคนนั้น ก่อนที่จะลุกขึ้นมา

    “เฮ้ย เดี๋ยวๆๆๆ แกอยากได้เงินเท่าไหร่ ฉันให้หมดเลย!!” ชายคนนั้นพูดอย่างลนลาน

    “เออ ถ้ามึงอยากไปสบายๆ บอกกูเรื่องสภาเงามาเดี๋ยวนี้” ชายคนนั้นพูดขึ้น

    “กูไม่รู้จริงๆ กูไม่ได้ข้องเกี่ยวโดยตรง ไปถามเจ้านายกูสิ” ชายคนนั้นตอบไป

    “เออ ขอบใจ ช่วยได้ชิบหายเลย” ชายชุดดำคนนั้นพูดไป ก่อนที่จะจุดไฟขึ้นมาจากไฟแช็คของชายที่จมกองเลือดคนนั้น

    “ไอ้ซีค อย่าคิดนะว่านายกูไม่รู้ว่าเป็นมึง ตอนนี้นายกูรู้แล้ว ไอ้ระยำเอ้ย!!” ชายคนนั้นตะโกนออกมา

    “รู้ก็รู้ไปดิ” ซีคตอบกลับไป ก่อนที่จะโยนไฟแช็คลงไปบนร่างของชายคนนั้น เปลวเพลิงก็ได้เผาร่างของชายคนนั้นจนนอนแน่นิ่งไปเลย

     

    ณ ร้านสะดวกซื้อร้านหนึ่งซึ่งเพิ่งจะมีการปล้นกัน ซึ่งตำรวจเองก็เพิ่งจะมาถึงร้าน โดยที่ตำรวจสาวคนหนึ่งก็พยายามสำรวจเข้าไปในร้าน และเมื่อสำรวจเรียบร้อยแล้ว ตัวของเธอก็ออกมา พร้อมกันนั้นเธอก็เจอกับตำรวจหนุ่มคนหนึ่งซึ่งกำลังสอบปากคำพนักงานร้าน และในตอนนั้นเอง เธอก็เดินไปคุยกับตำรวจคนนั้น

    “นี่ ไม่ต้องพูดอะไรที่นี่แล้ว พาไปสถานีตำรวจเลย คาร์ล”

    “ห่ะ รุ่นพี่แอนนา จะให้จับไปเลยเหรอพี่??” คาร์ลถามเธอซึ่งเป็นรุ่นพี่ตำรวจของเขา

    “เออ หลักฐานในนี้มันบ่งบอกอะไรได้หลายอย่างหน่ะ” แอนนาพูดขึ้น ทำเอาพนักงานพวกนั้นถึงกับทำอะไรไม่ถูก

    “อะไรกันเนี่ย พวกเราเป็นเจ้าทุกข์นะเว้ย??”

    “เออ เอาเป็นว่าไปขึ้นรถเถอะครับ” คาร์ลบอกกับพวกพนักงานร้านไป ก่อนที่เขาจะใส่กุญแขมือกับพนักงานทุกคน และพาตัวไปขึ้นรถอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน นายตำรวจใหญ่คนหนึ่งก็เดินเข้ามายังร้านสะดวกซื้อนั้น และเดินมาคุยกับแอนนาและคาร์ลอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ นี่พวกนายจับพนักงานร้านเหรอ??”

    “ผู้กำกับฟิลลิป ไอ้พวกนี้มันไม่ใช่เจ้าทุกข์อย่างที่เราคิดหรอกค่ะ ดูเหมือนไอ้พวกนี้มันจะมีงานเสริมด้วยการลักทรัพย์ลูกค้าในร้านด้วย” แอนนาพูดขึ้น

    “โห จริงเหรอรุ่นพี่ ช่างทำได้นะไอ้พวกนี้” คาร์ลพูดขึ้น

    “โอโห ยังเฉียบขาดเหมือนเดิมเลย เออนี่ เราต้องเตรียมตัวกันแล้วหล่ะ เราต้องไปตรวจสอบธนาคารที่เพิ่งจะโดนปล้นไป” ฟิลิปพูดขึ้น

    “ปล้นธนาคารเหรอครับ เดือนนี้ก็ 15 รอแล้วนะครับ??” คาร์ลพูดขึ้น

    “เออ ตอนนี้กลายเป็น New Normal ไปซะแล้วนะเนี่ย” แอนนาพูดขึ้น

    “ช่างมันเถอะ ฉันอยากรู้ว่าใครเป็นคนปล้นที่นี่มากกว่า มันต้องไม่ธรรมดา??” ฟิลลิปพูดขึ้น

    “ฉันว่า ต้องเป็นคนเดียวกับที่ปล้นร้านตู้ม้าเมื่อสองวันก่อนแน่นอนค่ะ” แอนนาพูดขึ้น

    “โห ถ้าอย่างงั้นผมจะลองไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดนะพี่” คาร์ลพูดขึ้นก่อนที่ตัวของเขาจะเดินแยกไปอีกทางเพื่อตรวจสอบกล้องบริเวณนั้น

     

    ณ คาสิโนแห่งหนึ่งในย่านนิวยอร์ก คาสิโนซึ่งในตอนนี้กำลังดูมีชีวิตชีวา ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนมองลูกค้าของเขาอยู่ที่ชั้นสอง ซึ่งสามารถมองลูกค้าจากด้านบนได้ชัดถนัดตา ในตอนนั้นเอง พนักงานคาสิโนคนหนึ่งก็เดินมาหาเขาเพื่อคุยด้วย

    “ท่านเอ็นโซ คุณอลอนโซ่มาแล้วครับ!!” พนักงานพูดขึ้น ก่อนที่ชายหญิงคู่หนึ่งจะเดินมาหาตัวของเอ็นโซที่กำลังยืนสบายๆอยู่ตรงนั้น

    “ว่าไงพวก หวัดดีเบล??” เอ็นโซถามไป และไม่นานนัก อลอนโซ่ก็ยื่นกระเป๋าใบหนึ่งให้กับเอ็นโซอย่างรวดเร็ว

    “เรียบร้อยครับ เงินส่วนนี้ผมฟอกให้เรียบร้อยแล้ว” อลอนโซ่พูดขึ้น เอ็นโซรับกระเป๋านั้นมา จากนั้นก็เปิดมันดูอย่างรวดเร็ว

    “ทั้งหมด 2ล้านเหรียญค่ะ” เบลตอบไป

    “อืม ดี พวกนายทำได้ดีมาก แบ่งส่วนของพวกนายไปแล้วนะ??” เอ็นโซถามไป

    “ผมแบ่งเรียบร้อยแล้วหล่ะ” อลอนโซ่ตอบไป

    “ท่านเอ็นโซ ช่วงนี้มีกลุ่มคนแปลกหน้ามันมาปล่อยยาในเขตของคุณ คุณต้องทำอะไรหน่อยนะคะ” เบลพูดขึ้น

    “ฉันรู้ ฉันกำลังตามสืบอยู่ว่าพวกมันเป็นใคร” เอ็นโซพูดขึ้น

    “เอาเถอะครับ ผมขอตัวก่อนแล้วกันนะ” อลอนโซ่พูดขึ้น

    “อ้าว จะรีบไปไหนกันหล่ะ??” เอ็นโซถามไป

    “พวกเรามีงานต้องทำที่ชิคาโก้หน่ะค่ะ” เบลพูดขึ้น

    “อ้อ เรื่องนั้นเองสินะ ฉันเองก็ต้องรีบจัดการไอ้พวกระยำที่มันมาปล่อยยาในเขตฉัน เอาไว้เจอกันวันหลังแล้วกัน ไว้ฉันจะเลี้ยงเหล้า” เอ็นโซพูดขึ้น

    “ครับ ขอตัวนะครับ” อลอนโซ่พูดขึ้น ก่อนที่ตัวของเขาและเบลจะเดินลงไปที่ชั้นสอง ส่วนตัวของเอ็นโซเองก็เอากระเป๋าเงินให้กับพนักงานคาสิโนไป

    “เอาไปเก็บที่ห้องฉัน” เอ็นโซพูดขึ้น

     

    ณ โรงงานแห่งหนึ่งย่านดีทรอยส์ โรงงานในย่านที่ได้ชื่อว่าเป็นย่านที่อันตรายที่สุดในอเมริกา แต่ด้านในโรงงานตอนนี้มีเครื่องจักรมากมายกำลังทำงาน ซึ่งเครื่องจักรพวกนั้นเป็นเครื่องจักรผลิตเงินปลอมซึ่งทำได้แนบเนียนมาก หญิงสาวคนหนึ่งดูการทำงานของการพิมพ์เงินก็ทำหน้าพอใจกับมันมาก

    “อืม ดูเหมือนจะเนียนขึ้นนะเนี่ย เอามันไปเข้าเครื่องหน่อยสิ” หญิงสาวคนนั้นพูดขึ้น ก่อนที่คนงานจะเอาแบงค์ไปเข้าเครื่องตรวจ ผลการตรวจสอบพบว่าเป็นแบงค์จริง

    “โห แบงค์ของเราแนบเนียนกว่ารุ่นก่อนอีกครับ เทคโนโลยีใหม่นี่ดีจริงๆ คุณอเลสเซีย” 

    “อืม ดีมาก ลองเอาไปเข้าระบบธนาคารดู ดูว่าจะใช้ได้หรือเปล่า” อเลสเซียพูดขึ้น

    “ผมว่า ถ้าเราผลิตแล้วส่งเข้าระบบธนาคารมืด ผมว่ากำไรงามแน่นอนครับ” 

    “ไม่ พวกธนาคารมืดเองก็พิมพ์เงินเองเหมือนกัน เอาเข้าระบบธนาคารปกติดีกว่า” อเลสเซียพูดขึ้น

    “อืม แล้วจะให้เราเอาเข้าระบบคาสิโนด้วยดีหรือเปล่าครับ??”

    “คาสิโนเหรอ ก็ดีเหมือนกัน ตอนนี้ลูกค้าของเราติดต่อมาหรือยัง??” อเลสเซียถามไป

    “ตอนนี้ติดต่อมา 5 เจ้าแล้วครับ ส่วนใหญ่เป็นผู้นำประเทศที่ต้องการเงินดอลลาห์พวกเขาต้องการซื้อเงินดอลลาห์ของเราครับ”

    “ก็แน่หล่ะ พวกมันต้องซื้อเพื่อเอาไปใช้หนี้ประเทศของพวกมัน” อเลสเซียพูดขึ้นก่อนที่เธอจะหยิบแบงค์ปลอมนั่นไป

     

    ณ โกดังแห่งหนึ่งในเขตเมืองนิวยอร์ก โกดังแห่งนี้ถูกดัดแปลงและใช้เป็นธนาคารมืด ด้านในมีการรักษาความปลอดภัยชนิดดีเยี่ยม รวมถึงยามติดอาวุธมากมาย ในขณะเดียวกัน รถหรูคันหนึ่งได้ขับมาจอดที่หน้าโกดัง และชายใส่สูทคนหนึ่งลงมาจากรถ จากนั้นก็เดินไปที่หน้าธนาคาร โดยที่ยามติดอาวุธคนหนึ่งก็รีบเดินมาหาเขาอย่างรวดเร็ว

    “คุณจาคอป มาที่นี่เองเลยเหรอครับ??”

    “ใช่ คุณก็รู้จักผมดีนี่” จาคอปตอบไป

    “ครับ ตอนนี้ที่นี่ปกติดี ไม่มีปัญหาครับ”

    “งั้นเหรอ แต่ที่ผมได้รับรายงานมาไม่ใช่แบบนั้นสิ ขอไปเข้าไปข้างในได้หรือเปล่า??” จาคอปถามไป จากนั้นยามก็พาจาคอปเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว ซึ่งด้านในก็มีคนมาคอยฝากเงินและถอนเงินราวกับมันเป็นธนาคารจริง บางส่วนก็มากู้เงินเพิ่มเติมด้วย

    “อืม ที่นี่อู้ฟู่ดีนี่” จาคอปพูดขึ้น

    “ครับ ผมนี่อยากรู้จริงๆว่าใครมันรายงานที่นี่” 

    “แล้วผู้จัดการอยู่หรือเปล่า??” จาคอฟถามไป

    “ไม่อยู่ครับ จะให้ผมติดต่อเขาหรือเปล่าครับ??”

    “ไม่ต้องหรอก ฉันแค่มาดูความเรียบร้อย จะได้รายงานท่านถูกหน่ะ” จาคอปตอบไป

    “ครับผม ผมยินดีรับใช้ครับ”

    “ฝากบอกผู้จัดการด้วย เอาไว้ผมจะกลับมาเจออีก” จาคอปบอกกับยามไป ก่อนที่จะแตะไหล่ยามไปหนึ่งที พร้อมกันนั้นก็มองไปทางนั้นทีทางนี้ทีราวกับว่าเขาจะสอดส่องธนาคารแห่งนี้ทุกซอกทุกมุม

     

    ณ สถานบันเทิงแห่งหนึ่งในย่านสถานที่เที่ยวของมอสโก รัสเซีย นามว่า “เนฟเรนโซ” ลูกค้ามากมายเดินทางมาที่นี่เพื่อเที่ยว ดื่ม รวมถึงหาข่าวสารใต้ดินรอบโลกเพิ่มเติม ในตอนนั้นเอง หญิงสาวคนหนึ่งก็เดินลงมาจากชั้นบน โดยที่มีชายใส่สูทสองคนมาคนช่วยคุ้มกันเธอด้วย

    “คุณอาเรียน่าครับ!!”

    “อืม เป็นยังไงบ้างหล่ะ สถานการณ์ตอนนี้??” อาเรียน่าผู้เป็นเจ้าของสถานบันเทิงถามไป

    “ครับผม ปกติดีไม่มีปัญหาครับ” ลูกน้องของเธอตอบไป ในขณะเดียวกันนั้นเอง ชายใส่สูทคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาอาเรียน่าอย่างรวดเร็ว ตัวของอาเรียน่ารู้ว่าชายคนนั้นเป็นใคร ตัวของเธอควักเอาซองสีน้ำตาลซองหนึ่งออกมาจากกระเป๋าของเธอในทันที แล้วยื่นให้ชายคนนั้น

    “เอานี่ ส่วนของเดือนนี้” อาเรียน่าพูดขึ้น และชายคนนั้นก็รับซองมาอย่างรวดเร็ว

    “อืม เป็นพระคุณมากเลยครับ”

    “ช่วงนี้คุณมีข่าวอะไรน่าสนใจหรือเปล่าหล่ะ??” อาเรียน่าถามไป

    “อืม มันเป็นความลับราชการ จะให้ผมพูดได้ไงหล่ะ??” ชายคนนั้นถามไป

    “อืม ถ้าอย่างงั้น ฉันไปถามกับผู้พันเมอร์คอฟก็ได้” อาเรียน่าพูดขึ้น

    “เออๆๆๆๆ ก็ได้ๆ ช่วงนี้รัฐบาลกำลังกวาดล้างกลุ่มคนที่ต้องสงสัยว่าจะมีส่วนกับพวกชุมโจรหน้ากากทองหน่ะ ตอนนี้พวก Vipernox กำลังเคลื่อนไหวอยู่” ชายคนนั้นตอบแบบไม่เต็มใจนัก

    “อ้อ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ” อาเรียน่าตอบไป ก่อนที่ชายคนนั้นจะเดินออกจากสถานบันเทิงอย่างหัวเสีย ตัวของเธอรีบเดินหันหลังกลับไป ก่อนที่จะไปโทรศัพท์หาใครบางคน

    “สวัสดี คุณอดัม ฉันมีเรื่องจะคุยหน่อย…” 

     

    ณ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา มหาลัยซึ่งในตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยจะเป็นมหาลัยที่มีชีวิตชีวาเท่าไหร่ เนื่องจากเศรษฐกิจย่ำแย่ไปทั่วโลก ทำให้จำนวนนักศึกษามีน้อยลง มีแต่คนมีเงินที่เรียนได้ หญิงสาวในชุดลำลองคนหนึ่งกำลังนั่งฟังเพลงรวมถึงแชทคุยกับใครบางคนอยู่

    “เอาไว้ว่างๆเราไปเที่ยวกันนะ”

    “อืม ได้สิ ไว้เจอกันตอนไหนค่อยไปกัน” คู่สนทนาของเธอตอบกลับมา

    “ได้สิ ไว้เจอกันนะ อยากเจอนายเร็วๆจัง (อิโมจิหัวใจ)” หลังจากสนทนาจบ หญิงสาวนักศึกษาในชุดฮู้ดดำอีกคนก็รีบเดินมาหาหญิงสาวที่เพิ่งจะสนทนากับชายหนุ่มจบไป

    “เฮ้ ฮิคาริ!!”

    “อ้าว เอโลอีส เป็นยังไงบ้าง??”

    “อืม ก็ดีนะ เมื่อคืนงานเลี้ยงสนุกมากเลย” เอโลอีสตอบไป

    “เออนี่ ฉันว่าฉันจะไปเที่ยวกับแฟนฉันหน่อย ไม่นานนี้หล่ะ” ฮิคาริพูดขึ้น

    “งั้นเหรอ ก็ดีสิ ไปเที่ยวหน่อยก็ดีเหมือนกัน แฟนเธอมาอเมริกาด้วยเหรอ??”

    “เขามาเรียนต่อก่อนฉันอีก” ฮิคาริตอบไป ก่อนที่ในตอนนั้นเอง นักศึกษาคู่หนึ่งก็กำลังวางมวยกันอย่างดุเดือดต่อหน้าพวกเธอทั้งคู่

    “โว้ะ อะไรกันเนี่ย เอาอีกแล้วเหรอไอ้พวกนี้??” เอโลอีสถามไป

    “เฮ้อ นักศึกษายิ่งมีน้อยๆอยู๋ ยังจะมาตีกันเองอีก ช่างเถอะ เราไปหาอะไรกินดีกว่า” ฮิคาริพูดไป

    “ได้สิ วันนี้เธอเลี้ยงนะ” เอโลอีสตอบเธอไป

     

    ณ ท่อระบายน้ำใต้ดินแห่งหนึ่งในที่ไหนซักแห่งบนโลก ซึ่งมันไม่ได้เงียบเชียบแบบปกติทั่วไป แต่มีกลุ่มกองกำลังติดอาวุธกำลังยืนล้อมและเตรียมพร้อมดูโชว์อะไรบางอย่าง ก่อนที่จะมีเสียงตะโกนออกมา

    “ทุกคน วันนี้มีไอ้ขี้ข้านายทุน 2 ตัวที่เราจับมาได้ คนหนึ่งเป็นนายหน้าของนายทุนค้าไม้เถื่อนระดับโลก และมือขวาของเอเย่นต์ค้ายาซึ่งมีอิทธิพลมากในโลก วันนี้เราจะเปิดศึกล้างผลาญกันเลย!!”

    “เฮ้!!” เสียงเชียร์จากรอบๆดังขึ้น พร้อมกันนั้นชายติดอาวุธสองคนก็ลากชายใส่สูททั้งสองคนเข้าไปตรงกลาง จากนั้นก็มีการประกาศขึ้น

    “การต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีกติกา สู้จนกว่าจะตายไปข้าง ถ้าใครชนะจะถูกปล่อยไป แต่ถ้าพวกแกไม่ยอมสู้ เราจะทรมานพวกแกทั้งสองคนจนกว่าจะยอมสู้!!” เสียงประกาศดังขึ้นต่อ

    “ระยำเอ้ย มึงรู้หรือเปล่ากูเป็นใคร??” ชายใส่สูทคนหนึ่งตะโกนถามไป แต่สิ่งที่เขาได้กลับมาคือมีคนเขวี้ยงขวดน้ำเข้าหน้าหมอนั่นไป ก่อนที่ไม่นานนัก อาวุธมากมายทั้งมีดดาบและของมีคมหลายชนิดก็ถูกทิ้งลงมาที่กลางเวที

    “นี่คืออาวุธของพวกแก ใช้อะไรก็ได้สู้กัน!!” เสียงประกาศดังขึ้น ในระหว่างที่การเชียร์การต่อสู้ยังดำเนินไป ในตอนนั้นชายใส่สูทคนหนึ่งก็เดินเข้าไปในบริเวณการต่อสู้นั้นด้วย ผู้ประกาศเองก็เดินไปหาชายคนนั้นในทันที

    “อ้าว คุณเคย์โอะ

    “อืม คนของเราพร้อมแล้วเหรอกับงานต่อไป??” ชายที่ชื่อเคย์โอะถามไป
    “แน่นอนครับ คนของเราพร้อมรบอยู่ตลอดครับตอนนี้” 

    “โอเค ฉันขอดูด้วยแล้วกันนะ” เคย์โอะพูดขึ้น

    “ได้ครับ เฮ้ย ไปเอาเก้าอี้มาให้คุณเคย์โอะหน่อย!!” ผู้ประกาศพูดขึ้น ก่อนที่จะมีคนเคาะระฆังเพื่อเป็นสัญญาณเริ่มการต่อสู้

     

    ตกเย็น ที่บาร์แห่งหนึ่งในเขตย่านเสื่อมโทรม เหล่านักดื่มทั้งขาประจำและขาจรเดินทางมาที่นี่เพื่อนั่งดื่ม บ้างก็มานั่งเสี่ยงดวงกับพวกลูกค้าขาจร ที่แต่ละโต๊ะ ต่างคนก็ต่างนั่งดื่ม ในขณะเดียวกันนั้นตำเอง ตำรวจสามคนก็เดินเข้าไปข้างในบาร์ ในขณะที่ทุกคนก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไร

    “เฮ้ย เจ้าของร้านอยู่ไหนวะ??”

    ในตอนนั้นทุกคนต่างมองตำรวจพวกนั้นด้วยสายตาเดียว แต่ดูเหมือนว่าพวกตำรวจจะไม่ยี่หร่าอะไร พวกนั้นเดินเข้ามาที่เคาน์เตอร์บาร์อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะทุบโต๊ะ

    “เฮ้ย เจ้าของร้านอยู่ไหน ได้เวลาจ่ายเงินแล้ว!!” ตำรวจคนหนึ่งตะโกนออกมา พวกคนในบาร์เองก็ถึงกับมองไปยังตำรวจพวกนั้น ทำเอาตำรวจคนหนึ่งถึงกับชักปืนออกมา

    “เฮ้ย พวกมึงอ่ะ มองอะไรกันวะ วางเงินไว้ที่โต๊ะกันด้วย พวกมึงเข้าร้านผิดกฎหมาย พวกมึงก็มีความผิดด้วย แล้วอีกอย่าง เรามาตามหาคนคนหนึ่ง มันชื่อโกสต์ พวกแกรู้จักหรือเปล่า??” 

    “ตอนนี้พวกกูล้อมร้านไว้หมดแล้ว ถ้าใครอยากรอดออกจากร้าน วางเงินไว้ แล้วเอาตัวไอ้โกสต์ออกมาด้วย!!” ตำรวจอีกคนตะโกนออกมา คนในบาร์ส่วนหนึ่งรู้สึกรำคาญเลยเดินออกไป แต่ในตอนนั้น

    “ปัง!!”

    “มึงจะออกไปไหน ห่ะ??” ตำรวจคนเดิมพูดขึ้นหลังจากที่ยิงชายคนหนึ่งที่กำลังจะหนีออกไปจากบาร์ เหมือนกับว่าตอนนี้ในร้านกำลังย่ำแย่ แต่ในตอนนั้น

    “ตุ๊บ!!”

    “เอ้ย หมอนี่โดนยิงนี่ เรียกรถพยาบาลสิครับ!!” ชายหนุ่มคนหนึ่งนามว่าเน็ตโต้ตะโกนออกมาจากด้านหน้าร้าน พลางมองไปยังชายคนหนึ่งที่เพิ่งจะโดนยิงร่วงไป 

    “ปัง!!” ตำรวจคนหนึ่งยิงเน็ตโต้ แต่ดูเหมือนว่าเน็ตโต้จะหลบกระสุนได้ จากนั้นเน็ตโต้ก็หายไปอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ย มันหายไปไหนวะ??” ตำรวจคนหนึ่งถามไป พวกนั้นเล็งปืนไปรอบร้าน พร้อมกันนั้นก็เล็งปืนไปที่ชายใส่แว่นคนหนึ่งที่กำลังนั่งนิ่งอยู่บนโต๊ะ

    “เฮ้ย ไอ้แว่น มันอยู่ไหนวะ??” ตำรวจคนนั้นถามไป แต่ไม่นานนัก เน็ตโต้ก็โผล่ออกมาอยู่ตรงหน้าตำรวจ ก่อนที่จะไปจับปืนของเขา

    “เฮ้ย ปล่อยนะเว้ย!!” ตำรวจตะโกนออกมาแต่ชายคนนั้นไม่ปล่อย ตำรวจอีกสองคนจะยิงชายคนนั้น แต่มีดปริศนาและกระสุนปริศนาก็พุ่งเข้าใส่ตำรวจสองคน เน็ตโต้ดึงปืนตำรวจมาจากนั้นก็ถีบเข้าที่ยอดอกตำรวจ ก่อนที่จะถีบเข้าหน้าของตำรวจคนนั้นจนแน่นิ่งไป

    “เฮ้อ ไถเงินกันแต่หัววันเลยนะ คุณตำรวจ” เน็ตโต้พูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก หญิงสาวในชุดขาวคนนั้นก็ลุกขึ้นจากโต๊ะของเธอ จากนั้นก็มาดึงมีดออกจากร่างของตำรวจคนนั้น

    “นี่มีดคุณเหรอ โห คุณนี่โคตรเก่งเลย!!” เน็ตโต้พูดอย่างตื่นเต้น และไม่นานนัก ชายใส่แว่นที่เขาช่วยไว้ก็ลุกขึ้นมาด้วย และเดินมาหาเน็ตโต้

    “ขอบใจมากนะที่ช่วยฉัน”

    “เฮ้ย ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้สิวๆ ว่าแต่ทุกคนปลอดภัยกันดีนะ ตำรวจที่นี่ไม่ค่อยจะเป็นมิตรเท่าไหร่เลย??” เน็ตโต้ถามไป และในตอนนั้น ชายร่างกำยำคนหนึ่งที่ถือปืนมาด้วยก็ลุกขึ้นจากโต๊ะ ก่อนที่จะเดินมาหาเน็ตโต้

    “ฉันเสียกระสุนไปนัดนึงเลย”

    “เอาเถอะ ถึงยังไงพวกเราก็รอดมาแล้ว” เน็ตโต้พูดขึ้น 

    “เฮ้อ ดูเหมือนตำรวจเมืองนี้จะโคตรชั่วเลยนะเนี่ย” หญิงสาวผมบลอนด์หน้าตาสะสวยพูดขึ้น

    “นั่นสิ จะมานั่งดื่มเงียบๆหน่อยก็ไม่ได้” หญิงสาวผมเขียวหน้าสวยและหน้าอกหน้าใจโตคนหนึ่งพูดเสริม

    “เฮ้อ ตายๆไปบ้างก็ดีไอ้พวกนี้” เด็กสาวในชุดฮู้ดดำคนหนึ่งพูดขึ้น

    “นี่เธอ อายุเท่าไหร่เนี่ย มาดื่มได้แล้วเหรอ??” สาวเสียงใหญ่คนหนึ่งพูดกับเด็กสาวคนนั้น ทำเอาชายหนุ่มผมขาวถึงกับตกใจ

    “อ้าวเจ๊ เป็นกะเทยเหรอเนี่ย เข้าใจผิดตั้งนาน??” 

    “เดี๋ยวนี้เขาเรียกทรานกันแล้ว นายนี่ทันโลกหน่อยสิ” หญิงสาวผมบลอนด์ยาวอีกคนพูดปรามชายคนนั้น

    “เอาเถอะ เลิกมาแขวะกันเองก่อนดีกว่า ก่อนอื่นเราจะรอดจากพวกตำรวจพวกนั้นได้ไง??” หญิงสาวชุดดำใส่หมวกในร้านถามไป

    “นั่นสินะ ตอนนี้เราต้องรีบหนีกันก่อนดีกว่า” หญิงสาวผมขาวคนนั้นพูดขึ้น ก่อนที่จะเช็ดมีดที่เธอปาใส่ตำรวจจนนอนแน่นิ่งไป และในขณะเดียวกัน ดันมีตำรวจคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านพอดี

    “เฮ้ย พวกมึง รีบกลับกัน..” หมอนั่นยังพูดไม่ทันจบ พวกเขาก็เห็นร่างของพรรคพวกกำลังนอนแน่นิ่ง ชายร่างกำยำคนนั้นยิงปืนใส่ตำรวจ แต่ตำรวจคนนั้นก็หลบทัน ก่อนที่จะไปหลบอยู่หลังกำแพงร้าน

    “เวรเอ้ย ขอกำลังเสริมด่วน มีตำรวจถูกยิง!!”

    “ตายโหง พวกมันมาแน่!!” เน็ตโต้พูดขึ้น ในตอนนั้นเองชายผมสั้นขาวและหญิงสาวผมบลอนด์ยาวก็รีบวิ่งออกไปทางด้านหน้าต่างของบาร์อย่างรวดเร็ว

    “รีบไปเร็ว!!” เน็ตโต้พูดขึ้น ก่อนที่พวกเขาแทบจะทุกคนในร้านก็รีบวิ่งออกไปทางหลังร้าน ในขณะที่ตำรวจบางส่วนก็ไล่ตามพวกเขามา พวกนั้นวิ่งหนีไปเรื่อยๆ เน็ตโต้เองก็หันไปยิงสกัดตำรวจพวกนั้น และในตอนนั้น จู่ๆ รถสองคันก็มาจอดที่หน้าของพวกเขา ซึ่งคนขับก็คือชายหญิงสองคนที่เพิ่งจะหนีออกจากร้านไป

    “เฮ้ย ขึ้นมาเร็ว ถ้าไม่อยากตาย!!” ชายผมสั้นพูดขึ้น ก่อนที่ทุกคนจะรีบแบ่งกันไปขึ้นรถเพื่อหลบหนี ชายร่างกำยำที่ตามมาด้วยก็หยิบเอาระเบิดลูกหนึ่งออกมา จากนั้นก็ขว้างใส่ตำรวจเพื่อสกัดพวกนั้นไว้

    “ตู้ม!!” เสียงระเบิดดังไปทั่ว และเมื่อพวกเขาทุกคนขึ้นรถกันหมด รถทั้งสองคันก็รีบบึ้งออกจากพื้นที่อย่างรวดเร็ว 

     

    ไม่นานนัก รถทั้งสองคันก็ขับมาที่หน้าโกดังแห่งหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นโกดังร้าง จากนั้นทุกคนก็ลงจากรถอย่างรวดเร็ว ก่อนที่พวกเขาทุกคนจะมาคุยกัน

    “เฮ้ย นายหน่ะ ทำไมถึงมาที่นี่หล่ะ??” หญิงสาวคนหนึ่งหันไปถามเน็ตโต้

    “ที่นี่ปลอดภัย พวกนายไม่ต้องห่วง ตำรวจมันตามพวกนายมาไม่ได้หรอก ว่าแต่พวกนายชื่ออะไรกันบ้างหล่ะ??” เน็ตโต้ถามทุกคนไป และไม่นานนัก ทุกคนก็บอกชื่อตัวเองกับเน็ตโต้กันทุกคน 

    “โอเค ยินดีที่ได้รู้จักนะ ที่บาร์นั่นพวกตำรวจมันก็ทำแบบนี้ประจำนั่นแหละ” เน็ตโต้บอกกับทุกคนไป

    “เฮ้อ แต่ก็ขอบใจนะที่นายช่วยเราไว้หน่ะ” ลีโอน่าพูดขึ้น

    “ตอนนี้เราฆ่าตำรวจไปแล้ว พวกมันคงตามล่าเราแน่” อาร์เทมพูดขึ้น

    “เอาเถอะ โลกนี้ตำรวจมันไม่มีอยู่แล้วหล่ะ” แคทเทอรีนพูดขึ้น

    “แต่ก็ขอบใจนายมากๆเลยนะพวกที่นายช่วยฉัน ดูเหมือนว่าไอ้พวกระยำนั่นมันจะจ้างตำรวจมาตามล่าฉัน” โกสต์พูดขึ้น

    “เอาเถอะ ตอนนี้ฉันเองก็มางานงานหนึ่งต้องทำเหมือนกัน ฉันจะออกปล้นหน่ะ คราวนี้จะปล้นธนาคารเลย” เน็ตโต้พูดอย่างแน่วแน่

    “โห นายคนเดียวเนี่ยนะ??” ฮาสน่าถามไป

    “นั่นดิ แล้วเรื่องทางหนีทีไล่นี่นายจะว่ายังไง??” เคทาโร่ถามไป

    “ใช่ ไหนจะอุปกรณ์ในการปล้นอีก” เจ๋การณ์พูดเสริม

    “คือว่า งานนี้ฉันเตรียมการไว้เป็นเดือนแล้วหล่ะ” เน็ตโต้พูดขึ้น

    “นี่นาย คนอื่นเตรียมการมาเป็นปียังล้มเหลวเลยนะ??” เคทพูดขึ้น 

    “นั่นสิ นายจะเอาปืนพกกระบอกเดียวไปปล้นธนาคารเนี่ยนะ เอาอะไรคิดเนี่ย??” มารินะถามไป

    “นี่ ฉันไม่อยากติดคุกร่วมด้วยกับนายหรอกนะ” คาซึฮะพูดขึ้น

    “ใจเย็นทุกคน อย่าเพิ่งคิดไปถึงขั้นนั้นเลย เอาเป็นว่า เราเข้าไปพักข้างในก่อนเถอะ” เน็ตโต้พูดขึ้น

    “ก็ดี ตอนนี้ตำรวจมันคงกำลังตามล่าเราอยู่แน่ๆ” อีสครินน่าพูดขึ้น ก่อนที่ไม่นานนัก ทุกคนจะพากันเข้าไปในโกดังก่อนเพื่อหลบกลุ่มตำรวจที่ออกลาดตระเวนตามล่าพวกเขา

    ===============================================================

    การรวมตัวและการปล้นครั้งแรกของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×